หมดแล้ว ภาพงานหล่อ หล่อหลวงพ่อองค์ปฐมทองคำ วัดสุขุมาราม หน้าสุดท้ายครับ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย จารุ, 5 พฤศจิกายน 2013.

  1. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    ภาพถวายทองคำหน้าสุดท้ายครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2014
  2. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    ชนวนมวลสารครับ
    1.ชนวนหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง
    2.ชนวนสำริด อธิษฐานจิตโดย หลวงพ่อวิชา
    3.ชนวน หลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก 4 ศอก วัดพุทธโมกข์
    4.ชนวน สำริดเข้าพิธี หนุนดวง หลวงพ่อหนุน
    5.ต้นชนวน หลวงปู่พวง เมตตาฝากลูกศิษย์มาให้ เป็นการเฉพาะ
    6.ชนวนเนื้อกรรมการ พระกริ่งเจริญลาภ วัดพุทธโมกข์
    7.ชนวนพระกริ่งครูบากฤษดา รุ่น 3 รอบ
    8.ชนวนโลหะ 17 พระคณาจารย์ สายวัดท่าซุง
    ร่วมพุทธาภิเษก ณ.วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2013
  3. เด็กบางบัว

    เด็กบางบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,029
    ค่าพลัง:
    +3,477
    ร่วมบุญบูชาสมเด็จองค์ปฐมเนื้อสำริด องค์ละ 599 บาท จำนวน 1 องค์ครับ
     
  4. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    [​IMG]


    ...............
     
  5. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    เงิน ๑ สำริด ๑ ครับ
     
  6. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    [​IMG]


    ............................
     
  7. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    พระครูวิจารย์วิหารกิจ (พระครูสุรินทร์)

    "สำนึกในพระคุณ"


    หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๒

    ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๐ โยมพ่อและโยมแม่มาลัย เดินทางไปค้าขายทางเรือที่ จ.อยุธยา โดยนำยาสูบจากอำเภอชุมแสงไปเร่ขาย ซึ่งขณะนั้นถึงช่วงบ่ายแล้ว ยาสูบนั้นก็ยังขายไม่ได้เลย โยมแม่ได้ทราบกิตติศัพท์ว่า หลวงปู่ปานวัดบางนมโคมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงแวะเรือเพื่อจะไปกราบท่านไปถึงทายกบอกไม่ให้เข้า เพราะท่านจำวัดอยู่ โยมแม่ก็เลยพูดสวนไปว่า “หลวงปู่ปานท่านเป็นเสือหรือไง ถึงไม่ยอมให้ฉันเข้า ฉันต้องเข้าให้ได้” ผลสุดท้ายทายกต้องยอมให้โยมแม่มาลัยเข้า หลวงปู่ปานท่านก็ลืมตาขึ้นมาพอดี

    หลวงปู่ปานท่านก็ทักว่า “มายังไงละลูก”

    โยมกราบเรียนว่า “ดิฉันมาค้าขายยา และขายไม่ได้ จะมาขอของดีจากหลวงปู่”

    ท่านก็ให้น้ำมนต์ และให้พรค้าขายดี แล้วท่านก็สั่งว่า “ปีหน้าหลวงปู่จะไปเยี่ยมลูก”

    เมื่อหลวงปู่ปานกล่าวเช่นนี้ โยมแม่ก็กลับมาด้วยความอิ่มใจ และก็ได้รูปท่านมา เป็นรูปศาลา ๓ หน้ามาบูชา แล้วก็ทำบุญกับท่านไปแค่ ๕๐ สตางค์ จากนั้นโยมแม่ก็ถอยเรือกลับมา และขายยาหมดในช่วงบ่ายวันนั้นก่อนมืดค่ำ

    ครั้นปี พ.ศ. ๒๔๘๑ หลวงปู่ปานก็มรณภาพ ปีถัดมา พ.ศ.๒๔๘๒ พออายุได้ ๗ ขวบ ข้าพเจ้าและน้องก็เป็นโรคท้องร่วงทั้งสองพี่น้อง โยมแม่ก็ปรึกษากับโยมพ่อว่ายาโบราณก็กินเข้าไปหลายขนานแล้วก็ไม่หาย จึงปรึกษากันว่า เราจะทำยังไงกันดีเพราะเราก็ยากจนเข็ญใจ ก็หันหน้าเข้าหารูปหลวงปู่ปาน และจุดธูปบอกว่าขอให้น้ำมนต์ของหลวงพ่อจงรักษาโรคท้องร่วงของลูกหาย

    โยมแม่ก็อาราธนาน้ำมนต์จากท่าน แล้วเอามาให้ข้าพเจ้า ๒ พี่น้องดื่ม เมื่อดื่มแล้ว ทั้งพี่ทั้งน้องก็หายจากโรคปวดท้องและท้องร่วง จากนั้นโยมแม่ก็มีความนับถือหลวงปู่ปานตลอดมา เวลาคนแถวนั้นเจ็บไข้ได้ป่วย โยมแม่ก็ขอบารมีหลวงปู่ปานไปช่วย ตั้งแต่คลอดบุตรหรือจะถูกผีสางนางไม้เข้าก็ตาม โยมก็จะถูกตามไปรักษาทั้งกลางวันและกลางคืน ต่อมาโยมพ่อเบื่อก็ลาจากการช่วยรักษาคน โยมแม่ยังไม่เบื่อก็ยังช่วยคนต่อไปเรื่อยๆ

    ปี พ.ศ.๒๔๙๖ ข้าพเจ้าออกจากโรงเรียน และพอดีได้รับอุบัติเหตุ โยมแม่จึงบนหลวงปู่ปานและหลวงปู่จงด้วย ให้ข้าพเจ้าบวชเณร ๑๕ วัน พอบวชเณรครบกำหนด ข้าพเจ้าก็จะสึก โยมแม่ก็จุดธูป ยกข้าพเจ้าให้หลวงปู่ปาน บอกว่า ขอให้เณรที่บวชอยู่แล้ว ได้บวชเณรต่อไปยันถึงการได้บวชเป็นพระภิกษุ เมื่อโยมแม่ทำการอธิษฐานอย่างนั้นแล้ว คงเป็นเพราะบารมีหลวงปู่ปานสิงสู่จิตใจ ก็ทำให้ข้าพเจ้าบวชเณรติดต่อกันมาจนถึงปี พ.ศ.๒๕๐๒

