เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]

    เมื่อวานพี่นิ่มไปขอบารมีหลวงปู่บุญมา วัดบ้านแก่ง และหลวงพ่อสมบุญ วัดปอแดง

    หลวงพ่อสมบุญ บอกพี่นิ่มว่าของที่ยกมามันเต็มหมดทุกช่องแล้ว ไม่ใช่แค่ดีทางอยู่ปืน แต่มันคลุมหมดทุกอย่างเลย... "เอาผงฯที่ไหนมาทำ.... ขอผงฯมาทำพระฯบ้างซิ"

    ................................

    เมื่อภิกษุลักสิ่งของ เมื่อจะปรับอาบัติปาราชิก ก็ต้องให้ตีราคาปรับอาบัติ
    เล่ม ๒ หน้า ๒๓๕ บ. ๑๗

    ในเรื่องตั่ง มีวินิจฉัยดังนี้ ภิกษุรูปนั้น กำหนดหมายถุงไว้แล้ว จึงให้ตั่งเลื่อนไป ด้วยคิดว่า
    เราจักถือเอาถุง ซึ่งมาถึงที่นี้. เพราะเหตุนั้นในการเลื่อนตั่งไป อวหารจึงไม่มีแก่ภิกษุรูปนั้น
    แต่ท่านปรับเป็นปาราชิก ในการให้เลื่อนไปแล้วถือเอา จากโอกาสที่กำหนดหมายไว้

    ก็ภิกษุเมื่อนำไปอย่างนั้น ถ้าไม่มีไถยจิตในตั่ง พระวินัยธรพึงให้ตีราคาถุง ปรับอาบัติ.
    ถ้ามี (จิตคิดจะลัก) แม้ในตัวตั่ง ควรให้ตีราคาทั้ง ๒ อย่าง ปรับอาบัติ.



    ภิกษุลักสิ่งของของชาวบ้าน ก็ต้องตีราคาปรับอาบัติ
    เล่ม ๒ หน้า ๗๖ บ. ๕

    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุสัทธิวิหาริกของท่านพระทัฬหิกะในเมืองสาคละ
    ถูกความกระสันบีบคั้นแล้ว ได้ลักผ้าโพกของชาวร้านไปแล้ว ได้กล่าวคำนี้กะท่านพระทัฬหิกะว่า
    "กระผมไม่เป็นสมณะ จักลาสิกขา ขอรับ."
    ท่านพระทัฬหิกะถามว่า "คุณทำอะไรไว้."
    ภิกษุนั้นสารภาพว่า ลักผ้าโพกของชาวร้าน ขอรับ."
    ท่านพระทัฬหิกะให้นำผ้าโพกนั้นมาแล้วให้ชาวร้านตีราคาเมื่อตีราคาผ้าโพกนั้น
    ราคาไม่ถึง ๕ มาสก ท่านพระทัฬหิกะชี้แจงเหตุผลว่า “คุณไม่ต้องอาบัติปาราชิก" ดังนี้
    ภิกษุนั้นยินดียิ่งนักแล.

    .......................

    เซี้ยะ วัดหนัง
    โทรฯไปจองพระปิดตาปั้นกับเจ้าอาวาสวัดป่าแดง 20 องค์
    เจ้าของศูนย์พระเครื่องรุ่นใหญ่รายนี้ ใช้พระฯของพี่นิ่มทั้งตระกูล หลังปืนติดกล้องประจำวงศ์ฯไม่สามารถทำงานได้เป็นปรกติ กับพระเครื่องของพี่นิ่ม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2014
  2. เติบโต

    เติบโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    819
    ค่าพลัง:
    +5,298
    สวัสดีครับ พี่ทิพย์ ขอบูชา พระหลวงปู่ทวดปัญจธาตุ ของพระอาจารย์พิจาร 1 องคครับ
     
  3. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    สวัสดีคร๊าบบ...เงินเหลือใช้ ก็เชิญตามสบายเลยคร๊าบบบ โมทนาด้วยคร๊าบบ

    เก็บเงินซื้อประกันให้ลูกสาวด้วยนะคร๊าบบ

    เวลาเช่าพระฯ ให้เอาเงินส่วนตัวนะคร๊าบบ อย่าไปเอาเงินเมียแบบคุณตัน กรณี สว.2 นะคร๊าบบบบบบ
     
  4. เติบโต

    เติบโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    819
    ค่าพลัง:
    +5,298
    ครับพี่ โอนให้แล้วนะครับ เวลา 1420 จำนวน 3002บาทครับ
     
  5. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    ผมเห็นด้วยกับข้อความช่วงท้ายของคุณพ่อประดู่ที่ว่าด้วยการตีค่า อทินนาทาน ว่า ไม่ว่าจะเจตนาหยิบฉวยเอาอะไร สิ่งใด เล็กหรือใหญ่ ที่เจ้าของไม่ได้ถวายให้มีค่าเท่ากับ ๕ มาสก พระวินัยให้ขาดจากการเป็นพระ

    ส่วน มาสก ที่พระอรรถาจารย์ และปราชญ์ทั้งหลายคิดค่าเทียบเคียงตามพระวินัยบัญญัตินั้นยังเป็นที่กังขา และสุ่มเสี่ยงในการตีความเข้าข้างตนเองตามวิสัยของ "คนหัวหมอ" ที่มีอยู่มากไม่ว่าสังคมสมัยโบราณหรือสังคมสมัยปัจจุบัน และทำให้ผู้กระทำผิดรอดจากการทำผิด

