หากไม่มีนางแก้วฯพระโพธิสัตว์จะยังมหาปณิธานให้บริบูรณ์ได้หรือไม่?

ตามคำตอบด้านบนเลยครับ ขอบคุณครับที่อธิบายแทน

 

กายแก้ว

 

อันที่จริงใครมีปฏิปทาของพระโพธิสัตว์ ซึ่งต้องมีความสามารถทั้งทางโลกและทางธรรม เมื่อถึงจังหวะ ย่อมมีผู้หญิงมาเกี่ยวข้องไม่ยากคับ เช่น เราไปทำดีกับผู้หญิง บางคนเค้าก็กับคิดไปว่าเราไปแอบชอบเค้า ทั้งๆที่เราก็ดีกับทุกๆคนเป็นต้น คับ

อีกเรื่องคับ ที่ชอบพูดกันว่า นางแก้วๆ นี่ รู้กันหรือป่าวคับว่านางแก้วต้องเป็นอย่างไร?

 

Norlnorrakuln

 

ไม่ทราบครับ คงต้องให้คุณอธิบายขอละเอียด ๆ เผื่อคนอื่น

 

ได้ข้อพิจารณาเพิ่มเติมว่า
การปรากฏนางแก้วคู่บารมีนั้น ย่อมเป็นเครื่องยืนยันบ่งบอกถึงความมั่นคงในการบำเพ็ญทสบารมีของพระโพธิสัตว์ได้ในระดับหนึ่ง!

 

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง(จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้แล้ว)สมัยที่พระโพธิสัตว์เจ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา
ท่านถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วปรารถนาขอให้ผู้หญิงคนหนึ่ง มาเป็นคู่รักของตน ทำนองว่าเกิดความประทับใจในผู้หญิงคนนั้น
(ผู้หญิงคนนี้ถ้าจำไม่ผิดมีศักดิ์เป็นภรรยาของพี่ชาย)

ด้วยผลแห่งทาน ทำให้พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลกษัตริย์แต่มีหน้าตาอัปลักษณ์(เพราะให้ทานด้วยความไม่เคารพ)...แต่แล้วพระโพธิสัตว์เจ้าก็ได้พระนางอันมีรูปโฉมงดงามมาเป็นพระมเหสี ด้วยแรงอธิษฐานนั้น ฯลฯ

จากเรื่องนี้จะเห็นว่า คู่บารมีฝ่ายหญิงไม่จำเป็นที่จะต้องอธิษฐานจิตผูกพันธ์กับพระโพธิสัตว์เสมอไป แต่พระโพธิสัตว์สามารถกระทำเหตุและอธิษฐานจิต เพื่อเป็นฝ่ายผูกพันธ์กับนางได้เหมือนกัน!

ปล.ไม่ได้มีเจตนาชักนำให้ใครอธิษฐานจิตผูกพันธ์กะใคร เพียงอยากชี้ให้เห็นว่า เรื่องเคยมีมาแล้ว!

 

ผมรู้ครับ....นางแก้วเนี่ย...เวลาเย็นๆ เตรียมกับแกล้มเสร็จแล้วจะมานั่งเป็นเพื่อน...เธอจะคอยชนแก้ว แล้วร้อง...เฮ้...เอ้า..กรึบ กะระรึบ กรึบๆ...
ยามเธอหลับ ก็จะกรนเสียงดังดั่งหมูกินข้าว...เวลาพลิกตัวที ก็จะตดดังป๊าด...ด...ไม่ขาดสาย

ส่วนลูกแก้วก็จะคอยริน..น...แล้วก็ร่วมชนแก้วไปด้วย...พอได้เวลาอันสมควรก็ออกไปแว๊น...น...

ยามใกล้รุ่งนั้น หากมีใครมาขอนางแก้วกับลูกแก้วแล้วไซร้...เรานี้จะแถมแก้วไปให้อีกครึ่งโหลเลยเชียว...ให้แล้วให้เลยจะไม่ขอรับกลับคืนด้วยนะ...

อ้อ...แล้วก็จะได้ไปหานางแก้ว หน้าใหม่ๆ มาร่วมหลับนอนด้วยต่อไป...เป็นข้ออ้างที่ดีในการสนอง กามตัณหาของเรา...นะจ๊ะๆ..
อุ๊ย...ขอโท๊ด...กะจะให้ขำน่ะ อย่าซีเรียส...

