สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม..

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย นิพพานายะ, 7 มกราคม 2014.

แท็ก: แก้ไข
  1. นิพพานายะ

    นิพพานายะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +176
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wggFpJSMwMrECTjl" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/g90/B0IVuY.jpg" /></a>

    " สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม "
    หลวงปู่ชอบ ฐานะสโม..

    ก่อนเข้าพรรษาปีพุทธศักราช ๒๕๑๔ คืนหนึ่ง พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม นิมิตเห็นกระดูกซีกซ้ายขององค์ท่านแตกละเอียดเป็นผุยผง องค์ท่านจึงตั้งกำหนดรูปกระดูกของตนเองในนิมิตขึ้นมาอีกครั้ง พอรูปกระดูกตั้งอยู่ได้ซักพักหนึ่งก็แตกละเอียดเป็นผุยผงลงไปเหมือนเดิม หลวงปู่ชอบท่านจึงยกนิมิตนี้ขึ้นมาพิจารณาดูว่าเป็นเพราะเหตุอะไร..

    องค์ท่านทราบด้วยความรู้ว่า ต่อไปแขนขาทางด้านซีกซ้ายของท่านจะใช้งานไม่ได้ตามปรกติอย่างที่เคยเป็นมา องค์ท่านจึงพิจารณาถึงผลกรรมที่เป็นสาเหตุจะทำให้ตนเองเดินไม่ได้..

    บุพกรรมขององค์ท่านปรากฏขึ้นมาให้รู้คือ

    ๑.ในอดีตชาติท่านเคยเอาควันไฟไปสุมโพรงไม้เพื่อจับบ่าง บ่างในโพรงไม้เมื่อสำลักควันไฟก็หนีตายออกมาให้ท่านจับ มีบ่างตัวหนึ่งสำลักควันไฟตายคาโพรงไม้ ก่อนที่บ่างตัวนี้จะสิ้นใจได้กล่าวผูกอาฆาตพยาบาทจองเวรกับท่านเอาไว้..

    ๒.ในชาติปัจจุบันสมัยหลวงปู่ชอบท่านเป็นเด็ก ท่านได้หักขากบขาเขียดและดึงขาปูออกเพื่อไม่ให้มันไต่เต้นหนี กรรมหักขากบเขียดและดึงขาปูนี้เป็นอีกกรรมหนึ่งที่ตามมาชำระหลวงปู่ชอบในปัจจุบันทำให้องค์ท่านเดินไม่ได้ เมื่อท่านทราบที่มาของกรรมตนเองแล้วองค์ท่านจึงปลงใจในธรรมยอมรับผลกรรมที่จะเกิดขึ้นกับตนเองอย่างอาจหาญ..

    เช้าวันที่องค์ท่านหลวงปู่ชอบจะเริ่มเดินลำบาก ท่านดมพระอุปัฏฐากหลวงปู่ในสมัยนั้นได้นำน้ำอุ่นเข้าไปถวายเพื่อให้องค์ท่านล้างหน้า หลวงปู่ชอบพูดให้ท่านดมฟังว่า โบ้ย..เมื่อคืนเรานิมิตเห็นกระดูกแขนขาข้างซ้ายของเราแตกป่นละเอียดไปหมด กำหนดก่อรูปขึ้นมาใหม่มันก็ทรงได้ชั่วคราวแล้วก็แตกละเอียดลงไปอีก เราไม่เคยมีนิมิตที่เกี่ยวข้องกับร่างกายของตนเองแบบนี้มาก่อน นี่พึ่งปรากฏขึ้นมาไห้เราเห็นเป็นครั้งแรก พญาขันธ์มารมาเตือนเราในเรื่องนี้แล้ว..

    ตอนนี้แขนขาทางซ้ายเรามีอาการมึนชาจะขยับจับถืออะไรก็ลำบาก วันนี้ท่านดมไม่ต้องเอาบาตรของท่านออกไปบิณฑบาต ให้ท่านทำหน้าที่ประคองเราเวลาเดินบิณฑบาตก็พอ..

