ฤาษีผู้มีฤทธิ์ เหาะไปในอากาศตลอดร้อยปี เพื่อค้นหาที่สุดของโลก.

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ไจโกะ, 12 พฤศจิกายน 2013.

  1. ไจโกะ

    ไจโกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +1,147
    ฤาษีเหาะไปด้วยฤทธิ์ ตลอดร้อยปี ไม่กิน
    ไม่นอน ไม่ขับถ่าย เพื่อค้นหาที่สุดของโลก.


    [​IMG]

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แต่ปางก่อน ข้าพระองค์เป็นฤาษี
    ชื่อโรหิตัสสะเป็นบุตรของอิสสรชน มีฤทธิ์ เหาะไปในอากาศได้
    มีความเร็วประดุจอาจารย์สอนศิลปธนูจับธนูมั่น ชาญศึกษา ชำนาญมือ
    เคยประกวดยิงธนูมาแล้ว ยิงผ่านเงาตาลตามขวางได้ด้วยลูกศรขนาดเบาโดยสะดวกด้วย
    ย่างเท้าของข้าพระองค์เห็นปานนี้ ประดุจจากมหาสมุทรด้านทิศบูรพาก้าวถึงมหาสมุทรด้านทิศประจิม
    ข้าพระองค์มาประสงค์อยู่แต่เพียงว่า เราจักบรรลุถึงที่สุดของโลกด้วยการเดินทาง

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ประกอบด้วยความเร็วขนาดนี้ด้วย
    ย่างเท้าขนาดนี้ เว้นจากการกิน การขบเคี้ยวและการลิ้มรสอาหาร
    เว้นจากการถ่ายอุจจาระปัสสาวะ เว้นจากระงับความเหน็ดเหนื่อย ด้วยการหลับนอน
    มีอายุถึงร้อยปี ดำรงชีพอยู่ถึงร้อยปี เดินทางตลอดร้อยปี ก็ยังไม่ถึงที่สุดของโลกได้
    แต่มาทำกาลกิริยา(ตาย)เสียในระวางน่าอัศจรรย์นัก พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้า
    พระดำรัสนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสแจ่มแจ้งแล้ว ดังปรากฏว่า อาวุโส ที่ใดเป็นที่ไม่เกิด
    ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ เราไม่พูดถึง ที่นั้นอันเป็นที่สุดของโลก
    ว่าควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุ ด้วยการเดินทาง ฯ


    พระผู้มีพระภาค : ดูกรอาวุโส ที่ใดเป็นที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ
    เราไม่พูดถึงที่นั้นอันเป็นที่สุดของโลก ว่าควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุด้วยการเดินทาง
    ก็ถ้าหากเรายังไม่บรรลุถึงที่สุดของโลกแล้วก็จะไม่กล่าว
    ถึงการกระทำที่สุดทุกข์ ก็แต่ว่าเราบัญญัติเรียกว่าโลกเหตุให้เกิดโลก
    การดับของโลก และทางให้ถึงความดับโลก ในสรีระร่าง
    มีประมาณวาหนึ่งนี้ และพร้อมทั้งสัญญาพร้อมทั้งใจครอง ฯ

    แต่ไหนแต่ไรมา ยังไม่มีใครบรรลุถึงที่สุดโลกด้วยการเดินทาง
    และเพราะ ที่ยังบรรลุถึงที่สุดโลกไม่ได้ จึงไม่พ้นไปจากทุกข์ ฯ เหตุนั้นแหละ
    คนมีปัญญาดี ตระหนักชัดเรื่องโลก ถึงที่สุดโลกได้ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว
    รู้จักที่สุดโลกแล้ว เป็นผู้ระงับแล้ว จึงไม่หวังโลกนี้และ โลกหน้า ฯ


    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ข้อที่ ๒๙๖-๒๙๘
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤศจิกายน 2013
  2. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    ที่สุดของโลกคือ นิพพาน
     
