ติดตามสถานะการณ์

Tee Terapong



ชาวบ้าน หมู่บ้านปางผึ้ง จ.อุตรดิตถ์ เฮ !! หลังไม่มีไฟฟ้าใช้มากกว่า 40 ปี
เกือบ 1 เดือนที่ทีมงานรายการรถปลดทุกข์ได้ลงพื้นที่และติดตามวิถีชีวิตพวกเขาทั้ง 12 ครัวเรือน ในการหาแนวทางช่วยเหลือ ติดตามทั้งหมดนี้ได้ในรายการรถปลดทุกข์ อังคารนี้ เวลา 17.00 น.
ติดตามชมได้ที่ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 หรือ ไทยรัฐทีวี
‪#‎รถปลดทุกข์‬ ‪#‎ไฟฟ้า‬ ‪#‎ไทยรัฐ‬ ‪#‎ไทยรัฐทีวี‬ ‪#‎ThairathTV‬

 

prachachat ได้แชร์ลิงก์


′นาซา′ได้ข้อสรุป รับมืออุกกาบาตถล่มโลก
updated: 24 มิ.ย. 2557 เวลา 12:40:56 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



ในที่สุดองค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ก็ได้ข้อสรุปว่าจะจัดการอย่างไรกับ บรรดาดาวเคราะห์น้อยทั้งหลายที่มีวงโคจรใกล้โลก ที่มีโอกาสที่จะหลุดเข้ามาอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของโลกแล้วกลายเป็นอันตรายอย่างมหันต์ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์แล้ว

โครงการ "เนียร์ เอิร์ธ อ็อบเจกต์" ของนาซา เตรียมฝึกซ้อมปฏิบัติการที่เรียกว่า "แอสเทอรอยด์ รีทรีฟวอล มิสชั่น" หรือ "อาร์ม" ให้พร้อมพอสำหรับการรับมือกับดาวเคราะห์น้อยอันตรายทั้งหลายภายในทศวรรษ 2020 ที่จะถึงนี้

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า มีดาวเคราะห์น้อยที่มีโอกาสก่อให้เกิดหายนภัยในระดับถล่มเมืองได้อยู่ราว 20,000 ดวง หลังจากที่กระบวนการจัดหมวดหมู่และตรวจสอบจำนวนดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก คืบหน้าไปอย่างมากในช่วงราว 20 ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าหากตรวจสอบได้ว่า ดวงหนึ่งดวงใด มีวงโคจรซึ่งมีแนวโน้มจะพุ่งเข้าหาโลก ก็จะเป็นหน้าที่ของปฏิบัติการ "อาร์ม" ในการจัดการกับเทหวัตถุอันตรายบนท้องฟ้าเหล่านั้น

"อาร์ม" เป็นโครงการขนาดใหญ่ของนาซา มีมูลค่าโครงการจนถึงขณะนี้สูงถึง 1,250 ล้านดอลลาร์ เพื่อการจัดส่งยานหุ่นยนต์อวกาศขึ้นไปจัดการกับเทหวัตถุดังกล่าว นำมันออกไปจากวงโคจรปกติ ไปอยู่ในวงโคจรเสถียรรอบดวงจันทร์ สำหรับเก็บไว้ศึกษาข้อมูลต่อไป

ลินด์ลีย์ จอห์นสัน ผู้อำนวยการโครงการนีโอ ที่จะเป็นผู้รับผิดชอบในปฏิบัติการอาร์มดังกล่าวนี้ ระบุว่า นาซา มีทางเลือกเป็น 2 ทางสำหรับการจัดการกับดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกที่อาจเป็นอันตรายดังกล่าว ทางแรกก็คือ การใช้ยานอวกาศหุ่นยนต์ จัดการควบคุมดาวเคราะห์น้อยหรือชิ้นส่วนของดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เมตร ลากออกไปเก็บไว้ในวงโคจรค้างฟ้ารอบดวงจันทร์ สำหรับศึกษาหาข้อมูลต่อไป ทางที่สอง จะใช้ในการรับมือกับดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่านั้น คือ การใช้ยานหุ่นยนต์ดังกล่าวดีดดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ออกไปให้พ้นวงโคจร

ในกระบวนการในการจัดการกับดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่กว่า 10 เมตรดังกล่าวนั้น ยานอวกาศหุ่นยนต์ของนาซาจะทำหน้าที่เหมือนรถลากด้วยแรงโน้มถ่วงที่สร้างขึ้นเปลี่ยนแปลงวงโคจรของมันทีละน้อยๆ จนหลุดพ้นออกจากเส้นทางโคจรที่จะถล่มโลกได้ในที่สุด หรืออาจใช้ระบบขับเคลื่อน "โซลาร์ อิเล็กตริก ไอออน" สร้างแรงผลักโดยตรงต่อตัวดาวเคราะห์น้อย ซึ่งจำเป็นต้องประเมินดูว่า จำเป็นต้องใช้พลังงานเท่าใด และใช้เวลานานเท่าใดในการจัดการผลักดันมวลของดาวเคราะห์น้อยซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่ต้องการผลักดันออกนอกวงโคจรดังกล่าว

ไมเคิล เกตส์ ผู้อำนวยการปฏิบัติการอาร์มของนาซา ระบุว่า จะมีการทบทวนแนวความคิดของภารกิจทั้งสองทางในราวเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า หลังจากนั้นนาซาก็เตรียมแผนจะส่งยานอวกาศหุ่นยนต์ขึ้นสู่ห้วงอวกาศในปี 2019 และกำหนดจะทดสอบปฏิบัติการกับดาวเคราะห์น้อยดวงใดดวงหนึ่งในช่วงเวลาระหว่างปี 2021-2024 ขึ้นอยู่กับว่า นาซา จะเลือกฝึกซ้อมตามแนวทางแรก คือกับดาวเคราะห์น้อยขนาดไม่เกิน 10 เมตร หรือกับดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่กว่านั้นนั่นเอง