    หรือในกรณีพระวัดดังแถวคลอง....เมืองดอกบัว เอาเงินของมูลนิธิมาเป็นของตัวเองจนสมเด็จฯในโกศ มีพระลิขิตวินิจฉัยให้ปราชิก ก็ยังแถว่า เอาคืนแล้วจึงไม่ผิด แต่พระวินัยบอกว่า ทรัพย์นั้นเคลื่อนจากฐานเดิมในขณะที่มีจิตคิดอทินนา ถึงแม้ว่าภายหลังจะวางคืนที่เดิมก็ยังคงเป็นอทินาเพราะต่างวาระกันแล้ว

    ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเข้าใจแบบนี้จะถูกต้องหรือไม่ ยุคนี้เป็นยุคแห่งความหน้าหนา ยุคแห่งการวินิจฉัย ยุคแห่งการตีความนี่ช่างวุ่นวายเสียจริง ๆ อะไรที่ตนได้ประโยชน์ก็ชอบใจหมายว่าตัดสินถูกต้อง หากตนเสียผลประโยชน์ก็โวยวายว่าเอียงจนตั้งโต๊ะแถลงไม่ยอมรับ กลุ้มจริง ๆ
     
  6. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,073
    ค่าพลัง:
    +22,241
    ถ้าเป็นผมจะเรียกท่านว่าหลวงตา นอนฟังนอนถามท่าน เอานิ้วตีนท่านแหย่หู

    สบายๆ...แต่นั้นแหละ พระระดับนี้ กราบแล้วต้องรีบกลับ เผลอไปปรามาสท่าน ไม่มีดีเลย นรกชัดๆ
     
  7. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย เคยพูดให้ฟังแบบนี้เหมือนกันครับ...สาธุ
     
  8. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]
    [​IMG]

    เมื่อวานเป็นวันไหว้ครูหลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร
    ผมติดภารกิจ ประชุมกรรมการหมู่บ้าน เรื่องการทาสีโครงการณ์ มูลค่าหลักล้าน ก็ลืมแจ้งเพื่อนสมาชิก ว่าเผื่อมีใครรับงานแบบนี้บ้าง ไว้รอโอกาสหน้า

    ผมนำรูปเก่ามาลง เพราะยังไม่เจอพี่นิ่ม แต่พี่นิ่มให้ผมนิมนต์หลวงพ่อฟู ไปร่วมงานพิธีฯด้วย และผมต้องเข้าไปถวายฎีกาด้วยตนเอง

    2 เมษายน เมื่อวาน ในงานพิธีฯไหว้ครู พี่นิ่มนำของเข้าร่วมพิธีอธิฐานจิตวัตถุมงคลด้วย มีพระเกจิ6รูปมาร่วมงาน ผมอาจไม่ตามสืบว่ามีท่านใด นั้นเพราะเขตนี้ไม่มีรูปใดไม่เคยเสกพระฯให้พี่นิ่มเลย ก็อาจจะละรายนามท่านฯไว้
     
  9. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    Michael Yon

    The Cat Who Died of a Broken Heart
    แมวที่ตายเพราะหัวใจสลาย

    Friends told me a story tonight over dinner.
    เพื่อนเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังในคืนนี้บนโต๊ะอาหารค่ำ

    There was a temple cat who lived at a temple in Chiang Mai.
    มีแมววัดตัวหนึ่งอาศัยอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในเชียงใหม่

    I used to see him now and then.
    ผมเคยเห็นมันที่นั่นที่นี่เสมอ

    A friend used to feed him to and from work each day, and other people fed him, too.
    เพื่อนคนหนึ่งมักจะให้อาหารมันระหว่างทางไปและกลับจากที่ทำงาน คนอื่นๆก็ให้อาหารมันด้วย

    But the wild cat was especially friends with a man who had an orange van from which he sold coffee.
    แต่แมวจรจัดตัวนี้เป็นเพื่อนพิเศษกับชายคนหนึ่งที่มีรถตู้สีส้มซึ่งเขาใช้เป็นรถขายกาแฟ

    I used to buy coffee from him.
    ผมเคยซื้อกาแฟจากเค้า

    The cat was always sitting with him.
    เจ้าแมวมักจะนั่งอยู่กับเขา

    My friends say the coffee man moved from Chiang Mai to Bangkok a couple months ago.
    เพื่อนผมบอกว่าหนุ่มกาแฟย้ายจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ 2 เดือนที่แล้ว

    When the man left, they say, the cat sank into depression and would not accept food any longer.
    เมื่อชายคนนั้นจากไป เจ้าแมวก็จมลงสู่ความหดหู่และไม่ยอมรับอาหารอีกเลย


    The heartbroken cat would just lay there in the temple, where it withered away and died.
    แมวที่หัวใจสลายจะนอนอยู่ที่นั่นในวัด ที่ที่มันร่วงโรยลงและตาย

    [​IMG]

    ..............

    I am that coffee maker. I got a movie job and went to BKK for 2 months. Before I left, I talked with Plub. “Plub, I got to work, will comeback to see you soon”. I ever went to BKK before one time. But this time very sadly. Because it very intelligent and special different.
    ผม คือ คน ขายกาแฟรถตู้สีส้มในวัด ที่ เชียงใหม่ ผม ไปรับ Job ถ่ายหนังที่ กทม. 2 เดือน กว่า ตรงตาม ที่ เค้าเล่าเลยก่อนไป ผม ก้อ คุย เป็น ภาษา คนคุยกัน ก้อ บอกนะครับ ว่า "พลับ พี อุ๊ ไปทำงาน เดี๋ยวกลับมานะ แล้วเจอกัน " เพราะเคยไปแล้ว 1 ครั้ง ครับ ....แต่คราวนี้... เศร้ามากมาย ...เพราะ เป็นแมวแสนรู้และพิเศษกว่าแมว อื่น มากมาย ครับผม



    See you back in Chiang Mai.
    เห็นคุณที่เชียงใหม่

    You make great coffee.
    กาแฟของคุณรสชาตดี

    I was sad to hear about Plub the cat yesterday.
    ผมเศร้าที่ได้ยินเกี่ยวกับพลับเมื่อวานนี้

    I remember how he would sit up there.
    ยังจำท่านั่งของมันได้เลย

    ...................

