ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ "ทำ" อยู่กับตน และ อยู่กับรู้ สลับกันไปมา 4-5 ที อย่างรวดเร็ว เมื่อมั่นใจแล้ว ให้ทำ "Slow Motion" อีกสัก 4-5 ที
    +++ จะพบได้ว่า เมื่อ "ย้ายออก" จากตน มาสู่สภาวะรู้ "ตนจะถูก ย้าย หรือ ผลัก ออกไป" และในขณะที่ "เข้าสู่" ตน "สภาวะตน จะถูกดึง เข้ามา (ประกบแล้วเป็น ตน)"
    +++ มีแต่ "สภาวะตน" (อัตตาจิต) เท่านั้น ที่ "เคลื่อนไปมา" แต่ "สภาวะรู้ ไม่เคยเคลื่อนเลย แม้แต่น้อย"
    +++ ตรงนี้แหละที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ว่า "อวิชชา เข้าบดบัง" (จิต สภาวะรู้ ฯลฯ)(ประดุจดวงอาทิตย์ ถูกเมฆหมอก เข้าบดบัง)

    +++ เมื่อชำนาญตรงนี้แล้ว ให้ทำ อยู่กับตน และ อยู่กับรู้ สลับกันไปมาอีก 2-3 ที ก็จะรู้ได้ว่า "พลังงานไหลออกจากตัว" นั้นเป็น "ขาเข้า หรือ ขาออก" จากตน แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ตนนั่นแหละที่ เปล่งหรือแผ่พลังงานออกมา คงจำสภาวะ "จิตเปล่งรังสี" ของอาภัสสระพรหมได้ กล่าวได้อีกอย่างหนึ่งคือ "ตัวดูเปล่งรังสี" หรือ "ตนเปล่งรังสี" ก็ได้ เพราะมันเป็นสภาวะเดียวกัน

    +++ ลองทำดูนะครับ
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    คุณอินทรบุตร (สีทองในนิมิต) => เท่าที่ผมได้เจอด้วยตนเอง....=>จิตของอริยบุคคล


    เห็นแค่นี้เป็นอริยะแระ

    อินทรบุตร ถ้าผมไม่รู้ ผมจะบอกว่าคุณไม่รู้ ไม่ได้ดอกครับ
     
  3. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ผมก็ไม่ได้บอกนี่ครับ ว่าผมและที่คนอื่นๆ เห็น มันเป็นแค่แสงสีทอง หรือเป็นแค่สีทองอย่างเดียว

    มันเป็นเรื่องของวัตถุ หรือ สิ่งของ สีทอง ที่เห็นในนิมิต นิมิตพวกนี้เป็นภาพชัดเจน เป็นเรื่องราว มีสิ่งของ คน พระสงฆ์ หรือ พระพุทธรูป ไม่ใช่นิมิตพื้นๆ เบื้องต้น ที่เห็นแค่สีๆ เดียว หรือแสงแว้บๆ นะครับ

    คุณไปคิดเดาเอาเอง ว่าที่ผมพูดถึง มันเป็นแค่โอภาส เพราะคุณไม่เคยเห็นมาก่อนใช่ไหม เพราะไม่คยสัมผัสพวกนี้มาก่อน คุณก็ไปนึกเดาเอาเอง ว่าที่ผมกับคนอื่นเห็น มันเป็นยังไง

    มันก็เหมือนปลา นั่งจินตนาการเอานะครับ ว่า นกที่บินอยู่บนอากาศ เห็นอะไรบ้าง รู้สึกอะไรบ้าง

    จะให้คำตอบได้หรือยังครับ ว่าเคยปฏิบัติได้ถึงขั้นเห็นนิมิตหรือเปล่า? ถ้าไม่เคยเห็นก็บอกมาตรงๆ

    แค่ตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ แค่นั้นก็จบแล้ว มันไม่เห็นยากอะไร ยกเว้นว่ามีสาเหตุแอบซ่อนอยู่ ไม่สามารถยอมรับได้ ว่าตนเองยังไม่เห็นนิมิต จึงต้องคอยเบี่ยง เลี่ยงไปเรื่อยๆ

    ไอ้การแถไปแถมา พยายามยกเรื่องอื่นกลบเกลื่อนไปเรื่อยๆ มันไม่ช่วยอะไรในการคุยในห้องนี้หรอกนะครับ
     
  4. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    พี่คะ
    เมิลลองทำดูแล้ว มันเป็นพลังงานจากตนที่ย้ายไปย้ายมาใช่ไหมคะ
    คือตัวเราก็เป็นมีพลังงานแบบนี้อยู่แล้ว แต่พอย้ายไปมาระหว่าง ตน กับ รู้ เลย ทำให้รู้สึกถึงพลังงานดังกล่าวได้ เพราะฉะนั้นตอนที่อยู่กับรู้ก็เลยรู้ถึงพลังงานจากตน ใช่ไหมคะ
     
  5. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    กราบสวัสดีค่ะอาจาร์ย

    ลองฝึกทำสติรู้ตัวทั่วพร้อมมาค่ะ...จะรู้สึกถึงชีพจรได้ที่ เท้า มือ หัวใจเด่นชัดอาจเป็นเพราะกำหนดตรงนี้บ่อย แต่ส่วนศรีษะรู้สึกน้อยมากไม่แน่ใจมันเหมือนไม่มีศรีษะ จับความรู้สึกได้แค่ฟันบนล่างขบกันแน่นเหมือนตึงๆเกร็งๆ ส่วนใหญ่รูปแบบการรู้สึกของนันจะเป็นความอุ่นร้อน กับการสั่นโยกของชีพจร ตรงศรีษะเหมือนไม่แน่ใจหาอย่างไรดีคะ

    ลองฝึกเดินท่าพระพุทธเจ้า จะตึงที่ข้อพับหัวเข่า เหมือนตัวเบาเดินเร็วนันเริ่มจากเดินลงปลายเท้าก่อนแป๊ปนึง แล้วมาลงส้นเท้าแป๊ปนึงเพื่อชั่งน้ำหนักแล้วลงแบบเต็มๆแบบอาจาร์ย บางทีความรู้สึกเหมือนไม่มีนิ้วเท้าสัมผัสดิน เพราะคงลงน้ำหนักที่ส้นเท้ากับเนื้อหนาๆใต้
    นิ้วกลางกับนิ้วชี้ค่ะ ฝึกได้ระยะสั้นๆ มันเมื่อยตรงหัวเข่ามาก(ขอบคุณ คุณจิตวิญญานมากที่ลงกระทู้ท่าพระพุทธเจ้าเอาไว้ค่ะ)

    ฝึกมองออร่า พอดีวันนี้ไป รพ มา คนเยอะดีระหว่างรอหมอ นันก็ฝึกมองออร่าคนไปประมาณ 10 คน 8 คนมีออร่าสีเหมือนถุงพลาสติกหิ้ว 2 คนมีออร่าสีดำคล้ายฟิลม์เอ๊กเรย์
    ตรงสีดำกลางฟิลม์เอ๊กเรย์ ขณะฝึกที่ตานันเหมือนมีฝ้าขาว วุ้นๆ มาบัง ต้องกะพริบตาออกเพราะทำให้ภาพเบลอๆ นันมองแบบเพ่ง ระยะที่ 2 ทำความกว้างออกมาประมาณ 45 องศา ระยะ 3 180 องศา

    สภาวะธรรมอีกแบบ คือที่หูนันนอกจากเสียงคลื่นความถี่สูงแล้ว หูขวานันจะมีเสียง กึกๆ เหมือนกระดูกหูลั่น เวลาที่นันฟังคนพูด เช่นเค๊าพูดว่า สะ-วัส-ดี มันจะดัง กึก กึก กึก
    ตามคำที่เค๊าพูดทุกคำ แต่แปลกเป็นแค่บางคนไม่ทุกคน แม้กระทั่งดูทีวีละครทองเนื้อเก้า
    เวลาดูใครพูดอะไรก็ปรกติ แต่ ป๋อ ณัฐวุติ พูด นันจะได้ยิน กึก กึก กึก ทุกที (ไม่ได้ปลื้ม
    ดาราคนนี้เป็นพิเศษนะคะ) อีกสภาวะนึงคือ หูขวานันชอบได้ยินเสียง เงี๊ยวๆ เหมือนมนุษย์ต่างดาวอะ คือมีโทนเสียงขึ้นลงเหมือนคนพูดแต่มันฟังไม่ออก เงี๊ยวๆเหมือนเด็กงอแง ค่ะ ช่วงนี้เสียง กึกๆ หายไปพักนึง แต่เสียง เงี๊ยวๆ ยังมีมาประปราย