ที่มา นสพ.มติชน

′นาซา′ได้ข้อสรุป รับมืออุกกาบาตถล่มโลก : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

คนไทย รักในหลวง‎ต้องรอด V.เตือนภัยฯ



ตะลึง!! ตีแผ่ความจริงชวนทึ่ง ว่าใน ‘น้ำทะเล 1 หยด’ มี ‘สิ่งใด’ ซ่อนอยู่

ช่างภาพ David Liittschwager ลองถ่ายภาพน้ำทะเล 1 หยดด้วยกล้องพิเศษแบบซูม 25 เท่า แล้วก็ได้พบว่า ในน้ำหยดเดียวที่หลายๆคนกลืนเข้าไป มันมีอะไรยี้ๆอยู่เพียบเลย

ในช่วงวัยเด็ก เหมียวเชื่อว่าหลายคนคงได้ยินคำเตือนว่า ‘อย่าดื่มน้ำทะเลนะลูก’ แต่เอ…เคยสงสัยกันบ้างมั้ยล่ะว่าจริงๆแล้ว ในน้ำทะเลหนึ่งหยดมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง!? !?

ซึ่งภาพชวนทึ่งนี้ เป็นฝีมือของ David Liittschwager ช่างภาพผู้กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย รวมถึงฝากผลงานเกี่ยวกับสัตว์น้ำไว้ใน National Geographic แบบคับคั่ง

โดยช่างภาพรายนี้ได้ ซูมภาพหยดน้ำด้วยกำลังขยาย “25 เท่า” ซึ่งผลลัพธ์ช่างน่าตกใจ เพราะมันไม่ได้มีเพียง ‘รสเค็ม’ เท่านั้นแต่ยังเป็นที่อยู่ของ หนอน ไข่ แบคทีเรีย ไดอะตอม ตัวอ่อนปู และสิ่งมีชีวิตดึ๊บดึ๋ยอีกเพียบ เรียกได้ว่าเล่นเอาเหมียว ‘ไม่กล้ากลืนน้ำทะเล’ เลยทีเดียว…

ที่มา: boredpanda
ตะลึง!! ตีแผ่ความจริงชวนทึ่ง ว่าใน ‘น้ำทะเล 1 หยด’ มี ‘สิ่งใด’ ซ่อนอยู่ | CatDumb.com สำนักข่าวแมวเห

 

George Nammour



ในปี ค.ศ.1936 นิตยสาร "Popular Science" ได้เผยให้เห็นดวงอาทิตย์ที่สองเขมือบโลก เชื่อมโยงไปยังบทความใน popular science (ตุลาคม 1936) (in 1936, the magazine "Popular Science" revealed a second sun engulf the world Link to article in popular science (October 1936))

Popular Science - Google Livres
En 1936, la revue " Popular Science" révélait qu'un second soleil embraserait le monde - Wikistrike
https://translate.google.com/transl...-embraserait-le-monde.html&edit-text=&act=url

ปัญหาสำคัญกับสาระสำคัญของดาวเคราะห์ X ที่จะถูกนำมาอยู่ในมือโดยกลุ่มคน
ของผู้ทำการบิดเบือน ซึ่งด้เยาะเย้ยล่วงหน้ากับวาทกรรมใด ๆ ในเรื่องนี้ โดยไม่คำนึงถึงหลักฐาน และข้อโต้แย้ง (The major problem with the theme of Planet X is that it was taken in hand by a cohort of disinformation agents who are bent on ridiculing advance any discourse on this subject.
Regardless of the evidence and argument, the average citizen needs that the authorities officially recognize its existence before considering this possibility himself.)

ซึ่งหมายความว่าผู้มีอำนาจหน้าที่ เช่น นาซา จะไม่ติดแสตมป์ "อนุมัติ" คนจะไม่ใช้ทฤษฎีนี้อย่างจริงจัง ในความเป็นจริงเมื่อเร็ว ๆ นี้นาซ่าทำสัมปทานตั้งแต่ได้รับการยอมรับว่า 80% ของดวงอาทิตย์ของกาแลคซีของเรา มีคู่แฝดที่ได้รับการยอมรับการดำรงอยู่ (This means that as an authority as NASA n 'will not affix a stamp "approved", people will not take this theory seriously. In truth, NASA recently made concessions since acknowledged that 80% of the suns of our galaxy had a twin, it also acknowledged the existence of a giant star (Tyche) well beyond the orbit of Pluto.)

มีข้อสงสัยเล็กน้อยว่าถ้าเธอบอกความจริงที่โหดร้ายว่าดาวสีดำเข้ามาในระบบสุริยะของเราแล้ว ก่อให้เกิดภัยพิบัติ ผู้คนอาจประสบความตื่นตระหนก เช่นนี้จะทำให้เกิดการล่มสลายของอารยธรรม (There is little doubt that if she announced the cruel truth, that a black star had entered our solar system already causing a series of disasters, people are experiencing a panic as this would cause the collapse of civilization.)

Facing the omerta, the seeker of truth will be forced to turn to sources of older information. Some manuscripts as Kolbrin or the Orea Linda reached us, they tell the story of men in previous visits Planet X. One can also cite the stories transmitted by Plato and Herodotus and liaise with the various traditions the ancient flood .

If these ancient stories contain valuable information, they however lack the stamp of authenticity that only provides the official science.
To do this, it will turn to a time when scientific knowledge began to be revealed to the masses in the form of extension. A time when astronomers were actively seeking the place or could hide Planet X with their telescopes (instead they found they called Pluto the 9th planet, what's wrong ...).

ในปี 1936, อเมริกัน นิตยสาร "Popular Science" ตีพิมพ์บทความที่น่าสนใจหัวข้อ "วิธีที่จะทำให้โลกสิ้นสุด." โดยแสดงให้เห็นการดำรงอยู่ของดวงอาทิตย์ที่สอง และอธิบายในรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบต่อระบบสุริยะของเรา (In 1936, the American "Popular Science" magazine published an intriguing article titled "How the world will end." It reveals the existence of a second sun and describes in detail its effects on our solar system.)