    พอได้เวลาบิณฑบาตหลวงปู่ชอบท่านเดินถือไม้เท้าพาพระเณรออกไปบิณฑบาตที่บ้านโคกมนตามปรกติ แต่ผิดปรกติเพราะมีท่านดมเป็นผู้คอยประคององค์ท่านในเวลาบิณฑบาต พอถึงจุดที่จะเลี้ยวหลวงปู่จะบอกให้ท่านดมเป็นผู้จับตัวของท่านหมุนเลี้ยวไปตามทาง พระเณรที่เดินบิณฑบาตไปกับองค์ท่านเห็นเหตุการณ์ต่างพากันสงสัยว่าวันนี้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเป็นอะไร ชาวบ้านที่มารอใส่บาตรหรือผู้ที่พบเห็นพากันถามท่านแทบจะทุกคน หลวงปู่ท่านจะตอบว่าวันนี้แขนขาซีกซ้ายมันอ่อนแรงควบคุมตนเองไม่ค่อยได้จึงต้องให้พระคอยประคอง..

    หลังจากฉันอาหารแล้วพระเณรพากันไปล้างบาตร ขณะที่หลวงปู่ชอบท่านนั่งรอพระเณรล้างบาตรอยู่ที่ศาลา จู่ๆองค์ท่านก็ล้มคว่ำหน้าลงไปทางด้านซ้าย โยมที่เห็นเหตุการณ์พากันตกอกตกใจร้องเรียกพระเณรให้รีบขึ้นมาดูอาการขององค์ท่าน พระเณรจึงพากันวางธุระรีบขึ้นมาดูอาการขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ หนึ่งในพระที่เข้ามาดูอาการของหลวงปู่ชอบตอนนั้นคือ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ จังหวัดเชียงใหม่..

    หลวงพ่อประสิทธิ์ท่านเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟังว่า แม่ออก(โยมผู้หญิง) พากันร้องตกอกตกใจจนลั่นศาลา แม่ออกร้องบอกพระเณรให้พากันมาดูหลวงปู่ชอบว่าท่านเป็นอะไร เราก็รีบวางบาตรขึ้นมาดูอาการของท่านพร้อมกับพระเณร เห็นหลวงปู่ชอบท่านนั่งเอียงตัวโน้มไปทางซ้าย ท่านเอามือขวาของท่านค้ำพื้นศาลาเอาไว้ ปากของท่านตอนนั้นบิดเบี้ยวมีน้ำลายไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา เรากับเพื่อนพระพากันประคองท่านขึ้นนั่งในท่าตรง เอากระโถนให้ท่านบ้วนน้ำลายเช็ดปากเช็ดหน้าให้กับท่าน..

    เราถามหลวงปู่ชอบว่า พ่อแม่ครูบาอาจารย์เป็นอะไรขอรับ หลวงปู่ชอบท่านไม่พูดอะไรออกมาในตอนนั้น ท่านนั่งจ้องหน้าเราแล้วยิ้ม สักพักท่านถึงบอกว่าพาเรากลับกุฏิหน่อย สำเนียงเสียงพูดของท่านตอนนั้นออกแปร่งๆพูดไม่ค่อยชัด แต่เราเข้าใจในความหมายที่หลวงปู่ชอบท่านบอก พวกเราจึงพากันประคองท่านกลับที่พัก ตั้งแต่นั้นมาอาการของท่านก็ไม่ดีขึ้นเลย มีแต่ประคองเอาไว้ไม่ให้เป็นมากไปกว่านี้ สุดท้ายหลวงปู่ชอบท่านก็เดินไม่ได้อย่างที่พวกเราเห็นนี่แหละ เคยถามท่านว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ป่วยเป็นอะไรถึงได้เป็นแบบนี้ ท่านบอกเป็นโรคกรรมของเราเอง เป็นโรคกรรมที่รักษาไม่ได้ ว่าแล้วท่านก็ยิ้มไม่อยากให้ลูกศิษย์เป็นกังวล..