    อีก 3-4 คืนต่อมา นอนหลับไปแล้ว อยู่ๆกลางดึก ได้ยินคนมาเรียกชื่อเรา เป็นเสียงผู้หญิง แต่นันรู้สึกตัวนะคะ พยายามนอนนึกว่าเสียงใครที่นันรู้จัก แต่ไม่มีใครเสียงนี้ค่ะ อยู่คนเดียวแต่ก็ไม่กลัวนะคะ เริ่มๆจะชินกับอะไรแปลกๆ วันแรกที่มาอยู่วัดนี้(คนละวัดกับที่นันฝันเห็นภูเขาทอง) นั่งสมาธิวันแรกก็เจอเลยค่ะ ที่กุฏมีพระพุทธรูปในห้องอยู่2 องค์ นันจะนั่งสมาธิหน้าพระพุทธห่างกันแค่1 เมตร ขณะที่นั่งสมาธิอยู่มีเสียงอะไรตกที่โต๊ะที่วางพระพุทธรูปเสียงดังค่ะ นันก็สะดุ้งแต่ก็พยายามทำความรู้สึกอยู่แค่ที่ตัว ถ้าจิตส่งไปที่เสียงกลัวจะปรุงแล้วกลัว เลยตัดทันที ตกดึกฝันเห็นงูสีเหลืองนันก็ถือไม้ป้องกันตัวแต่ไม่ได้ตีเค๊าแค่กันๆแล้ววิ่งหนี งูก็เลื้อยตาม จนนันสะดุดล้มลง เค๊าตามมาติดๆมาจ้องประจันหน้ากันแบบหายใจรดหน้าเลย ต่างคนต่างมองแต่เค๊าไม่ทำอะไรเรา จนนันตื่นค่ะ

    นันคิดเอาเองว่าเจ้าที่เจ้าทางมาทัก อะค่ะ

    +++ ถูกต้อง "จิตเรามีได้ ทำไมจิตอื่นจะมีบ้างไม่ได้" จิงป่ะ ฝึกมหาสติ จนได้ปัฏฐาน เสียก่อน เรื่องราวยังมีอีกแยะ ดูท่าว่าน่าจะมีวาสนาทาง ภพภูมิ และจิตสื่อสาร และอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย

    ถ้าที่นันเดาว่าเจ้าที่ อาจาร์ยบอกว่า ใช่ ........ งั้นเล่าต่อเลยค่ะ ในคืนต่อๆมา นันก็นั่งสมาธิเป็นปรกติ เช้า สาย บ่าย หัวค่ำ ก็มีเสียงเหมือนคนมาเขย่าแผ่นสังกะสีดังเลยแหล่ะ
    บางทีมา 3-4 ทุ่ม บางที เที่ยงคืน เช้านันตื่นตี3 ครึง นั่งสมาธิได้10 นาที มาอีกแหละ

    ตื่นเช้านันมาพิสูจน์ เดินหาสังกะสีตรงบริเวณที่ดัง หาจนรอบกุฏิก็ไม่มี มาประมาณ 3 อาทิตย์ อยู่ๆก็หายเงียบไปเลย (สงสัยมาทดสอบจนพอใจแล้ว)ตอนแรกกลัว ชิน พอเสียงหายไปเหงาเลย อิอิ อย่างนี้เค๊ามาทำไรอะคะ มาดีหรือร้ายคะอาจาร์ย


    +++ ลองตรวจดู จดหมายหรือพัสดุภัณฑ์ หลังกลับมาจากกุฏินั้นให้ละเอียดอีกที อาจมีอะไรก็ได้ ลองดูไม่เสียหายอะไร ไม่มีก็แล้วไป เท่านั้นเอง

    ประโยคนี้ ดูเสียงท่าจะเป็นเรื่องไม่ค่อยดี นันตรวจดูจดหมายแล้วค่ะ ไม่มีค่ะอาจาร์ย...
    แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่ค่อยดี นันมีแล้วค่ะ ออกจากวัดมาวันที่ 15 มีนา วันที่ 16 นันป่วยเข้า รพ
    เพิ่งออกจาก รพ วันที่ 26 นี่เองค่ะ แต่แปลกนันไม่ทุกข์เลย อยู่ รพ คนเดียวนันกลับชอบ
    ที่บ้านขายของคนเยอะน่ะค่ะ อยู่คนเดียวสงบดี ปรกตินันดูหนังติดกัน 2 เรื่องจะปวดหัวมาก แต่ช่วงที่นอนอยู่ รพ นันดูทั้งวัน5-6 เรื่องติดกันฝึกสมาธิไปด้วย บางทีหลับไปเลย
    พอจะตื่นเหมือนลุกขึ้นไม่ได้(นันคิดว่าผีอำ )แต่ที่พื้นที่ห้อง รพ เป็นพื้นหินขัดสีขาวค่ะ

    มีอีกเรื่องค่ะ อาจาร์ย นันเป็นคนชอบถ่ายรูปโดยเฉพาะรูปพระอาทิตย์ขึ้นและตก มีวันนึง
    นันกำลังโฟกัสภาพยังไม่ได้กดชัตเตอร์ (ถ่ายพระอาทิตย์กำลังตกดิน) อยู่ๆทุกสิ่งทุกอย่าง
    เงียบกริบ เงียบสนิท นันงง เลยต้องละกล้องออก มายืนดู ฟังนิ่งๆว่ามันคืออะไร ทุกสิ่งมันยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น นันกลัวพระอาทิตย์ตกดินก่อนเลยไม่สนใจ ยกกล้องมาถ่ายรูปต่อ สักพักทุกอย่างก็กลับเหมือนเดิม อารมณ์ตอนกำลังถ่ายรูปคือเพลินๆค่ะ แล้วเวลาอยู่ว่างๆนันชอบนอนนิ่งๆเฉยๆ บางทีมองไปหลังห้องมองผ่านประตูไปดูเมฆดูท้องฟ้าไปเรื่อย พอรู้สึกว่าอยากนอนนันก็หลับตา พอหลับตาลง(สมมุติว่านันมองออกไปตรงๆที่ท้องฟ้ากรอบตอนที่มองเป็นรูป5-6 เหลี่ยม) มันจะเห็นภาพเป็นสีเขียวโศกทึบๆแต่กรอบเป็นรูป 5-6 เหลี่ยมแบบเดียวกันเลย บางทีเห็นเป็นสีชมพูเข้มเกือบแดงสดตัดขอบด้วยสีเหลือง ถ้ามันอยู่นาน
    มันจะเปลี่ยนสีเองกลายเป็นสีเหลืองเหมืองขอบ หรือว่าเป็นกษิณแบบมาเองคะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  6. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เอ เรื่องเห็นสีแปลกๆ นี่ พอดีมีอีกคน กำลังเจออยู่เหมือนกัน เดี๋ยวผมตามตัวมาให้มารายงานในนี้ด้วยเลยแล้วกันครับ
     
  7. Free radical

    Free radical Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +32
    กราบสวัสดีค้า