    ผมเป็นคนรักแมว และสองวันมานี้ ผมก็หัวใจสลาย.......
     
  10. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    จากตารางกระทู้ที่#10895 หน้าที่ 545 ชื่อผมลำดับที่ 5 นับจากด้านล่างสู่ด้านบน ได้โอนเงินแล้วครับจำนวน 861 บาทเมื่อวานประมาณ 1955 น.

    ขอบคุณครับ
     
  11. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    พระอาจารย์พิจารณ์หาทุนไปตัดเหล็กฯไว้สร้างโรงเรียนฯ
    ใครมีสตางค์เหลือ คิดจะอุ้มชูอุปถัมภ์ต้นทุนพระอาจารย์ฯ ก็ขอเชิญครับ

    องค์พระฯมีขนาดเท่ากับพระหลวงปู่ทวดทั่วไป แต่เนื้อจะไหลลื่นมือมาก
    ใครเคยมีพระปรอทจะรู้ว่าลื่นแค่ไหน

    หยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลว เวลาโดนโลหะจะวิ่งเข้าไปเคลือบผิว และไม่กลัวไฟ(ต่างจากปรอท ที่เป่าไฟก็ระเหย)

    1.เหล็กไหลเงินยวง
    2.ปรอทป่า(ดัก)
    3.ปรอทกรอบ
    4.ตะกั่วเถื่อน
    5.หยาดน้ำฟ้า

    [​IMG]
     
  12. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่องเล่า : ไม่เข้าตลาดไม่รู้ว่าของแพง

    ตอน : ผมวิ่งตามหาเมีย(แม่บ้าน)จนได้เรื่องเล่า

    ก่อนอื่น...ขอขอบคุณ คุณศนิวาร ที่เข้าใจในตอนท้ายของผมจากตอนที่แล้ว ความจริงผมเป็นห่วงอยู่ว่าคนจะไม่เข้าใจ ที่จบไว้ว่า บรรดาอาจารย์

    ของเราแสดงภูมิมากเกินไปฯ จนลืม...อนิจจัง ที่ห่วงก็คือกลัวจะเข้าใจกันว่าผมไปปลงอนิจจังบรรดาอาจารย์ แต่ผมต้องการสื่อว่าอะไรก็ตามที่

    มันยังเป็นอนิจจังอย่าเอามาใส่ในกฏ,ระเบียบ,บทบัญญัติ เพราะมันยังไม่เที่ยง เหมือนกฎหมายสหรัฐฯ ที่ให้สิทธิเสรีภาพของสื่อฯ เขาไม่ลงราย

    ละเอียดว่าเป็นอะไรบ้าง พอเกิดมีวิทยุ,โทรทัศน์,ดาวเทียม,อินเตอร์เน็ต ก็ไม่ต้องแก้กฎหมายใช้ได้เลย เหมือนกับที่ภาษาทางการแพทย์ก็จะ

    เอาภาษาหรือคำที่ตายแล้วมาใช้ ถ้าบรรดาอาจารย์แต่เก่าก่อนท่านแปลเอามาสอนเพียงบอกว่า 1 มาสก เท่ากับน้ำหนักทองคำ 20 เมล็ดข้าว

    เปลือก มันก็จบตรงนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก หรือปีไหนๆ ก็ไม่มีปัญหา เกิดเรื่องเมื่อไหร่ก็นับกันตามน้ำหนักทองเท่ากับ 20 เมล็ดข้าวเปลือก

    เป็นอันว่าเราเข้าใจกัน...........

    คนไทยสมัยก่อนๆ เขาสอนเด็กๆ ด้วยสำนวนไทยๆ สุภาษิตไทยๆ ใครไม่เข้าใจก็ถาม หรือบางทีเขาก็บอกให้รู้ ทำให้ภาษาที่ใช้มันสวยงามและ

    มีความหมายมากกว่าที่เราจะเอามาพูดแต่เราคิดและเข้าใจได้ เอาไปปรับใช้ได้ เช่น เขาห้ามขี่หมากันรู้ไหม๊...เดี๋ยวฟ้าผ่า บอกอย่างนี้เด็กก็กลัว

    แล้วไม่ทำอีก พอโตขึ้นก็รู้เองหรืออาจจะมีคนบอกว่า ผู้ใหญ่เขากลัวว่าหมามันรับน้ำหนักไม่ไหวมันจะกัดเอา เราก็เอาไปปรับใช้ได้เวลาทำงาน

    จะได้ไม่ทำแบบอุปกรณ์หรือตัวเรารับน้ำหนักไม่ไหว มันจะเกิดความเสียหายได้ หรือ อย่าไปอาบน้ำฝนใต้ชายคา โบราณเขาบอกว่ามันต้อง

    ธรณีสาร เด็กก็กลัวเพราะคำว่าธรณีสารผู้ใหญ่ยังกลัว ก็เลยไปอาบน้ำฝนตอนฝนตกบริเวณกลางแจ้ง พอโตขึ้นมาก็รู้ว่าผู้ใหญ่เขากลัวว่าอาจจะมี

