หลวงปู่ประยูรแจ้งข่าวงานทอดกฐินวัดป่าบำเพ็ญธรรม วันที่ 12 ตุลาคม 2557 8.00น.

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย mummamman, 25 มกราคม 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  2. chirakit

    chirakit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    721
    ค่าพลัง:
    +2,861
    วันนี้ ( 17 สิงหาคม 2557 ) ได้โอนเงินจำนวน 1,200 . 00 บาท เป็นค่าร่วมทำบุญถวายปัจจัยค่ารักษาพยาบาลสงฆ์

    ขอรับ 1. ตะกรุดเงินแช่น้ำมันว่านเมตตา 1 ขวด
    2. ลูกแก้วเมตตาบารมี โภคทรัพย์ 2 ลูก

    ที่อยู่ ครับ
    จิรกิตติ์ สถาปนิกกุล
    134 / 192 หมู่บ้านบุราสิริ - สนามบินน้ำ ซอย 1 / 6 
    ถนน นนทบุรี ( ถนน สนามบินน้ำ เดิม )
    ตำบล ท่าทราย อำเภอ เมืองนนทบุรี
    จังหวัด นนทบุรี
    11000
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2014
  3. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116

    อนุโมทนาบุญด้วยครับ จะจัดส่งให้ครับ
     
  4. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    วันนี้ได้นำเงินถวายหลวงปู่เป็นจำนวนเงิน 2,050 บาท

    รวมกับถวายไป 23,840 บาท ทำบุญให้กับหลวงปู่ไปแล้วทั้งสิ้น 25,890 บาทครับ


    อนุโมทนาบุญทุกท่านด้วยครับ ที่ทำกุศลกรรมดี ขอบุญนี้บังเกิดเป็นโภคทรัพย์

    เกิดเป็นธรรมหลุดพ้นจากกองทุกข์ด้วยครับ


    ยังสามารถทำบุญได้เรื่อยๆๆนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2014
  5. nonk

    nonk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +11
    วันนี้ผมได้โอนเงินเข้าบัญชีแล้วที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 110 บาท
    ขอรับลูกแก้ว 1 ลูก
    ที่อยู่
    นายนนท์ กิตกำธร
    34 ซอยโชคชัย 4 ซอย 14 แยก 1 ,
    ถนนโชคชัย 4,
    แขวงลาดพร้าว,
    เขตลาดพร้าว,
    กทมฯ
    10230
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  7. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    ทำบุญแล้วได้รับวัตถุมงคลไปใช้กันครับ
     
  8. อาถรรพ์

    อาถรรพ์ littleyokibkk

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +197
    อยากทราบว่าเวลาหลวงปู่เสก จิ้งจอกเก้าหางของหลวงปู่สิมพะลี

    [​IMG]

    ต้องอัญเชิญปีศาจกูมินโฮ จากเกาหลี หรือปีศาจจิ้งจอกตนอื่นจากจีนหรือญี่ปุ่นอะครับ
    คือ สงสัยมานานแล้ว สรุปคือ เป็นการบูชาปีศาจรึป่าวอะครับ

    หรือ ว่าเป็นเปลี่ยนภพภูมิเป็นเทพไปแล้วอะครับ พยายามหาประวัติเห็นมีแต่ราคา กับประสบการณ์
    ไม่ได้ปรามาสนะครับ แต่รู้สึกประหลาดใจ หรือเป็นพยนต์?

    รูปที่เอามาทำวัตถุมงคลนี่ ก๊อปมารึป่าวครับ หรือหลวงปู่สิมพะท่านได้นิมิตรมา
    ดูโป๊ด้วย? เพื่อความสมจริงหรือครับ หรือเอามาจากการ์ตูนอะครับ (อันนี้ถามเผื่อด้วย เผื่อท่านจะเป็นสหธรรมิกกัน)

    สงสัยมานานแล้วจริงๆ ไม่ได้คิดปรามาสนะครับ
    อ่านในกระทู้ที่เจ้าของโพสท์ไว้แล้วเลยอยากถาม ข้องใจมานาน

    อีกอย่าง หรือเป็นวิชาจิ้งจอกเก้าหาง สืบทอดกันมาจากหลวงปู่ ครูบาอาจารย์ท่านใด
    อันนี้ผมก็อยากทราบเหมือนกัน เห็นบูชากันเป็นหมื่น สร้างกันมากมาย ทำไมประวัติไม่มี
    ไม่รู้จะมีใครเคยสงสัยแบบผมบ้างไหม หรือเค้าว่าดีก็เช่ากันมาลองอย่างเดียว

