ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้)

.... อย่างตัว กาลีนะ เองก็จะกลัวมากในเรื่องการจะรับใครเป็นครู .. ตั้งแต่ยังไม่เริ่มศึกษาด้านนี้ ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ รู้จักแต่คุณไสยย์ที่พ่อเล่าให้ฟัง เรื่องผี ฯ เรื่องร่างทรงไม่เคยรับรู้ .. พอมีคนทักมาก็เริ่มเกิดความหวาดระแวงว่ามันคืออะไร เราจะเป็นยังไงต่อไป .. ด้วยความกลัวก็เลยเริ่มค้นคว้าหาข้อมูลต่าง ๆ จนเริ่มพอมีความรู้ในเรื่องประมาณนี้แล้วก็เริ่มคิดได้ว่า การจะรับใครสักคนเป็นครูนี้ทำไมมันน่ากลัวเสียจริง ๆ อันตรายรอบด้าน เราบอกเรากลัว กลัวถูกหลอก .. ครั้งหนึ่งเมื่อยังเป็นวัยรุ่นเราเคยออกปากเกี่ยวกับ " เงื่อนไขสำหรับใครที่จะมาเป็นครูของเรา " จนถึงทุกวันนี้ก็มีหลายท่านที่ผ่านเกณฑ์ที่เราตั้งไว้ .. อย่างที่เราเล่าให้ท่านฟังมาบ้างแล้ว .. ตัวเราเองด้วยความกลัวก็เริ่มศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง พร้อมหาวิธีป้องกันตัวเองจากอันตรายรอบด้าน .. ที่สำคัญเราจะใช้สัมผัสที่เรามี และ รับรู้ได้ในการพิจารณา บวกกับหลักการณ์ทางวิทยาศาสตร์เบื้องต้น นั้นคือทางออกที่เราใช้ให้กับตนเอง

 

... สำหรับคำแนะนำที่มีคนแนะนำมานั้นมีหลายอย่างเหมือนกันคะ เช่น พี่คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าสหกรณ์ที่อำเภอบางเลนมาทราบภายหลังว่าพี่เขาก็เป็นร่างทรงเทพมีตำหนักเปิดช่วยคนที่บ้าน พอดีเราไปเล่าให้พี่เขาฟังว่ามีคนมาทักเราว่าเรามีองค์นะ .. พอเล่าเสร็จเขาก็เงยหน้ามามองหน้าเราแล้วนิ่งไปพักหนึ่งก็บอกเราว่า " เออใช่ .. มีจริง ๆ ด้วยแหละเขาทักถูกแล้ว " เขาก็พูดมาแบบนี้ แล้วแกก็แนะนำเราว่า " มันเป็นวิถีทางของคนที่รู้ตัวเองว่ามีองค์ใหม่ ๆ ที่ต้องค้นหาทางของตัวเอง .. แล้วเขาไม่ให้ทัก ไม่ให้บอกกันหรอกว่ามีใครมาเป็นองค์ของเรา ต้องค้นด้วยตนเอง " .... เจอแบบนี้เราก็งงสิคะตอนนั้น .. อ้าวแล้วฉันจะต้องทำตัวยังไงต่อไปละ ..

