วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ยินดีด้วยครับกับน้อง Xorce แต่งได้ดีมากๆครับ อนุโมทนากับจิตอันเป็นกุศลยิ่งของน้อง Xorce

    การตั้งบริษัทขึ้นมาต้องคิดอยู่เสมอว่าบริษัทนี้เปรียบเสมือนเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับตัวเรา คือบริษัทต้องปฏิบัติตนเป็นบริษัทที่ดีมีศีลมีธรรมมีการทำบุญทำกุศลเป็นกิจวัตรปกติก็จะทำให้บริษัทนี้เจริญรุ่งเรืองไปตลอดถึงคราวที่ต้องเจอวิกฤตก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลือตลอดนี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับบริษัทหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน อยุธยาครับ เพราะ MD ของบริษัทนี้เป็นนักปฏิบัติธรรมระดับเซียนที่เดียวครับ
     
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อธรรมมะได้ผุดตื่นจากภายใน เจริญงอกงามขึ้นในดวงจิตที่เป็นกุศลย่อมยังคุณประโยชน์ต่อส่วนรวมได้มาก ผู้ทรงธรรมก็ย่อมสัมผัสได้และสรรเสริญครับ

    ขอโมทนากับน้องXorce ด้วยครับ ต่อไปโครงการเผยแพร่ธรรมมะและจริยธรรมในหมู่วัยรุ่นก็จะเริ่มดำเนินไปได้ครับ

    อยากให้พวกเราส่งเสริมเด็กรุ่นใหม่ที่มีจิตใจดีงามให้ สร้างบารมีความดีให้ยิ่งขึ้นไปครับ จะได้เกิดค่านิยมใหม่ในสังคมครับ
     
  3. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top width="16%" rowSpan=2>ลุง. ศ Full Member
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG] ออฟไลน์

    กระทู้: 237



    </TD><TD vAlign=top width="85%" height="100%"><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center>[​IMG]</TD><TD vAlign=center>เครื่องพิสูจน์นักบุญ : โดย ลพ. ฤาษีโพธิวัตร (เพื่อนของหลวงพ่อที่อยู่ในป่า)
    « เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2007, 11:04:59 pm »
    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" vAlign=bottom align=right height=20>[​IMG]อ้างถึง </TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>- ผู้เขียนขอนำข้อความ "บทพิสูจน์นักบุญ" ของ "หลวงพ่อฤาษีโพธิวัตร" ที่หาอ่านได้ยากสำหรับพวกเราในสมัยนี้

    - พวกเราได้ทราบมาแล้วว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านมีเพื่อนที่เคยบวชพร้อมกัน ซึ่งอยู่ในป่าอีก ๒ องค์ คือ หลวงพ่อฤาษีโพธิวัตร และหลวงพ่อฤาษีพนมไพร เป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่งที่ผู้เขียนบังเอิญได้พบหนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่ง เป็นหนังสือที่หลวงพ่อได้พิมพ์แจกในงานทอดกฐิน ณ วัดสะพาน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙ จึงขอคัดลอกข้อความทั้งหมดมาให้อ่านดังนี้

    "บทพิสูจน์นักบุญ" ของ ท่านฤาษีโพธิวัตร กลางดงดิบ จังหวัดกาญจนบุรี

    ๑. เมื่อพบกันระยะแรกจงย่อตัวลง (คือถ่อมปฏิปทาที่ทรงอยู่นั้น) พยายามยกย่องสรรเสริญท่านด้วยถ้อยคำสัมโมทนียคาถา คือชมเชยในปฏิปทาของท่าน แล้วคอยสังเกตุดูว่า ท่านผู้นั้นจะพอใจในคำสรรเสริญเยินยอนั้นหรือไม่ ถ้าเห็นว่าท่านผู้นั้นพอใจในคำสรรเสริญเยินยอนั้นจนออกนอกหน้า ควรวงเล็บไว้พลางก่อนว่า หมอนี่ ... น่าจะดีไม่แท้ เพราะยังติดอยู่ในสรรเสริญที่เป็นโลกธรรม เป็นมนุษย์บ้ายอคบยาก

    ๒. เพื่อความแน่ใจในปฏิปทาที่แท้จริง ในบางโอกาสควรหาทางตักเตือนโดยธรรม ควรตักเตือนบ่อยๆ เพื่อให้มองเห็นโทสะของตนเอง ควรใช้ลีลาในการตักเตือนทั้งแบบขู่และปลอบ ถ้าเป็นคนดีมีใจเป็นนักบุญจริง จะยอมรับการตักเตือนทุกระยะ แต่ถ้าเป็นนักบุญจอมปลอมแล้ว ไม่ช้าก็จะแสดงความไม่พอใจให้ปรากฏ เท่านี้ก็พอจะเห็นเขี้ยวชาติภูมิได้บ้างเฉพาะบางราย