    ข้าพเจ้าก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดบางแพรกเหนือ ก่อนเข้าพรรษาก็ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ ซึ่งเขากำลังสร้างกุฏิอยู่ข้างโรงเรียน เมื่อสร้างกุฏิแล้ว ข้าพเจ้าก็ไปเที่ยวตรงสวนวัดปัจจุบัน แล้วก็ตั้งจิตบอกกล่าวกับหลวงปู่ปานว่า ถ้าได้ที่ดินตรงนี้ จะสร้างวัดถวายบารมีหลวงปู่ปาน พอปี พ.ศ.๒๕๐๔ หลังบอกบุญเรี่ยไรรวมทั้งทายกทายิกาเขาช่วยกัน ก็ย้ายวัดจากข้างโรงเรียนมาตั้งที่วัดปัจจุบันนี้ แล้วก็ถวายให้เป็นวัดหลวงปู่ปานได้นามว่า วัดโพธิ์ประชาราษฎร์ ต่อมาปี ๒๕๐๖ – ๒๕๐๙ ข้าพเจ้าก็อยู่จำพรรษาที่วัดสุขุมารามนี้

    ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ข้าพเจ้าป่วยอยู่โรงพยาบาลสงฆ์ ก็บอกว่าถ้าจะตายก็ไม่ว่า ขอให้ได้เดินทางไปไหว้รูปเหมือนหลวงปู่ปานที่วัดบางนมโค พอดีโยมแม่ลงไปเยี่ยม ต่อมา ๑ – ๒ วัน หมอให้ออกจากโรงพยาบาลก็เดินทางจากจังหวัดนนทบุรี มากราบรูปเหมือนหลวงปู่ปาน และได้เจอหลวงพ่อฉัตร หลวงพ่อเล็ก และทายกวัด

    หลวงพ่อฉัตร ท่านเป็นพระที่สันโดษ ไม่ห่วงใยอาลัยในชีวิต และก็ฉันองค์เดียว ท่านคุยสนุก ใจดี ยิ้มแย้มดี ท่านเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่ปานนี่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ส่วนตัวท่านเองนั้นก็ไม่ได้ตามไปด้วย ท่านพูดว่าปล่อยคุณอาไป (หลวงพ่อฉัตรท่านเรียกหลวงปู่ปานว่า คุณอา) หลวงพ่อฉัตรท่านเมตตาเล่าประวัติหลวงปู่ปานให้ฟัง เล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความเก่งของหลวงปู่ปาน ว่าท่านสามารถถอดญาณ ถอดจิต และเล่าถึงมีญาณพิเศษต่างๆ ให้ฟัง ก่อนกลับหลวงพ่อฉัตรท่านแจกรูปภาพกระดาษหลวงปู่ปาน เป็นรูปศาลา ๓ หน้า มีภาพหลวงปู่ปานนั่งอยู่กลาง ท่านให้มาเยอะ ให้เอาไปแจก

    ส่วนหลวงพ่อเล็กนั้น ท่านมีปฏิปทาที่พูดน้อยมาก และไม่ค่อยพูด ท่านเป็นพระที่นิ่ง ขณะที่ไปค้างที่วัด ๒ – ๓ วัน หลวงพ่อเล็ก ป่วยอยู่ ไม่ค่อยลงรับแขก

    ทายกวัด อยู่ใกล้ๆ กับวัด ได้ให้ผ้ายันต์รูปหลวงปู่ปานสีแดงมา ๑ แผ่น ปัจจุบันข้าพเจ้าก็ใส่กรอบไว้และติดไว้ในย่ามเสมอ ข้าพเจ้าไปพักอยู่ที่วัด ๒ – ๓ วันก็กลับ

    ครั้นปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ข้าพเจ้าเจอหนังสือคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าที่หลวงพ่อพิมพ์แจกที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า พอข้าพเจ้าได้หนังสือนั้นมา ก็ออกตามมาหาหลวงพ่อถึงวัด เพราะอยากได้คาถา จึงเดินทางไปที่อำเภอวัดสิงห์ จ.ชัยนาท ที่แวะวัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อในสมันนั้น มีนามเรียกว่าหลวงพ่อมหาวีระ ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ตอนข้าพเจ้าไปหาหลวงพ่อที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า

    ครั้งแรกนั้น ไปถึงหมาก็จะกัด เพราะหลวงพ่อเลี้ยงหมาไว้เยอะ หลวงพ่อออกมาจากห้องพอดี ท่านอยู่ตามสบายของท่าน พอท่านออกมาท่านก็พูดธรรมะแบบแทงใจ คือด่าตรงๆ พอเจอหน้าท่านเท่านั้น พอเริ่มพูด ท่านก็ด่ากิเลสออกมาเลย กิเลสข้าพเจ้านะ ท่านคุ้ยกิเลสข้าพเจ้าออกมาให้ดู ข้าพเจ้าไปกับทิดเสริฐ (อี่-แจ๊ว) ท่านรู้หมด ด่าไม่เลี้ยงเลย ข้าพเจ้านั่งหน้าแดง ประเสริฐงี้หูแดงบอกเอ้อเก่งมาก ถูกด่าหมดเปลือก นับเป็นเรื่องอัศจรรย์จริงๆ ท่านพูดง่ายๆ

    สมัยนี้เขาเรียกว่า รู้ใจหมด กิเลสเรามีอยู่ในใจเท่าไร ท่านพูดออกมาจนหมด พูดแล้วไม่มีข้อแก้ตัวได้เลย ท่านพูดอย่างนั้น พูดตรงๆ พูดแบบสอน ข้าพเจ้านั่งหน้าแดง ข้าพเจ้าก็หลบๆ ไม่ค่อยกล้า เพราะกลัว หลวงพ่อท่านรู้ ท่านเก่งมาก เป็นเรื่องอัศจรรย์มากทีเดียว เจออย่างนี้แล้วต้องยอมเลย ก็มีเวลาคุยกับท่านไม่นานนักก็ลากลับ

    นับตั้งแต่วันนั้น ก็ติดต่อกับท่านมาตลอด จนกระทั่งถึงวันสารท ถวายอาราธนาให้ท่านเดินทางมาที่วัดสุขุมารามนี้ (ในปี พ.ศ. ๒๕๐๙) ท่านเมตตามาเทศน์ในวันสารทนั้น