... ในช่วงนั้นเองที่เราเริ่มค้นหาตัวเองว่ามัน คือ อะไร .. เพราะพี่คนนั้นให้คำตอบที่กระจ่างใจแก่เราไม่ได้ .. ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราออกพื้นที่พบลูกค้าตอนนั้นพี่เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้เราลองไปหาตำหนักทรงแถวนั้นเป็นตำหนักของหลวงปู่ฤษีนารอท แน่นอนความอยากรู้อยากเห็นของคนเรามันต้องมีและตอนนั้นมีมากด้วยคะ 555 ไปเลยคะสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ .. เราไปตามคำบอกเล่าของพี่เขาก็เจอคะเจอตำหนักจริง ๆ มีคนมารอคิว 2-3 รายเรามาวันนั้นกับเพื่อนสนิทเราตอนนั้นสมมติชื่ิอ สุ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ชอบดูดวงอะไรประมาณนี้เหมือนเราเลยคะถึงไหนถึงกันเลยก็ว่าได้ .. พอเข้าไปในตำหนักก็รู้สึกว่าที่นี้ไม่ได้น่ากลัวแบบที่อื่น ๆ ที่เคยไป .. มีชายแก่ใส่ชุดคล้ายฤษีนั้งอยู่ไว้หนวดไว้เครานั้งอยู่ เราเข้าไปติดต่อคนดูแลแล้วเอาสำหรับพานที่เขาเตรียมไว้เข้าไปนั้งรอคิว เราก้มลงกราบเขาอาการสงบนิ่งไม่คิดอะไรมากตอนนั้นคิดแค่ว่าเขาเป็นคนที่สูงวัยกว่าเรา .. ลุงคนนั้นก็หันมาหาพวกเราทันทีแกยิ้มพอใจ .. แกพูดกับเราว่า " หายากนะคนที่มีแบบนี้แล้วจะมาก้มกราบเขาง่าย ๆ ปกติพวกนั้จะไม่กราบ หรือ ก้มหัวให้ใครง่าย ๆ เพราะถือว่าตัวเองใหญ่พอตัว .. หรือเรามีวาสนาจะได้เป็นศิษย์อาจารย์กัน " เราฟังแบบงงแต่ก็ตอบท่านไปว่า " ที่หนูกราบก้เพราะว่าท่านเป็นผู้สูงด้วยคุณวุธ และ วัยวุธ สมควรแก่การกราบไหว้ " ลุงแกก็พยักหน้าแล้วหันไปคุยกับพวกที่มาก่อนเราต่อไป ... พอถึงคิวเราบ้างทลุงแกก็ไม่มองหน้าเรานะแกมองไปทางประตูแล้วก็คุยกับเรา เราก็ถามเรื่องงาน เรื่องความรัก และเรื่ององค์ แกก็ตอบเหมือนคนแรกที่ทักเรา .. แต่ได้คำแนะนำเพิ่มเติมมาว่า " ถ้าเรามั่นใจว่าองค์เรานั้นใหญ่พอก็ไม่ต้องไปรับขันธ์จากใครหรอก ให้จุดธูป 16 ดอกบอกกล่าวกลางแจ้งแกองค์ของเราให้ท่านมาแสดงตน และ ชี้ทางแกเรา " อันนี้เราก็ลองทำแล้ว.

.... เพื่อน สุ ตัวดีของเราก็ช่างสรรคหาสถานที่ไปมาให้เราเสียจริง ๆ คะ ทุกอาทิตย์เธอจะมีสถานที่ต่าง ๆ ตำหนักมานำเสนอให้เราไปเป็นเพื่อน .. ที่ไหนดี ที่ไหนคนว่าแม่นในเขต อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี เธอคนนี้จะไม่พลาดเลยทีเดียว