  3. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    สาธุค่ะ


    แต่สงสัยจัง
    ที่ฤษีพูดว่า

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ประกอบด้วยความเร็วขนาดนี้ด้วย
    ย่างเท้าขนาดนี้ เว้นจากการกิน การขบเคี้ยวและการลิ้มรสอาหาร
    เว้นจากการถ่ายอุจจาระปัสสาวะ เว้นจากระงับความเหน็ดเหนื่อย ด้วยการหลับนอน
    มีอายุถึงร้อยปี ดำรงชีพอยู่ถึงร้อยปี เดินทางตลอดร้อยปี ก็ยังไม่ถึงที่สุดของโลกได้
    แต่มาทำกาลกิริยา(ตาย)เสียในระวางน่าอัศจรรย์นัก พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้า
    พระดำรัสนี้ "


    1. ฤษี หมายถึง การเดินทางโดยการเหาะไปจริงๆ หรือการไปโดยนิมิต?

    2. " โลก " ที่ฤษีว่า ฤษีหมายถึงโลกแบบไหน โลกทางกายภาพ หรือโลกทางจิตหรือทางนามธรรม?
    คือ...ใช้เวลาตั้ง 100 ปี ในการเดินทางโดยการเหาะมันน่าจะสามารถหาจุดสิ้นสุดได้ ถ้าเป็นโลกทางภายภาพ หรือเป็นเพราะโลกกลม ฤษีก็เลยหาจุดสิ้นสุดไม่ได้

    3. ฤษี บอกว่าตนมีอายุขัย 100 ปี แล้วเดินทาง 100 ปี
    หมายความว่า ฤษี เกิดมาก็เหาะได้เลยหรือเปล่า?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  4. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    โพสหลายห้องจริง
     
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    สมเด็จพระสังฆราช ทรงนิพนธ์ไว้เรื่องหนึ่งมีพูดถึงอิสสรชน ท่านเล่าว่าอิสสระชนเป็นเทวดาพวกหนึ่ง เป็นเรื่องเล่ามีมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาลและติดมาในคัมภีร์ของพระพุทธศาสนา อิสสรชนเป็นเทวดาอาศัยอยู่ในระหว่างขอบโลกกับสวรรค์ เป็นภพหนึ่งในจักรวาล เป็นโลกก็ไม่ใช่ เป็นสวรรค์ก็ไม่ใช่ คนสมัยโบราณสอนกันว่าตายแล้ว ทำดีไปสวรรค์ ทำชั่วไปตกนรก และยังสอนกันเรื่องกำเนิดโลกและจักรวาล เรื่องอายุของโลก อายุของเทวดา อายุของนรก เมื่อโลกแตกสลายจะกำเนิดโลกขึ้นมาใหม่ ถามว่าเมื่อโลกแตก นรกกับสวรรรค์แตกทำลายไปด้วยหรือไม่ ในเรื่องเล่านั้นเล่าว่า เมื่อโลกแตก นรก สวรรค์ก็จะแตกสลายถูกทำลายไปด้วย เหล่าเทพต่าง ๆ จะพากันมาอยู่ในภพของอิสสรชนนี้เอง และยังเรื่องเล่าสงครามของเทวดารบกันก็มาจากอิสสระชนนี่เอง ท่านเล่าว่าอิสสรชนเวลารบกันกับเทวดาจะไม่มีการตาย ไม่มีการแพ้ชนะ และต่างก็รบอยู่ในภพของตน ไม่สามารถรบข้ามภพได้จึงไม่มีการแพ้ชนะกัน รบกันนานมากหลายปีก็ไม่มีการแพ้ชนะกัน แต่จะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ดอกไม้ชนิดหนึ่งบานขึ้น (จำชื่อไม่ได้ครับ) พวกอิสสระชนจะพ่ายแพ้แก่เทวดา เรื่องเล่าประมาณนี้ครับผมจำไม่ได้ทั้งหมด และถ้าจะนำมาโยงกับเรื่องนี้ อดข้าวอดน้ำ ๗ วันทำได้จริง เดินทางตลอดร้อยปี ไม่กิน ไม่ถ่าย ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่หลับนอนนี้ ดูจะเป็นเรื่องเกิดวิสัยของคนธรรมดา แต่ถ้าถามว่าไม่ใช่คนธรรมดาทำได้หรือ? ผมคงตอบว่าอาจจะได้ แต่ว่าอย่าไปตามรู้เรื่องนี้เลยว่าเหาะได้ไปได้จริง ๆ ความจริงโลกนี้คือร่างกายเรานี้เอง โลกหน้า โลกอื่นมีหรือไม่มีไม่ไช่เรื่องที่ควรจะไปตามรู้ กว่าจะรู้จะต้องตายเสียระหว่างทางตามพระพุทธพจน์เป็นแน่ครับ
     
