ประสบการณ์กรรมฐานเมตตาใหญ่-กรรมฐานกับดวงจิตวิสาขบูชา66น.91พิธีจุติคุรุเทวากรรมประสิทธิ์ปฐมฤกษ์"

ตอนนี้ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรให้ท่านอาจารย์เห็นนิมิตรรูปแบบที่จะสร้างเป็นหลวงปู่เทพโลกอุดรปาง........ซึ่งในปางนี้จะมีผลด้านการรักษาโรคด้วย ทั้งยังสื่อถึงการทำมาหากินการพลิกชีวิตด้วยครับ ผมยังไม่ทราบความหมายมากนักเพราะยังไไม่ได้นำเนินการสร้าง ตั้งใจว่าจะสร้างเป้นรูปหล่อองค์ขนาดบูชาเพื่อหาทุนสร้างปั้นและถอดพิมพิ์องค์ใหญ่เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงและลูกหลานหลวงปู่ได้หลวงปู่ไปบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล

 

วันมาฆะบูชา ที่ 14 กพ.2557 พิธีเททองหล่อ สมเด็จพระปัจเจกองค์ปฐมหน้าตัก 21 นิ้ว จำนวน 2 องค์ สมเด็จองค์ปฐมต้น กายมนุษย์ หน้าตัก 16 นิ้ว 10 องค์ "

 

ขอเชิญสายธารบารมีทุกท่าน ร่วมอธิษฐานเททองหล่อ "พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์ปฐมต้น ปางรับถวายทานหลังออกจากนิโรธสมาบัติ" เป็นครั้งแรกของโลกธาตุทั้งสามภพ เกิดขึ้นได้ยากเพราะไม่มีผู้ใดระลึกถึงองค์ปฐมที่เป็นเนื้อนาบุญในการบำเพ็ญ ในการถอดถอนจิตวิญญาณออกจากวัฏฏะสงสารตลอดไป ทำให้มีแบบแผนแนวทางในการเดินที่ชัดเจนตรงไปไม่เสียเวลาค้นหาอีกต่อไป....

ด้วยที่พระบารมีองค์ท่านมีมหาทานบารมีเป็นเลิศไม่เป็นรองจากองค์ สมเด็จพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ในสมัยก่อนจึงได้นำพระคาถามาร้อยรจนาเกิดความศักดิ์สิทธิ์ผล ทางมหาลาภ ค้าขายง่ายซื้อคล่อง ไม่ติดขัด มีอีกมากมายประมาณมิได้

กำหนดการเททองวันศุกร์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 วันมาฆะบูชา ตรงกับวันวาเลนไทนวันแห่งความรัก ซึ่งหาได้ยากยิ่งนัก ณ.โรงหล่อศรัณย์ปติมา ต.หนองแขม อ.เมือง จ.นครปฐม โดยกำหนดการและช่วงเวลามีดังนี้

เวลา 09.39 น. พิธีบวงสรวง
เวลา 10.39 น. พิธีเททอง
เวลา 12.00 น. รับประทานอาหาร

ต้องกราบขออภัยที่ไม่ได้เรียนเชิญด้วยตนเอง...."พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอ"

 

jarawoot
“ พระปัจเจกพุทธเจ้า ”

***พระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่ง ซึ่งบำเพ็ญบารมี ๒ อสงไขยกำไรแสนกัป ตรัสรู้อริยสัจ ๔ เช่นเดียวกับพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาตรัสรู้ในคราวที่โลกว่างเว้นพระพุทธศาสนา โดยมาตรัสรู้ได้หลายพระองค์ในสมัยเดียวกัน แต่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น มิได้ทรงประกาศพระศาสนาเหมือนอย่างสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ก็ยังทรงมีพระคุณต่อโลกอันประมาณมิได้ พระปัจเจกพุทธเจ้า คือ พุทธะประเภทหนึ่งที่ตรัสรู้อริยสัจ ๔ เฉพาะตนเอง ปรมัตถโชติกา อรรถกถาของสุตตนิบาตอธิบายว่า การบรรลุธรรมของพระปัจเจกพุทธเจ้า เปรียบเสมือนรสกับข้าวที่พรานป่าได้ลิ้มในเมือง ฉะนั้น จึงไม่อาจสอนให้บุคคลอื่นรู้ตามตนได้ (คือสอนได้แต่ไม่อาจให้รู้ตามได้) ไม่ก่อตั้งหรือสถาปนาในรูปสถาบันศาสนา