    ๓. ถ้าแบบตักเตือนเค้นเอาความจริงไม่ได้ ต่อไปควรขยายปฏิปทาตามความสามารถที่มีอยู่ขึ้น เอาเพียงชั้นที่เห็นว่าพอจะไล่เลี่ยกันออกมาใช้ จงสังเกตุความพอใจและปฎิกิริยาที่แสดงออกของเขา หากเขาดีจริงก็ไม่ปรากฏปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น ถ้าความเลวสิงใจ แต่เก็บซ่อนไว้ด้วยกลมายาแล้ว เขาจะเริ่มการมึนชา หรือมีการซึมเซาให้ปรากฏ ควรสังเกตุไว้

    ๔. เมื่อเห็นว่าดีอยู่หรือซึมเซาไปก็ตาม เพื่อเค้นเอาความแน่ชัดให้แจ่มแจ้ง ควรขยับขยายปฏิปทาที่เหนือกว่าออกมาใช้ให้เห็นชัด

    ... ๔.๑. หากท่านผู้นั้น แสดงความยินดีด้วยความจริงใจ พลอยโมทนาและสนับสนุนด้วยใจจริง และเสม่ำเสมอแล้ว ก็ควรวันทนาการได้ด้วยความเคารพ เพราะแม้ว่าจะมีอายุกาลผ่านวัยน้อยกว่า หรือมีคุณธรรมบางประการหย่อนกว่าก็ตาม แต่ท่านผู้นั้นก็มี "พรหมวิหาร" ควรแก่การบูชา

    ...๔.๒. หากท่านผู้นั้นเป็นนักบญจอมปลอม เมื่อโดนไม้หลังเข้าอย่างนั้น เท่าที่เคยพิสูจน์มา ไม่ช้าเขี้ยวก็งอกออกนอกปาก สำรากถ้อยคำที่ไม่เป็นธรรมออกมาให้ปรากฏ กล่าววาจา เสียดสี ถากถาง ด้วยถ้อยคำที่เป็นเดรัจฉานคาถา กระทบกระแทกแดกดัน เปรียบเปรยนานาประการ บางโอกาสเป็นศิษย์เคยเรียนอรรถธรรม เคยได้รับการช่วยเหลือมา ก็ลืมความดีของเราผู้มีคุณเสียสิ้น แสดงความอกตัญญูให้ปรากฏ เป็นการขยายความเลวทรามออกมาให้ปรากฏชัด

    - ตามแนวที่นำมาเล่าไว้นี้ เคยพิสูจน์นักพรตผู้วิเศษมาหลายสิบรายแล้ว ที่ท่านดีจริงแล้วก็เอาอะไรท่านไม่ได้เลย แต่ที่เป็นพวกจอมปลอมแล้วไม่เกิน ๒ พ.ศ. เขี้ยวก็จะงอกออกนอกปาก แสดงความเป็น "อบายบุคคล" ให้ปรากฏชัด

    ฤาษีโพธิวัตร

    (คัดลอกจากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๑ หน้า ๒๕ -๒๖)

    หมายเหตุ : อันนี้เราสามารถปรับใช้ทั้งในที่ทำงาน ในกิจวัตรประจำวันได้ดีมากครับ ส่วนตัว ลุง.ศ คิดว่าใช้ได้ทั้งทางโลก และทางธรรม ครับอยู่ที่ ศิลปศาสตร์ ของแต่ละคนครับ
    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=smalltext id=modified_17175 vAlign=bottom>« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 27, 2007, 11:26:44 am โดย ลุง. ศ » </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. พุทธโกมุท

    พุทธโกมุท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +2,807
    สาธุ มีความตั้งใจจนในที่สุดสำเร็จเป็นรูปธรรมครับ โมทนาด้วยครับ
     
  5. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ขอเป็นกำลังใจให้น้องชัดและพี่ๆทุกคนครับ ผมเองก็พยามอยู่ครับ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ผมจะปฏิบัติได้ดีและลงตัวสักที แต่ไม่ย้อท้อครับ สู้ๆคับพี่น้อง
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ดอกผลความดีงามแห่งจิตใจที่พวกเราทุกๆคนร่วมกันเพาะบ่ม ก็ค่อยๆปรากฏผลออกมาสู่สังคมทีละน้อยๆ ครับ

    หากพวกเราทุกๆคนเข้าใจในความสำคัญของงานที่ทำอยู่นี้ และช่วยกัน จุดประกายธรรม ปลุกตื่นความดีงามจากภายในดวงจิตของคนทั่วไปในสังคมได้ ไม่ช้าสังคมแห่งสันติสุขก็จะก่อบังเกิดเป็นความจริงขึ้นมาครับ

    เราให้ความดีกับเขา ให้เขาเหล่านั้นได้รู้จักกับจิตใจที่ดีงามของตนเอง และให้ความดีงามนั้นเป็นเข็มทิศนำทางไปสู่เส้นทางแห่งธรรม เส้นทางแห่งความดีของตนเอง

    หากเราตั้งใจว่า อย่างน้อยที่สุดเราจะช่วยให้คนได้เข้าถึงความดีแบบนี้ได้อย่างน้อยที่สุด 10 คน และสอนให้เขาทำและคิด และให้ธรรมมะกับคนอื่นต่อๆไปด้วย ไม่ช้าพอถึงรุ่นที่ 20 (จำนวนขั้นต่ำ 10 ยกกำลัง20) ก็จะมีคนดี มีธรรมมะจำนวนมหาศาลเกิดขึ้นสู่สังคมครับ