    ที่มา http://forum.uamulet.com/view_topic.aspx?bid=192&qid=1288
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2014
  9. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    ท่านไม่ได้อัญเชิญปีศาจใดๆๆ ท่านเป็นพระสงฆ์ท่านสงเคราะห์ด้วยความเมตตา

    ท่านมีแต่มนต์พระพุทธเจ้าครับ

    รูปที่เอามาทำวัตถุมงคลต้องไปถามศูนย์พระครับ

    พระท่านคงไม่ได้รู้เห็นยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด ศูนย์พระเป็นคนทำออกมาครับ

    เรื่องการเสกวิชาจิ้งจอกเก้าหางนั้น คุณคงคิดไปเอง ท่านเป็นสงฆ์

    มีแต่มนต์พระพุทธเจ้าเท่านั้น

    ส่วนข้องใจเรื่องจิ้งจอกเก้าหางของหลวงปู่สิมพะลีนั้น ต้องไปถามศูนย์พระที่จัดสร้าง

    ครับ หลวงปู่ท่านแค่เมตตาเสกให้เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆๆ

    ถ้าติดใจข้องใจตรงไหนไปสอบถาม

    หลวงปู่ได้เลยครับ จะได้ความจริงมากกว่านี้ครับ คนที่อยากถามอยากรู้จริง

    คงไม่ไปโพสมั่วซั่วนะครับ ไม่มีประโยชน์อันใด ลูกศิษย์หลวงปู่ท่านเยอะแยะ

    ของจริงต้องเห็นจริง อย่าไปนั่งคิด เพ้อเจ้อ คิดเอาเอง ไปนั่งคุย สนทนาแล้ว

    ค่อยมาโพสก็ได้ครับ อย่าเพิ่งคิดไปเอง เออเอง


    ธรรมะนั้นอย่าไปมองคนอื่น มันไม่มีประโยชน์ มองแค่ตัวเราเองก็พอแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2014
  10. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    นำมาให้อ่านเตือนสติครับ เป็นความรู้ประดับปัญญา มันไม่คุ้มกันเลยจริงๆๆ

    คุณไม่ได้อะไรจากการกระทำที่โง่เขลา แต่สิ่งที่ได้รับมันชดใช้หนักหนาสาหัสมาก

    "ปรามาสพระ" กรรมที่ทำได้ง่ายๆ แต่มีวิบากร้ายแรงเกินจะรับไหว

    นำเรื่องกรรมปรามาสภิกษุมาเล่าสู่กันฟังครับ เป็นอุทาหรณ์ให้ระมัดระวังกัน ในฐานะเป็นพุทธศาสนิกชนเราต้องช่วยกันจรรโลงรักษาพุทธศาสนาก็จริง แต่ความจริงแท้เป็นอย่างไรยังไม่ปรากฏ จึงต้องสำรวมและระมัดระวังกันให้มาก


    กรรมของอัมปาลี เกิดเป็นโสเภณี
    บุรกรรมของอัมพปาลีเกิดขึ้นในอดีตชาติเมื่อครั้ง ๓๑ กัปก่อน ครั้งนั้นเป็นพุทธกาลของพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระสิขีทศพล นางอัมพปาลีเกิดเป็นธิดาตระกูลพราหมณ์ในนครอมรปุระ วันหนึ่งนางได้ด่าภิกษุณีรูปหนึ่งว่าเป็นหญิงแพศยา ด้วยเหตุที่ภิกษุณีรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ กรรมนี้จึงเป็นกรรมหนักมาก เมื่อทำกาละแล้วนางอัมพปาลีจึงต้องไปรับกรรมหมกไหม้อยู่ในนรกนานแสนนาน
    เมื่อพ้นกรรมหนักจากนรกกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เศษของกรรมได้ส่งผลให้นางอัมพปาลีต้องเกิดเป็นหญิงแพศยามานับหมื่นๆ ชาติ จนถึงพุทธกาลปัจจุบันนางเกิดขึ้นโดยการอุบัติ (โอปปาติกกำเนิด) เป็นสาวสวยที่โคนต้นมะม่วงในพระราชอุทยานกรุงเวสาลี จึงได้ชื่อว่า อัมพปาลี แต่ด้วยเศษของอกุศลกรรมที่เคยด่าพระเถรีในครั้งนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ ความงามของนางจึงเป็นโทษ เพราะทำให้บรรดาเจ้าชายลิจฉวีทะเลาะแย่งชิงกันเพื่อจะได้นางไปเป็นสนม คณะผู้พิพากษาแห่งวัชชีต้องยุติข้อขัดแย้งโดยตัดสินให้อัมพปาลีเป็นหญิงแพศยา เป็นนางคณิกานคร เป็นสมบัติของทุกคน การแย่งชิงนางจึงสงบลงได้
    (ภายหลังบวชเป็นภิกษุณีและสำเร็จเป็นพระอรหันต์)


