อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    ครูบาดวงดี ยติโก อริยสงฆ์ล้านนาที่มีอายุพรรษามากที่สุด

    "หากไม่นับครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้มแล้ว ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อนนับได้ว่า มีจิตที่เย็นที่สุดในเชียงใหม่ล้านนาเรายุคนี้"

    ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นคำพูดของครูบาเทือง นาถสีโล เจ้าอาวาสวัดเด่นสะหรีศรีเมืองแกน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ที่มีความศรัทธาต่อหลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก อันเป็นที่สุดของอริยสงฆ์ในแถบล้านนา ที่มีอายุพรรษามากที่สุด ถึงพร้อมด้วยจิตที่เป็นวิสุทธิจิต

    "ดวงดี สมด้วง" เป็นชื่อและสกุลเดิมของหลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก เป็นบุตรของพ่อด้วง แม่คำป้อ นามสกุล สมด้วง เกิดที่บ้านฟ่อน หมู่ ๒ ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๗ มีพี่น้องร่วมท้องกันมามี ๔ คน คือ ๑.พ่อหนานเขียว ๒.แม่สา ๓.นางแฮ ๔.หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก พอมีอายุได้ ๑๒ ปี พ่อด้วง แม่คำป้อ ได้พาเอาเด็กชายดวงดีมาฝากเป็นลูกศิษย์ครูบาอินตา สุทธิโก ได้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนกับท่านครูบาอินตาได้หนึ่งปี พออายุได้ ๑๓ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรได้ชื่อว่าสามเณรดวงดี สมด้วง โดยมีพระอธิการคำภีระ เป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ ณ ที่วัดวุฑฒิราษฎร์ (บ้านฟ่อน) เมื่อวันที่ ๑๙ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๗๑

    เมื่อบวชเป็นสามเณรแล้วก็ไม่นิ่งดูดาย และได้ศึกษาพระธรรมวินัย ทั้งปริยัติธรรม จนสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ อยู่ต่อมาพออายุได้ ๒๐ ปี ถึงวาระที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในพระพุทธศาสนาแล้ว แต่แล้วสามเณรดวงดีได้เกิดอาพาธขึ้นมาเป็นเวลา ๕ ปี พอหายจากอาการอาพาธแล้ว อายุได้ ๒๕ ปี รู้สึกว่าสามเณรดวงดีสบายกายสบายใจแล้ว พ่อด้วง แม่คำป้อ และท่านเจ้าอาวาสก็ได้ปรึกษาหารือกันว่า สมควรแก่เวลา ที่จะอุปสมบทสามเณรดวงดี เป็นพระภิกษุได้แล้วจึงได้อุปสมบทให้เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ โดยมีเจ้าอธิการอินถา อริโย วัดท้าวบุญเรืองเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการโอ๊ด อภิชโย วัดตองกายเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการอินตา สุทธิโก วัดวุฑฒิราษฎร์ (บ้านฟ่อน) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ยติโก อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดโพธิ (หนองควาย)

    ขณะนั้นครูบาอินตาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านฟ่อนนี้ เมื่อปี ๒๔๗๒ -๒๔๙๒ ในสมัยนั้นมีพระอธิการคำมูล สิริวิชโย และครูบาดวงดี เป็นลูกศิษย์ หลังจากท่านครูบาอินตา มรณภาพลงก็มี พระอธิการคำมูล ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านฟ่อนแทนครูบาอินตาจนมาถึงปี ๒๕๒๕ พระอธิการคำมูล ได้มรณภาพลง หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก จึงได้รักษาการแทนเจ้าอาวาสจนถึงปี ๒๕๓๒ หลวงปู่ท่านก็ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านฟ่อนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้

    ครูบาดวงดีท่านเป็นพระนักพัฒนาและยังเป็นหมอยาแผนโบราณอีกด้วย โดยสมัยก่อนท่านทำยาแผนโบราณได้หลายอย่าง โดยท่านทำเองทั้งหมด ตั้งแต่ไปเก็บว่านสมุนไพรต่างๆ ในป่า แล้วนำมาคั่วและบดทำเองทุกขั้นตอน รักษาชาวบ้านหายมานักต่อนักแล้ว หลวงปู่ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรมอย่างเคร่งครัด และได้คอยอบรมสั่งสอนพระ เณรและศรัทธาญาติโยมของท่านอยู่มิขาด

    ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีจริยาวัตรอันงดงาม และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังรูปหนึ่ง ที่มีศรัทธาญาติโยมมาเคารพสักการบูชา อยู่มิขาดได้ทุกวันโดยมีศรัทธาญาติโยมจากต่างตำบล ต่างอำเภอ ต่างจังหวัดเดินทางมาขอพรและประพรมน้ำพระพุทธมนต์มิได้ขาด หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก นับเป็นพระผู้มีอริยะคุณอันยอดเยี่ยมยิ่งที่หาได้ยากยิ่งแล้วในปัจจุบัน

    ที่มา: ไตรเทพ ไกรงู คม ชัด ลึก
     
  2. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    รูปหล่อครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน
     
  3. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    จ้าา ปลุกเสกโดยครูบามีชื่อหลายองค์ ในสมัยนั้นเลย
     