    สิ่งนี้คือเหตุหนึ่งที่จะก่อให้เกิด ดินแดนแห่งสัมมาทิษฐิในสุวรรณภูมิแห่งนี้ วันที่พระพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองอีกครั้งคล้ายสมัยพุทธกาล มากด้วย พระอริยเจ้า พระสุปฏิปันโนและพระโพธิสัตว์

    ดังนั้นภาระกิจนี้ใหญ่หลวงนัก และขณะเดียวกันก็ก่อให้เหตุอานิสงค์แห่งกุศลอย่างมหาศาลต่อมวลสรรพสัตว์ทั้งปวง

    เมื่อมั่นใจและมั่นคงในมหาปณิธานแล้วก็พึง ทำด้วยจิตที่เมตตาและปิติอิ่มเอมใจในมหากุศลที่เราพึงมีต่อสรรพสัตว์ในยามกลียุคนี้ด้วย เทอญ
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    วิธีปฏิบัติให้เกิดพลังสมาธิ


    ในการปฏิบัติสมาธิจะพบว่าสิ่งที่จะต้องนึกให้เห็นมี 3 ส่วนด้วยกันคือส่วนที่เรียกว่าจิตใจและปัญญาดังจะอธิบายต่อไปนี้


    ส่วนแรกคือ จิต จิตได้รับพลังจากธาตุละเอียดเป็นส่วนที่เล็กที่สุดตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางกายเป็นที่รวมของต้นธาตุต้นธรรม
    รวมทั้งอิทธิฤทธิ์บุญฤทธิ์และปัญญาของสรรพสิ่งที่มีชีวิตในโลกรวมทั้งวิญญาณต่างๆ เปรียบเสมือนนิวเคลียสของเซลล์มีกายสิทธิ์เป็นผู้เลี้ยงอยู่มนุษย์เราทุกคนจึงมีส่วนนี้อยู่ในกาย
    แต่จะเข้มแข็งขึ้นได้ด้วยการปฏิบัติสมาธิเท่านั้นก็จะเรียกส่วนนี้ว่า“พลังจิต”
    พลังจิตสามารถกำจัดเหตุร้ายต่างๆรวมทั้งกรรมเก่าหรือทำให้เรื่องร้ายกลายเป็นดีได้
    รวมทั้งสามารถเข้าไปปรับปรุงธาตุธรรมเดิมที่กำกับดูแลความสมดุลของธาตุดินน้ำลมไฟในร่างกาย
    ทำให้มนุษย์มีความสมบูรณ์ทั้งทางสมองและร่างกาย




    จิตที่มีพลังได้รับแรงหนุนจากธาตุละเอียดจึงเปรียบเสมือนขุนคลังซึ่งเจ้าของจะสามารถใช้ประโยชน์ได้
    โดยไม่รู้จักหมดทั้งๆที่ขนาดของจิตจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงและขยายแม้เมื่อมีพลังมากที่สุดก็ตาม




    ส่วนที่ 2 คือ ใจ หากถือว่าจิตเป็นส่วนของธาตุละเอียดใจคือส่วนที่เป็นของธาตุหยาบโดยใจนั้นยังครอบครองจิตอยู่จิตกับใจ
    มักจะไปด้วยกันจิตไม่สามารถเข้มแข็งหรือมีพลังได้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องอาศัยใจเป็นเครื่องเหนี่ยวนำในทางกลับกันเมื่อจิตมีพลังแล้วพลังจิตจะช่วยให้ทำอะไรได้ดังใจปรารถนา
    ในทางธรรมส่วนของใจหรือร่างกายมนุษย์นี้มีกายสิทธิ์เป็นผู้เลี้ยงอยู่ไม่ให้เกิดทุกข์และเห็นผิดเป็นชอบใจ
    จึงจะสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดการปฏิบัติเพื่อให้เกิดพลังจิตได้



    กายวิญญาณธาตุหยาบที่อยู่นอกกายมนุษย์มีกายสิทธิ์ดูแลอยู่ทำให้เกิดปัญญาแล้วกลายเป็นบุญอำนาจบารม
    ีขยายออกไปจากกายมนุษย์ หากไม่มีพลังจากธาตุละเอียดกายวิญญาณธาตุหยาบส่วนนี้จะไม่มีพลังใดๆเลย แต่เมื่อปฏิบัติได้ถูกทางกายวิญญาณธาตุหยาบส่วนนี้จะกลายเป็นอำนาจบารมีขยายออกไปในลักษณะที่ยิ่งขยาย
    ก็ยิ่งละเอียดขึ้นกลายเป็นวงกลมห่อหุ้มกายมนุษย์และจิตไว้อีกชั้นหนึ่งเป็นส่วนที่ป้องกันทั้งจิตและใจไว้ไม่ให้
    อวิชชาศัตรูและเหตุร้ายมาแผ้วพานผู้ปฏิบัติหรือเปลี่ยนให้เหตุร้ายกลายเป็นดีได้