    กรรมของโสไรยบุตร จากชายกลายเป็นหญิง
    โสไรยบุตร เป็นบุตรเศรษฐีในโสไรยนครซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ใกล้กรุงสาวัตถี เขามีภริยา และมีบุตรชายแล้ว ๒ คน
    วันหนึ่ง โสไรยบุตรนั่งยานออกไปอาบน้ำนอกนครกับบริวาร ระหว่างทางเห็นพระมหากัจจายนเถระกำลังบิณฑบาตอยู่ พระเถระรูปนี้มีรูปสวย มีผิวพรรณวรรณะงดงามดังทองคำ โสไรยบุตรเห็นพระเถระแล้วเผลอใจคิดไปว่า “สวยจริงหนอ พระเถระรูปนี้น่าจะได้เป็นภริยาของเรา”
    ด้วยจิตอันเป็นอกุศลต่อพระเถระขีณาสพผู้ล่วงอาสวะแล้ว เพศชายของโสไรยบุตรจึงหายไป กลับกลายเป็นเพศหญิงมาแทนที่ โสไรยบุตรกลับกลายเป็นโสไรยธิดา เป็นกุลธิดารูปงาม ด้วยความตกใจและความอายเธอจึงลงจากยานแอบหนีไป คนรู้จักแม้มองเห็นก็จำไม่ได้ว่ากุลธิดานี้คือโสไรยบุตร
    โสไรยธิดาลงจากยานแล้วไม่รู้ว่าจะไปทางไหน เธอจึงเดินตามขบวนเกวียนสินค้าขบวนหนึ่งไป เมื่อเดินจนเมื่อย เธอจึงถอดแหวนให้ และขอนั่งไปบนเกวียน
    ขบวนเกวียนนั้นเดินทางถึงตักกศิลา แคว้นคันธาระ นายเกวียนคิดว่าบุตรเศรษฐีในกรุงตักกศิลายังไม่มีภริยา กุลธิดาผู้นี้มีรูปงามสมกัน เขาจึงพาโสไรยธิดาไปพบบุตรเศรษฐีหวังได้รางวัล บุตรเศรษฐีเห็นนางแล้วหลงรัก รับนางเป็นภริยา
    โสไรยธิดาจึงได้เป็นภริยาของบุตรเศรษฐีกรุงตักกศิลา ต่อมาเธอก็ตั้งครรภ์ และมีบุตรกับสามี ๒ คน ตอนนี้เธอจึงมีบุตรแล้ว ๔ คน บุตร ๒ คนแรกมีเธอเป็นบิดาอยู่ที่โสไรยนคร ส่วนบุตรอีก ๒ คนมีเธอเป็นมารดาอยู่ร่วมกันที่ตักกศิลา
    (ต่อมาโสไรยธิดาธิดาได้ขอขมาพระเถระจึงได้กลับเพศเป็นชาย ออกบวช และสำเร็จเป็นพระอรหันต์)


    กรรมของอุคคเสน จากบุตรเศรษฐีเป็นนักแสดงกายกรรม
    ในอดีตกาลครั้งพุทธกาลของพระกัสสปทศพล ชนจำนวนมากช่วยกันสร้างเจดีย์บูชาพระบรมศาสดา ในครั้งนั้นมีสองสามีภรรยามีจิตศรัทธาขนของกินของใช้บรรทุกยานเดินทางไปร่วมงานก่อสร้างพระเจดีย์ ระหว่างทางพบพระเถระองค์หนึ่งกำลังบิณฑบาตอยู่ ภรรยาเห็นพระเถระจึงบอกสามีว่าของกินในยานเรามีจำนวนมาก นายจงนำบาตรของพระคุณเจ้ามาเพื่อถวายภิกษาเถิด
    เมื่อสามีรับบาตรมาแล้วภรรยาก็ใส่บาตรนั้นจนเต็ม ให้สามีนำกลับไปถวายพระเถระ เสร็จแล้วภรรยาได้กล่าวคำปรารถนาว่า ท่านเจ้าข้า ด้วยผลบุญที่ดิฉันและสามีได้ถวายภิกษาแก่ท่านนี้ ขอให้ดิฉันทั้งสองได้เห็นธรรมอันท่านได้เห็นแล้วด้วยเถิด พระเถระตรวจดูความปรารถนานั้นเห็นว่าจะสำเร็จสมความปรารถนาในพุทธกาลถัดไป ท่านจึงทำอาการยิ้ม
    ภรรยาเห็นพระเถระยิ้มจึงพูดกับสามีว่า ดูสินาย พระคุณเจ้าของเราท่านยิ้มเหมือนเด็กนักฟ้อนเลย สามีเห็นดีเห็นงามตามภรรยาตอบว่า จริงสิ
    แม้คำพูดนี้จะไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ แต่ก็เป็นกรรมที่ทำกับพระเถระขีณาสพ ในพุทธกาลปัจจุบันภรรยาผู้นั้นจึงเกิดมาเป็นหญิงนักฟ้อน ส่วนสามีได้เกิดมาเป็นบุตรเศรษฐีในนครราชคฤห์ชื่อว่า อุคคเสน แต่เพราะเห็นดีเห็นงามไปกับภรรยาด้วยเขาจึงมีกรรมต้องออกจากเรือนเศรษฐีไปเร่ร่อนอยู่ในคณะมหรสพกับหญิงผู้เป็นภรรยา
    (ภายหลังทั้งสองสำเร็จเป็นพระอรหันต์)


