<VSN><<<มาใหม่ สายเขาอ้อ อ.ชุม,อ.ปาล,อ.คง, สรุปรายการหน้า๑๐๓>>><NSV>

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย momotaro67, 25 ธันวาคม 2010.

  1. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    พระเนื้อว่านหลวงพ่อทวด อาจารย์นอง วัดทรายขาว รุ่น 80ปี ตะกรุดเงิน ปัตตานี

    เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่จัดอยู่ในทำเนียบพระเครื่องสายหลวงพ่อทวดที่นิยมของอาจารย์นออง วัดทรายขาวผู้สร้างตำนานสืบสานหลวงพ่อทวดต่อจากพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ โดยใช้ส่วนผสมของหลวงพ่อทวดเนื้อว่านปี2497เป็นส่วนผสมหลักแถมยังมีการบรรจุตะกรุดนารายณ์แปลงรูปตามเคล็ดวิชาที่ท่านอาจารย์ได้ศึกษาเล่าเรียนมา
    จำนวนการจัดสร้าง พิมพ์กรรมการ ตะกรุดเงิน 1 ดอก
    - เนื้อว่าน พิมพ์กรรมการ ฝังตะกรุดทองคำ 1ดอก 1,000 องค์
    - เนื้อว่าน พิมพ์กรรมการ ฝังตะกรุดเงิน 1ดอก 7,000 องค์
    ตอนนี้หายากแล้วครับเพราะพระเครื่องรุ่นนี้มีประสบการณ์ดีจริงๆน่าสะสมบูชาครับรับประกันแท้ตลอดชีพครับ

    [​IMG]
    [​IMG]


    [FONT=&quot]ให้บูชา 2,650บ.ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014
  2. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    พระรูปเหมือนลอยองค์เนื้อว่านดำรุ่นแรกและรุ่นเดียวของอาจารย์นองที่สร้างตอนท่านมีชีวิตอยู่ครับ ตอนอาจารย์นองท่านอายุ 79 ปี สร้างปี2541 สภาพสวยพร้อมกล่องเดิม ใต้ฐานฝังตะกรุดเงินนาราย์แปลงรูป อาจารย์นอง วัดทรายขาว ตอกโค๊ดอายุอาจารย์นอง 79ปี
    [​IMG]
    [​IMG]

    [FONT=&quot]ให้บูชา 950บ.ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน อาจารย์นอง วัดทรายขาว พิมพ์เตารีดจัมโบ้ ปี2537 ฝั่งตะกรุดเงิน 3ดอก สร้างในโอกาสอายุครบ 75ปีของอาจารย์นอง วัดทรายขาว เนื้อว่าน สร้างจำนวนน้อยครับ ขนาดใหญ่กว่าทั่วๆไป องค์นี้สภาพสวยครับ ไม่มีบิ่น ให้เช่าบูชาในราคาไม่แพง รับประกันความแท้
    [​IMG]
    [​IMG]


    [FONT=&quot]ให้บูชา 3,250บ.ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    [​IMG]

    แหวนปลอกมีด เนื้ออัลปาก้า พ่อท่านบุญให้ วัดท่าม่วง นครศรีธรรมราช ให้ท้องแหวนมียันต์นะเศรษฐี พุทธคุณร่ำรวยเงินทอง ทรงสวยเรียบ ใส่ง่ายติดมือ แคล้วคลาดปลอดภัย ร่ำรวยโชคลาภครับ
    [​IMG]

    [FONT=&quot]ให้บูชา 500บ.ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2014
  5. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    [​IMG]

    เบี้ยแก้คฤหบดีเศษฐี รุ่น2 แบบกรรมการสองโค๊ด ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม วัดสุวรรณเจดีย์ จ.อยุธยา จำนวนสร้างทั้งหมด 68ตัว หายากมากๆ
    [​IMG]
    ท่านปลุกเสกทุกวันในกุฏิท่านเป็นเวลาหลายเดือนครับแล้วนำออกมาปลุกเสกพร้อมกับเหรียญรุ่นสมปราถนาเป็นพิธีสุดท้ายก่อนออกให้บูชา

    จำนวนการสร้าง
    แบบกรรมการ สองโค๊ด โค๊ดแผ่นดีบุก โค๊ดแผ่นทองฝาบาตร(หลวงปู่เช้าเสก) 68ตัว
    แบบธรรมดา หนึ่งโค๊ด โค๊ดแผ่นดีบุก สร้าง 300ตัว
    รวมจำนวนการสร้างทั้งหมด 368ตัว

    ประสบการณ์จากคุณpong55

    เกี่ยวกับ เบี้ยแก้คฤหบดีเศษฐี รุ่น2 ขององค์หลวงปู่เสงี่ยมนะครับผม ตั้งใจจะเล่าตั้งนานแล้วครับผมแต่ค่อนข้างยาวเลยยังหาโอกาสพิมพ์ไม่ได้ครับ วันนี้มีเวลาพอดี เลยขออนุญาตนะครับ

    ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นกับ เพื่อนรุ่นน้องของคุณป้าของผมซึ่งผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยครับ ก่อนที่จะเล่าถึงประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ของเบี้ยแก้คฤหบดี รุ่น 2 ขององค์หลวงปู่เสงี่ยม วัดสุวรรณเจดีย์ ต้องขออนุญาต กล่าวถึงข้อมูลบางส่วน ของเพื่อนรุ่นน้องท่านนี้ ของคุณป้าของผมก่อน คุณน้าเขาทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทที่เป็นองค์กรที่ใหญ่และมั่นคงมากเขามีหน้าตำแหน่งหน้าที่ระดับผู้จัดการของฝ่ายงานหนึ่งในบริษัท งานของเขาเกี่ยวกับเงินทุึนจำนวนมากในฝ่ายงานที่เขาอยู่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูงมาก เพราะผลตอบแทนในงานค่อนข้างสูงมาก ๆ จึงทำให้มีการ
    แข่งขัีนกันอย่างรุนแรง ถึงขั้นมีการใช้คุณไสยมนต์ดำหรือยาสั่ง ทำร้ายคู่แข่ง ซึ่งคุณน้า เขาโดนเป็นประจำบ้างครั้ง โดนหนักมากฝ่ายตรงข้ามต้องการให้ถึงตายก็มีซึ่งฝ่ายตรงข้าม ต้องการได้ทั้งตำแหน่ง และผลตอบแทนรวมทั้งลูกค้าในส่วนของคุณน้าท่านนี้ ทั้งหมด จึงจ้างให้คนทำคุณไสยใส่ คุณน้าท่านนี้

    แต่คุณน้าเขาก็รอดชีวิตมาได้ทุกครั้ง เพราะมีอาจารย์ที่คอยรักษาให้อยู่ แต่ก็หาสิ่งที่จะมาป้องกันคุณไสยที่ทำมาไม่ได้ พระเครี่อง ตะกรุด เบี้ยแก้ ที่เขามีก็ป้องกันไม่ได้ ทำให้เขาหมดหนทางที่จะหาสิ่งมาป้องกันจนเมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้มีโอกาสได้พบเขา ที่บ้านคุณป้าของผม ผมได้สนทนาเรื่อง เบี้ยแก้คฤหบดีเศรษฐีรุ่น2 กับคุณป้าผม ระหว่างนั้นคุณน้าเขาก็อยู่ด้วย จึงขอผมดูเบี้ยแก้ดังกล่าว พอเขารับไปก็อฐิธานให้ช่วยรักษา และถอนคุณไสยมนต์ดำที่เขาเพิ่งโดนมาอีก ระหว่างนั้นเขาก็บอกกับผมว่า เบี้ยแก้นี้เขามีความศักดิ์สิทธิ์มีชีวิต หอยเบี้ยนี้มีญาณ และวิ่งไปขับไล่สิ่งไม่ดีตามจุดต่างๆ ในร่างกาย ทำให้อาการเจ็บปวด ที่โดนคุณไสยมาดีขึ้นทันที แล้่วเขาส่งคืนมาให้ผม เขาพูดต่อว่าเบี้ยยังช่วยรักษาอยู่แม้จะอยู่ที่ผม แล้วเขาก็บอกว่าเบี้ยบอกเขาว่าไล่ให้หมดแล้ว คุณน้าท่านนี้บอกผมว่าเบี้ยที่เขามีไม่รู้ของที่ไหนผมจำไม่ได้แล้ว ไม่ศักดิ์สิทธ์ เหมือนกับเบี้ยแก้ ขององค์หลวงปู่เสงี่ยมเลย เบี้ยแก้ของหลวงปู่เสงี่ยมท่านศักสิทธิ์มาก เขาจึงฝากผมทำบุญบูชาให้ 1ตัวครับผม ผมก็ดีใจกับเขาที่ได้ช่วยเขาให้หายจากอาการเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ทั้งกาย และใจ ใครไม่เป็นไม่โดนไม่รู้หรอกครับว่าคนที่โดนแบบนี้น่าเห็นใจขนาดไหน (โปรดใช้วิจารณญาณนะครับ)

    [​IMG]



    ให้บูชา 3,250บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2016
  6. Patsd44

    Patsd44 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +11
    เหรียญรุ่นแรกแม่ชีบุญเรือน วัดอาวุธฯ ปี 2511 เนื้อทองแดงรมดำ สภาพสวย รมดำเต็ม ผิวเหลือบรุ้ง สภาพนี้หายากคับเหรียญไม่ได้ใช้คับ. ขอราคาด้วยครับ
     
  7. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    ส่งให้แล้วนะครับ
     
  8. dawut_con

    dawut_con เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +342

    ขอจองบูชาครับ
     
  9. dawut_con

    dawut_con เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +342

    ขอจองบูชาครับ
     
  10. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460

    รับทราบครับท่าน
     
  11. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    [​IMG]

    ประวัติหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อย สามผาน) อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี

    กำเนิด
    พระครูสันติวีรญาณ (ฟัก สฺติธมฺโม) หรือ หลวงปู่ฟัก นามเดิมท่านคือ สุขจิตร์ พูลกะสิน เป็นบุตรของ คุณพ่อสังข์ และ คุณแม่เจน พูลกะสิน เกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2478 ณ บ้านเลขที่ 1 หมู่ 4 ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี

    จากคำบอกเล่าของคุณยายท่านหนึ่ง (เพื่อนและญาติรุ่นพี่สมัยเป็นฆราวาส) กล่าวว่า ตอนเด็กพระอาจารย์ฟักท่านอ้วนขาวเหมือนลูกฟัก จึกถูกเรียกว่า "ฟัก" แต่พ่อแม่เรียกว่า "หนู" มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อ "แฟง" เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก อายุยังไม่ถึง 9 ขวบ ท่านเลยกลายเป็นลูกโทนไปโดยปริยาย

    อุปสมบท
    งานฉลองกึ่งพุทธกาลเกิดขึ้นเมื่อคืนวันวิสาขบูชาที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) ได้ประกาศหลังแสดงพระธรรมเทศนาจบลงว่า "เราจะจัดงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษในปี 2500 ที่วัด อโศการาม....."