... อีกที่ที่นี้เราไปบ่อยหน่อย 3-4 ครั้งได้ เป้นวัดในเขตลพบุรีชื่อวัดข่อยกลาง สุ บอกที่นี้หลวงพ่อท่านแม่นมากคนไปดูเยอะ แล้วพวกเราก็ดั้นด้นกันไปสองสาวตามเคย พอไปถึงหลวงพ่อท่านจะนั้งอยู่ใต้ศาลาที่ทำเป้นที่รับแขก .. ตอนที่เราเดินเข้าไปหลวงพ่อท่านก้มองเราแปลก ๆ ด้วยสายตานะคะแต่ท่าทางท่านดูสงบนิ่งมาก .. พอถึงคิวเรา ท่านถามเราว่าเราเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนมาบ้างไหม๊ เราตอบว่าไม่เคยคะ ท่านก็บอกต่อไปว่า มีเทพแขกตามเรามาด้วยนะหลายท่านยืนรออยุ่ด้านนอกตรงประตูศาลา .. แล้วนี้ละเคยไหม๊ .. ท่านโยนกระดาษที่พับเล็ก ๆ มาให้เราดูข้างในใจความว่า " เคยทำแท้ง หรือ ช่วยใครทำแท้งไหม๊ " เราตกใจแล้วเงยหน้าบอกท่านว่า " หนูไม่เคยทำคะแต่เคยช่วยเพื่อนทำแท้ง " แค่นั้นแหละท่านก็บอกว่า " เด็กเขานั้งอยู่ข้าง ๆ เธอนะ เป็นเด็กผู้หญิง ผมยาวมัดผมไว้ นะนั้งพนมมืออยู่ข้าง ๆ นั้นแหละ เขาตามเธอมาด้วย" " อายุสัก 9 ขวบใช่ไหม๊คะ " ท่านพยักหน้า " ความจริงเธอดวงดีนะแต่เด็กคนนี้เขาขัดขวางทุกอย่างองค์เธอเขาก็ช่วยไม่ได้ .. เพราะถ้าไม่ใช่เธอเป็นคนทำวันนั้นเขาก็ไม่ตาย เขายังไม่ถึงฆาตรเพราะเธอเขาถึงตาย เขาจึงตามเธอ และ แม่เขาสลับกันไปมาแบบนี้ ไปบวชให้เขาสัก 3 -7 วัน ขออโหสิกรรมจากเขาทุกอย่างอาจจะดีขึ้นได้รีบไปทำนะเดี๋ยวจะไม่ทัน .. ลูกคนอื่นทำได้แต่พอลูกตัวเองไม่กล้าทำ " เรารู้สึกแย่มากเพราะนั้นคือตราบาปในใจเราเพราะความรัก และ สงสารเพื่อนที่หาทางออกให้ตนเองไม่ได้ทั้งความจนอายุที่ยังน้อย และ การยอมรับของสังคมบ้านนอกในสมัยนั้นทำให้เพื่อนเราตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป และ เราเองก็ใจอ่อนยอมทำตามที่เพื่อนขอ ..ซทุกวันนี้เราเองก็ยังยอมรับผลกรรมที่มันให้ผลต่อครอบครัวเราจนทุกวันนี้ .. หลังจากวันนั้นเราได้ไปบวช 7 วันที่วัดสวนแก้ว .. ก็มีประสบการณืเพิ่มมาอีกเยอะบางเรื่องก็เล่าไปบ้างแล้วก็มี ..