    กรรมของพระจูฬปันถก ภิกษุปัญญาทึบ
    จูฬปันถกเป็นหลานชายราชคฤห์เศรษฐี พี่ชายชื่อมหาปันถกซึ่งออกบวชและสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วมาชวนให้ออกบวชด้วย จูฬปันถกจึงออกบวชในสำนักของพระพี่ชาย แต่ด้วยกรรมเก่าเมื่อครั้งบวชเป็นภิกษุในพุทธกาลก่อน เคยพูดเยาะเย้ยภิกษุรูปหนึ่งว่าปัญญาทึบ แม้จะมีวาสนาบารมีจากการบวชมาแล้ว แต่กรรมเก่านั้นได้ส่งผลให้พระจูฬปันถกมีปัญญาทึบมาก พระพี่ชายให้ท่องคาถาแค่ ๔ บาท ใช้เวลาท่อง ๔ เดือนยังท่องไม่ได้ จนถูกพระพี่ชายไล่ให้สึกไปยืนร้องไห้อยู่ที่ซุ้มประตูวิหาร
    (สุดท้ายได้อุบายธรรมโดยตรงจากพระบรมศาสดา สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้มีฤทธิ์มาก และมีปัญญามาก)


    กรรมของวัสสการพราหมณ์ เกิดเป็นลิง
    วัสสการพราหมณ์เป็นมหาอำมาตย์แห่งแคว้นมคธ เป็นคนมีปัญญามากกว่าอำมาตย์อื่นจึงเป็นที่ไว้วางพระทัยของพระเจ้าอชาตศัตรู ได้รับมอบหมายให้ไปเฝ้าทูลถามราชกิจจากพระบรมศาสดาบ่อยๆ แต่วัสสการพราหมณ์เป็นคนนอกศาสนา แม้จะไปเฝ้าพระศาสดาบ่อยครั้ง แต่ก็ไปเพราะพระบัญชาของพระเจ้าอชาตศัตรู ไม่ได้ไปเพราะนับถือพระรัตนตรัย
    วันหนึ่งวัสสการพราหมณ์เห็นพระมหากัจจายนะเถระลงมาจากเขาคิชฌกูฏิ ด้วยความคะนองปากจึงเอ่ยวาจาเปรียบพระกัจจายนะเถระว่าคล้ายลิง พระพุทธองค์ตรัสเตือนว่า การพูดปรามาสพระอรหันต์ขีณาสพผู้พ้นอาสวะแล้วเป็นกรรมหนัก กรรมนี้จะทำให้วัสสการพราหมณ์ต้องไปเกิดเป็นลิงอยู่ในสวนภายในวัดเวฬุวัน ต้องขอขมาโทษจากพระเถระจึงจะพ้นจากกรรมนี้ได้
    วัสสการพราหมณ์ฟังแล้วไม่ได้ทำตาม แต่ก็ครั่นคร้ามว่าคำของพระศาสดาไม่เคยคลาดเคลื่อน เขาจึงเร่งปลูกไม้ผลสารพัดชนิดภายในวัดเวฬุวัน และว่าจ้างคนมาดูแลสวนเป็นอย่างดี หวังเพียงว่าเมื่อต้องไปเกิดเป็นลิงเขาจะได้มีผลไม้กิน
    เมื่อทำกาละแล้ว วัสสการพราหมณ์ก็ได้ไปเกิดเป็นลิงอยู่ในสวนภายในเวฬุวันวิหารสมดังพุทธดำรัส เวลาใครเอ่ยชื่อเรียกวัสสการพราหมณ์ ลิงตัวนี้ก็จะเข้ามายืนใกล้ๆ ด้วยความเข้าใจ