    ท่านย้ำเหตุที่จะทำงานนี้ว่า 1.ช่วยหมู่คณะ 2.เพื่อเกียรติพระศาสนา 3. เพื่อรักษาข้อปฏิบัติให้ไปสู่จุดหมายคือพระนิพพาน

    แผนงานเบื้องต้นของท่านในครั้งนั้นมี 4 ประการ คือ 1.สร้างพระหนึ่งล้านองค์เพื่อแจกผู้มาร่วมงานและบรรจุลงเจดีย์ 2.สรางพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย 3.อุปสมบทพระภิกษุ 80 รูป บรรพชาสามเณร 80 รูป บวชนุ่งขาวถือศีล 8 (อุบาสก) 80 คน อุบาสิกา 80 คน ถเมีจำนวนเกินที่กำหนดไว้ยิ่งดี การบวชมี 7 วันเป็นอย่างต่ำ 4.สร้างพระเจดีย์ไว้เป็นที่ระลึกในงานสำคัญนี้

    ผลของการจัดงานครั้งนั้นได้มีคุณูปการอย่างเอเนกอนันต์ต่อพระพุทธศาสนาและพุทธศาสนิกชนจนถึงทุกวันนี้ เพราะได้ให้กำเนิดพระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ เพื่อความรู้ยิ่ง หนึ่งในนั้น คือ "หลวงปู่ฟัก" ท่านในวัย 22 ปี เป็นหนึ่งใน 637 ชายหนุ่มที่อุปสมบทในงานฉลองกึ่งพุทธกาล ณ วัดอโศการาม เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2500 มีพระอาจารย์สีลา อิสสโร วัดป่าอิสระธรรม จังหวัดสกลนคร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระประจักษ์ โอภาโส วัดป่าดาราภิรมย์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า "สนฺติธมฺโม" ความหมายคือ ธรรมะเพื่อความสงบ

    ศึกษาธรรม
    หลังจากสิ้นท่านพ่อลีในปี พ.ศ. 2504 แล้ว ท่านจึงเดินทางไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านตาด ซึ่งในช่วงนั้นถือเป็น "บ้านตาดยุคแรก" เพิ่งสร้างวัดป่าบ้านตาดได้ไม่นาน ลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัวมีหลายรุ่นมาก จึงมาการจำแนกไว้ 4 ยุค คือ

    1."ยุคบ้านห้วยทราย" ช่วงที่หลวงตามหาบัวจำพรรษาที่วัดป่าห้วยทราย อำเภอคำชอี จังหวัดมุกดาหาร คือยุคก่อนสร้างวัดป่าบ้านตาด อยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2494-2498 ลูกศิษย์ในยุคนั้นเป็นระดับครูบาอาจารย์อาวุโสที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันหลายท่าน อาทิ หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จังหวัดร้อยเอ็ด ,หลวงปู่ลี กุสลธโล วัดถ้ำผาแดง จังหวัดอุดรธานี เป็นต้น 2.หลังจากหลวงตามหาบัวได้พาโยมแม่ออกบวช และน้ำคณะไปสร้างวัดที่สถานีทดลอง จังหวัดจันทบุรี ตามที่ญาติพระอาจารย์เจี๊ยะ จุนโท ถวายที่ดิน รวมทั้งไปพำนักที่วัดเขาน้อยสามผานระยะหนึ่งแล้วก็ได้กลับมาสร้างวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี เมื่อ พ.ศ. 2499 เพราะโยมแม่ไม่ค่อยสบายและสุงวัยมากแล้ว ไม่สะดวกที่จะเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ยุคนี้เป็นช่วงเวลาที่หลวงตามหาบัวได้เน้นการสอนพระเป็นพิเศษ ครูบาอาจารย์ที่อยู่ร่วมกันในเวลานั้นก็มี อาทิ หลวงปู่ทอง จันทสิริ วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม วัดเขาน้อยสามผาน จังหวัดจันทบุรี คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ เป็นต้น 3.บ้านตาดยุคกลาง ช่วง พ.ศ. 2511-2528 4.บ้านตาดยุคปัจจุบัน เริ่มจาก พ.ศ. 2529 จนถึงปัจจุบัน

    หลวงปู่ฟักเข้าสู่วัดป่าบ้านตาดพร้อมพระอาจารย์แสวง โอภาโส ซึ่งท่านเป็นสหธรรมมิกของหลวงปู่ฟัก ที่ไม่เพียงแต่อุปสมบทเป็นคู่นาคซ้ายขวา ร่วมกันตั้งแต่ในงานฉลองถึ่งพุทธกาลที่วัดอโศการาม หากแต่ยังมาอยู่พร้อมกันที่วัดป่าบ้านตาดและไปอยู่บุกเบิกสร้างวัดเขาน้อยสามผาน กับหลวงปู่ฟัก กระทั่งมรณภาพที่นั่น นับเป็นกัลยาณมิตรองค์สำคัญของหลวงปู่ฟักอย่างยิ่ง

    ก่อนหลวงปู่ฟักจะมาถึงวัดป่าบ้านตาดไม่กี่วัน หลวงตามหาบัวได้ถามคุณแม่ชีน้อม ซึ่งพูดภาษาภูไทว่า "เมื่อคนฝันผิเร่อ(ฝันอะไร)" คุณแม่ชีท่านกราบเรียนว่า "ฝันว่าได้ครกตำผักหุ่ง(ตำมะละกอ)จากจันทบุรี ผิวนอกอุยุอะยะ(ขรุขระ) แต่ผิวในเนียนเรียบ" หลวงตามหาบัวถาม "เลี้ยงพระได้ทั้งวัดบ่..." คุณแม่ชีน้อมตอบว่า "เลี้ยงได้ทั่วอยู่" หลวงตามหาบัวถามต่อ "ได้เบิ่ง(ดู)ข้างในไหม" คุณแม่ชีนอมกราบเรียนว่า "จิตเพิ่น (หลวงปู่ฟัก) ผ่องใสดี"

    หลายปีผ่านมา เมื่อหลวงปู่ฟักได้ปฏิบัติกิจของพระพุทธศาสนาอย่างหนัก คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ระลึกถึงเรื่องนี้ได้ จึงเอ่ยปากว่า ความฝันของคุณแม่ชีน้อมนั้น "แม่นแท้" และเล่าเรื่องราวความฝันเมื่อครั้งอดีตให้หลวงปู่ฟักฟัง

    ในปี 2510 พระอาจารย์หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม กลับจันทบุรี “ท่านฟักเป็นพระวัดบ้านตาด แต่ลาไปเยี่ยมพ่อบ้างเยี่ยมแม่บ้าง จนกลายเป็นสมภารวัดเขาน้อยไป” พระอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กล่าว ถึงเหตุผลที่พระอาจารย์ฟักต้องอำลาชีวิตวัดบ้านตาดกลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัด เขาน้อยสามผาน แต่ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งคือ พระอาจารย์มหาบัวบอกให้พระอาจารย์ฟักกลับมาดูแลโยมบิดาโยมมารดา เมื่อเข้าไปลานั้น หลวงตามหาบัวได้กล่าวต่อท่านว่า “ท่านฟักพอจะตั้งไข่ได้แล้ว แต่ทางจันทบุรียังไม่มีใคร ให้กลับมาพัฒนา” วัดเขาน้อยสามผาน นี้ แต่เดิมเป็นที่พักสงฆ์ ซึ่งเป็นสาขาของวัดอโศการาม เพราะท่านพ่อลี ธัมมธโร ได้เดินธุดงค์ผ่านมาแล้วบอกว่า ที่ดินบนเขานี้ไม่มีเจ้าของ เป็นที่รกร้าง ถ้าทำเป็นที่พักสงฆ์จะเหมาะกว่าข้างล่าง เมื่อชาวบ้านสามผานได้ช่วยกันสร้างกุฏิเล็กๆ ได้ 2-3 หลัง แล้วไปนิมนต์ขอพระสงฆ์กับท่านพ่อลีที่วัดป่าคลองกุ้ง พอดี พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโร เพิ่งเดินทางมาจาก จ.อุดรธานี จึงรับมาจำพรรษาให้

