ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
     
  2. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    คุณสุวรรณ แจ้งมงคลเล่ามาผ่าน นพ. อวย เกตุสิงห์

    บันทึกโดยคุณทองทิว สุวรรณทัต

    คุณสุวรรณขณะเล่าเรื่องมีอายุ ๔๓ ปี เล่าว่าเมื่ออายุ ๓ๆ ได้ล้มป่วยด้วยตับอักเสบอยู่ ๗-๘ เดือน วันหนึ่งรู้สึกหน้ามืดหมดสติหลับไป พอรู้สึกตัวอีกครั้งพบว่าตัวเบามาก มีชายสองคนแต่งตัวเหมือนข้าราชการ นุ่งกางเกงสวมเสื้อกากีผ้าหยาบๆเหมือนกระสอบป่านมาพาเธอไป จับแขนสองข้างเดินเร็วมากราวกับวิ่ง พาไปขึ้นรถไฟขบวนหนึ่ง เมื่อถึงปลายทางได้จัดอาหารไว้ให้ แต่ไม่มีช้อนส้อม เมื่อถามผู้นำทางบอกว่า "ก็คุณไม่ได้ทำไว้ยี่จะเอาช้อนส้อมที่ไหนเล่า" คุณสุวรรณจึงต้องทานอาหารโดยการใช้มือเปิบทำให้รับประทานได้น้อย

    จากนั้นผู้นำทางได้พาคุณสุวรรณไปดูสภาพต่างๆ ที่คุมขังแห่หนึ่งมีรั้วล้อมป้องกันแข็งแรงไม่มีหลังคา มีคนนั่งตากแดดตากฝน บ้างก็ชกต่อยกันจนปากแตกยับเยินเลือดไหลโทรมใบหน้าและลำตัว ผู้นำทางบอกว่า "นี่คือบาปจากการชนไก่กัดปลา"

    จากนั้นได้พาคุณสุวรรณเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่มืดมากจนน่ากลัว ได้ยินแต่เสียงคนร้องโหยหวนครวญครางแต่มองไม่เห็นตัว คนนำทางอธิบายว่า "นี่เป็นพวกฉ้อราษฎร์บังหลวง มีกรรมหนักมาก เพราะโกงคนทั้งประเทศ"

    จากนั้นคนนำทางถามว่าอยากดุอะไรอีกหรือไม่ คุณสุวรรณบอกว่าไม่อยากดูแล้ว ขากลับขึ้นรถไฟเห็นคนอยู่สองฟาก เนื้อตัวขะมุกขะมอม หน้าตาเศร้าหมอง นั่งบ้างนอนบ้างตากแดดตากฝน ตนนำทางบอกว่า "คนเหล่านี้เมื่ออยู่เมืองมนุษย์ไม่เคยทำบุญให้ทานเลย พอตายแล้วต้องทนทุกข์ลำบากเช่นนี้"

    ฝากไว้สส. ใหม่ทั้งหลาย ว่าถ้าทำไม่ดีโกงบ้านโกงเมืองข้างล่างเขาจัดที่ให้แล้วนะจ้ะ
     
  3. avatan

    avatan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +365
    เมื่อเช้านี้ดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้ คุณสรยุทธ ได้เอ่ยถึงเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการ สำรวจและประเมินผล เรื่องสภาวะโลกร้อน..
    กล่าวว่าเมื่อปี 48 ได้ทำการประเมินผลและคำนวนด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ว่า อีกหลายๆปีข้างหน้านําแข็งขั้วโลกจะละลายเป็นปริมาญเท่านั้นเท่านี้...
    แต่เมื่อมาดูจากภาพถ่ายจากดาวเทียมก็ตกใจและเห็น ขั้วโลกฝั่งไหนนี่แหละผมจำชื่อไม่ได้ ได้มีพื้นนําแข็งละลายไปเป็นพื้นที่ใหญ่มาก กี่ล้านตารางกิโลเมตรจำไม่ได้เหมือนกัน แต่คุณสรยุทธบอกว่า มีขนาดเท่าประมานพื้นที่เท่าประเทศ อังกฤษ 5เท่า....
    ทำให้หลายคนตกตลึง ว่าทำไมมันเร็วจนไม่น่าเชื่อ เพราะตาม หลักของหารคำนวนทางวิทศยาศาสตร์ต้องไช้เวลาเป็นสิบๆปี แต่นี่ผ่านไปเพียง 2ปีเท่านั้น....
    และยังบอกด้วยว่าเหตุการณ์สภาวะโลกร้อน หากจะหยุดต้อง หยุดการไช้นํามันการไช้ถ่านหิน อะไรพวกนี้และต้องหยุดไห้ได้พร้อมกันทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2008
  4. เทพ

    เทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +3,099
    เคยอ่านมานานสิบกว่าปี หรือยี่สิบปีได้ ถ้าจำไม่ผิด เรื่องของ หลวงพ่อเจริญ วัดป่ามะม่วง เป็นการนำโครงเรื่องจริงของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน มาเขียน

    แต่เพื่อเลี่ยง ไม่ให้เดือดร้อนถึงท่าน จึงเปลี่ยนชื่อสมมุติ เป็น หลวงพ่อเจริญ และหลวงพ่อจรัญท่านได้รถคว่ำคอหักจริง แต่ยังหายใจได้ผ่านทางสะดือครับ จึงเป็นการเลี่ยงบาลีว่าท่านมรณะภาพ เพื่อไม่ให้คนตามหา
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ทหารอเมริกันสังเวยชีวิตที่อิรักมากที่สุดในปี 2550

    [​IMG]

    แบกแดด 1 มค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปฏิทินชาวมายัน
    (The world will not end.It will be transformed )

    [​IMG]

    เทวตา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_893733", true); </SCRIPT> สมาชิก

    วันที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็นวันเกิดใหม่ เป็นการเริ่มต้นของ the World of the Fifth Sun เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่

    ตามที่ได้อ่านมาผมเข้าใจว่า หลังจากวันที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็น new world ส่วน ตั้งแต่ 1987 ถึง 2012 เป็นโลกยุคเก่า old world ใน old world จะแบ่งเป็น