    กรรมของปัญจปาปี ผู้หญิง ๕ บาป
    อดีตกาลครั้งสิ้นพุทธกาลจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนไปแล้ว มีหญิงยากไร้คนหนึ่งอาศัยในนครพาราณสี วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังนั่งขยำดินเหนียวเพื่อใช้ทาฝาเรือนอยู่ ก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งเที่ยวบิณฑบาตหาดินเหนียวเนื้อดีเพื่อจะนำไปทาเงื้อมฝาที่อยู่อาศัยของท่านที่ชำรุด มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
    หญิงยากไร้นั้นรู้สึกโกรธ เธอทำหน้าบึ้ง มองค้อน และทำปากหมุบหมิบพูดประชดประชันพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า เช้าก็บิณฑบาตอาหาร พอสายยังมาบิณฑบาตดินเหนียวอีก พระปัจเจกพุทธเจ้าประสงค์จะโปรดหญิงยากไร้นั้น ท่านจึงยืนสงบนิ่งอยู่ ครั้นหญิงยากไร้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าสงบนิ่งอยู่ในอาการสำรวมเช่นนั้น ความรู้สึกโกรธก็หายไป กลับมีจิตเลื่อมใส เธอจึงยกดินเหนียวก้อนใหญ่ใส่ลงในบาตร
    เมื่อถึงกาลกิริยาแล้ว หญิงยากไร้นั้นได้ไปเกิดเป็นธิดาของหญิงทุคตะ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ประตูนอกเมืองพาราณสีนั้นเอง และด้วยวิบากกรรมที่เธอทำกิริยาไม่งามต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า ร่างกายของเธอจึงผิดปกติ ๕ อย่าง คือ มือ เท้า ปาก ตา และจมูก เป็นหญิงอัปลักษณ์ ใครเห็นใครเมิน ใครมองก็รังเกียจ บางคนแค่เห็นหน้าก็จะอาเจียน ชาวบ้านเรียกเธอว่า ปัญจปาปี หรือหญิง ๕ บาป แต่เพราะกุศลกรรมที่ใส่บาตรด้วยดินเหนียว ผิวกายของนางจึงอ่อนนุ่มมาก ใครได้สัมผัสนางเป็นต้องหลงรักทุกคน ต่อมานางจึงได้เป็นราชินีถึงสองนคร มีสามีทีเดียวถึงสองคน


    พลั้งปากปรามาสแล้วขอขมา ยังไม่พ้นกรรม
    หลังการดับขันธปรินิพพานของพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธต่างพร้อมใจกันเป็นสมานฉันท์ว่า จะสร้างมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ เพื่อให้มนุษย์ และเทวาทั้งหลายได้มาสักการะบูชา ในสมัยนั้นพระอรหันต์เถระรูปหนึ่ง เห็นว่าหน้ามุขทางด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ยังก่อสร้างไม่เสร็จ เพราะยังขาดทองคำอยู่เป็นจำนวนมาก ท่านจึงทำหน้าที่ผู้นำบุญไปโปรดญาติโยมตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อประกาศข่าวบุญนี้ ซึ่งมีสาธุชนร่วมบริจาคทองคำมามากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีผู้ใดที่ไม่มีส่วนร่วมในบุญครั้งนี้ เพราะผู้คนในสมัยนั้นรักการให้ทานมาก
    พระเถระได้เดินทางมาถึงบ้านของช่างทองผู้หนึ่งเพื่อบอกข่าวบุญนี้ ขณะนั้นเองช่างทองกำลังทะเลาะกับภรรยา จึงได้พูดกับภรรยาด้วยอารมณ์โกรธเคืองว่า “ เธอจงโยนพระศาสดาของเธอลงน้ำไปเสีย ” แม้ภรรยากำลังทะเลาะกับสามี เนื่องจากเป็นคนรู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงให้สติสามีว่า “ พี่ทำกรรมหนักแล้ว พี่โกรธฉันก็ควรด่าฉันสิ แต่พี่ไปว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างนั้น มันเป็นบาปหนักนะ ”
    ช่างทองฟังดังนั้นก็ได้สติ เกิดความสลดใจ เขาขอให้พระเถระยกโทษให้ พระเถระกล่าวว่า “ ท่านไม่ได้ล่วงเกินเราหรอก แต่ท่านล่วงเกินพระบรมศาสดา ท่านจงขอขมาต่อพระองค์เถิด ” ช่างทองถามพระเถระว่า “ พระคุณเจ้าผู้เจริญ จะให้กระผมทำอย่างไรดี จึงจะให้พระศาสดาอดโทษให้ ” พระเถระจึงบอกให้ช่างทองทำหม้อดอกไม้ทองคำสามหม้อ นำไปไว้ภายในที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และให้ขอขมาโทษที่ได้กล่าวล่วงเกินพระบรมศาสดาต่อหน้าพระมหาเจดีย์
    ช่างทองทำตามคำแนะนำของพระเถระ ได้ชักชวนลูกชายคนโตให้มาช่วยกันทำ แต่ได้รับการปฏิเสธว่า “ พ่อเป็นคนว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมไม่เกี่ยว เพราะฉะนั้น พ่อทำคนเดียวเถอะ ” เขาจึงชวนลูกชายคนกลาง ก็ได้รับการปฏิเสธอีกเช่นกัน แต่เมื่อชวนลูกชายคนเล็ก ลูกคนเล็กกลับคิดว่า “ ธรรมดา กิจธุระของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ย่อมเป็นภาระของลูกด้วย เพราะภารกิจของพ่อคือหน้าที่ของลูก ” ดังนั้น ลูกคนเล็กจึงช่วยพ่อทำหม้อดอกไม้ทองคำจนสำเร็จ และนำไปบูชาพระเจดีย์
    ด้วยผลกรรมที่ช่างทองได้กล่าวร้ายต่อพระบรมศาสดาผู้บริสุทธิ์บริบูรณ์ แม้จะขอขมาและตาม เศษกรรมก็ยังตามส่งผลให้ช่างทองเมื่อเกิดมา ต้องถูกลอยนํ้าถึง ๗ ชาติ