***แต่เน้นอนุโมทนาแก่ผู้ถวายทานในท่าน อุบัติขึ้นในช่วงพุทธันดร คือ ช่วงเวลาที่โลกว่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น ในปัจจุบันนี้ จึงไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าอุบัติขึ้น พระปัจเจกพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญพุทธการกธรรมนับแต่ตั้งความปรารถนาแล้วนานถึง ๒ อสงไขยกับแสนกัป พุทธการกธรรมนั้นได้แก่ บารมี ๑๐ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ และมรรคมีองค์ ๘ ในกาลที่ว่างเว้นจากพระศาสนา พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น จึงเป็นเนื้อนาบุญที่ไม่มีใครเสมอเหมือน สมดังคำพระบรมศาสดาได้ประทานไว้ ในปัจเจกพุทธาปทาน ความว่า


"...ในโลกทั้งปวงเว้นเราเสียแล้ว ไม่มีใครเสมอพระปัจเจกพุทธเจ้าได้เลย..."


จึงได้มีพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าปรากฏขึ้นในโลก บูชาภาวนาสืบกันมาถึงสมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เป็นที่สุด ปรากฏผลเลอเลิศ ทั้งในด้านพระกรรมฐาน และลาภผลมั่นคงไม่มีประมาณ ต่อเนื่องมาไม่ขาดสาย…


“สมเด็จพระปัจเจกองค์ปฐมต้น”

“สมเด็จพระปัจเจกองค์ปฐมต้น” ทรงได้ตั้งจิตอธิฐานปรารถนาที่แสวงหาความพ้นทุกข์ด้วยพระองค์เอง ในช่วงสมัยที่ พระพุทธเจ้าองค์ปฐมต้น ได้ลงมาสร้างสมพระบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ในช่วงระหว่างการบำเพ็ญเพียรมาแล้ว 20 อสงไขยกว่า เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีต้นแบบอย่างในการบำเพ็ญเพียรจึงต้องลองผิดลองถูก ซึ่งมีหลายท่านที่มีความปรารถนาเช่นนี้เหมือนกัน เพียงแต่พระองค์ทรงกระทำได้ถูกแนวทางก่อนใคร (สมเด็จพระองค์ปฐมต้นทรงบำเพ็ญพระบารมีถึง 40 อสงไขยกัป เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณด้วยพระองค์เอง จึงได้สำเร็จตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรกของโลกธาตุ)

****ช่วงสมัยที่พระพุทธจ้าองค์ปฐมต้นตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์แรกของโลก สมเด็จพระปัจเจกองค์ปฐมต้นได้ทรงเสด็จลงมาจุติเกิดเป็นกษัตริย์ครองเมืองพระองค์หนึ่ง ทรงมีพระราชศรัทธาต่อสมเด็จองค์ปฐมต้นเป็นอย่างมาก ได้ถวายตัวเป็น “พุทธมะกะ” พร้อมกับทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาสืบต่อมา และทรงได้รับการยืนยันจากองค์สมเด็จองค์ปฐมต้นว่า “การบำเพ็ญสร้างสมพระบารมีถูกทางแล้ว จักสำเร็จดังคำอธิษฐานทุกประการ” หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงบำเพ็ญเพียรพระบารมีเวียนว่ายตายเกิดถึง 25 อสงไขยกัป จึงได้ลงมาตรัสรูเป็น “พระปัจเจกพุทธเจ้า” พระองค์แรกของโลก ต่อจากช่วงว่างเว้นพระศาสนาหลังจากที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเข้าองค์ที่ 2 ได้ลงมาตรัสรู้ต่อจากสมเด็จองค์ปฐมต้น