    - ช่วงเวลาเริ่มเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่1987 - 2008/2009
    - ช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลง (ทำลาย) 2008/2009
    - ช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลง (ฟื้นฟู) การฟื้นฟูธรรมชาติน่าจะใช้เวลาประมาณสอง-สามปี 2009-2012 เข้าสู่ new world อย่างเป็นทางการ 21 ธันวาคม 2012 คล้ายๆเป็นวันสถาปนาชาติทำนองนั้น



    [​IMG]

    kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_894726", true); </SCRIPT> สมาชิก

    เขายังพูดถึงสิ่งที่เขามองจากปัจจุบันจนถึงวัน the Winter Solstice of 2012 (วันที่สั้นที่สุดในฤดูหนาวของปี 2555)
    <O:p
    การเกิดฤดูหนาวนิวเคลียร์จนแทบไม่มีกลางวัน มีแต่ความมืดมิดหนาวเหน็บ

    The daykeepers ผู้เรียนรู้เกี่ยวกับปฏิทินระบุวันสำคัญของปี One Reed, Ce Acatal ซึ่งเป็นวันที่บรรพบุรุษคนสำคัญที่ได้รับพยากรณ์จะกลับมา มาเหมือนผีเสื้อบิน<O:p

    เหตุการณ์ที่ พระเมสิอาห์ หรือพระศรีอาริย์ หรือท่านผู้อยู่ในตำนานของทุกอารยะธรรมจะ ปรากฏสู่โลกด้วยการเหาะ มาปรากฏ ด้วยความอัศจรรย์

    Harmonic Convergence (การรวมกันเป็นหนึ่งอย่างสอดคล้องกัน) คนเป็นล้านได้ใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ สวดมนต์เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคใหม่ (The world of the 5<SUP>TH </SUP>Sun) ให้เป็นไปอย่างราบรื่น<O:p

    เริ่มมีการสื่อสารกับจิตวิญญานบริสุทธิ์ และมีการทำสมาธิหมู่ หรือการทำอภิจิตในหลายศาสนาและหลายแห่งทั่วโลก อันเป็นการรวมพลังงานอันบริสุทธิ์ปลุกจิตวิญญานภายในให้ตื่นขึ้น

    ขณะที่เราผ่านช่วงเวลาที่เปลี่ยน จะมีการทำลายล้างอย่างกว้างขวาง ความสับสน อลหม่านทางสังคม สงคราม ตลอดจนการเปลี่ยนแปลง กายภาพของโลกทั้งหมดนี้ Mr. Barrios บอกว่าได้ถูกมองเห็นผ่านคณิตศาสตร์ รูปแบบเกลียวที่ดูเข้าใจง่าย จากปฏิทินมายัน

    ยุคสมัยแห่งภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโลก<O:p ให้เป็นยุคใหม่

    The Daykeepers ชาวมายัน มองว่า วันที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็นวันเกิดใหม่ เป็นการเริ่มต้นของ the World of the Fifth Sun เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ เป็นผลมาจาก- เป็นเครื่องหมายว่า- ดวงอาทิตย์เดินทางผ่านเส้น equator ของ Galaxy และโลกจะปรับทิศทางให้เข้ากับศูนย์กลางของ Galaxy

    ดวงอาทิตย์ขึ้นของวันที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็นครั้งแรกในรอบ 26,000 ปี ดวงอาทิตย์จะขึ้นเชื่อมกับการทับกันของทางช้างเผือกกับระนาบของ Ecliptic พรรณนาว่าบนท้องฟ้าจะปรากฏดาวเคราะห์ และดวงดาวต่างๆมากมาย ปรากฏการณ์ของจักรวาลครั้งนี้ถือว่าเป็น The Sacred Tree, The Tree of Life

    ผู้สังเกตการณ์บางท่านกล่าวว่า การที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ Galaxy ในปี 2012 จะเปิดช่องทางหนึ่งสำหรับพลังงานจักรภพที่จะไหลผ่านโลก ล้างโลกให้สะอาด รวมทั้งล้างสิ่งที่อาศัยอยู่ ยกทั้งหมดสู่ภาวะที่สูงขึ้น ขั้นตอนเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว

    สำหรับเรื่องนี้ วิทยาการปัจจุบันเข้าใจการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ แต่ที่จริงระบบ สุริยจักรวาลของเรามีการโคจรรอบๆ กาแลกซี่อีกด้วย ซึ่งวัฏฏะจักรยาวนานเป็นรอบพันๆปีและมี วงโคจรใหญ่ของกาแล๊กซี่ไปรอบมหาจักรวาลอีก การย้ายตำแหน่งนี้ก่อให้เกิดมหายุค เช่นเดียวกับ การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เกิดวัน การโคจรรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกิดปี ส่วนการโคจรของระบบสุริยะนี้ทำให้เกิดมหายุค

    ถ้าคนบนโลกอยู่ถึงปี 2012 โดยยังมีสภาพปกติ ปราศจากการถูกทำลาย Mr. Barrios กล่าวว่า เราจะเข้าสู่ภาวะใหม่ ที่สูงขึ้น แต่เพื่อไปถึง ณ จุดนั้นได้ เราต้องเปลี่ยนด้วยแรงที่มีพลังมหาศาลเพื่อที่จะป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนานั้น

    [​IMG]

    วันที่ระบุในปฏิทิน - เป็นวันที่สั้นที่สุดในฤดูหนาวปี 2012
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2008
  7. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    อ่านตรงส่วนของพี่คณานันท์ สุดยอดดดดดด!!!
    เป็นการวิเคราะห์ สังเคราะห์ สรุปรวบให้เราเข้าใจได้ง่าย

    ขอบคุณคุณเทวตา พี่คณานันท์ พี่เกษม สำหรับเนื้อหาดีๆ ครับ
     
  8. soul2006

    soul2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +5,169
    ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ จะรับมือกับภัยครั้งนี้ได้คงต้องพยายามครองสติ ให้ได้นานที่สุด .จนกว่าจะมีสติทุกขณะจิต จึงจะสิ้นทุกข์ทั้งปวง..สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    .
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อารยธรรมยานบินโบราณรอบโลก