    อะไรที่ตกค้างอยู่บนหลังคา ไหลตามน้ำฝนมาโดนหัวเรา พอโตขึ้นก็เอามาปรับใช้ได้ในกรณีอื่นๆ เช่น ถ้าไปอยู่แถวๆ ระยองหรือสมุทรสาคร ก็

    ไม่ควรไปอาบน้ำฝนทั้งที่ชายคาหรือว่ากลางแจ้ง เพราะฝุ่นของสารพิษมันมีมากเกินกว่าค่าที่กำหนดไว้ว่ามนุษย์จะพอรับได้ หรืออีกตัวอย่าง

    นอนสูงให้นอนคว่ำ นอนต่ำให้นอนหงาย เป็นประโยคที่ผมว่ามันสวยดี พอผู้ใหญ่พูดจบก็จะอธิบายว่า คนนอนสูงเขาหมายถึงคนที่เจริญก้าวหน้า

    หรือเป็นใหญ่แล้ว ให้หันกลับมาดูผู้น้อยบ้างว่าเขาเป็นอยู่กันอย่างไร จะดูแลเขาได้ไหม? คนนอนต่ำเขาหมายถึงเด็กหรือผู้น้อย ให้ดูผู้ใหญ่ที่

    เขาประสบความสำเร็จเขาทำอย่างไร อะไรที่ดีก็ทำตาม อะไรที่ไม่ดีก็อย่าทำตาม สำหรับชื่อเรื่องที่บอกว่า ไม่เข้าตลาดไม่รู้ว่าของแพง ตอนเป็น

    เด็กผมก็เข้าใจแบบเด็กๆ ว่ามันเป็นความจริง หลายครอบครัวทะเลาะกันว่า ทำไมเงินหมดเร็วจัง ฝ่ายที่เป็นคนไปตลาดก็จะบอกว่า อะไรๆ ก็แพง

    ให้มาแค่นี้จะพอเหรอ ฝ่ายที่ว่าไม่เคยเข้าตลาดจึงไม่รู้ แต่พอโตขึ้นๆ ก็เห็นว่ามันปรับใช้ได้ทุกเรื่อง เพียงแต่เราเอามาตีความในทำนองว่า ถ้าไม่

    รู้จริงไม่เห็นจริงไม่มีข้อมูลจริง อย่าได้ไปคิดเอาเองเป็นอันขาด ศึกษาหาข้อมูลหรือเข้าไปให้เห็นจริงๆ แล้วค่อยมาพูดจาหรือทำ........เป็นต้น

    เมื่อเดือนที่แล้ว ก.พ. 57 คันไม้คันมืออยากเข้ามาเขียน แต่ก็อดใจได้ คือผมได้ดู TV ช่องหนึ่ง เสนาบดีกระทรวงศึกษาธิการ ท่านบอกว่าท่าน

    มีความคิดที่จะเอาครูจากประเทศจีน มาสอนภาษาไทยให้กับเด็กนักเรียนไทย...ท่านยืนยันว่าจะสอนได้ดีกว่าครูที่เป็นคนไทย ก็คงจะต้องเอา

    มากันมากมายหลายคน แต่ถ้าเปลี่ยนเจ้ากระทรวงก็เปลี่ยนแค่คนเดียว ผมไม่อาจจะแสดงความคิดเห็นแทนครูได้ เพราะจะเข้าตำราหรือว่าถูก

    ย้อนกลับว่า ไม่เข้าตลาดจะไม่รู้ว่าของแพง ผมก็เลยเอาชื่อตอนนี้ไปปรับใช้กับอย่างอื่น คือพาเมียไปหาอาหารกินที่สวนลุม วันแรกก็บอกว่า

    อยากกินก๋วยเตี๋ยวปลา เมียก็ไม่ว่าอะไรตามไป พอวันต่อๆมา ผมไปเพราะเมียชวน เราใช้รถแท็กซี่ที่เช่าหอพักเราไป นัดเวลารับกลับบ้างหรือ

    ให้รอกลับก็มี หมดกันไปวันละพันสองพันเมียไม่บ่นสักคำ ได้แต่พูดว่าถ้าเราไม่มาดูมาคุยกับพวกเขา เราไม่รู้หรอกว่า พวกเขาทำด้วยความรัก

    ความเสียสละจริงๆ ผมก็บอกว่านี่แหละที่พ่อพูดบ่อยๆ ว่าไม่เข้าตลาดไม่รู้หรอกว่าของแพง วันหนึ่งกลับกันทางรถไฟฟ้า BTS พอลงตลาดอุดม

    สุขฯ ก็แวะเข้าร้านเครื่องสำอางค์เพื่อซื้อของเอาไปขาย ปรากฎว่าผัวเจ้าของร้านเป็นคนมาขายแทนเมีย ถามว่าไอ้หมวยไปไหน? เขาตอบว่า

    เพิ่งไปสวนลุมพินีฯ ผมเพิ่งกลับมาแล้วให้เขาไปเปลี่ยน พอถึงเวลาคิดค่าของเขาพูดว่า ลุงกับป้าก็ไปเหมือนกันเหรอ ทำไมป้ายังไม่เอากำไล

    ข้อมือออก เสื้อด้วยป้าฯลฯ แม่บ้านก็ตอบว่า เพราะลุงเขาไม่กินเนื้อไม่กินหมู เขาอยากไปกินก๋วยเตี๋ยวปลา ข้าวต้มปลา ก็เลยไปกัน..........

    เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 57 เราก็ไปเที่ยวกันอีก แต่เปลี่ยนแผนเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS โดยให้แท็กซี่ไปส่งขึ้นสถานี อุดมสุขฯ พอนั่งไปได้สัก

    พักสังเกตุดูรอบๆ ตัว เพียบเลยพรรคพวก(แม่บ้านผมแอบกระซิบ) พอถึงสถานีอโศก คนขับแท็กซี่ โทรเข้ามาหาผม แล้วบอกว่า...ลุงดูแลป้า

    ให้ดีนะ เพราะป้า...ห้าวมาก...เดี๋ยวแผล็บไปทางโน้นแผล็บไปทางนี้ ผมก็รับปากเพราะเป็นเรื่องจริง ผมร่วมขบวนโดยต่อท้ายขบวนที่ 1 โดย

    บอกแม่บ้านว่าถ้าเราไม่ไหวจะได้ค่อยๆ ไปรวมขบวนต่อๆ ไป

    แต่พอไปจริงๆ ไม่อย่างนั้น แม่บ้านผมเร็วสุดๆ ทั้งเป่าอาวุธประจำกายและร้องตะโกนตลอดทาง พอเลี้ยวเข้าถนนศรีอยุธยา ผมเตือนว่าช้าๆ

    หน่อย เหนื่อย พอข้ามทางรถไฟก็เห็นคนเริ่มจะหยุดนิ่ง มีน้องๆ อายุประมาณ 40-50 ปีเข้ามาบอกว่า พรรคพวกที่ข้างในบอกว่าที่ลานพระรูป

    เต็มแล้ว ผมก็ว่าพวกเรานี่อยู่กันระหว่างขบวน 1 ต่อ 2 เท่านั้นนะ อีกคนหนึ่งมาบอกว่า คุณลุงขาเมื่อวันที่ 9 โน้นก็เป็นแบบนี้ และมีคนเข้ามาส่ง

    ข่าวว่า ตอนนี้หางขบวนยังอยู่ที่ลุมพินี น้องๆ ที่อยู่ด้วยกันดีมาก ทุกคนดีมาก มีประกาศของผู้ชุมนุมบอกว่า ให้หาที่นั่งพักได้แล้วเราเข้าไปไม่ได้

    แล้ว เพราะก่อนที่ขบวนจะมามีคนไปรออยู่ที่ลานพระรูปมากมายอยู่แล้ว ผมเลยชวนแม่บ้านเดินย้อนออกมานั่งพักห่างจากประตู 1 พระราชวังมา

    ทางทางรถไฟประมาณ 100 เมตร มีนักธุรกิจค้าผ้า เจ้าของร้านเสริมสวยมาคุยด้วย แม่บ้านถามว่ามาจากจังหวัดไหน คุณป้าขา...หนูอยู่ซอยกิ่ง

    เพชร อีกคนบอกหนูอยู่พญาไทนี่เองแต่หนูไปเริ่มต้นที่สวนลุมฯนะ แล้วคุณป้า...มาจากไหนคะ...ป้ากับลุงมาจากสมุทรปราการ ฮ้า...มาได้หรือ

    คะ...ได้ไม่ได้...ป้ากับลุงก็มาเป็นประจำ?!!! นั่งได้ประมาณไม่เกิน 10 นาที ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น คนรอบๆ ตัวผม ทั้งผู้ชายผู้หญิงเขาพูด

    เหมือนๆ กันว่า เฮ้ย...นี่วังนะเนี่ย พอดีคนลงมาจากรถกระจายเสียงเอาของมาฝากพวกกันเองและบอกว่า M 79 ลงพวกโทรมาให้ไปช่วย มีคน

    ลุกขึ้นจำนวนหนึ่งแบบตื่นมนุษย์ ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ผมลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า ไม่มีอะไร...พี่น้อง...ยางรถสิบล้อระเบิด...นั่งลงๆ ไม่มีอะไร...ทุกคน

    ก็นั่งลง ผมมองหน้าน้องคนนั้น เธอบอกผมโดยไม่ต้องถาม หนูก็เกิดกรุงเทพฯ หนูอยู่อุรุพงษ์นี่เอง หนูโดนจนชินแล้ว อยู่ลาดพร้าวได้ยินเป็น

    ปกติ พวกหนูเลยจุดความกลัวกันไปแล้ว ผมเชื่อเพราะผมเห็นกับตา ผมเข้าตลาดแล้ว ผมรู้แล้วว่า ราคาคนรักชาติรักแผ่นดินมันสูงเกินกว่าที่จะตี

    ราคา ผมพบของแพงแล้ว ตรงนั้นกับจุดที่ระเบิดลงก็ห่างผมแค่ประมาณ 100 เมตร ไม่มีใครลุกหรือแสดงความหวาดกลัว เผลอแผล็บเดียวเมีย

    หายทิ้งกระเป๋าให้ผม เด็กที่อยู้ข้างๆ บอกว่าป้าไปโน่น ไปถ่ายรูปกับคุณเทพไท เสนพงษ์ เทพไทฯ มาอยู่เป็นเพื่อนตรงนั้นประมาณเกือบ 2

    ชั่วโมง บ่าย 3 โมงแล้ว ขบวนที่ 5 เพิ่งผ่านพญาไทย ขบวนสุดท้ายอยู่ปทุมวันฯ

    ผู้นำคุณถนอมฯกับคุณสำราญฯ เลยให้กลับกันทางที่กลับคือลงมาทางอุรุพงษ์ แม่บ้านผมยังชูแขนเย้อวๆ ไม่มีทีท่าจะเหนื่อย เพราะเราเตรียม

    พร้อมทั้งยาอาหารการกิน เรียกว่าผมสพายกระเป๋าไหล่เอียง นี่ก็เป็นตัวอย่างที่นำมายกตัวอย่างของประโยคที่ว่า ไม่เข้าตลาดไม่รู้ว่าของ

    แพง.....และที่ได้มาอีกอย่างคือ ผมเริ่มเจียมตัวมากขึ้น ที่เคยคิดว่าเราทำดีมาตลอด กลับมาคิดใหม่ว่า ที่เราเคยคิดว่าเราดีแล้วความจริง

    คือ เรายังดีได้ไม่เท่าเขา.........