    แรกๆที่หลวงปู่ชอบท่านมีอาการมึนชาแขนขาซีกซ้าย ท่านจะบอกให้พระเณรพากันมานวดให้องค์ท่าน ซึ่งแต่ไหนแต่ไรหลวงปู่ท่านจะไม่ค่อยให้ใครมานวดให้องค์ท่านเลย พระเณรองค์ไหนที่มีความรู้ในเรื่องการนวดก็พากันมานวดถวายให้องค์ท่าน ท่านจะบอกให้พระเณรนวดตามจุดที่ท่านมีอาการมึนชา พอกดถูกจุดที่ท่านมีอาการมึนชาท่านจะบอกให้กดลงไปตรงนั้นแรงๆโดยไม่ต้องออมมือ ตรงไหนถูกจุดที่ท่านมีอาการมึนชาท่านจะเอ่ยปากร้องออกมาว่า " มึนจ้าวๆแท้เว้ย "..

    พระเณรท่านใดที่มีฝีมือในการนวด หรือหมอนวดพื้นบ้านที่ฝีมือดีมารักษาโดยการนวดประคบให้องค์ท่าน อาการของหลวงปู่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นมาเลย หนำซ้ำอาการของท่านกลับทรุดหนักลงไปเรื่อยๆ จนแขนขาทางด้านซีกซ้ายของท่านไม่สามารถใช้งานได้ตามปรกติ ปากของท่านตอนนั้นจะบิดเบี้ยว เวลาพูดจะไม่ชัดถ้อยชัดคำเหมือนเก่า ถ้าใครไม่ตั้งใจฟังขณะที่หลวงปู่ท่านพูด ก็จะฟังคำพูดของท่านไม่รู้เรื่องเลย..

    การรักษาอัมพฤกษ์อัมพาตในสมัยนั้นวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังไม่เจริญเหมือนในสมัยปัจจุบันนี้ แม้แต่สมัยนี้ก็ใช่ว่าจะรักษากันได้ง่ายๆ ผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตถ้าไม่รีบรักษาตั้งแต่ตอนเริ่มเป็นใหม่ๆแล้ว โอกาสที่จะรักษาให้หายเป็นปรกตินั้นจะยากมาก ลูกศิษย์จึงนิมนต์องค์ท่านหลวงปู่ชอบมารักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ตอนรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชอาการขององค์ท่านก็ดีขึ้นในระดับหนึ่ง ปากที่บิดเบี้ยวของท่านก็หายเป็นปรกติสามารถพูดจาได้ชัดถ้อยชัดคำขึ้น ทางแพทย์จึงอนุญาตให้หลวงปู่ออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ต้องมาพบแพทย์ตามวันเวลานัดหมายเพื่อทำการตรวจสุขภาพขององค์ท่านเป็นระยะๆ..

    เพื่อความสะดวกในการมาพบแพทย์ตามวันเวลานัดหมาย หลวงปู่ซามาและหลวงพ่อบัวคำจึงนิมนต์องค์ท่านหลวงปู่ชอบมาพักที่ วัดอโศกการาม จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีหลวงปู่หลุยตามเข้ามาสมทบในการดูแลรักษาองค์ท่านหลวงปู่ชอบอีกแรงหนึ่ง ระหว่างพักรักษาตัวอยู่ที่วัดอโศการามหลวงปู่ท่านปรารภกับลูกศิษย์ว่าอยากจะกลับมารักษาอยู่ที่เมืองเลย ท่านบอกโรคที่เราเป็นอยู่นี้มันรักษาไม่หายหรอก อย่างดีก็แค่ประคองตัวเองไม่ให้ตายไวเท่านั้น ท่านว่าโรคกรรมนี้ของเรามันจะหายได้ก็ต่อเมื่อตายจากกันไปแล้วเท่านั้น..