ประการแรก ดวงอาทิตย์ดวงที่สอง จะรบกวนวงโคจรของระยะไกลมากขึ้น ประหนึ่งเป็นดาวเคราะห์พลูโต ดาวเนปจูน และดาวเสาร์ ซึ่งมารอบโลกในเวลานั้น
(Firstly, the second sun would disturb the orbits of the more remote as Pluto, Neptune and Saturn planets then come around the Earth at that time, )

เราจะเปลี่ยนตำแหน่งของขั้วต่างๆ (ตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจริง) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกอยู่ภายใต้การกระทำของรังสี ดวงอาทิตย์ทั้งสองดวง มันจะกลายเป็นร้อน (มันเริ่มที่จะตรวจสอบระเบียนที่มีภัยแล้ง)
(we will change the position of the poles (as is true present), the global climate change under the action of radiation two suns, it will become hot (it also begins to check for records with droughts). Then will come a point where it is no longer possible to distinguish day from night.)

น่าแปลกที่นิตยสารดังกล่าว ยังแสดงให้เห็นว่าเมื่อร่างกายจะถูกราบระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ เปลวสุริยะขนาดยักษ์จะมาชนพื้นผิวของดาวเคราะห์ของเรา ทำให้เกิดความแห้งแล้งขึ้นในแม่น้ำและทะเล (Surprisingly, the magazine also reveals how when that body will be aligned between Earth and the sun, giant solar flares come hit the surface of our planet drying up the rivers and seas.)

สิ่งนี้พิสูจน์เกินข้อสงสัยว่านักดาราศาสตร์รู้ดีแล้วว่าการจัดตำแหน่งระหว่างโลก, ดวงอาทิตย์และดาวดังกล่าว อาจก่อให้เกิดเปลวสุริยะขนาดใหญ่ในทิศทางของเรา (This proves beyond doubt that astronomers know perfectly that an alignment between the Earth, Sun and such a star could cause large solar flares in our direction . )

ที่นี่จึงเป็นปกได้แล้วทั้งหมดจากหน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องนี้
จุดสุดท้ายบทความที่ทำให้การดำรงอยู่ของดวงอาทิตย์คู่อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีที่ว่าในระหว่างการก่อตัวของดาวเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาลได้เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนจากการปลดปล่อยของวัสดุจากเนบิวลาดั้งเดิม ทฤษฎีนี้กล่าวว่าการปลดปล่อยเหล่านี้ที่ทำให้มวลรวมจากการที่ดาวเคราะห์ฟอร์มได้ทำในช่วงฤดูร้อนเป็นไปได้โดยทางเดินของดาวยักษ์ใกล้ดวงอาทิตย์โปรโต (here is thus a total cover up by scientific authorities on this subject.
Last point the article makes the existence of the twin sun based on the theory that during the formation of the solar system planets have formed from summers ejections of material from the primitive nebula. This theory states that these ejections that gave the aggregates from which planets form, have summers made possible by the passage of a giant star near the proto sun.)

Today this theory has fallen into oblivion, officially no giant star has never passed through the solar system, the planets simply summers formed by condensation of stellar matter. This is further evidence of the duplicity of the astronomical community. Anything that might indicate the existence of this twin sun has been banned from the official science.
Today the truth seeker finds himself in the situation of forced Galileo to recant his theory. Despite the accumulation of facts and experimental evidence, the official authorities are turning a deaf ear.
Facing the wall of silence, all he can say is that this planet X yet, it turns ... and it heats and is approaching and soon there will be no way to hide its existence ...

 

ลำไย 100 ปีโค่น จากฤทธิ์ฝนหนัก ทับรถเก๋งคาวัด
โดย ทีมข่าวภูมิภาค 24 มิ.ย. 2557 08:28



ต้นลำไยยักษ์ถูกน้ำฝนเซาะโคนต้น ล้มครืนลงมาทับรถเก๋งที่จอดหลบแดดอยู่ในวัดกลางเมืองเชียงใหม่ เจ้าอาวาสบอกลำไยต้นนี้อยู่คู่วัดมาร่วมร้อยปีแล้ว ปีนี้ติดผลดกเสียด้วย

ช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย. นายสุนทร ยามศิริ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากวิทยุศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครเชียงใหม่ว่า ต้นลำไยขนาดลำต้นเท่า 2 คนโอบ อายุเกือบร้อยปี หน้าศาลาการเปรียญ วัดเมธัง ถนนราชมรรคา ต.พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้โค่นล้มลงมา จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบต้นลำไยดังกล่าวซึ่งถูกน้ำฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายว้น ล้มไปทับรถเก๋ง เปอโยต์สีดำ ทะเบียน กข 4870 เชียงใหม่ ของร้อยตรีพิชัย ใยบัวเทศ ที่นำมาจอดไว้ในวัด จนกระโปรงหลังรถยุบพังเสียหาย ล้อยางหลังขวาระเบิด

จากการสอบถามพระครูสิทธิวรคุณ เจ้าอาวาสวัดเมธัง เผยว่า ต้นลำไยดังกล่าวอยู่คู่วัดมานานเกือบร้อยปีแล้ว ปีนี้ลำไยติดผลดกมาก ประกอบกับเมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกลงมาอย่างหนัก อาจเป็นสาเหตุทำให้ดินรอบโคนต้นที่ยึดรากอยู่ถูกน้ำฝนกัดเซาะจนโค่นลงมา ทับรถชาวบ้านที่นำมาจอดหลบแดดในวัดได้รับความเสียหาย ซึ่งได้แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครเชียงใหม่ มาตัดต้นไม้และเคลื่อนย้ายรถยนต์ไปซ่อมแล้ว.