    ภาพวาดของมายา

    [​IMG]
    ภาพของกษัตริย์ปากาลแห่งมายา ขณะเดินทางด้วยพาหนะเพื่อไปพบพระเจ้าบนสวรรค์

    [​IMG]
    ภาพรูปปั้นของมายา

    [​IMG]
    รูปปั้นของชาวมายา คล้ายกับเครื่องบินมั้ย


    ชาวสุเมเรียนโบราณ

    [​IMG]
    พาหนะเทพเจ้า Anunnaki ของชาวสุเมเรียน

    [​IMG]
    รูปปั้นทองคำที่ขุดพบได้จากอารยธรรมสุเมเรียน

    [​IMG]
    พระเจ้าของชาวสุเมเรียน


    ขอแว็ปไปอียิปต์แว๊บนึงที่นั่นก็มีรูปสลักที่น่าสนใจอยู่เช่นกัน รูปนี้เอามาจาก 3000-year old New Kingdom Temple, located several hundred miles south of Cairo and the Giza Plateau, at Abydos.

    ดูดีๆ

    [​IMG]

    [​IMG]

    คล้ายๆเฮลิคอปเตอร์
    [​IMG]

    อันนี้ไม่รู้ว่าคล้ายอะไร เรือดำน้ำหรือเปล่า
    [​IMG]

    คล้ายเครื่องบิน[​IMG]

    [​IMG]


    ที่มา http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?p=285&sid=b2e4e38f7ced355e1ead7e9875dc0f95

    หมายเหตุ ร่องรอยของยานบินโบราณที่เห็นในภาพเหล่านี้ คงจะเป็นผีมือของมนุษย์ต่างดาวที่เคยมาเยือนโลกในสมัยโบราณ แล้วถ่ายทอดเทคโนโลยีให้มนุษย์ในสมัยนั้น แต่จู่ๆ อารยธรรมเหล่านี้กลับสูญหายไปอย่างฉับพลัน อาจเนื่องมาจากสงคราม ภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาด อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงทำให้มนุษย์ต่างดาวละทิ้งจากโลกนี้ไปในสมัยนั้นครับ

     
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]

    "แสงหนึ่งคือรุ้งงาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2008
  12. ajmin

    ajmin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +628
    ยังจำได้ไหม ถึงอะไรอย่างหนึ่ง

    วันนี้พระพี่นางสิ้นพระชน วันที่2/1/2551 เวลา02.54น. =2+5+4=11 สว่นอย่างอื่นก็คิดเองนะครับ
     
  13. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ครับ ก็ถือว่าเป็นคําทํานายที่ได้ยินได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์
    ก็ขอเอามาเล่าต่อไว้ ฟังไว้เผื่อเตรียมตัวคงไม่เสียหายอะไร
    ผมไม่อยากได้ตื่นตระหนก แต่อยากให้ตระหนัก ไว้มากกว่าครับ

    หลวงปู่สังวาลย์
    "ต่อไปน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ สูงเท่าเสาไฟฟ้า"
    หลวงปู่ครูบาชัยวงศ์ษา
    "ถ้าพระแก้วมรกตเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงเมื่อไรให้หนีออกจากกรุงเทพฯทันที"
    " แผ่นดินภาคใต้จะถูกแบ่งแยก คนไทยจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ต้องอพยพ ย้ายมาอยู่ทางภาคเหนือและอิสาน"
    หลวงปู่พหรมมา
    "ภัยธรรมชาติจะล้างมนุษย์"

    หลวงพ่อวัลลภท่านก็บอกครับว่ากทม.จะโดนหนักสุด ญาติมิตรหลายคนของผมก็ย้ายไปภาคเหนือกันเยอะมาก หลวงพ่อฤาษีท่านเคยบอกว่า ที่ปลอดภัยมี 2 เชียง 2 ลํา
    (เข้าใจว่า ท่านคงหมายถึง เชียงใหม่- เชียงราย ลําปาง-ลําพูน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มกราคม 2008
  14. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    มีการพิเคราะห์ดวงเมืองไทย ปีชวด 2551 โดยหมอดู “โสรัจจะ นวลอยู่” จากหนังสือ “ศาสตร์แห่งโหร” สำนักพิมพ์มติชน

    ออกมาทำนายดวงเมืองปีชวด ไว้ล่วงหน้าว่า อาจเลวร้ายยิ่งกว่า กว่าปี 2550

    ก่อนหน้านี้ หมอดูผู้นี้สร้างความฮือฮาด้วย การทำนายเหตุการณ์ปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ไว้ล่วงหน้าจนได้รับการวิพากษ์

    วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม เช่นเดียวกับการทำนายเหตุการณ์ 9/11 เมื่อ 6 ปีก่อน จนได้รับสมญานามให้เป็น “นอสตรา

    ดามุสเมืองไทย” รวมถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสึนามิ เมื่อ 26 ธันวาคม 2547

    หมอดู “โสรัจจะ” ทำนายว่า ดวงเมืองปี 2551 ว่า จะเป็นปีแห่งความอาเพศ ช่วงต้นปีบ้านเมือง จะมีการปฏิรูปเป็นการใหญ่

    ธนาคารแห่งประเทศไทยคงถอยหลังอย่างกู่ไม่กลับ คนงาน ข้าราชการ ถูกปลดออกจากงานจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนแห่

    ถอนเงิน รัฐบาลจะล้มลุกคลุกคลาน เพราะเจออุปสรรคยุ่งยากเหลือประมาณ หุ้นตกแบบท้องร่วง กรุงเทพฯจะถูกก่อวินาศกรรม

    ครั้งใหญ่ สถานทูตและตึกรามบ้านช่องถูกทำลาย

    เมืองไทยจะตกอยู่ในภาวะคับขันรอบด้าน บุคคลในเครื่องแบบผู้ถืออาวุธที่ไม่อยู่ในศีลธรรมจะต้องเข้ามามีบทบาท แทรกเป็นยาดำใน คณะรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