 

"ปลาทองเวียนว่ายอยู่ในสระ นางแก้วส่งเสริมให้เป็นมังกร"

"จะดีก็นางแก้วจะเลวก็นางแก้ว"

 

ปลาทอง = ผู้ปรารถนา..
สระ = สงสารวัฏ
มังกร = พระพุทธเจ้า
นางแก้ว = นางแก้วคู่บารมี เข้าใจความปรารถนาของพระโพธิสัตว์
ส่งเสริม = เป็นปัจจัย
ปลาทองกับมังกร คนละสายพันธุ์ = ต้องตายแล้วมาเกิดในร่างใหม่

เอ.. แล้วลูกแก้วหายไปไหนคับ

 

ส่วนอันนี้ "จะดีก็นางแก้วจะเลวก็นางแก้ว" ก็..คือ.. เฮ้ย.มันประโช๊ดดดนี่หว่าา อิอิ

คนที่มีนางแก้วแล้วก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ..
ส่วนคนที่ยังไม่มีและกำลังหาอยู่ก็เป็นกำลังใจให้ด้วยหละกัน ..
ส่วนคนที่มีเมียแล้ว คงไม่ต้องถึงกับหาใหม่นะครับ ^^

ผมว่าคนเป็นเมียเรา ต่อให้ไม่ใช่นางแก้ว อาจจะเป็น นางมาร นางยักษ์ นางไม้ ก็เหอะ (ในบางเวลา) .. สำคัญที่เราจะต้องเป็น นายแก้ว ผัวแก้ว เสียก่อน และเมื่อคอยบำรุงขัดเกลาจิตใจเมียเราทุกวัน วันหนึ่งก็เป็น นางแก้ว ได้แน่นอนไม่ต้องรอชาติหน้าครับ ^^

เพราะฉะนั้น เป้าหมายก่อนตามหา นางแก้ว ก็คือ .. หา นายแก้ว ในตัวเองให้เจอก่อนนั้นเอง ^^

 

เรื่อง นำขนมใส่บาตรหมด เป็นเหตุ ไม่ใช่เกิดความประทับใจอะไร คือ โมโห

พี่สะใภ้ทำขนมไว้แล้ว พระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านมาบิณฑบาตร

พี่สะใภ้ก็เลยเอาขนมใส่ไปจนหมด คิดว่าเดี๋ยวทำไว้ให้น้องผัวใหม่ก็ได้ ทำบุญก่อนดีกว่า

น้องผัวกลับมาบ้านถาม ขนมส่วนของฉันไปไหนหมด พี่สะใภ้บอกใส่บาตรไปหมดแล้ว เดี๋ยวทำให้ใหม่

น้องผัวโมโหว่าเอาขนมส่วนของตนไปใส่บาตรหมด เลยตามไปแย่งคืนจาก พระปัจเจกพุทธเจ้า

พี่สะใภ้ก็เห็นน้องผัวทำอันธพาล เลยใส่เนยใสไปอีกแล้ว อธิษฐานว่า ขอให้ตนมีรูปร่างสวยงาม และ อย่าได้พบเจอคนเช่นน้องผัวนี้อีกเลย

น้องผัวได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งโมโหเลยเอาขนมใส่บาตรคืน แล้วอธิษฐานว่า ขอให้ได้พี่สะใภ้เป็นเมียทุกชาติไปแม้ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ให้นำมาได้

กรรมที่โมโหไปแย่งขนมคืนแล้วก็ใส่คืนด้วยความโมโห ทำให้หน้าตาอัปลักษณ์

แต่มีเดชมีอำนาจมากในสมัยต่อมาก็เกิดมาใหม่คือ พระเจ้ากุสราช

เพราะใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้า

พี่สะใภ้ เกิดมาใหม่คือ พระนางประภาวดี เป็นเจ้าหญิงที่งามที่สุด

เพราะผลแห่งการใส่บาตรด้วยความเคารพมีจิตยินดีในทานนั้น

น้องผัว คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

พี่สะใภ้ คือ พระพิมพาเถรี

อ่านเรื่องที่นี่

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=28&i=94


กระทู้แนว อจินไตย ก็พิจารณาตามอัธยาศัยขอรับ

เวลายกตัวอย่างชาดก ขอให้นำมาชัด ๆ ด้วยขอรับเพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น

ถ้ายกมาแล้วเรื่องจริงเป็นยังไงไม่ลงไว้ให้อ่านด้วย เดี๋ยวก็คลาดเคลื่อน นาน ๆ เข้าก็เพี้ยนไม่มีเหลือ

เรื่อง พระเจ้ากุสราช ฉบับ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

ก็มี แล้วละเอียดมาก ไว้ผมหาพบจะนำมาลงไว้ให้ได้อ่านกัน

เจริญในธรรมทุกท่าน