เรื่องเด่น เครื่องโบอิ้ง 777-200ERรสายการบินมาเลเเชียแอร์ไลน์สพร้อมผู้โดยสารกับลูกเรือ 239 คน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ขุนเวช, 8 มีนาคม 2014.

  1. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    CVR อยู่หัวเครื่อง ส่วน FDR อยู่ด้านท้ายเครื่อง ไ่ม่รู้ว่าเครื่องตกแล้วแตกกระจัดกระจายกันอย่างไร ?

    สัญญาณที่ทางเรือออสเตรเลียจับได้โดยอาศัยเครื่องตรวจจับ Black box โดยเฉพาะของ US ที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า และสามารถจับสัญญาณได้ชัดเจน คงที่และยาวนานถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที ในครั้งแรก และครั้งที่ 2 อีก 13 นาที ซึ่งครั้งที่ 2 นี้สามารถจับได้ทั้ง CVR และ FDR ได้พร้อมกัน ส่วนเครื่องตรวจจับของจีนเป็น handheld hydrophone ยังไม่แอ๊ดวานซ์เท่าของอเมริกาโดยจับสัญญาณได้ 2 ครั้งสั้นๆ 2 ตำแหน่งนั้นห่างกัน 2 กม. ซึ่งกำลังมีการตรวจสอบอีกครั้งด้วยเครื่องมืออื่นเปรียบเทียบ

    สัญญาณที่จับได้โดยเรือของออสเตรเลียที่ความลึก 4500 เมตร ยังไม่สามารถบ่งบอกทิศทางและตำแหน่งได้ชัดเจน เพราะยังอยู่ห่างมากทิศทางสัญญาณเกิดการเบี่ยงเบนได้ และไม่ทราบว่าสัญญาณที่ทั้งออสเตรเลียและจีนตรวจจับได้มาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันหรือต่างกัน

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2014
  2. Freedom305

    Freedom305 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +141
    สงสัยจังว่าทำไมมหาอำนาจทั้ง 2 ขั๊ว ไม่รวมมือกัน
    สู้กับ มนุษย์ต่างดาวครับ มาแย่ง.. มาฆ่ากันเองเพื่ออะไร
    ผมว่าไม่นานต้องเกิดสงครามจักรวาลขึ้นแน่ๆเลยครับ...ผมสัมผัสด้ายยย:cool:
     
  3. tastiny

    tastiny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +59
    คุณ bhothisata มีความเห็นเรื่องที่เรดาร์ตรวจไม่พบอย่างไรบ้างครับ
     
  4. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    หลังจากที่วันที่ 6 เมย. ทางเรือออสเตรเลียจับสัญญาณกล่องดำได้ 2 ครั้ง และในวันที่ 8 เมย. ก็สามารถตรวจจับสัญญาณได้อีก 2 ครั้ง ครั้งแรก 5 นาที 32 วินาที ครั้งที่ 2 นาน 7 นาที ที่ความลึก 4500 เมตร สัญญาณมีความชัดเจนดี ทั้ง 4 ตำแหน่งที่จับสัญญาณได้อยู่ในรัศมี 10 ไมล์ ถือว่าไม่ห่างไกลกันมาก คาดว่าคงสามารถกระชับพื้นที่ได้แคบกว่านี้ ก่อนปล่อย Bluefin 21 underwater drone ลงไปค้นหายังก้นมหาสมุทร

    [​IMG]

    .
     
  5. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    ในที่สุดความจริงก็เปิดเผย Lojack....4444
     
  6. kiatp123

    kiatp123 โมฆะแมน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,493
    ค่าพลัง:
    +19,616
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 12 เม.ย.อ้างรายงานจาก "เดอะ นิว สเตรท ไทม์ส" หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของมาเลเซีย ซึ่งสัมภาษณ์แหล่งข่าวที่เป็นหนึ่งในทีมสืบสวนคดีการหายสาบสูญของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ว่านายฟาริค ฮาหมิด ผู้ช่วยนักบิน พยายามใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อใครบางคน เพียงไม่กี่นาทีก่อนเครื่องบินจะขาดการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้น
    อย่างไรก็ตาม ฟาริคไม่ประสบความสำเร็จในการต่อสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบสวนสันนิษฐานว่า อาจเป็นเพราะเครื่องบินเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงมาก กระนั้น "เดอะ มาเลเซียน เดลี" หนังสือพิมพ์ภาษามาเลย์รายงานว่า มีการเชื่อมต่อสัญญาณเกิดขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของฟาริค แต่กลับไม่มีการระบุว่า เป็นการใช้โทรศัพท์จากเครื่องบินลำที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. พร้อมผู้อยู่บนเครื่อง 239 คนหรือไม่
    ฟาริคและนายซาฮารี อาหมัด ชาห์ ซึ่งเป็นนักบินที่ 1 หรือกัปตัน กำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลักของพนักงานสืบสวนจากทั้งในและต่างประเทศ ว่าอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อ "เหตุร้าย" กับเครื่องบิน
    ก่อนหน้านี้มีรายงานออกมาว่า กัปตันซาฮารีรับโทรศัพท์จาก "ผู้หญิงปริศนา" คนหนึ่ง เพียงไม่กี่นาทีก่อนเครื่องบินเทคออฟ แต่ข้อมูลนี้ยังไม่ได้รับการรับรองหรือปฏิเสธจากทางการมาเลเซีย ซึ่งยืนยันมาตลอดเพียงว่า เครื่องบินเปลี่ยนเส้นทางระหว่างบินอยู่เหนือน่านน้ำรอบต่อระหว่างมาเลเซียกับเวียดนาม แล้วขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินพลเรือน แต่เรดาร์ทหารและดาวเทียมสามารถจับสัญญาณเครื่องบินได้เป็นระยะ จึงทำให้ทราบว่าเป็นการเปลี่ยนเส้นทางลงมาทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย และพบ "จุดจบ" ในที่สุด