    ในการเทศน์วันนั้นหลวงพ่อเริ่มเทศน์ โดยการบอกศักราชว่า “อิทานิ ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ แปลเป็นภาษาไทยว่า บัดนี้พุทธศักราชล่วงไปแล้วได้สองพันห้า” ท่านก็พูดแค่นี้เองว่า สองพันห้า คือ ไม่ว่าลงห้าร้อย คือลงแค่สองพันห้า”

    ก็ปรากฏว่า หวยงวดนั้นออก สองห้า ข้างล่าง นี้ก็เป็นบารมีของหลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร หรือหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    หลังจากเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าไปกราบหลวงพ่อ ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่าในครั้งแรก ท่านพูดแทงใจข้าพเจ้า โดยพูดล้วงกิเลสที่อยู่ภายในใจข้าพเจ้าออกมาจนหมดสิ้น ข้าพเจ้าก็ยอมสยบท่านเลย และก็มีความเลื่อมใสศรัทธาท่าน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    ต่อมาข้าพเจ้าก็เขียนจดหมายไปกราบเรียนท่านแล้วก็เปรียบเทียบ ขออภัยว่า “ปฏิปทาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้น มีบารมีใกล้เคียงกับหลวงปู่ปาน ประมาณ ๗๐ เปอร์เซ็นต์” ที่เขียนอย่างนี้ เพราะว่าเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่มีความศรัทธาต่อหลวงพ่ออย่างมาก และไม่เคยเขียนไปที่ไหนมาก่อนเลย นอกจากนี้ก็ถามเกี่ยวกับการปฏิบัติ และถามเกี่ยวกับคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วย

    แล้วหลวงพ่อก็ตอบจดหมายมามีใจความดังต่อไปนี้........


    วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท

    ๑๔ สิงหาคม ๒๕๐๙

    เรียนท่านอาจารย์สุรินทร์ที่รัก

    จดหมายของท่านอาจารย์ลงวันที่ ๗ สิงหาฯ ผมได้รับแล้วแต่วันที่ ๑๓ สิงหาฯ รู้สึกว่าจดหมายที่มาหาผมนี้จะใจเย็นไปสักหน่อย ขอบใจที่กรุณาชมมา แต่ต่อไปอย่าใช้คำชมเชยมาเลยครับ เพราะคำชมกับผมทำหนังสือหย่ากันเสียแล้ว

    ทั้งนี้เป็นเพราะคำชมหรือสรรเสริญนี้มันเคยทรยศเอากับผมมาหลายพันชาติเต็มทีแล้ว ไปเอากับมันด้วยคราวใด มันเป็นดึงลงอบายภูมิทุกคราว คิดไว้ว่าจะไม่ขอคบกับมัน แต่ถ้าใครชมหากผู้นั้นไม่ชอบพอรักใคร่กันจริงแล้ว ผมก็ยิ้มอย่างพยายามยิ้มให้ผู้ชมกันเก้อ หากท่านผู้ชมเป็นคนประเภทกันเองแล้ว ก็บอกตรงๆ ว่าไม่ชอบให้ใครชม และก็ไม่นิยมนักติ เพราะทั้งสองประการนี้เป็นโลกธรรม เป็นเชื้อสายของอบายภูมิทั้งนั้น

    เรื่อง เอาบารมีไปเทียบกับหลวงพ่อปานด้วยครับ กรุณาอย่ากล่าวอีกเลย เพราะท่านเป็นครูบาอาจารย์ อย่าให้ผมไปวัดรอยเท้าเลย จะหมดดีเสีย เพราะครูอาจารย์นั้น ศิษย์ไม่มีอะไรจะเอาเข้าเปรียบเทียบได้เลย ครูเป็นปุถุชน แต่ศิษย์เป็นพระอรหันต์ ก็ไม่มีศิษย์คนใดที่จะยอมให้ครูมาไหว้ตน มีแต่ตนเองเท่านั้นที่จะก้มหัวลงแทบเท้าท่านครู ถวายความเคารพ ยกครูไว้เหนือเศียรเกล้า เพราะระลึกอยู่ว่าความดีที่ตนได้รับมานั้น เป็นความดีที่ครูท่านมอบหมายให้มา

    ยิ่งหลวงพ่อปานเป็นพุทธภูมิ เป็นพระทรงสมาบัติแปดด้วยแล้ว ผลที่ผมได้รับนี้ ไม่มีทางเปรียบเทียบได้เลย เพราะผมมีสมาบัติไม่ถึงแปด เรื่องการทรงใดๆ จึงแตกต่างกันอย่างเทียบกันไม่ติดเลย พอขโมยท่านมาได้บ้างเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง เดียวนี้ผมก็ยังต้องอาศัยท่านอยู่เสมอ หากมีอะไรขัดข้องเมื่อไร ผมก็ต้องรบกวนท่านทันที เป็นอันว่าผมเป็นศิษย์ที่หลวงพ่อปานต้องตามพร่ำสอนอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ท่านมีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว ขอโปรดอย่านำเอาผมไปเปรียบกับหลวงพ่อต่อไปนะครับ

    ที่บอกมานี้ไม่ใช่โกรธ แต่บอกเพื่อกันไว้ระหว่างพวกสมณธรรมด้วยกัน คำติดคำชมเป็นของชาวโลกที่ต้องการวัฏฏะ พวกเราหนีวัฏฏะ อย่าเอาของเขามาใช้เลย ไม่เข้าใจอะไรก็ถามมาตรงๆ ดีกว่า

    ธรรมปฏิบัติของท่านพอจะได้เรื่องได้ราวบ้างแล้ว แต่อย่าเพิ่งคิดว่าดีเสียก็แล้วกัน คำว่าดีนั้น ถ้ายังไม่บรรลุอรหัตผลเพียงใดจงอย่าเข้าใจว่าตนดีแล้ว พอแล้วเป็นอันขาด หากหลงผิดจะเป็นเหยื่ออบายภูมิ นิมิตที่บอกมานั้น เป็นนิมิตที่เกิดจากอารมณ์ว่างชั่วขณะ ยังเอาเป็นเนติยังไม่ได้ อารมณ์ของคุณขณะนี้ เป็นอารมณ์ที่เข้าถึงขณิกะต่ออุปจารสมาธิ แต่อุปจาระยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าใช้ได้ จงอย่าสำคัญผิดในเรื่องการเห็นนิมิตภายนอก จงยึดแต่นิมิตเดิมที่กำหนดไว้เท่านั้น อย่างอื่นแปลกปลอมเข้ามาจงละเสีย