    แค่นึกปรามาส ตกนรกแล้วเป็นโรคร้ายซ้ำสอง

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล ในพระนครราชคฤห์ มีบุรุษเป็น โรคเรื้อนชื่อว่าสุปปพุทธะ เป็นมนุษย์ขัดสน กำพร้า ยากไร้ ก็สมัย นั้นแล พระผู้มีพระภาคแวดล้อมไปด้วยบริษัทหมู่ใหญ่ ประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ สุปปพุทธกุฏฐิได้เห็นหมู่มหาชนประชุมกันแต่ที่ไกลเทียว ครั้นแล้วได้มีความดำริ ว่าหมู่มหาชนจะแบ่งของควรเคี้ยว หรือของควรบริโภคอะไรๆ ให้ในที่นี้แน่แท้ ไฉนหนอ เราพึงเข้าไปหาหมู่มหาชน เราพึงได้ของควรเคี้ยวหรือควรบริโภคใน หมู่มหาชนนี้เป็นแน่ ลำดับนั้นแล สุปปพุทธกุฏฐิได้เข้าไปหาหมู่มหาชนนั้นแล้ว ได้เห็นพระผู้มีพระภาคแวดล้อมด้วยบริษัทหมู่ใหญ่ ประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ ครั้นแล้วได้มีความดำริว่า หมู่มหาชนคงไม่แบ่งของควรเคี้ยวหรือของควรบริโภค อะไรๆ ให้ในที่นี้ พระสมณะโคดมนี้ทรงแสดงธรรมอยู่ในบริษัท ถ้ากระไร แม้ เราก็พึงฟังธรรม เขานั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งในบริษัทนั้นเอง ด้วยคิดว่า แม้เราก็จักฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดใจของบริษัททุก หมู่เหล่าด้วยพระทัยแล้ว ได้ทรงกระทำไว้ในพระทัยว่า ในบริษัทนี้ ใครหนอ แลควรจะรู้แจ้งธรรม พระผู้มีพระภาคได้ทรงเห็นสุปปพุทธกุฏฐินั่งอยู่ในบริษัทนั้น ครั้นแล้วได้ทรงพระดำริว่า ในบริษัทนี้ บุรุษนี้แลควรจะรู้แจ้งธรรม พระองค์ ทรงปรารภสุปปพุทธกุฏฐิตรัสอนุปุพพิกถาคือ ทานกถา ศีลกถา สัคคกถา โทษแห่งกามอันต่ำทรามเศร้าหมอง และทรงประกาศอานิสงส์ในเนกขัมมะ เมื่อใด พระผู้มีพระภาคได้ทรงทราบว่าสุปปพุทธกุฏฐิมีจิตควร อ่อน ปราศจากนิวรณ์ เฟื่องฟู ผ่องใส เมื่อนั้น พระองค์ทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้า ทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ธรรมจักษุปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแก่สุปปพุทธกุฏฐิในที่นั่งนั้นแลว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับเป็นธรรมดา เหมือนผ้าที่สะอาดปราศจากมลทิน ควรรับน้ำย้อมด้วยดีฉะนั้น ฯ
    ลำดับนั้นแล สุปปพุทธกุฏฐิมีธรรมอันเห็นแล้ว มีธรรมอันบรรลุ แล้ว มีธรรมอันรู้แจ้งแล้ว มีธรรมอันหยั่งถึงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากความเคลือบแคลง บรรลุถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เชื่อต่อผู้อื่นใน ศาสนาของพระศาสดา ลุกจากอาสนะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย บังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระผู้มีพระภาคทรงประกาศโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตาม ประทีปไว้ในที่มืดด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูปได้ ฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาคกับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่ วันนี้เป็นต้นไป ฯ
