ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมจัดสร้างพระประธานหลวงพ่อใหญ่ หน้าตัก 1 เมตร

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย กรวี, 25 มิถุนายน 2014.

  1. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมจัดสร้างพระประธานหลวงพ่อใหญ่ หน้าตัก 1 เมตร เพื่อประดิษฐสถาน ณ สถานปฎิบัติธรรมวัดใหญ่ ต.โมคลาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช และจะอัญเชิญไปประดิษฐานยังศาลาโพธิสัตว์ที่กำลังจัดสร้างอยู่ในขณะนี้

    ร่วมบุญได้ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2557 นี้นะค่ะ

    [​IMG]


    จากที่สถานปฎิบัติธรรมวัดใหญ่ ได้ดำเนินการถมดินเพื่อจัดสร้างศาลาพระโพธิสัตว์ อย่างต่อเนื่องมาแล้วนั้นทางสถานปฎิบัติธรรมวัดใหญ่มีความประสงค์จะจัดสร้างพระประธาน หน้าตัก 1 เมตรเพื่อเป็นพระประธานไว้ ณ ศาลาโพธิสัตว์นั้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไปผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะบูชาต่อไป
    จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมสมทบทุนสร้างพระประธานในศาลาปฏิบัติธรรมมา ณ โอกาสนี้

    เนื่องจากที่สถานปฎิบัติธรรมวัดใหญ่เคยเป็นวัดร้างมาก่อนยังไม่มีประธานซึ่งเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธรูปที่นำมาร่วมพิธีเวลามีพิธีทางศาสนา จะเป็นพระพุทธรูปที่แตกหัก ทางสถานปฎิบัติธรรมและผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายจึงเห็นสมควรว่าจะทำการสร้างพระประธานเพื่อจักเป็นการสืบสาน และเผยแพร่ศาสนาต่อไป

    ผู้มีจิตศรัทธาและมีความประสงค์ที่จะจัดสร้าง สามารถติดต่อร่วมบุญ โอนเงินร่วมบุญได้ที่ หมายเลขบัญชี 520-999997-7 ชื่อบัญชีกอบกุล วุฒิมานพ ธนาคารทหารไทย สาขามหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช

    ติดต่อสอบถามได้ที่ นางสาวกอบกุล วุฒิมานพ โทรศัพท์ 0869454196 หรือที่ร้านขนมจีนป้านวยและนางแสงอรุณ เกื้อสุข โทรศัพท์ 0909826082

    ร่วมบุญได้ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2557 นี้นะค่ะ


    ๏ บุญใดยิ่งใหญ่พร้อม...เป็นบุญ
    สร้างกอบเกื้อค้ำจุน...มั่นไว้
    ศาสนาเย็นเป็นคุณ...เหล่าศาส -นิกเฮย
    เผยแผ่สานก่อไซร้...จากเบื้องบางบรรพ์ ฯ

    ๏ เอมอิ่มปริ่มสุขสร้าง...บารมี
    สร้างก่อล้วนสิ่งดี...มิว่างเว้น
    เสริมสุขด้วยวิถี...โพธิสัตว์ แท้นอ
    ดำรงคู่ที่จิตเน้น...จิตนี้สุขเกษม ๚๛
    …………….

    พระอาจารย์เอกเมตตาบอกว่าทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการบุญครั้งนี้วิญญานของท่านผู้นั้นอยู่ที่สำนักปฎิบัติธรรมวัดใหญ่แห่งนี้ และพระหลวงพ่อใหญ่อองค์นี้พระอาจารย์เอกได้สร้างให้พระเจ้าจันทรภาณุ หากท่านใดมีบุญสัมพันธ์ก็มาร่วมบุญด้วยกันนะค่ะ

    [​IMG]

    พระเจ้าจันทรภาณุ
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    ปรมาภิไธย พระเจ้าจันทรภาณุ
    พระอิสริยยศ พระมหากษัตริย์นครศรีธรรมราช
    ราชวงศ์ ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช
    ครองราชย์ พ.ศ. 1790 - พ.ศ. 1813
    ระยะครองราชย์ 23 ปี
    รัชกาลก่อนหน้า พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช
    ข้อมูลส่วนพระองค์
    พระราชสมภพ ประมาณ พ.ศ. 1746
    อาณาจักรศรีวิชัย
    สวรรคต พ.ศ. 1813
    นครศรีธรรมราช
    พระชนมายุ 67 ปี
    พระราชบิดา ไม่ปรากฏ
    พระราชมารดา ไม่ปรากฏ
    พระเจ้าจันทรภาณุ (อังกฤษ: King Chandra Banu) หรือ พระเจ้าศรีธรรมโศกราชองค์ที่ 2 ของราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช (นครศรีธรรมราช) แห่งอาณาจักรตามพรลิงก์[1] เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงเผยแผ่พระอานุภาพขจรไปยังแคว้นไกลที่สุด นั่นคือสามารถแผ่ไปถึงเกาะลังกา โดยการยกทัพไปตีถึง 2 ครั้งที่ยกทัพเรือเข้าโจมตีเกาะลังกา (ประเทศศรีลังกา ในปัจจุบัน) พระองค์ทรงยึดครองภาคเหนือของเกาะนี้ได้ (ค.ศ. 1235-1275)