    นักเจริญสมาธิจงเข้าใจตนเองไว้ว่า เราปฏิบัติเพื่อจิตเป็นสมาธิ เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อการเห็นภาพ จงพยายามรักษาอารมณ์ที่กำหนดไว้เดิมให้คงที่ ระมัดระวังคาถาภาวนาไว้อย่างให้หลง พร้อมทั้งกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกไปพร้อมกัน คือกำหนดเป็นสามฐาน หายใจเข้า ลมกระทบกระพุ้งจมูก อก และท้อง หายใจออก ลมกระทบท้อง อกและปลายจมูก พยายามกำหนดรู้ไว้ตลอดเวลา มันจะหนีจะเผลอบ้างนั้นเป็นของธรรมดา เพราะจิตมันเคยท่องเที่ยว เมื่อเรารู้ตัวว่ามันเที่ยวก็จับมันมาใหม่ แล้วจงใคร่ครวญพิจารณาไปพร้อมๆ กับการกำหนดคำภาวนา

    และลมนั้น ให้รู้ว่าลมที่หายใจเข้า ออกนั้นสั้นหรือยาว หยาบหรือละเอียด คาถาภาวนาเราว่าครบไหม กำหนดรู้ดังนี้ตลอดไป หากกำหนดนิมิตด้วยก็ให้กำหนดไปพร้อมๆ กัน เมื่อกำหนดรู้ลมสามฐานได้เมื่อไร จงรู้ตนเองว่า เรามีอารมณ์ใกล้จะถึงปฐมฌานแล้ว ต่อไปลมหายใจจะค่อยๆ ละเอียดลง จะเกิดขนพองสยองเกล้า คือขนลุกซู่ซ่า มีกายโยกโคลง บางรายมีน้ำตาไหล แต่มีใจอิ่มเอิบชื่นบาน ไม่อิ่มไม่เบื่อในการปฏิบัติ มีอารมณ์แนบแน่นชื่นชุมอยู่ตลอดเวลา ไม่อยากจะเลิกในการปฏิบัติ อย่างนี้เรียกว่าปิติ

    เป็นการที่อารมณ์จิตเริ่มเข้าอุปจารฌาน จะเห็นภาพแปลกๆ และชัดเจนขึ้น จงอย่าคิดว่าดียังไม่ดี ต่อไปก็จะมีความสุขสดชื่น ไม่ปวดไม่เมื่อย สุขหรรษาอย่างหาอะไรเปรียบเทียบมิได้เลย อารมณ์ก็มีการกำหนดฐานลมหายใจเข้าออกได้ตลอดเวลาทั้งสามฐาน หากมีนิมิตๆ ก็แจ่มใสคงที่ จะให้สูงต่ำเล็ก..ใหญ่ก็เป็นไปได้ตามความต้องการ ไม่รำคาญในเสียงที่เข้ามารบกวน มีอารมณ์ทรงอยู่ได้นานกว่าปกติ คือ ๕ หรือ ๑๐ นาที แล้วอารมณ์ก็จะเคลื่อนเข้าสู่อารมณ์เดิม คือคิดเรื่องภายนอก ที่ท่านเรียกว่าตกภวังค์ อย่างนี้ท่านเรียกว่าปฐมฌาน

    แต่ตอนก่อนที่จะถึงระดับนี้ จิตจะมีอารมณ์อย่างนี้ก่อน คือ เมื่อภาวนากำหนดอารมณ์ดังกล่าวแล้ว พอมีอารมณ์คล้ายจะเผลอไป ก็เกิดเห็นภาพ ต่อมาเมื่อภาวนากำหนดอารมณ์เพลินอยู่นั้น มีอารมณ์คงที่สบายเพียงขณะเดียว ก็จะเกิดอาการหวิวคล้ายพลัดตกจากที่สูง แล้วอารมณ์ก็เข้าภาวะเดิม ที่ท่านเรียกว่าตกภวังค์ คำว่า ภวังค์ มีนักปฏิบัติคิดว่าเป็นอารมณ์แน่นนั้นไม่ถูก ภวังค์เป็นอาการที่จิตพลัดจากอารมณ์ฌานเข้ามาสู่อารมณ์ปกติตามเดิม คือจิตกลับที่เดิมนั่นเองเรียกว่าภวังค์ คือเป็นที่อยู่ ภวังค์หรือภพมันก็อย่างเดียวกัน ภพแปลว่าที่อยู่ ศัพท์เดิมเขาแปลว่าความมีหรือความเป็น ก็เพราะมันมีอยู่ มันเป็นอยู่ในที่นั้น จะเรียกว่าที่อยู่จะผิดได้อย่างไร

    อาการที่จิตทรงอยู่นั้นเป็นเพราะจิตเข้าสู่อารมณ์ฌาน แต่ทว่ากำลังสมาธิที่จะทรงตัวไว้ได้นั้นมีกำลังอ่อนมาก จึงทรงอยู่ในระดับฌานไม่ได้นาน เพียงขณะเดียวก็พลัดจากฌาน อาการอย่างนี้ นักปฏิบัติใหม่ถ้าพบเข้า เมื่ออารมณ์พลัดแล้ว จะทำจิตให้มีอารมณ์แนบสนิทอย่างนั้นอีกไม่ได้ อารมณ์จะไม่ยอมเป็นอย่างนั้น แต่พอรักษาใจให้สบายได้อยู่ ในระยะต้นๆ นี้จงรักษาไว้ตามแต่กำลังสมาธิ เมื่อได้แล้วก็ค่อยๆ ทำไปอย่าให้ขาด จงหลีกให้พ้นสังคมจัญไร คือพวกเดียรถีย์ พวกชอบชวนพูดนอกรีดนอกรอย พยายามรักษาอารมณ์ตามที่เคยปฏิบัติมาอย่าให้ขาด พร้อมกันนั้นก็พยายามแผ่เมตตาพรหมวิหารตลอดวัน เพื่อรักษากำลังจิตให้ชุ่มชื่น ต่อไปฌานนี้ก็จะมั่นคง

    ฉบับนี้ขอแนะนำมาเท่านี้ เพราะเห็นว่า เมื่ออารมณ์จิตเข้าถึงระดับนั้นแล้ว หากทำถูกก็ไม่ช้า ปฐมฌานก็จะมาถึง พวกที่ปฐมฌานมาไม่ถึงเพราะติดภาพระหว่างทาง ท่านว่าท่านจะพากันมานั้น ผมยินดีต้อนรับ การมาหาผมไม่ต้องมีพิธีรีตอง เพราะพิธีนั้นเป็นเรื่องของวัฏฏะเขา เราเป็นพระมาอย่างไรก็ได้ ขอให้มาอย่างพระหรือพุทธศาสนิกก็แล้วกัน ถ้ามาแบบอื่นรับรองไม่ถูก แต่การมานั้นจำเป็นจะต้องกำหนดเวลาเสียแล้วครับ