***ในช่วงสมัยเวลาที่พระองค์ท่านลงมาตรัสรู้เป็น “พระปัจเจกพุทธเจ้า” นั้นมีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ต่อมาหลังจากนั้น ในช่วงว่างเว้นพระศาสนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้รื้อขนสัตว์ ก็จะปรากฎมีพระปัจเจกพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้อุบัติขึ้นมามากน้อยเท่าไรขึ้นอยู่ในกัปนั้น ๆ

***สมเด็จพระปัจเจกองค์ปฐมต้นทรงมีพระนามว่า “สมเด็จพระทศพลสิกขี” พระองค์ท่านกล่าวว่า “พระนามสิกขีต่อท้ายนั้น เพราะพระองค์ระลึกบูชาถึงสมเด็จองค์ปฐมต้นบรมครูของท่าน” พระองค์จึงทรงเป็นองค์ต้นเป็น “พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์แรก” แห่งโลกธาตุที่ลงมาตรัสรู้และทรงใช้เวลาในการบำเพ็ญเพียรมากที่สุดเพียงรองลงมาจาก“สมเด็จองค์ปฐมต้นบรมครู”….

 

ภาพประปัจเจกองค์ปฐมต้นเนื้อไฟเบอร์ ที่จะนำไปเป็นองค์ประธานร่วม ไดทำการลงสีแล้วส่วนหนึ่ง

 

หลวงปู่ท่านเมตตามาก ๆ รูปลักษณ์ท่านไม่ว่าจะเป็นภาพเป็นเหรียญ จะเข้าพิธีไม่เข้าพิธีอธิฐานบอกกล่าวท่านได้หมด บางคนบูชารูปภาพท่านนานเป็นปี ๆ พบเจอบารมีปู่ที่จริง ๆ เข้า โดนท่านถามกลับจนงง (ประมาณว่าจะบ่นอะไรนักหนา) ถ้ารักเคารพหลวงปู่นอกจากจะคิดถึงท่านขอให้ทำกรรมฐานถวายท่านด้วย ท่านจะได้ช่วยเหลือเราได้มากขึ้นเพราะบุญกรรมฐาน ถ้ามัวแต่คิดถึงแต่ไม่ทำกรรมฐานก็ลำบากยากกว่าจะผ่านพ้นไป บุญที่จะช่วยให้เราผ่านอุปสรรคชีวิตได้คือบุญกรรมฐานเป็นหลัก

555 เหมือนบอกตัวเอง

 

เหมือนวัวพันหลัก ขว้างงูไม่พ้นคอ ที่ผ่านมาก็พยายามทำตามคำแนะนำของหลวงปู่และท่านอาจารย์มาตลอด อย่างที่เคยกล่าวผมแทบจะไม่ได้อ่านหนังสือธรรมมะอะไรเลยทำตามอย่างเดียว ผิดบ้างถูกบ้างว่ากันไปผิดมากหน่อยก็หัวทิ่มหัวตำ ผิดน้อยหน่อยก็เซ ๆ ถลา ๆ

ที่ผ่านมาที่ทำไปก็เหมือนวิ่งชนกำแพง วิ่งไปข้างหนึ่งพอสุดทางเจอทางตันเข้าก็เด้งกลับมาที่เดิม จนตอนนี้เข้าใจอะไรบางอย่างกับคำว่า รวมลงที่ใจ แต่จะอธิบายโดยละเอียดนั้นยากจริง ๆ แต่แค่เข้าใจยังทำไม่ได้นะครับพอจะรู้แล้วว่าต้นตอที่ต้องแก้ไขคืออะไร

ในการใช้ชีวิตของเราเราอาจจะธรรมดา ๆ แต่แล้วก็จะมีตัวแฝงอย่างหนึ่งก็คือกู กูอย่างโน้น กูอย่างนี้ กูอย่างนั้น กูนี้ละเอียดจริง ๆ พอกูแล้วจะไม่ยอมรับความจริง ซ้ำว่าหลอกตัวเองว่ายอมอีกต่างหาก สุดท้ายคือโง่กับตัวเองเข้าไปใหญ่