    พระราชประวัติ[แก้]
    พระเจ้าจันทรภาณุ ตามประวัติจากหลักฐานตำนานเมืองและตำนานพระธาตุทราบว่า พระเจ้าจันทรภาณุ เป็นพระอนุชาของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช (องค์ที่ 1 แห่งราชวงศ์ศรีธรรมโศกราช หรือราชวงศ์ปทุมวงศ์)[2] มีใจความว่า "ท้าวศรีธรรมาโศกราชก็ตั้งอารามก่อพระเจดีย์ ปลูกพระศรีมหาโพธิรายทางมาจนถึงเมืองนคร ตั้งแต่นั้นทั้งสองภาราได้แต่งบรรณาการตอบแทนกันมิได้ขาดปี เมื่อพระญานครศรีธรรมาโศกราชถึงแก่กรรม เมื่อศักราช 1200 ปี พระญาจันทรภาณุ เป็นเจ้าเมือง พระญาพงษาสุราเป็นพระญาจันทรภาณุ ตั้งฝ่ายทักษิณพระมหาธาตุเป็นเมืองพระเวียง" พระเจ้าจันทรภาณุ นับเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งในราชวงค์ศรีธรรมาโศกราช มีข้อความปรากฏอยู่ในศิลาจารึกตอนหนึ่งว่า "ศรีสวัสดิ พระเจ้าผู้ปกครองกรุงตามพรลิงก์ เป็นผู้อุปถัมภ์ตระกูลปทุมวงค์ พระหัตถ์ของพระองค์มีฤทธิ์มีอำนาจ ด้วยอนุภาพแห่งบุญกุศล ซึ่งพระองค์ได้กระทำแก่มนุษย์ทั้งปวง ทรงเดชานุภาพดุจพระอาทิตย์พระจันทร์และมีเกียรติอันเลื่องลือ ทรงพระนามจันทรภาณุศิริธรรมราช เมื่อกลียุค 4332" ศิลาจากรึกนี้ตรงกับ พ.ศ 1773

    พระราชกรณียกิจ[แก้]
    1. ประกาศอิสรภาพจากอาณาจักรศรีวิชัยให้แก่นครศรีธรรมราช ตอนนั้นนครฯเป็นรัฐหนึ่งของศรีวิชัย ซึ่งตอนนั้นศรีวิชัยอ่อนแอเต็มที พระเจ้าจันทรภาณุจึงประกาศเอกราชจากศรีวิชัยในราว พ.ศ. 1773 และอาณาจักรศรีวิชัยก็ถึงกาลอวสานในราวปี พ.ศ. 1838 หลังจากครองความ ยิ่งใหญ่มานานประมาณ 500 ปี

    2. ยกทัพไปตีลังกา 2 ครั้ง ดังนี้

    ครั้งที่ 1.ยกไปตีลังกาในราวปี พ.ศ. 1750 ในสมัยของพระเจ้าปรักกรมพาหุ กษัตริย์แห่งลังกา ในการรบครั้งนี้ได้รับชัยชนะ เป็นเหตุให้แสนยานุภาพของพระองค์แผ่ไปตลอดแหลมมลายู และเกิดมีอาณานิคมของตามพรลิงก์อยู่ในลังกา และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ลังกาต้องมอบพระพุทธสิหิงค์ให้ในโอกาสต่อมา และชาวลังกาเรียกพระนามของพระองค์ว่า ชวากะ

    ครั้งที่ 2 ยกทัพไปตีลังกาครั้งนี้อยู่ในระหว่าง พ.ศ. 1801 – พ.ศ. 1803 หรือในราว พ.ศ. 1795 นักประวัติศาสตร์บางท่านมีความเห็นว่า ในการรบครั้งนี้พระองค์มิได้กรีฑาทัพไปโดยพระองค์เอง แต่มอบหมายให้ราชโอรสพร้อมด้วยนายพลคนสำคัญไปรบแทน