    ลำดับนั้นแล สุปปพุทธกุฏฐิอันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ครั้งนั้นแล แม่โคลูกอ่อนชนสุปปพุทธกุฏฐิผู้หลีกไปไม่นานให้ล้มลง ปลงเสีย จากชีวิต ลำดับนั้นแล ภิกษุมากด้วยกันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สุปปพุทธกุฏฐิอันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้ สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว กระทำกาละ คติของเขาเป็น อย่างไร ภพหน้าของเขาเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุปปพุทธกุฏฐิเป็นบัณฑิต ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม และ ไม่เบียดเบียนเราให้ลำบากเพราะธรรมเป็นเหตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุปปพุทธกุฏฐิ เป็นพระโสดาบัน เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งสาม มีความไม่ตกต่ำเป็น ธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ฯ
    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ สุปปพุทธกุฏฐิเป็นมนุษย์ขัดสน กำพร้า ยากไร้ พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีแล้ว สุปปพุทธกุฏฐิเป็นเศรษฐีบุตรอยู่ในกรุงราชคฤห์นี้แล เขาออกไปยังภูมิเป็นที่เล่นในสวน ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่าตครสิขีกำลังเที่ยวบิณฑบาตไปในพระนคร ครั้นแล้วเขาดำริว่า ใครนี่ เป็นโรคเรื้อนเที่ยวไปอยู่ เขาถ่มน้ำลายแล้วหลีกไปข้างเบื้องซ้าย เขาหมกไหม้อยู่ในนรกสิ้นปีเป็นอันมาก สิ้นร้อยปี สิ้นพันปี สิ้นแสนปีเป็นอันมาก เพราะ ผลแห่งกรรมนั้นยังเหลืออยู่ เขาจึงได้เป็นมนุษย์ขัดสน กำพร้า ยากไร้ อยู่ใน กรุงราชคฤห์นี้แล เขาอาศัยธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว สมาทานศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ครั้นอาศัยธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วสมาทาน ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เมื่อตายไป เขาเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เป็น ผู้เข้าถึงความเป็นสหายของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ เขาย่อมไพโรจน์ล่วงเทวดา เหล่าอื่นในชั้นดาวดึงส์นั้นด้วยวรรณะและด้วยยศ ฯ

    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่ง อุทานนี้ในเวลานั้นว่า บุรุษผู้เป็นบัณฑิต พึงละเว้นบาปทั้งหลายในสัตว์โลก เหมือน บุรุษผู้มีจักษุ เมื่อทางอื่นที่จะก้าวไปมีอยู่ ย่อมหลีกที่อันไม่ ราบเรียบเสียฉะนั้น ฯ

    ที่มา :
    www.gmwebsite.com/Webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-100922085152836
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2014
  11. อาถรรพ์

    อาถรรพ์ littleyokibkk

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +197
    ถามด้วยความสงสัย ไม่ได้กล่าวหา

    ก็ไม่น่าจะต้องด่าและใช้คำส่อเสียดรุนแรงแบบนี้นะครับ

    ด้วยความที่คุณเป็นคนมีธรรมมะ

    ก่อนมาสอนผม ช่วยมีสติพิจารณาคำถามที่ถามไปให้ดีด้วยครับ



    "อย่าไปนั่งคิด เพ้อเจ้อ คิดเอาเอง"

    อันนี้ก็ดูแล้วถามตามมูลเหตุนะครับ คนรู้จริง ผมเองก็ตั้งสมมติฐานว่าอาจจะตอบได้น่ะครับ