    หนูสนใจการฝึกสติมาได้สักพักแล้วคะ เรียนรู้เองจากการอ่านคะ (ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้เรื่องทางนี้เลยคะ เพิ่งสนใจศึกษาธรรมะคะ)
    มาช่วงนี้ได้มีกัลยาณมิตรช่วยกันฝึกและแนะนำคะ ตอนแรกฝึกตามดูความคิด อารมณ์คะ (หนูอาจใช้คำศัพท์ไม่เก่ง ขออธิบายอย่างที่เข้าใจนะคะ)
    รู้สึกว่าสงบนิ่งตลอดวัน ความคิดอารมณ์มันเริ่มวางเอง บางทีมันก็ไม่เกิดคะ
    แต่ว่าเวลานอนชอบตื่นมากลางดึกค่ะ มันตื่นขึ้นมาเอง บางทีตื่นมาเห็นทุกอย่างเป็นสีเขียวหมดเลย มีบางครั้งเห็นเป็นสีเหลือง
    แต่ช่วงนี้เห็นเป็นรูปร่างกลมๆมีลวดลายสวยงามบ้าง เป็นแสงสว่างเหมือนดาวฤกษ์บ้าง เป็นตาข่ายบ้าง บางทีตื่นมาหลายรอบมากคะ มันตื่นมาเอง
    ต่อมามีพี่ใจดีแนะนำให้ระลึกดูกายคะ (ช่วงนี้ละคะที่ตื่นกลางดึกมาเจอรูปร่างแปลกๆ) โดยตามระลึกดูลมจากพัดลมที่มาโดนผิวหนัง หลังจากฝึกไปได้นานสักพัก เริ่มรู้สึกว่ามีอาการเย็นเกิดขึ้นที่ขา เป็นการเย็นข้างในเหมือนเราไปนั่งแช่น้ำเย็นๆ พี่ใจดีแนะนำว่า ให้พยายามฝึก เข้า ออก เร่ง ลด ของตัวเย็นๆนี้ แต่ช่วงนี้เหมือนว่าการเข้าตัวเย็นๆนี่ ไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อนคะ
    (ขออภัยที่เน้นเรื่องเห็นสี เห็นรูปร่า่งแปลกๆคะ พี่อินทรบุตรแนะนำให้มาเล่าแบ่งปันให้ฟังคะ)
     
  8. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    กราบสวัสดีค่ะ

    มีสภาวะธรรมอีกอย่างนึงค่ะ อาจาร์ย เวลาอยู่คนเดียวหลังจากทำภารกิจหมดแล้วนันชอบอ่านธรรมะ หรือนอนนิ่งๆเฉยๆ บางทีก็นั่งนิ่งๆเฉยๆ แต่ส่วนใหญ่จะชอบมองฟ้า ธรรมชาติ
    ต้นไม้ พระอาทิตย์ ทีนี้เวลานันนั่งเฉยๆมองอะไรที่เป็นที่โล่งๆ มันชอบเห็นอะไรวับๆแวบๆ
    เหมือนขาวเหมือนกากเพชรค่ะ บางทีก็เป็นสีดำๆเหมือนวุ้นลอยไปลอยมา ส่วนใหญ่เป็นตอนเหมือนเหม่อๆ อารมณ์เหมือนเข้าฌาน

    เช้านี้ว่างๆเลยมานึกถึงตรงนี้........

    +++ ลองตรวจดู จดหมายหรือพัสดุภัณฑ์ หลังกลับมาจากกุฏินั้นให้ละเอียดอีกที อาจมีอะไรก็ได้ ลองดูไม่เสียหายอะไร ไม่มีก็แล้วไป เท่านั้นเอง

    มันจะเกี่ยวเนื่องกับฝันที่ 4 หรือเปล่าคะ เพราะนันฝันว่า.......

    เหมือนนันไปทำงานอยู่บริษัทไรไม่รู้ อยู่ๆเพื่อนในบริษัทเดินมาหาแล้วบอกว่า พระองค์ภา
    ฝากมาให้ (ในความฝันเหมือนพระองค์ภาท่านทำงานที่บริษัทเดียวกับนันแต่ท่านอยู่ชั้นบนนันอยู่ชั้นล่าง)ลักษณะเป็นจดหมายนะคะ นันก็เปิดออกอ่านดู เหมือนนันอ่านด้วยใจอะค่ะ อ่านแว๊ปเดียวนันเข้าใจหมดเลย ว่าเป็นเรื่องดีๆ อ่านจบเพื่อนๆก็ถามใหญ่ว่าท่านเขียนมาว่าอะไร นันได้แต่ยิ้ม เพื่อนๆก็คุยกันใหญ่เลยว่านันได้รับ จม จากพระองค์ภา แล้วอยู่ๆก็เห็นครูสมัยมัธยมเป็นผู้หญิง 2 คน เดินมา เพื่อนๆก็บอกนันว่า เลือกเลยๆ เอาเลยๆ.....
    แต่นันไม่ได้เลือกค่ะ เพราะงง ว่าทำไมต้องเลือก ทำไมต้องเอา เลือกเอามาเพื่ออะไร

    แล้วนันก็ตื่นค่ะ..............4 ความฝันนี้จะเกี่ยวเนื่องกันมั้ยคะเนี่ย แล้วการฝันแบบนี้ เกิดจากจิตนันเอง หรือจิตอื่น แล้วเวลาที่คนนั่งสมาธิเห็นนิมิตร กับแบบที่นันฝัน เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไรคะ

    เช้านี้เดินท่าเท้าพระพุทธเจ้า รู้สึกว่าการเดินแบบนี้ต้องเดินไวๆอะคะ เหมือนเค๊าบังคับถ้าเดินช้าความเท่ากันของน้ำหนักเหมือนจะไม่เสมอ เดินไปก็รู้สึกว่าต้องเร็วแบบนี้ มันไวกว่าเดินปรกติ 3 เท่าตัวได้เลยอาจาร์ย เลยนึกถึงนักกีฬาเดินทน เพียงแต่สะโพกกับแขนไม่ออกอาการแบบเค๊า เค๊าจะเดินแบบนี้มั้ยน๊า

    ขออณุญาตค่ะอาจาร์ย ตอนนี้ร่างกายนันหายดีแล้ว ถ้าอยากไปฝึกต่อกับอาจาร์ย
    นันต้องทำ หรือเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ นันอยู่ต่างจังหวัดค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ตอบทีเดียว 3 คนเลยนะครับ

    ของคุณ เมิล

    พี่คะ
    เมิลลองทำดูแล้ว มันเป็นพลังงานจากตนที่ย้ายไปย้ายมาใช่ไหมคะ คือตัวเราก็เป็นมีพลังงานแบบนี้อยู่แล้ว แต่พอย้ายไปมาระหว่าง ตน กับ รู้ เลย ทำให้รู้สึกถึงพลังงานดังกล่าวได้ เพราะฉะนั้นตอนที่อยู่กับรู้ก็เลยรู้ถึงพลังงานจากตน ใช่ไหมคะ

    +++ "ตัวดู" (ตน) เป็นสภาพของ "พลังงาน" อยู่แล้ว มันคือ "พลังงานในการดำรงค์คงอยู่ของจิต" สภาพของตัวมันเองเป็น "นาม" แต่ใจกลางของมันเป็น "รูป" ซึ่งเป็น "ตัวจิต" (สัญญา + พลังงาน (ธรรมารมณ์) = สังขาร) ตัวดู คือ "ตัวพลังจิต" และมันคือ "ตัวกู ของกู" นี่แหละ

    +++ ดังนั้น คำตอบคือ "ใช่" ล่วงรู้ทำความเข้าใจใน "ตน" จนถึงขั้น "สิ้นสงสัยว่า อะไรเป็นอะไร" ก็สามารถ "จบกิจได้ในชาตินี้" นั่นเอง

    =========================================================================================

    ของคุณ jadeprawit

    กราบสวัสดีค่ะอาจาร์ย

    ลองฝึกทำสติรู้ตัวทั่วพร้อมมาค่ะ...จะรู้สึกถึงชีพจรได้ที่ เท้า มือ หัวใจเด่นชัดอาจเป็นเพราะกำหนดตรงนี้บ่อย แต่ส่วนศรีษะรู้สึกน้อยมากไม่แน่ใจมันเหมือนไม่มีศรีษะ จับความรู้สึกได้แค่ฟันบนล่างขบกันแน่นเหมือนตึงๆเกร็งๆ ส่วนใหญ่รูปแบบการรู้สึกของนันจะเป็นความอุ่นร้อน กับการสั่นโยกของชีพจร ตรงศรีษะเหมือนไม่แน่ใจหาอย่างไรดีคะ