ลำไย 100 ปีโค่น จากฤทธิ์ฝนหนัก ทับรถเก๋งคาวัด - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ธรณีพิโรธ 3 ครั้งซ้อนใกล้นิวซีแลนด์ โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 มิ.ย. 2557 12:52



เกิดแผ่นดินไหว 3 ครั้งซ้อน ในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้เกาะของนิวซีแลนด์ วัดความรุนแรง ขนาด 6.9-6.2 ยังไม่มีรายงานความเสียหาย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 3 ครั้งซ้อน ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้กับประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อเช้าวันอังคาร (24 มิ.ย.) โดยสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ(ยูเอสจีเอส) แจ้งว่า ศูนย์กลางของธรณีพิโรธทั้ง 3 ครั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยอยู่ห่างจากเกาะรัวอูล ของนิวซีแลนด์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 50 ไมล์ และลึกลงไปใต้ดินประมาณ 12 ไมล์

แผ่นดินไหวครั้งแรก วัดความรุนแรงได้ขนาด 6.9 ครั้งที่ 2 ซึ่งเกิดขึ้นตามมาภายในเวลาไม่กี่นาที ขนาด 6.3 และแผ่นดินไหวครั้งที่ 3 เกิดขึ้นหลังจากครั้งแรกราว 45 นาที มีความรุนแรงขนาด 6.2

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งนิวซีแลนด์ หลังจาก ก่อนหน้าไม่นาน ได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ระดับ 7.9 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐฯ ทำให้ทางการต้องประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์ สึนามิ ก่อนที่ต่อมาจะแจ้งยกเลิกคำเตือนภัยสึนามิไปแล้ว

ธรณีพิโรธ 3 ครั้งซ้อนใกล้นิวซีแลนด์ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

สหรัฐฯ ประกาศยกเลิกเตือนภัยสึนามิที่อลาสกาแล้ว
24 มิถุนายน 2557 เวลา 12:58 น.



ทางการสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกเตือนภัยสึนามิหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.9 ตามมาตราแมกนิจูด ที่นอกชายฝั่งอลาสกาเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาตามเวลาในไทย

หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.9 ตามมาตราแมกนิจูด เมื่อเวลา 20.53 น. วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 03.53 น. ตามเวลาในไทย ได้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิ ทำให้ชาวบ้านในเมืองอาดัค ในหมู่เกาะอะลูเชียนของอลาสกาพากันอพยพขึ้นที่สูง แต่ล่าสุดยังไม่พบความเสียหายที่รุนแรงใด ๆ

ด้านสำนักพยากรณ์อากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ ระบุว่า สึนามิที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองอูลาลาสกาและเซนต์ปอลในรัฐอลาสกาของสหรัฐฯ นั้น ไม่น่าจะมีความสูงเกิน 1 ฟุต และหลังจากนั้นมีรายงานว่า มีคลื่นลูกเล็กๆ เข้าปะทะชายฝั่งอลาสก้าแล้ว ความสูงของคลื่นเพียงแค่ 0.6 ฟุต จึงได้มีการลดระดับคำเตือนและประกาศยกเลิกคำเตือนสึนามิไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์

สหรัฐฯ ประกาศยกเลิกเตือนภัยสึนามิที่อลาสกาแล้ว - Spring News

 

tatoott1009 ได้แชร์ลิงก์

<iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/bQOWzh4p1gA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ข่าวรัสเซียเตรียมความพร้อมสำหรับ "การโจมตีของอาวุธนิวเคลียร์ จาก สหรัฐ ซึ่งได้คาดการณ์ไว้ (TAT'S 2 MIN NEWS Russia Prepares for an "Expected U.S. Nuclear Attack" )

 

น้ำท่วมมินเนโซตา หนักสุดในรอบ50ปี!!
25 มิถุนายน 2557 เวลา 11:16 น.



เมืองเดลาโน มลรัฐมินเนโซตา ของสหรัฐ เกิดเหตุน้ำท่วมสูง นับเป็นเหตุน้ำท่วมที่หนักที่สุดในรอบ 50 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พื้นที่ชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรม ในเมืองเดลาโน รัฐมินเนโซตา ของสหรัฐ เกิดเหตุน้ำท่วมสูง ที่ไหลจากแม่น้ำคราว เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จากภาพถ่ายทางอากาศจะเห็นถนนหลายสาย ถูกตัดขาดเพราะมีน้ำท่วมสูง

ขณะที่ประชาชนในพื้นที่กำลังติดตามรายงานระดับน้ำในแม่น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากขณะนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำคราว เพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุด 6.4 เมตร ซึ่งนับว่า สูงที่สุดในรอบ 50 ปี ชาวบ้านในหลายพื้นที่ได้ช่วยกันสร้างทำนบกั้นน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ชุมชน พร้อมกับหวังว่า ระดับน้ำในแม่น้ำจะลดลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์

น้ำท่วมมินเนโซตา หนักสุดในรอบ50ปี!! - Spring News

 

นาซ่าเตรียมรับมืออุกกาบาตถล่มโลกภายในทศวรรษ 2020 ที่จะถึงนี้ ราว 20,000 ดวง MAX77 SEM COMENTARIOS ดาวเคราะห์ วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557



"นาซา"ได้ข้อสรุปการรับมืออุกกาบาตถล่มโลกแล้ว



ภายในทศวรรษ 2020 ที่จะถึงนี้
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า จะมีดาวเคราะห์น้อยที่มีโอกาสก่อให้เกิดหายนะภัยในระดับถล่มเมืองได้อยู่ราว 20,000 ดวง

โดยโครงการที่จะมารับมือกับภัยอุกกาบาตถล่มโลกนี้ มีชื่อว่า ปฏิบัติการ "อาร์ม" ซึ่ง"อาร์ม"เป็นโครงการขนาดใหญ่ของนาซา มีมูลค่าโครงการจนถึงขณะนี้สูงถึง 1,250 ล้านดอลลาร์ เพื่อการจัดส่งยานหุ่นยนต์อวกาศขึ้นไปจัดการกับเทหวัตถุดังกล่าว นำมันออกไปจากวงโคจรปกติ ไปอยู่ในวงโคจรเสถียรรอบดวงจันทร์ สำหรับเก็บไว้ศึกษาข้อมูลต่อไป ปฏิบัติการอาร์มดังกล่าวนี้ มีทางเลือกเป็น 2 ทางสำหรับการจัดการกับดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก คือ