    มรณภาพ
    เวลาประมาณ 6.30 น.ของวันที่ 8 มิถุนายน 2553 ที่บ้านสันติธรรม กรุงเทพฯ พระอุปัฏฐากได้พยุงหลวงปู่ฟักเข้าห้องน้ำ ท่านเริ่มมีอาการอ่อนแรง พูดไม่ชัด พระอุปัฏฐากได้ประคองท่านมาที่เตียงอย่างระมัดระวัง จากนั้นได้เรียกรถพยาพาล นำท่านส่งโรงพยาบาลศรีวิชัย 2 ซึ่งอยู่ไกล้บ้านที่พัก เพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ และทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง พบว่ามีเส้นเลือดในสมองแตก จากนั้นได้ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลธนบุรี 1 แพทย์ได้อธิบายว่า จากผลการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองพบว่า มีเส้นเลือดในสมองแตกขนาดใหญ่เกือบครึ่งสมอง และแตกในจุดสำคัญที่ควบคุม การทำงานของร่างกาย การผ่าตัดคงไม่สามารถช่วยชีวิตท่านพระอาจารย์ได้ โอกาสรอดชีวติน้อยมาก

    วันที่ 9 มิถุนายน 2553 หลวงตามหาบัวได้สั่งความมาวันก่อนหน้าแล้วว่า ถ้าไม่ไหวให้นำท่านกลับวัด แต่รุ่งเช้าท่านก็ยังมีอาการทรงตัว ไม่มีใครกล้าย้ายท่านไปไหน จนความดันเริ่มตกในช่วงเที่ยงและเมื่อเวลา 14.00 น. สัญญาณชีพจรของท่านก็หยุดลง สิริรวมอายุได้ 74 ปี 7 เดือน 29 วัน 53 พรรษา

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กล่าวถึงหลวงปู่ฟัก "นี่ก็ทั่วประเทศไทยนะโรงพยาบาล เรียกว่าทุกภาค ภาคไหนมีความจำเป็นอย่างไรๆ ถึงเลยๆ อย่างจันทบุรี ท่านฟักอยู่ที่นั่น ขัดข้องอะไรท่านติดต่อมาทางนี้ก็ทำให้ทางนู้นๆ โรงพยาบาลก็มีทางนู้น เราช่วย ท่านฟักก็เป็นพระวัดป่าบ้านตาด เป็นคนจันท์แต่เป็นพระวัดป่าบ้านตาด เวลาพ่อกับแม่ป่วยลงทีเดียวพร้อมๆ กันเลยนี้ เราส่งให้ไปเลยไปดูแลพ่อแม่ เพราะมีลูกชายคนเดียว เดี๋ยวคนหนึ่งเสียไป อ้าวคนหนึ่งก็ทรุดอยู่ ตกลงให้เฝ้าอยู่ แล้วเฝ้าไปเฝ้ามาอายุพรรษาก็แก่เข้า ทางสามผานก็ไม่มีสมภารวัดเลยให้ยัดเข้าตรงนั้นเลย ให้เป็นสมภารวัดเสียเลย จนกระทั่งป่านนี้เลยไม่มา กลายเป็นสมภารวัดอยู่นั้นท่านฟักท่านฟักนิสัยดี เป็นพระวัดนี้มาตั้งแต่บวชทีแรก มาอยู่วัดนี้เป็นประจำ เหตุที่จะได้ย้อนกลับไปจันท์ก็คือพ่อกับแม่ป่วยลงพร้อมกันเลย แล้วก็มีลูกชายคนเดียว เราก็ส่งให้ไปทันที พ่อกับแม่หายแล้วค่อยกลับมา อ้าว ไปเดี๋ยวคนนี้เสียเรียกว่าตายไป เดี๋ยวคนนั้นป่วยเอาอีกอยู่นั้น สุดท้ายพ่อกับแม่เลยตายเลยอยู่นั้นเลย พรรษาก็แก่แล้วให้อยู่นั้นเสีย ที่นั่นไม่มีสมภารวัดก็พอดีให้อยู่นั้นเลย อยู่จนกระทั่งป่านนี้ละท่านฟัก นิสัยดีนิสัยสุขุม คงจะใจดีมาก บางทีเราไปวัดเขาน้อยสามผาน ก็เราเข้าออกเรื่อยวัดเขาน้อยสามผานไปดูพระดูเณร ดูอะไรๆมันขวางหูขวางตาอะไรก็จี้ท่านฟัก องค์นั้นเป็นอย่างไรๆ จี้ท่านฟักให้ท่านฟักสอน เราเป็นคนไปตรวจ เราเป็นอาจารย์ใหญ่ เราไปดูที่นั่น พระเณรในวัดนี้เป็นอย่างไร องค์นั้นเป็นอย่างไรๆ เราจี้เลย ท่านฟักนิสัยท่านใจดี ไอ้เราใจดีไม่ดีไม่ทราบละ อย่างนี้ละจี้เรื่อยๆ เหตุที่จะได้กลับไปจันท์ก็คือพ่อกับแม่ป่วย เราส่งไปเองนะ ต่อจากนั้นมาแล้วพ่อกับแม่ก็เลยเสีย เลยให้อยู่ที่นั่นเลย"

    [​IMG]
    บ้านสามผาน
    เชื่อว่าชื่อนี้อาจจะมีเพื่อนๆ หลายท่านยังไม่เคยได้ยิน ผมเองตอนได้ยินครั้งแรกยังนั่งนึกอยู่ตั้งนานว่าบ้านสามผานแห่งนี้อยู่ที่ไหนกันหนอ แต่ถ้าเอาชื่อนี้ไปถามกับนักปฏิบัติธรรมมืออาชีพแล้วละก็ เป็นได้ความครับว่า

    บ้านสามผานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และบริเวณพื้นที่อาณาเขตของบ้านสามผานก็มีภูเขาเล็กๆ ชื่อว่า “เขาน้อย” ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน)” หนึ่งในวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ได้สืบทอดวิถีชีวิตและวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

    วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน)ในอดีตเป็นเพียงที่พักสงฆ์ มูลเหตุเกิดจากในสมัยที่ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ ได้เดินธุดงค์ผ่านมาทางนี้และเห็นว่าที่ดินบนเขานอกจากจะเป็นที่รกร้างไม่มีใครเป็นเจ้าของแล้วยังเหมาะสมสำหรับเป็นที่ปฏิบัติธรรม ท่านจึงมีดำริและกำหนดให้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ครับ

    นอกจากนี้วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน) ยังถูกบันทึกชื่อไว้ในความทรงจำของพุทธศาสนิกชนหลายต่อหลายคน เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนที่มีพ่อแม่ครูอาจารย์องค์สำคัญหลายองค์ เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนคร หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ วัดดอนธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ฯลฯ เคยเดินธุดงค์เข้ามากางกลดปฏิบัติธรรมและพยากรณ์ไว้ว่าสถานที่แห่งนี้จะกลายมาเป็นวัดในอนาคต เช่น

    หลวงปู่ผั้น อาจาโร ที่กล่าวว่า
    “เขาน้อย น้อยแต่ชื่อ ในภาคตะวันออกนี้ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่”

    สำหรับผมและเพื่อนในกลุ่มต่างมีความคิดตรงกันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องไปกราบนมัสการ “พระครูสันติวีรญาณ” (หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม) อริยสงฆ์แห่งวัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน)แห่งนี้ให้ได้ เรื่องนี้มีที่มาที่ไปครับ

    วันหนึ่งระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งคุยกันอยู่ เพื่อนรุ่นน้องได้เล่าว่าเพื่อนของเขาได้พาไปกราบหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม ที่วัดพิชัยพัฒนาราม ในวันนั้นก่อนกราบนมัสการลากลับ หลวงปู่ได้เมตตามอบพระหินหยกแก่เขาหนึ่งองค์

    พระหินหยกเป็นพระเครื่ององค์เล็กๆ ที่หลวงปู่สั่งให้แกะจากหินในแม่น้ำโขง เขตอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยก่อนมอบให้ท่านได้กำชับและต้องรับสัจจะกับท่านว่า หนึ่งต้องนำพระหินหยกติดตัวตลอดเวลา สองคือต้องยึดถือพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นที่สุดของชีวิต

    หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน เขาได้นำพระหินหยกองค์นั้นเก็บรักษาไว้อย่างดีบนหิ้งพระ โดยที่ไม่ได้นำมาติดตัวตามที่ได้ลั่นสัจจะวาจาไว้กับหลวงปู่

    กาลเวลาที่เดินทางไปพร้อมกับการติดขัดของธุรกิจ ทำให้เขาต้องกลับมานั่งทบทวนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะเศรษฐกิจก็ไม่ได้ตกต่ำ เงินทองที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าแต่พอเอื้อมมือไปคว้าก็ไม่ได้สักที ตัวเขาเองได้พยายามแก้ไขด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งแบบบนดินและใต้ดินก็ยังไม่เป็นผล

    จนมาหวนระลึกชาติได้ว่าครั้งหนึ่งตนเองเคยได้รับพระและสัญญาไว้กลับหลวงปู่ ชะรอยหรือเงื่อนไขข้อนี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนอุปสรรค เขาจึงได้จุดธูปของขมาและนำพระหินหยกองค์นั้นมาติดตัวไว้ตลอดเวลา เขาเล่าว่าหลังจากนั้นเรื่องที่เคยมีปัญหาก็หมดไป เรื่องที่ว่ายุ่งยากก็เริ่มคลี่คลายลงจนจบ

    เรื่องนี้ถูกนำไปกราบเรียนต่อหลวงปู่ที่ชั้นล่างของกุฏิท่าน ณ วัดพิชัยพัฒนาราม เมื่อหลวงปู่ท่านได้รับฟังจนจบ ท่านหัวเราะเบาๆ และบอกกับเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ว่า

    “ไม่เป็นอะไร แต่ต่อไปอย่าผิดสัญญาอีก”

    สำหรับบรรดาสาธุชนท่านอื่นและปุถุชนอย่างพวกเรา ท่านบอกว่าเรื่องของเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ต้องยกให้เป็นกรณีตัวอย่างเรื่องแรกของการผิดคำพูดกับพระ

    “อดีตผ่านมาแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ เริ่มต้นกันใหม่ที่ปัจจุบันให้ถูกต้องและสมบูรณ์ อนาคตคือวันข้างหน้า ถ้าต้นถูก ปลายมันก็จะถูก”