    ผู้ที่สามารถปฏิบัติสมาธิจนพลังจิตเข้มแข็งมีธาตุละเอียดที่ละเอียดจนเปล่งอำนาจบารมีให้
    กายวิญญาณธาตุหยาบขยายออกไปได้กว้างเท่าใดก็เปรียบเสมือนได้ต่อสู้กับมารเป็นลำดับชั้นไป และจะทำให้ผู้ปฏิบัติมีบารมีสูงขึ้นเป็นลำดับ
    และเมื่อปฏิบัติสมาธิจนแก่กล้าแล้วในขั้นต่อไปให้ลองทดสอบ“การดับหยาบไปหาละเอียด”
    ด้วยการเอาใจหรือธาตุหยาบเข้าไปอยู่ในพลังจิตโดยที่พลังจิตยังมีขนาดเท่าเดิม ณ จุดนี้จะพบว่าส่วนของวิญญาณธาตุหยาบมีขนาดใหญ่มาก ในทำนองเดียวกันก็เอาธาตุหยาบเข้าไปอยู่ในจุดศูนย์กลางของวิญญาณธาตุหยาบเช่นกันเข้า
    ทำนองว่าเข้าไปถึงจุดที่สุดหยาบสุดละเอียดสลับกันไปผู้ที่ทำได้เช่นนี้นับว่าเป็นผู้ที่ปฏิบัติได้สูง

    <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE -->
    http://www.agalico.com/board/
     
  8. zetaboo

    zetaboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +503
    การเจริญสติ ภาวนาและการเพียรปฏิบัติธรรม อาจจะช่วยให้พวกเราผ่านพ้นภัยพิบัติไปได้ครับ
     
  9. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    วันนี้ได้ไปกราบพระบรมสารีริกธาตุที่เมืองโบราณก็ได้กราบขอพรและ

    พลังพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ขอให้คุ้มครองประเทศ

    ไทยพ้นจากภัยพิบัติขอให้จากหนักกลายเป็นเบา โดยเฉพาะแถวบริเวณ

    ชายฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน และขอให้ทุกคนทั้งประเทศเปลี่ยนจิตจาก

    มิจฉาทิษฐิกลับเข้าสู่สัมมาทิษฐิ และถือศีลห้า ปฏิบัติธรรมมีความเมตตา

    ความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน และร่วมกันทำความดียิ่งๆขึ้นไปค่ะ
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีเรื่องหนึ่งอันเป็นเรื่องสำคัญของพระพุทธศาสนาครับ

    ต้องขอย้อนกลับมาแจงให้เห็นภาพรวม ของการปฏิบัติธรรมอันท้ายสุดก็มาบรรจบกันที่การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดคือพระนิพพานครับ

    เริ่มจากการอธิฐานในการตั้งความปรารถนา ของแต่ละท่านก็ต่างกันออกไปตามบารมีหรือกำลังใจของแต่ละบุคคล

    กลุ่มแรกคือ "พุทธภูมิ" อันได้แก่ท่านผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลเบื้องหน้า อันมีความรู้คลุมทั้งหมดเป็นสัพพพัญญูญาณ มุ่งสงเคราะห์รื้อขนสัตว์โลกเข้าสู่พระนิพพาน

    รวมไปถึง พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เองแต่ไม่สอนสาวกแต่อย่างไรในการเข้าถึงพระนิพพาน

    ส่วนอีกกลุ่ม ได้แก่ "สาวกภูมิ" อันมีวิสัยทางด้านการปฏิบัติ แยกออกไปเป็น

    - สุกขวิปัสโก ได้ณานสี่แต่ไม่ปรากฏความเป็นทิพย์ ไม่เห็นสวรรค์นรก พรหม นิพพานแต่อย่างไร แต่ทรงความเป็นสัมมาทิษฐิเชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด

    -เตวิชโช หรือวิชชาสาม มีความเป็นทิพย์ของจิต เห็นสวรรค์ นรก พรหม นิพพานได้ แต่ไม่สามารถนำกายเนื้อไปได้ เมื่อได้รู้เห็นแล้วด้วยความเป็นทิพย์ของจิตจึงยิ่งมั่นคงในคำสอนของพระศาสดาเลิกสงสัยในการเวียนว่ายตายเกิด

    -ฉฬภิญโญ หรือวิชชาหก แสดงฤทธิ์ ได้ ไปสวรรค์นรก พรหม นิพานด้วยกายเนื้อได้ แสดงอิทธิวิธีได้ เมื่อทำได้ก็ยิ่งมีความมั่นคงในคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านยิ่งไปอีกเพราะได้พิสูจน์ ระลึกรู้ได้ด้วยตนเองแล้ว

    -ปฏิสัมภิทัปปัตโต หรือปฏิสัมภิทาญาณ นั้น ท่านสามารถ


    ทรงพระไตรปิฏกได้หมดทุกเล่ม

    รู้ภาษาทุกภาษาแม้ภาษาของสัตว์ทุกชนิด (รวมทั้งจากดาวอื่นด้วย)