    พอเข้าพรรษาปีพุทธศักราช ๒๕๑๔ หลวงปู่ชอบท่านแยกมาจำพรรษาที่วัดป่าสานตม ตำบลสานตม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย โดยมี หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร หลวงพ่อขันตี ญาณวโร หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ ฯลฯ ร่วมจำพรรษาดูแลอุปัฏฐากองค์ท่าน..

    หลังออกพรรษาปลายฤดูกาลทอดกฐิน องค์ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้พาลูกศิษย์มาทอดจุลกฐินให้องค์ท่านหลวงปู่ชอบที่วัดป่าสานตม หลังทอดกฐินผ่านไปหลวงปู่ชอบท่านเป็นไข้หวัดใหญ่และมีอาการปอดชื้นเข้าแทรกเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทางคณะพระอุปัฏฐากจึงนิมนต์องค์ท่านลงมารักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์ และ โรงพยาบาลศิริราชกรุงเทพฯอีกครั้งหนึ่ง..

    คืนหนึ่งระหว่างพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช หลวงปู่ชอบท่านตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อที่จะบ้วนน้ำลาย ขณะที่องค์ท่านเอื้อมมือไปหยิบกระโถนมาบ้วนน้ำลายนั้น ท่านเกิดเป็นลมหน้ามืดขึ้นมาอย่างกะทันหันเป็นเหตุให้ท่านเสียหลักตกจากเตียงคนไข้หัวกระแทกฟื้นจนสลบ..

    ท่านว่า ตอนเราตกจากเตียงนั้น กรรมของเราปิดบังไม่ให้พระเณรและพยาบาลมองเห็นเราในตอนนั้น พอกรรมของตนเองแสดงผลอย่างเต็มที่แล้วจึงเปิดออกมาให้คนอื่นเห็นภาพที่เราตกจากเตียง..

    ท่านว่า " เวลากรรมมันไล่มาถึงแล้วไม่มีใครจะหลีกลี้หนีพ้นได้ ต่อให้บินเหาะหนีขึ้นไปอยู่บนฟ้านภากาศก็ต้องร่วงลงสู่กรรม "..

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบ “ เราพิจารณาอายุขัยของตนเองดู ถ้าจะไปในตอนนั้นเราก็ไปได้ พอมาพิจารณาถึงวาสนาของตนเองที่ยังเกี่ยวข้องกับผู้อื่นอยู่ ยังมีสัตว์โลกทั้งกายทิพย์กายหยาบรอให้เราโปรดอีกมากมาย เราจึงอยู่โปรดสัตว์โลกต่อไปเพื่อทำหน้าที่ของตนเองในชาติสุดท้ายให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อแทนพระคุณของพระศาสนา "..

    " ถึงร่างกายของตนเองจะอยู่อย่างทุกข์ในธาตุขันธ์ เราก็จะเอาจิตของตนเองอยู่โปรดสัตว์โลกกายทิพย์กายหยาบให้ได้มากที่สุด ถึงจะไม่มีใครพาเราไปโปรดสัตว์โลกผู้ตกทุกข์ได้ยาก เราก็จะกลิ้งไปกับพื้นดินเพื่อโปรดสัตว์โลกผู้นั้นๆ ถ้าไม่มีแรงกลิ้งไป เราก็จะเอาคางเกาะพื้นดินไป สัตว์โลกไม่ว่าหยาบ ไม่ว่าละเอียด ถ้ามีวาสนาต่อกันกับเราแล้วถึงจะอยู่ที่ไหนเราก็จะเดินทางไปโปรดเขาถึงที่นั่น จิตเราไม่มีอุปสรรคในการไปมา มีแต่กายของตนเองเท่านั้นที่ต้องอาศัยผู้อื่นในการเดินทางไปโปรดสัตว์โลก ”..