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,486
    ค่าพลัง:
    +53,107

    กราบหลวงปู่ครูบาดวงดี ครับ
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,486
    ค่าพลัง:
    +53,107
    [​IMG] [​IMG]
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,486
    ค่าพลัง:
    +53,107
    สัจจะธรรมแห่งความจริงที่คนทั่วไปไม่อาจจะปฏิเสธก็คือ คนเราย่อมจะหนีความตายไปไม่พ้น แต่ในเวลาเดียวกัน คนทุกคนกลับพยายามที่จะเอาชนะความตาย พยายามที่จะเอาชนะพญายม ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ก็ตาม
    มีคำพูดประโยคหนึ่งที่ติดปากคนทั่วไปก็คือ คนเราเมื่อถึงที่ตายมันก็ต้องตาย คนที่ยังไม่ถึงที่ตายอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็ต้องรอด
    ชายคนหนึ่งกำลังโทรศัพท์อยู่ในตู้สาธารณะ ทันใดนั้นรถบรรทุกข้าวซึ่งคนขับอยู่ในอาการมึนเมา จากฤทธิ์ของยาบ้าได้พุ่งเข้าใส่ตู้โทรศัพท์แบบชนิดไม่ต้องติดเบรก เสียงดังสนั่นปานฟ้าถล่ม รถบรรทุกคันดังกล่าวเสียหลักพลิกคว่ำขวางถนนทันที
    เชื่อหรือไม่ว่าผู้ชายอยู่ในตู้โทรศัพท์ ซึ่งมีสภาพแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี เขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย คำพูดที่ออกมาจากปาก ทำให้ผู้ที่อยู่ให้เหตุการณ์ถึงกับขนลุกซู่ก็คือ…
    "พระรูปหนึ่งมาปรากฏให้ผมเห็น จากนั้นรถบรรทุกก็พุ่งเข้ามาหาผม !!!"
    แต่ก่อนนั้นมหันตภัยร้ายที่เป็นตัวกลางคร่าชีวิตผู้คนก็คือโรคภัยไข้เจ็บ ในแต่ละปีจะมีคนเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก ............ความล้าหลังของวงการแพทย์ทำให้มนุษย์ต้องสูญเสียชีวิตอย่างชนิดไม่น่าจะเสีย แต่เมื่อวิวัฒนาการของวงการแพทย์ไทยมีความก้าวหน้า สามารถหยุดยั้งโรคภัยไข้เจ็บได้ระดับหนึ่ง

    แต่มนุษย์กลับต้องเอาชีวิตมาสังเวยจากอุบัติเหตุ มีสถิติตัวเลขที่น่าเป็นห่วงก็คือ ทุกๆ ชั่วจะต้องมีคนตายจากอุบัติเหต 1 ราย หมายความว่าในหนึ่งวันจะต้องมีคนตายสูงถึง 24 คน
    เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ฯ ได้เล่าให้ฟังว่า ทำงานหน่วยกู้ภัยมา 5 ปี เก็บศพมาจนนับไม่ถ้วน สาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมาจากเมาเหล้าเมายาแล้วยังหาญกล้ามาขับรถ
    "พอผมเปิดประตูรถเข้าไป ปรากฏว่ากลิ่นเหล้าหึ่งเลยครับ"
    "แสดงว่าเมาแล้วขับ"
    "ครับ เมาแล้วขับ ขับด้วยความคึกคะนอง คนเมาจะไม่มีสติ คิดว่าตัวเองเก่งตัวเองแน่ แต่สุดท้ายก็เป็นงานของพวกผม คือ เก็บศพ"
    ฤทธิ์ของสุรากับยาบ้ามีความร้ายแรงไม่ต่างกัน ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ ฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต ฝ่ายหนึ่งหมดอนาคต จะมีสักกี่คนที่ดวงดี ดวงแข็ง ไม่ได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