    ที่มา: เดลินิวส์
     
  7. kiatp123

    kiatp123 โมฆะแมน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,493
    ค่าพลัง:
    +19,616
    13.54 น.

    ผู้นำออสเตรเลียแสดงความมั่นใจว่าทีมค้นหาสามารถระบุตำแหน่งของกล่องดำของเที่ยวบิน MH370 ขณะที่สหรัฐเตรียมพร้อมหุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำบลูฟินเพื่อค้นหากล่องดำและชิ้นส่วนของเครื่องบิน

    นายกรัฐมนตรีโทนี แอบบอตต์ของอสเตรเลีย กล่าวระหว่างการเยือนกรุงปักกิ่งของจีนอย่างเป็นทางการในวันนี้ว่า ทีมค้นหาของออสเตรเลียมั่นใจว่าเสียงสัญญาณใต้น้ำที่ตรวจวัดได้ในช่วงหลายวันนี้ในบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้เป็นเสียงสัญญาณจากกล่องดำของเที่ยวบินMH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไปอย่างเป็นปริศนาขณะบินออกจากกัวลาลัมเปอร์มุ่งหน้าไปปักกิ่งเมื่อ 8 มี.ค และเราสามารถจำกัดพื้นที่ค้นหาแคบลงได้อย่างมากแล้ว จึงมั่นใจว่ารู้ตำแหน่งของกล่องดำ

    แต่พล.อ.อ.แองกัส ฮูสตัน อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศออสเตรเลีย ในฐานะหัวหน้าศูนย์ประสานงานภารกิจค้นหา บอกว่า เสียงสัญญาณใต้น้ำที่สามารถตรวจจับได้เมื่อวันพฤหัสบดีโดยทุ่นโซนาร์ ที่เครื่องบิน พี-3 โอเรียน ของออสเตรเลีย หย่อนลงไปในทะเล ไม่น่าจะมาจากกล่องดำของMH370 ส่วนก่อนหน้านี้เรือโอเชียน ชิลด์ของออสเตรเลียที่มีอุปกรณ์ตรวจจับเสียงสัญญาณกล่องดำของสหรัฐ สามารถจับสัญญาณเสียงใต้น้ำได้ 4 ครั้งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา และเสียงมีความถี่ในระดับเดียวกับเสียงสัญญาณจากกล่องดำ

    ขณะที่การค้นหาใต้น้ำในขณะนี้ครอบคลุมพื้นที่ 1,300 ตร.กม. นอกจากนี้เครื่องบินและเรืออีกหลายลำยังคงค้นหาชิ้นส่วนเครื่องบินจากเหนือผิวน้ำในวันนี้ ครอบคลุมพื้นที่ 46,713 ตร.กม. ซึ่งลดลงจากพื้นที่ค้นหา 57,900 ตร.กม.เมื่อวันพฤหัสบดี โดยจุดค้นหาอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 2,300 กม. การค้นหาสัญญาณจากกล่องดำจะดำเนินต่อไปจนกว่าเชื่อว่าแบตเตอรีของกล่องดำหมดลงแล้วซึ่งขณะนี้เลยกำหนดเวลาหนึ่งเดือนที่แบตเตอรีจะใช้งานได้แล้ว และคาดว่าแบตเตอรีจะหมดสนิทภายในไม่กี่วัน

    หากการค้นหาสัญญาณเสียงจากกล่องดำยุติลงเมื่อไหร่ ก็จะมีการส่งหุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำของสหรัฐบลูฟิน 21 สีเหลืองซึ่งมีรูปร่างเหมือนตอร์ปิโดความยาวเกือบ 5 เมตร ลงไปสำรวจใต้น้ำเพื่อค้นหากล่องดำและชิ้นส่วนเครื่องบิน แต่เนื่องจากหุ่นยนต์มีข้อจำกัดดำลงไปได้ลึกเพียง 4.5 กิโลเมตร และค้นหาได้เพียง 64 ตร.กม.ต่อวัน ทำให้จำเป็นต้องจำกัดพื้นที่ค้นหาให้แคบลงและแม่นยำที่สุด



    ได้แต่หวังว่าความมั่นใจของแอบบอตต์จะถูกต้อง
    ทางที่ดีไปคุยกับ พล.อ.อ.แองกัส ฮุสตัน หัวหน้าทีมค้นหาให้ชัด ๆ
    ก่อนว่า เฮ้ย จริงหรือเปล่าว่ะ
    แอบบอตต์ไม่ได้ไปหา คนหาคือ พล.อ.อ.แองกัสฯ
     