1.การใช้ยานอวกาศหุ่นยนต์ จัดการควบคุมดาวเคราะห์น้อยหรือชิ้นส่วนของดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เมตร ลากออกไปเก็บไว้ในวงโคจรค้างฟ้ารอบดวงจันทร์

2.จะใช้ในการรับมือกับดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่านั้น คือ การใช้ยานหุ่นยนต์ดังกล่าวดีดดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ออกไปให้พ้นวงโคจร

ยานอวกาศหุ่นยนต์ของนาซาจะทำหน้าที่เหมือนรถลากด้วยแรงโน้มถ่วงที่สร้างขึ้นเปลี่ยนแปลงวงโคจรของมันทีละน้อยๆ จนหลุดพ้นออกจากเส้นทางโคจรที่จะถล่มโลกได้ในที่สุด หรืออาจใช้ระบบขับเคลื่อน "โซลาร์ อีเลคตริก ไอออน" สร้างแรงผลักโดยตรงต่อตัวดาวเคราะห์น้อย ซึ่งจำเป็นต้องประเมินดูว่า จำเป็นต้องใช้พลังงานเท่าใด และใช้เวลานานเท่าใดในการจัดการผลักดันมวลของดาวเคราะห์น้อยซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่ต้องการผลักดันออกนอกวงโคจรดังกล่าว

ที่มา matichon
ที่มา nbcnews
- See more at: นาซ่าเตรียมรับมืออุกกาบาตถล่มโลกภายในทศวรรษ 2020 ที่จะถึงนี้ ราว 20,000 ดวง | สถานการณ์ภัยพิบัต

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก ได้แชร์ลิงก์



ประเทศนอร์เวย์เจอพายุหิมะถล่มและพายุทอร์นาโดซ้ำ
MAX77 1 COMENTARIO ทอร์นาโด, หิมะตกผิดฤดู วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สุดหายากที่จะได้เห็นในแถบนี้ เมื่อเกิดพายุมินิทอร์นาโด ทางภาคใต้ของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งการเกิดครั้งนี้เป็นการก่อตัวหมุนบนน้ำและดูดเอาน้ำรอบๆขึ้นไป หรือคนไทยเรียกว่านาคเล่นน้ำนั่นเอง โดยมินิทอร์นาโดเกิดขึ้นในช่องแคบ Skagerrak ซึ่งอยู่ระหว่างประเทศนอร์เวย์กับประเทศเดนมาร์ก คนที่ถ่ายภาพเขากล่าวว่า มันหมุนนานประมาณ 20-30 นาที

ที่มา Mini-tornadoes stun southern Norway - The Local
คลิป https://www.dropbox.com/sh/bk5bo77nh6xf5uk/AABddtB4y77bX2OgJoIBM9Yka/IMG_0338.MOV



ส่วนทางด้านหนึ่งของนอร์เวย์ เกิดปรากฏการณ์เป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการบันทึกมา เมื่อวันจันทร์(23) ได้เกิดหิมะตกในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งกำลังเป็นช่วงฤดูร้อนที่เมืองทรอมโซ(Tromso) หลังลมเย็นจากขั้วโลกเหนือแผ่ลงมาปกคลุม ส่งผลทำให้อุณหภูมิเมืองทรอมโซดิ่งกระทันหันอย่างหน้าประหลาดใจ ขณะที่ทางภาคตะวันตกและภาคใต้ของนอร์เวย์กับมีอุณหภูมิเกิน 20C ซึ่งมันขัดกัน???



ที่มา Snow in June? Only in Norway | IceNews - Daily News
- See more at: ประเทศนอร์เวย์เจอพายุหิมะถล่มและพายุทอร์นาโดซ้ำ | สถานการณ์ภัยพิบัติ

ประเทศนอร์เวย์เจอพายุหิมะถล่มและพายุทอร์นาโดซ้ำ | สถานการณ์ภัยพิบัติ

 

Piyacheep S. Vatcharobol ได้แชร์วิดีโอของ Sun Watch

ดูคลิปนี้นะครับ คลื่นแผ่นดินจาก ๘ ริคเตอร์ที่อลาสก้า แผ่กระจายไปทั่วโลก มุมตกเท่าดับมุมสะท้อนด้วย อีกไม่นาน คาดว่าไม่น่าเกิน ๓๐ วัน แผ่นดินไหวใหญ่ๆระดับเดียวกันจะตามมา ในส่วนที่เปราะบางทางไฟฟ้า
https://www.facebook.com/photo.php?v=651898191563183
ผลพวงนี้ทำให้ท้องฟ้ามีแสงสีต่างๆ มีเมฆแผ่นดินไหวกระจายไปทั่วโลก
และผลพวงมีผลให้แกนโลกเอียงเพิ่มขึ้น ซึ่งผมกำลังคอยการคำนวนจากนาซา
แต่ที่แน่ๆ ผลพวงทำให้ภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลงอย่าฉับพลัน ลองสังเกต ภูมิอากาศรอบตัวท่านวันนี้นะครับ

<div id="fb-root"></div> <script>(function(d, s, id) { var js, fjs = d.getElementsByTagName(s)[0]; if (d.getElementById(id)) return; js = d.createElement(s); js.id = id; js.src = "//connect.facebook.net/th_TH/all.js#xfbml=1"; fjs.parentNode.insertBefore(js, fjs); }(document, 'script', 'facebook-jssdk'));</script>
<div class="fb-post" data-href="https://www.facebook.com/photo.php?v=651898191563183" data-width="466"><div class="fb-xfbml-parse-ignore"><a href="https://www.facebook.com/photo.php?v=651898191563183">โพสต์</a> by <a href="https://www.facebook.com/sunwatchspaceweather">Sun Watch</a>.</div></div>


8.0 Alaskan Earthquake shock wave
Here is short video of the shock wave from yesterdays earthquake in Alaska and how it travels across the planet as earth is rotating. Even though we can't see it with our visual spectrum, the wave still exists. Thanks to the people at Princeton University.
8.0 Alaskan Earthquake shock wave
Here is short video of the shock wave from yesterdays earthquake in Alaska and how it travels across the planet as earth is rotating. Even though we can't see it with our visual spectrum, the wave still exists. Thanks to the people at Princeton University.