    +++ วิธีแก้ไข ให้ทำการ "หลับตา และ ลืมตา" สัก 2-3 ที ในขณะนั้น ๆ ให้ "ทำความรู้จัก ถึงความรู้สึก ที่แตกต่างกัน" ระหว่างสิ่งที่เรียกว่า "ลืมตา และ หลับตา" เมื่อพอรู้จักอาการแล้ว
    +++ ให้เปลี่ยนเป็น "เปิดเปลือกตา และ ปิดเปลือกตาลง" 2-3 ทีเช่นกัน ให้สังเกตุถึงความแตกต่างระหว่าง "หลับตา กับ ปิดเปลือกตา" ว่าต่างกันอย่างไร
    +++ จากนั้น ให้สังเกตุว่า "อย่างไหน" เกิดความรู้สึก "ภายในกระโหลกศรีษะ" ได้ดีที่สุด ก็ให้เอาอันนั้นเป็นหลักในการเริ่มต้น

    +++ เมื่อได้ ความรู้สึกภายในกระโหลกศรีษะแล้ว ก็ให้ค่อย ๆ ขยายความรู้สึกนั้นลงมาให้ได้ทั้งตัว อาจใช้เวลา 2-3 นาทีถึง 2-3 วัน แล้วแต่บุคคล เมื่อได้แล้วให้ฝึก "อยู่" กับความรู้สึกทั้งตัวนี้ให้ชำนาญ

    ลองฝึกเดินท่าพระพุทธเจ้า จะตึงที่ข้อพับหัวเข่า เหมือนตัวเบาเดินเร็วนันเริ่มจากเดินลงปลายเท้าก่อนแป๊ปนึง แล้วมาลงส้นเท้าแป๊ปนึงเพื่อชั่งน้ำหนักแล้วลงแบบเต็มๆแบบอาจาร์ย บางทีความรู้สึกเหมือนไม่มีนิ้วเท้าสัมผัสดิน เพราะคงลงน้ำหนักที่ส้นเท้ากับเนื้อหนาๆใต้นิ้วกลางกับนิ้วชี้ค่ะ ฝึกได้ระยะสั้นๆ มันเมื่อยตรงหัวเข่ามาก(ขอบคุณ คุณจิตวิญญานมากที่ลงกระทู้ท่าพระพุทธเจ้าเอาไว้ค่ะ)

    +++ ถูกแล้ว อานิสสงค์ต่าง ๆ ของการเดินแบบ "ตามรอยพุทธบาท ท่าเท้าพุทธองค์" มีกล่าวไว้ในกระทู้นั้นแล้ว

    ฝึกมองออร่า พอดีวันนี้ไป รพ มา คนเยอะดีระหว่างรอหมอ นันก็ฝึกมองออร่าคนไปประมาณ 10 คน 8 คนมีออร่าสีเหมือนถุงพลาสติกหิ้ว 2 คนมีออร่าสีดำคล้ายฟิลม์เอ๊กเรย์ ตรงสีดำกลางฟิลม์เอ๊กเรย์ ขณะฝึกที่ตานันเหมือนมีฝ้าขาว วุ้นๆ มาบัง ต้องกะพริบตาออกเพราะทำให้ภาพเบลอๆ นันมองแบบเพ่ง ระยะที่ 2 ทำความกว้างออกมาประมาณ 45 องศา ระยะ 3 180 องศา

    +++ การมอง 3 ระดับ เมื่อปรับมาใช้กับการมอง ออร่า นั้น เมื่อเห็น ออร่า แล้ว ให้ "อยู่" กับระดับที่ 3 ซึ่งตรงนี้จะเป็นการเพิ่ม "สติ" ของผู้ดูให้ละเอียดมากขึ้นจนถึงการเห็น ออร่า เป็นชั้น ๆ หรือเป็น วงแบบพระอาทิตย์ทรงกลดได้้ รวมทั้งการปรับไปมาระหว่าง ระดับที่ 1-3 ประกอบกัน ก็จะทำให้เห็นละเอียดมากขึ้น

    สภาวะธรรมอีกแบบ คือที่หูนันนอกจากเสียงคลื่นความถี่สูงแล้ว หูขวานันจะมีเสียง กึกๆ เหมือนกระดูกหูลั่น เวลาที่นันฟังคนพูด เช่นเค๊าพูดว่า สะ-วัส-ดี มันจะดัง กึก กึก กึก ตามคำที่เค๊าพูดทุกคำ แต่แปลกเป็นแค่บางคนไม่ทุกคน แม้กระทั่งดูทีวีละครทองเนื้อเก้า เวลาดูใครพูดอะไรก็ปรกติ แต่ ป๋อ ณัฐวุติ พูด นันจะได้ยิน กึก กึก กึก ทุกที (ไม่ได้ปลื้มดาราคนนี้เป็นพิเศษนะคะ) อีกสภาวะนึงคือ หูขวานันชอบได้ยินเสียง เงี๊ยวๆ เหมือนมนุษย์ต่างดาวอะ คือมีโทนเสียงขึ้นลงเหมือนคนพูดแต่มันฟังไม่ออก เงี๊ยวๆเหมือนเด็กงอแง ค่ะ ช่วงนี้เสียง กึกๆ หายไปพักนึง แต่เสียง เงี๊ยวๆ ยังมีมาประปราย

    +++ เรื่องของ "ความถี่ระดับเสียง" นี้ สิ่งที่ต้องระวังที่สุดคือ "ความคิดของเราเอง" หากเกิดความคิดเมื่อไร "เมื่อนั้น ความคิด จะบังความถี่เสียงได้" ดังนั้น เมื่อเข้าสู่คลื่นความถี่เสียงแล้ว ให้ "อยู่" กับความ "รู้ตัว" แล้วใช้ "การปรับการรู้ตัว" เพื่อควบคุม ความหยาบละเอียดของ "ภูมิเสียง" เมื่อใดที่เสียงทั้งหมด มีสภาพคล้ายกับ คนหลายคนพูดแต่ไม่มีใครฟังใคร เมื่อไร ก็ให้รู้ไว้ว่า ในขณะนั้น "อยู่ในใจกลางของ Network ของเสียงสรรพสัตว์" แล้ว หากจำไม่ผิด มีพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเป็น "เจ้าแม่กวนอิม" หรือเปล่า ที่ "คอยฟังเสียงสรรพสัตว์" อยู่เสมอ

    +++ ดังนั้นหากทำถึงตรงนี้ได้ ก็จะรู้ได้ว่า "สิ่งที่กล่าวกันว่ามี พระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง คอยฟังเสียงเหล่าสรรพสัตว์" นั้น "เป็นความจริง" แต่ถ้ายังทำไม่ถึงตรงนี้ ก็ยังเป็น "ตาบอดคลำช้าง" ไปเรื่อย ๆ

    อีก 3-4 คืนต่อมา นอนหลับไปแล้ว อยู่ๆกลางดึก ได้ยินคนมาเรียกชื่อเรา เป็นเสียงผู้หญิง แต่นันรู้สึกตัวนะคะ พยายามนอนนึกว่าเสียงใครที่นันรู้จัก แต่ไม่มีใครเสียงนี้ค่ะ อยู่คนเดียวแต่ก็ไม่กลัวนะคะ เริ่มๆจะชินกับอะไรแปลกๆ วันแรกที่มาอยู่วัดนี้(คนละวัดกับที่นันฝันเห็นภูเขาทอง) นั่งสมาธิวันแรกก็เจอเลยค่ะ ที่กุฏมีพระพุทธรูปในห้องอยู่2 องค์ นันจะนั่งสมาธิหน้าพระพุทธห่างกันแค่1 เมตร ขณะที่นั่งสมาธิอยู่มีเสียงอะไรตกที่โต๊ะที่วางพระพุทธรูปเสียงดังค่ะ นันก็สะดุ้งแต่ก็พยายามทำความรู้สึกอยู่แค่ที่ตัว ถ้าจิตส่งไปที่เสียงกลัวจะปรุงแล้วกลัว เลยตัดทันที ตกดึกฝันเห็นงูสีเหลืองนันก็ถือไม้ป้องกันตัวแต่ไม่ได้ตีเค๊าแค่กันๆแล้ววิ่งหนี งูก็เลื้อยตาม จนนันสะดุดล้มลง เค๊าตามมาติดๆมาจ้องประจันหน้ากันแบบหายใจรดหน้าเลย ต่างคนต่างมองแต่เค๊าไม่ทำอะไรเรา จนนันตื่นค่ะ