  8. kiatp123

    kiatp123 โมฆะแมน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,493
    ค่าพลัง:
    +19,616
    ทฤษฎี...'ไฮแจ็ค'เอ็มเอช370
    โดย "นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์" ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี และ "ทนง ขันทอง" บรรณาธิการบริหารเครือเนชั่น


    [​IMG]
    "เอแวกซ์" เครื่องบินล่องหน

    การหายไปอย่างปริศนาของเครื่องบิน "เอ็มเอช 370" มีความเป็นไปได้หลายทฤษฎี แต่ทฤษฎีที่ถูกให้น้ำหนักมากที่สุด คือ มีการนำเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ไปลงจอดที่ "ดีเอโก การ์เซีย" ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐอมเริกา โดยแหล่งข่าวที่น่าเชื่อ 3 ราย คือ แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย และแหล่งข่าวผู้เจาะลึกเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด และอดีตเลขาฯ ส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย "มหาธีร์ โมฮัมหมัด" วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในทิศทางเดียวกันว่า เครื่องบิน "เอ็มเอช 370" อาจลงไปจอดที่ฐานทัพลับๆ ของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ญาติของผู้โดยสารอ้างข้อมูลเกี่ยวกับมีเครื่องบินรบของทหาร 2 ลำ บินประกบเครื่องบิน เอ็มเอช 370 แล้วบอกให้เลี้ยวออกนอกเส้นทาง แต่สื่อต่างๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญ

    อย่างไรก็ตาม มีทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจว่า เครื่องบินมาเลย์ฺเซีย สายการบิน เอ็มเอช 370 หายไปได้อย่างไร หลังจากที่บินออกจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ เวลา 00.40 น. แล้วเวลา 01.21 น. เครื่องบินก็หายไปจากจอเรดาร์ นั่นคือทฤษฎีว่า เครื่องบิน "เอ็มเอช 370" อาจจะถูกไฮแจ็ค หรือจากถูกควบคุมจากภายนอก หรือระบบที่เรียกว่า "รีโมทคอนโทรล" และเทคโนโลยีที่ควบคุมเครื่องบินจากภายนอกได้ มีอยู่ประเทศเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ โดยใช้ "เอแวกซ์" ซึ่งเป็นเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐอเมริกา รูปร่างของเครื่องบินจะคล้ายตัวเรดาร์ สามารถที่จะอำพรางตัวเอง ดาวเทียมจับไม่ได้

    ทฤษฎีดังกล่าวถูกเปิดเผยโดย "จิม สโตน" นักข่าวอิสระที่สืบสวนเรื่องการหายไปของเครื่องบิน เอ็มเอช 370 ว่า "เอแวกซ์" อาจขึ้นไปดักรอ "เอ็มเอช 370" แล้วล็อกไว้ด้วยรีโมทคอนโทรลจากข้างนอก ระบบนี้ทางเทคนิคสามารถทำได้ เนื่องจากเครื่องบินโบอิ้งได้พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาเอง เพื่อป้องกันเหตุที่เคยเกิดขึ้น อย่างเหตุการณ์ 9/11 ที่มีการไฮแจ็คเครื่องบินแล้วไปชนตึกเวิลด์เทรด จึงมีการพัฒนาระบบนี้ขึ้นมา ถ้าเครื่องบินถูกไฮแจ็ค เครื่องบินของทางการสามารถขึ้นไป หรือใช้ดาวเทียม หรือใช้ระบบจากภาคพื้นดิน เข้าไปควบคุมเครื่องบินนั้นเลย ทำให้คนที่ควบคุมเครื่องบิน หรือสลัดอากาศ ไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้

    มีความเป็นไปได้ที่เครื่องบิน "เอแวกซ์" ควบคุมเครื่องบินนี้ แล้วนำให้เครื่องบินนี้เลี้ยวไปทางด้านทิศตะวันตก ผ่านประเทศไทยออกไปทางช่องแคบมะละกา ปฏิบัติการครั้งนี้ หากเป็นจริงถือว่า "เหนือเมฆ" คล้ายๆ กับเจมส์บอน 007 และคุณสมบัติของ "เอแวกซ์" สามารถอำพรางเรดาร์ได้ หลังจากโน้มตัว เอียงเลี้ยวไป 45 องศา อาจไปปรากฏที่ดาวเทียมนิดหนึ่ง ก่อนเลี้ยวตั้งตัวตรง เครื่องบินนี้ก็หายไปอีกจากจอเรดาร์ ทั้งนี้ การหายตัวไปของเครื่องบิน "เอ็มเอช 370" ไม่ธรรมดาเป็นปฏิบัติการทางด้านทหารหรือไม่?