 

หลายพื้นที่ของสหรัฐฯ เผชิญพายุฝนฟ้าคะนอง-ทอร์นาโด
25 มิถุนายน 2557 เวลา 13:28 น.



หลายรัฐทั่วประเทศของสหรัฐฯ เวลานี้กำลังเผชิญกับพายุฝนฟ้าคะนองและทอร์นาโด ส่งผลทำให้บ้านเรือนจำนวนมากได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ รายงานว่า พายุฝนฟ้าคะนองยังคงถล่มรัฐอินเดียน่าของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยอิทธิพลของพายุทำให้เสาไฟฟ้าจำนวนมากหักโค่น ต้นไม้ล้ม ขณะที่บ้านเรือนและยานพาหนะจำนวนมากได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ประชาชนยังเผชิญกับพายุทอร์นาโดอีกด้วย จนเป็นเหตุทำให้บ้านเรือนกว่า 2,500 หลังคาเรือนในเมืองอินเดียน่าโพลิสไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ขณะเดียวกันพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรมในเมืองเดลาโน รัฐมินเนโซต้าของสหรัฐฯ ก็จมอยู่ใต้น้ำ หลังแม่น้ำคราวเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน โดยจากภาพถ่ายทางอากาศจะเห็นถนนหลายสายถูกตัดขาดเพราะมีน้ำท่วมสูง

ขณะที่ประชาชนในพื้นที่กำลังติดตามรายงานระดับน้ำในแม่น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำคราวเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุด 6.4 เมตร ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบ 50 ปี ชาวบ้านในหลายพื้นที่ได้ช่วยกันสร้างทำนบกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ชุมชน พร้อมกับหวังว่าระดับน้ำในแม่น้ำจะลดลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์
หลายพื้นที่ของสหรัฐฯ เผชิญพายุฝนฟ้าคะนอง-ทอร์นาโด - Spring News

 

Pavalart Mesuwarn

เตือนภัย พิบัติโลก


ดูให้ดี ๆ ครับจุดแผ่นดินไหวใกล้บ้านเรา ไม่ใช่แค่ ที่ ring of fire เท่านั้นนะครับ เมื่อวานที่ Africa มีการเคลื่อน เลยทำให้ Arabian Plate เคลื่อนตามจึงส่งผลต่ออิหร่าน เกิดแผ่นดินแยก นี่แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนของ แต่ละเพลท (Plate) ของเปลือกโลก จะทำให้แผ่นเปลือกโลกอื่น ๆ เคลื่อนตามไปด้วยช่วงเวลานี้ ควรจับตาการเคลื่อนของเปลือกโลก แต่ละ Plate ไว้นะครับเพราะจะไปดันเพลทอื่น ๆ ตามมา ของไทยเราจับตาเหนืออินเดีย ออสเตเลีย อินโด และ วงแหวนไฟ ไว้ให้ดี อ่าวไทยจะมาจากวงแหวนไฟ อันดามันจะมาจากมหาสมุทรอินเดีย Indo Australian Plate ไม่ว่าจะมาจากทางไหนไม่ประมาท เตรียมการไว้ดีที่สุด มันถึงเวลาธรรมชาติเอาคืนแล้ว ไม่มีการต่อรองทั้งนั้น ขอให้ทุกคนโชคดี.....

 

เตือนภัย พิบัติโลก ได้แชร์ รูปภาพ ของ BBTV Channel 7 News

ชาวพิษณุโลกแห่แชร์ภาพ ปรากฏการณ์เมฆประหลาด ก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ หลายคนตั้งข้อสงสัย เกิดอะไรขึ้น

ชาวพิษณุโลกแห่แชร์ภาพปรากฏการณ์เมฆชนกัน Post dated: 25 มิ.ย 2014 เวลา 07:07 AM :


เช้านี้ที่หมอชิต - ชาวจังหวัดพิษณุโลกหลายอำเภอ พร้อมใจกันถ่ายภาพและเผยแพร่ภาพในสื่อสังคมออนไลน์ หลังพบปรากฏการณ์กลุ่มก้อนเมฆขนาดใหญ่ชนกัน

เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ผู้สื่อข่าวได้สังเกตเห็นความผิดปกติของกลุ่มก้อนเมฆ ที่จับตัวกันเป็นก้อนขนาดใหญ่ มืดครึ้ม และทอดยาวบนท้องฟ้า พาดผ่านและมองเห็นได้ในหลายอำเภอในจังหวัดพิษณุโลก ขณะเดียวกันในพื้นที่มีลมพัดแรง ทำให้กลุ่มจับตัวเกาะกลุ่มกันเพิ่มมากขึ้นจนหนาแน่น เห็นได้ชัดเจน และเริ่มมีฝนตกบริเวณช่วงกลางของกลุ่มก้อนเมฆดังกล่าวด้วย

ซึ่งปรากฏการณ์ตามธรรมชาติกลุ่มก้อนเมฆดังกล่าว อยู่ในสายตาของประชาชนชาวจังหวัดพิษณุโลกใน อ.เมือง และอ.วัดโบสถ์ ได้ถ่ายภาพปรากฏการณ์บนท้องฟ้าและนำมาเผยแพร่ใน Facebook สื่อสังคมออนไลน์ พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มก้อนเมฆที่เห็นอยู่นั้น เป็นปรากฏการณ์ที่เคยปรากฏเมฆชนกัน ที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่