  6. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,162
    1. ฤษี หมายถึง การเดินทางโดยการเหาะไปจริงๆ หรือการไปโดยนิมิต?
    ตอบ ในความหมายของเหาะถ้าในอวกาศก็น่าจะเหมือนไปแบบนิมิตหายตัวไปเลย เพียงแต่เป้าหมายที่จะไปโผล่ไม่สามารถกำหนดได้ด้วยฤทธิ์ก็เหมือนวาร์ปหายไปด้วยความเร็วสูงน่าจะมากกว่า 1000 ปีแสงต่อวินาทีขึ้นไป(ความเร็วขั้นต่ำในการเดินทางในอวกาศอย่างพวก UFO เกิน 100 ปีแสงต่อวิทั้งนั้น) คือธาตุขันธ์น่าจะหายไปเพราะเหมือนกับอยู่ในอีกมิตินึงเพียงแต่เป้าหมายที่กำหนดเกินกำลังอภิญญาจะส่งไปถึงมันจึงอยู่ในขั้นที่กำลังเดินทาง หรืออาจจะเรียกหมายเอาว่าเหาะก็ได้

    2. " โลก " ที่ฤษีว่า ฤษีหมายถึงโลกแบบไหน โลกทางกายภาพ หรือโลกทางจิตหรือทางนามธรรม?
    คือ...ใช้เวลาตั้ง 100 ปี ในการเดินทางโดยการเหาะมันน่าจะสามารถหาจุดสิ้นสุดได้ ถ้าเป็นโลกทางภายภาพ หรือเป็นเพราะโลกกลม ฤษีก็เลยหาจุดสิ้นสุดไม่ได้
    ตอบ โลกทางกายภาพ หรือเอกภพนี้แน่นอนครับ เพราะในเรื่องนี้ชัดเจนที่สุดแล้ว ไม่มีตรงจุดไหนกล่าวถึงเทวโลก พรหมโลก หรือโลกในมิติอื่นๆ ดังนั้นเข้าใจได้เลยว่าเป็นโลกทางกายภาพแน่นอน

    3. ฤษี บอกว่าตนมีอายุขัย 100 ปี แล้วเดินทาง 100 ปี
    หมายความว่า ฤษี เกิดมาก็เหาะได้เลยหรือเปล่า?
    ตอบ นับตั้งแต่ฤษีที่ได้อภิญญาและกระทำการเหาะไป ไม่กิน ไม่นอน ไม่หยุดพัก ตลอดระยะเวลา 100 ปี ดังนั้นอายุขัยถ้านับแต่เกิดย่อมมากกว่า 100 ปีแน่นอน แต่ในเรื่องกล่าวเฉพาะระยะเวลาที่ได้กระทำเท่านั้น

    จริงๆ มีที่สุดของเอกภพ เพียงแต่เอกภพมีการขยายตัวด้วยความเร็วมากกว่าความเร็วแสงเสมอ เพราะจะต้องเกิดขึ้นเพื่อรองรับกระแสจิตทุกดวงในเอกภพ ดังนั้นโลกทางกายภาพจะเป็นภาพสะท้อนของโลกทางนามธรรมอีกทีขอบเขตแบบจำกัดจึงไม่สามารถมีได้ แต่ถ้าไปสุดขอบแล้วการเดินทางต่อไปก็จะย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น คล้ายกับการวิ่งวนรอบโลก แต่เป็นการเดินทางย้อนกลับในรูปแบบการเลื่อนมิติ แต่ไม่ใช่การย้อนเวลากลับแน่นอน เพราะสิ่งนึงที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ ในทางโลกกายภาพคือการเอาดวงจิตย้อนกลับไปในอดีต เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าเอาไปรับรู้เรื่องราวในอดีตหรือเคลื่อนย้ายไปยังมิติจำลองในอดีตอันนี้สามารถทำได้ เพียงแต่จิตที่ย้อนไปก็เหมือนอยู่ในห้องจำลองขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่มีอยู่จริง หรือเกิดขึ้นจริง