    ผมเมื่อบวชหลวงพ่อท่านจะใส่ปรอทมากไปหรืออย่างไรไม่รู้ มันช่างหาเวลาว่างไม่ใคร่ได้จริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นเวลาเข้าพรรษาก็ต้องจรจัดเสมอ ที่ไปก็เพราะเป็นเขตแดนศิษย์เก่าของหลวงพ่อปาน ต้องทำงานแทนท่านตามที่รับปากไว้ แต่สมัยนี้เอาแผนกเดียว คือสอนสมณธรรมเท่านั้น

    คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ผมก็อุปโลกน์ให้บำเพ็ญเป็นฌานหมด เพราะเห็นว่าได้ประโยชนมากกว่าการสงเคราะห์ด้วยวัตถุ พ.ศ.หน้า ทางวัดสะพานที่ตัวเมืองชัยนาทท่านจะตั้งสำนักสมณธรรมปฏิบัติ จะให้ผมไปคุมอยู่ที่นั่น ก็เลยต้องเขียนแบบปฏิบัติ เขียนก็ไม่ใคร่จบ เพราะมันยุ่งอย่างนี้ กลางวันก็มีแขก วันไหนว่างก็เขียนได้มากหน่อย วันไหนแขกมากก็เอามาเขียนกลางคืน เมื่อถึงเวลาสอนสมณธรรมก็ต้องละการเขียนไปสอนสมณธรรม เกิดเป็นคนนี่มันยุ่งจริง เบื่อเต็มทีแล้ว

    เรื่องการมาของคณะของท่าน ผมว่าถ้ามาภายในเดือน ๙ จะพบกว่า เพราะเดือน ๑๐ ผมต้องจรสายใต้ เกือบไม่มีเวลา บอกคุณวิเชียรและคณะด้วยนะครับว่า หากจะมาให้สะดวกควรมาภายในเดือน ๙ จะพบได้สะดวก เดือนสิบถ้าบังเอิญตรงกับวันอยู่ก็จะได้พบ.

    ขอความสุขสมหวังจงมีแด่ท่านตลอดกาลทุกเมื่อเถิด

    พระมหาวีระ ถาวโร



    คำนึงถึงวาจาของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ที่ท่านเขียนจดหมายตอบข้าพเจ้ามาแล้ว ข้าพเจ้ามีความภาคภูมิใจ ที่หลวงพ่อเป็นครูบาอาจารย์ที่เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาโดยแท้ ถือว่าเมตตาอย่างมากจริงๆ ท่านมีความดีทุกอย่าง ท่านจึงเตือนข้าพเจ้าด้วยมธุรสวาจาภาษิตดังกล่าวข้างต้น

    ย้อนกลับมาถึงโยมแม่ข้าพเจ้า อยู่มาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ท่านก็ป่วยแล้วก็ตายไปตามอัธยาศัย แต่ว่าก่อนตายท่านบอกว่าถ้าจะตายก็ไม่ว่า ขอให้ได้กินน้ำมนต์หลวงปู่ปาน คือมีความยึดมั่นถือมั่น แม้การสร้างวัดโพธิ์ ก็อาศัยโยมแม่อาราธนาบารมีหลวงปู่ปานทั้งเช้ากลางวันเย็น ท่านมีความเคารพบารมีหลวงปู่ปานอย่างที่สุด

    จนกระทั่งครั้งหนึ่งท่านป่วยมาก ป่วยเป็นหัวดาวหัวเดือน ปวดเท้าข้างซ้าย พอวันเพ็ญกลางเดือน ๓ หลวงปู่ปานก็มายืนตรงหัวนอนบอกว่า “ปวดมากหรือลูก” โยมแม่ก็ตอบว่า “ปวด” หลวงปู่ปานท่านก็ทำภาพนิมิตให้ดู ท่านยกมือมาที่บ่าข้างขวา แล้วท่านก็บอกว่ายกจิตมาไว้บ่าข้างขวาซิลูก โยมแม่ก็ทำตามท่าน และภาวนา พุทโธ ปรากฏว่าพอยกจิตมาไว้ข้างขวาแล้ว อาการปวดของหัวดาวหัวเดือน ก็หายเป็นปลดทิ้งเลย นี้เป็นอัศจรรย์บารมีหลวงปู่ปาน

    หลังจากนั้น ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ หลวงพ่อพระมหาวีระ ท่านก็ได้โปรดเมตตามาทำพิธีพุทธาภิเษกที่วัดสุขุมาราม งานวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถ

    ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงพ่อก็เมตตามางานยกช่อฟ้า

    ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ หลวงพ่อมางานพุทธาภิเษกเป็นครั้งสุดท้ายที่วัดสุขุมาราม แล้วท่านก็บอกว่า วัตถุมงคลทั้งหมดในพระอุโบสถนี้ เป็นประกายเพชร มีความสว่างรุ่งเรืองมากกว่าวัดโพธิ์สุทธาวาสที่ทำเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ หลวงพ่อมีความเมตตามาตลอด

    ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ ข้าพเจ้าได้สร้างกุฏิถวายท่าน และเป็นหนี้ หลวงพ่อบอกว่า “คุณไม่ต้องเป็นทุกข์ หลวงพ่อปานท่านจะช่วย” เมื่อสร้างกุฏิถวายท่านเสร็จแล้ว ต่อมาท่านก็เมตตาช่วยสร้างพระอุโบสถ มีศาลาการเปรียญไว้ล่าง พระอุโบสถไว้บน ซึ่งก็สิ้นเงินทั้งหมด ๒ ล้าน ๖ แสนบาท อันนี้ก็บารมีของหลวงพ่อที่ข้าพเจ้าไปเกี่ยวข้องด้วย ข้าพเจ้าได้นำเทปธรรมะของหลวงพ่อมาเปิดสอนที่วัดสุขุมาราม และที่วัดโพธิ์ด้วย