    การไปรบลังกาในครั้งหลังนี้พระเจ้าจันทนภาณุ ได้รับความช่วยเหลือจากทหารชาวทมิฬโจฬะ และพวกปาณฑย์ ซึ่งเป็นศัตรูกับชาวลังกามาแต่โบราณ และได้ยกพลขึ้นบกที่มหาติตถะ ทางฝ่ายนครศรีธรรมราช มีเจ้าชายวีรพาหุเป็นแม่ทัพในระยะแรกฝ่ายพระเจ้าจันทรภาณุมีชัยชนะในการรบ แต่ระยะหลังกองทัพของพวกปาณฑ์เกิดกลับใจไปร่วมรบกับพวกลังกาตีพวกโจฬะแตกพ่าย ทำให้ทัพของพระเจ้าจันทรภาณุถูกล้อม มีนักประวัติศาสตร์บางท่านกล่าวว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ในสนามรบ แต่บางท่านบอกว่าพระองค์เสด็จกลับมาได้และอยู่ต่อมาอีกหลายปีจึงสิ้นพระชนม์

    3. สร้างวัดวาอาราม อาจารย์มานิต วัลลิโภดมได้สืบสาวเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ความว่า ในระหว่าง พ.ศ. 1776 – พ.ศ. 1823 นครศรีธรรมราชว่างจากราชการสงครามมีเวลาว่าง จึงได้สร้างวัดขึ้นหลายวัดเช่น วัดพระเดิม วัดหว้าทยานหรือวัดหว้าอุทยาน และได้มีการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิไว้ทุกวัดด้วย

    4. ตั้งลัทธิลังกาวงศ์ขึ้นที่นครศรีธรรมราช ในช่วงที่พระเจ้าจันทรภาณุได้ส่งทูตไปเมืองลังการเพื่อขออัญเชิญพระพุทธสิหิงค์นั่นเอง ก็ได้ส่งพระภิกษุชาวนครศรีธรรมราชไปศึกษาพระธรรมวินัยแบบหินยานของลังกา และตอนขากลับก็ได้เชิญพระภิกษุชาวลังกาพร้อมชนชาวลังกามาด้วย มาตั้งคณะสงฆ์ขึ้นใหม่ที่นครศรีธรรมราชเรียกว่า "พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์" แทนลัทธิเดิมซึ่งพระพุทธศาสนาแบบมหายานตามอย่างศรีวิชัย ต่อมาลัทธิลังกาวงศ์ก็แผ่ไปสู่สุโขทัย ตั้งเป็นปึกแผ่นอย่างมั่นคงมาจนปัจจุบันนี้

    5. สร้างพระบรมธาตุเจดีย์ให้เป็นแบบทรงลังกา ด้วยในระยะพระบรมธาตุเดิมเป็นแบบศรีวิชัยและชำรุดทรุดโทรมมาก พระภิกษุและชนชาวลังกาที่มาอยู่ที่นครศรีธรรมราช รวมทั้งชาวนครฯเองด้วย ลงความเห็นกันว่าเห็นควรบูรณะซ่อมแซมองค์พระบรมธาตุเสียใหม่ให้แข็งแรง โดยให้สร้างใหม่หมดทั้งองค์ตามแบบทรงลังกา และให้คร่อมทับพระเจดีย์องค์เดิมไว้โดยสร้างเป็นพระสถูปทรงโอคว่ำ พระเจดีย์องค์เดิมได้ค้นพบเมื่อคราวบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุเจดีย์ในสมัย รัชกาลที่ 5 และมีหลักฐานยืนยันว่าชนชาวลังกาได้มาอยู่ที่นครฯจริง ด้วยในปี พ.ศ. 2475 ได้ขุดพบพระพุทธรูปลังกาทำด้วยหินสีเขียวคล้ายมรกต 1 องค์ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นฝีมือของชาวลังการุ่นเก่า โดยขุดพบที่บริเวณพระพุทธบาทจำลองในวัดพระมหาธาตุฯ ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ได้เก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช

    ผู้ที่ได้สร้างพระพุทธรูป อานิสงส์ที่จะได้รับมีดังนี้

    ๑. จะได้บุญตั้งแต่วินาทีแรกที่คิดจะทำการสร้าง อันประกอบไปด้วยความศรัทธาในพระพุทธองค์ ซึ่งจัดว่าเป็ตถาคตแห่งโพธิศรัทธา