    นอกจากนี้ดาวเสาร์และราหูในทางโหราศาสตร์ไม่สัมพันธ์กับดวงของโลกและดวงของเมืองไทย ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง เกาะเล็กเกาะน้อยในอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น จีน และไทย บางส่วนอาจจมหายไปเนื่องจากภาวะโลกร้อน ทำให้ระบบน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ

    จนท่วมเกาะ อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ผู้คนของโลกหลายล้านคนหิวโหย

    ชาวโลกและประเทศไทยยังเดือดร้อนเรื่องน้ำมันแพง อันเป็นผลจากกลุ่มชาติอาหรับได้รวมหัวกันขึ้นราคาน้ำมัน และเพิ่ม

    ราคาน้ำมันขึ้นทุกปีโดยไม่หยุดยั้ง ทำให้ชาติต่างๆ เดือดร้อน ตลอดทั้งปีน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นราคารวมทั้งแก๊ส หุงต้ม ทำให้ประชาชนปั่นป่วนเดือดร้อนอย่างมาก

    นอกจากนี้ยังเป็นปีแห่งการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและชีวิตมนุษย์ครั้งใหญ่ของประเทศ กรุงเทพฯ บางส่วนเริ่มถูกน้ำทะเลท่วมเข้ามาถึง อาจจะจมน้ำหายไปและจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี ดังนั้นภาครัฐต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ โดยควรหาทางป้องกันเอาไว้ก่อน

    โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญสหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากสงครามล้างเผ่าพันธุ์ เป็นสงครามปรมาณู มีการใช้ขีปนาวุธ

    ติดหัวรบนิวเคลียร์หรือสงครามไฮเทคนำมาใช้กัน ทำให้เกิดจุดวิกฤตการณ์ของโลกเขม็งเกลียว เป็นสงครามครั้งใหญ่ ผู้คน
    ล้มตายเป็นผักเป็นปลาจำนวนมหาศาล และสงครามจะยืดเยื้อไปอีกหลายปี ส่วนประเทศไทยจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วย

    ราวกลางปี เกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา จะถูกคลื่นสึนามิเหมือนกำแพงยักษ์ถล่มหนักกว่าครั้งแรก

    นอกจากนี้เชื้อโรคที่รุนแรงจะระบาดเหมือนไข้หวัดนกจะเข้ามาทำลายล้างชีวิตมนุษย์และสัตว์ หรือเป็นเชื้อไข้หวัดนกที่กลายพันธุ์ติดต่อมาถึงคน

    ส่วนปัญหาทางภาคใต้อิทธิพลของดาวเสาร์ให้เป็นปีแห่งการก่อการร้ายและการก่อวินาศกรรมทั้งปี มีการเคลื่อนไหวของผู้คนที่ไม่สามารถจะควบคุมได้ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ทำให้ผู้มีอำนาจขาดความเชื่อถือที่จะเหนี่ยวรั้งให้ผู้คนเหล่านั้นยุติความคิดของ

    เขาได้ แต่ตามดวงเมืองแล้วไม่บ่งบอกว่าเราจะเสียดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ไป เนื่องจากดาวอังคารเดินแบบวิกล จะส่งผลให้

    ความร้อนแรงเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด เพราะดวงผู้นำประเทศไม่สัมพันธ์กับดวงเมืองปี 2551

    ในปลายปีจะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่น่าแปลกมหัศจรรย์ จะเกิด “หิมะตก” ในเมืองไทยไปทั่วทางภาคเหนือและ

    อีสานบางส่วน ประชาชนทั้งคนไทยและทั่วโลกตื่นตกใจแทบช็อก แต่จริงๆ ในทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าอาเพศ เป็นลางร้าย

    ที่จะเกิดมหันตภัยตามมาไม่หยุดหย่อน ทั้งทางธรรมชาติ บุคคล การเมือง การปกครอง วัฒนธรรมประเพณี

    ส่วนตำราทางฮินดูทายไว้อีกนัยหนึ่งว่า
    ประเทศไทยจะประสบปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ภาคตะวันออกของประเทศมีสภาพแห้งแล้งทำให้ผู้คน และสัตว์เลี้ยงขาดน้ำ ภัยพิบัติทางธรรมชาติยัง ไม่หยุดยั้ง จะมีการสูญเสีย

    แผ่นดินทางภาคใต้แถบฝั่งทะเลอันดามันตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา

    ด้านเศรษฐกิจ “โสรัจจะ” ทำนายว่า เศรษฐกิจจะตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ก็ว่าได้ เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปคลอนแคลน

    ส่วนประเทศไทยจะเป็นปีแห่งความล้มละลายทางเศรษฐกิจ ธุรกิจสับสน คนว่างงานหรือถูกปลดออกจากงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ เกิดสงครามไปทั่วโลก ธนาคารทั้งเล็กและใหญ่เริ่มล้มและปิดตัวเองลง ตลาดหุ้นถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก

    มีคนฆ่าตัวตายจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นปีแห่ง “เศรษฐกิจเลือด” ก็เป็นได้


    ประมาณปลายเดือนเมษายน ผู้บริหารบ้านเมืองควรจะระมัดระวังอย่างรอบคอบ เพราะจะเกิดความวุ่นวายปั่นป่วน บุคคลในเครื่องแบบจะมีบทบาททันที เกิดการจลาจล รัฐประหารครั้งใหญ่ เกิดการนองเลือด ผู้คนล้มตายเป็นเบือ ผู้มีอำนาจในแผ่นดิน

    จากไปอยู่ยังแดนไกล ไร้ที่อยู่ หรือมิฉะนั้นจะหายหน้าไป ไม่ปรากฏในวงสังคมอีกต่อไป เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ

    นอกจากนี้กลางปีราวปลายเดือนพฤษภาคม จะมีคลื่นยักษ์เป็นกำแพง อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหวในหมู่เกาะสุมาตราพัดเข้า

    ถล่มหมู่เกาะและชายฝั่งด้านอันดามันอีกครั้ง


    ถัดมา ปลายเดือนมิถุนายนบุคคลสำคัญของแผ่นดินจักเจ็บไข้ได้ป่วย และอาการจะรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง และอาจสูญเสียชีวิต

    http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=325121
     
  15. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +4,622
    [​IMG]

