ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ครับ..ก็หวังว่า หลังจากเราได้คั่นพักชมโฆษณากันไปแล้ว
    ก็หวังว่าเราจะได้กลับเข้ามาสู่เนื้อหาตามชื่อของกระทู้นี้ซะทีนะครับ

    แต่ถ้าท่านใด ยังอยากจะได้ความรู้ หรือแนวทาง หรือปรัชญาต่างๆ
    จากคุณลุงเทพฯอยู่อีก ก็สามารถโพสต์ถามคุณลุงมาได้เลยนะครับ
    แม้ว่าใจจริงแล้ว ผมอยากจะ๊ให้ออกไปตั้งกระทู้แยกให้ชัดๆไปเลยก็ตาม
    แต่ว่า..ถึงจะคุยกันในนี้ ก็ไม่มีปัญหาแต่ประการใดหรอกครับ
    เพราะว่ากระทู้นี้มันเป็นสาธารณะอยู่แล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะโพสต์อะไรก็ได้
    (รวมทั้งตัวผมเองด้วย) ตามความคิด ความเห็น และความเชื่อของตัวเอง

    แต่ก็อย่าเพิ่งไปคาดหวังว่า สิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง ดีงาม ที่สุดแล้วนั้น
    คนอื่นๆเขาจะเห็นดีเห็นงามไปกับเราด้วยซะทั้งหมดนะครับ

    เพราะว่าสิ่งที่เราอุตส่าห์ภูมิใจนำเสนอมา และ ร่ายมาซะยืดยาวนั้น
    บางทีมันอาจจะเป็นแค่เรื่องพื้นๆ ที่หลายๆคนรู้กันอยู่แล้ว
    และก็เป็นเรื่องที่ไม่ข้ามพ้น concept ของการแบ่งแยก
    หรือเป็นมุมมองของมิติที่ 3 นี้เท่านั้น หรือแม้กระทั่งว่า
    เป็นเรื่องที่ไร้สาระโดยสิ้นเชิงอย่างที่หลายๆคนมองเนื้อหาของกระทู้นี้ ก็เป็นได้

    อันนี้ผมพูดกับทุกๆคนนะครับ รวมทั้งตัวผมเอง และคุณลุงเทพฯเองด้วย
    หวังว่า "อายุมากกว่า" คงไม่ทำให้คุณลุงมีปัญหาในการรับฟังความคิดเห็น
    จากคนที่ "อายุน้อยกว่า" หรอกนะครับ..

    ขอแสดงความนับถือครับ
    และขอขอบพระคุณคุณลุงเทพฯ
    ที่มาแบ่งปัน "ความคิด" "ความเห็น" และ "ความเชื่อ"
    ของคุณลุง ให้พวกเราได้รับรู้กันนะครับ

    สวัสดีครับ
    .........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2014
  2. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    ขอบคุณคุณลุงเทพอภิบาลมากค่ะ สำหรับข้อมูลและคำวิจารณ์ที่เป็นประโยชน์ ^ ^

    เท่าที่โซ่อ่านโพสต์ของคุณลุงมาทั้งหมด โซ่รู้สึกว่ามันเป็นข้อมูลความรู้เดียวกันกับข้อความการสื่อสารจากต่างมิติมากกว่านะคะ
    ไม่ได้รู้สึกแตกต่างเลย เพียงแต่ลักษณะการพูดถึงหรืออธิบายถึง มันต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น
    จะเรียกได้ว่า คนละเวอร์ชั้น ก็ได้ แต่คือข้อมูลเดียวกัน ความเข้าใจอันเดียวกัน

    เช่น ช่องกลาง ก็คือ หัวใจ ข้อความต่างมิติก็เน้นเรื่องการผ่านตรงจุดนี้มาก เพราะบริสุทธิ์และจริงแท้มากที่สุด
    หรือ การรวมตัวกันกับทวยเทพซึ่งเราเสมือนเป็นทวยเทพนั้น ก็เหมือนกับที่ครายออนเน้นเสมอเรื่องการผสมรวมกัน( meld ) ระหว่างครายออนกับนายลี แครอล
    ที่ไม่ใช่การเข้าสิ่ง สิงสู่ หรือการเป็นร่างทรง ครายออนพยายามอธิบายตรงนี้ทุกครั้งตอนเริ่มข้อความ(ถ้าสังเกตกันนะ)

    หรือ การที่ยังไม่บรรลุพุทธภาวะในชาติหนึ่งๆและสามารถใช้ผลพลอยได้จากชาตินั้น ก็แนวเดียวกับเรื่อง Akash ของครายออน

    หรือแม้กระทั่ง เรื่องการยุบไหลลงช่องกลางของคุณลุง ก็อันเดียวกับ การหมดการสำแดงออกเป็นมนุษย์ ซึ่งมันเป็นคอนเซปเดียวกันกับที่ เมตตาตรอน อธิบายไว้ในเรื่อง ปฏิสสารและสสาร(อธิบายแบบวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์สมัยนี้สามารถรับได้ง่ายหน่อย)
    ว่า ร่างกายมนุษย์ หรือ สภาพความเป็นจริงที่เรารู้เห็นกันตอนเป็นมนุษย์นี้ คือ การสำแดงออกของคุณสมบัติหรือคุณลักษณะต่างๆที่ GOD สามารถทำได้
    เป็นการสำแดงออกของปฏิสสารสู่สสาร ผ่านช่องหมุนวนสองด้านระหว่างสสารกับปฏิสสารที่มนุษย์เรียกว่า จักระ
    และทั้งหมดก็เกี่ยวพันกันเสมอ ไม่มีการแยกขาด
    เพียงเป็นการ ไหลเข้า ไหลออก มาสำแดง หรือ หยุดสำแดง แค่นั้น

    จริงๆสิ่งที่โซ่มองเห็นมันละเอียดกว่านี้นะคะ แต่อธิบายออกมาได้ยากมาก
    ซึ่งโซ่คิดว่า คนที่มีสามารถในการอธิบายเรื่องเหล่านี้ออกมาได้ดี ก็มีอยู่เยอะ

    และส่วนใหญ่ แม้กระทั่ง entity เช่น เมตตาตรอน หรือ ครายออน
    ก็มักใช้การเปรียบเทียบ เปรียบเปรย คล้ายกับที่ผู้บรรลุธรรมความจริงแท้ทั้งหลาย ใช้อธิบายสู่คนทั่วไป

    ขอบคุณนะคะคุณลุง โชคดีมีสุขนะคะ สวัสดีปีใหม่ด้วยค่ะ ^ ^
     
  3. elmaun

    elmaun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +149
    คุณลุงครับช่วยตั้งกระทู้ขึ้นใหม่จะขอบพระคุณอย่างสูงครับ เนื้อหาของคุณลุงมันไม่ตรงกับความสนใจของผู้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ครับ ทำให้สับสนครับ แต่ถ้าคุณลุงจะกรุณาช่วยแปลเนื้อหาแล้วนำมาลงก็ได้นะครับ ถ้าแบบนี้จะตรงกับกระทู้มากกว่าครับและก็หวังว่าคุณลุงคงไม่ถือสานะครับ
     