... แล้วอีกครั้งหนึ่งเราได้ไปยังตำหนัก กุมารทอง แถวบ้าน สุ เป็นผู้ชายวันยี่สิบปลาย ๆ รุ้จักกับ สุ ดีพอสมควร สุ บอกว่าเขาเป็นร่างทรงกุมารเทพ .. เขาให้เราเตรียมของมาแก้บนกลางแจ้งแล้วก็นัดวันทำพิธีแก้บน พอทำพิธีแก้บนเสร็จแล้วเขาให้เราขึ้นไปบนบ้านของเขาเราตกใจมากเพราะว่าบนบ้านมีแต่รูปปั้นกุมารทองเต็มไปหมดทั้งเล็กใหญ่เกินสามสิบตน ไม่รวมรูปปั้นอย่างอื่นนะคะ .. เขาบอกว่าจะลองทำพิธีเชิญองค์ลงให้เราเพื่อเป็นการพิสูจน์แลจะได้สอบถามกัน .. เขาจุดธูป และ ให้เรานั้งหันหน้าเข้าหิ้งของเขา สุ นั้งด้านหลัง .. เขาก็เริ่มสวดต์มนต์แล้วให้เรานั้งพนมมือปล่อยตัวตามสบายไม่ต้องฝืน .. แต่ใจเราตอนนั้นบอกตามตรงกลัวคะกลัวมากกลัวว่าที่มาลงจะไม่ใช่องค์ของเราจริง ๆ กลัวเป็นผีไม่ได้รับเชิญ .. เขาสวดเรียกไปนานพอสมควรเราเริ่มรู้สึกเหมือนมีคนมากดบ่าเราทั้งสองด้านเหมือนมีคนมายืนด้านหลัง .. ตัวเราเริ่มโยก มือสั่น ๆ ในความรู้สึกของเราเราสั่นไม่มากนะแต่เพื่อนบอกว่าที่พวกมันเห็นเราตัวสั่นมากจนพวกมันตกใจแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งด้วย ... ใจเราตอนนั้นก็อธิฐานไว้ว่า " ถ้าไม่ใช่ท่านองค์นั้นเราไม่เอาเราไม่รับอย่าเอาอะไรที่ไม่ใช่มาใส่ให้เรานะ .. กูไม่เอากูไม่ยอม " ตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนมีคนหลายคนมายืนคุมเราจากด้านหลัง อึดอัด หงุดหงิด โมโห มีเสียงเราครางออกมาแบบดุ ๆ ด้วยคล้ายการคำรามแบบเสือ ( เพื่อนเราบอกมาอีกทีมันบอกว่าเราน่ากลัวมาก ) คนสวดเริ่มเหนื่อย เหงื่อแตก หน้าซีดเหลือง ตัวสั่น .. จนเลิกสวดไปเองประมาณเกือบชั่วโมง .. พอเขาเลิกเท่านั้นแหละ .. เราก็เหมือนโล่งขึ้นมาเลย ... เขาบอกว่าวันนี้เขาเหนื่อย และ เหมือนเราเกร็งมากเกินไปให้เรามาอีกรอบหน้าเขาจะเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่านี้ ... เห้อ ๆ

... วันนั้นกว่าเราจะได้กลับเข้ากรุงเทพก็มืดแล้ว ระยะทางจากอ่างทองไปนนทบุรีสำหรับเราปกตินั้นมันไม่ได้น่ากลัวแบบวันนี้เลย วันนี้มันเป็นการเดินทางกลับบ้านที่ทรมานมากสำหรับเรา .. ทำไมนะเหรอ .. คุณจะรู้สึกยังไงที่ต้องขับรถคนเดียวในถนนที่มืด และ เปลี่ยว มีรถคุณแค่คันเดียวที่วิ่งไปบนถนนหารถที่จะสวนทางได้ยากมาก ความรู้สึกอึดอัด เหมือนมีคนนั้งในแค็ปรถเรามากมายเรียกว่าความรู้สึกเหมือนอัดกันอยู่ในแค็ปเลยทีเดียวทั้งที่เรานั้งมาแค่คนเดียว .. พอมาถึงตรงช่วงทุ่งมะขามหย่องเราพยายามเปิดเพลงในรถให้ดัง ๆ ใช้ความเร็วพอสมควรเลยทีเดียว .. แล้วมีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่าเป็นภาพขึ้นในหัวเราเป้นภาพในรถของเราพร้อมด้วยผีหลายตนทั้งเด็กกุมาร และ ผีผู้ใหญ่ที่ยื่นหน้ามาจากเบาะหลังมาเสมอหน้าเราที่ขับรถมองทางอยุ่เราแทบไม่ได้มองกระจกหลังเลยมองตรงอย่างเดียว ... สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงเราตัดสินใจเริ่ม " ด่า และ ขู่ว่าจะแช่ง " ได้ผลคะเหมือนความอึดอัดนั้นจะหายไปพร้อมกับเหมือนมีเสียงหัวเราะของหลายคนดังไกล ๆ พอถึงที่มีแสงไฟไม่เปลี่ยวเราก็จอดรถพักตั้งสติก่อนขับรถเข้ากรุงเทพต่อเพราะมันจะห้าทุ่มแล้ว ... คือสมัยก่อนจะมาเป็นแม่ค้าเขียงเนื้อเราทำอาชีพเซลล์ขายปุ๋ยนาข้าวมา 6-7 ปี ตั้งแต่ปลายปี 46 ตลอดเวลาเราจะทำงานคนเดียวเป็นส่วนมากขับรถคนเดียวเพื่อพบลุกค้าแถวภาคกลางไปทั่วคะท้องไร่ท้องนา .. สมบุกสมบันกันเลยทีเดียว ... พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ

 

ดีค่ะ "คุณกาลีนะ" เรื่องทุกเรื่องที่เล่ามาอ่านแล้วใจระทึกแทบทุกเรื่อง อ่านไปลุ้นไป

เริ่มติดกันงอมแงมแว้วววว....ยังไงๆ ก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะเห็นนอนดึกๆทุกวันเลย

ว่างเมื่อไรก็มานำเสนอนะคะ...เพื่อนๆ สมช. รออ่านจ้า...

 

... ขอบคุณคะ .. กาลีนะ เป็นพวกนอนเช้าตื่นบ่าย หรือ เย็นคะ .. ถ้านอนเร็วประมาณตีห้าคะถ้านอนเร็วกว่านั้นมักจะฝันแบบเร้าใจคะ .. เลยเลี่ยงการต้องรับสัมผัสไป .. ให้เบาบางลง .. นอนแบบนี้มาหลายปีแล้วคะ .. ขอบคุณนะคะ .. ช่วงนี้คุณแม่ไม่สบายเลยต้องดูแลร้านเองเลยไม่ค่อยว่างคะ แล้วก็กำลังศึกษาตำราหาความรู้เพิ่มเติมคะ

 

เรื่องเปิดองค์ผมเคยลองครั้งหนึ่ง ไม่ได้ไปตำหนักไหนหรองครับ เปิดกันที่ทำงานตอน
พักเที่ยง ตอนนั้นมันเป็นกระแสครับ คือผมมีเพื่อนคนหนึ่งเค้ามีองค์เทพระดับมหาเทพ
และมีความสามารถเปิดองค์ให้คนได้ และได้เปิดให้คนรอบตัวเป็นสิบคนแล้ว วิธีการ
ก็แค่ให้คนที่จะเปิดนั่งสมาธิแล้วเค้าเอามือแตะหลังเท่านั้นก็เปิดได้แล้ว แต่มีข้อเสีย
อย่างหนึ่งคือเค้าไม่สามารถจะรู้ได้ว่าองค์ที่ลงมานั้นเป็นใคร ส่วนผมเป็นลูกเขยเค้า
เปิดให้ เรื่องก็แค่อยากรู้ว่าผมมีองค์อะไรครับ ก็เปิดโดยมีคนที่มีตาทิพย์คอยดูว่าองค์
ที่มาเป็นใคร รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ดูเสร็จก็ปิดร่างไว้เหมือนเดิม เสียดายว่าตอน
เค้าเสียแล้ว คนกลุ่มนี้ก็เลยกระจัดกระจายกันไป แทบจะไม่ได้เจอกันอีกเลย

 

ติดตามอ่านมาตลอดค่ะ มีคนแนะนำจะพาไปหาร่างทรงเหมือนกัน แต่พออ่านแล้วก็เริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะไปดีหรือไม่ น่ากลัวเหมือนกันนะคะถ้าต้องเจอแบบคุณกาลีนะ สงสัยคงต้องศึกษาข้อมูลให้มากกว่านี้แล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะคุณกาลีนะ

 

... ไม่เป็นไรคะ .. เพราะมันเป็นความตั้งใจแต่แรกที่อยากให้ความรู้สำหรับผู้เริ่มต้นสนใจด้านนี้ .. จะได้มีข้อมูลในการตัดสินใจ .. ก่อนที่จะพาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้ .. เหมือนตอนที่ กาลีนะ ศึกษาใหม่ ๆ ไม่รู้จะไปถามใคร ลองผิดถูกมา ปลูกฝักลักจำชาวบ้านมาเรื่อย ๆ .. เพราะตอนนี้มีหลายคนที่เรารู้จักก็ต้องทุกข์ทรมานจากความไม่รู้ .. ความอยากได้ อยากมี หลงในมายาจนควบคุมตนเองไม่ได้ .. จะตายก็ตายไม่ได้ .. กายสังขารที่เสื่อมโทรมผุผังไปก่อนเวลา .. การต้องมานั้งแบก " กรรมของผู้อื่น " แค่กรรมของตนนี้ก็เยอะนะคะ ..