    แสดงอิทธิวิธีได้ครอบคลุมทั้งหมด(แต่ท่านจะแสดงหรือไม่เท่านั้น)

    มีความแตกฉานในธรรม อธิบายข้อธรรมที่ยากให้กลายเป็นง่าย และอธิบายธรรมที่ง่ายให้แตกฝอยละเอียดพิสดาร ได้


    เมื่อทราบวิสัยในการบรรลุธรรมประเภทต่างๆในพระพุทธศาสนาแล้ว

    จะเห็นว่า มีประเภทเดียวเท่านั้น ที่ท่านไม่มีฤทธิ์ ปาฏิหาริย์แต่อย่างไรนันคือสุกขวิปัสโก ซึ่งท่านมีอภิญญาสูงสุดอย่างเดียวก็คือ การตัดกิเลสเป็นสมุทเฉทประหาร

    ส่วนที่เหลือทุกประเภทนับแต่พุทธภูมิ ไล่ไปยังสาวกภูมินับแต่ วิชชาสาม อภิญญาหก และปฏิสัมภิทาญาณท่านล้วนแล้วแต่ต้อง อยู่ในวิสัยที่ได้ฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ อภิญญาด้วยกันทั้งสิ้น


    ดังนั้น ร่มโพธิ์ใหญ่แห่งพระพุทธศาสนา อันแผ่ไพศาลให้ร่มเงา แก่มวลสรรพสัตว์น้อยใหญ่ นับหาที่สุดที่ประมาณมิได้นั้น มีกิ่งใหญ่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นสอง อีกฝั่งแตกออกเป็น สี่แขนง

    มีผู้คล้ายหวังดี บอกว่าต้องการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และลงมือโค่นกิ่งกิ่งใหญ่ออก ไปเสียฝั่งหนึ่ง ตัดทำลาย กิ่งแขนงอีกสามกิ่งทิ้งเสีย

    เหลือเป็นกิ่งเล็กๆจากโพธิ์ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขามากมาย


    ขอให้เราพิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรมว่า สิ่งที่ทำลงไป จะด้วยหวังดี ก็ตาม หรือคล้ายหวังดีก็ตาม แต่ผลที่ปรากฏ เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา หรือเป็นการทำลายพระพุทธศาสนากันแน่


    เมื่อพิจารณาได้แล้วขอให้เราทุกคนพึง เปิดใจของเราให้กว้างยอมรับวิสัยในการปฏิบัติธรรมของท่านผู้อื่นเอาไว้ตราบที่ท่านเหล่านั้นดำเนินอยู่ในสัมมาทิษฐิ ท่านจะปรารถนาพุทธภูมิก็ดี ปรารถนาสาวกภูมิก็ดี ปรารถนาในอภิญญาก็ดี ปรารถนาในปฏิสัมภิทาญาณก็ดี ก็ขอให้เราโมทนากับความดีของท่านทั้งหลายมุ่งส่งเสริมให้ท่านได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในที่สุด

    การไปตัดรอน ทำลายกำลังใจ การไปขัดขวาง การบำเพ็ญบารมีความดีของท่านเหล่านั้น เป็นกรรมฝ่ายมิจฉาทิษฐิ ที่ท้ายสุดก็จะย้อนมาส่งผลตัดรอนความก้าวหน้าในการปฏิบัติของตนเองไปอย่างน่าเสียดาย

    ขอความปรารถนาในพระนิพพานของท่านทั้งหลายอันตั้งจิตไว้ชอบแล้วไม่ว่าจะในวิสัยใดขอจงสำเร็จโดยฉับพลันตั้งกำลังใจมั่นไว้ตลอดไปไม่แปรเปลี่ยนหรือหวั่นไหวด้วยเทอญ..สาธุ
     
  11. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ช่วงนี้รู้สึกว่าสมาธิถดถอยลง รึเปล่าไม่แน่ใจครับ คือว่าช่วงนี้อารมณ์ติดอยู่แค่อารมณ์สุขในอุเบกขา แต่ไม่รู้ว่าญาณไหน มีความรู้สึกสุขสว่างหยุดนิ่ง และหยุดอยู่แค่นั้น ทั้งๆที่เมื่อก่อนพอเข้าถึงญาน4แล้ว กายเนื้อกับกายในเกือบจะแยกออกจากกันแล้วแท้ๆ ความดีที่ผมทำนี้เสื่อมลงรึเปล่าครับ สมาธิถึงไม่เหมือนเดิม รู้สึกเสียใจยังไงบอกไม่ถูกครับ บอกผมหน่อยน่ะครับ
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ทุกข์โหม ดั่งลูกคลื่นซัด ****

    ไม่หลุดพ้น...เพราะนิสัย ยังหลงเหลือ
    หลุดพ้นกรรม....เพราะผลจาก ตัวกระทำ
    เกิดตัวกระทำ...เพราะสัจจะ ที่ทำได้
    ทำได้จริง....กรรมจึงเที่ยง
    อืม.......กรรมไม่เที่ยง ก็มีจริง