    ย้อนมาดูเรื่องนโยบายที่จะเอาครูชาวจีน ที่เคยเรียนภาษาไทยมาสอนหนังสือไทยกับเด็กนักเรียนไทย ผมไม่บอกหรอกว่าผมรู้หรือคิดได้แค่

    ไหน เอาเป็นว่าสมัยที่ลูกๆ ผมยังเด็ก ผมส่งเสริมให้พวกเขาเรียนพิเศษ และในช่วงนั้นบ้านเมืองเราก็มีคนกลุ่มหนึ่งต่อต้านการเรียนการสอน

    พิเศษ ด้วยเหตุผลมากมาย ผมเคยมีโอกสได้คุยกับครูสอนภาษาอังกฤษของญี่ปุ่นท่านหนึ่ง ที่เมืองมิซูมิ ผมถามปัญหาคาใจว่าจริงหรือที่ทุกๆปี

    จะมีคนญี่ปุ่นไม่น้อยกว่า 38 คน คิดเลขเร็วกว่าคอมพิวเตอร์ โดยใช้ลูกคิด เธอนั่งนึกสักพักก็ตอบว่าใช่เพราะทุกๆปีจะมีการแข่งขันฯ

    อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า ภาษาผมไม่ดี ผมมาคิดภายหลังได้ว่าคนที่เขียนให้ผมอ่านมันน่าจะเป็นจินตคณิตเสียมากกว่า แต่สาระที่ผมได้มัน

    มากกว่านั้น และเป็นเรื่องที่น่าอายสำหรับคนไทนอย่างผม คือผมบอกเธอว่า เด็กญี่ปุ่นเรียนเก่งกว่าเด็กไทยมากๆ ตอนนี้ประเทศไทยกำลังต่อ

    ต้านการเรียนการสอนพิเศษ เธอถามผมว่าเด็กไทยเรียนปีละกี่วัน ผมตอบไม่ได้ เธอตอบแทนว่า 180-200 วัน และบอกต่อว่าเด็กนักเรียน

    ญี่ปุ่นเรียนปีละ 280 วัน เธอถามว่าพ่อแม่คนไทยสอนการบ้านลูกได้กี่เปอร์เซ็นต์ ผมตอบว่าไม่รู้ เธอบอกว่าพ่อแม่ในญี่ปุ่นสอนการบ้านได้และ

    มีเวลาสอนเกินกว่า 70% เธอถามต่อว่า เด็กไทยเรียนพิเศษกันกี่เปอร์เซ็นต์ ผมตอบว่าไม่น่าเกิน 50 % เธอบอกว่า เด็กญี่ปุ่น 90 % เรียน

    พิเศษ แล้วสรุปว่าที่ผมให้ลูกเรียนพิเศษน่ะถูกแล้ว ผมคุยกัยเธอมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2525 ไม่ได้ถ่ายรูปกับเธอไว้ แต่จำเธอได้ตลอดมา เธอเป็น

    คนใจกว้างกับผมเสมอๆๆ วันหนึ่งผมลาเธอเพราะเรือมีกำหนดเดินทาง เธอบอกผมว่าไม่ต้องไปหรอกและเขียนใส่เศษกระดาษพร้อมทั้งอ่าน

    ว่า POSTPONE ผมแปลในใจอย่างเร็วว่า เธอได้รับข่าวที่เขาส่งต่อมา เลยอยู่คุยกับเธอต่อ...ดีนะที่ไม่ตกงาน.....โง่จริงๆ ภาษากับผม....

    ความจริงในช่วง 2-3 เดือนมานี้ ผมทำตามคำแนะนำของศิปินแห่งชาติ คือพี่บุญเลิศ นาถพินิจ เคยมาออกอากาศทาง TV ช่องหนึ่ง ก่อนจะมี

    พิธีไหว้ครูของเหล่าศิลปิน พี่เขาบอกพิธีกรว่า ลิเก ถ้าจะให้ดังหรือบูมขึ้นมาอีก ต้องย้อนไปแบบโบราณอย่าไปทำให้เป็นแบบเทคนิคสูงมันไป

    ไม่ได้แล้ว(ประมาณนั้น)ควรจะร้องจะรำแบบเก่า เอาฉากลิเกแบบเก่า ใช้ชักรอก ฉากป่า ,ฉากเมือง,ฉากพระราชวัง เอากลอนเพราะๆ ตาม

    แบบในหนังสือมาร้องหรือขับเสภาจะทำให้คนดูนิยมมากขึ้น ท่านยกตัวอย่างกลอนในเรื่องอิเหนา จับตอนอิเหนาจะจากจินตหราวาตี จะทำให้เรา

    จินตนาการความอาลัยอาวรงอนเง้าแต่น่ารัก ไม่เหมือนเมียของใครๆ หลายคน และยังยกตัวอย่างความลึกซึ้งของบทกลอนตอนพระอภัยมณีจะ