  4. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    [​IMG]

    THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2014
    January 12-19, 2014
    วันที่โพสท์ _Tue ,14/1/2014

    ผู้แปล: อจิตตะ

    ก่อนที่พลังงานของคุณเริ่มที่จะเต็มขึ้นมาอีกครั้ง
    ความรู้สึกของการรอคอยที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
    กับความต้องการที่จะนำความสำเร็จมาสู่ปัญหาต่าง ๆที่เกิดขึ้น
    ช่างเหมือนกับการยืนคอยอยู่ระหว่างช่องว่างของโลกสองใบ
    มันเป็นช่วงเวลาที่แปลกประหลาดเหลือเกิน
    โดยเฉพาะผู้ที่เอาจริงเอาจังในหน้าที่การงาน
    ที่จำเป็นต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับระดับที่สูงยิ่งขึ้นของตัวเอง
    แต่กลับพบว่าหนทางข้างหน้านั้น
    มีแต่หมอกควันและไม่รู้เมื่อใดจะสำเร็จ...
    ซึ่งสาเหตุก็สืบเนื่องมาจากการที่คุณได้สร้างโลกของคุณด้วยความสับสนในแต่ละวัน
    คุณไม่ได้สร้างโลกด้วยสติ-สัมปชัญญะเลย...
    แต่ความรู้สึกนึกคิดเช่นนี้มันก็เป็นธรรมชาตินะ
    ซึ่งจะเกิดขึ้นชั่วคราวและเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป
    สิ่งจำเป็นที่ต้องทำคือให้มีความตั้งมั่นอย่างเต็มที่
    ที่จะอยู่กับปัจจุบันขณะร่วมกับความคิดใหม่ๆของคุณ
    เพื่อสร้างจิตสำนึกสู่การพัฒนาจิตวิญญาณต่อไป...
    ซึ่งเรื่องนี้...คุณควรให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นนะ


    ให้คุณสร้างแผนงานในสิ่งที่คุณต้องการทำ
    ที่สอดคล้องกับประสบการณ์กับโลกส่วนตัวของคุณขึ้นมา
    แล้วจัดทำบทขึ้นโดยให้คุณอยู่ในประสบการณ์นั้น ๆ
    มีอารมณ์และความรู้สึกที่คุณต้องการ
    ทั้งยังสัมผัสกับประสบการณ์ที่เป็นไปอย่างราบรื่นนั้นอย่างมีความสุข
    จงจดจ่ออยู่กับทุกรายละเอียดให้บ่อยครั้งมากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้
    และเมื่อใดที่คุณรู้สึกว่ามันเสร็จสมบูรณ์แล้ว ...ก็จงปล่อยมันไป...
    ซึ่งนั่นจะทำให้คุณเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งด้วยตัวคุณเอง (manifesting)
    ...นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการนี้...

    และในคืนพระจันทร์เต็มดวงในรอบนี้
    จะเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นงานสร้างสรรของคุณ
    ซึ่งต่อไปมันจะทำให้คุณกลายเป็นผู้สร้างสรรจิตสำนึกให้ตนเองได้ทุกวัน...
    คุณคุณบางคนอาจต้องเพียรกับการฝีกฝน
    จนกว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
    แต่ต้องจำไว้ว่า“มันไม่มีอะไรหรอกนะ ที่พอเริ่มต้นก็เห็นผลได้ในทันทีทันใด”
    และคุณจะเป็นผู้ชำนาญการได้ก็ต่อเมื่อมีความเพียรในการฝึกฝนอย่างเข้มงวดเท่านั้น


    ใครที่ได้ถอยหลังเพื่อไปตั้งหลักเมื่อปีที่แล้ว
    ตอนนี้ความพร้อมที่จะเดินหน้าต่อได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
    และเป็นโอกาสครั้งที่สองที่คุณได้รับเพื่อที่จะได้รู้จักตัวเอง
    ด้วยความกระตือรือร้นกับการเริ่มต้นงานใหม่ด้วยตัวคุณเอง
    ซึ่งในเวลานี้ การเดินไปข้างหน้ามันง่ายกว่าก่อนมาก
    จะสามารถรับรู้ได้ในเป้าหมายที่สูงขึ้นของคุณ...
    และอีกหลายคนก็สามารถรับรู้ได้
    ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระเจ้า( Divine)

    คุณจะเริ่มเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของแต่ละประสบการณ์
    ที่คุณได้ใช้ขันติในการเดินทางไปสู่จุดหมาย
    ซึ่งนั่นเป็นการช่วยให้คุณรู้สึกได้ในความเป็นตัวของตัวเอง
    และมีความเชื่อมั่นในพลังของคุณ
    ทั้งในทุกๆประสบการณ์ต่างก็มีรางวัลในตัวของมันเองที่จะมอบให้คุณอยู่แล้ว
    ซึ่งคุณก็สามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์ในรางวัลนั้นแล้วในตอนนี้
    เพราะสิ่งที่คุณได้รับนั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่กว่าขีดความสามารถ
    และความสง่างามของคุณเองซะอีกนะ
    ...จงเรียนรู้มันให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น...
    เพื่อให้เกิดความชำนาญในการนำประโยชน์นั้นไปใช้กับตนเองและผู้คนรอบๆตัวคุณ


    การดูแลรักษาตัวเองด้วยการเพิ่มความเมตตา
    ต่อกระบวนการทางความคิดของคุณนั้นเป็นเรื่องสำคัญ
    และจงจำไว้ว่าประสบการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ
    มันคือสิ่งที่จิตวิญญาณของคุณได้ตัดสินใจที่จะมีส่วนร่วม
    ในความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ของชัยชนะนี้
    และนี่คือที่ที่คุณยังต้องอยู่ร่วมกับการเดินทางของคุณในขณะนี้
    การเฉลิมฉลองความสำเร็จกับรางวัลของคุณเอง
    ด้วยการทำกิจกรรมหรือกับสิ่งของบางอย่าง
    ย่อมมีความหมายสำหรับคุณ
    "จงปล่อยให้บางสิ่งได้นำคุณไปสู่ความเบิกบานสำราญใจ
    นำไปสู่ความเข้าใจและสู่จิตสำนึกที่สูงยิ่งขึ้น"

    เพื่อช่วยให้คุณได้จดจำว่าคุณได้เดินทางมาไกลเพียงใดจากจุดเริ่มต้น
    และเราขอร้องให้คุณเฉลิมฉลองในขณะที่พวกเขาแสดงตัวออกมา
    เพื่อช่วยในการรักษาระดับคลื่นความถี่ที่เพิ่มขึ้นของคุณ
    ด้วยการปรับแต่งให้เข้ากับพลังงานที่กำลังไหลบ่าเข้ามาอย่างท่วมท้น
    และไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งได้ในชั้นบรรยากาศขณะนี้


    และการทานอาหารที่ให้พลังงานของคลื่นความถี่สูง
    จะทำให้ทุกๆเซลล์ในร่างกายของคุณที่เคยเปลี่ยนรูปไปในแต่ละวัน
    เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าคุณคือผู้ที่มีพลานุภาพนิรันดร์กาลที่สามารถหยุดยั้งความแก่เฒ่า
    และยืดอายุตัวเองได้ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม...