    ส่วนทฤษฎีที่บอกว่า เครื่องบินประสบอุบัติเหตุนั้น ไม่มีทางจะเป็นอุบัติเหตุ และถ้าเครื่องบินนี้ถูกไฮแจ็คจากภายใน วันแรกๆ ตัวกัปตันหรือผู้ช่วยกัปตัน รายชื่อผู้โดยสาร ต้องถูกนำมาเปิดเผยตีแผ่ไปทั่วโลกแล้ว ว่า ใครมีความเป็นไปได้บ้าง ปรากฏว่าไม่ได้มีการสอบประวัติของผู้โดยสาร ไม่มีการสอบกัปตันอย่างลึกซึ้งเลย ยกเว้น 1 สัปดาห์ให้หลังแล้ว หลังจากนั้นทางการมาเลเซียยอมรับว่า เครื่องบินอาจจะถูก "ไฮแจ็ค" แต่ไม่บอกว่า "ไฮแจ็ค" อย่างไร และไม่มีความเป็นไปเลย ถ้ากัปตันหรือผู้ช่วยกัปตันอยู่ดีๆ จะใช้มือปิดสัญญาณเรดาร์ ที่ใช้ติดต่อกับภาคพื้นดิน แล้วเลี้ยวออกไปจะไปฆ่าตัวตายที่มหาสมุทรอินเดีย

    มีหลายคนเชื่อทฤษฎีที่ว่า เครื่องบินลำนี้ ถูกควบคุมจากภายนอก และสอดคล้องกับข้อสงสัยของอดีตเลขาฯ ส่วนตัวของอดีต "มหาธีร์ โมฮัมหมัด" มีการตั้งคำถามว่า เครื่องบินลำนี้ถูกไฮแจ็คหรือไม่ และถูกควบคุมโดยระบบรีโมทคอนโทรลจากข้างนอกหรือไม่ การหายไปของเครื่องบินลำนี้ เป็นปฏิบัติการทางทหารหรือไม่ ถ้าใช่ก็หมายความว่า ความมั่นคงทางอากาศ อำนาจอธิปไตยของมาเลเซียถูกกระทบกระเทือน และเป็นสิ่งที่ทางการมาเลเซียต้องสอบถาม และอยากให้สื่อมวลชนจากทั่วโลกตั้งคำถามต่อหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาว่า เครื่องบินมาเลเซีย "เอ็มเอช 370" ที่หายไปอย่างลึกลับแบบนี้ ทั้งๆ ที่สหรัฐอเมริกามีระบบดาวเทียมที่ค่อนข้างจะทันสมัย และเครื่องบิน "เอ็มเอช 370" บินไปใกล้ๆ กับสนามบิน "ดีเอโก การ์เซีย" ซึ่งเป็นฐานทัพทหารของอเมริกา แต่ไม่มีการเปิดเผยออกมาหรือมีการกระทำอะไรเลย จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ "เอแวกซ์" จะควบคุม "เอ็มเอช 370" ผ่านรีโมทคอนโทรล ให้ไปทางใต้ของเกาะมัลดีฟ และสอดคล้องกับข่าวที่ว่า ประชาชนเกาะมัลดีฟที่อยู่ทางใต้เห็นเครื่องบินที่คาดว่าจะเป็น "เอ็มเอช 370" ปรากฏตัวเวลา 06.15 น.ของวันที่ 8 มีนาคม และทางตอนใต้ไม่มีสนามบินอื่นที่จะจอดลงเลย ยกเว้น "ดีเอโก การ์เซีย"...แต่หลังจากนั้น ชะตากรรมของเครื่องบินลำนี้จะเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบ?!!

    นั่นเป็นเพียงหนึ่งในทฤษฎี ซึ่งวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของการหายไปอย่างปริศนาของเครื่องบิน "เอ็มเอช 370" แต่ทุกคนก็ยังรอความหวังที่จะค้นพบชิ้นส่วนแรกของเครื่องบิน "เอ็มเอช 370" ซึ่งคาดว่าจะมาสิ้นสภาพอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย


    http://www.komchadluek.net/detail/20140411/182688.html
     
  9. kiatp123

    kiatp123 โมฆะแมน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,493
    ค่าพลัง:
    +19,616
    [​IMG]
     
  10. tastiny

    tastiny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +59
    อย่าลบเลยครับ

    ได้โปรดอย่าลบเลยครับ ข้อความที่คุณ bhothisata โพสท์ เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ เป็นข้อมูลประจักษ์(fact) และเป็นข้อสันนิษฐาน ของผู้ที่ได้ทำงานในสายงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งค่อนข้างทราบชัดว่าเรื่องไหนเป็นไปได้เป็นไปไม่ได้ ทำให้ผู้ที่สนใจได้ความรู้ความเข้าใจมากขึ้น

    เรื่องความผิด-ถูกของเหตุการณ์ ผมว่าเป็นเรื่องรองลงไป คนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่มีใครรู้ความจริงครับ ต้องสันนิษฐานตามหลักฐานที่ค่อยๆ ได้เพิ่มเติมขึ้นมา

    ยิ่งเรื่องนี้ผมมองว่าค่อนข้างซับซ้อนมาก ทุกข้อมูลอย่างเป็นทางการที่เผยออกมาไม่สมเหตุสมผลซักอย่าง ถ้าได้คนที่มีความรู้เกี่ยวข้องช่วยอธิบาย ชี้แจง จะช่วยให้เข้าใจ และมองเหตุการณ์ในสภาพที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากขึ้นครับ
     
  11. Dazeng

    Dazeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +110
    ผมสงสัยว่าทำไมในนี้ไม่มีใครรู้ว่าเครื่องบินไปอยู่ที่ไหน ทั้งๆที่เคยฝึกมโนมยิทธิกันมาแทบทุกคน
     
  12. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ประโยคสุดท้าย จาก MH370 ที่เชื่อกันว่าเป็นเสียงของกัปตัน


    "Good night, Malaysian 370."