    หนีจากนางผีเสื้อสมุทร ไม่ได้ตบแล้วจากหรือตัดรักหักสวาท แต่มันมีความผูกพันแบบห่วงหาอาทร มันมองเห็นภาพ ผมเคยนึกภาพพระอภัยฯ

    แล้ว ผมคิดว่าถ้าผมเป็นนางผีเสื้อผมจะไม่ห่วงพระอภัยเลย เลิกกับเมียทั้งที สมบัติใส่ถุงทะเลยังไม่เต็ม มีแต่ปี่อันเดียว หรืออาจจะเป็นเพราะ

    นางเสียดายปี่??? ตอนเด็กๆ ผมอ่านเรื่องจันดาราทีไร ใจมันคึกคะนองทุกที มันจินตนาการไปเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่นคำว่า จูบต่ำจับสูง คนเขาถึงด่า

    ว่าคนประพันธ์ คือคุณประมูล อุณหธูป แต่เดี๋ยวนี้เป็นวรรณกรรมไปแล้ว ผมดีใจมากว่าตัวเองฉลาดอ่านวรรณกรรมเรื่องที่คนเขาด่ากันทั้งบ้าน

    ทั้งเมือง นี่เรียกว่า อนิจจัง จริงๆ แล้วท่านประมูลฯ ท่านโชว์การใช้ภาษา ลองมาอ่านกลอนนี้ดู ตอนเด็กๆ ผมอ่านทีไรมันทั้งขำทั้งจินตนาการ...

    เฮ้อ...

    ถึงสามโคกโคกใครที่ไหนนี่

    ถึงสามสี่แสนละโมบด้วยโลภหลง

    แต่โคกเดียวเจียวนะเราเฝ้าจำนง

    สุดประสงค์ที่จะเสาะเที่ยวเกาะกุม

    อันชื่อสามโคกนี้มีแต่ก่อน

    ประชากรเก็บบัวมามั่วสุม

    จึงเปลี่ยนชื่อลือเลื่องเมืองปทุม

    เพราะบัวชุมเดือนสิบเอ็ดเสด็จมา

    (นิราศทวาราวดี : หลวงจักรปาณี/มหาฤกษ์)

    ผมไม่แน่ใจว่าครูชาวจีนที่จะเอามาสอนภาษาไทยให้กับเด็กนักเรียนไทย จะเข้าใจเรื่องโคกนี้แบบลึกซึ้งหรือไม่ ภาษาไทยผมไม่ดีนัก แต่อ่าน

    แล้วผมมีอารมย์ และมีภาพที่ผมนึกถึงเอง แล้วถ้าเด็กนักเรียนไทยรักครูชาวจีน ไปหาครูสาวชาวจีนแล้วขอยืมหม้อครูมาต้มกล้วย ครูสาวๆ ชาว

    จีนจะหยิบหม้อขนาดไหนให้ แบบไหนให้เด็กนักเรียนไทย ผิดพลาดพลั้งไป จะเข้ามาแก้ไขทีหลัง คงกล้อมแกล้มไปได้เพียงเท่านี้ ขอขอบ

    คุณมากครับ สวัสดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2014
  13. clubzaleng

    clubzaleng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,482
    ขอจองพระปิดตาปั้น 1 องค์ครับ พี่หนุ่มทิพย์
     
  14. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    เรื่องของเจ้ากระทรวงสึกกร่อนแห่งชาติ ไม่อยากจะพรรณนา
    ออกนโยบายแต่ละอย่างมาชวนหดหู่ใจ บอกได้คำเดียวว่า "เบื่อ"
     
  15. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เมื่อวันที่ 3 เม.ย. .

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระมหาณรงค์ ธัมมานันโท เจ้าอาวาสวัดหน่อพุทธางกูร ต.พิหารแดง อ.เมืองจ.สุพรรณบุรี ได้เปิดกุฎิทรงปั้นหยาของ พระครูสุวรรณวรคุณ หรือ"หลวงปู่คำ จันทโชโต"

    [​IMG]

    อดีตเจ้าอาวาสวัดหน่อพุทธางกูรที่มรณภาพด้วยโรคชรา และปิดมานานกว่า 40 ปี เพื่อทำการซ่อมแซมบูรณะ แต่ปรากฏว่าพบพระเครื่องจำนวนมากหลายหมื่นชิ้นใส่ไว้ในกล่อง และลังไม้ อาทิ ซุ้มกอพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ พระขุนแผนหัวจรวด พระขุนแผนใบลาน พระขุนแผนเนื้อหว่าน พระร่วงเนื้อชิน พระผงสุพรรณ นางพญา นอกจากนี้ยังพบธนบัตรใบละ 10 20 100 500 1,000 จำนวนหนึ่งอยู่ในถุงพลาสติกสภาพถูกหนูกัดจนสึกกร่อน และที่สำคัญยังพบสมุดข่อยคัมภีร์โบราณ และตำรายาด้วย