    ความคิดและการจดจ่อในสิ่งที่จะนำมาซึ่งความจริงให้กับประสบการณ์ของคุณนั้น
    จะต้องกระทำโดยการเขียนสิ่งที่คุณตั้งใจจะทำนั้นทุกๆวัน
    ซึ่งความสมบุรณ์แบบมันก็ขึ้นอยู่กับการเริ่มต้นของคุณในแต่ละวัน
    แต่สิ่งสำคัญคือ...ต้องกระทำอย่างสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลาย
    และในระหว่างการฝึกฝนของการสร้างความจริงใหม่ๆ นั้น
    จะทำให้การเริ่มต้นวันใหม่ในแต่ละวันของคุณเต็มไปด้วยความสุขสดชื่นแจ่มใส...


    จงเติมเต็มด้วยความคิดในด้านดี มีจิตเจตนาอันบริสุทธ์ที่เป็นกุศลให้แก่ตัวคุณเอง,
    แด่คนที่คุณรัก แด่ชุมชนและแด่คนทั้งโลก...
    แล้วคุณจะเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นเรื่อย ๆภายในโลกส่วนตัวของคุณเองว่า
    “ความรัก” ...คือคำตอบของทุกๆสถานะการณ์...


    Until next week…
    I AM Hilarion


    ©2014 Marlene Swetlishoff/Tsu-tana (Soo-tam-ah) Keeper of the Symphonies of Grace
    Permission is given to share this message as long as the message is posted in its entirety
    and nothing has been changed, or altered in any way and Scribe's credit, copyright and websites are included.
    WELCOME! - The Rainbow Scribe
    MOVING INTO LUMINOSITY
    Thank you for including the above website link when posting this message.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2014
  5. monkeyclub

    monkeyclub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +84
    และการทานอาหารที่ให้พลังงานของคลื่นความถี่สูง
    จะทำให้ทุกๆเซลล์ในร่างกายของคุณที่เคยเปลี่ยนรูปไปในแต่ละวัน
    เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าคุณคือผู้ที่มีพลานุภาพนิรันดร์กาลที่สามารถหยุดยั้งความแก่เฒ่า
    และยืดอายุตัวเองได้ไม่ว่าจะอยู่


    อ่านประโยคแรกก็โดนเลย แต่อาหารประโยคนี้ อาหารคืออะไรคับ
     
  6. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    ตอบจากประสบการณ์นะ...
    อาหารที่ สด และสะอาด เช่น พืชผักหลายชนิดต่างก็มีวิตามิน
    และสารอาหารอีกทั้งน้ำมันธรรมชาติอยู่ในระดับสูง
    พอที่จะให้พลังเพื่อการบำรุงร่างกายและผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้...
    (หรือที่จีนใช้คำว่า มีพลังชี่)
    เช่น อโวคาโด แครอท พริกกระดิ่งหลากสี
    และผักใบเขียว เช่นสาระแหน่ โหระพา ใบแมงลัก...
    และอีกมากมายบรรยายไม่หมด...
    ...ภาษาอังกฤษเขาใช้คำว่า frequencies มา
    ก็แปลตรงตัวไปว่า "คลื่นความถี่"...
    แต่อ่านโดยรวมก็พอที่จะให้เข้าใจได้ว่า...
    "เขาให้ทานอาหารที่มีคุณค่าทางสารอาหารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายจ๊ะ....."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2014
  7. yaya12

    yaya12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +182
    อาหาร เดาเอาน่ะค่ะ จะเป็นพวกผัก ผลไม้รึเปล่าค่ะ
     
  8. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    ***และการทานอาหารที่ให้พลังงานของคลื่นความถี่สูง
    จะทำให้ทุกๆเซลล์ในร่างกายของคุณที่เคยเปลี่ยนรูปไปในแต่ละวัน
    เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าคุณคือผู้ที่มีพลานุภาพนิรันดร์กาลที่สามารถหยุดยั้งความแก่เฒ่า
    และยืดอายุตัวเองได้ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม...***Hilarion's


    จะขอขยายความเข้าใจและแบ่งปันประสบการณ์ในข้อความข้างบนนี้สักนิด...
    ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเกิดประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย...
    ก็ขออนุญาต จขกท มา ณ.ที่นี้ด้วยนะ...

    การดูแลร่างกายให้ดูอ่อนเยาว์นั้น...
    ต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลรักษาร่างกายและจิตใจมาตั้งแต่เด็กหรือหนุ่มสาว...
    เพราะสารอาหารที่มีประโยชน์ทุกชนิดและจิตใจที่ไม่เคร่งเครียดจนเกินไป
    จะเปลี่ยนเป็นหยดทิพย์ที่จะช่วยยับยั้งมิให้ร่างกายทรุดโทรมไปตามกาลหรือก่อนกาลเวลา...

    ดังนั้น หากตอนนี้คุณอยู่ในวัยสี่สิบขึ้นไปแล้ว
    และคุณขาดการดูแลรักษาสุขภาพในวัยหนุ่มสาว
    พอมาเจอข้อความท่อนนี้ของ Hiralion...
    เป็นไปได้ที่คุณอาจส่ายหัวและพูดว่า...
    ..."ไม่เห็นจะจริง ฉันไม่เห็นดูอ่อนเยาว์ตรงไหนเลย"...

    ซึ่งนั่นก็เป็นธรรมดาและธรรมชาติ...
    แต่คุณ...ก็สามารถเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
    ในการให้อาหารแก่ร่างกายและจิตใจได้ตั้งแต่วันนี้..
    ถึงแม้จะสายไปนิด แต่คุณก็อาจมีโอกาสที่จะได้เห็นผลของมันในกาลข้างหน้าเช่นกัน...

    ส่วนผู้ที่ขณะนี้ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว หากได้เริ่มตั้งแต่ตอนนี้...
    และเมื่อคุณย่างเข้าวัยสี่สิบขึ้นไป
    ข้อความท่อนนี้ของ Hiralion ก็อาจทำให้คุณส่ายหัวเหมือนกันแต่พูดว่า...
    ..."เหลือเชื่อจริง ๆ...ที่ฉันดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงๆซะด้วย..."


    "วันเวลาไม่เคยหยุดเหลียวหลังมามองหรือให้โอกาสเราอีกครั้งเลย..."
     