    เมื่อ วันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา ในห้องวิทยุของ สภ.อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่วิทยุได้รับแจ้งจากรถสายตรวจว่ามีอุบัติเหตุรถบรรทุกพลิกคว่ำ บริเวณปากทางเข้าวัดคลองมะดัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุทันที
    ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถบรรทุกขนาดใหญ่อยู่ในลักษณะพลิกคว่ำ ข้าวสารตกเกลื่อนพื้นถนน ด้านหน้าของตัวรถพุ่งเข้าชนตู้โทรศัพท์พังเสียหายยับเยิน รวมทั้งศาลพระภูมิของร้านค้าบริเวณข้างเคียง พลอยได้รับความเสียหายไปด้วย
    ชาวบ้านเป็นจำนวนมากพากันมามุงดูเหตุการณ์ ต่างวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ บ้างก็ว่าเกิดจากความคึกคะนองของคนขับรถสิบล้อ บ้างก็ว่าเกิดจากถนนลื่น ...........แต่ พยานที่เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า เขาเห็นรถบรรทุกคันดังกล่าวขับส่ายไปมา ท่าทางคนขับเหมือนตกอยู่ในสภาพมึนเมา จนไม่สามารถควบคุมรถดังกล่าวได้
    "ตอนนั้นฝนตกพร่ำๆ สภาพของถนนค่อนข้างลื่น ผมนั่งรอรถบรรทุกปลาอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม เห็นรถคันนี้ขับส่ายไปมาเข้าใจว่าคนขับคงจะควบคุมรถไม่อยู่ แล้วผมก็เห็นรถพุ่งเสยไปบนถนน เสียงมันดังมาก"
    โชเฟ่อร์ตีนผีหลังจากที่ได้ก่อเหตุระทึกขวัญ ก็ได้อาศัยช่วงที่ชาวบ้านกำลังชุลมุนหลบหนีไปตามระเบียบ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง ทราบชื่อในเวลาต่อมาว่าชื่อคุณณรงค์ มีธรรม เป็นคนจังหวัดสิงห์บุรี คุณณรงค์ผู้นี้เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์มากที่สุด เพราะเขากำลังเข้าไปโทรศัพท์ในตู้ ซึ่งถูกรถบรรทุกชนจนมีสภาพพังยับเยิน
    "ตอนนั้นคุณณรงค์กำลังอยู่ในตู้โทรศัพท์?"
    "ครับ ผมกำลังโทรศัพท์หาน้องชาย เพราะรถของผมเสียหาช่างไม่ได้ น้องชายผมเป็นช่างซ่อมรถก็เลยโทรตามให้มาช่วยซ่อมรถ"
    "ตอนที่รถบรรทุกพุ่งเข้าชนตู้โทรศัพท์ คุณณรงค์ทำอย่างไร?"
    "พูดไปคงไม่มีใครเชื่อ ก่อนหน้านั้นผมเห็นพระรูปหนึ่ง ลักษณะท่าทางของท่านรู้สึกคุ้นๆ มากทีเดียว แต่ตอนนั้นผมนึกไม่ออกว่าเคยเห็นท่านที่ไหน ช่วงเวลานั้นผมหันหลังให้ถนน พอเห็นพระผมก็หันหลังกลับไปมอง เพราะแปลกใจว่าทำไมดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้จึงมีพระออกมาเดินริมถนนทำไม พอผมหันหลังไปก็เห็นแสงไฟจากหน้ารถพุ่งเข้ามา ผมก็วิ่งออกมาจากตู้โทรศัพท์ พอพ้นตู้เสียงดังโครมสนั่น ตู้โทรศัพท์หายไปในพริบตา หากผมช้าเพียงนิดเดียวผมคงจะเละอยู่ในตู้โทรศัพท์แหง๋ๆ พูดแล้วยังอดที่จะเสียวไม่ได้ รอดตายเหมือนปาฏิหาริย์"
    "ปกติพี่ณรงค์แขวนพระเครื่องบ้างหรือเปล่าครับ?"
    "แขวนพระสมเด็จของหลวงพ่อแพ ผมเป็นลูกศิษย์ของท่านครับ"
    "อยากให้พี่ลองนึกทบทวนเหตุการณ์ ลักษณะของพระที่คุณณรงค์เห็น มีความละม้ายคล้ายกับหลวงพ่อแพบ้างหรือเปล่า?"
    คุณณรงค์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบว่า
    "จริงด้วยครับ พระที่ผมเห็นมีลักษณะเหมือนกับหลวงพ่อแพมากทีเดียว ตอนแรกผมก็นึกไม่ออก แต่พอคุณพูดทำให้ผมนึกขึ้นได้ เป็นหลวงพ่อแพจริงๆ ด้วย"
    ...........คุณ ณรงค์ได้แสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด คำถามของผมไม่ได้มีเจตนาที่จะชี้นำคุณณรงค์แต่อย่างใด แต่ผมอาศัยจากประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์ของหลวงพ่อแพได้เล่าให้ผมฟังว่า…
    "ใครก็ตามที่มีความเลื่อมใสและศรัทธาหลวงพ่อ แขวนวัตถุมงคลของหลวงพ่อหรือฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน ยามที่เกิดเหตุการณ์คับขัน หลวงพ่อแพท่านจะมาช่วย"
    ทีมงาน ฯ ได้ถามคุณณรงค์ว่าก่อนหน้านั้น มีลางสังหรณ์เกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า คุณณรงค์ตอบว่าตาข้างขวาจะกระตุกตลอดเวลา
    "คิดไปเองหรือเปล่าครับ?"
    "ไม่หรอกครับ ตามันกระตุกเองจริงๆ ผมก็ยังเสียวๆ อยู่เหมือนกัน เพราะตาข้างขวาหากกระตุกหรือเขม่น มันจะมีลางร้ายเกิดขึ้น"
    "เชื่อเรื่องลางสังหรณ์หรือเปล่าครับ?"
    "แต่ก่อนไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ แต่เวลานี้เชื่อแล้วครับ"
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อแพ อดีตเจ้าอาวาส วัดพิกุลทอง จังหวัดสิงห์บุรี ถือเป็นวัตถุมงคลที่มีพระพุทธคุณในทาง "เมตตา-แคล้วคลาด" แต่ผู้ที่สวมใส่หรือใช้วัตถุมงคลของหลวงพ่อแพ จะต้องเป็นคนที่อยู่ในศีล 5 อย่างเคร่งครัด จะผิดศีลข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้อย่างเด็ดขาด
    ...........วัตถุ มงคลของหลวงพ่อแพ รุ่นซึ่งถือเป็น"สุดยอด" ที่มีราคาแพงและยังหายากมากก็คือ พระเครื่องหลวงพ่อแพ รุ่น "แพพัน" สนนราคาอยู่ที่หลักหมื่นกลางๆ เลยทีเดียว แต่ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าพระเครื่องรุ่นนี้มีของทำเลียนพิมพ์ (พระปลอม) "เพียบ" เลยครับ