    ก็เลยถาม ถ้าไม่พอใจมากกับคำถาม ก็บอกตรงๆ หรือPM มาก็ได้ครับ

    อย่าเอาธรรมะมาเป็นเครื่องมือฟาดฟันแบบนี้

    มันทำให้เสียบรรยากาศการชวนร่วมบุญของคุณ ที่ผมมองว่าเป็นเรื่องน่าโมทนา น่ายินดีด้วยนะครับ



    ธรรมะนั้นอย่าไปมองคนอื่น มันไม่มีประโยชน์ มองแค่ตัวเราเองก็พอแล้วครับ

    ที่ถามนี่ก็ด้วยความสงสัย ไม่ได้มาแสวงหาธรรมมะครับ เหมือนจะหลงประเด็นรึป่าว???

    (ทิ้งท้าย วลีสวยดีนะครับ แต่คนละเรื่องกับประเด็นที่ถามเลย)



    ขอพอที่ความเห็นนี้นะครับ ดูเหมือนเจ้าของกระทู้จะไปไกลมากแล้ว

    คนเข้ามาอ่าน เชื่อว่าก็คงแยกแยะ พิจารณากันเองได้

    อ่านคำตอบแล้วก็ปลงๆ คนแบบนี้ก็มี ยังไงก็อนุโมทนาในบุญด้วยครับ
     
  12. อาถรรพ์

    อาถรรพ์ littleyokibkk

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +197
    จริงค่ะ เป็นรูปลักษณ์ที่แปลกมาก ดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร หลานเราได้รับแจกแล้วเอามาให้ดูบอกว่ามาจากการ์ตูนญี่ปุ่น ส่วนพระที่เสกท่านคงจะเสกได้ทุกอย่างมั้งคะ เราขอเอาพระไตรลักษณ์เป็นสรณะคิดว่าน่าจะดีกว่าค่ะ
     
  13. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    เรื่องล็อคเก็ตแบบนี้น่าไปถามคนทำขึ้นมามากกว่าที่จะมาเหน็บแนมพระสงฆ์องค์เจ้า ทำไมไม่ไปถามหลวงปู่สิมพะลีและคนให้เช่าบูชามั่งละครับ คุณบอกว่าสงสัยแต่คำถามทั้งเหน็บแนมส่อเสียด มันไม่ฉลาดเลยครับที่มาปรามาสท่านแบบนี้ ใจคุณรู้ดีแล้วว่าคุณมีจิตปรามาสหรือไม่ คุณคงเข้าใจตัวคุณดี กระทู้ทำบุญก็รู้ดีแต่มาถามให้เสียบรรยากาศ สงสัยอะไรpmมาถามก็ได้ ไม่น่าทำให้เสียบรรยากาศเอาครูบาอาจารย์มาวิจารณ์แบบนี้ เพื่ออะไรครับ ผมถึงบอกให้ดูตัวเองดีกว่าไปดูคนอิ่น ถ้าท่านใดไม่สนใจจะทำบุญ ของดความเห็นนะครับ จะเกิดเป็นกรรมติดตัวท่านซะเปล่าเปล่า หลวงปู่ท่านไม่ใช่พระที่ทำวัตถุมงคลขายตามศูนย์นะครับ อย่าเอาท่านไปเปรียบเปรย ทานปฎิบัติดีปฎิบัติชอบเป็นพระป่า มีเมตตากับทุกท่าน ย้ำอีกครั้งเรื่องล็อคเก็ตนั้นท่านแค่เมตตาเสกให้เท่านั้น ไม่ได้จัดสร้างหรือเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
     
  14. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    สนใจร่วมทำบุญได้ครับ
     
  15. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    หลวงปู่ประยูรแจ้งข่าวงานทอดกฐินวัดป่าบำเพ็ญธรรม วันที่ 12 ตุลาคม 2557 8.00น.
     
  16. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    ความจริงก็เฉลย เมื่อเวบทำระบบใหม่ ชื่อคุณก็เลยโผล่ออกมาซ้ำกัน

    สุดท้ายคุณจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มีตอบครับ ตอบค่ะ

    กระทู้แรกออกมาด่าว่าพระสงฆ์ อีกกระทู้มาสนับสนุนให้ยึดพระรัตนไตร แต่ที่คุณทำเลวทราม

    ชั่วร้าย ใส่ร้ายพระสงฆ์ สุดท้ายไปนรกอเวจี เจตนาเป็นที่ตั้ง

    ขอขมาพระท่านอาจบรรเทาเคราะห์กรรมที่ทำไว้แต่คงไม่หมด

    ไปใช้ต่อในนรกนะครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...