    พระมหาณรงค์ กล่าวว่า หลังจากที่หลวงปู่คำมรณภาพเมื่อวันที่ 26 ก.พ.2513 ด้วยโรคชรา รวมอายุได้ 83 ปีกูฎิทรงปั้นหยาที่จำพรรษาอยู่ก็ปิดตายตั้งแต่บัดนั้นมารวมระยะเวลากว่า 40 ปี กระทั่งคิดว่าควรจะปรับปรุงบูรณะจึงได้ทำการเปิดแต่ก่อนเปิดได้ทำหนังสือถึงเจ้าคณะอำเภอเมืองสุพรรณบุรี เจ้าคณะตำบลพิหารแดง นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี สำนักงานพระพุทธศาสนา เป็นต้น เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน เพราะคาดว่าภายในห้องน่าจะมีทรัพย์สินของหลวงปู่คำอยู่จำนวนมาก จากนั้นทางอำเภอได้นำกำลัง อส.มาช่วยค้นหาก็พบพระเครื่องคัมภีร์โบราณ และอย่างอื่นอีกจำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านมีความประสงค์ให้ตรวจสอบทรัพย์สินดังกล่าวที่เป็นของส่วนตัวของหลวงปู่คำ และทรัพย์สินของวัด เพื่อที่จะได้ให้วัดเก็บรักษาต่อไป อย่างไรก็ตามพระเครื่องที่พบดังกล่าวทุกฝ่ายมีมติเห็นตรงกันว่าจะเปิดจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาบูรณะวัดที่กำลังทรุดโทรมต่อไป เพราะพบเป็นพระที่หลวงปู่คำทำและปลุกเสกเองทั้งสิ้น


    สำหรับพระครูสุวรรณวรคุณ"หรือ "หลวงปู่คำ จันทโชโต" อดีตเจ้าอาวาสวัดหน่อพุทธางกูรเป็นหนึ่งในสุดยอดพระคณาจารย์เมืองสุพรรณ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณด้านวิทยาคมท่านศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยาพร้อมกับหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว พระเกจิอาจารย์ดังของเมืองสุพรรณ นอกจากนี้ยังมีความรู้ในทางแพทย์โบราณรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยสมุนไพร รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในการดูฤกษ์ยามต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานมงคลสมรส อุปสมบท ปลูกบ้าน ขึ้นบ้านใหม่ โกนจุก จนกระทั่งสร้างยุ้งข้าว.

    [​IMG]

    .........................

    ปิดกุฎิตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2513
    ใครอยากเห็นแบ็งค์พันสมัยก่อน ก็ลองแวะเข้าไปดูครับ......
     
  16. kajit

    kajit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,656
    ค่าพลัง:
    +3,351
    โอนให้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. คนวิเศษ

    คนวิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +1,861
    ขอขอบคุณหนุ่มทิพย์ พี่ศนิวาร และคุณghosltinux ที่ได้ช่วยทำนายดวงให้ ตอนนี้ย้ายที่ทำงานใหม่จริงตามคำทำนาย ไม่เคยคิดเลยว่าทำงานมา 20 กว่าปีจะต้องมาเปลี่ยนงาน ช่วงนี้คงไม่ค่อยได้เข้ามาติดตาม ถ้ามีอะไรติดค้างแจ้งได้ในเฟรสนะครับ (ศรีสุเทพ สมสวย)
     
  18. nopsena

    nopsena เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +4,662
    ปี 2513 มีแบ็งค์พันแลัวหรือครับ
     
  19. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    พ.ศ.2481 ผลิตโดยฝรั่งเศษ
    พ.ศ.2484 เกิดสงครามโลก ผลิตโดยญี่ปุ่น คุณภาพแย่มากและปลอมสะบัด

    ถ้าไม่ใช่รุ่นนี้ ก็น่าสงสัยแล้วครับ
     
  20. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]

    ปรกติจะโทรฯหาหนุ่มทิพย์วันละสามเวลา เช้า-เย็น-ก่อนนอน

    แต่ช่วงนี้เตรียมตัวไปญี่ปุ่น

    "หนุ่มทิพย์...ญี่ปุ่นหนาวไหม"

    "ร้อนพี่.. ร้อนกว่าเมืองไทยอีก"

    "งั้นพี่ไม่เอาเสื้อหนาวไปนะ"

    "หนุ่มทิพย์ พี่ไปเครื่องไหน"

    "ผมหา MH370 ให้พี่ไม่ได้ ยังงมไม่เจอ เอาการบินไทยไปก่อนละกัน เดี๋ยวขากลับค่อยดูอีกที"

    ผมเช็คอุณหภูมิโตเกียวปลายทางให้พี่นิ่ม อุณหภูมิอยู่ที่ 19 องศา..... เดี๋ยวแดดออกน่าจะอุ่นขึ้น

    ทริปนี้ของพี่นิ่ม มีแต่เด็กวัยรุ่น 5-6คน คนแก่(พี่นิ่มกับแฟน) 2คน

    "หนุ่มทิพย์ พี่เอาพระฯห้อยไปด้วยได้ป่าว"

    "ด้ายยย .... น่าจะเอาตะกรุดลูกปืนไปด้วย... เวลาผ่านเครื่องเอ็กซเรย์แล้วมันดังดี"

    "......."

    พี่นิ่มห้อยพระปิดตาปั้นกับทรงเมตตาและปิดตาพิทักษ์ใต้ ของแพงถอดเก็บ

    ผมเป็นห่วงเรื่องอาหารการกิน เพราะพี่นิ่มกินเจวันพระฯ และไม่กินของดิบ

    ..................

    [​IMG]

    หมอหมิน สนิทกับกำนันแดง

    ตัวเองก็ประสพเหตุการณ์มาก่อน พอมาฟังกำนันแดงแล้ว ก็อยากได้พระปิดตาพิทักษ์ใต้จากพี่นิ่มเพิ่ม

    ไม่อยากขอฟรี แต่อยากให้เสี่ยนิ่มเอามาถวายวัดซักหน่อยนึงเถิด จะขอทำบุญเก็บไว้ก่อนตาย

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2014
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...