    [​IMG] [​IMG]
     
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,486
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปาฏิหาริย์!หลวงพ่อศิลาบนของหายได้คืน

    ปาฏิหาริย์!หลวงพ่อศิลาบนของหายแล้วได้คืน ที่วัดทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย : ท่องแดนธรรม เรื่องและภาพโดยไตรเทพ ไกรงู

    “หลวงพ่อศิลา” ประดิษฐานเป็นมิ่งมหามงคล ณ มณฑปวัดทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ทั้งนี้ สำนักโบราณคดี และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากรได้ทำการจดทะเบียนให้พระพุทธรูปศิลา เป็นพระพุทธรูปสำคัญของประเทศไทย มีชื่อปรากฏในทะเบียนว่า “พระพุทธรูปศิลานาคปรก ปางสมาธิ”

    พระครูสุเขตสุทธาลังการ (อลงกรณ์ อนาลโย) เจ้าอาวาสวัดทุ่งเสลี่ยม เล่าให้ฟังว่า เดิมหลวงพ่อศิลา ประดิษฐานอยู่ในส่วนลึกของถ้ำเจ้าราม เมื่อพ.ศ.๒๔๗๒ ชาวบ้านที่ค้นพบมีจำนวนหลายคนได้พยายามที่จะนำพระพุทธรูปศิลาออกจากถ้ำ แต่ไม่สามารถนำพระพุทธรูปออกมาได้ ต่อมาในปีเดียวกันโดยการนำของครูบาก๋วน วัดแม่ปะหลวง และครูบาต๋า วัดอุมลอง อ.เถิน จ.ลำปาง พร้อมด้วยเจ้าอาวาสวัดทุ่งเสลี่ยมในสมัยนั้นชื่อ หลวงพ่ออภัย ร่วมกับชาวบ้านอำเภอทุ่งเสลี่ยมเดินทางไปที่ถ้ำเจ้าราม พิธีบวงสรวงพร้อมตั้งจิตอธิษฐานร่วมกันบอกกล่าวขออนุญาตอัญเชิญพระพุทธรูป ศิลา ออกจากถ้ำเพื่อนำมาสักการบูชา จึงทำให้การอัญเชิญ จึงทำให้การอัญเชิญพระพุทธรูปศิลาออกจากถ้ำ พร้อมแท่นฐานรองเป็นผลสำเร็จ ได้ประดิษฐานอยู่บนกุฏิไม้หลังใหญ่ของวัดทุ่งเสลี่ยม ทางวัดได้มีการจัดงานสมโภชองค์พระพุทธรูปศิลาติดต่อกันมาทุกปี โดยกำหนดในวันขึ้น ๓ ค่ำ ถึงวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ เป็นวัดเปิดงานฉลองสมโภชของทุกปี

    หลวงพ่อศิลา ประดิษฐานอยู่ที่วัดทุ่งเสลี่ยมเป็นเวลานาน ๔๘ ปี จนกระทั่งคืนวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๐ เวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น. มีคนร้ายจำนวนหนึ่งเข้ามาโจรกรรมหลวงพ่อศิลาไปจากวัดสร้างความเสียใจให้แก่ ชาวบ้านทุ่งเสลี่ยมเป็นอันมาก จึงได้พากันไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอทุ่งเสลี่ยม ขอให้ช่วยติดตามพระพุทธรูปศิลาที่ถูกขโมยไป แต่ผลการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความคืบหน้าและก็ไม่สามารถหาตัวคน ร้ายได้ สุดท้ายทฝ่ายหน้าที่ได้ยุติการสืบสวน แต่ชาวบ้านทุ่งเสลี่ยมมิได้หยุดความพยายามที่จะสืบค้น และติดตามหาพระพุทธรูปศิลาอยู่ตลอดเวลา

    จนกระทั่ง พ.ศ.๒๕๓๘ นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๑๖ ฉบับที่ ๖ ประจำเดือนเมษายน ปีเดียวกัน ได้ลงพิมพ์จดหมายของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มอนุรักษ์ต่างแดน” ในลอนดอน ใช้ที่อยู่ของวัดพุทธประทีป พร้อมทั้งได้ส่งภาพถ่ายของพระพุทธรูปศิลา ที่ปรากฏอยู่ในแคตตาล็อกของบริษัทโซธบี ที่ลงรูปวัตถุโบราณต่างๆ ที่จะนำออกมาทำการประมูลในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ และให้ความเห็นว่า “ภาพถ่ายพระพุทธรูปศิลาจากแคตตาล็อกการประมูลวัตถุโบราณของบริษัทโซธบี ที่ส่งมาให้น่าจะเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวกัน กับที่ถูกโจรกรรมไปจากวัดทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย”