    ตอบเอามันนะครับอย่าโน้มใจเชื่อ โลกนี้ที่จริงที่สุดคือความไม่แน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  7. ไจโกะ

    ไจโกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +1,147


    ขอเสริมครับที่ว่า
    1. ฤษี หมายถึง การเดินทางโดยการเหาะไปจริงๆ หรือการไปโดยนิมิต?

    ถ้าเข้าไปอ่านเพิ่มเติมโดยละเอียดจะทราบว่า ฤาษีตนนี้เหาะไปในอากาศด้วยกายหยาบ (อย่างที่สาวกในครั้งพุทธกาลได้ท่องไปในเทวโลกหรือพรหมโลกด้วยกายเนื้อ) จากนั้นจึงทำกาละลงคือตายในขณะที่เหาะ ก่อนตายจิตสุดท้ายอยู่ในณาน ชาติปัจจุบันจึงได้อัตภาพเป็นพรหมแล้วเข้ามาถามปัญหากับพระพุทธเจ้าอีกทีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 พฤศจิกายน 2013
  8. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ในเมืองไทยก็เห็นผู้อ้างว่ามีญาณมากมาย เดินบนน้ำได้มั้งละ เหาะได้บ้างหละ แต่ไม่เคยกับตาตัวเองสักที มีแต่คนเขาพูด ราคาคุย
     
  9. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ไม่เหมือนพวกฝรั่งเนาะ ฝรั่งเขาโชวกันเห็น
    เมื่อไม่ถึงสิบปีก่อน ก็มีเข้ามาโชวพาวในไทยอยู่
    ทั้งเหาะเหินเดินอากาศ แยกร่าง ฯลฯ
    ถ้าจำชื่อไม่ผิด เขาชื่อ...

    เดวิด คอบเปอร์ฟิววววววว


    ๕๕๕
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    ดิฉันอยู่ตปท เคยเจอแบบตัวต่อตัว เด็กผู้หญิงฝรั่ง หน้าตาสวยน่ารักมากๆ แต่งตัวก็น่ารักด้วยคะเหมือนแม่มดน้อย อายุ 12 นาง จุดไฟโดยใช้พลังจิต และเคลื่อนของได้โดยใช้พลังจิตต่อหน้าดิฉันเลยคะ
     
  11. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย
    ถ้าเดินถูกทางก็ไม่ยาก
    ถ้าเดินผิดทางก็ยาก
    แล้วแต่บุญวาสนาบารมีทีี่่สะสม
    พระบิดาของพระพุทธเจ้ายังบรรลุนิพพานขณะเป็นฆราวาสเลย
    อ่านได้ทีี่ link นี้

    พระเจ้าสุทโธทนะมหาราชไปนิพพาน
     
  12. LovePig

    LovePig เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +283


    มีหนังสือจำหน่ายนะท่าน " อยู่บ้านก็นิพพานได้ "
    แต่ถึงอย่างไง ก็คงต้องมี อาจาร์ยสอนอยู่ดี ถ้าทำจนถึงจุดหนึ่งแล้ว
     