  9. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    [​IMG]

    "จริงแท้แน่นอนที่สุด ขอขอบคุณคลื่นความคิดทุกๆ ตัวอักษรครับ"
     
  10. chevasit

    chevasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +424
    ขอบคุณทีมงานแปลทุกท่าน ครับ
    บางครั้ง... คำพูดธรรมดาๆ แต่สำหรับบางท่าน บางสถานการณ์ มันอาจเป็นดั่งแสงสว่าง ก็ได้
     
  11. monkeyclub

    monkeyclub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +84
    ขอบคุณครับ ที่ช่วยขยายความ กินมาสองปีละครับ ทุกมือ อาศัยร้านเจ ของ อนุตรธรรม เค้าเปิดร้านเจเยอะ มากเดี๋ยวนี้ ครับ หากินง่าย แต่จำพวกที่พูดถึง ไม่ค่อยได้กินเลย
     
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    พักนี้มีอะไรบางอย่างกำลังเกิดขึ้น หรือ เปลี่ยนแปลงอยู่ภายในข้าพเจ้าอีกแล้วครับ
    มันจะรู้สึกราวกับว่า ตัวเองกำลังเป็นดักแด้ที่บอบบางอยู่อย่างนั้นแหละ
    ทั้งอารมณ์ความรู้สึกมันก็หวั่นไหว อ่อนไหว และ sensitive เหลือเกิน

    ส่วนอาการทางกายก็มีอาการเหมือนป่วย แต่ก็ไม่มาก แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่สบาย
    แต่ก็หายเกือบสนิทแล้วหละครับ แล้วเวลานั่งสมาธิมันก็จะรู้สึกเหมือนภายในสมอง
    มีการถูกกระตุ้นด้วยพลังงานจากกระดูกสันหลัง จนทำให้เสียววาบๆไปทั้งหัวเลยครับ

    แล้วก็..เมื่อคืนนี้ก็มีฝันแปลกๆด้วย เพราะว่าไม่เคยฝันเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย
    อันที่จริงฝันแปลกมาสองคืนแล้วหละครับ เดี๋ยวขออนุญาตเล่าทิ้งไว้ซะหน่อยนะครับ
    ไหนๆกระทู้เราก็เงียบเหงาอยู่แล้ว ฮิฮิ..ถือว่าเป็นการพักชมโฆษณาอีกช่วงก็แล้วกันนะครับ

    เมื่อสองคืนก่อน ผมฝันว่ากำลังจะเดินทางไปเที่ยวสวนสนุกที่ไหนซักแห่งหนึ่งนี่แหละ
    ตอนไป เขามีวิธีการเดินทางให้เลือก 2 วิธีด้วยกัน ก็คือ

    1. ขึ้นรถบัสไปพร้อมกับคนอื่นๆ เพราะว่าเขามีรถรับส่งด้วย และ
    2. ขับรถคันเล็กๆเตี้ยๆแบบนั่งได้คนเดียว สีดำ คล้ายๆรถแข่งฟอร์มูล่าวัน นี่แหละครับ ไปเอง

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต - รถแข่งฟอร์มูล่าวัน)


    ผมเห็นเพื่อนผมมันขับรถไปเอ็ง ผมก็เลยจะเอาด้วย ก็เลยรอให้เขาเอารถมาให้อยู่
    แต่รถยังไม่ทันมาถึงเลย ผมกลับเปลี่ยนใจ ขึ้นรถบัสไปพร้อมกับคนอื่นๆซะงั้นแหละ
    แต่ในขณะเดียวกัน อีกความรู้สึกหนึ่ง ก็เหมือนว่าผมขับรถไปเองด้วย เหมือนมี 2 ภาคเลย
    แล้วจากนั้นรถบัสก็ไปถึงที่เที่ยว เขาก็พาไปดูปลาในน้ำ ฝนก็ตกปรอยๆ น้ำก็ขุ่น
    มองก็ไม่เห็นปลา แต่สักพักหนึ่ง อยู่ๆน้ำก็ใสขึ้นมาเฉยๆ และก็เลยเห็นปลาอย่างชัดเจน

    แล้วจากนั้น ก็เหมือนกับว่า ผมจะต้องขับรถแข่งสีดำคันที่ว่านั่นแหละครับ ขึ้นเนินไปไหนสักแห่ง
    ภายในสวนสนุกนั้นแหละ แต่ดูเหมือนว่า ทางที่จะให้ขับไปนั้น จะเป็นทางลาดยาง
    ที่โล่ง เรียบ ทอดยาวไปข้างหน้า และลาดชันขึ้นเนินเขาไป

    ..และนี่แหละคือจุดสำคัญของเรื่องหละครับ..

    ผมขับรถไปด้วยความเร็วสูง เพราะว่า กะว่าจะเร่งเครื่องให้ผ่านขึ้นเนินไปให้ได้
    แต่ใครจะไปรู้หละครับว่า เนินมันสูงและชันมาก เกินกว่าจะคาดคิด
    คือมันชันขึ้นจนกลายเป็น 90 องศา จนผมเร่งเครื่องขึ้นไม่ไหว
    ดังนั้น รถผมก็เลยหยุดกลางทาง แล้วค่อยๆไหลถอยหลังลงมาตามเนินนั้น

    แต่ในขณะที่รถถอยหลังลงมาตามเนินนั้นอยู่ ผมก็พยายามประคองรถไว้
    ไม่ให้รถไหลออกไปนอกเส้นทางอยู่ด้วย แล้วจากนั้นผมก็กลับลำได้พอดี
    และก็พอดีว่า เส้นทางข้างหน้าที่เห็นนั้นมันมีทางแยกเป็น 2 แยกอยู่
    และแยกทางขวามือนั้น ก็เป็นทางลาดชันขึ้นเนินเช่นเดียวกันกับทางสายแรก
    ที่ผมพยายามจะขับรถขึ้นไปให้ได้ แต่ไม่สำเร็จนั่นแหละ ไม่มีผิดเลยครับ

    ดังนั้น หลังจากตั้งใจดีๆแล้ว ผมก็เลยเหยียบคันเร่งจนมิดเลยครับคราวนี้
    ไม่กล้าๆกลัวๆเหมือนตอนแรกอีกแล้ว เพราะว่ามีประสบการณ์แล้ว
    แล้วรถก็พุ่งขึ้นเนินไปอย่างหวาดเสียว เพราะว่าเนินมันสูงและชันมากๆ

    จากทีแรกคิดว่ามันชันแค่ 90 องศาเท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่เลย
    เพราะว่ามันเหมือนจะชัน จนโค้งกลับมาทางที่เราขับรถไปซะด้วยซ้ำไป
    จนรถผมพุ่งลอยขึ้นเหนือถนน ลอยอยู่สูงจากพื้นถนนพอสมควร
    เหมือนภาพสโลโมชั่นเลย แล้วจากนั้นรถก็พุ่งผ่านขึ้นเนินไปสำเร็จ
    แล้วจากนั้น รถก็ค่อยตกลงมาสู่พื้น แล้ววิ่งไปบนพื้นถนนตามปกติได้

    ในฝันตอนนั้น มันมีความรู้สึกหวาดเสียวและตื่นเต้นอย่างมาก
    และก็รู้สึกเหนือความคาดหมายในความชันของเนินที่ว่านั้นด้วย

    สัญญลักษณ์และความหมายของฝันชุดนี้ ก็น่าจะเกี่ยวกับ
    กระบวนการเลื่อนระดับขึ้นนี่กระมังครับ และเนินที่ว่านั้น
    ก็น่าจะหมายถึง "รูปแบบการเปลี่ยนแปลง" หรือ "กระบวนการเปลี่ยนแปลง"
    ที่พวกเรากำลังเจอกันอยู่นี่แหละครับ คือมันจะทั้งหวาดเสียว
    และเหนือความคาดหมายของพวกเราอย่างมาก...