    ๒. เมื่อได้บริจาคทรัพย์ในการสร้าง ก็จัดเป็นทานบารมี

    ๓. เมื่อได้ขวนขวายติดตามการสร้างองค์พระปฏิมาตลอดงานจนแล้วเสร็จ จัดเป็นกุศลเวยยาวัจจมัย

    ๔. เมื่อองค์พระปฏิมาสำเร็จโดยบริบูรณ์ได้เป็นที่ตั้งแห่งความตามอนุสรณ์ถึงพระพุทธคุณทั้งตัวเองด้วย ทั้งผู้อื่นด้วย กุศลจะเกิดเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ได้อาศัยพระปฏิมา

    ๕. อำนาจแห่งกุศลที่ได้สร้างองค์พระปฏิมาส่งผลให้เกิดเป็นคนรูปงาม มีบุคลิกสง่างาม เป็นที่รักของประชาชนและอิสริยายศ บริวาร ทรัพย์สมบัติ ตลอดจนความสุขสถาพร ไม่เป็นคนวิกลวิกาล

    ๖. ปิดอบายภูมิและส่งให้ปฏิสนธิในสุคตภูมิทันที ในสมัยกาลมรณะแล้ว หากมีอารมณ์ในกุศลกิจนั้นมาปรากฏให้จิตยึดก่อนจะจุติ

    ๗. เป็นการส่งเสริมพระพุทธศิลปะให้เจริญแพร่หลายพุทธศิลปะนั้นในชนที่มีความเจริญทางสติปัญญา เขายกย่องว่าเป็นศิลปะอันสุขุมประณีตละเอียดอ่อน เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติธรรมและปัญญาธรรมบริสุทธิ์

    และนอกจากนี้ยังเชื่อกันอีกว่า หากได้ทำการสร้างพระพุทธรูปถวายวัดด้วยศรัทธาอันแรงกล้า และเต็มใจที่จะสละทรัพย์สมบัติส่วนเพื่อสร้างพระพุทธรูปให้ผู้คนได้ใช้ประโยชนืร่วมกันในการสักการะกราบไหว้ ก็จะเกิดอนิสงส์กับตัวผู้สร้างเองทำให้หลุดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บและภยันตรายต่างๆ ประสบความสำเร็จในชีวิต จะพร้อมบริบูรณ์ไปด้วยบริวารและทรัพย์สินเงินทอง เมื่อได้สิ้นสูญบุญในชาตินี้ ในชาติหน้าก็จะได้เกิดเป็นมนุษย์ที่พรั่งพร้อมไปด้วยทัพย์สมบัติ

    อานิสงค์ในการจัดสร้างพระประธาน

    ๑.อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ

    ๒.มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภันตรายจะสลายหรือเบาบางลง

    ๓.เจ้ากรรมนายเวรที่ติดตามมาจากทุกภพชาติในอดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อได้รับส่วนบุญไปและได้อนุโมทนาด้วยแล้วก็จะเลิกเว้นการอาฆาตพยาบาทจองเวร ยอดปลดปล่อย

    ๔.เหล่ายักษ์ ผี รากษส งูพิษ เสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยกล้ำกรายได้

    ๕.จิตใจสงบ ปวงภัยไม่เกิด ฝันร้ายไม่มี ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล

    ๖.มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฎเกินคาดฝัน ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน

    ๗.คำกล่าเป็นสัตย์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา

    ๘.คนโง่จัดสิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจักได้เกิดเป็นชาย

    ๙.พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่มีบุญเกื้อหนุน มีปัญญาเลิศล้ำ บุญกุศลเรืองรอง

    ๑๐.สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็น เป็นเนื้อนาบุญอย่างอเนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยะเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ


    สำหรับสถานปฎิบัติธรรมวัดใหญ่ ตั้งอยู่ที่ตำบลโมคลาน อ.ท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราชค่ะ
    เดิมเป็นวัดร้างมาก่อนค่ะได้ทราบมาจากคนในพื้นที่ว่าบริเวณนั้นมีทั้งคนไทยพุทธและไทยอิสลาม
    ซึ่งไทยพุทธจะน้อยกว่าและไม่ใคร่ศรัทธาในพระสงฆ์ของวัด พระสงฆ์ไม่มีชาวบ้านมาใส่บาตรไม่มีผู้ศรัทธาจึงต้องปล่อยให้วัดนั้นร้างไป
    และบริเวณตรงนั้นเลยกลายเป็นที่ฝังศพสำหรับชาวบัานแถวนั้น ทั้งไทยพุทธและไทยอิสลามเพราะคนไทยเชื่อกันว่าการน้ำศพมาฝังใกล้ๆพระคงดีกว่า
    จะเห็นได้ว่าดวงวิญญานเยอะมาก ...