  13. jamesnuke

    jamesnuke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +224
    ได้ แต่ต้องปฏิบัติตามหลักมัชฌิมาปฏิปทา คือมรรคมีองค์ 8 ประการคือ 1. สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูกต้องตามธรรม ไม่ขัดจากหลักความจริง เช่นทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว...
    2. สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริชอบ ได้แก่การดำริออกจากกามกิเลสเป็นต้น
    3. สัมมาวาจา คือการพูดถูกต้อง ไม่มีโทษกระทบตนและคนอื่น
    4. สัมมากัมมันตะ คือการประกอบการงาน ไม่มีโทษ
    5. สัมมาอาชีวะ คือการดำรงชีวิตหรือเลี้ยงชีพ ไม่ผิดศีลธรรม
    6. สัมมาวายามะ คือความบากบั่น พยามในสิ่งที่ถูกต้อง เช่น ฝืนอำนาจกิเลสของความชั่วทั้งปวง ไม่ยอมทำตามอำนาจกิเลสที่ชักชวน
    7. สัมมาสติ คือ การระลึกรู้ชอบ ตื่นตัวอยู่เสมอ ด้วยความรอบครอบ ไม่ยินดีในสิ่งที่ดีหรือชั่ว กำหนดรู้อย่างเดียว
    8. สัมมาสมาธิ คือการตั้งใจมั่นถูกต้อง ได้แก่การเจริญกัมมัฏฐานมีสมถะเป็นพื้น แล้วเจริญวิปัสนาเพื่อรู้เเจ้งในสภาวะธรรมตามความเป็นจริง
    ทั้ง 8 ย่อลงเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา ทำสิ่งทั้ง 3 ให้บริบูรณ์พร้อมจนอินทรีย์ทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แก่กล้าแล้ว จนเกิดมรรคสมังคี ได้แก่การรวม 3 อย่างให้เป็นหนึ่งเดียว เป็นปัญญาณาณ สังหารกิเลสไม่ให้กำเริบอีกต่อไป การรวมมรรคสมังคีนั้น จะประกอบภายใน 4 กาลเท่านั้นคือ 1.ขณะกำลังเข้าข้ามปุถุชนสู่อริยชนหรือเรียกว่า โคตรภูญาณ เมื่อก้าวข้ามคือประหารกิเลสสังโยชน์ 3 ข้างต้นได้แล้ว เรียกว่า พระโสดามรรค ๆ เเบ่งเป็น 3 ประเภทคือ 1. เอกพีชี ผู้มีมาเกิดในสุคติภพเพียงหนเดียวก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ 2. โกลังโกละ ผู้มาเกิดในสุคติอีก 2-3 ภพ ก็จักบรรลุอรหัต 3. สัตตักขัตตุงปรมะ ผู้มาเกิดในสุคติอีก 7 ชาติ ก็จักบรรลุอรหัต
    2. ปัญญาณาณ ทำหน้าเหมือนมรรคเเรก เพียงแต่บรรเทา ราคะ ความกำหนัด รักใคร่ โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง บรรเทาเบาบางลง ชั้นนี้เกิดในสุคติภพเพียงครั้งเดียว ก็บรรลุพระอรหันต์
    3. ปัญญาณาณ ทำหน้าที่ประหารสังโยชน์ 5 ขาดไปจากจิต เมื่อสิ้นชีพแล้ว ก็ไปบังเกิดในพรหมโลกสุทธาวาส 5 ชั้น แล้วนิพานในที่บังเกิดนั้น
    4. ปัญญาญาณ ทำหน้าที่ประหาร สังโยชน์ 10 ขาดไปจากจิต เป็นผู้มีใจบริสุทธิ์ บริบูรณ์ กิเลสน้อยใหญ่ไม่สามารถมากำเริบเกิดในจิตของผู้นั้นอีกต่อไป เมื่อละขันธ์เข้าสู่เเดนพระนิพาน อันเป็นสถานที่ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่ไป ไม่มา หรือ ในเเดนนิพานมีแต่โลกไม่มี หรือสิ่งใดๆ ในโลกมีแต่เเดนนิพานไม่มี ผู้ใดละขันธ์แล้วเข้าสู่เเดนนิพานแล้วผู้นั้นจะไม่กลับมาเกิดในภพไหนๆ ตลอดอนันตกาล ไม่ว่า กาลไหนๆ สมดังพุทธภาษิตว่า
    นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพานเป็นบรมสุขเเลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2013
  14. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    อยากรู้จักแม่มดน้อยคนนั้นเสียแล้วสิ
    ชื่อทิงกาเบลรึเปล่าน้าาา? ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...