แล้วกูนี้จะทำไงกับมัน ถ้าเปรียบเทียบคือ ทำให้กูนี้ก้มกราบเท้าให้ได้โดยไม่รู้สึกอะไร ประมาณนี้

ใช่ในไม่ใช่ ถูกในไม่ถูก ได้ในไม่ได้ จริงในไม่จริง ถ้าแยกไม่ออกก็ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย

 

งานหล่อพระวันที่ 14/2/57 เสร็จสิ้นไปด้วยดีครับ พิเศษสุด ๆ กับบารมีพระองค์ที่ 11 และพระปัจเจกองค์ปฐมต้น

 

อยากชมภาพวันหล่อครับ

 

เพิ่มภาพแล้วครับ

ทรุดจนจำอะไรไม่ค่อยได้ ผมลงรูปให้ชมหรือยังหว่า หรือว่ารูปหายไปไหน
555

คนในคณะเห็นพระองค์ที่ 11 เป็นหลวงพ่อปาน ลอยอยู่บนฟ้าเหนือพิธี แล้วต่อมาก็เป็นหลวงปู่ทวด และพญานาคเต็มไปหมด

ผมมัวแต่จดจ่ออยู่กับพิธีและคอยช่วยงานครูบาอาจารย์วิ่งไปวิ่งมาอยู่ ไม่ได้เห็นอะไรกับคนอื่นเขา จนกลับมาบ้านก็นำรูปพระองค์ที่ 11 และพระปัจเจกองค์ปฐมต้นมาตัด ในใจก็คิดว่าคนร่วมพิธีจะได้รับอานิสงค์เช่นไรกับการใช้ชีวิต ภาพก็ปรากฏขึ้นมาว่าในระหว่างการเดินทางของคนเรามีคนใส่ชุดขาวหลายคนคอยกันกลุ่มคนบางกลุ่มที่มีท่าทีไม่ค่อยดี ให้ออกห่างทางที่เราเดิน และภาพก็ตัดไปว่าเหมือนมีคนอยู่ที่ท่าน้ำแล้วเขาก็ปัดพวกผักตบชวาหรือสวะออกไปจากท่าน้ำนั้น

ผมเชื่อว่าเป็นนิมิตที่ดี ครับ

พระยังไม่เสร็จถือว่าบุญยังไม่จบสามารถทำบุญได้นะครับ นึกถึงภาพในพิธีแล้วอธิฐานดีๆ ครับ

 

น่าจะเป็นครั้งที่ 3 ที่องค์พ่อพระองค์ที่ 11 ทรงเมตตา

วันเสาร์ไปทำงานได้ครึ่งวันก็ไม่ไหวขนาดโด๊ป แบรนด์ และเป็ปทีนแล้วร่างกายพอไหวแต่สมองและตาไม่ค่อยจะทำงานเลยกลับบ้านมานอน นอนตั้งแต่บ่าย 2 กว่า ๆ ยัน 5 โมงแบบวูบเดียว แต่ฝันว่าได้พบพระท่านองค์หนึ่งจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกับท่าน แต่ท่านสอนมาว่า พระหนุ่มและพระแก่คิดไม่เหมือนกัน พอมีแรงก็ลืมตาขึ้นมาก็งงแต่จำคำนี้ได้ติดใจแล้วหลับต่ออีกครู่จึงตื่น

ช่วงค่ำ ๆ ได้โทรคุยกับท่านอาจารย์มีโอกาสถามความฝันนี้ ตอนแรกก็คิดว่าหลวงปู่ใหญ่แต่ไม่ค่อยแน่ใจเพราะท่านเมือนจะออกกายสีดำ ๆ แต่จำใบหน้าไม่ไหว พอเล่าให้ท่านอาจารย์ฟัง ท่านอาจารย์บอกว่าไม่ใช่หลวงปู่เทพโลกอุดร แต่เป็นพระองค์ที่ 11 ผมล่ะดีใจมากมาย

ขอบันทึกไว้เป็นความทรงจำครับ

 