    ทุกวันนี้สื่อไม่ว่าจะสิ่งพิมพ์ ทีวี วิทยุ มีเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะโลกร้อนถี่ยิบ อีกทั้งยังมีเหตุการณ์ต่างๆมากมายในขอบเขตทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยเราเองที่เชื่อมโยงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่ามันสร้างความเสียหายขึ้นมาแล้ว แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่าในบ้านเรานั้นขบวนการสิ่งแวดล้อม กลุ่มแอคติวิสต์หรือนักกิจกรรมไม่ว่าจะในสถาบันการศึกษาหรือภาคประชาชน อ่อนด้อยไร้พลังเกินกว่าจะหยิบฉวยเอาสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยอย่างยิ่งมาเคลื่อนไหวให้เกิดความตื่นตัวของประชาชน

    อย่างน้อยทำให้เกิดการกระทำคนละไม้ละมือในเรื่องใกล้ๆตัว เช่น ลดการบริโภคที่ไม่จำเป็นลง อย่างมากก็คือเกิดแรงกดดันให้ภาคธุรกิจและภาครัฐเห็นความสำคัญที่จะจำกัดหรือลดทุกอย่างที่มีส่วนในการสร้างภาวะโลกร้อน

    แต่เสียดาย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ เพราะช่วงนี้ประเทศไทยไม่ว่าง เรายังตีกันอยู่เรื่องกติกาการเล่นการเมืองสำหรับนักเลือกตั้ง ทั้งที่เราเจอวิกฤตมาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ทันฟื้นจากน้ำท่วม ฝนแล้งก็ตามมา คลื่นยักษ์ พายุถล่ม ไฟป่า ควันพิษ น้ำเน่าปลาตาย และอื่นๆอีกมากมายที่จะตามมา

    มีเว็บไซต์ของฝรั่งอยู่เว็บไซต์หนึ่ง ชื่อ worldchanging.com ผมอยากจะเรียกมันว่าเว็บไซต์เปลี่ยนโลกด้วยมือเรา เกิดจากการรวมกลุ่มกันของคนซึ่งสำเหนียกในปัญหาสิ่งแวดล้อมอันวิกฤตของโลกที่เชื่อว่า "โลกร้อน...ซ่อมได้" แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องสรรหาเครื่องมือหรือวิธีการ แนวความคิด ต้นแบบ หรือพูดง่ายๆก็คือ เพื่อค้นหาและตอบคำถามว่า "เรา" ไม่ว่าจะเป็นปัจเจกบุคคล หรือ องค์กร หรือ รัฐ จะทำอะไรได้บ้าง โดยใช้ทัศคติในเชิงบวกมากกว่า

    ลองเข้าไปอ่านดูน่าจะได้อะไรที่เกิดประโยชน์อยู่ไม่น้อย เผื่อบางทีจะมองเห็นลู่ทางว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งจริงๆ เริ่มกันตั้งแต่ประหยัดการใช้พลังงานคนละนิดละหน่อยก็ช่วยได้ไม่น้อยแล้วละครับ

    ไม่กี่วันก่อน บริษัทยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟต์ แถลงข่าวให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ประสงค์จะประหยัดพลังงานเพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้คอมพิวเตอร์ว่า แทนที่จะใช้ สกรีนเซฟเวอร์ ให้เปลี่ยนไปใช้โหมด "ไฮเบอร์เนต" ในวินโดว์ส (เหมือนกับสลี้ป โหมด ของแมคอินทอช) แทน

    สกรีนเซฟเวอร์ ก็คือ ไอ้ที่เราตั้งไว้ หรือตั้งค่ามาจากโรงงานให้มันขึ้นมาเมื่อเราปล่อยคอมพิวเตอร์ไว้เฉยๆสักพัก นั้นเอาเข้าจริงๆแล้วกินพลังงานมากกว่าทิ้งเครื่องไว้ด้วยซ้ำ เพราะซีพียูกับกร๊าฟิค ชิปยังทำงานอยู่ ชื่อโปรแกรมก็บอกว่ามันคือการรักษาหน้าจอ ไม่ใช่การประหยัดพลังงาน

    ไมโครซอฟต์อาศัยผลการศึกษาการใช้พลังงานของวินโดว์ส เอ็กซ์พี เทียบกับวิสต้า โดยบริษัท พีซี โปรแลบส์ ในอังกฤษ บอกว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้สกรีนเซฟเวอร์จะใช้พลังงานเท่ากับหลอดไฟ 100 วัตต์ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 1 ปี

    ยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์ยกตัวอย่างรูปธรมด้วยว่าการให้คอมพิวเตอร์ 6 เครื่องใช้สลี้ป โหมด จะช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ(ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ของภาวะโลกร้อน)ได้เท่ากับการปลูกคต้นไม้บนพื้นที่ 1 เอเคอร์

    ผมเข้าใจว่าสลี้ป โหมด หรือ ไฮเบอร์เนต นั้นนอกจากพวกที่ใช้โน้ตบุ๊คซึ่งต้องการประหยัดแบตเตอรี หรือ ในบริษัทที่เข้มงวดจริงๆแล้ว ไม่ค่อยมีคนใช้กันเท่าไรนัก มันมีเอาไว้สำหรับความจำเป็นของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องเปิดตลอดเวลา แต่อาจจะทิ้งช่วงไปนานหน่อย เมื่อกลับมาทำงานอีกครั้งทุกอย่างจะยังคงอยู่ที่เดิม

    ซึ่งแน่นอนว่ามันเท่ากับการเปิดเครื่องได้เร็วขึ้นมาก เพราะมันไม่ได้สตาร์ตเครื่องใหม่ แต่คนทั่วๆไปหากมีใจรักในสิ่งแวดล้อมไม่ควรใช้หรอกครับ เพราะในสลี้ป โหมดมันก็กินไฟอยู่ดี แถมยังจะทำให้คนมักง่ายตั้งสลี้ป โหมด ก่อนเข้านอนโดยไม่จำเป็น ตื่นเข้ามาทำงานกดจิ๊กกลับมาทำงานได้รวดเร็วทันใจ ทั้งที่จริงๆแล้วเขาออกแบบมาให้ใช้สำหรับเครื่องที่จะเป็นต้องเปิดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง

    สำหรับวินโดว์ส เอ็กซ์พี ยังมีข้อเสียอีกอย่างหนึ่งก็คือ การทำงานของบางโปรแกรมจะขัดขวางสลีปโหมด แต่ผู้ใช้โน้ตบุ๊คเข้าใจว่าเข้าสลีปโหมดไปแล้วหลังปิดฝา ผลก็คือ เครื่องยังทำงานอยู่โดยไม่รู้ตัว เท่ากับเสียสองต่อ คือ เสียไฟ และ เสียเครื่อง

    หมายเหตุ : งานสัปดาห์หนังสือห่งชาติที่ศูนย์สิริกิติ์ อย่าลืมแวะบูธมติชน โซนพลาซ่า สอย "โลกร้อน : ความจริงที่ไม่มีใมครอยากฟัง" ของ อัล กอร์ ไปอ่านนะครับ
    tag: book, bookfair, computer, earth, globalwarming, gore, warming
    posted by cyborg9, at 2007-Mar-23 10:36:427

    http://cyborg9.exteen.com/category/SciTech/page/11
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ภูเขาไฟปะทุทางตอนใต้ของชิลี

    [​IMG]

    ซันติอาโก ชิลี 2 ม.ค. - หนังสือพิมพ์เอล เมอร์คูริโอ ของชิลีรายงานว่า ภูเขาไฟไลมาที่ยังครุกรุ่นในเมือง ทางตอนใต้ของประเทศ เกิดการปะทุขึ้นเมื่อวานนี้ แต่เป็นการระเบิดในระดับปานกลางไม่ได้เป็นอันตรายต่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงแต่อย่างใด

    นายเอ็ดการ์โด บาร์รอส นายกเทศมนตรีเมืองเมลิเปอโก ซึ่งอยู่ใกล้เคียงเผยว่าภูเขาไฟปะทุพ่นเถ้าถ่านและควันสูงกว่า 1 กิโลเมตร ภูเขาไฟลูกนี้ถือเป็นหนึ่งในบรรดาภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นในประเทศชิลี โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สำนักงานบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินแห่งชาติรุดเข้าตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกส่งเข้าไปค้นหานักท่องเที่ยวที่อาจตกค้างอยู่บริเวณใกล้เคียง

    สำหรับภูเขาไฟความสูงกว่า 3,000 เมตรแห่งนี้เคยปะทุครั้งหลังสุดเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่รุนแรงเท่าการระเบิดครั้งใหญ่ในปี 2537. - สำนักข่าวไทย

    2008-01-02 10:33:25

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่ปาปัวนิวกินี

    [​IMG]

    วอชิงตัน 2 ม.ค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2008
  17. avatan

    avatan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +365
    รู้สึกว่ามันจะเริ่มเข้มข้นและเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทุกวันๆ แล้วนะคับ...
    เวลาแห่งการ.... เริ่มใกล้มาถึงแล้ว..... :eek:
     
  18. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +4,622
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">โลกร้อน...มหันตภัยถล่มมนุษยชาติปีหนูทดลอง [1 ม.ค. 51 - 00:25]