    ...แต่พวกเราก็จะผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดี....

    .........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • formula-1.jpg
      formula-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90 KB
      เปิดดู:
      12,934
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2014
  13. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    พี่ชยุตอย่ายอมแพ้มันนะครับ.(อะไรก็ได้ที่รู้สึก) อย่ายอมแพ้.สู้ๆครับพี่ (ผมให้กำลังใจตลอดเวลาอ่ะคับ)
     
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ส่วนฝันที่สอง เมื่อคืนนี้เองครับ ที่เกริ่นเอาไว้แล้วว่ามันแปลกดี
    เพราะว่าผมฝันไปว่าตัวเองเป็น "เทพ" องค์หนึ่ง ที่มีปีกแบบเทวดาของฝรั่ง
    ใส่ชุดคลุมยาวสีม่วง อยู่กับพี่น้องซึ่งเป็นเทพด้วยกัน และสวมชุดสีเดียวกันอีก 6 คน
    รวมเป็น 7 คน ในฝันผมไม่แน่ใจว่าเทพพี่น้องของผมทั้งหมด เป็นผู้ชายหมดหรือเปล่า
    แต่ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นหนะนะครับ

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ตรงนี้แหละที่ว่าแปลก..คือ..

    พวกเราทุกๆคนต่า่งเกาะแขนกันอยู่ในลักษณะที่ ยืนหันหน้าไปทางเดียวกัน
    สี่คนยืนอยู่ข้างหน้า หรือว่าสองคนยืนอยู่ข้างหน้า สองคนอยู่ตรงกลาง ก็ไม่แน่ใจนัก
    แต่ที่แน่ๆคือ สามคนยืนอยู่หลังสุด ซึ่งผมคือคนที่ยืนอยู่แถวหลังสุด ด้านขวามือ

    พวกเรายืนเกาะแขนกัน แบบสอดแขนกันให้แน่นสนิท จับมือกันไว้แน่น
    และแนบลำตัวติดกัน หันหน้าไปทางเดียวกัน เสมือนว่าเป็นคนๆเดียวกัน
    และไปไหนก็จะต้องไปด้วยกัน ทำอะไรก็จะต้องพร้อมใจกันทำเท่านั้น
    เสมือนเป็นคนๆเดียวกัน อะไรแบบนั้นหนะครับ

    พวกเราเริ่มต้นด้วยการ "บิน" ขึ้นไป เพื่อที่จะไปที่ไหนซักแห่งหนึ่ง
    ซึ่งพวกเราก็จะต้องพร้อมใจกันบินขึ้นด้วย ไม่งั้นก็จะบินขึ้นไม่ได้
    และในฝันผมก็มีความรู้สึกว่า พวกเราบินไปได้ด้วยความยากลำบากมาก
    เพราะว่าพวกเราก็ยังไม่เข้ากันได้สนิททั้ง 100% ซะทีเดียว
    ดังนั้นพวกเราก็เลยบินได้ไม่สูงนัก

    มีอยู่ฉากหนึ่ง ในระหว่างที่พวกเราบินผ่าน ต้นไม้แห้ง ที่มีแต่กิ่งก้านแห้งๆต้นหนึ่ง
    ที่เตี้ยแค่เอวนี่เอง มีน้องชายผมคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดของพวกเรานี่แหละ
    เกิดมีส่วนของร่างกายส่วนหนึ่ง ที่ดูเหมือนว่า จะเป็นชายผ้า ชิ้นเล็กๆยาวๆชิ้นหนึ่ง
    แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกว่า ชายผ้าที่ว่านั้น จะเป็นส่วนของร่างกายด้วย
    ไปเกี่ยวติดอยู่กับกิ่งไม้แห้งที่ว่านั้น แล้วก็เลยทำให้พวกเราบินต่อไปไม่ได้ทั้งหมดเลย

    เพราะว่าตอนพวกเราบินผ่านกิ่งไม้แห้งไปนั้น เจ้าน้องชายคนที่ว่านั้น
    มันก็โดนกิ่งไม้แห้งเกี่ยวไว้ คาที่เลย ไปไหนไม่ได้เลย ลอยอยู่ตรงกิ่งไม้นั่นแหละ
    แล้วพวกเราก็เลยต้องหยุดบิน แล้วผมก็เลยใช้มือข้างซ้ายของผม
    ดึงมันออกมาจากกิ่งไม้แห้งที่ว่านั้น แล้วก็เลยใช้ฝ่ามือข้างซ้ายข้างเดียว ยกมันขึ้นมา
    โดยเอามันซึ่งกำลังอยู่ในท่านอน วางบนฝ่ามือที่แบอยู่ของผม
    แล้วพามันบินไปด้วย ในใจผมก็คิดว่า แค่ "การติดขัด" เพียงนิดเดียว
    หรือเรื่องขี้ประติ๋วแค่นี้เอง ก็ถึงกับทำให้เจ้าน้องชายของผม มันดิ้นไม่หลุดเลยเหรอ?

    จากนั้นพวกเราก็พากันบินไปทำภารกิจอย่างหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือการนำพา "ต้นไม้ใหญ่" กลับมา
    ซึ่งต้นไม้ใหญ่ที่ว่านั้น มีพวกมนุษย์กำลังทำอะไรกับมันอยู่ก็ไม่รู้
    แต่ดูเหมือนว่าพวกเราต้องไปช่วยไว้ และดูเหมือนว่าการไปถึงของพวกเรา
    ก็จะทำให้มนุษย์ที่ห้อมล้อมต้นไม้อยู่นั้น ไม่ค่อยพอใจด้วย

    พอพวกเราไปถึง พวกเราก็ลอยอยู่รอบๆต้นไม้นั้น แล้วพวกเราแต่ละคน
    ก็ใช้เชือกเส้นยาวๆ โยนลงไปผูกกับต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นไว้
    แล้วพวกเราก็ดึงต้นไม่ใหญ่ต้นนั้นขึ้นมา แบบขึ้นมาทั้งราก ทั้งดินที่หุ้มรากอยู่เลย
    แล้วพวกเราก็พาต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นบินลอยขึ้นไป..แล้วผมก็ตื่นขึ้นมา