    แค่ประโยคนี้ก็สามารถบอกเรื่องราวได้เยอะแล้วครับ

    .
     
  13. tastiny

    tastiny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +59
    เดิมทางการมาเลย์ แถลงว่าประโยคสุดท้ายที่มีการบันทึกคือ "All right, Good night"


    ต่อมามีการเปิดเผยบันทึกรายการโต้ตอบของนักบิน(ผู้ช่วยนักบิน) จากทางอังกฤษ(ผมจำได้เลาๆ อาจจะผิดประเทศ) ซึ่งประโยคก่อนหน้า คือทางหอบังคับการบินมาเลย์แจ้งว่า เครื่องบินกำลังจะเข้าเขตเวียดนาม ให้เปลี่ยนไปติดต่อกับหอบังคับการบินเวียดนาม ทางนักบินจึงได้ตอบกลับไปว่า "Alright, good night" ซึ่งเป็นคำโต้ตอบที่สมเหตุสมผล เพราะเป็นคำโต้ตอบช่วงที่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อประเทศพอดี


    ถ้าผมลำดับเหตุการณ์ไม่ผิด น่าจะเป็นช่วงหลังจากการแถลงเรื่องดรอปเลอร์เอฟเฟคแล้ว ทางมาเลย์จึงได้แถลงว่า ประโยคสุดท้ายคือ "Good night, Malaysian 370."


    หมายเหตุ: ข้อมูลของเรื่องนี้มากจริงๆ มีทั้งเรื่องเท็จ เรื่องจริง เรื่องไร้สาระ เรื่องตั้งใจโกหก ฯลฯ ผมก็ยืนยันไม่ได้ว่าบันทึกคำโต้ตอบเป็นข้อมูลจริง แต่คำแถลงการของทางการมาเลย์ช่วงแรก คือ "All right, Good night" จริง เพราะจำได้ว่ามีคนแปลไว้ว่า "ทุกอย่างถูกต้อง ราตรีสวัสดิ์"
     
  14. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ถ้าประเทศมหาอำนาจทำการจี้เครื่องบินจริง ป่านนี้กล่องดำก็คงหายหรือไม่ก็ถูกตัดต่อไปเรียบร้อยแล้วมั๊ยครับ การจะนำกล่องดำออกมาได้ต้องทำกันในขณะเครื่องบินจอดกับตกมากกว่าขณะยังบินไปเอาออกไปคงไม่ง่ายนัก

    ถ้าผมจะคิดแบบหลุดโลกคือมีเครื่องบินล่องหนลำใหญ่บินมางับเครื่องบิน777เข้าไปทั้งลำเลย อันนี้คุ้นๆมั๊ยเหมือนมีในหนังเรื่องหนึ่ง

    แต่อย่าลืมว่ามีชาวบ้านมากกว่าหนึ่งคนต่างสถานที่กันพบเห็นเครื่องบินบินต่ำ ซึ่งไม่เคยเจอมาก่อนอันนี้ก็น่าจะผิดปรกติเอาเรื่องอยู่

    นั่นหมายความว่า เครื่องบินได้ถูกจี้แล้ว แต่โดยใครไม่ทราบได้ ที่เป็นไปได้คือ ผู้โดยสารที่ดักรวบตัวนักบิน ตำรวจบนเครื่องที่อ้างตัวแล้วขอเข้าไปชมห้องนักบิน แอร์โฮสเตสที่เข้ามาเสริฟของว่าง ตัวนักบินเอง หรือหน่วยรบพิเศษที่ได้รับการฝึกมาเป็นพิเศษเพื่อการนี้โดยเฉพาะก็เป็นได้ ตัวอย่างในหนังก็มีให้เห็นมานานแล้ว เช่น นำเครื่องบินดังรูปด้านล่าง
    [​IMG]
    มาบินเพื่อบล็อกสัญญาณการติดต่อสื่อสารใดๆ และนำเครื่องบินล่องหลดังรูปด้านล่าง
    [​IMG]
    บินเทียบประกบ777แล้วเชื่อมสะพานเพื่อนำคนเข้า-ออกได้ และเมื่อสำเร็จแล้วก็บังคับให้นำเครื่อง777ไปทำลายทิ้งยังทิศอื่น เพื่อเพิ่มความยากลำบากในการค้นหากันต่อไป

    การดำเนินการเหล่านี้ต้องทำกันเป็นทีมซึ่งต้องได้รับความร่วมมือมากกว่าหนึ่งหน่วยงาน และจะทำสิ่งเหล่านั้นให้ยุ่งยากไปทำไม ถ้าจะทำลายก็ยิงมันให้ตกลงทะเลไปเลยง่ายสุดอย่างที่บางประเทศเคยทำมาแล้ว หรือถ้าต้องการจับกุมใครก็ไล่จับซะแต่ต้นทางไปเลยจะดีกว่ามั๊ย