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]โลกร้อน...
    ปรากฏการณ์ที่สร้างความหวาดผวาต่อมนุษยชาติ
    ทั้งๆที่หลายปีที่ผ่านมา ธรรมชาติได้ส่งสัญญาณเตือนถึงมหันตภัยภัยที่จะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จากปรากฏการณ์เรือนกระจก ก๊าซเรือนกระจก ที่ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง หรือ Climate Change แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่สำเหนียกถึงหายนภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัว และพร้อมจะคุกคามโลก
    ขนาดเกิดกรณี น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายและจะทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น รวมถึงปรากฏการณ์อื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อความสมดุลทางธรรมชาติ หลายคนยังฟังเพียงผ่านๆ และคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว
    แต่ยิ่งนานวันผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศจากสภาวะโลกร้อน ก็ยิ่งพ่นพิษรุนแรง และลุกลามเพิ่มขึ้น แม้จะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น เกิดสภาวะ เย็นจัดผิดปกติ น้ำท่วมมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เกิดไฟป่าบ่อยขึ้น ความแห้งแล้งยาวนานขึ้น ฤดูหนาวไม่หนาวจัด ฤดูใบไม้ผลิมาถึงเร็วขึ้น ฤดูใบไม้ร่วงมาถึงช้าลง ต้นไม้ออกดอกเร็วขึ้น โรคภัยไข้เจ็บลุกลาม ปะการังฟอกขาว การทับถมของหิมะลดลง สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกหายไป พืชและสัตว์ต่างถิ่นรุกราน แนวชายฝั่งสึกกร่อน ป่าในเขตภูเขาสูงแห้งแล้ง ฯลฯ
    ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จากภัยทางธรรมชาติเหล่านี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งก็เหมือนจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คือ การยืนยัน และตอกย้ำชัดเจนจนไม่อาจปฏิเสธได้แล้วว่า
    วิกฤตการณ์โลกร้อน....เปิดฉากคุกคามมนุษยชาติอย่างหฤโหด!
    และวันนี้ภัยธรรมชาติ กลายเป็นภัยใกล้ตัวของสังคมโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว
    ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นอย่างมากมาย และเกือบจะทั่วทุกมุมโลก ทั้งเพิ่มความซับซ้อนยากต่อการทำนาย
    แต่ที่แน่นอนที่สุด คือ ปัญหาโลกร้อนที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะหาต้นเหตุหรือต้นตอของปัญหาจากทฤษฎีใดก็ตาม คำตอบสุดท้าย คือ มนุษย์เป็นตัวการสำคัญของปัญหาโลกร้อน!
    [​IMG]พวกเราต่างพากันปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลปกป้องรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซ้ำร้ายกลับช่วยกันคนละไม้คนละมือสร้างมลพิษ จากการใช้น้ำมัน การปล่อยสารพิษ สารเคมี การตัดไม้ทำลายป่า เป็นต้น ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นในชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกที่ผิดปกติขึ้น รวมทั้งก๊าซชนิดอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติดักจับความร้อนออกไปยังบรรยากาศของโลก ก๊าซเหล่านี้จะรวมตัวกันจนกลายเป็นผ้าห่มหนาๆ ดักจับความร้อนของดวงอาทิตย์ และทำให้โลกมีอุณหภูมิร้อนขึ้น ยิ่งก๊าซเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น ความร้อนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จนกระทั่งกลายเป็นปัญหาโลกร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผิดปกติ หรือมีความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นทั่วโลก
    ประเทศไทยเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงจากภาวการณ์นี้ไปได้ จากความผิดปกติของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา นั่นก็คือ ภาวะฝนตกน้ำท่วมขนาดหนักในหลายพื้นที่ การไม่มีฤดูหนาวและฤดูร้อนที่ร้อนมาก หรือกระทั่งแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
    ขณะที่แนวโน้มของสภาพภูมิอากาศในระยะเวลาประมาณ 40 ปี และ 70 ปีข้างหน้า นักวิชาการจากหลายสำนัก ระบุไปในทิศทางใกล้เคียงกันว่า ประเทศไทยจะมีฝนมากขึ้นในเกือบทุกภาค ส่วนอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดในประเทศไทยจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก อาจเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส แต่จำนวนวันที่อากาศเย็นจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในทางกลับกันจำนวนวันที่อากาศร้อนก็จะเพิ่มขึ้นขณะที่ในช่วงเวลาปีต่อปี จะยังคงมีความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศอยู่ เช่น บางปีฝนชุก บางปีแล้งจัด หรือบางปีร้อนมาก เป็นต้น แต่ที่น่าห่วง คือ ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศเหล่านี้อาจจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
    ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์ เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย กล่าวถึงผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนว่า สภาพภูมิอากาศของประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อยๆ จากการศึกษาแบบจำลองสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยในอีก 30-80 ปี พบว่า จำนวนวันร้อนที่สูงกว่า 33 องศาเซลเซียส จะมีมากขึ้นประมาณ 30-60 วันต่อปี จากปกติ 20 วันต่อปี จังหวัดที่มีวันร้อนมากที่สุด คือ อุทัยธานี เนื่องจากมีพื้นที่อยู่ในหุบเขา รองลงมาคือ นครสวรรค์ สำหรับจำนวนวันเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส จะมีประมาณ 20-30 วันต่อปี จากเดิมประมาณ 30-40 วันต่อปี โดยจังหวัดที่อยู่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันตกจะมีจำนวนวันเย็นมากที่สุด
    “ภาวะโลกร้อนยังส่งผลกระทบต่อแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ฤดูน้ำหลากเปลี่ยนแปลงไป โดยในเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะมีปริมาณน้ำมากกว่าที่ผ่านมาถึงร้อยละ 40 เนื่องจากทั้งปริมาณน้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุน ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นกว่าที่ผ่านมา จะส่งผลทำให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลเกิดน้ำท่วมง่ายและถี่ขึ้น” ดร. อานนท์กล่าวย้ำ
    วิกฤติโลกร้อน ไม่เพียงแต่ ส่งผลกระทบต่อมนุษย์โดยตรง แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศต่างๆ รวมถึงผลผลิตทาง การเกษตร การแพร่ระบาดของแมลงศัตรูพืชหลายชนิด
    และที่หลายคนอาจจะลืมนึกถึง นั่นคือผลกระทบที่สำคัญอันเกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์ในเชิงสุขภาพอนามัย จากภาวะโลกร้อนที่จะนำมาซึ่งโรคอุบัติใหม่
    [​IMG]ศ.ดร.นพ.สมชัย บวรกิตติ สำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสถาน กล่าวถึงสถานการณ์โรคที่มากับภาวะโลกร้อนว่า ภาวะโลกร้อนจะทำให้อัตราการเป็นโรคมะเร็งปอดเพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการสูดก๊าซเรดอน (Radon) ซึ่งเป็นภาวะก๊าซที่เกิดขึ้นในพื้นดินแทรกซึมผ่านรอยแตกของตึก อาคาร บ้านเรือนที่ก่อสร้างพื้นบ้านติดดิน เป็นที่นิยมกันทั่วไป หากเทียบอัตรา ส่วนกับบ้านเรือนสมัยก่อนที่นิยมสร้างบ้านลักษณะยกพื้นสูง คนสมัยก่อนจึงมีความเสี่ยงต่ำในการเป็นมะเร็งปอด น่าตกใจว่าปัจจุบันมีคนเป็นโรคนี้เพิ่มขึ้นถึงวันละ 5 ราย
    ศ.ดร.นพ.สมชัยอธิบายด้วยว่า ภาวะพิษทางอากาศจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์ผ่านทางระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะผู้ที่ไวต่อสารเหล่านั้นจะมีผลให้มีอาการของโรคทางเดินหายใจ และที่เป็นอยู่แล้วจะมีอาการรุนแรงมากขึ้น ในผู้ที่มีโรคปอดหรือโรคหัวใจจะมีความอึดต่อการออกกำลังลดลง สำหรับผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ มลพิษทางอากาศที่เกิดจากโลกร้อน จะเป็นปัญหาสำคัญของชุมชนเมืองใหญ่และเมืองอุตสาหกรรม ​
    ภาวะโลกร้อนยังเป็นสาเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคเขตร้อน ทำให้เกิดความชุกเพิ่มขึ้นในประเทศ และแพร่ขยายออกไปสู่ประเทศที่อยู่เหนือขึ้นไปที่ไม่เคยมีการระบาดมาก่อน ทั้งนี้ เนื่องจากผลของการเปลี่ยนแปลงทางนิเวศวิทยาของพาหะนำโรค เช่น โรคมาลาเรีย โรคไข้เลือดออกเดงกี โรคสมองอักเสบติดเชื้ออาร์บอไวรัส ที่มียุงเป็นพาหะนำโรค เพราะยิ่งอุณหภูมิโลกสูงขึ้นก็ยิ่งเหมาะแก่การนำพาโรคและออกหากินบ่อยขึ้น
    ขณะที่ นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จากการประชุมประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่อ จากภาวะโลกร้อนในระดับนานาชาติ มีความกังวลถึงผลกระทบด้านสุขภาพ เนื่องจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากยุงเป็นพาหะ เช่น ไข้เลือดออก มาลาเรีย รวมทั้งโรคจากอาหารและน้ำ เช่น อหิวาห์ตกโรค ไทฟอยด์ บิด อาหารเป็นพิษ เป็นต้น นอกจากนี้สภาพอากาศที่ร้อนชื้นยังทำให้แบคทีเรียในอากาศมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ มีโอกาสในการแพร่ระบาดสูง ในอนาคตมีความเป็นไป ได้ว่าโรคเหล่านี้หากไม่รีบรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ อาจมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง 60%
    “โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่ต้องจับตามองมากที่สุด เพราะนอกจากยังไม่มียาหรือวัคซีนในการรักษาแล้ว ปัจจุบันยังพบว่ายุงลายซึ่งเป็นพาหะสำคัญของโรค ซึ่งเคยออกหากินเฉพาะแต่ในเวลากลางวัน ได้เปลี่ยนมาออกหากินในเวลาพลบค่ำจนถึง 5 ทุ่ม ทำให้ยากต่อการป้องกันหรือวินิจฉัยโรค ปัญหาโลกร้อนจึงเป็น 'มหันตภัยแห่งอนาคตของมนุษยชาติ' อย่างแท้จริง และสังคมไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายของสภาพอากาศ” นพ.ธวัชแสดงความห่วงใย
    จากวิกฤติมหันตภัยทางธรรมชาติที่เพิ่มความรุนแรงและขยายวงมากขึ้นทุกที ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม มองว่า การยุติปัญหาโลกร้อนเป็นหน้าที่ของมนุษยชาติทุกคน โดยไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา อายุ อาชีพ หรือฐานะความร่ำรวย หรือยากจน แต่ทุกคนต้องมีจิตสำนึกและเริ่มต้นปรับตัว ปรับใจ และปรับวิธีการใช้ชีวิตเพื่อร่วมกันป้องกัน และแก้ไขมหันตภัยที่คืบคลานเข้าคุกคามมนุษยชาติ
    โดยเฉพาะเรามองว่า หัวใจในการแก้วิกฤติครั้งนี้ คือ การดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการรู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
    [​IMG]
    ที่เริ่มได้ตั้งแต่ส่วนเล็กที่สุด คือ ตัวเอง ครอบครัว ชุมชน ประเทศ และสังคมโลก ด้วยการร่วมแรงร่วมใจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปรับเปลี่ยนวิธีการใช้พลังงานน้ำมัน หาพลังงานทดแทน สกัดกั้นการตัดไม้ทำลายป่า ทั้งต้องปลูกป่าเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญคือ มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมและรักธรรมชาติ
    เพราะการรักษาความสมดุลของธรรมชาติไม่ให้ถูกย่ำยี หรือทำร้ายเกินกว่าความจำเป็นในการดำรงชีวิตของมนุษย์ น่าจะเป็นหัวใจในการช่วยปกป้องโลกใบนี้ให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
    หรือต้องรอให้เกิดโศกนาฏกรรม ที่ต้องสังเวยด้วยชีวิตอีกกี่สิบกี่ร้อยล้านคน
    อย่าสร้างตราบาปให้คนรุ่นลูกหลานจดจำว่า มหันตภัย...โลกร้อน เกิดจากน้ำมือและน้ำใจของคนรุ่นปัจจุบันเลย!!!
    ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.thairath.com/news.php?section=education&content=73637