    หลังจากนั้นก้อมีพระป่าท่านมาใช้เป็นสถานที่พำนักเพื่อปฎิบัติธรรรม
    และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านจึงมีชาวบ้านแถวนั้นมาร่วมปฎิบัติธรรมด้วยเรื่อยๆ
    ซึ่งปฎิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ขาดศาลาปฎิบัติธรรม โรงทาน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สมควรแก่ผู้มาปฏิบัติธรรม

    ชาวบ้านจะปฏิบัติธรรมกลางลานดิน ในลานกลางป่าซึ่งชาวบ้านจะช่วยกันถากถางที่ให้เป็นที่เตียนโล่งเพื่อปฎิบัติธรรม
    แต่พอฝนตกก้อขาดที่พักฝนในช่วงปฎิบัติธรรม และไม่สามารถปฎิบัติธรรมต่อได้ในขณะที่ฝนกำลังตกได้
    และพื้นที่ที่เปียกแฉะเป็นโคลน พอหน้าน้ำ น้ำมาแรงก้อท่วมถึง เส้นทางเข้าออกก้อจะไปมาลำบาก

    การให้ในสิ่งที่ผู้รับต้องการย่อมมีประโยชน์สูงสุดค่ะทั้งแก่เราเองและตัวผู้รับเองค่ะ
    การทำทานหรือการให้เป็นการบำเพ็ญอย่างหนึ่งค่ะเพราะทำให้เกิดการลดละ ลดละการยึดติดในเงินตรา
    จิตใจจะได้ซึบซับการให้ รู้จักการแบ่งปัน

    คนเราทุกวันนี้จักใช้ชีวิตไหลไปตามเทคโนโลเสียส่วนมาก
    จนลืมคิดถึงรายละเอียดส่วนนี้ไปจึงเกิดเป็นผลเสียแก่สังคม
    เกิดถกเถียง แตกแยก ชิงดีชิงเด่น เพราะความเอื้อเฟื้อ ความละเอียดทางด้านจิตใจลดน้อยลง
    เด็กไม่เป็นเด็ก ผู้ใหญ่ไม่เป็นผู้ใหญ่ ความเคารพนับถือกันด้วยความจริงใจเลยเกิดขึ้นน้อยลงไปด้วย
    สังคมใดดำเนินไปด้วยการแบ่งปัน สังคมนั้นย่อมยั่งยืน มั่นคงค่ะ

    ในเมื่อดวงจิตคนเราเดิมแท้คือจิตประภัสสร ปราศจากกอาสวะกิเลสการมุ่งขจัดกิเลสย่อมจะทำให้ดวงจิตกลับคืนสู่ความประภัสสรเช่นเดิม
    แต่ในขณะที่ชาวบ้านตาดำๆไม่ใคร่มีโอกาสนั้น แต่ผู้คนในเมืองหลากหลายไปด้วยโอกาส
    อีกอย่างการมีเครื่องอำนวยความสะดวกเกินความจำเป็นสำหรับผู้ปฎิบัติธรรม
    รวมทั้งการกินที่มีมากเกินย่อมจักเป็นการสั่งสมกิเลสโดยไม่รู้ตัว เท่ากับว่าเราสั่งสมศัตรูให้ตัวเอง
    การยั้งชั่งใจของผู้ปฎิบัติธรรมเองก้อเป็นอีกทางหนึ่งซึ่งเราไม่สมควรโยนหน้าที่ให้ผู้ฝึกทั้งหมดด้วยพยามยับยั้งชั่งใจตน
    ดังคำที่ว่า "ตนเตือนตนไม่ได้แล้วใครจักเตือน"
    เพราะฉะนั้นทุกๆอย่างควรดำเนินอยู่บนทางสายกลางดั่งคำตรัสสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า "ครูครึ่งหนึ่งศิษย์ครึ่งหนึ่ง"
    ให้ครูแบกคนเดียวทั้งหมดครูก็ไม่ไหวเช่นกัน ...