    ไม่ทำตามใจตนเอง
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    ขอเอาใจช่วยคุณพัฒนาตนนะจ๊ะ ขนาดพี่เองยังมีความรู้สึกว่าตัวเองยัง

    ปฏิบัติได้น้อยมาก แต่พี่ไม่ท้อจ้ะขอเพียงว่าเรารู้ตัวว่าเราทำอะไรอยู่ คิด

    อะไรอยู่ ดูจิตตัวเองว่าสะอาดไหม ยังมีความโกรธ ความเกลียด ความ

    โลภไหม ถ้าเรายังมีต้องพยายามปัดกวาดเช็ดถูอยู่บ่อยๆจ้ะ พยายามเข้า

    จ้ะ ( อย่าท้อ สู้ๆ เพื่อถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้จ้ะ)
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post945496 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พัฒนาตน<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_945496", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 02:10 AM
    วันที่สมัคร: Jun 2007
    อายุ: 21 ปี
    ข้อความ: 56 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 398 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 808 ครั้ง ใน 51 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 93 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_945496 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ช่วงนี้รู้สึกว่าสมาธิถดถอยลง รึเปล่าไม่แน่ใจครับ คือว่าช่วงนี้อารมณ์ติดอยู่แค่อารมณ์สุขในอุเบกขา แต่ไม่รู้ว่าญาณไหน มีความรู้สึกสุขสว่างหยุดนิ่ง และหยุดอยู่แค่นั้น ทั้งๆที่เมื่อก่อนพอเข้าถึงญาน4แล้ว กายเนื้อกับกายในเกือบจะแยกออกจากกันแล้วแท้ๆ ความดีที่ผมทำนี้เสื่อมลงรึเปล่าครับ สมาธิถึงไม่เหมือนเดิม รู้สึกเสียใจยังไงบอกไม่ถูกครับ บอกผมหน่อยน่ะครับ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>



    มาพิจารณาในวิปัสนาญาณให้เข้มข้นขึ้นครับ จากนั้นย้อนกลับไปเข้าฌานสี่ดูใหม่ครับ หรือหากเป็นไปได้ ไล่ขึ้นไปในอารมณ์ของอรูปฌานแล้วจึงพิจารณาตัดสังโยชน์สิบ ดูครับ จิตจะสะอาดและปล่อยวางได้มากกว่าครับ
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เสาร์ที่แล้วน้องxorce ได้ร่วมทำบุญในกองทุนพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจำนวน 4,000 บาทที่ได้จากการแต่งเรียงความด้านจริยธรรมของเจ้าของธุรกิจ

    และได้เขียนอธิฐานบนซองเอาไว้ว่า


    "ขอให้การทำทานครั้งนี้

    ได้ช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ผู้มีพระมหากรุณาธิคุณต่อข้าพระพุทธเจ้าอย่างหาที่สุด หาที่ประมาณมิได้ ขอให้มีอายุครบ 5,000 ปี และช่วยให้บารมีของข้าพระพุทธเจ้าเต็ม เพื่อยังประโยชน์ ความสุขให้บังเกิดกับเวไนยสัตว์น้อยใหญ่ จำนวนไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ เพื่อเวไนยสัตว์น้อยใหญ่จะได้สำเร็จทั้งสิ้นซึ่ง มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 ทั้งมวล ทั้งหมด ด้วยเทอญ สาธุ

    ไม่ว่าข้าพระพุทธเจ้าจะเดินทางไปยังที่ใด ขอให้เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ทุกๆแห่งหน ได้สำเร็จซึ่งมรรคผลนิพพาน ทั้งมวลทั้งสิ้นด้วยเทอญ"



    ก็ขอโมทนากับ"อธิฐานบารมี"ที่เต็มเป็นปรมัตถบารมีของหลายๆท่านครับ ที่เริ่มปรากฏชัดแล้วว่ามีจิตยินดีในการรื้อขนมวลหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลายให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเมตตาธรรม

    เป็นเรื่องที่น่าโมทนาครับ ขอให้พวกเราทุกๆท่าน ได้ปรับกำลังใจให้เข้มแข็งบริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไปทุกๆท่านด้วยครับ
     
  16. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ขอบคุณพี่ๆมาก และเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ตั้งใจทำความดีเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมโดยยอมเสียสละความสุขส่วนตน ขออนุโมทนาครับ
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ช่วงนี้ที่เงียบๆหายไม่ค่อยโพสต์กันเนื่องจากช่วงนี้กำลังเร่งศึกษา เร่งฝึกฝนกันอย่างเข้มข้นครับ หลายๆคนเริ่มออกไปทำงานเพื่อส่วนรวมแบบในภาพรวมใหญ่ๆกันแล้ว

    และอีกหลายๆท่านเช่นกันที่เริ่มปรากฏปรากฏการณืที่พระท่านมาสเคราะห์กันในหลายๆเหตุการณ์

    บางท่านได้กลิ่นหอม กลิ่นธูป

    บางท่านเริ่มพบการขยายเวลาในขณะฟังธรรม ฟังธรรมตั้งนานปรากฏว่าเวลาผ่านไปช้ามาก

    บางท่านเริ่มพบกับการย่นระยะทาง เดินทางจากวงเวียนใหญ่ไปปทุมธานีใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที

    บางท่านได้ โอสถทิพย์ (เป็นเม็ดจริงๆ ไม่ใช่ในนิมิตร) จากท่านที่มาสงเคราะห์และได้ทานไปแล้ว เพื่อใช้ทำงานเพื่อส่วนรวม

    บางท่านก็ได้เจโตปริยญาณเป็นปกติ

    ซึ่งผมและพวกเราทุกๆคนขอโมทนากับท่านผู้ก้าวหน้าเจริญในธรรมทุกๆท่านด้วยครับ

    เมื่อก้าวหน้าและกำลังใจเข้มแข็งเพียงพอ ก็จะได้ร่วมกันทำงานถวายไว้ในพระพุทธศาสนาร่วมกันสืบต่อไปครับ สาธุ
     
  18. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    รายงานผลการปฏิบัติต่อพี่คณานันท์ และพี่น้องทั้งหลายครับ

    หายไปหลายวันเพราะงานด้วย และเพราะฝึกสมาธิด้วย

    เล่าภูมิหลังนิดนึงครับ คือปกติผมจะกลัวการฝึกสมาธิ เพราะฝึกทีไรหลับทุกที และจิตใจฟุ้งซ่าน จนคิดว่า คงจะเอาดีทางนี้ไม่ได้ และคิดว่าเราคงไม่มีวาสนาบารมีเหมือนคนอื่นเขา(เริ่มประมาท) ปฐมฌานจะได้กับเขารึเปล่าก็ไม่รู้ชาตินี้ แล้วหันไปฝึกวิปัสนาแบบธรรมชาติที่ตนเองถนัด

    จนมาเมื่อหลายวันก่อน ก็ลองฮึดสู้อีกครั้ง (ทั้งๆ ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่ามาตลอด) ก็ได้ขอพึ่งพาบารมีสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน หลวงพ่อปาน และหลวงพ่อฤาษี ขอให้การฝึกสมาธิครั้งนี้เป็นการปฏิบัติที่เป็นสัมมาทิฐิ ผลของการปฏิบัตินี้ขอให้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้คนในช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึง จากนั้นได้พิจารณาขันธ์ 5 แล้วเข้าสู่สมาธิ

    คราวนี้ สมาธิผมดีมาก ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่นอกเรื่อง จับคำภาวนาตลอด (มาแปลกแฮะทีนี้) จากนั้นเริ่มรู้สึกว่าคำภาวนาหายไป ก็เลยรู้ว่าคงเข้าฌาน 2 แล้ว (อ้าว! แล้วฌาน 1 อ่ะ? คงผ่านไปแล้วมั้ง?) มาอีกทีก็รู้สึกว่าร่างกายเกร็ง(มันเป็นเอง) เหมือนที่หลวงพ่อท่านบอกว่า เหมือนกับมีคนจับมัดไว้ แต่ใจสบาย โปร่งมาก (เลยคิดว่าคงเข้าถึงเขตฌาน 3)

    เมื่อออกจากสมาธิในวันนั้นแล้ว ก็ปลื้มใจใหญ่ คิดว่าไอ่เอ็มมันก็ทำได้นี่หว่า ทำถูกวิธีเสียก็พัฒนาไปตั้งนานแล้ว ก็เลยตั้งใจจะทำสมาธิทุกวัน เพราะเริ่มติดใจแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็รู้สึกว่าตัวเองถึงฌาน 3 ทุกวัน แต่ก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ถึงฌาน 4 เลย

    มาถึงเมื่อคืนวานนี้ คราวนี้มาไกลกว่านั้นหน่อยครับ (แต่ก็ยังไม่ถึงฌาน 4 ครับ) คือยิ่งอยู่ในฌาน 3 นาน คราวนี้ร่างกายมันแน่นขึ้น เราคิดว่าตอนนั้นร่างกายแน่นแล้ว แต่ยังแน่นไม่พอ ยังรัดติ้วอีกแน่ะ แต่ใจสบายมากนะ มันเป๊งงง นิ่งสบายบอกไม่ถูก ก็พยายามวางอารมณ์อุเบกขามากขึ้น ไม่สนใจร่างกายแล้ว มันจะเป็นยังไงก็ช่าง มันจะถูกมัด มดจะไต่ ไรจะตอมก็ไม่สนใจ ก็ปรากฏว่าร่างกายก็แน่นขึ้นอีกเรื่อยๆ และอยู่ในสภาพนั้นอยู่นานทีเดียว จากนั้นจึงออกจากสมาธิ มาดูเวลา เอ้า ตายจริง นึกว่าแป๊บเดียว ตีสามกว่าแล้ว หลับดีกว่าเรา

    ก็เลยปลื้มใจขึ้นไปอีก คิดว่าเราฝึกทีละนิดๆ แบบนี้ ทุกวันๆ ไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะฌานไหน ถ้าเราไปสนใจมัน ไปอยากมัน ก็จะกลายเป็นกิเลส ก็จะกลายเป็นมิจฉาทิฐิไป