    จุดเริ่มต้นของการเรียกร้องโดยชาวบ้านทุ่งเสลี่ยม เมื่อได้ทราบข่าวนี้จึงได้ทำหนังสือพร้อมหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับประวัติพระพุทธรูปศิลา เข้าเรียกร้องอย่างเป็นทางการ โดยไปยื่นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เพื่อขอให้ดำเนินการติดตามทวงคืนพระพุทธรูปศิลา ให้ด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยเมื่อได้รับเรื่องแล้ว ได้ส่งหนังสือถึงกรมศิลปากรขอให้ดำเนินการตรวจสอบก่อนว่า “พระพุทธรูปที่ปรากฏในภาพภ่ายจากหนังสือแคตตาล็อกโซธบี ซึ่งเป็นผู้จัดการด้านการซื้อขายวัตถุโบราณในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ให้นำพระพุทธรูปศิลา ออกประมูลเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๑ และนักสะสมของเก่าชาวอเมริกันเป็นผู้ที่ประมูล พระพุทธรูปศิลา ได้ไปจากนั้นได้นำพระพุทธรูปศิลาเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒"

    กรมศิลปากรจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาหาแนวทางติดตามทวงคืน โดยได้เริ่มกันอย่างจริงจังในเดือนมกราคม ๒๕๓๙ อันเป็นเวลาที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในระหว่างการจัดงานเฉลิมฉลองปีกาญนาภิเษก ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการดำเนินงานของคณะทำงานติดตามทวงคืน พระพุทธรูปศิลา สู่มาตุภูมิในปีกาญจนาภิเษกได้สำเร็จ เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปศิลา จึงจัดให้มีบุคคลจากหลายคณะทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้ร่วมมือกันทำงานให้พระพุทธรูปศิลาได้กลับคืนสู่มาตุภูมิทัน ในปีกาญจนาภิเษก

    จากนั้นได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานให้นำพระพุทธรูปศิลา ไปประดิษฐานไว้ที่วัดทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย โดยคณะทำงานได้อัญเชิญพระพุทธรูปศิลา ไปถึงวันเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ ขบวนแห่ได้นำพระพุทธรูปศิลาผ่านไปสมโภชที่จังหวัดต่างๆ ๙ จังหวัด

    บนของหายแล้วได้คืน
    หลวงพ่อศิลา เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวสุโขทัย จึงมีประชาชนได้เดินทางมาสักการะเป็นจำนวนมากและเมื่อสักการะแล้วก็ได้ขอพร กับ หลวงพ่อศิลา แล้วได้บรรจุตามสิ่งที่ตนเองได้ขอเอาไว้เป็นศูนย์รวมจิตใจที่ประชาชนศรัทธา และเชื่อถือทุกครั้งที่ชาวทุ่งเสลี่ยมมีปัญหาเดือนร้อนจะมาอธิษฐานจากหลวง พ่อศิลา และมักจะประสบผลสำเร็จ กรณีข้าวของหายหรือถูกขโมย มีผู้มาบน หลวงพ่อศิลา ก็มักได้ของคืนตามความเชื่อที่ว่า “หายไปแล้วได้คืน”

    ประชาชนส่วนใหญ่กล่าวว่า ด้านความศักดิ์สิทธิ์ในการขอโชคลาภ เพราะเคยเห็นคนจำนวนมากมาขอหวยที่หลวงพ่อศิลา แล้วได้โชครางวัลเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อนำลิเก ผลไม้ อาหาร คาวหวานมาถวาย หลวงพ่อศิลา ตลอดที่เชื่อส่วนใหญ่ตอบว่า เพราะมีคนเล่าต่อๆ กันมาประกอบกับเห็นประชาชนที่มาขอพรจากหลวงพ่อศิลาแล้วประสบผลสำเร็จ

    นอกจากนี้แล้วยังมีตคิความเชื่อด้วยว่า เวลาที่เกิดอุบัติเหตุถ้าอธิษฐาน หรือระลึกถึงหลวงพ่อศิลา มักจะแคล้วคลาดจากภยันอันตราย และยังประสบด้วยตอนเองอีกหลายเหตุการณ์ ทำให้เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า หลวงพ่อศิลา สามารถป้องกันอันตรายคุ้มครองให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ชาวบ้านจะรู้ว่าเวลาที่เดินทางไปทำภารกิจในต่างจังหวัด หรือเดินทางไกล จะต้องมาขอพรให้หลวงพ่อศิลาคุ้มครอง
     