    การจะสร้างสถานที่ปฎิบัติธรรมไม่ว่าในป่าหรรือพื้นที่ใดย่อมต้องยังความเห็นพร้อมทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง
    เบื้องล่างคือโลกมนุษย์และภพภูมิที่ลดหลั่นลงมาอีกทั้งภพภูมิอื่นๆ
    ไม่ได้สร้างขึ้นจากการเบียดเบียนใครแม้ทางใจ - กาย การสร้างย่อมยังความเห็นพร้อมของทุกฝ่ายรวมทั้งชาวบ้านผุ้มาปฏิบัติธรรมเอง


    ____________

    จากเพจที่ขอเชิญร่วมกันสร้างพระในเฟชบุ๊คนะค่ะ

    https://www.facebook.com/konravee/posts/833583253320244

    จากที่ได้ร่วมบุญกันถมดินนะค่ะ ดูได้จากเตตัสในเฟชบุ๊คเลยค่ะ
    https://www.facebook.com/photo.php?...85594018.17747.100000057309629&type=1&theater
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2014
  2. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    ผู้ที่ได้สร้างพระพุทธรูป อานิสงส์ที่จะได้รับมีดังนี้

    ๑. จะได้บุญตั้งแต่วินาทีแรกที่คิดจะทำการสร้าง อันประกอบไปด้วยความศรัทธาในพระพุทธองค์ ซึ่งจัดว่าเป็ตถาคตแห่งโพธิศรัทธา

    ๒. เมื่อได้บริจาคทรัพย์ในการสร้าง ก็จัดเป็นทานบารมี

    ๓. เมื่อได้ขวนขวายติดตามการสร้างองค์พระปฏิมาตลอดงานจนแล้วเสร็จ จัดเป็นกุศลเวยยาวัจจมัย

    ๔. เมื่อองค์พระปฏิมาสำเร็จโดยบริบูรณ์ได้เป็นที่ตั้งแห่งความตามอนุสรณ์ถึงพระพุทธคุณทั้งตัวเองด้วย ทั้งผู้อื่นด้วย กุศลจะเกิดเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ได้อาศัยพระปฏิมา

    ๕. อำนาจแห่งกุศลที่ได้สร้างองค์พระปฏิมาส่งผลให้เกิดเป็นคนรูปงาม มีบุคลิกสง่างาม เป็นที่รักของประชาชนและอิสริยายศ บริวาร ทรัพย์สมบัติ ตลอดจนความสุขสถาพร ไม่เป็นคนวิกลวิกาล

    ๖. ปิดอบายภูมิและส่งให้ปฏิสนธิในสุคตภูมิทันที ในสมัยกาลมรณะแล้ว หากมีอารมณ์ในกุศลกิจนั้นมาปรากฏให้จิตยึดก่อนจะจุติ

    ๗. เป็นการส่งเสริมพระพุทธศิลปะให้เจริญแพร่หลายพุทธศิลปะนั้นในชนที่มีความเจริญทางสติปัญญา เขายกย่องว่าเป็นศิลปะอันสุขุมประณีตละเอียดอ่อน เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติธรรมและปัญญาธรรมบริสุทธิ์

    และนอกจากนี้ยังเชื่อกันอีกว่า หากได้ทำการสร้างพระพุทธรูปถวายวัดด้วยศรัทธาอันแรงกล้า และเต็มใจที่จะสละทรัพย์สมบัติส่วนเพื่อสร้างพระพุทธรูปให้ผู้คนได้ใช้ประโยชนืร่วมกันในการสักการะกราบไหว้ ก็จะเกิดอนิสงส์กับตัวผู้สร้างเองทำให้หลุดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บและภยันตรายต่างๆ ประสบความสำเร็จในชีวิต จะพร้อมบริบูรณ์ไปด้วยบริวารและทรัพย์สินเงินทอง เมื่อได้สิ้นสูญบุญในชาตินี้ ในชาติหน้าก็จะได้เกิดเป็นมนุษย์ที่พรั่งพร้อมไปด้วยทัพย์สมบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2014
  3. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    หลักฐานการแจ้งโอนยินดีที่ได้ร่วมบุญกันค่ะโมทนาสาธุค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2014
  4. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    ขอแจงเรื่องการเปิดบัญชีใหม่หน่อยนะค่ะ เนื่องจากเงินจำนวนนี้เป็นเงินเกี่ยวกับงานบุญ ซึ่งดอกเบี้ยที่งอกเงยขึ้นมาจากเงินนี้จะมอบให้ทางสถานปฎิบัติธรรมวัดใหญ่หมดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป แต่เป็นบัญชีที่แยกย่อยจากบัญชี่ของไหม จึงต้องใช้ชื่อไหมเนื่องจากไม่มีความสะดวกที่จะไปเปิดบัญชีที่เคาเตอร์ธนาคารเอง หากใช้บัญชีปนกลับบัญชีไหมเองดอกเบี้ยนั้นก้ออาจตกไปเป็นของเจ้าของบัญชีและใช้ไปไม่รู้ตัว เจ้าของบัญชีอาจไม่คิดอะไรที่จะได้หรือไม่ได้เงินส่วนนี้มาใช้ แต่ก้อ แหะๆๆๆ เอาให้สบายใจแล้วกันค่ะ อิอิอิ ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    อานิสงค์ในการจัดสร้างพระประธาน