    นันคิดเอาเองว่าเจ้าที่เจ้าทางมาทัก อะค่ะ

    +++ ถูกต้อง "จิตเรามีได้ ทำไมจิตอื่นจะมีบ้างไม่ได้" จิงป่ะ ฝึกมหาสติ จนได้ปัฏฐาน เสียก่อน เรื่องราวยังมีอีกแยะ ดูท่าว่าน่าจะมีวาสนาทาง ภพภูมิ และจิตสื่อสาร และอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย

    ถ้าที่นันเดาว่าเจ้าที่ อาจาร์ยบอกว่า ใช่ ........ งั้นเล่าต่อเลยค่ะ ในคืนต่อๆมา นันก็นั่งสมาธิเป็นปรกติ เช้า สาย บ่าย หัวค่ำ ก็มีเสียงเหมือนคนมาเขย่าแผ่นสังกะสีดังเลยแหล่ะ บางทีมา 3-4 ทุ่ม บางที เที่ยงคืน เช้านันตื่นตี3 ครึง นั่งสมาธิได้10 นาที มาอีกแหละ

    ตื่นเช้านันมาพิสูจน์ เดินหาสังกะสีตรงบริเวณที่ดัง หาจนรอบกุฏิก็ไม่มี มาประมาณ 3 อาทิตย์ อยู่ๆก็หายเงียบไปเลย (สงสัยมาทดสอบจนพอใจแล้ว)ตอนแรกกลัว ชิน พอเสียงหายไปเหงาเลย อิอิ อย่างนี้เค๊ามาทำไรอะคะ มาดีหรือร้ายคะอาจาร์ย

    *** ตรงนี้ เขาพยายาม "ขอส่วนบุญ" และลักษณะที่ขอมาแบบโดยตรงนี้ "ให้แผ่ให้ได้" แต่ "อย่าแผ่ให้กับผู้ที่ไม่ได้ขอ" เพราะอาจเกิดอาการ "ผิดกลิ่น" ขึ้นได้ง่าย ๆ แล้วแต่กรณี

    +++ ลองตรวจดู จดหมายหรือพัสดุภัณฑ์ หลังกลับมาจากกุฏินั้นให้ละเอียดอีกที อาจมีอะไรก็ได้ ลองดูไม่เสียหายอะไร ไม่มีก็แล้วไป เท่านั้นเอง

    ประโยคนี้ ดูเสียงท่าจะเป็นเรื่องไม่ค่อยดี นันตรวจดูจดหมายแล้วค่ะ ไม่มีค่ะอาจาร์ย... แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่ค่อยดี นันมีแล้วค่ะ ออกจากวัดมาวันที่ 15 มีนา วันที่ 16 นันป่วยเข้า รพ เพิ่งออกจาก รพ วันที่ 26 นี่เองค่ะ แต่แปลกนันไม่ทุกข์เลย อยู่ รพ คนเดียวนันกลับชอบ ที่บ้านขายของคนเยอะน่ะค่ะ อยู่คนเดียวสงบดี ปรกตินันดูหนังติดกัน 2 เรื่องจะปวดหัวมาก แต่ช่วงที่นอนอยู่ รพ นันดูทั้งวัน5-6 เรื่องติดกันฝึกสมาธิไปด้วย บางทีหลับไปเลย พอจะตื่นเหมือนลุกขึ้นไม่ได้(นันคิดว่าผีอำ )แต่ที่พื้นที่ห้อง รพ เป็นพื้นหินขัดสีขาวค่ะ

    +++ ค่อย ๆ สังเกตุไป ก็จะได้คำเฉลยมาเอง

    มีอีกเรื่องค่ะ อาจาร์ย นันเป็นคนชอบถ่ายรูปโดยเฉพาะรูปพระอาทิตย์ขึ้นและตก มีวันนึง นันกำลังโฟกัสภาพยังไม่ได้กดชัตเตอร์ (ถ่ายพระอาทิตย์กำลังตกดิน) อยู่ๆทุกสิ่งทุกอย่าง เงียบกริบ เงียบสนิท นันงง เลยต้องละกล้องออก มายืนดู ฟังนิ่งๆว่ามันคืออะไร ทุกสิ่งมันยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น นันกลัวพระอาทิตย์ตกดินก่อนเลยไม่สนใจ ยกกล้องมาถ่ายรูปต่อ สักพักทุกอย่างก็กลับเหมือนเดิม อารมณ์ตอนกำลังถ่ายรูปคือเพลินๆค่ะ แล้วเวลาอยู่ว่างๆนันชอบนอนนิ่งๆเฉยๆ บางทีมองไปหลังห้องมองผ่านประตูไปดูเมฆดูท้องฟ้าไปเรื่อย พอรู้สึกว่าอยากนอนนันก็หลับตา พอหลับตาลง(สมมุติว่านันมองออกไปตรงๆที่ท้องฟ้ากรอบตอนที่มองเป็นรูป5-6 เหลี่ยม) มันจะเห็นภาพเป็นสีเขียวโศกทึบๆแต่กรอบเป็นรูป 5-6 เหลี่ยมแบบเดียวกันเลย บางทีเห็นเป็นสีชมพูเข้มเกือบแดงสดตัดขอบด้วยสีเหลือง ถ้ามันอยู่นาน มันจะเปลี่ยนสีเองกลายเป็นสีเหลืองเหมืองขอบ หรือว่าเป็นกษิณแบบมาเองคะ

    +++ เรื่องของสี ให้ "หลับตาลง" แล้วเอา ไฟฉาย ส่องตาแป๊ปหนึ่ง แล้วปิดไฟฉาย จากนั้น "แสงสีที่ตกค้าง" ก็จะเปลี่ยนไปได้เอง ดังนั้น ยังไม่ควรสนใจในช่วงนี้ เพราะอาจเป็นอุปสรรคขวางการพัฒนาได้ง่าย ๆ

    ขอบคุณค่ะ
    ===============================================================================

    ของคุณ jadeprawit

    กราบสวัสดีค่ะ

    มีสภาวะธรรมอีกอย่างนึงค่ะ อาจาร์ย เวลาอยู่คนเดียวหลังจากทำภารกิจหมดแล้วนันชอบอ่านธรรมะ หรือนอนนิ่งๆเฉยๆ บางทีก็นั่งนิ่งๆเฉยๆ แต่ส่วนใหญ่จะชอบมองฟ้า ธรรมชาติ ต้นไม้ พระอาทิตย์ ทีนี้เวลานันนั่งเฉยๆมองอะไรที่เป็นที่โล่งๆ มันชอบเห็นอะไรวับๆแวบๆ เหมือนขาวเหมือนกากเพชรค่ะ บางทีก็เป็นสีดำๆเหมือนวุ้นลอยไปลอยมา ส่วนใหญ่เป็นตอนเหมือนเหม่อๆ อารมณ์เหมือนเข้าฌาน

    +++ ตรงนี้ น่าจะเป็นเรื่อง "วุ้นในลูกตา" ลอง กูเกิ้ล ดูนะครับ

    เช้านี้ว่างๆเลยมานึกถึงตรงนี้........

    +++ ลองตรวจดู จดหมายหรือพัสดุภัณฑ์ หลังกลับมาจากกุฏินั้นให้ละเอียดอีกที อาจมีอะไรก็ได้ ลองดูไม่เสียหายอะไร ไม่มีก็แล้วไป เท่านั้นเอง

    มันจะเกี่ยวเนื่องกับฝันที่ 4 หรือเปล่าคะ เพราะนันฝันว่า.......