    ก่อนนมัสการลากลับ ท่านได้เมตตาแจกพระหินหยกแก่พวกเราคนละหนึ่งองค์ และให้พวกเรากล่าวคำอาราธนาพระหินหยก คือบทสวดไตรสรณ์คม ครับ ถ้าต้นถูก ปลายมันก็จะถูก..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.1 KB
      เปิดดู:
      5,175
    • 10103.jpg
      10103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      169 KB
      เปิดดู:
      4,947
  12. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    พระนางพญา หินหยกในแม่น้ำโขง เขตอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย แกะมีพญานาครักษา หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อย สามผาน) อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
    [​IMG]



    ให้บูชา 1,450บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fk1-tile.jpg
      fk1-tile.jpg
      ขนาดไฟล์:
      145.4 KB
      เปิดดู:
      7,832
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2013
  13. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    พระสีวลี หินหยกในแม่น้ำโขง เขตอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย แกะมีพญานาครักษา หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อย สามผาน) อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พิมพ์นี้หายากมาก สร้างน้อยครับผม
    [​IMG]
    [​IMG]



    *ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fk3-tile.jpg
      fk3-tile.jpg
      ขนาดไฟล์:
      145.7 KB
      เปิดดู:
      14,642
    • fk6-tile.jpg
      fk6-tile.jpg
      ขนาดไฟล์:
      133.3 KB
      เปิดดู:
      10,979
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2013
  14. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    พระพิมพ์ขุนแผน หินหยกในแม่น้ำโขง เขตอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย แกะมีพญานาครักษา หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อย สามผาน) อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พิมพ์นี้หายากมาก สร้างน้อยครับผม
    [​IMG]



    *ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fk7-tile.jpg
      fk7-tile.jpg
      ขนาดไฟล์:
      144 KB
      เปิดดู:
      13,551
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2013
  15. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    พระยอดธง หินหยกในแม่น้ำโขง เขตอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย แกะมีพญานาครักษา หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อย สามผาน) อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ใต้ฐานแกะหมายเลขประจำองค์พระ เลข๗ พิมพ์นี้หายากมาก สร้างน้อยครับผม
    [​IMG]
    [​IMG]



    *ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fk9-tile.jpg
      fk9-tile.jpg
      ขนาดไฟล์:
      157.5 KB
      เปิดดู:
      17,377
    • fk11-tile.jpg
      fk11-tile.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49 KB
      เปิดดู:
      13,009
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2013
  16. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    [​IMG]

    ประวัติความเป็นมาของ “พระพุทธรูปหินหยก” องค์นี้
    เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2543 ท่านพระอาจารย์ฟัก สันติธัมโม
    เจ้าอาวาสวัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน) ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
    ได้รับกิจนิมนต์ไปในงาน ฉลองอายุวันเกิดท่านพระครูพิพัฒน์ ประทุมสรณ์ เจ้าอาวาสวัดหนองบัว ตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
    ท่านได้ไปพบเห็นพระพุทธรูปหินหยกที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดนั้น และได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างพระพุทธรูปหินหยกจากท่านเจ้าอาวาส
    ท่านเจ้าอาวาสก็ได้เป็นผู้ติดต่อประสานงานให้รู้จักกับท่านพระครูปัญญา ธรรมวัตร เจ้าอาวาสวัดสันป่ายางหลวง จังหวัดลำพูน
    โดยท่านพระครูปัญญาฯ ก็ช่วยรับภาระไปติดต่อประสานกับช่างทำพระพุทธรูปหินหยก
    ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ให้แก่ท่านพระอาจารย์ฟักฯ
    หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 เดือนครึ่ง ถึง 2 เดือน
    ท่านพระอาจารย์ฟักฯ ก็ได้รับแจ้งข่าวว่าช่างได้พบหินหยกที่จะใช้สร้างพระพุทธรูปแล้ว
    ขณะนี้ยังอยู่ในแม่น้ำโขง โผล่อยู่เหนือน้ำประมาณ 1 ฟุต ซึ่งก่อนหน้านี้
    คนที่มีอาชีพหาหินมาขายวนเวียนหาหินอยู่ในบริเวณนั้นมา 10 ปีกว่า
    ไม่เคยได้พบเห็นหินหยกนี้มาก่อนเลย และตอนที่พบนี้ก็อยู่ระหว่างเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นฤดูฝน
    เป็นช่วงน้ำขึ้น เมื่อพบหินแล้วก็ยังไม่สามารถยกเอาหินขึ้นจากน้ำได้
    ต้องรอจนถึงเดือนมีนาคมหรือต้นเมษายนของปี 2544 เวลาที่น้ำได้ลดลงแล้วจึงใช้เรือสองลำ
    คนประมาณ 5-6 คน รอกอีกกี่ชุดจำไม่ได้ ใช้เวลาประมาณร่วม 1 สัปดาห์ พยายามยกขึ้นจากน้ำ
    แต่ก็ยังยกไม่ขึ้นจึงไปหาคนที่ฝั่งลาวมาทำพิธี จึงยกขึ้นเรือมาขึ้นฝั่งได้
    หลังจากนั้นอีก 2-3 วัน ท่านพระครูปัญญาฯ แจ้งท่านพระอาจารย์ฟักฯ ว่าถ้าช้าไปอีกสัก 2-3 วัน
    ก็จะไม่ได้หินมาสร้างพระพุทธรูป เพราะมีการปิดพรมแดน

    เมื่อแกะสลักเป็นองค์พระพุทธรูปเสร็จแล้ว ท่านพระอาจารย์ฟักฯ คิดว่าจะเดินทางไปดูก่อน
    จึงค่อยอัญเชิญมาด้วยตนเองหรือให้ลูกศิษย์ไปอัญเชิญมา แต่บังเอิญพระและโยมลูกศิษย์มีธุระไปภาคเหนือและรถว่าง ขากลับจึงขออัญเชิญพระพุทธรูปไปวัดเขาน้อยสามผานด้วย
    ท่านพระอาจารย์ฟักฯ จึงได้อนุญาตโดยบอกพระลูกศิษย์ให้พาช่างและญาติโยม
    ทำพิธีขอขมาและบูชาคุณพระรัตนตรัยเสียก่อน แล้วจึงค่อยอาราธนาขึ้นรถยนต์
    แต่ปรากฏว่าขณะที่พระลูกศิษย์ (ท่านพระอาจารย์สนิท) กำลังเดินทางไปบ้านช่าง
    เพื่ออัญเชิพระพุทธรูป ทางช่างก็ยังไม่ทราบเรื่องที่ท่านพระอาจารย์ฟักฯ สั่งให้ทำพิธีขอขมาฯ
    จึงได้เตรียมการใช้รอกและปั้นจั่นชุดที่เคยใช้ยกพระพุทธรูปองค์นี้ ขึ้นจากแท่นรองหลายครั้ง

    ในระหว่างที่ดำเนินการแกะสลักองค์พระพุทธรูป และเคยใช้ยกพระพุทธรูปองค์อื่นๆมาเป็นประจำ
    ซึ่งบางองค์ใหญ่กว่าองค์นี้ก็ยกขึ้นมาแล้ว คือจะชักรอกยกขึ้นรถได้เลยเมื่อรถมาถึง ครั้นเมื่อรถไปถึง
    ท่านพระอาจารย์สนิทเห็นว่าช่างได้เตรียมการการไว้หมดแล้ว จึงเกรงใจช่าง
    ไม่ได้บอกให้ทำพิธีขอขมา แต่ปรากฏว่าช่างพยายามชักรอกเพื่อจะยกองค์พระพุทธรูปขึ้นรถสักกี่ครั้งก็ยก ไม่ขึ้น รอกส่งเสียงดังคล่ากๆ แล้วรูดหลุดหมด ท่านพระอาจารย์สนิทจึงนำญาติโยมและช่างทำพิธีขอขมา
    หลังจากทำพิธีขอขมาแล้ว กลับชักรอกยกองค์พระพุทธรูปขึ้นจากพื้น
    และวางลงกระบะรถได้อย่างง่ายดาย เหมือนเป็นของเบาๆ แต่เจ้าของรถเห็นว่าองค์พระพุทธรูปไม่ได้วางตรงที่อย่างใจนึก จึงพยายามชักรอกองค์พระพุทธรูปให้ลอยสูงขึ้นเพื่อจะได้ขยับมุมวางใหม่
    แต่ปรากฏว่ายกไม่ขึ้นและขยับอะไรไม่ได้อีก และเมื่อเอาฐานพระใส่ไว้ในช่องว่างที่เหลืออยู่
    ก็เหลือช่องว่างเล็กน้อยพอเอาผ้ายัดอุดให้แน่นป้องกันการกระทบหรือเสียดสี และปิดกระบะท้ายรถพอดีเปี๊ยะเลย ซึ่งถ้าหากสามารถขยับองค์พระพุทธรูปได้อย่างที่ใจนึกแล้ว เมื่อเอาฐานพระใส่รถก็น่าจะปิดกระบะท้ายไม่ได้
    เมื่อปิดกระบะท้ายเรียบร้อยแล้ว ขณะเคลื่อนรถไปที่หน้าบ้านช่าง
    ปรากฏว่าฟ้าได้ร้องคะนองขึ้นทันที ทั้งที่ระหว่างนั้นเป็นประมาณเที่ยงวัน
    ช่วงเดือนมิถุนายน ท้องฟ้าสีเขียวใสมีแดดจ้าเมฆฝนก็ไม่มี
    และเมื่อรถวิ่งออกจากบ้านช่างไปได้ไม่กี่กิโลเมตรฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก
    ตลอดทางระหว่างเชียงของถึงเชียงคำ พะเยา งาว แพร่ ร้องกวาง จนเข้าเขตลำปาง เป็นระยาทางประมาณ 200 กิโลเมตร ฝนจึงได้หยุด
    และมาถึงวัดเขาน้อยสามพาน 6 โมงเช้าของวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน 2545
    เมื่ออัญเชิญพระพุทธรูปลงจากรถมาประดิษฐานไว้บนที่รองรับชั่งคราวเรียบร้อยแล้ว
    ก็มีฝนก้อนใหญ่ดำครึ้มปรากฏขึ้นเหนือเศียรพระ แล้วขยายตัวกระจายกว้างออกเรื่อยๆ
    จนมืดมัวหมดทั้งวัดตลอดวัน จนถึงวันรุ่งขึ้นของอีกวันหนึ่งท้องฟ้าจึงได้สว่างโปร่งใสมีเมฆบ้างเป็นบางแห่ง
    จนกระทั่งเมื่อถึงช่วงตอนเย็นหลังจากที่พระได้ทำหลังคาที่มุงบังองค์พระพุทธ รูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฝนจึงตกลงมา ซึ่งก็น่าสงสัยสังเกตอยู่.....