    สำหรับประเด็นทางการเมือง ก็ไม่น่าจะเกิดโดยเฉพาะกับทางมาเลย์เอง จะพอมีก็แต่ทางจีนที่มีชนกลุ่มน้อยลุกฮือจะขอเป็นเอกราชจากจีนเท่านั้นเอง

    ส่วนเกี่ยวกับศาสนา เท่าที่เห็นแม้ศาสนาอิสลามสายขวาจัดที่ชอบความรุนแรง แต่ก็ไม่นิยมกระทำต่อคนศาสนาเดียวกัน อีกอย่างมาเลย์ก็เป็นอิสลามสายกลางก็ไม่น่าจะเป็นประเด็นอะไร

    ปัจจัยอื่นๆก็แทบไม่เป็นประเด็นเช่นกัน เช่น นักบินชอบเล่นเกมส์จำลองการบิน ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่พึงกระทำได้ ซึ่งถ้าคนกลุ่มนี้จะทำอย่างน้อยก็ต้องส่งสัญญาณอะไรออกมาว่า ทำเพื่ออะไรก่อน แต่ก็อย่าลืมว่าประเด็นทางศาสนาไม่ได้ตัดทิ้ง เพราะมีลักษณะหนึ่งที่เขามักทำคือ ทำก่อน แล้วค่อยบอกกับชาวโลกว่าข้าทำเองแหล่ะ ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาประกาศตนอย่างเป็นทางการว่าได้เป็นผู้ทำ

    วกกลับไปเรื่องการจี้เครื่องบินโดยประเทศมหาอำนาจ พวกนี้มักจะทำแล้วไม่ออกมายอมรับว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง ขอเพียงให้งานสำเร็จก็ปิดงานได้ แล้วเขาทำไปเพื่ออะไร เช่น ขโมยหรือทำลายเทคโนโลยีสำคัญๆที่ตนไม่ได้ครอบครอง ประเด็นนี้มีน้ำหนักอยู่พอสมควร ซึ่งบังเอิญมีนักวิศกรผู้พัฒนาเทคโนโลยีหนึ่งที่อาจทำให้เปลี่ยนโลกได้ โดยสารขึ้นไปด้วย

    สิ่งที่ทางการมาเลย์และผู้เกี่ยวข้องต้องทำคือ กู้กล่องดำมาวิเคราะห์ ค้นหาศพผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนให้เจอพร้อมต้องตรวจสอบได้ว่าได้เสียชีวิตในวันเวลาเดียวกับที่เครื่องบินนั้นสูญหาย และต้องออกมาพูดความจริงโดยไม่ถูกตัดและต่อเติมข้อความใดๆอีกต่อไป

    ที่ทำให้เหตุการณ์ขึ้นหน้าหนึ่งมาหลายสัปดาห์ เพราะความรู้สึกของคนทั้งโลก รู้สึกได้ว่ามันทะแม่งๆผิดแปลกแตกต่างไปจากเหตุการร์เครื่องบินตกอื่นๆที่ผ่านมาในอดีต อีกทั้งด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันควรจะถูกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้สำหรับการมอนิเตอร์และค้นหา777ที่มีขนาดมิใช่น้อยกลับทำไม่ได้ดีว่าที่คิดกัน

    ผมไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อตัวผมเลยแม้แต่น้อย แต่เชื่อมั๊ยว่าเมื่อผมกลับไปร่วมงานวันพบญาติประจำปี เจอแต่คนมาถามว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ถามเขามั่นใจว่า370โดนจี้ แต่ใครล่ะจี้ ผมเองก็ตอบไม่ถูกด้วยซ้ำไปว่าจริงๆแล้วถูกจี้รึเปล่า แม้จะพอรู้จักกับคนที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการการบินระดับสากลก็ไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัดอยู่ดี...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2014
  15. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681

    การพูดโต้ตอบกับหอบังคับการบินของนักบิน ถ้าเขาพูดว่า Allright, good night. ก็ดูปกติดี ไม่ผิดสังเกตอะไร แต่ถ้าพูดว่า Good night, Malaysian 370. อันนี้มันไม่ใช่การสนทนากับหอบังคับการแน่ มันเป็นการบอก ราตรีสวัสดิ์ (บอกลา ) กับเที่ยวบินเที่ยวนี้โดยเฉพาะ และหลังจากนั้นก็เริ่มปฏิบัติการ ..........................................................


    แค่ความเห็นผมเองนะ ..

    .
     
  16. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ท่าน bhothisata ว่ามาก้อมีเหตุผลนะ :cool:

    .
     