    เหมือนนันไปทำงานอยู่บริษัทไรไม่รู้ อยู่ๆเพื่อนในบริษัทเดินมาหาแล้วบอกว่า พระองค์ภา ฝากมาให้ (ในความฝันเหมือนพระองค์ภาท่านทำงานที่บริษัทเดียวกับนันแต่ท่านอยู่ชั้นบนนันอยู่ชั้นล่าง)ลักษณะเป็นจดหมายนะคะ นันก็เปิดออกอ่านดู เหมือนนันอ่านด้วยใจอะค่ะ อ่านแว๊ปเดียวนันเข้าใจหมดเลย ว่าเป็นเรื่องดีๆ อ่านจบเพื่อนๆก็ถามใหญ่ว่าท่านเขียนมาว่าอะไร นันได้แต่ยิ้ม เพื่อนๆก็คุยกันใหญ่เลยว่านันได้รับ จม จากพระองค์ภา แล้วอยู่ๆก็เห็นครูสมัยมัธยมเป็นผู้หญิง 2 คน เดินมา เพื่อนๆก็บอกนันว่า เลือกเลยๆ เอาเลยๆ.....
    แต่นันไม่ได้เลือกค่ะ เพราะงง ว่าทำไมต้องเลือก ทำไมต้องเอา เลือกเอามาเพื่ออะไร

    แล้วนันก็ตื่นค่ะ..............4 ความฝันนี้จะเกี่ยวเนื่องกันมั้ยคะเนี่ย แล้วการฝันแบบนี้ เกิดจากจิตนันเอง หรือจิตอื่น แล้วเวลาที่คนนั่งสมาธิเห็นนิมิตร กับแบบที่นันฝัน เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไรคะ

    +++ ความฝันนั้น เอาแน่นอนไม่ได้ แต่ ถ้าเป็น "นิมิต" เมื่อไร มักจะเป็นการบอก อนาคต ที่จะต้องเจอ หรือ เป็นไปในภาคหน้า อาจเป็น จิตอื่นมาบอก หรือ วิบากกรรมนิมิต ก็ได้

    +++ ลักษณะของ นิมิต นั้น "ไม่ใช่ลักษณะเห็น" แต่ต้องเป็น "ลักษณะ เป็น" กล่าวคือ "ต้อง เป็นตัวเป็น ๆ และอยู่ในนั้น" แบบเดียวกับ "การถอดกายทิพย์ด้วย ฌาน 4" เต็มใบนั่นแหละ และ จะจำทุกอย่างได้ดีและชัดเจน "ตั้งแต่ต้นจนจบ" แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปหลายปีแล้วก็ตาม ถ้าไม่อยู่ในลักษณะที่กล่าวมานี้ ถือได้แค่ "เป็นความฝัน" เท่าน้้น

    เช้านี้เดินท่าเท้าพระพุทธเจ้า รู้สึกว่าการเดินแบบนี้ต้องเดินไวๆอะคะ เหมือนเค๊าบังคับถ้าเดินช้าความเท่ากันของน้ำหนักเหมือนจะไม่เสมอ เดินไปก็รู้สึกว่าต้องเร็วแบบนี้ มันไวกว่าเดินปรกติ 3 เท่าตัวได้เลยอาจาร์ย เลยนึกถึงนักกีฬาเดินทน เพียงแต่สะโพกกับแขนไม่ออกอาการแบบเค๊า เค๊าจะเดินแบบนี้มั้ยน๊า

    +++ อย่าไปนึกถึง "นักเดินมาราธอน" เลย ให้นึกถึง "องคุลีมาลวิ่งไล่ พระพุทธเจ้าไม่ทัน" ดีกว่า ฝึกให้ดี ๆ จะรู้ได้ว่า "เท้ามันแค่แตะเรี่ย ๆ ดิน แบบ ร่อนไปบนดินเฉย ๆ" อะไรทำนองนั้นมากกว่านะ

    ขออณุญาตค่ะอาจาร์ย ตอนนี้ร่างกายนันหายดีแล้ว ถ้าอยากไปฝึกต่อกับอาจาร์ย นันต้องทำ หรือเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ นันอยู่ต่างจังหวัดค่ะ

    +++ ฝึก "ความรู้สึกทั้งตัว" ให้ได้ก่อน เป็นอันดับแรก เมื่อได้แล้ว จะดูตาราง และสถานที่ฝึกให้ ตามความเหมาะสม หากมีใครต้องการฝึกใน คอร์สนี้ ก็ให้รวมตัวกันไว้ การฝึกเป็นหมู่คณะ จะได้ประโยชน์ ได้แลกเปลี่ยนประสพการณ์ และ ได้ความรู้มากกว่าการฝึกแบบคนเดียว ส่วนใหญ่ระหว่าง ประสพการณ์ต่อประสพการณ์ ก็อาจมีการแลกเปลี่ยน การเดินจิต ซึ่งกันและกัน ทำให้ภูมิรู้กว้างขวางกว่าเดิมอีกมาก การฝึกจะเป็นแบบ ยกต่อยก เดินจิตต่อเดินจิต ทำได้เดี๋ยวนั้นก็รู้เดี๋ยวนั้น ซึ่งเท่าที่รู้มา ยังไม่เคยมีการฝึกแบบนี้ในที่อื่น นะครับ

    ขอบคุณค่ะ

    ==========================================================================================

    ของคุณ LadyOlivia

    กราบสวัสดีค้า

    หนูสนใจการฝึกสติมาได้สักพักแล้วคะ เรียนรู้เองจากการอ่านคะ (ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้เรื่องทางนี้เลยคะ เพิ่งสนใจศึกษาธรรมะคะ) มาช่วงนี้ได้มีกัลยาณมิตรช่วยกันฝึกและแนะนำคะ ตอนแรกฝึกตามดูความคิด อารมณ์คะ (หนูอาจใช้คำศัพท์ไม่เก่ง ขออธิบายอย่างที่เข้าใจนะคะ) รู้สึกว่าสงบนิ่งตลอดวัน ความคิดอารมณ์มันเริ่มวางเอง บางทีมันก็ไม่เกิดคะ แต่ว่าเวลานอนชอบตื่นมากลางดึกค่ะ มันตื่นขึ้นมาเอง บางทีตื่นมาเห็นทุกอย่างเป็นสีเขียวหมดเลย มีบางครั้งเห็นเป็นสีเหลือง แต่ช่วงนี้เห็นเป็นรูปร่างกลมๆมีลวดลายสวยงามบ้าง เป็นแสงสว่างเหมือนดาวฤกษ์บ้าง เป็นตาข่ายบ้าง บางทีตื่นมาหลายรอบมากคะ มันตื่นมาเอง ต่อมามีพี่ใจดีแนะนำให้ระลึกดูกายคะ (ช่วงนี้ละคะที่ตื่นกลางดึกมาเจอรูปร่างแปลกๆ) โดยตามระลึกดูลมจากพัดลมที่มาโดนผิวหนัง หลังจากฝึกไปได้นานสักพัก เริ่มรู้สึกว่ามีอาการเย็นเกิดขึ้นที่ขา เป็นการเย็นข้างในเหมือนเราไปนั่งแช่น้ำเย็นๆ พี่ใจดีแนะนำว่า ให้พยายามฝึก เข้า ออก เร่ง ลด ของตัวเย็นๆนี้ แต่ช่วงนี้เหมือนว่าการเข้าตัวเย็นๆนี่ ไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อนคะ (ขออภัยที่เน้นเรื่องเห็นสี เห็นรูปร่า่งแปลกๆคะ พี่อินทรบุตรแนะนำให้มาเล่าแบ่งปันให้ฟังคะ)

    +++ เรื่องของ สี นี้ให้พยายามวางเอาไว้ก่อน เหตุทั้งหมดอยู่ที่ "การปรับสติยังไม่ชำนาญ" ดังนั้นให้ฝึก "ทำความรู้สึกทั้งตัว" ให้ได้ก่อน อ่านข้อความที่ผมตอบคุณ jadeprawit ประกอบไปด้วย เพราะครอบคลุมเนื้อหาในส่วนของคุณอยู่ด้วยกัน เมื่อปรับรากฐานได้ดีแล้ว สนใจจะฝึกอะไรต่อไปก็จะไม่ยุ่งยากเท่าไร นะครับ
     
  10. Free radical

    Free radical Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +32
    ขอบคุณค้า
     
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    อินทรบุตร พิสดารไหม อภิญญาไหม

    พอดีเมื่อวานได้นั่งสมาธิแล้วได้กำหนดพุธ-โธเมื่อจิตสงบก็ พิจารณากาย ในกาย เช่นหายใจเข้าเป็นลมเข้าไปสู่ร่างกายออกมาพิจาณาสิ่งปฏิกูลใน ร่างกายไป สักพัก เหมือนเปลี่ยนฐานะตัวเองเป็นผู้ดู มีสติ เห็นเหมือนภาพ มีกล่องใบใหญ่มาก สีขาว