    ข้าพเจ้ามีความประทับในบารมีหลวงพ่อ ในปลายปี พ.ศ.๒๕๑๕ ได้ส่งพระครูสมุห์พิชิต (ชื่อปัจจุบัน) ไปรับใช้ท่าน ประมาณปลายปี พ.ศ.๒๕๑๖ – ๒๕๑๗ ปลายปี ก็นิมนต์พระครูปลัดอนันต์ (ชื่อปัจจุบัน) ไปเป็นลูกศิษย์ท่าน ปี พ.ศ.๒๕๑๘ นิมนต์พระใบฎีกาประทีป (ชื่อปัจจุบัน) ไปรับใช้ปฏิบัติท่าน โดยหวังว่าต่อไปภายภาคหน้าท่านทั้ง ๓ องค์ จะได้เป็นกำลังแก่พระศาสนา

    และปี พ.ศ.๒๕๒๔ พระครูสมุห์พิชิต และพระครูปลัดอนันต์ ได้เมตตามาเป็นพระคู่สวดให้แก่พระสมุห์ประจวบ (ชื่อปัจจุบัน) ที่วัดสุขุมาราม ซึ่งปัจจุบันนี้ พระสมุห์ประจวบก็ได้ไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดโพธิ์สุทธาวาส ได้ทำการก่อสร้างนำความรุ่งเรืองมาจนกระทั่งทุกวันนี้ นี้เป็นบุญบารมีของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า บารมีหลวงปู่ปาน และบารมีของหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน

    ตอนที่ข้าพเจ้าคิดจะสร้างกุฏิรับรองหลวงพ่อนั้น ท่านบอกไม่ให้สร้าง ส่วนที่วัดโพธิ์สุทธาวาสนั้น ท่านให้สร้างเรื่องการสร้างกุฏิรับรองท่านนั้น ไม่ได้กราบเรียนให้ท่านทราบ เพียงแต่นึกในใจเท่านั้น ท่านพูดว่า “ที่นี่ไม่ต้องสร้าง คุณอย่าไปสร้างที่นี่ ผมไม่มา” แล้วท่านก็ไม่เคยมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แต่ว่าท่านมาในนิมิตเมื่อคราวที่ข้าพเจ้าจัดงานทำบุญอายุให้เจ้าคณะรองภาค ๔ คือพระเทพญาณเวที จากวัดมงคลทับคล้อ

    โดยในวันนั้นข้าพเจ้านึกน้อยใจว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยจัดงานทำบุญอายุให้ครูบาอาจารย์เลย” อย่างหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ข้าพเจ้าก็จัดให้ ๓ ปี ๒๕๒๗, ๒๕๒๘ ๒๕๒๙ และท่านเจ้าคณะรองภาค ๔ ก็จัดให้ ๒ ปี และการจัดงานทำบุญอายุของท่านรองภาค ๔ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๒ ข้าพเจ้าก็นึกน้อยใจตัวเองที่ไม่มีบุญที่จะจัดงานให้หลวงพ่อซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ เมื่อถ่ายภาพเจ้าคณะจังหวัดพิจิตกำลังสรงน้ำท่านรองภาคอยู่ก็เห็นภาพนิมิตหลวงพ่อปรากฏอยู่ในภาพถ่ายไม่เต็มองค์ นับเป็นความอัศจรรย์

    ในที่สุดข้าพเจ้าขอกราบอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า บารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในทั่วจักรวาล ให้คุ้มครองปกปักรักษาครูบาอาจารย์และบรรดาเพื่อนสหธรรมิก อุบาสก อุบาสิกาทุกคน ที่มีใจใฝ่ในทางมรรคผล นิพพาน ขอจงประสบผลสำเร็จจงทุกประการเทอญ.
     
  8. ลูกคนที่ 62

    ลูกคนที่ 62 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +21,538
    พระสวย พุทธคุณจัดเต็มชั้นยอดมาอีกแล้ว
    เจตนาสร้างดี บำรุงพระศาสนา พระท่านสงเคราะห์เต็มที่
    ...อนุโมทนา สาธุครับ...
     
  9. THATCHAKON

    THATCHAKON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +3,250
    ขอร่วมบุญจองพระสมเด็จองค์ปฐม

    -เนื้อสำริด องค์ละ 599 บาท จำนวน 2 องค์
    -เนื้อชุบทองคำแท้ องค์ละ 499 บาท จำนวน 2 องค์
     
  10. ต้นแก้ว

    ต้นแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2007
    โพสต์:
    828
    ค่าพลัง:
    +3,569
    ร่วมบุญเนื้อสำริด 1 องค์ เนื้่อชุบทอง 1 องค์ครับ
     
  11. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร (พระโอ)
    การที่ข้าพเจ้าบวชได้ถึงทุกวันนี้ก็เพราะบารมีและคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ข้าพเจ้าขอเริ่มเรื่องในการบวชของ
    ข้าพเจ้า ที่มีความเกี่ยวพันกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ข้าพเจ้าอุปสมบทเมื่อเดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ที่วัดห้วยเขน อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เมื่อบวชแล้วได้ลาพระอุปัชฌาย์กลับ
    ไปอยู่ที่วัดที่บ้านคือ วัดสุขุมาราม ต.วังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ท่านอาจารย์สุรินทร์เป็นเจ้าอาวาส พอข้าพเจ้าบวชได้ ๒ - ๓
    วัน ท่านอาจารย์สุรินทร์ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูวิจารณ์วิหารกิจ ท่านเป็นพระผู้ฝึกกรรมฐานให้แก่ข้าพเจ้า

    ขอเล่าประวัติของท่านอาจารย์สุรินทร์เล็กน้อย ท่านเป็นชาวบ้านต้นโพธิ์ ต.โคกหม้อ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ โยมแม่ของท่านนับ
    ถือหลวงปู่ปานมาก และได้ยกท่านให้เป็นลูกหลวงปู่ปาน ตัวท่านอาจารย์สุรินทร์เองก็เคารพหลวงพ่อปู่ปานเป็นชีวิตจิตใจทีเดียว
    ดังนั้นก็ถือเสมือนว่า ข้าพเจ้าได้เข้าไปบวชอยู่ในสักนักของหลวงปู่ปานไปโดยปริยาย ก่อนบวชข้าพเจ้าไม่มีความรู้เรื่องกรรมฐาน
    บวชเพื่ออยากลองดูชีวิตของพระบ้างเท่านั้น ตั้งใจจะบวชแค่ ๓ เดือนแล้วจะสึก ถ้าหากบวชช่วง ๔ เดือน เดือน ๖ คงจะสึกไปแล้ว
    คงไม่ได้เป็นพระสมุห์เป็นแน่ แต่เนื่องจากบวชช่วงใกล้พรรษาแล้วจึงต้องทนอยู่ และก็อยู่มาได้จนกระทั่งปัจจุบันนี้ วัดที่ข้าพเจ้า
    อยู่มีการสอนพระปริยัติ ส่วนการปฏิบัตินนั้นแล้วแต่ใครจะสนใจ ตัวท่านอาจารย์สุรินทร์ท่านนั่งสมาธิทุกวันและท่านก็สนับสนุนใน
    เรื่องนี้