    สัญญลักษณ์และความหมายของฝันนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องของการเลื่อนระดับขึ้นอีกกระมัง
    พวกเทพในฝัน ก็น่าจะเป็นจิตวิญญาณของพวกเราเอง
    ส่วนการเกาะกลุ่มกันอยู่ของพวกเทพที่ว่านั้น ก็น่าจะหมายถึง
    ลักษณะการดำรงอยู่ของรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติที่สูงกว่า ที่ปราศจากการแบ่งแยก
    ส่วนต้นไม้ใหญ่นี่ ผมไม่แน่ใจว่า หมายถึงอะไร อาจจะหมายโลกใบนี้ก็ได้
    หรืออาจจะหมายถึง "ตัวตนภาคพื้นดิน" ของพวกเราเองกันแน่นะ

    ...............................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • angel-36.png
      angel-36.png
      ขนาดไฟล์:
      119 KB
      เปิดดู:
      1,614
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2014
  15. Thesaurus

    Thesaurus สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +11
    อยากจะถามเพื่อน ๆ ...ว่าช่วงใกล้ปีใหม่ มีใครเจออะไรไม่คาดคิดบ้างไหม
    เราไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็เกิดขึ้นจนได้ จนกระดูกข้อเข่าแตก ต้องเข้ารับการผ่าตัด


    ก่อนหน้านั้นสัตว์เลี้ยงแสนรักก็ถูกรถขน
     
  16. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    การผ่านพ้นไปของ "พระจันทร์เต็มดวง" เมื่อวัน-สองวันที่แล้วนี้
    ช่วยได้มากจริงๆเลย เพราะว่าอยู่ๆตัวเองก็รู้สึกว่า
    ความทุกข์ ความเจ็บปวด ความรู้สึกหดหู่ซึมเศร้าทั้งหลาย
    มันถูกยกอกไปจากใจของเราเฉยๆอย่างนั้นแหละ
    จนแทบจะจำมันไม่ได้เลย มันเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน
    ที่ตอนนี้รู้สึกสบายดี เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    เหมือนเมื่อสองวันที่แล้ว ไม่เคยเจ็บปวดจะเป็นจะตาย
    มาก่อนอย่างนั้นแหละ ฮิฮิ..

    แปลกดีไหม๊หละ "กระบวนการชำระล้าง" เนี่ย
    แต่มันก็เป็นไปเพื่อชำระล้าง พลังงานด้านลบ-ด้านมืดเก่าๆของเราเอง
    ที่สะสมอยู่ ที่อุดตันอยู่ มาตั้งแต่ภพชาติก่อนๆหน้านี้
    ให้หลุดลอยขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิว เพื่อให้เราได้เผชิญหน้ากับมัน
    แล้วก็ปลดปล่อยพวกมันออกไปให้เป็นอิสระ สู่แสงสว่างในที่สุด
    และตัวเราเองก็จะเป็นอิสระจากพวกมันด้วยพร้อมๆกัน..
    แล้วแสงสว่างของเรา ก็จะกลับมาสว่างไสวเจิดจ้าได้เหมือนเดิม
    และเราก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรอการชำระล้างระลอกต่อไป
    ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ (ประมาณว่าทุกๆวันพระจันทร์เต็มดวง
    และ/หรือมีพายุสุริยะรุนแรง และ/หรือ มีปรากฎการด้านพลังงาน
    ที่สำคัญๆที่ส่งผลกระทบต่อสนามพลังงานของโลก)

    ขอขอบพระคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของข้าพเจ้า

    .............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    *** The Dragon Soul Mate ***

    [​IMG]

    ***ONE'S in FOUND***

    เงางูบนคันธนูในจอกสุรา...
    จาก 《晋书 . 乐广传》

    เล่อก่วงมีสหายรัก ผู้มิได้มาเยี่ยมเยือนเป็นเวลานาน
    เมื่อได้พบหน้าก็ถามไถ่ถึงเหตุที่ห่างหายไป
    สหายรักได้ตอบว่า "คราวก่อน ข้าได้นั่งอยู่ตรงนี้ และรับจอกสุราจากท่าน
    ขณะยกจอกสุราขึ้นหมายจะลิ้มรส
    ข้าก็เห็นงูอยู่ในจอกนั้น ข้ากลัวเป็นกำลัง
    และหลังจากที่ได้เสพสุราจอกนั้นแล้ว
    ข้าก็ล้มป่วยหนักเรื่อยมา...


    เมื่อเล่อก่วงได้ฟังดังนั้น พลันก็ก็ได้เห็นคันธนู
    ที่ทำด้วยเขาสัตว์แขวนไว้บนผนังเบื้องสูงของห้อง
    และบนเรียวคันธนูนั้น มีรูปงูเขียนตกแต่งไว้
    และแขวนอยู่ในตำแหน่งที่สหายรักนั่งดื่มสุราในครั้งก่อน
    และในครั้งนี้สหายรักก็นั่งในตำแหน่งเดิมนี้เช่นกัน
    เล่อก่วงจึงรู้ว่า... งูในจอกสุราของสหายรักนั้นก็คือเงาจากคันธนูที่เขียนรูปงูนั่นเอง...
    เล่อก่วงจึงได้นำจอกสุรามาวางตรงหน้าของอาคันตุกะเช่นครั้งก่อน
    พร้อมเชื้อเชิญให้สหายรักดื่มและถามว่า "ในจอกสุรายังมีงูอีกหรือไม่?”
    “ยังมีงูเช่นครั้งก่อน" สหายตอบ
    เล่อก่วงจึงได้บอกเล่าเหตุที่มาของงูในจอกสุราแก่สหายรัก...
    เมื่ออาคันตุกะผู้มาเยือนได้รู้แจ้งของเหตุนั้น

    "อาการป่วยไข้สาหัสที่เรื้อรังมาชั่วนาตาปีก็หายโดยพลัน..."

    ***"บางสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในจิต อาจเป็นแค่ภาพลวงที่รอวันให้เราปล่อยออกไป..."***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2014
  19. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    จริงๆด้วย ผมก็รู้สึกเช่นนี้ มันโล่งโปร่งสบายจริงๆ เหมือนโดนชำระจิตใจ พอมาอ่านข้อความดังกล่าวแล้ว เหมือนเป็นการตอกย้ำครับ :cool:
     
  20. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ขอบคุณลุงก็ขอให้เพวกเอ็งทุกๆๆคนจงโชคดีมีสุขตลอดปีนี้ แลจักขอยืมพื้นที่กระทู้นี้อีกสักครั้ง เพื่อจักขอกล่าวสักครู่.....