... ถ้าใครสักคนที่เข้ามาอ่าน แล้ว อยากเดินทางนี้จริง ๆ จะได้ไม่ต้องมานั้งเสียใจภายหลังเพราะ " คุณเลือกแล้ว " เพราะการเป็นร่างทรงไม่ใช่พวกที่เก่งที่สุด .. สู้พวกพ่อมด หมอผี ไม่ได้นะคะ ..

 

... เคยผ่านเหมือนกันคะ .. ที่แยกห้วยขวาง พี่คนที่เป็นคนจัดพิธีไหว้พระพิฆเนศวร เป็นคนจัดให้เองคะ .. วัดถ้ำแฝดก็ไปเยี่ยมมาแล้วคะ .. แต่ผลยังไงจะเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ ..

... คนที่มีมาแต่กำเนิดนั้นก็อีกแบบนะคะ คนที่ปฏิบัติจนท่านมาอยู่ด้วยก็อีกแบบ พวกไปแสวงหารับมาก็อีกแบบคะ .. บางคนมีทางเลือกได้ .. แต่บางคนไม่มีสิทธิ์เลือก .. นอกจากนั้นยังมีพวกที่เคยฝึกมาแต่ชาติที่แล้ว หรือ อดีตชาติ พอมาเกิดชาตินี้ อภิญญา หรือ ฤทธิ์ ที่เคยได้มาก็ติดมาด้วยทำให้มีความสามารถแต่เกิดก็มีคะ ต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป

 

.... วันนี้มีคน PM มาถามว่า กาลีนะ จับพลังพระพุทธคุณได้ไหม๊ผ่านทางจอคอม ...

.... ตอบไปตามตรงเลย " ไม่ได้คะ " การจับพลังพระจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะขอบอก .. แล้วข้อผิดพลาดก็เป็นไปได้สูงมากเลยทีเดียว .. มันมีหลายวิธีนะคะ อันนี้จับไม่ได้แต่พอดีไปค้นเจอข้อมูลมาก็ขอนอกเรื่องสักหน่อยไม่ใช่ในฐานะผู้รู้นะคะ .. แต่แค่มันเป็นทางผ่านจากเรื่องที่ค้นข้อมูลอยู่คะ

1. การวัดด้วยลูกดิ่ง เช่น การหมุน การแกว่งของลูกดิ่งยิ่งแรงยิ่งเยอะ

2. การวัดด้วยการคืบ เช่น ถ้าพระนี้แท้ขอให้แขนท่านยาวขึ้น หรือ หดลง วัดด้วยนิ้วโป้งนิ้วชี้กางออกวัดคืบความยาวของแขนนั้น

3. การเสี่ยงเซียมซีให้ได้ใบที่ต้องการ หรือ ออกไม้สั้น ไม่ยาว

... แบบนี้จะเป็นวิธีอย่างง่ายแต่โอกาศผิดพลาดสูง ด้วยถ้าจิตไม่บริสุทธิ์เพียงพอ หรือ กำลังจิตไม่สูงพอก็ไม่ค่อยได้ผลแม่นยำ

4. วัดจากปิติที่เกิด เกิดเมื่อจิตเป้นสมาธิ เช่น ขนลุก น้ำตาไหล ฯ แล้วส่งจิตนั้นไปยังสิ่งที่เราต้องการจับก็จะรับรู้ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ผ่านการฝึกฝนจิตมาพอสมควรจึงจะเข้าใจวิธีการส่งจิต