    พรรษาแรกที่ข้าพเจ้าบวชมา รู้สึกหนักพอสมควร ต้องเรียนทางด้านปริยัติ ต้องสวดมนต์ สวดไม่ได้ก็อายเขา ครูสอนนักธรรมก็บัง
    คับให้ท่องพระวินัย จึงเป็นเรื่องหนัก ข้าพเจ้าสนใจเรื่องสมาธิ พอตกเย็นก็ไปนั่งสมาธิในโบสถ์กับท่านอาจารย์สุรินทร์ทุกเย็น ใน
    พรรษานั้นมีพระสนใจนั่งสมาธิสัก ๓ - ๔ องค์เท่านั้นรวมทั้งข้าพเจ้าด้วย เมื่อท่านอาจารย์เห็นข้าพเจ้าสนใจในการนั่งสมาธิก็เอา
    ประวัติหลวงปู่ปานมาให้อ่าน ครั้งแรกปฏิเสธท่านไป เพราะข้าพเจ้าและชาวอำเภอบางมูลนากส่วนใหญ่นับถือหลวงปู่เขียน วัดสำ
    นักขุนเณร ที่หลวงพ่อเคยไปพิสูจน์เลขหวยกับท่าน เพราะข้าพเจ้าคิดว่า ไม่มีใครเก่งกว่าหลวงปู่เขียนของข้าพเจ้า

    ต่อมาท่านอาจารย์สุรินทร์ก็เอาประวัติหลวงปู่ปานมาให้อ่านอีกจึงรับไว้ ตอนนั้นประวัติหลวงปู่ปานยังไม่มีรูปเล่ม เพียงแค่ถ่ายอัด
    สำเนามาอ่านกัน ซึ่งหลวงพ่อได้ส่งให้ท่านอาจารย์สุรินทร์อ่าน เมื่อข้าพเจ้าอ่านแล้วก็ติดอกติดใจมากจึงอ่านช้าๆ เพราะกลัวจะจบ
    เร็ว ส่วนใหญ่จะอ่านก่อนเจริญพระกรรมฐาน เพราะช่วยเป็นกำลังใจกระตุ้นการเจริญกรรมฐานดีมาก เมื่อปฏิบัติไป ต่อมาก็พบ
    เหตุการณ์ หลวงปู่เขียนท่านมาเข้าทรงพระทวีป ไล่ให้ข้าพเจ้าไปอยู่กับหลวงพ่อเป็นการใหญ่ ตอนนั้นยังอยู่กลางพรรษา หลวงปู่
    เขียนมาเข้าทรงทีไรก็ไล่ข้าพเจ้าไปอยู่กับหลวงพ่อประจำ โดยสั่งมาว่า

    "ถ้าอยากได้ดี ก็ให้ไปอยู่กับหลวงพ่อ" ถึงแม้จะเป็นกลางพรรษาก็ตามจึงได้เดินทางมากับพระเฉลย ซึ่งเป็นหลานของท่าน
    อาจารย์สุรินทร์ มาเพื่อพบหลวงพ่อ หลังจากฉันเพลเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปกราบเคารวะหลวงพ่อ ซึ่งท่านได้แนะนำว่า ถ้าสนใจใน
    การ ปฏิบัติก็ให้ซื้อวิทยุสักเครื่อง เปิดสถานี ๐๔ ตาคลีฟัง เพราะช่วงนั้นหลวงพ่อท่านเทศน์ออกอากาศเรื่อง มหาสติปัฏฐานสูตรอยู่
    ข้าพเจ้าตอบไปว่าที่วัดกำลังยุ่ง เพราะต้องช่วยกันตำเนื้อหว่านที่จะทำพระเครื่องหลวงปู่เขียน เนื่องจากปี ๒๕๑๖ จะผูกพัทธสีมา
    ที่วัด หลังเพลแล้วก็ต้องเรียนหนังสือ เสร็จจากเรื่องเรียนก็ต้องมาช่วยมรรคทายกตำเนื้อหว่านทำพระเครื่องหลวงปู่เขียน และเต็ม
    ใจ ทำเพราะอยากได้บุญ เนื่องจากข้าพเจ้านับถือหลวงปู่เขียนมาก พอบอกว่าที่วัดมีงานยุ่งเท่านั้นแหละ หลวงพ่อก็ดุเอาหลายคำ
    ท่านพูดว่า "ท่านไม่ชอบคนที่ไม่เอาจริงเอาจัง ถ้าปฏิบัติไม่ถึง....ไม่ต้องกลับมา" (ตรงจุดๆ จำไม่ได้ว่าท่านพูดว่าอย่างไร เพราะ
    ไม่เข้าใจศัพท์ทางการปฏิบัติ) ข้าพเจ้าโดนไม้นี้จึงลากลับวัด เมื่อออกพรรษาและรับกฐินเสร็จแล้ว คราวนี้มากับท่านอาจารย์สุ
    รินทร์เพื่อมาพบหลวงพ่ออีก แต่ไม่กล้าเอ่ยปากขอท่านมาอยู่ที่วัดท่าซุง เพราะไม่รู้ว่าตัวเองปฏิบัติได้ถึงตามขั้นที่หลวงพ่อเคยสั่ง
    ให้ไปฝึกไว้หรือเปล่า ท่านอาจารย์สุรินทร์กลับไปก่อน ปล่อยให้ข้าพเจ้าอยู่ปฏิบัติกับหลวงพ่อตามลำพัง พอมาอยู่สัก ๓ คืน ก็มา
    เจอวันพระ จึงช่วยจัดศาลา ตอนนั้นทำบุญฝั่งวัดเก่าที่ศาลาหลวงพ่อ ๔ พระองค์ เมื่อจัดเสร็จ ข้าพเจ้าก็ไปกราบขอบารมีหลวงพ่อ
    ๔ พระองค์ว่า