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,486
    ค่าพลัง:
    +53,107
    “ชาตินี้นะ อย่าแต่งงานเลย” ความสงสัยของท่านจึงรีบถามขึ้นทันทีว่า ทำไมละพี่ พี่สะใภ้จึงบอกว่า “ถ้าบวชได้ประเสริฐกว่า” หลวงพ่อท่านจึงเก็บมาคิด” ชาตินี้นะอย่าแต่งงานเลยถ้าบวชได้ประเสริฐกว่า “เหมือนเป็น “สร้อยวลีจากสรวงสวรรค์” ที่มีพลังฉุดหัวใจของหลวงพ่อให้บ่ายหน้าเข้าสู่ ร่มกาสาวพัสตร์ในทันที
    จากนั้นมา พระพุทธศาสนาก็มีพระภิกษุหนุ่มอุบัติขึ้นมาอีกหนึ่งองค์ ได้รับฉายาว่า พุทธโชติ” ณ พัทธสีมาวัดตองปุ หรือวัดชนะสงคราม ท่านได้จำพรรษาอยู่วัดนี้เพียง สามพรรษาเท่านั้น ไม่ทราบว่า อาจารย์ของท่านคือใคร ทั้งอุปัชฌาย์และคู่สวด สืบสาวราวเรื่องดูแล้ว ไม่มีบันทึกไว้ ณ ที่ใดเลย
    ต่อมาไม่นาน พี่ชายของท่านก็มาส่งข่าวว่า โยมปู่ของท่านได้ล้มป่วยลง มีอาการเป็นที่น่าวิตก อาจจะไม่รอดก็ได้หลวงพ่อจึงต้องออกจากวัดตองปุ โดยที่ท่านจำพรรษาอยู่เพียง 3 พรรษาเท่านั้น เมื่อท่าน เดินทางกลับมาพิจิตร ก็พักจำพรรษาอยู่วัดบางคลานใต้ ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของท่านนั้นเอง โดยต่อมาวัดนี้ได้มีชื่อใหม่ว่า “วัดคงคาราม” มีเจ้าอาวาสชื่อ หลวงพ่อโห้ ซึ่งเป็นอาจารย์ท่านหนึ่ง ที่นิยมการเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งคนสมัยก่อนถือเป็นวิชาแขนงหนึ่งที่พยายามนำส่วนผสมของโลหะต่างๆ เอามารวมกีบสมุรไพรบ้าง รวมกับว่านบ้างแล้วหลอมให้ละลาย เพื่อให้โลหะเช่นตะกั่วหรือดีบุกนั้นกลายเป็นทองคำบริสุทธิ์
    เหตุที่หลวงพ่อเงินท่านมาจำพรรษา อยู่วัดคงคาราม เพราะว่าเป็นการสะดวกสบายต่อการไปมาหาสู่ของญาติโยมท่านเอง แต่แล้ว ท่านก็อยู่จำพรรษาได้เพียง หนึ่งพรรษาเท่านั้นที่วัดคงคารามแห่งนี้ อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุที่หลวงพ่อท่านไม่มีความสงบ เพราะสงบ เพราะหลวงพ่อโห้ ท่านเป็นนักแหล่ นักเทศน์ ทำยองเสนาะ จึงต้องซ้อมลูกคอบ้าง ทำนองหางเสียงบ้าง และซ้อมทั้งเช้าทั้งเย็น ซึ่งผิดกับวัตร ปฎิบัติของหลวงพ่อเงินที่ท่านชอบความสงบวิเวก นั่งสมาธิ เดินจงกรมตั้งแต่สมัยเมื่อครั้งที่บวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดตองปุในกทม. หลวงพ่อเงินจึงจำเป็นต้องย้ายจากวัดคงคารามไปอยู่ที่วัด “วังตะโก” ซึ่งภูมิลำเนาของวัดวังตะโกแห่งนี้อยู่ลึกเลยเข้าไปทางลำน้ำน่านสายเก่าแต่เดิมมา
    คำพูดของหลวงพ่อเงินประโยคหนึ่งที่ว่า “ชาติเสือต้องไม่ขอเนื้อใครกิน” ท่านมักจะพูดอยู่เสมอกับญาติโยมที่ไปเยี่ยมเยียนสนทนาอยู่กับท่าน มีผู้คนมากมาย ที่มุ่งมากราบนมัสการท่าน โดยเฉพาะน้ำมนต์ มีผู้คนจากทุกสารทิศมาให้ท่านรดให้เพื่อล้างมนทิน และสร้างความเป็นสิริมงคลดียิ่งนัก ทุกวันหลวงพ่อต้องทำน้ำมนต์รดให้กับผู้มาหาท่านด้วยความทุกข์ร้อน และก็ศักดิ์สิทธิ์จนโด่งดังไปทั่วเมืองพิจิตร และจังหวัดใกล้ไกลจนทุกวันมิได้ขาดหรือว่างเว้น
    เมื่อวันที่หลวงพ่อย้ายจากวัดบางคลานใต้ หรือวัดคงคารามนั้น หลวงพ่อได้หักกิ่งโพธิ์มาด้วย หนึ่งกิ่ง และนำไปปักลงที่ชายน้ำ โดยได้อธิษฐานไว้ขณะนั้นว่า “ถ้าเจริญรุ่งเรืองแผ่ไพศาล ก็ขอให้ต้นโพธิ์ นี้เจริญงอกงามยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเถิด” และก็สมจริงดังคำอธิษฐานของท่านต้นโพธิ์ที่ท่านปลูกก็เจริญงอกงามเหลือเกิน จนชื่อเสียงของท่านขจรขจายไปไกลแสนไกล ลูกศิษย์ลูกหาก็มาก ต่างแวะเวียนกันมาหาหลวงพ่อ มิได้ขาด บ้างก็มาให้ท่านรดน้ำมนต์ บ้างก็มาขอวัตถุมงคลจากท่าน เมื่อท่านเอ่ยปากจะก่อสร้างอะไรเป็นต้องได้ดังใจคิด เพราะญาติโยมได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยเหลือหลวงพ่อเงินทุกสิ่งทุกอย่าง
    บางท่านกล่าวว่า ไม่รู้เรียกหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานได้อย่างไร แต่สันนิษฐานว่า คงจะเป็นระยะเวลาที่หลวงพ่อเงินกำลังโด่งดังมากในช่วงสุดท้ายของชีวิตท่าน และคงจะมีวัตถุมงคลออกมามาก มีผู้ไปขอ ของดีๆจากท่าน แม้แต่พ่อค้าชาวจีนที่ตลาดสำเพ็งก็ยังดั้นด้นไปขอของดีๆ จากท่าน โดยเฉพาะพระเครื่องพิมพ์ดังๆของท่าน ก็ได้รับมาจากมือของหลวงพ่อเงินกันมากมายหลายคน