  17. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ขอนำเอาข้อมูลเก่ามาแปะ เพื่อบางท่านที่ยังไม่เคยเห็น

    [​IMG]

    นักวิเคราะห์บอกว่า ลำดับเหตุการณ์ของการสนทนาทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามปกติทุกประการ แต่ก็มีจุดที่ผิดปกติอยู่ 2 แห่ง คือ คำพูดจากห้องนักบินเมื่อเวลา 1.07 น.ที่บอกว่าเครื่องบินอยู่ที่ระดับความสูง 35,000 ฟุต ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะพูดซ้ำ หลังจากเพิ่งพูดไปเมื่อ 6 นาทีก่อนหน้านั้น และเวลา 1.07 น.เป็นช่วงนาทีสำคัญที่ระบบ ACARS หรือระบบรายงานสภาพของเครื่องยนต์บนเครื่องบินลงมายังภาคพื้นดินเป็นระยะ ได้ส่งข้อมูลสุดท้าย ก่อนจะไม่สามารถทำงานได้ในอีก 30 นาทีถัดมาที่เชื่อว่าเป็นการเจตนาปิดระบบนี้ และระบบทรานสปอนเดอร์ ซึ่งเป็นระบบแจ้งพิกัดและเพดานบิน ก็ถูกปิดในเวลา 1.21 น. แต่ทีมสอบสวนเชื่อว่า ระบบ ACARS ถูกปิดก่อนคำพูดสุดท้ายของฮามิดที่ตรงกับเวลา 1.19 น. แต่สตีฟ แลนเดลส์ อดีตนักบินของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส บอกว่า เขาไม่คิดว่าการพูดย้ำเรื่องเพดานบินเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะนักบินอาจลืมหรือไม่มั่นใจว่าได้แจ้งไปแล้วหรือยัง
    ส่วนอีกจุดน่าสังเกต คือ การหายไปของเครื่องบินไม่น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ เพราะการขาดการติดต่อและการหันหัวกลับของเครื่องบินไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นในช่วงที่หอบังคับการบินมาเลเซีย กำลังจะส่งต่อให้หอบังคับการบินนครโฮจิมินห์ของเวียดนามติดต่อสื่อสารกับเที่ยวบิน MH370
    สตีเฟน บุซดีแกน อดีตนักบินของสายการบินบริทิช แอร์เวย์ ที่บินเครื่องบินรุ่น 777 บอกว่า หากจะขโมยเครื่องบินเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะเป็นช่วงเวลาที่ภาค พื้นดินจะไม่เห็นเครื่องบินลำนี้ นอกจากนี้เทเลกราฟสรุปด้วยว่า จากบทสนทนาของนักบินอาจบ่งชี้ได้ว่า หากนักบินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเครื่องบิน ก็ถือว่ามีความระมัดระวังอย่างดีมากในการปกปิดแผนการ

    .
     
  18. kiatp123

    kiatp123 โมฆะแมน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,493
    ค่าพลัง:
    +19,616
    Malaysia Airlines MH370: list of false hopes


    ถ้าสัญญาณที่ถูกตรวจจับได้ที่ความลึกในมหาสมุทรอินเดีย นั้นพิสูจน์ได้ว่าถูกส่งมาจากเครื่องบิน MH370 จริง
    พวกเขาก็น่าจะสามารถปิดฉากความสับสนของความหวังลมๆแล้งๆหลายครั้ง ที่เกิดขึ้นในการค้นหาเครื่องบินนี้ลงไปได้เสียที

    และนี่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ในเวลาที่ความหวังว่าจะสามารถไขปริศนาทางการบินครั้งนี้ได้ถูกทำลายลงไป


    8 มีนาคม: ประมาณ 9 โมงเช้า มากกว่าหนึ่งชั่วโมงที่มีรายงานว่าเครื่องบินโบอิง 777 ของมาเลเซียได้บินหายไป
    ข่าวลือกระจายไปทั่วอินเตอร์เนตว่า เครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัยอยู่ที่สนามบินทางตอนใต้ของประเทศจีน
    และถูกพิสูจน์อย่างรวดเร็วว่าเป็นเรื่องไม่จริง ในตอนสายของวันนั้น การค้นหาได้พบคราบน้ำมันสองจุดในทะเลจีนใต้
    แต่ผลการตรวจสอบภายหลังออกมาว่า คราบน้ำมันที่ว่านั้นไม่ใช่น้ำมันจากเครื่องบิน


    9 มีนาคม: เวียดนามบอกว่า เครื่องบินค้นหาได้เจอวัตถุน่าสงสัยว่ามาจากเครื่องบินลอยอยู่ในทะเลจีนใต้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้อง
    ผู้นำกองทัพมาเลเซียเปิดเผยว่า เรดาร์ทางทหารของมาเลเซียพบว่า หลังจากที่ระบบการสื่อสารได้ถูกปิดลง
    เครื่องบินอาจจะบินกลับมาและข้ามฝั่งประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่เสริมกำลังการค้นหาที่ฝั่งตะวันตกของประเทศ
    และทางตอนเหนือของช่องแคบมะละกา


    10 มีนาคม: ทีมค้นหาพบวัตถุสีเหลืองลอยในทะเล สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นแพชูชีพ
    แต่ก็พบว่าเป็นแค่ขยะในทะเลที่มีตะไคร่น้ำคลุมอยู่