    ในคืนวันที่รถอัญเชิญองค์พระพุทธรูปมาวัดเขาน้อยสามผานนั้น สุนัขของคนงานก่อสร้างในวัดวิ่งเห่าหอนตลอดคืน
    เรื่องนี้มีคนที่อ้างว่าสามารถสื่อติดต่อกับพวกเทพ หรือกายทิพย์ได้ไม่น้อยกว่า 8-9 คน บอกเล่าเป็นทำนองคล้ายคลึงกันทุกคนว่า
    เป็นเรื่องวาสนาบารมีของท่านพระอาจารย์วัดเขาน้อยสามผาน ที่ได้สร้างสะสมไว้จากอดีตชาติเป็นพันๆปี
    พญานาคในแม่น้ำโขงดูแลรักษาหินหยกไว้ให้ และเป็นสมบัติของวัดเขาน้อยสามผาน
    เป็นที่พึ่งของคนภาคตะวันออกหลายจังหวัด โดยใช้คำพูดบอกว่า
    “บูรพาเปิดโปรดด้วยเมตตาธรรมไว้แล้ว ให้คอยดูกาลต่อๆไป ว่าจะจริงหรือเปล่า”

    [​IMG]
    คนเหล่านี้ยังบอกอีกว่าหินหยกกลุ่มนี้เป็นของท่านพระอาจารย์ วัดเขาน้อยสามผานสองส่วน
    เป็นของพระเพื่อนอีกหนึ่งส่วน
    ซึ่งก็ปรากฏว่ามีพระภาคอีสานท่านหนึ่ง ชื่อท่านพระอาจารย์นิพนธ์ 27 พรรษาโดยประมาณ
    ได้สร้างโบสถ์ไว้แล้วอยากได้หินมาแกะเป็นพระนาคปรกเพื่อเป็นพระประธานในโบสถ์
    ซึ่งในขณะนั้นก็พอดีกับที่ท่านพระอาจารย์บุญช่วย กำลังจะเดินทางไปดูการแกะสลักพระพุทธรูปกับท่านพระอาจารย์ฟักฯ ท่านก็เลยขอตามไปดูด้วย
    เมื่อไปถึงแล้วก็ปรากฏว่าหินหยกเหลืออยู่ ซึ่งแต่เดิมท่านพระอาจารย์ฟักฯ เคยคิดไว้ว่าจะเอาไว้สร้างเป็นพระนาคปรก
    นำไปประดิษฐานไว้ที่โรงพยาบาลสองพี่น้อง แต่ก็ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเกินความจำเป็น ก็เลยไม่เอา
    ท่านพระอาจารย์นิพนธ์จึงได้ขอให้ช่างแกะสลักเป็นพระนาคปรก
    ให้ท่านเพื่อที่จะได้อัญเชิญไปเป็นพระประธานในโบสถ์ที่ได้สร้างไว้แล้ว
    ทั้งๆที่ท่านพระอาจารย์ฟักฯและท่านพระอาจารย์นิพนธ์ก็พึ่งรู้จักกันมาไม่กี่วัน
    และมาทราบในภายหลังว่า ก่อนหน้านั้นท่านพระอาจารย์ฟักฯและท่านพระอาจารย์นิพนธ์ได้ทำเรื่องหนึ่งที่เหมือนกัน
    คือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการต่อต้านเรื่อง พ.ร.บ. สงฆ์ มาตลอด ต่างองค์ต่างทำคนละท้องที่
    ด้วยหวังจะปกป้องศาสนา ชาติ กษัตริย์ เหมือนๆกัน โดยไม่รู้จักกันมาก่อนเลย
    [​IMG]
    ผู้ที่สื่อกับเทพหรือกายทิพย์ได้ ที่เล่าเรื่องนี้มีหลายคน เช่น คุณจิรศิลป์ อยู่อำเภอแกลง / คุณแก้ว อยู่กรุงเทพฯ /
    /คุณอุดม คุณนิด อยู่กำแพงเพชร / คุณน้อย นางพยาบาลอยู่สระบุรี /
    เจ้าหน้าที่อนามัย ตำบลเขาพลอยแหวน และที่พัทยา จังหวัดชลบุรี อีก 1 คน นอกจากนี้ยังมีคุณปรานอม ซึ่งบอกว่ารู้มาจากการเข้าทรงของบุคคลอื่น.
    “เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ จะจริงเท็จอย่างไร โปรดพิจารณากันเอาเองเถิด”

    *บทความพระหยกจากวัดเขาน้อยสามผาน*

    หลวงปู่เคยกล่าวให้ลูกศิทษ์ฟังเกี่ยวกับพุทธคุณ พระเครื่องหินหยก บนกุฎิว่า " พระนี้เด่นเรื่องแคล้วคลาด เมตตา รักษาโรค เอาไปแล้วต้องใส่นะ สวดมนต์ที่เราให้ก่อนใส่ " หลวงปู่พูดพร้อมทั้งแสดงท่าทางวิธีการเอาพระหยกทำน้ำมนต์และเอามาวางไว้ตามจุดที่เกิดโรคตามร่างกาย หลวงปู่ว่ามีพญานาครักษา และท่านเองจะเรียกว่าพระหยกบ้าง พระหินบ้างจริงๆ แล้วถ้าทิ้งหินเขียวชนิดนี้ต่อไปอีกนานแสนนาน หินชนิดนี้จะเป็นหินหยกเป็นตระกูลเดียวกันแต่อายุยังไม่ถึงปาฏิหาริย์ที่ได้ยินมามีเยอะครับส่วนใหญ่เป็นเรื่องโภคทรัพย์แทบทั้งสิ้น

    หลวงปู่ท่านมักจะบอกว่าพระหยกนี้ เป็นของค้ำคูณรักษาให้ดี
    ของค้ำคูณคือของที่ช่วยค้ำชูอุดหนุนดวงชะตาครับ ประสบการณ์จากลูกศิทษ์ มีนับไม่ถ้วนจริงๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2013
  17. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    [​IMG]
    เหรียญหลวงปู่เผือก วัดสาลีโข รุ่น2 เหรียญดี 4 มหาจักร

    หลวงปู่เผือก-หลวงพ่อสาลีโข กับเหรียญดี 4 มหาจักร

    ความนิยมสูงสุดในบรรดา “เหรียญตาย” คือ เหรียญที่เจ้าของไม่ได้สร้างไม่ได้เสก หากทำภายหลัง “มรณกรรม” ของท่านเหล่านั้นในหมู่ฆราวาสคงไม่มีใครเกิน “เสด็จเตี่ย” หรือกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ปี พ.ศ. 2466 และสำหรับพระสงฆ์ต้องยกให้ เหรียญรุ่นแรกปี พ.ศ.2500 ของหลวงปู่ทวด วัดช้างให้

    ทว่ามี “เหรียญตาย” อีกหลายสำนัก ซึ่งมหาชนยอมรับ แม้บางสำนักไม่ใช่ค่านิยมเชิงพานิชย์ แต่มั่นใจได้ว่า “เชิงขลัง” ไม่เป็นสองรองใคร

    หลวงปู่เผือก วัดสาลีโขภิตาราม

    ชื่อนี้อาจไม่ใคร่คุ้นกับคนเพิ่งรู้ตัวว่าชอบพระ แต่สำหรับเซียนใหญ่ผู้โลดแล่นในวงการมานานย่อมทราบถึงความเป็นมา ด้วยชื่อนี้กว่าจะปักมั่นในหัวใจคนรักพระได้ต้องให้ประสบการณ์ฉกาจฉกรรจ์เพียงไหน

    พระครูธรรมกิจโกศล หรือหลวงปู่เผือก เป็นพระเถระในสมัยอยุธยาตอนปลาย ท่านอพยพภัยสงครามมาอยู่นนทบุรี หัวเมืองสมัยอดีตพร้อมพกพากฤษฎาภินิหารจากจิตทรงอภิญญามาสงเคราะห์สาธุชนด้วยสติปัญญาอันเลิศในการเรียนพระไตรปิฎก ด้วยปาฏิหาริย์แสดงได้ไม่จำกัดในคราวจำเป็น ทำให้หลวงปู่เผือกเป็นที่เคารพรักศรัทธาใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ยิ่งนัก

    จึงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตรพิเศษตำแหน่งสังฆปาโมกข์ แขวงสระบุรี – เจ้าคณะเมืองนนทบุรี ที่ “พระธรรมโกศล” และท่านก็ถึงแก่มรณภาพในรัชสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 เมื่อปี พ.ศ.2405 สิริอายุได้ 106 ปี

    “หลวงพ่อสาลีโข” เป็นนามที่ศิษย์ขานถวายโดยเคารพเฉกเช่น หลวงพ่อวัดปากน้ำ ซึ่งเมื่อเอ่ยย่อมแน่ใจได้ว่าคือ หลวงพ่อสด จันทสโร