    "ถ้าข้าพเจ้าจะได้บวชอยู่ต่อไป ก็ขอให้หลวงพ่อชวนให้อยู่กับท่าน ถ้าหากหลวงพ่อไม่ชวน เมื่อกลับไปแล้วก็จะสึกแน่"

    เมื่อกราบเสร็จก็มาที่ท้ายอาสนสงฆ์ หลวงพ่อก็เดินมาหา และบอกว่า "คุณมาอยู่กับผมก็ได้" พอข้าพเจ้าได้ยินคำนี้ก็ดีใจ เพราะลำ
    พังตนเองคงไม่กล้าขอท่านอยู่ เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองปฏิบัติได้แค่ไหน ตามที่ท่านต้องการหรือไม่? เพราะเมื่อกลางพรรษาขอมา
    อยู่กับท่าน ท่านก็เอ็ดไปทีหนึ่งแล้ว จึงขอบารมีหลวงพ่อ ๔ พระองค์ช่วยสงเคราะห์ จากนั้นข้าพเจ้าก็หนีโยมพ่อมาอยู่เสียที่วัดท่าซุง
    จนกระทั่งบัดนี้

    อยากจะขอเล่าเกร็ดอีกเล็กน้อย ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ วัดที่ข้าพเจ้าเคยอยู่มีงานตัดลูกนิมิตโบสถ์ ท่านอาจารย์สุรินทร์ก็มานิมนต์หลวงพ่อ
    ไปทำพิธีพุทธาภิเษกรูปเหมือนหลวงปู่เขียน ซึ่งผู้คนที่จำนวนมาก หลังเสร็จพิธีพุทธาภิเษกแล้ว บางคนก็ให้หลวงพ่อเป่าหัว เจิมหน้า
    ส่วนบางคนก็ขอชานหมาก พอเสร็จจากพิธีพุทธาภิเษกแล้ว หลวงพ่อก็มานั่งหน้ากุฏิท่านอาจารย์สุรินทร์ ก็มีเจ้าอาวาสวัดหนึ่งที่มีชื่อ
    โด่งดังอยู่แถวนั้นก็เข้ามาหาหลวงพ่อถามถึงการพุทธาภิเษกว่าเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นก็ลากลับไป ข้าพเจ้าจึงได้กราบหลวงพ่อ
    พร้อมกับพูดขึ้นว่า เจ้าอาวาสองค็นี้ดังมากนะครับ หลวงพ่อก็ตอบมาคำหนึ่งว่า ดังเหมือนตด ข้าพเจ้าก็สะดุ้ง เพราะองค์นี้ดังเหมือน
    ตดจริงๆ ท่านดังในทางเหม็น ไม่ใช่ดังในทางหอม

    มีเกร็ดอีกเรื่องหนึ่งในงานพุทธาภิเษก โยมบุญทิ้งก็ให้หลวงพ่อเป่าหัวให้ในโบสถ์ ซึ่งคนมาในงานมากมายนัก จนไม่รู้ว่าใครเป็น
    ใคร พอหลวงพ่อออกมานั่งที่กุฏิท่านอาจารย์สุรินทร์ ก็จะให้หลวงพ่อเป่าหัวให้อีก หลวงพ่อก็พูดว่า เป่าแล้วจะเป่าอะไรอีก โยมบุญ
    ทิ้ง จึงนั่งคุยที่ร้านกาแฟ ซึ่งข้าพเจ้าอยู่ในที่นั้นพอดี โยมบุญทิ้งบอกว่าพระมหาวีระน่ะรู้จริง (พระมหาวีระ ก็คือ ชื่อเดิมของหลวงพ่อ
    พระราชพรหมยาน)

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานได้อุตส่าห์แนะนำในการปฏิบัติทั้งฝ่ายคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ทำให้ข้าพเจ้าพอจะทน
    อยู่กับญาติโยมทั้งหลายได้ ซึ่งข้าพเจ้าถือว่า ท่านเป็นผู้มีพระคุณแก่ข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ให้ข้าพเจ้ามีโอกาสมารับคำสอนที่มี
    คุณค่าแก่ข้าพเจ้าตราบจนทุกวันนี้

    จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑
     
  12. T@o@T

    T@o@T เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +2,018
    ขอร่วมบุญจองบูชาสมเด็จองค์ปฐมเนื้อสำริด ๑ องค์ และสมเด็จองค์ปฐมเนื้อชุบทอง ๑ องค์ครับ
     
  13. jotaro4s

    jotaro4s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2012
    โพสต์:
    2,121
    ค่าพลัง:
    +5,431
    จองเนื้อเงิน 1 เนื้อสำริด 2 เนื้อชุบทอง 2 ครับ
    ขอบคุณครับ
     
  14. ตรีกาย

    ตรีกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +1,193
    ขอร่วมบุญจอง เนื้อสำริด 2 เนื้อชุบทอง 2 ครับ
     
  15. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    เป็นครั้งแรกเลยครับ ที่พวกเราได้รับความเมตตาจากท่านหลวงพ่อ
    และพระเบื้องบน ให้โอกาส สร้างพระสมเด็จองค์ปฐมชุบทองคำแท้ถวาย 5,000 องค์
    หลวงพ่อ บอกผม ว่า ถ้านับอานิสงส์ นับเป็นพระทองคำทั้งหมด
     
  16. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    คุณTiwaporn จากเฟสบุ้ค
    ขอจองเนื้อสำริด 1 องค์ เนื้อชุบทองคำแท้ 1 องค์ค่ะ
     
  17. TIGER45

    TIGER45 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +50
    ขอร่วมบุญจอง เนื้อสำริด 2องค์
     
  18. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    เนื้อเงิน ๑ องค์

    เนื้อสำริด ๒ องค์

    เนื้อชุบทองคำแท้ ๒ องค์
     
  19. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    ลืมเลย พุทธาภิเษก วันที่ 7 ธันวาคม ที่วัดท่าซุงครับ
    และเข้าพิธีบวงสรวง วันที่ 26 มกราคม 2557
    วันอัญเชิญหลวงพ่อองค์ปฐม
    หล่อพระสมเด็จองค์ปฐมทองคำ หน้าตัก 5 นิ้ว
    ที่วัดสุขุมาราม หลังจากนั้นถวายพระชุบทอง
    และขอเบิกกับมาจ่ายแจก ท่านที่จองพระไว้ครับ
     
  20. จารุ

    จารุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    23,747
    ค่าพลัง:
    +236,439
    ผมจองทองคำ 1 เงิน 1 สำริด 1 ชุบทอง 1 ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...