    ๑.อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ

    ๒.มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภันตรายจะสลายหรือเบาบางลง

    ๓.เจ้ากรรมนายเวรที่ติดตามมาจากทุกภพชาติในอดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อได้รับส่วนบุญไปและได้อนุโมทนาด้วยแล้วก็จะเลิกเว้นการอาฆาตพยาบาทจองเวร ยอดปลดปล่อย

    ๔.เหล่ายักษ์ ผี รากษส งูพิษ เสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยกล้ำกรายได้

    ๕.จิตใจสงบ ปวงภัยไม่เกิด ฝันร้ายไม่มี ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล

    ๖.มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฎเกินคาดฝัน ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน

    ๗.คำกล่าเป็นสัตย์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา

    ๘.คนโง่จัดสิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจักได้เกิดเป็นชาย

    ๙.พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่มีบุญเกื้อหนุน มีปัญญาเลิศล้ำ บุญกุศลเรืองรอง

    ๑๐.สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็น เป็นเนื้อนาบุญอย่างอเนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยะเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ
     
  6. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    สำหรับสถานปฎิบัติธรรมวัดใหญ่ ตั้งอยู่ที่ตำบลโมคลาน อ.ท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราชค่ะ
    เดิมเป็นวัดร้างมาก่อนค่ะได้ทราบมาจากคนในพื้นที่ว่าบริเวณนั้นมีทั้งคนไทยพุทธและไทยอิสลาม
    ซึ่งไทยพุทธจะน้อยกว่าและไม่ใคร่ศรัทธาในพระสงฆ์ของวัด พระสงฆ์ไม่มีชาวบ้านมาใส่บาตรไม่มีผู้ศรัทธาจึงต้องปล่อยให้วัดนั้นร้างไป
    และบริเวณตรงนั้นเลยกลายเป็นที่ฝังศพสำหรับชาวบัานแถวนั้น ทั้งไทยพุทธและไทยอิสลามเพราะคนไทยเชื่อกันว่าการน้ำศพมาฝังใกล้ๆพระคงดีกว่า
    จะเห็นได้ว่าดวงวิญญานเยอะมาก ...

    หลังจากนั้นก้อมีพระป่าท่านมาใช้เป็นสถานที่พำนักเพื่อปฎิบัติธรรรม
    และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านจึงมีชาวบ้านแถวนั้นมาร่วมปฎิบัติธรรมด้วยเรื่อยๆ
    ซึ่งปฎิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ขาดศาลาปฎิบัติธรรม โรงทาน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สมควรแก่ผู้มาปฏิบัติธรรม

    ชาวบ้านจะปฏิบัติธรรมกลางลานดิน ในลานกลางป่าซึ่งชาวบ้านจะช่วยกันถากถางที่ให้เป็นที่เตียนโล่งเพื่อปฎิบัติธรรม
    แต่พอฝนตกก้อขาดที่พักฝนในช่วงปฎิบัติธรรม และไม่สามารถปฎิบัติธรรมต่อได้ในขณะที่ฝนกำลังตกได้
    และพื้นที่ที่เปียกแฉะเป็นโคลน พอหน้าน้ำ น้ำมาแรงก้อท่วมถึง เส้นทางเข้าออกก้อจะไปมาลำบาก

    การให้ในสิ่งที่ผู้รับต้องการย่อมมีประโยชน์สูงสุดค่ะทั้งแก่เราเองและตัวผู้รับเองค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  7. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    การทำทานหรือการให้เป็นการบำเพ็ญอย่างหนึ่งค่ะเพราะทำให้เกิดการลดละ ลดละการยึดติดในเงินตรา
    จิตใจจะได้ซึบซับการให้ รู้จักการแบ่งปัน

    คนเราทุกวันนี้จักใช้ชีวิตไหลไปตามเทคโนโลเสียส่วนมาก
    จนลืมคิดถึงรายละเอียดส่วนนี้ไปจึงเกิดเป็นผลเสียแก่สังคม
    เกิดถกเถียง แตกแยก ชิงดีชิงเด่น เพราะความเอื้อเฟื้อ ความละเอียดทางด้านจิตใจลดน้อยลง
    เด็กไม่เป็นเด็ก ผู้ใหญ่ไม่เป็นผู้ใหญ่ ความเคารพนับถือกันด้วยความจริงใจเลยเกิดขึ้นน้อยลงไปด้วย
    สังคมใดดำเนินไปด้วยการแบ่งปัน สังคมนั้นย่อมยั่งยืน มั่นคงค่ะ