    ทันใดนั้นกายก็ถูกแยกออก เป็นส่วนๆ เช่น ปอด ม้าม ตับ ไต ไส้ สมอง เล็บ ขน ฟัน หลุดเอาไปรวมในกล่องนั้น แล้วก็มีภาพพ่อ แม่ คนที่มีใจผูกพันธ์ ถูกแยกกายออกเป็นชิ้นๆเหมือนเราอวัยวะถูกรวมไปใน กล่องใหญ่ใบนั้น จิตเรามันอยากเห็นอะไรในกล่องพอมองลงไปก็เห็นแต่ อวัยวะต่างๆกองรวมกัน

    ทัน ใดก็มีเสียงหนึ่งถามว่า "กายเธออยู่ที่ไหน" เมื่อได้เห็นแบบนี้ก็เลยตอบว่า "ไม่มี" แล้วเสียงนั้นก็ตอบ ว่า "แล้วจิตเธออยู่ที่ไหน" ดิฉันพยายามมองหาคำตอบ ว่า จิตอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้กายไม่มีแล้ว ก็จะบริกรรมพุธโธต่อแต่ ไม่มีกายก็ไม่มี ลม คำบริกรรมก็หาย มันมีสภาวะที่โล่งๆว่างๆเลยตอบไปว่า "จิต ก็คงไม่มี" แล้วมันก็สว่างวาบแล้วเหมือนมีกระแสไฟกระจายไปทั่วความ สว่างนั้น

    อยากจะถามผู้รู้ ว่า

    1.สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร เป็นนิมิตอะไร อะไรแสดงธรรมอยู่

    2.ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร

    ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกดิฉันเห็นตัวเองเป็นซากศพ มีอะไรมากัดกิน

    ส่วนครั้งอื่นๆ จะไม่เกิดนิมิตเกิดแต่ความสว่างจ้า สถาวะสงบสุข
     
  12. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อย่าไปก๊อปปี้ของคนอื่น เอามาแสดงโดยมีจุดประสงค์ให้ผู้อื่นเข้าใจผิดไปว่านี่เป็นนิมิตของคุณ อันนี้มีเจตนาการผิดศีลข้อมุสาวาทาโดยตรง

    หลายๆ คน ที่อยู่ในกระทู้นี้ ไม่ได้มีสัมผัสแค่เฉพาะทางตา นะครับ สิ่งใดโกหกหลอกลวง มันจะฟ้องตัวเองออกมา ชัดเจนกว่าที่เห็นด้วยตา

    จะให้คำตอบได้หรือยังครับ ว่าเคยปฏิบัติได้ถึงขั้นเห็นนิมิตหรือเปล่า? ถ้าไม่เคยเห็นก็บอกมาตรงๆ

    แค่ตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ แค่นั้นก็จบแล้ว มันไม่เห็นยากอะไร ยกเว้นว่ามีสาเหตุแอบซ่อนอยู่ ไม่สามารถยอมรับได้ ว่าตนเองยังไม่เห็นนิมิต จึงต้องคอยเบี่ยง เลี่ยงไปเรื่อยๆ

    ไอ้การแถไปแถมา พยายามยกเรื่องอื่นกลบเกลื่อนไปเรื่อยๆ มันไม่ช่วยอะไรในการคุยในห้องนี้หรอกนะครับ
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    นำมาถามดูว่า อินทรบุตรรู้ไหม เขาเป็นอะไร อภินิหาริย์ไหม ใช่อภิญญาไหม
     
  14. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    จะให้คำตอบได้หรือยังครับ ว่าเคยปฏิบัติได้ถึงขั้นเห็นนิมิตหรือเปล่า? ถ้าไม่เคยเห็นก็บอกมาตรงๆ

    แค่ตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ แค่นั้นก็จบแล้ว มันไม่เห็นยากอะไร ยกเว้นว่ามีสาเหตุแอบซ่อนอยู่ ไม่สามารถยอมรับได้ ว่าตนเองยังไม่เห็นนิมิต จึงต้องคอยเบี่ยง เลี่ยงไปเรื่อยๆ

    ไอ้การแถไปแถมา พยายามยกเรื่องอื่นกลบเกลื่อนไปเรื่อยๆ มันไม่ช่วยอะไรในการคุยในห้องนี้หรอกนะครับ
     
  15. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    คิกๆๆๆ อินทรบุตร
     
  16. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    กินยาตามหมอสั่งให้เรียบร้อยก่อนนะครับ สติสมบูรณ์ แล้วค่อยมาคุยธรรมะกัน
     
  17. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    พี่ธรรม-ชาติคะ
    สุขสันต์วันสงกรานต์คะ เมิลขอรดน้ำขอขมาขออโหสิกรรม และขอพรผ่านกระทู้นะคะ
    เมิลขอกราบขอขมาขออโหสิกรรมพี่นะคะที่ได้เคยล่วงเกินด้วยรู้เท่าถึงการณ์หรือไม่ก็ตาม ด้วยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ตามคะ ด้วยกาย วาจา ใจ คะ ขอบคุณพี่มากๆ เลยคะที่ตอบทุกคำถาม ไม่ให้ติดขัดสงสัย

    เมื่อคืนฝันว่ากำลังฝันอยู่แล้วมีเสียงมาบอกว่าเวลาที่รู้ตัวว่าฝันก็ให้ย้ายมาอยู่กับรู้สิ ความฝันเป็นเรื่องๆผุดขึ้นมาเป็นดวงๆคะ

    Happy songran day ka ทุกๆคน
     
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    พี่ธรรม-ชาติคะ

    สุขสันต์วันสงกรานต์คะ

    +++ สุขสันต์วันสงกรานต์ ทุกคนครับ

    เมิลขอรดน้ำขอขมาขออโหสิกรรม และขอพรผ่านกระทู้นะคะ

    +++ การ "ขอ" อโหสิกรรมทางโลก คือ การขอยุติ "ตัวดู" ของจิตอื่น ไม่ให้ "เพ่งโทษ" กลับมายังตน (กฏเกณฑ์การทำงานทางจิต = กฏแห่งการยุติ อกุศลกรรม)

    +++ การ "ขอ" อโหสิกรรมทางธรรม คือ การทำ "ตัวดู" ของตน ไม่ให้ "เพ่งโทษ" ไปยังจิตอื่น (กฏเกณฑ์การทำงานทางจิต = กฏแห่งการกำเหนิด กุศลกรรม)

    +++ พรผ่านกระทู้ตรงนี้ คือ +++

    +++ การ "ศึกษาเรียนรู้" ในเรื่องอโหสิกรรม คือ การทำ "ตัวดู" ของตน ไม่ให้เป็น "จิตส่งออก" (เป็นสมุทัย) (กฏเกณฑ์การทำงานทางจิต = มรรคแห่ง ธรรมบท)

    +++ ให้สังเกตุและรู้การทำงานของ "ตัวดู" ในขณะที่มันยัง "ตั้งอยู่" (ตัวดูถูกรู้) ให้รู้การทำงานของมันทั้ง "ภาครูป (จิตตานุปัสสนา) และ ภาคนาม (ธรรมานุปัสสนา)" และความสัมพันธ์ระหว่าง "ภาคทั้งสอง" ไม่นานก็จะล่วงรู้ได้ ทั้งในส่วนของ "ภพและภูมิ" รวมทั้ง "ใครเป็นผู้กำหนดภพภูมิ" รวมทั้ง "ใครเป็นผู้ ท่องเที่ยวในภพภูมิ" รวมทั้ง "กฏเกณฑ์การทำงานของตัวดู" (กฏแห่งกรรม)