    ประเด็นของข้า ที่พยายามสื่อก็ไม่มีอะไร มากก็เพียงแต่เป็นคำตักเตือนว่า แนวทางที่เห็นในกระทู้นี้ เอาเถอะไม่ว่าใครจักเชื่อว่ายังไงก็แล้วแต่ เอาเป็นว่ามันเป็นการตัดต่อคำสอนจำนวนมากจากหลายแหล่ง เข้ามารวมกัน ทีนี้แนวทางแบบนี้มีปัญหาอยู่หลายประการ ถ้าเราอยากจะพัฒนาตัวเราเอง หรือจิตสำนึกหรืออะไรก็แล้วแต่เราก็จำเป็นต้องมองให้เห็น กล่าวก็คือ หลายๆๆส่วนก็เป็นการคั้นหัวกะทิเข้ามายำๆๆ รวมกันไว้ ตรงนี้แหละที่เป็นอันตราย มันก็เหมือนกับเราสอนการแก้สมการเชิงอนุพันธ์ ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ระดับมหาวิทยาลยให้เด็กที่ไม่เคยเรียนแม้แต่บวกลบคุณหารมาก่อน มันจะเป็นประโยชน์กับเด็กคนนั้นไหมล่ะบางทีเด็กคนนั้นอาจจะเพี้ยนไปเลยก็ได้

    การคั้นหัวกะทิมาแล้วทิ้งพื้นฐานทั้งหมดไป แล้วคัดแต่ส่วนสุดยอดมารวมกันหรือหยิบมาบางส่วนทิ้งอีกส่วนทั้งที่มันเกี่ยวเนื่องกัน ฉาบฉวย ซึ่งเป็นอันตราย ดังนั้นเราจึ่งควรรู้ทันตรงนี้ คือรู้มาที่ไปด้วย นี่สำคัญ กล่าวคือ เด็กทารกไม่พร้อมรับมือกับมัน ยกตัวอย่าง การนำเอาการเพ่งนิมิตรวมไปถึงการหลอมรวมตัวเองจนเป็นทวยเทพ(อาจจะใช้พระเยซู หรือ ใครก็ได้ไม่สำคัญดอก) มากล่าวถึง แม้ว่าจะกล่าวเพียงแค่ผ่านๆๆ ปกติผู้ฝึกฝนวิธีนี้จำเป็นต้องเรียนรู้วินัยปลูกฝั่งศรัทธาและความเพียรก่อนในขั้นพื้นฐานรวมไปถึงสร้างความเชื่อใจและการอุทิศคัวให้กับครู ต่อมาก็การบ่มเพาะความกรุณา และ ปัญญาที่แทงทะลุในความว่าง(สุญญตา) จึงจะใช้วิธีนี้ได้

    ไม่เช่นนั้นผู้ปฏิบัติอาจจะกลายเป็นคนบ้าไป เพราะ การฝึกวิธีนี้ผู้ปฏิบัติจะสึกว่าตัวเอง กลายเป็นตัวตนที่สูงส่งหนึ่งๆๆไปและสำแดงออกไปเยี่ยงนั้น(แทนที่จะคิดว่าตวเองกำลังพัฒนาหรือเป็นตัวตนที่เป็นคนบาปที่ไม่มีคุณค่าจะสร้างสรรค์บางสิ่งที่มีประโยชน์คุณค่าได้) ทีนี้การที่เขารู้สึกแบบนี้ก็หมายความว่า เขาอาจจะเป็นไปได้สองทางคือคนที่บริบรูณ์จริงๆๆ หรือ คนบ้าที่ความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาสุกงอมเต็มขั้น เรียกได้ว่ากลายมาเป็นคนทีเย้อหยิ่งอย่างถึงที่สุด ชนิดที่ว่าเขามองว่า คนอื่นนั้นเป็นตัวเชื้อโรค โง่เขลากว่าตัวเขา เขาคือตัวตนอันวิเศษศักดิ์สิทธิ์ที่สุด นึกดูสิถ้าเราคิดถึงตัวเองหรือรู้สึกว่าเราเป็นพระพุทธเจ้า พระเจ้า พระเยซู มนุษย์ต่างดาว อะไรก็เถอะ เราจะต่างกับคนบ้าธรรมดาๆๆตรงไหนคนพวกนี้ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ทีนี้ขอให้สังเกตว่าบรรดาเจ้าลัทธิเพี้ยนทั้งหลายที่ถึงกับสังหารหมู่คนจำนวนมากก็เพราะเหตุผลนี้แหละ หรือ คนอย่างฮิตเล่อร์ก็เป็นตัวแทนที่ดี ฮิตเล่อร์นั้นเชื่อว่า เขาคือผู้สืบทอดเผ่าพันธุ์ที่สูงสุดกว่าทุกเผ่าพันธุ์คืออารยัน เผ่าพันธุ์ของเขาคือเผ่าพันธุ์เดียวกับพระเยซู ซึ่งเขาเข้าใจเอาเองว่าพระเยซูคืออารยัน ไม่ใช้ยิว เพราะเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำอย่างยิวจะมีจิตสำนึกที่สูงส่งเช่นนั้น แบบอารยันได้อย่างไร และชายคนนี้ก็บ้าคลั่ง เขาก่อสงครามโลกขึ้นมา เพื่อให้อารยันปกครองโลก กำจัดเผ่าพันธุ์อื่นที่เขาคิดว่าด้อยกว่าอย่างยิว ผิวดำ เหลือง และบางพวกที่ผิวขาวทิ้งไป เพื่อบรรลุถึง จักรวรรดิไรช์ที่สาม ขอให้สังกตว่ามีความเหมือนอย่างยิ่ง