    เอามาเล่าให้พี่คณานันท์กับเพื่อนๆ ฟังครับ เป็นการรายงานผลการปฏิบัติด้วย และหนุนน้ำใจเพื่อนๆ ที่รู้สึกเหมือนผม คือรู้สึกว่าสมาธิเป็นเรื่องไม่ถนัด ลองดูผมเป็นตัวอย่างครับ เมื่อก่อน ทำสมาธิทีไรหลับทุกที แต่ตอนนี้ ทำทีไรถึงฌาน 3 ทุกที ทั้งๆ ที่ตัวผมเองไม่เคยคิดว่าจะเข้าถึงปฐมฌานด้วยซ้ำ

    ขอคำแนะนำจากพี่คณานันท์และเพื่อนๆ ด้วยนะครับ (ถ้ามี) ว่าผมควรจะวางอารมณ์แบบไหนจึงจะดี และผมขอโมทนาสาธุกับความดีของเพื่อนๆ ด้วยครับ
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอโมทนากับน้องเอ็มด้วยครับ

    เหตุแห่งการก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมนั้นเกิดขึ้นเมื่อเราได้วางกำลังใจเอาไว้ถูกครับ

    "ขอให้การฝึกสมาธิครั้งนี้เป็นการปฏิบัติที่เป็นสัมมาทิฐิ ผลของการปฏิบัตินี้ขอให้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้คนในช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึง "


    ตรงนี้เป็นเจตนาแห่งกุศลที่มุ่งประโยชน์ส่วนรวม หากเพื่อนตามดูวาระจิตจะเห็นว่า เป็นพรหมวิหารสี่เต็มอัตราครับ

    "ก็ได้ขอพึ่งพาบารมีสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน หลวงพ่อปาน และหลวงพ่อฤาษี"

    ตรงจุดนี้ เป็นการระลึกถึงพระรัตนไตรและคุณครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่งครับ ท่านจึงช่วยให้ก้าวหน้าในการปฏิบัติได้


    "จากนั้นได้พิจารณาขันธ์ 5 แล้วเข้าสู่สมาธิ"

    ตรงนี้เป็นการชำระจิตให้สะอาดจากกิเลสและนิวรณ์ห้าประการครับ ทำให้เข้าสมาธิได้โดยง่ายและทำได้ดีครับ

    ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือกำลังใจที่ตั้งใจเอาไว้ว่า จะตั้งใจมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังแล้วนั่นเองครับ

    สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมก็คือ ขอจงอย่าได้ไปสนใจว่าจะเป็นฌานอะไรแล้วใช้ตัวรู้เข้าไปติดตามดูอาการของจิตที่ตั้งมั่นเอาไว้อย่างเดียวเป็นสำคัญเหมือน การติดตามดูลมหายใจครับ


    ครั้นพอจิตสงบนิ่งเต็มที่ ก็ถอยจิตเล็กน้อยมาพิจารณาในวิปัสนาญาณต่อไปครับ

    พอพิจารณาให้กำหนดจิต ให้ยอมรับความเป็นจริงของความเป็นไปในสังขารร่างกายนี้ ให้จิตเกิดความรู้เท่าทันในความไม่เที่ยง และเกิดอารมณ์ที่ปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่นใน ขันธุ์ห้าก็ดี ในการเวียนว่ายตายเกิดทั้งหลายก็ดีครับ


    เมื่อจิตปล่อยวาง อารมณ์ใจจะยิ่งเบา ปลดจากความยึดติดในชาติภพสังขารทั้งปวง

    หากวางกำลังใจผิดจิตจะเกิดความบื่อร่างกายแบบเบื่อๆเซ็งๆ อันเป็นการทำให้จิตใจฌศร้าหมองครับ มีหลายท่านไปติด เข้าใจผิดตรงนี้กันมากครับ

    ส่วนฌานที่น้องเอ็มทำได้ เป็นฌานอย่างละเอียดครับ ลึกและเป็นบาทฐานของอภิญญาได้ มาฝึกเพิ่มในกรรมฐานสี่สิบกอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกสิณสิบและอรูปฌานเพิ่มครับ เพราะอยู่ในวิสัยที่ทำได้ครับ


    ขอโมทนากับความก้าวหน้าเจริญในธรรมของทุกๆท่านที่มุ่งเดินตามรอยพระบาทขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอทุกๆท่านจงเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมในพระศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระศากยมุนีพระองค์นี้ด้วยเทอญ.
     
  20. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ววันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพน้องสาวคุณย่าที่ดำเนินสะดวก รอพิธีกรรมเบื่อๆ เลยจะลองกสินน้ำแบบที่ฝึกที่สวนลุมเมื่อสัปดาห์ก่อน ไม่ได้อะไรเลยค่ะ

    เลยรู้แล้วว่าคุณคณานันท์ขอบารมีครูบาอาจารย์ท่านช่วยไว้เยอะเลยในวันฝึก

    เมื่อไหร่จะสอนอีกขา ขอพึ่งบุญหน่อยค่ะ จะได้ฉุดพวกวัยกลางคนตามน้องๆไปบ้างนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...