    หลวงพ่อสาลีโข ชื่อแท้ท่านคือ หลวงพ่อสมภพ เตชปุญโญ อดีตพระลูกวัดสาลีโขภิตาราม ที่ถูกหลวงปู่เผือกในสภาวะวิญญาณ ซึ่งทรงอานุภาพดวงหนึ่ง เปลี่ยนชะตาชีวิต หน้ามือเป็นหลังมือในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ ของปี พ.ศ.2502 ขณะที่ ท่านบวชได้เพียงพรรษาเดียว

    ดวงวิญญาณที่ไร้รูปแต่เต็มปรี่ด้วยทิพยอำนาจอันยากหยั่งถึง ได้พร่ำสอนถ่ายทอดความรู้นานาให้พระสมภพโดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อย นับแต่เรื่องเล็กน้อย เช่น คาถาอาคมจนถึงเรื่องใจ คือ สมาธิ

    และยังบรรจุพระเวทย์สารพัดประดามีให้พระสมภพหมดสิ้น กระทั่งพาพระหนุ่มผู้อ่อนโลกออกธุดงค์ในป่าลึกเพื่อฝึกฝนจิตตานุภาพ เพื่อทบทวนวิชาที่ให้ไป และเพื่อทดสอบอำนาจจิตอภิญญาของพระสมภพ

    ก้อเก่งกล้าสามารถผ่านทุกขั้นตอน

    จากไปหลายปี กลับมาอีกทีก็มิใช่พระสมภพองค์เดิม หากเป็นพระอาจารย์สมภพที่เพียบพร้อมด้วยคุณลักษณะแห่ง “คุรุ” ทางไสยเวทย์ความแตกฉาน และอภินิหารของพระอาจารย์สมภพ เป็นสิ่งที่ผู้ไปพบจะทราบดี

    หาคนเก่งอย่างนี้ได้ยากนัก



    ราวปี พ.ศ.2515 หนังสือพิมพ์ “บางกอกไทม” ลงข่าวหน้าหนึ่งครึกโครมว่า สตรีนางหนึ่งนาม น.ส. แป๋ว มีอาการเจ็บป่วยอย่างหนักหาสาเหตุไม่ได้ ครั้นญาติมั่นใจว่าเห็นทีจะถูกคุณไสยเข้า ก็หอบหิ้วกันมาพบพระอาจารย์ ท่านเริ่มรักษาตามกระบวนการที่หลวงปู่เผือกสั่งสอนมา ผู้ป่วยก็เกิดขยอกขย้อนจะอาเจียน

    เมื่อนำกระโถนใบใหญ่วางลงตรงหน้า น.ส.แป๋ว ก็อาเจียนโอ้กใหญ่ กลิ่นคาวปนเน่าคละคลุ้ง ในภาชนะนั้นไม่เพียงมีของเหลวสีคล้ำช้ำเลือดช้ำหนอง หากปรากฎซากงูเน่า จนเห็นกระดูกโพลนทั้งตัวนอนอยู่ก้นกระโถนอย่างน่าตกตะลึง

    ท่านพระอาจารย์อธิบายว่า มีบางคนประสงค์ให้ น.ส.แป๋ว ตายอย่างทรมานจึงใช้เดรัจฉานวิชาชั้นสูงปล่อยงูเป็นๆ เข้าท้อง หากแก้ไม่ตกย่อมถึงตาย นี่งูก็เน่าจวนหมดตัวแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในท้องอีกไม่นาน น.ส.แป๋ว ไม่รอดสมใจฝ่ายตรงข้ามแน่นอน

    ข่าวนี้เป็นดุจเชื้ออย่างดีที่โหมศรัทธามหาชนให้ลุกโชน คนนับพันนับหมื่นหลั่งไหลไปวัดสาลีโข เพื่อพึ่งใบบุญแห่งหลวงปู่เผือกและพระอาจารย์สมภพผู้เป็นตัวแทน ทุกคนได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์ อย่างไม่เลือกชั้นวรรณะ และทุกคนร่ำร้องหาความสงเคราะห์จากหลวงปู่เผือก ดวงวิญญาณอมตะของท่านก็ยังแผ่บารมีครอบคลุมทั่วถึงอย่างไม่เลือกรักเลือกชัง


    ลุถึงปี พ.ศ.2514 หลวงปู่เผือก พระปรมาจารย์แห่งวัดสาลีโขภิตาราม ได้คำนวณฤกษ์เห็นควรประกอบมหาพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งยวด สืบเนื่องมาแต่ “มหาฤกษ์” ที่ยากจะเกิดขึ้นในแต่ละคราว นั่นคือ "ฤกษ์มหาจักรจตุรงคสันนิบาต”

    อันได้แก่ ดาวจันทร์ ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ และดาวราหู ต่างเคลื่อนเข้าสถิตอยู่ในองค์เกณท์ราศีอันเป็น “มหาจักร” แห่งตน และจะปรากฎถึง 4 วาระด้วยกันตลอดไตรมาสพรรษาปี 2514 ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทุก 200 ปีจะเกิดมีขึ้นครั้งหนึ่ง

    วาระมหามงคลที่จะถึงนั้น บรรดาผู้รู้ทั้งหลายไม่อาจปล่อยให้หลุดลอยได้ หลวงพ่อสาลีโขจึงกำหนดการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อให้สมเวลาที่รอคอย ทั้งยังปรารถนาให้เป็น “ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต” ของท่านทีเดียว

    การสร้างอิทธิวัตถุของหลวงพ่อสาลีโขนั้นไม่เลยแม้สักครั้งเดียวที่จะใช้โลหะเปล่า ท่านเพียรพยายามยิ่งในการจารอักขระเลขยันต์สำคัญครอบคลุมสรรพวิชาทั้งมวลลงในแผ่นโลหะ เน้นหนักในทุกๆสายวิชาทั้งคงกระพัน มหาอุด ชาตรี กำบังตน มหาลาภ มหานิยม เมตตา แคล้วคลาด กันภัยกันคุณไสย กันภูตผี

    วิชาเหล่านี้ท่านเพียรจารเสกเป่า แต่ละอักขระแต่ละพระยันต์ ท่านจะบรรจงเขียนอย่างสวยงาม ปลุกเสกและลงถม นำไปหลอมเอามาลงใหม่ ซับซ้อนเช่นนี้อย่างน้อย ถึง 3 วาระด้วยกัน กระทั่งคราวหลอมเพื่อรีดปั๊มเหรียญ ช่างถึงกับตะลึงเมื่อแผ่นทองวิ่งวนอยู่ในเบ้าหลอม ไม่ยอมละลาย ได้ตักเก็บไว้เป็นหลักฐานจำนวนหลายสิบแผ่น

    แผ่นทองชนวนนับสิบกิโล แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง และวิริยะอุตสาหะ อันหาได้ยากในพระอาจารย์สมัยปัจจุบัน ไม่ควรแปลกใจเลยที่บังเกิดปาฏิหาริย์แผ่นทองไม่ละลายเพราะ “ปราณ” ที่ท่านเป่าประจุย่อมสถิตแนบแน่นอยู่ในทุกอณูแผ่นทอง จนโลหะธาตุธรรมชาติทั้งมวลถูกแปรสภาพเป็น “ธาตุสำเร็จ” จากการตั้งธาตุ ปรุงธาตุ และหนุนธาตุทั้ง 4 ขึ้นมาจากจิตที่ทรงอภิญญา

    เฉพาะ “เตโชกสิณ” นั้น ท่านเชี่ยวชาญถึงขีดสุด

    มงคลวัตถุที่สร้างประกอบด้วย พระพุทธรูปสุโขทัย หน้านาง ขนาด 9 , 5 นิ้ว , พระพุทธนาคปรก ขนาด 9, 5 นิ้ว, พระสังกัจจายน์ ขนาด 9 นิ้ว, รูปหล่อหลวงปู่เผือก ขนาด 9 , 5 นิ้ว , พระนาคปรกแขวนคอ, รูปหล่อหลวงปู่เผือกขนาดแขวนคอ, เหรียญหลวงปู่เผือก รุ่น 2 พิมพ์ใหญ่ – เล็ก, เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อสาลีโข รุ่น 2

    ชนวนมวลสารทั้งหมดถูกนำมาประกอบพิธีปลุกเสกในวันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 เวลา 18.00 น. โดยพระคณาจารย์มากมาย มีหลวงปู่เผือกประทับทรง หลวงพ่อสาลีโขเป็นประธาน เมื่อแล้วเสร็จได้จุณเจิมสรรพวัสดุด้วยกระแจะหอม และสวดหนุนด้วยพระพุทธมนต์พิเศษ คือ บทยานี , บทภาณวาร , บทคาถาพัน และอิติปิโสรัตนมาลา ก่อนจะนำแผ่นโลหะทั้งปวงมาหล่อหลอมเป็นชนวนสัมฤทธิ์เพื่อนำไปสร้างเป็นองค์พระต่อไป

    วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 เวลา 10.08 น. เป็นกำหนดจุดเทียนชัยในพิธีเททอง และเริ่มทำพิธีพุทธาภิเษก วันนี้หลวงพ่อสาลีโขถือเป็นวันสำคัญที่สุดของงาน เพราะเป็นการเชิญชนวนสัมฤทธิ์เข้าสู่เบ้าหลอมหล่อรวมกับโลหะมงคลอื่นๆ แล้วเททองลงหุ่นให้สำเร็จเป็นองค์พระ จากนั้นจึงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ยังเบ้าหลอม