    ทีนี้ ในวัฒนธรรมทิเบตเรียกว่าเขาตกลงสู่นรกวัชระซึ่งไม่มีทางออก (....ที่พูดถึงเพราะที่ไปที่มาของการเพ่งนิมิตจนเป็นหนึ่งกับทวยเทพนะ มันมาจากนิกายวัชรยาน ในคริสต์ศาสนาก็พูดถึงคือ ให้ตัวเราตายเสียแล้วให้พระเยซูเข้ามาแทนที่เสีย นี่คือการเกิดใหม่ คือเราตายแล้วพร้อมการตรึงกางเขน ที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เราคนบาปนะ แต่คือ พระเยซู เหมือนในบทโรมที่พอลกล่าวว่า "ไม่ใช้ข้าหรอกที่เป็นอยู่ พระเยซูต่างหากที่ดำรงอยู่ในตอนนี้ในกายนี้"....) และ เรียกตัวตนที่สุกงอมเต็มที่นี้ว่ารุทระ (ไม่ใช่กลายเป็นพระพุทธ พระโพธิสัตว์) ซึ่งรุทระนี้คือเจ้าแห่งมาร เป็นตัวแทนของบุคคลที่ยึดมั่นในตนเองอย่างรุนแรง เขามีรูปกาย สามเศียร หกกร มีเขี้ยวและเล็บอันยาวโง้ง หลังจากการถือกำเนิด มารดาก็สิ้นชีพลงในไม่ช้า เหล่าเทพต่างเกรงกลัว ในเภทภัยที่จะตามติดมา พวกเทพจึงนำเขาพร้อมด้วยซากศพแห่งมารดาไปไว้ในสุสานและกลบหลุมฝังเสีย ทว่าทารกน้อยนั้นกลับรอดชีวิต มาได้โดยอาศัยโลหิตและมังสาของศพมารดาเป็นอาหาร จิตใจของเขาจึงดุร้ายยิ่งนักและยังทรงพลังอันกล้าแข็ง เขาส่งเสียงขู่คำรามไป ทั่วสุสาน กำราบพวกผีป่าและเทพเป็นพวกและจัดตั้งอาณาจักรของตนเอง จนในที่สุดเขาก็สามารถครอบครองไตรพิภพไว้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติต้องบำราบ ดังนั้นเทพของธิเบตภาคดุที่เรียกว่ายิดัม( yidam ) บางรูปเคารพจักทำเป็นรูปเทพที่เหยียบมารตนหนึ่งไว้ นั้นก็คือรุทระและสมุนนั้นนี่เอง คือเป็นการชี้ว่า เป้าหมายการปฏิบัติก็คือบำราบความยึดมั่นถือมั่นในอัตตา หรือมารตัวนี้นั้นเอง ยิดัมแทนปัญญาญาณ ยิดัมจักสวมใส่ชุดอาภรณ์ของมาร อันหมายถึงการเปลี่ยนอัตตาให้กลายเป็นปัญญาญาณ มงกุฏกระโหลกศีรษะทั้งห้าที่ยิดัม สวมอยู่หมายถึงอารมณ์ห้า ซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นปัญญาญาณห้าประการ ตรีศูลซึ่งยิดัมถืออยู่ยังประดับไว้ด้วยหัวคนสามหัวด้วยกัน มีหัวสด หัวแห้ง และหัวกระโหลก หัวสดหมายถึงตัณหาอันรุ่มร้อน หัวแห้ง หมายถึงโทสะอันเยือกเย็นเหนียวแน่น หัวกระโหลกหมายถึงโมหะ ตรีศูลเป็นเครื่องประดับซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของการข้ามพ้นอยู่เหนือแรงกระตุ้นทั้งสามประการ นอกจากนี้ ตรีศูล ยังประกอบด้วยปลายแหลมสามปลาย ซึ่งหมายถึงหลักการพื้นฐานแห่ง สภาวะสามประการด้วยกัน คือศูนยตา พละ และ ภาวะแห่งการสำแดงออก ยิดัมสวมสร้อยซึ่งร้อยด้วย หัวกระโหลกห้าสิบเอ็ดหัว อันหมายถึงการข้ามพ้นอยู่เหนือความคิด ห้าสิบเอ็ดแบบ



    ทีนี้จะเห็นว่าการปฏิบัติขั้นพื้นฐานและขั้นกลาง จะช่วยได้อย่างมากก่อนที่คนเราจะกลายมาเป็นรุทระ ไป คือครูจะคอยเตือนคอยกำราบคอยชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องศิษย์ต้อเชื่อใจครูอย่างมาก เคารพรัก เสมือนเป็นพ่อแม่ พระพุทธเจ้า ไม่งั้นศิษย์อาจจะไม่พอใจครูที่ชี้ข้อบกพร่องของตน จนกระทั้งอาจจะถึงขั้นทำร้ายครูได้ ด้วยเหตุนี้ตำนานจึ่งเล่าว่ารุทระนี้เดิมเคย เป็นคนมาก่อนแต่วันหนึ่งเกิดเข้าใจคำสอนผิดแล้วยึดถือว่าตนเข้าใจถูกแล้ว จนกระทั้งเมื่อครูของเขาชี้ความผิดพลาด รุทระก็เลือดขี้นหน้าชักดาบออกมาแทงครูของตวเอง นี่เลยทำให้เขาตกลงสู่นรกและในที่สุดก็กลายมาเป็นเจ้าแห่งมารไป ทีนี้ความกรุณาจะเห็นว่าก็เป็นอุบายวิธีที่จักลดความยึดมั่นในตนเองอย่างรุนแรง อยู่แล้วคือสอนให้คึดถึงผู้อื่นก่อนแม้แต่จะทิ้งนิพพานก็ยอม ทีนี้ปัญญาหยั่งสุญญตานี่สำคัญสุด เพราะหมายความว่าผู้ปฏิบัติจะแทงทะลุความยึดถือในตัวตน คือไม่มีตัวตนที่แท้จริงนะ มีแต่กระแสของเหตุปัจัย สักแต่เป็นเพียงความว่าง ดังนั้นตัวตนของพระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้า หรืออะไรก็ตามนี้ก็ไม่ได้มีอยู่จริงด้วยตัวมันเอง เหมือนตัวตนอันก่อนหน้านี่แหละ นี่ก็เลยทำให้การปฏิบัติแบบนี้ปลอดภัย

    ประเด็นหลักของการปฏิบัติทางศาสนธรรมใด ๆ ก็คือการก้าวออกจากความต้องการอยู่ร่ำไปของอัตตา ที่อยากได้ความรู้ กุศลธรรม การความสบายที่สูงส่งยิ่งขึ้นเป็นศาสนธรรมยิ่งขึ้นพ้นจากโลกียะมากขึ้น หรืออะไรก็ตามที่อัตตาในแต่ละขณะกำลังแสวงหาอยู่ ซึ่งเราต้องก้าวให้พ้น ไม่งั้นล่ะก็เราก็ยังคงหลอกตัวเอง คือต่อให้ศึกษาเท่าไหร่เราก็ยังเป็นเรา ยังโลภ ยังเห็นแก่ตัว เย้อหยิ่ง ทำนองนี้เราพบว่าตัวเราเองเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมรรควิถีทางศาสนธรรมมากมายมหาศาลอยู่ตลอดไป และรู้สึกดีที่เราช่างรอบรู้ เราได้บรรลุ เรามั่นใจว่าเราถูกและใครจะวิจารณ์แนวทางของเราไม่ได้ เขาจะสั่นคลอนความเชื่อ และความรู้สึกสบายใจว่าฉันมีธรรมะ ฉันกำลังก้าวหน้า พัฒนาตัวเอง เรียนรู้ ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลลวงของการยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่ดี ดังนั้นนที่สุดเราต้องตระหนักรู้ถึงตรงนี้ให้มากๆๆ ไม่งั้นเราก็จะไปต่อไม่ได้ ไม่มีการเติบโต และหากเราไม่เต็มใจปล่อยให้ตัวเองเติบโต เราก็จะตกสู่กระบวนการทำลายตัวเองด้วยความสับสน มันเป็นการทำลายตัวเอง พูดง่ายๆๆก็คือ ในที่สุดเราควรจะทำความเข้าใจสภาพพิกลพิการทางจิต และ ทำให้เราไปถึงจุดที่เราเลิกพยายามปกป้องหรือปรับปรุงตัวเราเอง ทั้งนี้เนื่องจากเรารู้แล้วว่า การต่อสู้ดิ้นรนของเรานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ และเราอาจจะปรารถนาที่จะยอมจำนน อันเป็นการละทิ้งความพยายามที่จะปกป้องตัวเราเองอย่างสิ้นเชิง อันเป็นการละทิ้งความพยายามที่จะปกป้องตัวเราเองอย่างสิ้นเชิง เผยจิตใจของเราต่อสถานการณ์ชีวิตที่เป็นจริงมิใช่ที่เราอุดมคติทีเราสร้างขึ้น ซึงแน่นอนว่า มันเป็นทางยาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มกราคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...