    ถึงแม้หลวงพ่อเงินจะย้ายออกจากวัดท้ายน้ำกลับไปอยู่ที่วัดวังตะโก หรือวัดบางคลานแล้ว ท่านก็ยังเอาใจใส่กลับมาช่วยบูรณะปฏิสังขรมิได้ทอดทิ้งเสียเลย และวัดคงคารามเมื่อหลวงพ่อโห้ได้มรณภาพไปแล้ว ท่านก็ยังกลับไปช่วยสร้างศาลาและบูรณะปฏิสังขรสิ่งก่อสร้างต่างๆ ให้อีกมากมาย ทั้งๆที่การเดินทางไปมาหาสู่กันของวัดท้ายน้ำและวัดคงคารามในสมัยก่อนนั้นยากลำบากอย่างที่สุด
    การอยู่ยงคงกระพัน แรกเริ่มของหลวงพ่อเงิน ท่านพระครูวิจิตรวุฒิกร เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ องค์ก่อนได้รับการบอกเล่ามาจากญาติโยมอีกต่อหนึ่งว่า มีอยู่ช่วงระยะหนึ่ง หลวงพ่อเคยขัดใจกับพี่ชายของท่านคือ (ท่านขุนภุมรา) หรือตาทอง เชี่ยวชาญทางด้านรักษาโรคภัยแผนโบราณมาก ชาวบ้านย่านละแวกบ้านของแก ใครเป็นอะไรก็จะต้องมาให้แกเยียวยารักษาให้ทุกบ้าน
    แต่ว่าตาทองแกชอบดื่มสุรามากทุกวันไม่ว่างเว้น วันหนึ่งควายของหลวงพ่อเกิดการขัดใจกับควายตาทองผู้พี่ จึงขวิดกันกลางลานวัดเลยทีเดียว ขวิดกันอยู่นานมาก ในที่สุด ควายของตาทองเกิดแพ้ ออกวิ่งหนีมีเลือดออกตามบาดแผลมาก ส่วนควายของหลวงพ่อเงินไม่มีบาดแผลเลย ตาทองจึงโมโหควายของหลวงพ่อเงินมาก ครั้นพอตกเย็น ตาทองก็ดื่มเหล้า เมาได้ที่ก็ข้ามฟากไปหาหลวงพ่อ ตะโกนลั่นๆว่า “ท่านเงินเจาว่าท่านนักหรือไง” หลวงพ่อเห็นพี่ชายเมามาก จึงพูดไปเพื่อให้ใจของพี่ชายเย็นๆไว้บ้างว่า “ข้าจะเก่งอย่างไรของข้าเป็นสงฆ์” ฝ่ายตาทองจึงพูดต่อตามประสาคนขี้เมาอีกว่า “เขาลือว่าท่านเก่ง ยิ่งเรื่องยิง ฟันท่านแน่นักหรือ” หลวงพ่อเงินจึงตอบออกไปว่า “ข้าไม่มีดีอะไรหรอก” จากนั้นด้วยฤทธิ์สุราเต็มพิกัดของตาทองผู้พี่ จึงข้ามฟากกลับบ้านไปสักครู่ด้วยความเจ็บใจที่ควายตัวเองพ่ายแพ้ แต่ตาทองไม่ยอมแก้จึง แบกปืนแก๊ป ข้ามฟากมาหาหลวงพ่อใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะทดลองดูว่า หลวงพ่อจะแน่แค่ไหน
    ส่วนทางด้านหลวงพ่อก็แน่เหมือนกันว่า “ข้าอยู่นี่ไง โนมพี่เลือกยิงเอาให้เหมาะๆก็แล้วกัน” ฝ่านตาทองไม่รอช้ายกปืนขึ้นเล็งไปยังร่างของหลวงพ่อทันที เสียงนกปืนสับดัง “แชะ แชะ” อยู่สามถึงสี่ครั้ง ปรากฎว่าไม่มีเสียงดังเลยจึงเอาปืนลง ปรากฎมีน้ำไหลโกรกออกจากปากกระบอกปืนของตาทอง หลวงพ่อเงินจึงดุสำทับไปว่า “ถ้าไม่ใช่พี่ชายข้าจะตีเข้าให้บ้าง” จากนั้นตาทองจึงก้มหน้าเดินงุดๆกลับบ้านของแก
    เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นที่โจษจันกันไปทุกตำบล ถึงความเข้มขลังในอาคมของหลวงพ่อต่างก็มาขอเครื่องรางของขลังกันไม่เว้นวันเลยทีเดียว
    โดยตาทองผู้นี้ เป็นพี่ชายของหลวงพ่อเงินคนที่สาม แกเป็นนายกองส่วยรัชชูปการ มีความรู้ทางด้านหมอแผนโบราณมากในสมัยนั้น จากการที่แกได้รับหน้าที่ให้เก็บส่วยน้ำผึ้ง จึงได้บรรดาศักดิ์เป็น “ท่านขุนภุมรา” จากเหตุการณ์ที่แกใช้อาวุธปืนข้ามน้ำไปยิงหลวงพ่อได้ ทั้งๆที่หลวงพ่อท่านเป็นน้องชาย อีกทั้งยังครองผ้าเหลืองเป็นพระสงฆ์อยู่ทั้งองค์ยังกล้าทำได้ลงคอขนาดนั้น ทำให้หลวงพ่อท่านไม่อยากจะ ไปอาลัยใยดีอะไรด้วย
    ต่อมา เมื่อตาทองได้สิ้นชีวิตลง หลวงพ่อเงินท่านก็ไม่ยอมไปในงานศพเลย ในฐานะเป็นพี่ชายของท่าน จึงให้ลูกศิษย์คนหนึ่งนำผ้าไตรไปช่วยในงานศพนั้นด้วย ส่วนท่านนั้นเด็ดเดียวขนาดไม่ยอมไป เผาผีกันเลย
    ช่างภาพถ่ายภาพหลวงพ่อไม่ติด โดยมีผู้ประสงค์อยากจะได้ภาพถ่ายของหลวงพ่อเงินเพื่อไว้สักการะบูชา จะได้เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว มาจากกรุงเทพฯ แต่เป็นชาวอินเดียไปขอถ่ายภาพ จากหลวงพ่อแต่การที่ทำการถ่ายครั้งแรกนั้น ภาพไม่ติด เพราะกระจกแตก ช่างภาพนึกเอะใจในสิ่งอัศจรรย์ เมื่อแก้ไขได้ที่แล้วก็ขอหลวงพ่อถ่ายใหม่อีกครั้ง การถ่ายครั้งนี้ปรากฎว่าภาพของหลวงพ่อติดเพียงซีกเดียว เท่านั้นช่วงภาพพยายามจะถ่ายให้ได้อีก แต่ก็มืดเสียก่อน จึงต้องนอนค้างที่วัดวังตะโกนั้นเสียหนึ่งคืน
    จนรุ่งเช้า หลวงพ่อจึงได้ให้ช่างถ่ายภาพถ่ายใหม่อีก เป็นครั้งที่สาม รูปของหลวงพ่อจึงได้ติดชัดได้ในครั้งนี้ สร้างความอัศจรรย์ให้ช่างภาพชาวอินเดียเป็นยิ่งนัก