    ครั้นทุบหุ่นดินออกก็อัญเชิญพระปฏิมาลงชุบน้ำศักดิ์สิทธ์จากสถานที่สำคัญเช่น น้ำสรงพระบรมธาตุ , น้ำเมืองเพชร, น้ำสระแก้ว, น้ำบ้านบางปืน ฯลฯ แล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพานเชิงใบใหญ่เคล้าคละประโปรบด้วยเครื่องหอมกระแจะจันทน์ พร้อมด้วยการเรียกสูตรตั้งนามให้เป็นสิริ ท่ามกลางพิธีมหาพุทธปรมาภิเษก พระมหานาคทั้งสี่เจริญบทมหาจักรพรรดิราช และบทพุทธาภิเษก โดยมีรายนามพระมหาเถระผู้ทรงรัตตัญญู ภาพเข้าร่วมพิธี ดังนี้

    1. พระภัทรมุกมุนี (ชิต) วัดเขาเต่า ประจวบคีรีขันธ์
    2. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย สุพรรณบุรี
    3. หลวงพ่อกุหลาบ วัดใหญ่สว่างอารมณ์ นนทบุรี
    4. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี
    5. หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี
    6. พระครูประกาศสมาธิคุณ วัดมหาธาตุ พระนคร
    7. หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี
    8. หลวงพ่อโอด วัดจันเสน นครสวรรค์
    9. หลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต ขอนแก่น
    10. หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช พระนครศรีอยุธยา
    11. หลวงพ่อมิ วัดสิงห์ ธนบุรี
    12. หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทบุรี
    13. หลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย สุโขทัย
    14. หลวงพ่อวัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท
    15. หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์
    16. หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ นนทบุรี
    17. พระครูเมธีวรานุวัตร วัดมหาธาตุ พระนคร
    18. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี
    19. หลวงพ่อจัน วัดสระเกษ พระนคร
    20. หลวงพ่อสั้น วัดท่าอิฐ นนทบุรี
    21. หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา
    22. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    23. หลวงพ่อจันทร์ วัดโสธรวราราม ฉะเชิงเทรา
    24. หลวงปู่เส็ง วัดกัลยาณมิตร ธนบุรี
    25. หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง นนทบุรี


    วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2514 เวลา 16.00 น. พิธีมหามงคลสรงองค์พระให้สำเร็จเป็น “พระเครื่อง” โดยบริสุทธิ์บริบูรณ์ ปราศจากมลทินโทษใดๆ พระคณาจารย์ในงานเจริญบทมงคลจักรวาล , ชัยมงคลคาถา และทิพยมนต์

    วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2514 เวลา 09.00 น. ตรงกับวันมหาจักรจตุรงคสันนิบาตวันสุดท้าย เป็นวาระนัดผู้สั่งจองอิทธิวัตถุให้มารับการประสิทธิเมจากมือหลวงพ่อสาลีโขด้วยตนเองจนถ้วนทั่วทุกตัวคน

    แน่นอนไหม ?

    แลหาพิธีกรรมที่จัดทำอย่างมโหฬาร มหากาฬเยี่ยงนี้ในปัจจุบันแล้วใจหาย ด้วยหาไม่เจอยังไม่เท่าไร กลับประสบเพียงสุกเอาเผากินหลอกขายหลอกแขวนกันไปวันๆ ซึมเศร้าจนต้องมองหาเหรียญนี้มาแขวนแทนพระสมัยอินเตอร์เนต

    ค่อยอุ่นใจหน่อย

    ใครหนาวใจแล้วอยากอุ่นอย่างผมต้องดิ้นรนหน่อยละ ที่ว่าหน่อยก็เพราะเหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นสองนี้ยังพอหาได้ตามสนามทั่วไปในราคาเบาๆ ของปลอมผมยังไม่เคยเจอ แต่เขียนไปแล้วอาจเจอก็ได้ฉะนั้นให้รีบหา

    การันตีด้วยหัวหลิมๆ (ที่เพื่อนชอบล้อ) ได้เลยว่าผมแขวนพระมาก็มาก ประทับใจจริงๆกับประสบการณ์ไม่กี่ชิ้น ยอมให้หมดใจว่าหลวงปู่เผือก เป็น 1 ในนั้นไม่สงสัย

    เพื่อนที่แขวนก็ยกนิ้วให้ว่าเยี่ยม

    แถมนิดนึงว่าเหรียญรุ่นนี้ทุกเหรียญ จะมีคราบแป้งสีขาวอันเกิดจากผงวิเศษเกาะติดอยู่ ถ้ามีตกค้างอย่าไปแกะทิ้งเพราะเป็นของดี หากหลุดไปแล้ว เหลือคราบขาวไว้ ก็อย่าตกใจ มีทุกเหรียญแหละครับ

    ขอทุกท่านจงโชคดี มีสุขตลอดไป นะครับ .....


    ขอขอบคุณ คุณรณธรรม ธาราพันธุ์ สำหรับบทความดีดี


    [​IMG][​IMG]


    [FONT=&quot]ให้บูชา 2,450บ.ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • sss21.jpg
      sss21.jpg
      ขนาดไฟล์:
      204.4 KB
      เปิดดู:
      4,519
    • sss22.jpg
      sss22.jpg
      ขนาดไฟล์:
      203 KB
      เปิดดู:
      4,473
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.8 KB
      เปิดดู:
      5,948
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2013
  18. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    [​IMG]

    หลวงตาแหวน ทยาลุโก วัดป่าหนองนกกด อ.พังโคน จ.สกลนคร
    เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2487 ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่สีลา อิสโร ซึ่งหลวงปู่สีลา อิสโร เป็นศิษย์คนโต ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็นพระสายกรรมฐานที่ปฏิบัติดีประปฏิบัติชอบ ลูกศิษย์ลูกหาจึงให้ความศรัทธาในตัวท่านมาก ปัจจุบันลูกศิษย์ลูกหาของท่านมีมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ หรือบุคคลทั่วๆไปทั่วทุกภาค ปัจจุบันท่านอายุ 68 ปี ท่านเป็นพระที่เรียบง่ายตามแบบของพระสายกรรมฐาน อยู่วัดป่าแบบสมถะ มีเมตตาแก่ลูกศิษย์ที่ไปพบหาทุกคน เวลาไปพบท่าน ท่านจะสอนหลักธรรมะให้ฟังทุกครั้ง ท่านใดที่เคยเข้าไปกราบท่านจะรู้สึกได้ถึงความเมตตาของท่านเป็นอันมาก ท่านเป็นพระที่ยิ้มแย้ม แจ่มใส ตลอดเวลา ตามประสาชาวบ้านแถวนั้นเค้าบอกว่า ใบหน้าของท่านเป็นคนที่อิ่มบุญมากครับ

    เบี้ยแก้รวยสำเร็จ (รุ่นแรก) หมายเลข ๕๘ พระอาจารย์แหวน ทยาลุโก วัดป่าหนองนกกด จ.สกลนคร หมายเลข๕๘ ๑ใน๙๙องค์ หายากสุดๆครับ

    มวลสารในเบี้ยประกอบด้วย
    จีวร เทียนชีย สายพิรอด ปรอททะเล ขี้สูตร มหาว่าน๑๐๘

    วิธีบูชา
    ท่อง นะโม 3จบ
    นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ
    แล้วระลึกถึงพระอาจารย์แหวนเป็นที่สุด

    [​IMG][​IMG]
    [​IMG]


    [FONT=&quot]ให้บูชา 2,450บ.ครับ[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1539-19518.jpg
      1539-19518.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.7 KB
      เปิดดู:
      4,699
    • bbk1.jpg
      bbk1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.3 KB
      เปิดดู:
      4,912
    • bbk2.jpg
      bbk2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.2 KB
      เปิดดู:
      4,916
    • bbk3.jpg
      bbk3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.7 KB
      เปิดดู:
      4,615
  19. momotaro67

    momotaro67 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7,049
    ค่าพลัง:
    +5,460
    [​IMG]

    หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง
    ธูปธรรมที่ไม่มีวันมอดไหม้