    ในเมื่อดวงจิตคนเราเดิมแท้คือจิตประภัสสร ปราศจากกอาสวะกิเลสการมุ่งขจัดกิเลสย่อมจะทำให้ดวงจิตกลับคืนสู่ความประภัสสรเช่นเดิม
    แต่ในขณะที่ชาวบ้านตาดำๆไม่ใคร่มีโอกาสนั้น แต่ผู้คนในเมืองหลากหลายไปด้วยโอกาส
    อีกอย่างการมีเครื่องอำนวยความสะดวกเกินความจำเป็นสำหรับผู้ปฎิบัติธรรม
    รวมทั้งการกินที่มีมากเกินย่อมจักเป็นการสั่งสมกิเลสโดยไม่รู้ตัว เท่ากับว่าเราสั่งสมศัตรูให้ตัวเอง
    การยั้งชั่งใจของผู้ปฎิบัติธรรมเองก้อเป็นอีกทางหนึ่งซึ่งเราไม่สมควรโยนหน้าที่ให้ผู้ฝึกทั้งหมดด้วยพยามยับยั้งชั่งใจตน
    ดังคำที่ว่า "ตนเตือนตนไม่ได้แล้วใครจักเตือน"
    เพราะฉะนั้นทุกๆอย่างควรดำเนินอยู่บนทางสายกลางดั่งคำตรัสสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า "ครูครึ่งหนึ่งศิษย์ครึ่งหนึ่ง"
    ให้ครูแบกคนเดียวทั้งหมดครูก็ไม่ไหวเช่นกัน ...

    การจะสร้างสถานที่ปฎิบัติธรรมไม่ว่าในป่าหรรือพื้นที่ใดย่อมต้องยังความเห็นพร้อมทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง
    เบื้องล่างคือโลกมนุษย์และภพภูมิที่ลดหลั่นลงมาอีกทั้งภพภูมิอื่นๆ
    ไม่ได้สร้างขึ้นจากการเบียดเบียนใครแม้ทางใจ - กาย การสร้างย่อมยังความเห็นพร้อมของทุกฝ่ายรวมทั้งชาวบ้านผุ้มาปฏิบัติธรรมเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  8. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    ท่านที่ต้องการร่วมบุญกรุณาแจ้งชื่อจริงนามสกุลจริงด้วยนะค่ะ
    เจ้าของหมายเลขโทรศัพท์นี้ 0910139355 กรุณาแจ้งชื่อจริงนามสกุลจริงด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  9. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    พีธีหล่อเทียนพรรษาสิบสองราศรี ชาวบ้าน และผู้มาปฎิบัติธรรมที่นี้จะร่วมมือกันเป็นอันหนึ่งอันดีมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2014
  10. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    เนื่องจากในบางเวลาไหมอาจจะไม่สะดวกในการรับโทรศัพท์น่ะค่ะ หากท่านใดที่โอนเงินมาร่วมบุญสามารถส่งหลักฐานการโอนพร้อมทั้งชื่อที่อยู่มาทาง sms ได้น่ะค่ะ หรือทางอีเมล์ kopkul_m@hotmail.com หรือ line id:yaimaija11 ทางสเตตัสนี้ หรือทางกล่องข้อความก้อได้ค่ะ สาธุกับทุกดวงจิตค่ะ ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2014
  11. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2014
  12. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    ขอทุกท่านที่โอนเงินเข้ามาแจ้งหลักฐานการโอนเข้ามด้วยน่ะค่ะ ตามเบอร์อีเมล์ ไลน์ เบอร์โทร sms หรือ mms หรือทางกล่องข้อความที่แจ้งเอาไว้ ขอบคุณค่ะ ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 270757.jpg
      270757.jpg
      ขนาดไฟล์:
      218.6 KB
      เปิดดู:
      52
  13. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    ได้ถวายเงินร่วมสร้างพระกับพระอาจารย์เอกเรียบร้อยแล้วน่ะค่ะสำหรับท่านที่ร่วมบุญผ่านทางไหม จำนวน 3500 บาท สำหรับท่านใดที่มีควาามประสงค์จะร่วมบุญยังโอนปัจจัยมาร่วมบุญได้อีกนะค่ะ ทราบมาว่าพระอาจารย์เอกจะสร้างพระทั้งหมดสามองค์รวมต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 8 แสนบาทค่ะ สาธุกับทุกดวงจิตนะค่ะ ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...