เมื่อเสร็จพิธีหล่อพระแล้วเป็นช่วงที่เข้าพบครูบาอาจารย์ พระที่ผมบอกว่าจะแจกได้แจกไปหมด รวมถึงแจกหลวงปู่ทวดใบมะยมหล่อเหวี่ยง เนื้อผสมชนวนโลหะ อีก 2 กำมือ ร่วม ๆ 30 -40 องค์ ครับ ตอนนี้ของแจกแทบไม่เหลือต้องจัดสร้างขึ้นมาใหม่
อีกทั้งยังแจกเบี้ยแก้ให้คนมาร่วมงานหน้าใม่ ๆ อีกหลายสิบตัว แจกมันส์ครับ

ถ้าไม่ติดกฏเว็บในกระทู้นี้ผมก็แจกอีกครับมอบให้ลูกหลานหลวงปู่ครับ

 

หลวงปู่ใหญ่ท่านเป็นหว่งลูกหลานมาก ๆ ครับ ช่วงนี้ท่านอยากให้ทุก ๆคนสวดมนต์เกี่ยวกับความเมตตากันมาก ๆ หรือจะภาวนาเมตตาใหญ่ก็ได้ พลังงานจากการสวดมนต์และภาวนาความเมตตานี้จะแผ่ออกไปหลาย ๆ อย่างจะค่อย ๆ คลี่คลายทุก ๆ ท่านก็จะปลอดภัยร่มเย็นเป็นสุขในสภาวการณ์แบบนี้

 

การเข้าถึงโลกของโลกียะหรือโลกุตระ นั้นต้องมีการสะสมและสร้างสมกันมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เกี่ยวข้องคือกรรม ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว เมื่ออยู่ฝั่งโลกียะนั้นการทำกรรมดีและกรรมชั่วปะปนกันไปก็จะวนอยู่แบบนั้นเรื่อยไปก็จะส่งผลอย่างนั้น เมื่อตายไปหากเกาะอยู่ในกรรมดีก็จะยังอยู่ในวังวนแห่งความสุขคือเทวดา พรหม เทพต่าง ๆ หากเกาะอยู่ในกรรมไม่ดีก็จะรับผลแห่งความทุกข์

 

ความเชื่อของผมเกี่ยวกับพิธีกรรมที่ท่านอาจารย์ทำพิธีบวงสรวง

ผมได้ติดตามช่วยงานท่านอาจารย์อย่างจริงจังก็ราว ๆ ปี54 ผมได้สังเกตุหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมารวมถึงพลังงานของวัตถุมงคลที่นำเข้าพิธี ผมสังเกตุและมีความเชื่อว่าของที่เข้าพิธีที่ท่านอาจารย์ทำพิธีจะมีความพิเศษมากขึ้นเรื่อย ๆ พลังงานจะสะสมมากขึ้น ๆ บางสิ่งบางอย่างก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นส่วนตัว แต่หลาย ๆ คนในคณะอาจจะไม่ทราบลึกรายละเอียดเท่าไร แต่ผมก็ไม่ได้ทราบมากมายเพียงแค่อาจจะเข้าใจในเรื่องนี้กว่าคนอื่นนิดหน่อย

อย่างเช่น งานหล่อพระวันที่ 9/11/56 พลังงานจะเป็นกระแสสีทองละเอียดระยิบระยับอร่ามตาแรงมาก เป็นกระแสหรือสายทองวนรอบวัตถุมงคลนั้น ๆ เลยทีเดียว ส่วนงานวันที่ 14/2/57 พลังงานที่รับรู้กลับเป็นพลังงานสีขาวละเอียดหนาทึบ พร้อมทั้งโปร่งใสในเวลาเดียวกันได้ มีความบริสุทธิ์มาก ๆ ไม่อยากจะคิดว่าเป็นพลังงานความบริสุทธิ์จากพระนิพพาน แต่การหล่อพระวันที่ 14/2/57 ซึ่งเป็นการหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมต้น ทั้งองค์พระพุทธเจ้าและองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งเป็นองค์ต้นของทั้ง 2 สาย ผมเชื่อว่าพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ต้องมาทั้งหมดพระนิพพาน (ความเชื่อส่วนตัว) ซึ่งก็รวมถึงเทพ พรหม เทวดาต่าง ๆ ต้องมามากมาย ด้วยพลังงานที่ละเอียดสูงมาก ๆ ทำให้วัตถุมงคล สิ่งของในพิธีนี้ผมกล้ารับรองได้ว่า ศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ

 

เป็นอีกครั้งที่ได้รู้จักน้องญาติธรรมท่านหนึ่ง ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดจะไปร่วมพิธีแต่ผมก็บอกกล่าวตามแต่วาสนา จนเขาได้ไปร่วมพิธีและได้นำของไปเข้าพิธีด้วย ซึ่งของเหล่านั้นก็มีทั้งของธรรมชาติที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีใด ๆ รวมถึงพระไม้โพธิ์นิพพานที่แกะและผ่านการอธิฐานมาแล้ว ซึ่งของทั้งหมดของเขารวมถึง 2 อย่างที่กล่าวมา เมื่อกลับจากพิธีแล้วเขาได้นำมาพิจารณาดู(ตามที่เขาเล่านะครบ) ก็ดีใจที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ เกิดขึ้น ขนาดพระไม้โพธิ์นิพพานที่เข้าพิธีแล้วที่เขาคิดว่าน่าจะเต็มแล้ว ก็มีพลังงานเพิ่มขึ้นมาก

นี่ละครับที่เป็นเหตุให้ผมพยายามขนของไปเข้าพิธีท่านอาจารย์ให้ได้ แม้ท่าจะทักท้วงและหัวเราะผมก็ยอมหนักและเหนื่อย เพื่อท่านที่จะได้ไปต่อจะได้มีของดีไว้กับตัว อย่างวันที่ 14/2/57 รถผมทรุดเลยครับเพราะเจอพระกรุโลหะเข้าไปเทียบกับคนประมาณ 2 ได้ แล้วคนอีก 4 คนกับของเข้าพิธีอื่น ๆ บอกตรง ๆ ว่าขับรถไปแทบคลาน

ขอจบประสบการณ์เท่านี้ก่อนนะครับ

 

วันนี้ท่านอาจารย์ไปทำพิธีไว้ครู แถวบางบัวทอง นำภาพมาให้ชมครับ

 

งานไหว้ครูประจำปีที่ไปช่วยงานท่านอาจารย์เมื่อวานเป็นของคุณลุงรัช ช่างแกะมะพร้าวทุยเป็นรูปพระ รูปเทพต่าง ๆ เป็นงาน OTOP เวลาทำงานแกลุงบอกว่าครูท่านจะพามือไปเองครับ

 

ผมได้ทำการหล่อหลวงปู่โต องค์ที่ 3 ของคณะ (องค์ที่ 2 ของผม) เพื่อจะนำไปถวายวัดหรือสถานปฏิบัติธรรมต่าง ๆ เมื่อวานหลวงปู่มาถึงช่วงเย็นจ่ายค่าขนส่งให้ช่างเรียบร้อย พอค่ำ ๆ มีคนมาใส่บาตรหลวงปู่ 2 คนเป็นฤกษ์ดีจริง ๆ ปางนี้เมื่อไม่มีที่พรหมน้ำมนต์ในมือ น่าจะเรียกว่าปางเรียกทรัพย์ได้นะครับ พอมีที่พรหมน้ำมนต์ในมือบารมีหลวงปู่จะออกในด้านแก้ สลายวิบากกรรม รักษาโรค ซะมากกว่า (ได้มีคุยกับท่านอาจารย์แล้วครับ)

 

ณ ตอนนี้ผมยังเสียดายบางสิ่งบางอย่างที่น่าจะทำให้เต็มที่ เมื่อวันหล่อพระวันที่ 14/2/57 เนื่องจากอะไรหรือ

ถ้าจะบอกว่าในหล่อพระวันที่ 14/2/57 นั้น พลังงานพระนิพพานลงมาสถิตย์ ณ บริเวณและพิธีหล่อพระทั่วไปหมดจะเชื่อใหมครับ 5555

เล่าเพราะความสุขใจครับผม แต่กรุณาใช้วิจารณญาณนะครับ