    หลวงปู่ธูป หรือ พระราชธรรมวิจารณ์ เป็นพระยุคเก่าที่สมถะ มีความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายให้ การอนุเคราะห์สาธุชนโดยเลือกชั้นวรรณะ เปี่ยมล้นด้วยพรหมวิหาร ให้การต้อนรับขับสู้แขกผู้มาเยือนอย่างมีไมตรีจิต เป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิต และคฤหัสถ์โดยทั่วไป
    นับตั้งแต่สงครามอินโดจีนเรื่อยมา วัดสุนทรธรรมทาน หรือวัดแคนางเลิ้ง หรือวัดสนามกระบือ ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ถือเป็นสถานที่ต้อนรับพระเกจิอาจารย์ที่อยู่ต่างจังหวัดมากมาย หลวงปู่ธูปจึงมีความสนิทคุ้นเคยและมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้ทางพุทธา คมคาถา กับพระผู้ทรงวิทยาคมในสมัยนั้นหลายรูปหลายนามยิ่งกว่านั้น ยังได้รับตำรับตำราจากพระคณาจารย์บางองค์เป็นการเพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะวิชา อยู่ยงนั้นเป็นที่เล่าลือมาก
    ต่อมาในระยะหลังๆพระเกจิอาจารย์มาเยือนวัดแคนางเลิ้งเพียงไม่กี่รูป เพราะชราภาพไม่สะดวกในการเดินทาง คงมีแต่หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม หลวงพ่อนอ วัดกลางและหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันคงเหลือแต่เพียงเรื่องราวของท่าน ที่ถูกนำมาถ่ายทอดเล่าขานสืบต่อกันมา
    หลวงปู่ธูปเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 9 ของวัดแคนางเลิ้ง ที่มีความเข้มขลังทางพุทธาอาคม สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่ยอมเปิดเผยวิทยาคุณด้านนี้ให้เป็นที่แพร่หลายมากนัก ผู้คนทั่วไปจึงไม่ค่อยมีโอกาสรับรู้ นอกจากผู้อยู่ใกล้ชิดและติดตาม
    ท่านเกิดในสกุล วิชาเดช เกิดวันจันทร์ที่ 11 เม.ย. 2441 ณ บ้านต.บางหลวงเอียง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ เดช มารดาชื่อ ผ่องมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ท่านเป็นคนสุดท้อง อายุได้ 8 ปี ญาติผู้ใหญ่นำไปฝากให้เรียนอักษรสมัยที่วัดตะกู โดยมีพระ อาจารย์เอม เจ้าอาวาสขณะนั้น เป็นครูสอนเรียนหนังสือไทยเบื้องต้น มีประถมก.กา มูลบทบรรพกิจ หนังสือพระมาลัยและขอม เป็นพื้นฐานเบื้องต้น จากนั้นได้ย้ายมาศึกษาวิชามูลกัจจายน์ และเรียนหนังสือบาลีที่วัดศาลาปูน จ.พระนครศรีอยุธยา
    หลัง จากเล่าเรียนจนแตกฉานแล้ว พี่ชายของท่านซึ่งอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่กรุงเทพฯคือ พล.ต.อ.เจ้าพระยาราชศุภนิมิตร และท่านผู้หญิงแปลก ได้มารับท่านไปอยู่ที่กรุงเทพฯด้วย และได้ให้ความเมตตาและอุปการะเป็นอย่างดี โดยให้เข้าเรียนหนังสือต่อที่ ร.ร.วัดส้มเกลี้ยง(วัดราชผาติการาม) จนจบชั้นประถม 4 ในขณะที่เล่าเรียนได้มีโอกาสติดตาม พล.ต.อ.เจ้าพระยาราชศุภนิมิตรเข้าเฝ้า และติดตามเบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีต่างๆ และการเสด็จแปรพระราชฐานในต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง
    เมื่อ อายุครบเกณฑ์ทหารได้สมัครเข้ารับราชการเป็นทหารรักษาวังอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการท่านเจ้าพระยาและท่านผู้หญิง ได้อุปถัมภ์ให้เข้ารับการอุปสมบท ณ วัดสุนทรธรรมทาน เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2463 สมเด็จพระวันรัต (จ่าย) เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอริยมุนี (หว่าง) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูพุทธบาล (เนตร) เจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทาน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า เขมสิริ
    ได้อยู่จำพรรษาที่วัดแคนางเลิ้ง ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระครูพุทธบาลมาโดยลำดับ และยังได้ศึกษานักธรรมชั้นตรีในสำนักเรียนวัดเบญจมบพิตร เมื่อถึงกำหนดสอบธรรมสนามหลวง เกิดอาพาธกะทันหันจึงล้มเลิกการศึกษาทางด้านคันถธุระตั้งแต่นับนั้นและหันมา เอาดีทางสมถกรรมฐานและพุทธาคมคาถา
    ประมาณพรรษาที่ 3 ได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากรรมฐานชั้นสูงกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จนบรรลุฌานชั้นสูง สามารถแสดงอิทธิคุณต่างๆได้ ยิ่งกว่านั้น ยังได้ศึกษาเวทมนต์คาถา ซึ่งเป็นวิชาการแขนงหนึ่งที่พระเถระยุคเก่าต้องใฝ่หาเรียนรู้ไว้เพื่อ ประโยชน์ในงานพระศาสนาต่างๆ อาทิ การปลุกเสกวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยพระผู้ทรงวิทยาคุณเป็นผู้ภาวนาปลุกเสก โดยได้รับการประสิทธิ์ประสาทจากหลวงพ่อปานมาเต็มเปี่ยม
    หลวงปู่ธูปใช้เวลาศึกษาอยู่กับหลวงพ่อปานประมาณหนึ่งพรรษา จึงกลับคืนวัดสุนทรธรรมทาน และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รั้งตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทนพระครูพุทธบาล ที่ขอลาสิกขาบทในปีพ.ศ.2470 และผ่านการลงคะแนนเลือกตั้งจนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในปีพ.ศ.2471 ขณะมีอายุได้ 30 ปี พรรษา 8 นับเป็นพระหนุ่มที่มีพรรษาน้อยสุดที่ได้เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดในเขตจ.พระ นครสมัยนั้น
    หลังจากรับตำแหน่งท่านก็ริเริ่มปฏิสังขรณ์และพัฒนาก่อสร้างอาคาร เสนาสนะต่างๆเรื่อยมา โดยเริ่มลงมือตั้งแต่ปีพ.ศ.2472-2500 ซึ่งเป็นปีที่ก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 29 ก.ค. 2533 เวลา 02.26 น. ท่านก็มรณภาพลงที่โรงพยาบาลพญาไท รวมสิริอายุ 92 ปี 3 เดือน 28 วัน พรรษา 70
    ด้านวัตถุมงคล ตลอดเวลาที่ท่านครองเพศพรหมจรรย์ ได้สร้างวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆมากมายหลายรุ่น จากการบันทึกของหนังสือวัดทราบว่าสร้างครั้งแรกในปีพ.ศ.2482 และจัดสร้างติดต่อกันมาจนถึงพ.ศ.2529 ทุกชนิดมีพุทธคุณในด้าน เมตตามหานิยมและความรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน เป็นหลัก

    สมเด็จหลวงปู่ธูป วัดแค นางเลิ้ง ( ยุคแรก 2485 )
    สภาพเดิม สวยสุดยอดครับ

    หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง หรือ วัดสุนทรธรรมทาน ท่านเป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ และยังได้ศึกษาวิชาเพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์หลายๆท่าน และหลวงปู่ท่านก็เป็นหนึ่งในเกจิดังช่วงยุคสงครามอินโดจีน หลวงปู่จะมีความสนิทสนมกับหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอมอย่างมาก เดินทางไปหาสู่กันประจำ ในยุคหลัง พ.ศ.2500 ท่านจะได้รับนิมนต์เข้าร่วมปลุกเสกพระในพิธีต่างๆตลอดเวลา โดยมากจะเป็นพิธีในกรุงเทพฯหรือจังหวัดใกล้เคียง พระและวัตถุมงคลของท่านจะเด่นในเรื่องเมตตา มหานิยม แคล้วคลาดและคงกะพัน ในทางเมตตา มหานิยมจะพิสูจน์ได้จาก พระเอกหนังดัง มิตร ชัยบัญชา และ เพชรา เชาวราช ดาราดังตลอดกาลของวงการหนังเมืองไทย เป็นที่นิยมชมชอบของคนทั่วประเทศ ซึ่งนำกฐินเข้ามาที่วัดทุกปี เพราะเป็นลูกศิษย์ท่านก่อนจะดัง... ทางด้านคงกะพัน วัดแคนางเลิ้งอยู่ในถิ่นนักเลงในสมัยนั้น นักเลงดังๆในยุค แดง ไบเล่ย์ ปุ๊ ระเบิดขวด ถ้าไม่เก่งจริงลูกศิษย์ลูกหาเดือดร้อนแน่

    การจัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงปู่ธูป จะจัดแบ่งเป็นสามยุคคือยุคต้นช่วงสมัยสงครามอินโดนจีนจะเป็นผ้ายันต์ ผ้าประเจียดและตะกรุดเสียส่วนมาก ด้านพระเครื่องจะสร้างไว้น้อย โดยมากจะเป็นพระผงแล้วนำไปชุบรักไว้อีกที (ต้องดูให้ดีๆว่าถูกยุคไหม)มียันต์ด้านหลังและไม่มียันต์ก็มีแต่น้อย ยุคกลางคือช่วงปีพ.ศ.2504หลวงปู่จะสร้างพระผงน้ำมันเสียส่วนใหญ่ ยุคท้ายคือช่วงตั้งแต่ พ.ศ.2514-2517ท่านจะสร้างเป็นพระผง ด้านหลังมีฝังแร่ หรือจีวร หรือไม่มีฝังเลยก็ได้ เอกลักษณ์ในพระของท่านโดยมากจะปั๊มเป็นยันต์ใบพัด ที่ไม่ปั๊มก็มี แต่มีน้อยมาก ส่วนที่ปั๊มด้วยยันต์ตัวอื่นก็มีแต่หายากมาก เครื่องรางที่ขึ้นชื่อของท่านจะเป็นลูกอม เป็นเนื้อผงมีสองแบบคือขนาดเล็กไว้พกติดตัว และขนาดใหญ่หน่อยเรียกว่าลูกอมศรีสวาทด้านในจะใส่กริ่งเอาไว้ เขย่าจะมีเสีย เอาไว้แขวนหน้าร้านหรือใส่ไว้ในลิ้นชักเก็บเงิน เด่นทางด้านเมตตาค้าขาย เครื่องรางอีกอย่างคือผ้ายันต์สาลิกาน้ำจันทร์เป็นผ้ายันต์ปั๊มหมึก เด่นครบวงจรทั้งเมตตา มหานิยมและคงกะพันแต่ไหนแต่ไรก็หายากมากคนเก็บกันหมด

    พระเครื่องของท่านเป็นของดีราคาถูกพุทธคุณสูง แถมราคาไม่สูงมากเพราะพระของท่านจะโดนลูกศิษย์ลูกหาสายตรงเก็บเข้ารังหมด ไม่แพร่หลายเป็นที่รู้จักในวงการมากนัก ปัจจุบันพระของท่านเริ่มๆทยอยแตกรังออกมาบ้าง เมื่อคนในไปบูชาเริ่มมีประสบการณ์ พระเครื่องของท่านจะหายากกว่านี้ครับ

    [​IMG]


    ให้บูชา 2,500บ.ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tub1-tile.jpg
      tub1-tile.jpg
      ขนาดไฟล์:
      371.8 KB
      เปิดดู:
      4,399
  20. zero3

    zero3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +108
    ขอจองก่อนครับ เดี๋ยวโทรไป

     

แชร์หน้านี้

Loading...