โดยตั้งแต่เริ่มมีการโพสต์ภาพปรากฏการณ์ธรรมชาติครั้งนี้ ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป บางรายบอกว่าแปลกประหลาด บางรายบอกว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่บางรายก็ได้ใช้ภาพดังกล่าว เป็นคำเตือนให้ผู้ที่อยู่ใกล้ได้ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง พายุลมแรง และฟ้าผ่า ที่อาจเกิดขึ้นได้

ชมคลิป>>คลิปชาวพิษณุโลกแห่แชร์ภาพปรากฏการณ์เมฆชนกัน

 

อึ้ง!!! นักธุรกิจไทยเดินทางไปต่างประเทศถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์ 14 ล้านบาท
25 มิ.ย. 57 06.34 น. |



สนับสนุนเนื้อหา กสทช.ได้รับร้องเรียนอีก นักธุรกิจไทยเดินทางไปต่างประเทศถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์ (โรมมิ่ง) ถึง 14 ล้านบาท
อึ้ง!!! นักธุรกิจไทยเดินทางไปต่างประเทศถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์ 14 ล้านบาท
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่า มีนักธุรกิจร้องเรียนมายัง กสทช. ว่า เดินทางไปต่างประเทศ แม้โทรศัพท์จะเสียและพยายามปิดไปแล้ว แต่ยังมีการเรียกเก็บค่าบริการสูงถึง 14 ล้านบาท กสทช. จึงได้เจรจากับผู้ให้บริการมือถือระบบดังกล่าวแล้ว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนอีกครั้ง

ส่วนกรณีการเรียกเก็บค่าบริการกว่า 2 แสนบาทจากการเล่นเกมคุ้กกี้รันนั้น นายฐากร กล่าวว่า ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ จะเชิญผู้แทนจากบริษัท กูเกิล (ประเทศไทย) จำกัด และค่ายมือถือ มาหารือเพื่อหาแนวทางการป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีกในอนาคต

ขณะที่กรณี นางอัจฉรา ใจครัว ชาวอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้รับใบแจ้งหนี้ค่าโทรศัพท์มือถือเรียกเก็บเงินเกือบ 6 แสนบาท จากการเล่นเกมคุ้กกี้รันนั้น ล่าสุด ทางเอไอเอส ได้ยกเลิกการเรียกชำระเงินจำนวนดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงฝากเตือนไปยังสังคมว่า ใครที่มีบุตรหลาน ให้ระวัง เวลาใช้โทรศัพท์โดยเฉพาะการเปิดแอพพลิเคชั่นต่างๆ

ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!!

อึ้ง!!! นักธุรกิจไทยเดินทางไปต่างประเทศถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์ 14 ล้านบาท

 

Kaokala Fc

24 มิ.ย. สะเทือน "วงแหวนแห่งไฟ" แผ่นดินไหว 8.0 และ 7.2



เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้ง ระดับ 8.0 และ 7.2 ที่รัฐอะแลสกา ทางตอนเหนือของสหรัฐ และที่นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนแนวเปลือกโลกที่เรียกว่า "วงแหวนแห่งไฟ" หลังเกิดเหตุมีรายงานการเกิดสึนามิขนาดเล็กที่รัฐอะแลสกาด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองจูโน รัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ว่าสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ ( ยูเอสจีเอส ) รายงานการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 8.0 แมกนิจูด เมื่อเวลา 12.53 น. ตามเวลาท้องถิ่นของรัฐอะแลสกา ( 03.53 น. วันอังคาร 24 มิ.ย. ตามเวลาในประเทศไทย ) โดยมีจุดศูนย์กลางลึกลงไปใต้ทะเลราว 114 กิโลเมตร และห่างจากเกาะลิตเทิล ซิทกิน ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 24 กิโลเมตร

แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับแผ่นดินไหวรุนแรง 7.2 แมกนิจูดที่นิวซีแลนด์ เมื่อเวลา 07.19 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันอังคาร ( 02.19 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) โดยมีจุดศูนย์กลางลึกลงไปใต้ทะเลราว 30 กิโลเมตร และห่างจากเกาะราอูลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 96 กิโลเมตร ทั้งนี้ ศูนย์เตือนภัยสึนามิประกาศเฝ้าระวังในบริเวณนี้เช่นกัน แต่ยังไม่มีรายงานพบการก่อตัวของคลื่นแต่อย่างใด

จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวทั้ง 2 ครั้งตั้งอยู่บนแนวเปลือกโลกที่มีลักษณะคล้ายเกือกม้า เรียกว่า "วงแหวนแห่งไฟ" ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง



สะเทือน 'วงแหวนแห่งไฟ' แผ่นดินไหว 8.0 และ 7.2 | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Kaokala Fc

24 มิ.ย. สหรัฐ"เนื้อเต้น" ทดลองสำเร็จ"ขีปนาวุธสกัดกั้น"การโจมตีทางอากาศจากศัตรู-ทำได้เป็นชาติแรก



กระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลงว่า สหรัฐประสบความสำเร็จในโครงการระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ โดยขีปนาวุธสกัดกั้น หรือจรวด"อินเตอร์เซ็พ"สามารถทำลายขีปนาวุธจำลองโจมตีสหรัฐเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เริ่มโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2008 โดยจรวดดังกล่าวจะส่งผลให้สหรัฐเป็นชาติเดียวในโลกที่สามารถใช้ระบบป้องกันภัยการโจมตีทางอากาศพิสัยไกลได้

ในการทดลองดังกล่าว ซึ่งมีขึ้นที่ฐานทัพอากาศแวนแดนเบิร์ก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเร็วๆ นี้ หัวจรวดของจรวดอินเตอร์เซ็พ หรือขีปนาวุธสกัดกั้น ได้แยกตัวจากขีปนาวุธ พุ่งเข้าชนและทำลายขีปนาวุธอีกลูกที่ถูกจำลองเป็นเป้าหมายโจมตีได้อย่างแม่นยำ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งสานักป้องกันภัยด้วยขีปนาวุธสหรัฐระบุว่า ความสำเร็จนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะพัฒนาและเพิ่มการพิ่งพาระบบป้องกันภัยทางอากาศ โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐเตรียมขยายสัญญากับบริษัทโบอิ้งเป็นมูลค่า 3,480 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ผลิตระบบขีปนาวุธอินเตอร์เซ็พ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและการบำรุงรักษายิ่งขึ้น