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +4,622
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำมันโลกขยับแตะ $100 สูงสุดเป็นประวัติการณ์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 มกราคม 2551 02:37 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เอเอฟพี - ราคาน้ำมันเมื่อวันพุธ(2) แตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหม่ต่อเศรษฐกิจที่พึ่งพาน้ำมัน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา

    ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX เมื่อเวลา 17.20 น.GMT (ตรงกับเมืองไทย 00.20 น.) งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ กระโดดขึ้นไปอีก 3.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็น 99.46 ดอลลาร์ และไม่นานได้ขยับขึ้นไปถึง 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในที่สุด

    หลังจากแกว่งทำสถิติ2ครั้งในเดือนพฤศจิกายน "ในที่สุดราคาน้ำมันก็แตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมันจะเกิดขึ้นอีก หากซัปพลายยังคงฝืดหากเทียบกับดีมานด์" บาร์ท มาเลก นักวิเคราะห์ด้านการตลาดระบุ

    ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ในตลาดลอนดอน ทำสถิติที่ 97.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่หลังจากนั้นลดลงเหลือ 96.85 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามนับว่าเพิ่มขึ้นจากตอนตลาดปิดเมื่อวันจันทร์(31) ถึง 3 ดอลลาร์

    "ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในเช้าวันนี้มีเหตุมาจากความรุนแรงที่ไนจีเรีย ความกังวลต่อเสถียรภาพในปากีสถาน ความคาดหมายเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันและสภาพอากาศช่วงฤดูหนาว" ฟิล ฟิน จากอลารอน เทรดดิง ระบุ

    ในช่วงปีใหม่เกิดเหตุมีพลเรือน 12 รายถูกสังหารในปอร์ทฮาร์คอร์ต เมืองหลวงทางน้ำมันของไนจีเรีย เพิ่มความกังวลว่าประเทศแห่งนี้อาจลดการผลิตน้ำมัน

    นอกจากนี้รายงานของเจ้าหน้าที่คาดหมายว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ประเทศผู้ใช้พลังงานมากที่สุดในโลก ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** รองรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ปรากฏในไทย ****

     

แชร์หน้านี้

Loading...