    “ ประโยชน์ของคนที่เขาทำบุญกับเรานั้นมีมาก คนที่กราบเราด้วยจิตใจที่เลื่อมใส ถ้าเขาเกิดอีกในชาติไหนๆ เขาก็จะได้เห็นสมณะผู้ทรงธรรม การได้เห็นสมณะผู้ทรงธรรมจะทำให้บุคคลนั้นได้ต่อยอดบุญของตนเองไปเรื่อยๆจนประมาณไม่ได้ "..

    " คนที่ใส่บาตรถวายทานให้กับเรา เขาจะได้อานิสงค์มาก ถ้าไม่มีกรรมหนักมาเบียดเบียน เกิดชาติไหนๆเขาก็จะไม่อัตตะคัดขัดสน หาอยู่หากินคุ้มปากคุ้มท้องของตนเอง ”..

    “ ผู้ที่ดูแลอุปัฏฐากเราจะได้บุญมากกว่านี้อีกหลายเท่า บุญผู้ดูแลพยาบาลพระภิกษุสามเณรผู้อาพาธ เท่ากับบุญได้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า เรื่องนี้เราไม่ได้เป็นผู้กล่าวเอง พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสอานิสงค์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว บุญกุศลผู้ที่ทำหน้าที่อุปัฏฐากภิกษุสามเณรผู้อาพาธนั้นมีมาก มากขนาดที่ว่าจะติดตามบุคลนั้นไปทุกภพทุกชาติจนถึงวันที่เขาเข้าพระนิพพาน บุญกุศลที่ได้พยาบาลอุปัฏฐากพระภิกษุสามเณรผู้อาพาธนี้มากมายขนาดไหนก็ให้พวกท่านพิจารณาดูเอา ”..

    กราบเรียนถามองค์ท่านหลวงปู่ชอบเพื่อให้หมู่คณะพระเณรที่ร่วมอุปัฏฐากองค์ท่านได้ฟังเพื่อเป็นข้อธรรมเตือนใจหมู่เพื่อนว่า บุญบาปที่ทำกับสมณะชีพราหมณ์ผู้ทรงศีลทรงธรรม ตลอดจนบุญบาปที่ทำกับผู้มีพระคุณนี้หนักมากขนาดไหนขอรับ..

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบบอกว่า “ บุญที่ทำกับผู้ทรงศีลทรงธรรม และบุญที่ทำกับผู้มีพระคุณ เช่นพ่อแม่ญาติพี่น้องครูบาอาจารย์ บุญกุศลนี้จะติดตามบุคคลนั้นไปจนถึงวันที่บุคคลนั้นเข้าสู่พระนิพพาน ตรงกันข้ามเช่นเดียวกัน บาปอกุศลที่ได้ทำต่อท่านผู้ทรงศีลทรงธรรมและท่านผู้มีพระคุณ บาปอกุศลเหล่านี้ก็จะติดตามส่งผลให้บุคคลนั้นได้รับผลกรรมชั่วของตนเองจนถึงวันเข้าสู่พระนิพพานเหมือนกัน ”..

    “ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ให้เร่งทำบุญให้กับตนเองไว้มากๆ พอตายไปแล้วจะไม่มีโอกาสได้ทำบุญแบบนี้อีกนะ ตายไปแล้วก็ได้ไปเสวยบุญเสวยบาปที่ตนเองได้ทำเอาไว้ตอนสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ คนทำดีก็ได้เสวยบุญ มีสุขคติเป็นที่ตั้ง มีสวรรค์พรหมโลกเป็นที่อยู่ หรืออย่างน้อยก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา "..

    " คนทำชั่วก็ได้เสวยบาป มีทุคติความทุกข์เป็นที่ตั้ง มีอบายภูมิทั้งสี่คือ นรก เปรต อสูรกาย เดรัจฉานภูมิเป็นสถานที่อยู่อาศัย หนักเบาขึ้นอยู่กับบาปกรรมที่ตนเองได้กระทำมา ”..