5. สัมผัสจากนิมิตเป็นภาพต่าง ๆ เช่น กำพระหลับตาแล้วจะเห้นเป็นภาพมาเลย ซึ่งเหมาะกับคนที่ฝึกฝนจิตมาอย่างดี และ ลึกซึ้งแล้วจึงจะทำได้ .. ไม่งั้นอาจมโนหลอกตนเอง อุปทาน หรือ นิมิตลวงได้ เช่น กำพระในมือแต่ส่งจิตไปถึงพระองค์จริงในเหรียญแทนที่จะส่งจิตไปสัมผัสพลังงานในเหรียญพระในมือ เป็นต้น

... สำหรับระดับนี้ก็ยังไม่ถือว่าจะจับได้ 100 % เพราะผู้ที่จะจับได้ต้องอยู่ในระดับจิตเดียวกันเท่านั้น หรือ มากกว่าผู้ปลุกเสก .. เช่น คนจับมีแค่ฌาณ 4 ไปจับพระที่ผู้ปลุกเสกระดับโสดาบันก็จะไม่สามารถจับได้ และ เข้าใจพลังอย่างลึกซึ้งถูกต้อง

6. " จิตที่บริสุทธ์เท่านั้นที่จะจับสัมผัสพลังงานที่บริสุทธิ์ได้ " นี้จึงจะสามารถจับพลังงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำที่สุด .. เหมาะสำหรับทุกท่าน เพียงแค่คุณพอมีกำลังสมาธิไม่ต้องมาก แต่มีเจตนาที่บริสุทธิ์พอ

..... ประธานบริสุทธิ์ + เจตนาบริสุทธิ์ + กำลังจิตที่บริสุทธิ์ .....

ดร.รอบทิศ

 

เรื่องปลุกพระ จับพลังพระ เราไม่แนะนำนะ เพราะเท่ากับเราไปอวดดีลองของท่าน
เชื่อในสิ่งที่เราศรัทธา เว้นว่าคุณชอบตรวจพระแท้เพื่อการพาณิชย์มากกว่าไว้บูชาเอง

ถ้าลองแล้วท่านเมตตาก็รอดไป แต่ถ้าท่านเอาเรื่องอันนี้จะโดนแบบสมน้ำหน้าเชียว

 

ไม่ค่อยเข้าใจคำตอบเท่าไรครับ ถ้าเป็นพระจริง หลุดพ้นแล้ว จะมาคิดทำร้ายคนได้ไง น่าจะมีแต่ความเมตตากรุณามากกว่า

 

... พระพุทธรูปต่าง ๆ ท่านไม่ทำร้ายใครใช่คะ ... แต่สิ่งที่รักษาท่านนั้นไม่แน่คะ .. หรือ บางทีเรียกพวก " ตีนโรง ตีนศาล " อันนี้ไม่รับประกันคะ

 

ใช่จ๊ะ พระที่ปลุกเสกแล้วจะมีเทวดามารักษาคุ้มครอง ยังไม่นับกรรมที่เราไปล่วงเกินอีก
ตอนทำพิธีปลุกเสกพระจะมีบทสวดชุมนุมเทวดาก่อน ก็มากันตอนนั้นนั่นล่ะ
ที่เราขอนั่นขอนี่บนบานแล้วได้ผล ก็เทวดาที่ท่านรักษาองค์พระช่วยเหลือ เราไปทำบุญท่านก็อนุโมทนาด้วย

 

แล้วพอเป็นไปได้ไหมครับที่นอกจากเทวดาแล้ว อย่างอื่นก็สามารถมาสถิตย์อยู่ในองค์พระได้
ถ้าเราดูแลไม่ดีก็อาจโชคร้ายได้

 

ได้ อาจเป็นวิญญาณมีฤทธิ์มาแฝงอยู่ได้เช่นกัน ถ้าในการสร้างพิธีการไม่ถูกต้อง เจ้าพิธีไม่ดี