    11 มีนาคม: รายงานข่าวว่า ผู้โดยสาร 2 ใน 239 คนบนเครื่องบินได้ใช้หนังสือเดินทางที่ถูกขโมยมา
    ทำให้มีการตั้งข้อสงสัยถึงการก่อการร้ายขึ้น แต่ตำรวจมาเลเซียพบว่า ชาย 2 คนนั้นเป็นชาวอิหร่าน
    ทั้งคู่เพียงต้องการแอบหนีเข้าประเทศแถบยุโรป และก็ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายด้วย


    12 มีนาคม: ทางจีนได้เผยแพร่ภาพวัตถุสีขาว 3 ชิ้นลอยอยู่ในทะเล
    ใกล้กับจุดสุดท้ายที่เครื่องบินได้บินอยู่ตรงทะเลจีนใต้ แต่ทีมค้นหาของเวียดนามและมาเลเซียไม่พบวัตถุดังกล่าว
    สามวันต่อมา นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียบอกว่าข้อมูลดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า มี 2 เส้นทางที่เครื่องบินอาจจะบินไป
    คือเส้นทางเหนือ จากประเทศไทยไปถึงตอนใต้ของประเทศคาซัคสถาน
    และเส้นทางใต้ จากเกาะชวาของประเทศอินโดนีเซียข้ามไปยังมหาสมุทรอินเดีย


    19 มีนาคม: นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียเปิดเผยว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นวัตถุขนาดใหญ่ 2 ชิ้น
    ลอยอยู่ในมหาสมุทรอินเดียทางตอนใต้ และทีมค้นหาก็ยังหาวัตถุ 2 ชิ้นนั้นไม่พบ


    22 มีนาคม: เครื่องบินค้นหาได้พบเศษไม้ลอยอยู่ในทะเล และมีสายหนังที่มีขนาดและสีต่างกันอยู่รอบๆ
    แต่ไม่สามารถถ่ายรูปกลับมาได้ เครื่องบินของทหารนิวซีแลนด์ได้พยายามบินไปตามหาวัตถุที่ว่านั้นเพื่อพิจารณาใกล้ๆ
    แต่ก็เจอเพียงกลุ่มสาหร่ายลอยอยู่เท่านั้น


    23 มีนาคม: ดาวเทียมของฝรั่งเศสได้ตรวจพบวัตถุ 122 ชิ้น แต่เครื่องบินค้นหาไม่สามารถหาตำแหน่งที่ตั้งของมันได้
    ในช่วงท้ายของวัน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้เปิดเผยผลการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งใหม่ว่า
    เครื่องบินได้ตกอยู่ทางใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ตรงจุดไหนซักแห่งทางตะวันตกของกรุงเพิร์ธ


    27 มีนาคม: ดาวเทียมของไทยจับภาพวัตถุ 300 กว่าชิ้นลอยอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย
    แต่ไม่เคยมีการตรวจสอบว่าพวกมันมาจากเครื่องบินแน่หรือไม่


    28 มีนาคม: ทีมประสานงานการค้นหาของออสเตรเลียได้ย้ายจุดค้นหาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
    หลังการวิเคราะห์ข้อมูลเรดาร์ชี้ว่า เครื่องบินน่าจะบินเร็วกว่าที่คิดและใช้น้ำมันหมดไวกว่าที่คาดการณ์กันไว้
    ทำให้ระยะของเส้นทางบินน่าจะสั้นลง


    30 มีนาคม: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซียบอกว่า ผลการตรวจสอบโปรแกรมจำลองการบินที่บ้านของนักบิน
    รวมถึงผลการตรวจของ FBI พบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติอะไรในนั้น


    10 เมษายน: เครื่องบินค้นหาของออสเตรเลียได้ตรวจจับสัญญาณใต้น้ำได้ แต่ภายหลังพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินลำที่หายไป
    ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เรือโอเชียน ชีลด์ได้จับสัญญาณใต้น้ำซึ่งความถี่สอดคล้องกับสัญญาณที่มาจากกล่องดำ
    ซึ่งนับว่าเป็นความคืบหน้าหลักอย่างแรกในการค้นหาเครื่องบิน MH370


    11 เมษายน: นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียบอกว่า เจ้าหน้าที่ต่างมีความมั่นใจว่าสัญญาณจากใต้น้ำบริเวณความลึกกว่า 4,500 เมตร
    นั้นได้ถูกส่งมาจากกล่องดำของเครื่องบิน เขาได้เตือนด้วยว่าการเข้าไปกู้พวกมันมาจากใต้ทะเลเป็นเรื่องที่ยากมาก


    14 เมษายน: ไม่มีการตรวจพบสัญญาณใดๆถึง 6 วัน ท่ามกลางข้อสันนิษฐานว่าแบตเตอรีของมันได้หมดลงไปแล้ว
    หัวหน้าทีมทำภารกิจค้นหาบอกว่า เครื่องมือค้นหาใต้น้ำจะถูกส่งลงไปสำรวจพื้นทะเลเพื่อหาร่องรอยของชิ้นส่วนเครื่องบิน
    http://pantip.com/topic/31754895
     
  19. kiatp123

    kiatp123 โมฆะแมน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,493
    ค่าพลัง:
    +19,616
    [​IMG]
     
  20. itsame

    itsame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +287
    RIP Malaysian Tourism
     

แชร์หน้านี้

Loading...