    กราบเรียนถามองค์ท่านว่า บุญบาปนรกสวรรค์นี้พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติเอาไว้หรือขอรับ..

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบ “ บุญบาปนรกสวรรค์ไม่มีใครบัญญัติแต่งตั้งขึ้นมา สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติเพื่อเป็นสถานที่รองรับบุญบาปของสัตว์โลก พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์พอท่านตรัสรู้เห็นธรรมเหล่านี้แล้ว พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จึงนำเอาธรรมเหล่านี้มาสั่งสอนสัตว์โลกให้รู้จักในบาปบุญคุณโทษ สิ่งไหนที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ก็จะสอนให้ทำ สิ่งไหนที่เป็นโทษเป็นที่มาของการกระทำบาปพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ท่านก็สอนให้งดเว้น ”..

    ธรรมสากัจฉาที่องค์ท่านหลวงปู่ชอบแสดงให้ลูกหลานฟังในวันนี้ลึกซึ้งพิสดารมาก ถึงเวลาล่วงเลยดึกดื่นค่อนคืนผ่านไปแล้วพระเณรแต่ละองค์ที่นั่งฟังหลวงปู่ยังตาใสแจ๋วเหมือนกับนกเค้าแมวก็ไม่ปาน พระเณรถามเรื่องอะไรหลวงปู่ท่านตอบให้ฟังทุกเรื่องโดยไม่ปิดบัง..

    โดยเฉพาะเรื่องอดีตชาติของแต่ละคนที่หลวงปู่ชอบท่านเล่าให้ฟัง แต่ละคนตื่นเต้นในเรื่องราวอดีตชาติของตนเองที่องค์ท่านหลวงปู่ชอบเล่าให้ฟังมาก องค์ท่านจะบอกย้อนหลังจากชาติปัจจุบันไปจำนวนกี่ชาติๆ คนนี้เกิดเป็นอะไรอยู่ที่ไหน มีความเกี่ยวข้องอะไรกับท่านมาก่อนถึงได้มาเกิดร่วมกันกับองค์ท่านในชาติปัจจุบัน หลวงปู่ท่านจะเล่าให้ฟังทั้งหมด ธรรมะสากัจฉากับองค์ท่านหลวงปู่ชอบในคืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่พิเศษสำหรับพระเณรลูกหลานที่อยู่อุปัฏฐากองค์ท่านในคืนนี้มากเหลือเกิน..

    ชีวประวัติ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    วัดป่าโคกมน บ.โคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
    เขียนบันทึกโดย..ครูบากล้วย พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท

    https://www.facebook.com/apichai553
     
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ใครๆก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าสัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรม แต่มันทำใจไม่ได้
     
  3. นิพพานายะ

    นิพพานายะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +176
    เมื่อรู้แล้วว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ก็อย่าทำกรรมไม่ดีเพิ่มขึ้นมาอีก ให้ทำแต่กุศลกรรม..วิธีที่หลีกเลี่ยงกรรมชั่ว ขั้นต้น คือให้มีศีลห้าประจำใจ รักและเมตตาทุกๆคน ให้อภัยอยู่เสมอ คิดเสียว่าทุกๆคน เป็นผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขในสังสารวัฏ เดียวกับเรา เคยเป็นพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร เพื่อนพ้องน้องพี่ ของเรามาก่อน..

    ให้ความรัก ความเมตตา และการให้อภัยกับทุกๆคน จะเป็นเกราะปกป้องเรา จากความไม่ดีต่างๆ จิตใจเราก็จะชุ่มเย็น สงบ และสบายใจอยู่เสมอ..สาธุธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2014
  4. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า กายนี้คือกรรมเก่า และกรรมใหม่ก็เกิด จากผัสสะและสฬายตะนะทั้งหลาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...