    +++ ยามใดที่ทำ "ปัฏฐาน นอกตัวดู" (อยู่กับรู้ และ ตัวดูถูกรู้) แต่ปล่อยให้ตัวดู "ตั้งอยู่และปล่อยให้มันเป็นไป" ยามนั้น "ภพภูมิย่อมครอบงำตัวดู แต่มาไม่ถึงสภาวะรู้"
    +++ ยามใดที่ทำ "ปัฏฐาน ในตัวดู" (อยู่กับดู และ เป็นตัวดู) และปล่อยให้ตัวดู "เป็นไปตามยถากรรม" ยามนั้น "ภพภูมิย่อมครอบงำตัวเรา และเราเป็นผู้ท่องเที่ยวภพภูมิ"

    +++ ยามใดที่ทำ "ปัฏฐาน อยู่กับรู้" (เป็นสภาวะรู้) ให้สังเกตุว่า "เราทำให้ ตัวดู เกิดและดับ" (สร้างและทำลาย) ได้หรือไม่
    +++ ยามใดที่ทำ "ปัฏฐาน อยู่กับรู้" (เป็นสภาวะรู้) ให้สังเกตุว่า "ยามใดที่ สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดขึ้นมาเอง" เราสามารถ "อยู่ และ ย้าย" กับสิ่งนั้น (ใช้และวาง) ได้หรือไม่

    +++ หากทำ "ปัฏฐาน" ตามที่กล่าวมาได้แล้ว ก็จะเข้าใจได้เองว่า พระพุทธเจ้ารวมทั้งครูบาอาจารย์ ที่อัฐิเป็นพระธาตุไปแล้วนั้น "มาปรากฏแสดงธรรม" ได้อย่างไร และ "ท่านมาปรากฏด้วยวิธีไหน"

    เมิลขอกราบขอขมาขออโหสิกรรมพี่นะคะที่ได้เคยล่วงเกินด้วยรู้เท่าถึงการณ์หรือไม่ก็ตาม ด้วยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ตามคะ ด้วยกาย วาจา ใจ คะ ขอบคุณพี่มากๆ เลยคะที่ตอบทุกคำถาม ไม่ให้ติดขัดสงสัย

    +++ ฝึก "มหาปัฏฐาน" (อยู่-ย้าย) กับสภาวะธรรมต่าง ๆ ให้คล่องเพราะ มหาปัฏฐาน เป็น อนันตนัย ซึ่งเป็นกุณแจเดียวสู่ อจินไตย "ฝึกได้แค่ไหน ก็รู้ได้แค่นั้น" อยู่-ย้าย มากก็รู้ได้ "กว้าง" ขี้เกียจในการฝึก อยู่-ย้าย ก็รู้ได้ "แคบ" เป็นธรรมดา หรือ จะเอาแค่รอดพ้นจาก ตน (ตัวดู) แล้วเป็นแค่ สุกขวิปัสสโก ก็แล้วแต่สดวก ยามใดที่สามารถ "จัดการ" ตัวดู ได้อย่างเด็ดขาดแล้ว ในเวลา ตัดผมหรือตัดเล็บ ก็ให้เก็บเอาไว้บ้าง วันดีคืนดีก็เอามาเปิดดูสักที ยามใดที่มันกลายสภาพ ก็จะได้รู้ชัดเจนว่า อะไรคือ สักขีพยานในธรรมของพระพุทธเจ้า เพราะมันเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นเองที่เป็นพยานได้

    เมื่อคืนฝันว่ากำลังฝันอยู่แล้วมีเสียงมาบอกว่าเวลาที่รู้ตัวว่าฝันก็ให้ย้ายมาอยู่กับรู้สิ

    +++ หากฝึก "ปัฏฐาน" ตามที่กล่าวไว้ข้างบนนั้น ก็จะชัดเจนได้เองว่า "เสียงที่มาบอก" นั้น "มาได้อย่างไร" "และเป็นสภาวะธรรมชั้นไหน"
    +++ เสียงที่บอกมานั้น "ถูกต้อง" ในขณะที่ฝัน ในขณะนั้น "เป็นและอยู่ ข้างในตัวดู" หาก "ย้าย" มาอยู่กับรู้ ได้ ก็จะ "ฝ่าด่านสุดท้าย" ได้เลย ในขณะนั้น

    ความฝันเป็นเรื่องๆผุดขึ้นมาเป็นดวงๆคะ

    +++ สิ่งที่ "ผุดขี้นมาเป็นดวง" นั่นแหละคือ "ปรากฏการณ์ของ สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น" (ตามข้างบน) หากฝึกได้ชำนาญเมื่อไรก็สามารถทดสอบการ "อยู่-ย้าย" กับมันได้ แล้ว มหาปัฏฐาน ก็จะค่อย ๆ กว้างขึ้นเอง นะครับ

    Happy songran day ka ทุกๆคน

    +++ สวัสดีปีใหม่ไทย ทุกคนครับ
     
  19. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    สวัสดีค่ะอาจาร์ยและเพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่าน

    ปีใหม่ไทยนี้ขอให้อาจาร์ยและเพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่านมีความสุขมากๆค่ะ

    +++ ให้เปลี่ยนเป็น "เปิดเปลือกตา และ ปิดเปลือกตาลง" 2-3 ทีเช่นกัน ให้สังเกตุถึงความแตกต่างระหว่าง "หลับตา กับ ปิดเปลือกตา" ว่าต่างกันอย่างไร

    เริ่มรับรู้ได้มากขึ้นแล้วค่ะอาจาร์ย ฝึกปิดเปลือกตาแบบเบาๆจะรู้สึกว่าชัดเจนขึ้นค่ะ ขอบคุณมากค่ะอาจาร์ย

    +++ ตรงนี้ น่าจะเป็นเรื่อง "วุ้นในลูกตา" ลอง กูเกิ้ล ดูนะครับ

    สงสัยท่าจะจริงค่ะ นันเป็น วุ้นในลูกตาแน่เลยค่ะ

    +++ ฝึก "ความรู้สึกทั้งตัว" ให้ได้ก่อน เป็นอันดับแรก เมื่อได้แล้ว จะดูตาราง และสถานที่ฝึกให้ ตามความเหมาะสม หากมีใครต้องการฝึกใน คอร์สนี้ ก็ให้รวมตัวกันไว้ การฝึกเป็นหมู่คณะ จะได้ประโยชน์ ได้แลกเปลี่ยนประสพการณ์ และ ได้ความรู้มากกว่าการฝึกแบบคนเดียว ส่วนใหญ่ระหว่าง ประสพการณ์ต่อประสพการณ์ ก็อาจมีการแลกเปลี่ยน การเดินจิต ซึ่งกันและกัน ทำให้ภูมิรู้กว้างขวางกว่าเดิมอีกมาก การฝึกจะเป็นแบบ ยกต่อยก เดินจิตต่อเดินจิต ทำได้เดี๋ยวนั้นก็รู้เดี๋ยวนั้น ซึ่งเท่าที่รู้มา ยังไม่เคยมีการฝึกแบบนี้ในที่อื่น นะครับ


    ค่ะอาจาร์ย ....ขอบคุณค่ะ

    บุญรักษา สติคุ้มครองตนทุกๆท่านนะคะ
     
  20. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็น "ปัฏฐาน นอกตัวดู" (อยู่กับรู้ และ ตัวดูถูกรู้) ภพภูมิย่อมครอบงำตัวดู แต่มาไม่ถึงสภาวะรู้"
    ตรงกับอาการช่วงนี้ เมิลยังแปลก ๆ อยู่กับอาการช่วงนี้เพราะมันไม่เหมือนกับตอนที่สติเต็มฐานแต่ยังเป็นตัวดูอยู่ ตอนนั้นมันจะแยกส่วนกันอยู่ระหว่างอารมณ์ความคิดกับตัวดู แต่ตอนนี้เมิลรู้ทุกอย่างมันนิ่งหรือไหลไปก็รู้ ตัวที่รู้อยู่เป็นคนละส่วนกับตัวที่รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ดังนั้นการกระทำก็เหมือนเดิมเป็นปกติ แต่ข้างในส่วนที่รู้อยู่ ก็รู้อยู่อย่างเดิมนะคะ

    พอเราอยู่-ย้าย ให้บ่อยขึ้น ก็จะเป็น "ปัฏฐาน อยู่กับรู้" เองใช่ไหมคะพี่

    เมื่อคืนก็ฝึกย้ายมาอยู่กับรู้ในฝันอีกแล้วคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...