ชมคลิป..สหรัฐ"เนื้อเต้น" ทดลองสำเร็จ"ขีปนาวุธสกัดกั้น"การโจมตีทางอากาศจากศัตรู-ทำได้เป็นชาติแรก(

 

เผยคนไทยป่วยกระดูกสันหลังคด 2-3 % เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV วันที่ 25 มิถุนายน 2557 14:02 น.3,320 views



กรมการแพทย์เผยคนไทยป่วยกระดูกสันหลังคด 2-3 % เฉพาะที่รพ.เลิดสินช่วง3 ปีเข้ารักษา 2.5 พันราย ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ แนะหากมีอาการกระดูกสันหลังผิดรูป ปวดหลัง เอว คอ เรื้อรังให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวในการประชุมวิชาการประจำปีโรงพยาบาลเลิดสิน ครั้งที่ 17 ว่า ผู้ป่วยกระดูกสันหลังคดในประเทศไทย พบมาก 2-3 % ของประชากร เฉพาะที่โรงพยาบาลเลิดสิน มีผู้ป่วยที่เข้ามารักษาด้วยอาการกระดูกสันหลังคดปี พ.ศ. 2554-56 กว่า 2,500 ราย โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดกระดูกสันหลังคด 80 % ของผู้ป่วยไม่พบสาเหตุ มีเพียงส่วนน้อยที่ทราบ เช่น กระดูกสันหลังคดจากขาที่ยาวไม่เท่ากัน กระดูกสันหลังคดจากสมองพิการ หรือเกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิด เป็นต้น

จากสถิติของผู้ป่วยพบได้เท่ากันในเพศชายและเพศหญิง แต่เพศหญิงมักจะมีการคดงอของกระดูกมากกว่าเพศชาย และพบว่าผู้ป่วยช่วงอายุ 10-15 ปี 10 % ได้รับการถ่ายทอดมาจากกรรมพันธุ์  กระดูกคดเกิดจากภาวะกระดูกสันหลังโค้งงอไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวาจนผิดปกติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วกระดูกสันหลังของคนเราจะโค้งงอไปด้านหน้าและหลังในระดับที่สมดุลกับร่างกาย เมื่อมองจากด้านข้างจะเป็นรูปตัว S แต่ถ้ามองจากด้านหลังจะเป็นแนวเส้นตรง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการกระดูกสันหลังคดนั้น กระดูกสันหลังจะบิดหรือผิดรูปออกทางด้านข้าง การที่กระดูกสันหลังโค้งไปข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้สะโพก เอว และไหล่ของผู้ป่วยไม่เท่ากัน

       นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า สำหรับอาการของผู้ป่วย คือ มีแนวกระดูกสันหลังไม่ตรง ระดับหัวไหล่ 2 ข้างไม่เท่ากัน ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณ หลังเอว คอ เรื้อรัง เนื่องจากกล้ามเนื้อในแต่ละส่วนแบกรับน้ำหนักไม่เท่ากัน รวมทั้งมีอาการเหนื่อยง่าย เนื่องจากกระดูกหน้าอกไปกดทับปอดมากกว่าปกติ ในกรณีที่มีความคดของกระดูกเล็กน้อย แพทย์จะนัดตรวจเพื่อติดตามอาการสม่ำเสมอและให้ผู้ป่วยใส่เสื้อเกราะให้รัด กระชับ เพื่อดัดกระดูกสันหลัง ป้องกันไม่ให้กระดูกสันหลังคดมากขึ้น โดยใส่ประมาณ 23 ชั่วโมงต่อวัน การใส่เสื้อเกราะจะต้องใส่จนกว่าผู้ป่วยหยุดการเจริญเติบโต และค่อยๆ ลดจำนวนชั่วโมงที่ใส่ลงจนแน่ใจว่า กระดูกสันหลังไม่คดมากขึ้นจึงสามารถหยุดใส่ได้ ส่วนการรักษาด้วยการผ่าตัด จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีกระดูกคดมากกว่า 45 องศา โดยการใช้โลหะดามกระดูกสันหลังให้ตรงขึ้น และเชื่อมข้อกระดูกสันหลังให้ติดแข็งในแนวที่จัดไว้ ซึ่งหลังผ่าตัดควรงดกิจกรรมที่เคลื่อนไหวด้วยกระดูกสันหลังประมาณ 6-9 เดือน เช่น การก้ม บิดตัว แล้วจึงออกกำลังกายที่ไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

      การสำรวจตนเองง่ายๆ ว่ามีอาการกระดูกสันหลังคดหรือไม่  โดยให้สังเกตความสูงของระดับหัวไหล่ ความนูนของกระดูกสะบัก และระดับแนวกระดูกสะโพกของร่างกาย ซึ่งมักจะมีระดับสูง-ต่ำไม่เท่ากัน หรือทดสอบโดยการยืนให้เท้าชิดกันและให้ก้มไปด้านหน้า ใช้มือทั้ง 2 ข้างแตะให้ถึงพื้น จะเห็นความนูนของหลังไม่เท่ากัน ซึ่งหากมีอาการผิดปกติดังกล่าวให้พบแพทย์เพราะหากผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะช่วยให้กลับมาใกล้เคียงภาวะปกติได้นพ.สุพรรณกล่าว

เผยคนไทยป่วยกระดูกสันหลังคด 2-3 % - Nation TV

 

Nation Channel ได้แชร์ รูปภาพ ของ Timeline Suthichai FanClub



เกร็ดความรู้...สำหรับคนที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ
หน้าตาปลั๊กไฟของแต่ละประเทศ

Cr.enovator