    อ้างอิงแหล่งข้อมูล : สำนักพิมพ์วิศรุต, นิตยสารเตโชทิพย์

    [​IMG] [​IMG]
     
  9. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    คือ งามหลาย เด้อครับ
     
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,486
    ค่าพลัง:
    +53,107
    [​IMG]

    พรุ่งนี้เจอกันใหม่ครับ
     
  11. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,021
    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014
  12. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    deeja__aท่านเจ้าสัวศรีราชา หายไปนานคิดถึ๊ง คิดถึง


     
  13. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    <a href="http://emoticon.ohozaa.com" target="_blank"><img src="http://emoticon.ohozaa.com/datas/emoticon/Onion/onion19.gif" border="0" alt="onion19.gif" /></a>


     
  14. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    [​IMG] รูปหล่อ รูปหล่อ รูปหล่อ




     
  15. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    ขอข้อมูลหน่อยครับน้องข้าวโอ๊ต ว่าทำไมถึงอยากชม
    :':)':)'(
     
  16. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,021

    สวัสดีครับพี่โญ คุณปู และพี่ๆน้องๆ ทุกคนครับ ช่วงที่หายไป คอมเครื่องเก่าเสีย การ์ดจอรุ่นนี้ไม่มีแล้ว เลยไปขอคอมมือสองเครื่องใหม่ จากญาติมาครับ ต้องลองเล่นดูก่อน ยังcropรูปไม่ได้ดั่งใจเลยครับ ^__^
     
  17. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,021
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  18. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    [​IMG][​IMG]
     
  19. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    เอาใจช่วยให้ได้ดั่งใจโดยเร็วคร๊าาาาาบ....





    [​IMG]
     
  20. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125
    สวัสดีภาคค่ำครับพี่น้องและ สมช."อัลบั้มพระ"ทุกท่านขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงในขณะที่เข้า รพ.ครับที่มีทั้งpm,line,และโทร ไม่มีสิ่งใดตอบแทนนอกจากคำว่าขอบคุณจากใจจริงขอให้ทุกท่านพบแต่สิ่งดีๆครับ...หมอให้หยุดต่อถึง 12มีค. แต่วันอังคารนี้ลงพื้นที่ได้แล้วครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...