คนรับไปบูชาปล่อยปะละเลย ทำแต่เรื่องไม่ดี เทวดาท่านหนีหมดไม่ชอบ

แต่โบราณมาถึงบอกให้หมั่นไหว้พระสวดมนต์ แล้วจะเจริญรุ่งเรื่อง เทวดาท่านคุ้มครองรักษา

 

ใช่คะ .. ตามที่คุณ Naitiw ได้กล่าวไว้นั้นแหละคะ .. ระวังยากพอสมควรเลยคะ

 

ไหว้วันมหาศิวาราตรี



บายศรี 100 พวงดวงเรือง 25 ขนม 20
มะพร้าว 25 หมากพลู ยาเส้น แถมฟรี

ปีนึงมีครั้งเดียวไม่ถือว่าแพงเลย เตรียมของไว้ก่อนแล้วค่อยยกขึ้นหึ้งเลยถ่ายมาให้ดู แบบฉบับบ้าน

 

วันที่ 19 มีนาคม 2557 วันคล้ายวันประสูติพระโพธิสัตว์กวนอิม


พระโพธิสัตว์กวนอิมแสดงนิมิตรในฝัน ว่าด้วยการโปรดสัตว์นั้นตนเองต้องปฏิบัติเป็นตัวอย่างก่อน
คนที่จะเป็นครูต้องรับผิดชอบเหล่าเวไนย หลักธรรมต่างๆต้องรู้ และปฏิบัติได้ (เล่าย่อๆนะ โดนเทศน์นานมาก)
รวมไปถึงท่านพาไปดูสุดเขตแดนมนุษย์พบทะเลที่กว้างใหญ่มาก (น่าจะเป็นสีทันดร) ท่านก็ให้ข้ามเอง เราข้ามไม่ได้เพราะเราศีลขาดแล้ว หน้าซีดเลย
ท่านก็เมตตาเสกกลีบบัวให้ลอยข้ามไป พบว่าปลายทางเป็นดินแดนที่ๆมีแต่แสงสว่างเรืองรอง (น่าจะเป็นสวรรค์)
ท่านตรัสว่าถ้ายังทำตัวแบบนี้อีกก็จะข้ามมาไม่ได้และจะไม่มีใครช่วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปฏิบัติให้เป็นนิสัย
ก็รู้สึกตัวตื่น ปรากฏว่าของบูชาหึ้งพระโพธิสัตว์กวนอิมล้ม แสดงว่าท่านไม่ยอมจริงๆที่ไปอวดตัวเองมีเรื่องคนอื่น

 

ใช่ครับคุณ naitiw ในเวปมีคนดูมากมายที่มีความรู้และประสบการณ์ แตกต่างกันไป
คนจำนวนมากยึดติดในสิ่งที่ตนเองเรียนรู้มา แบว่าใครจะคิดเห็นต่างไม่ได้ เรื่องแบบนี้
เถียงกันไปทะเลาะกันไปก็ไม่มีประโยชน์ครับ เข้าเนื้อตัวเองเปล่าๆ ผมว่าเราถืออุเบกขา
ดีที่สุดครับ

 

.... มาถึงตรงนี้ทุกท่านมีคำตอบให้ตนเองแล้ว หรือ ยังคะ ... ว่าจะเดินทางไหน

.... เพราะหลังจากนี้เราคงแนะนำออกเป้น 2 แบบ เพื่อทุกท่านจะได้พอมีแนวทางในการปฏิบัติตนได้ตามความเหมาะสม ..

1. เลือกไม่เป็นร่างทรง.

2. เลือกเป็นร่างทรง.

.... ซึ่งมันจะมีสิ่งที่เหมือน และ คล้ายกันอยู่พอสมควร .. เพียงแต่คนที่เลือกเป็นร่างทรงจะมีกฏเกณฑ์ต่าง ๆ เยอะกว่าตามแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ .. แต่อยากให้พึงระลึกไว้ในใจเสมอว่า .. พุทธองค์ทรงเป็นครูของครูทุกอย่าง .. อย่าได้ละทิ้งไปนะคะ ..