ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คือเรากำลังพูดถึงวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณกันอยู่หนะครับ
    ที่มันจะต้องก้าวหน้าไปถึงขั้นที่เราจะต้องจดจำตัวตนที่แท้จริง
    หรือเข้าถึงจิตเดิมแท้ของตัวเองให้ได้หนะนะครับ

    ไม่เช่นนั้นแล้ว เราก็คงไม่ต้องมาเหน็ดเหนื่อย
    เพื่อเดินบนเส้นทางสายนี้กันหรอกใช่ไหมครับ
    เราก็จะเหมือนกับชาวโลกส่วนใหญ่ ที่ยังหลับไหลอยู่
    และไม่รู้แม้กระมั่งว่า ตัวเองจำเป็นจะต้องขึ้นมาเสียด้วยซ้ำไป


    .......................................
     
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    สำหรับเรื่อง "ในกรอบ" ผมขอพอดีกว่านะครับ
    เพราะตอนนี้ รู้สึกว่าตัวเอง ชอบ และ ได้อะไร และ สนุก
    กับเรื่อง "นอกกรอบ" ซะมากกว่าครับ

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง ผิด หรือ ถูก นะครับ
    เพราะว่าผมพูดถึงโดยจริต ส่วนตัวของตัวเองเท่านั้น



    ........................................
     
  3. chevasit

    chevasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +424
    Silver cord : ไขกระดูกสันหลัง
     
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "ความรัก" และ "ความสอดประสานกลมเกลียวกัน"
    กำลังแผ่กระจายไปทั่วโลกเขาพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ

    ...........................................................................

    (ภาพประกอบทั้งหมดจากอินเตอร์เน็ต)


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    ..................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2013
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มีข้อความใหม่ อยู่ในกระทู้ใหม่ ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ
    มันจะเกี่ยวข้องกับ ความรู้สึกโดดเดี่ยว และ แปลกแยก
    อะไรแบบนั้นหนะครับ..สำหรับผู้ที่กำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่
    อาจจะได้ประโยชน์จากข้อความชุดนี้บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ

    http://palungjit.org/posts/8469302

    ...........................................
     
  6. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    อ่านข้อความนี้แล้วอมยิ้มอยู่คนเดียว ... เข้ามาให้กำลังใจเฉย ๆ ค่ะ

    ประเด็นหนึ่งนั้น.... น่าจะเป็นเรื่องของ วาระน่ะค่ะ
    ลองนึกถึง... วาระเวลาที่เราได้จะรับอะไรบางอย่าง
    ที่ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความประทับใจ ความตื่นเต้น ความปิติยินดี
    เสมือนว่านี่แหละ... ที่เป็นรางวัล เป็นของขวัญ
    โดยเฉพาะสำหรับเราที่รอคอยมานานแสนนานแล้ว น่าจะประมาณนี้น่ะค่ะ (my imagine...อิอิ)


    ตอนนี้ ก็มีปัญหาเรื่องความกลัวหลายประเภท หลายรูปแบบเหมือนกันค่ะ
    และก็มีความปวดใจ ในแบบที่ว่า โอย ... ฉันรับไม่ได้เลย ไม่น่าเลย
    ไม่น่าได้เกิดมาพบเจอสถานการณ์เหล่านี้เลย(หลายอย่างที่สุดจะทน)
    ยอมเลย ทนไม่ไหวแล้ว ขอวางมือเลย ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว พอกันที
    แล้วมีโอกาสได้ปลดปล่อย...
    ด้วยการกล่าวขอขมากรรมต่อครูบาอาจารย์
    น้ำตานี่ไหลรินเลย ... (ปกติร้องไห้ยาก...เป็นประเภทสุภาพบุรุษทระนง)
    รวมถึงได้รับกำลังใจจากครูบาอาจารย์และการสั่งสอนเพิ่มเติมมา
    ก็เริ่มโอเค .... ได้คลี่คลายต่อเรื่องราวความเจ็บปวดเหล่านั้นไป

    อ้อ... แล้วก็มีฝันถึงเรื่องเกี่ยวกับตาที่สามโดยบังเอิญนิดหน่อยค่ะ
    ฝันว่าพระแม่กาลี (เป็นองค์คุรุที่นับถือส่วนตัวค่ะ)
    ท่านมาพูดด้วยว่า ... ก็เพียงแต่เรียกมา ตาที่สามน่ะ
    แล้วท่านก็ทำท่าทางคล้าย ๆ ยักไหล่และแบมือออกมา
    ที่มีความหมายว่า ... จะยากอะไร
    พอตื่นมาก็ดีใจ(แบบงง ๆ) เหมือนกัน
    และนึกว่าตัวเองได้รับประทานมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรเหมือนเดิม :)
    จากความฝันพอแปลได้ว่า ...
    เมื่อถึงเวลา ก็จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติมังคะ

    แล้วก็มีโอกาสได้ไปร่วมงานกฐินเมื่อวันที่ 26 ตค.ที่ผ่านมานี้
    ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้มีส่วนในการนี้ร่วมกันนะคะ ... สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2013
  7. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]



    Breaking Out of the Shell ~ via Karen Doonan

    ในเวลานี้ มีอยู่สองโลกที่ปรากฎขึ้น ทั้งโลกเก่ามิติที่ 3 และโลกใหม่ ซึ่งทั้งสองโลกกำลังทำงานในขณะเดียวกัน
    สำหรับเธอหลายๆคน อาจเดินกลับเข้ามาสู่โลกเก่ามิติที่ 3 เพื่อการเข้าใจเหตุผลที่แท้จริงของโลกใหม่่
    และมองเห็นตะเข็บรอยต่อของมันที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางเวลา

    กุญแจที่สำคัญของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือ ความสมดุล ในการอ้างอิงถึงมิติที่ 3 หรือโลกเก่าที่กำลังจะตาย
    แต่โปรดอย่าไปผูกติดอยู่่กับมัน กระแสพลังงานจะลื่นไหล เมือเธอ FOCUS ไปข้างหน้า
    ดังนั้น จงมุ่งเน้นไปที่สิ่งใหม่ ความรัก และชุมชนใหม่แห่งดาวเคราะห์โลก.....

    บางสิ่งบางอย่างในโลกเก่ามิติที่ 3 พยายามที่จะสร้างความสับสนให้กับเธอ
    ตามที่เธอโต้ตอบโต้กับบทละครทั้งหลาย แต่จงอย่าไปเชื่อมต่อกับอารมณ์เหล่านั้น
    แล้วเธอจะพบกับความมหัศจรรย์ที่รอคอยเธออยู่ จิตวิญญาณของเธอนั้นล่ะ ที่กำลังพยายามแสดงให้เธอเห็นถึง "ความจริง" อยู่ตลอดเวลา

    มีความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในขณะนี้ ทั้งที่เปิดเผยออกมารอบๆตัวเธอและภายในตัวเธอ
    เธอคือกุญแจสำคัญในประสบการณ์ชีวิตของเธอเองตลอดเวลา
    และสิ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็คือ มันเริ่มที่จะปลดล็อคคนอื่นๆรอบๆตัวเธอ
    ในขณะที่เธอกำลังเปลี่ยนเครื่องหมายประจำตัวใหม่ จากพลังงานของเธอ ที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเธอด้วย.....

    Ascension Earth : Breaking Out of the Shell that was Created for You ~ via Karen Doonan

    แปลฉบับย่อๆนะครับ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2013
  8. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    ขอบคุณครับ :cool:
     
  9. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2013
    October 27-November 3, 2013
    วันที่โพสท์ _Mon Oct/28/2013

    ผู้แปล: อจิตตะ

    ในขณะนี้คุณกำลังถูกรบกวนและถูกดึงความสนใจให้ไปจดจ่อกับสถานะการณ์รอบๆโลกใบนี้
    ซึ่งเป็นการเล่นเกมส์นอกบทของอีกฝ่ายที่สามารถทำให้เราติดกับได้ง่ายซะด้วย
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับเสถียรภาพของผู้นำแสง
    ถึงคุณจะผ่านประสบการณ์มาหลายต่อหลายครั้ง
    และสิ่งที่คุณได้นำเสนอ ก็ดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาติดตามแล้วก็ตาม
    ก็ต้องจำไว้ว่า ที่ที่คุณนำความคิดไปใส่ไว้นั้น
    มันจะย้อนกลับมาแสดงผลอีก
    จึงขอแนะนำว่า คุณช่วยเก็บความคิดของคุณไว้ให้ดี
    และจงมุ่งมั่นเดินตรงไปสู่ประสบการณ์ในโลกส่วนตัวของคุณ
    ดีกว่าที่จะให้มันแตกสลายไปด้วยคลื่นความถี่ที่สูงกว่า
    ของโลกทัศน์เก่า ๆ ที่ no longer working
    ที่พวกบ้าคลั่งพยายามจะนำมันกลับมาใช้…

    ข้อความนี้ได้ขอให้คุณจงมีความพยายามเปล่งประกายแสงสว่าง
    โดยการนำไปประยุกต์ใช้ผ่านความเป็นปัจเจกของคุณ
    ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง
    คุณลองหลับตานึกถึงภาพของดาวเคราะห์
    ที่ล้อมรอบไปด้วยประกายแสงสีทองที่ส่องไปทั่วจักรภพ
    และภาพตัวคุณเองที่กำลังส่องประกาย
    และขยายออกเป็นวงกลมในรัศมีรอบตัวคุณ
    ที่เต็มไปด้วยอิทธิพลของความรักอันทรงพลังดูซิ...

    มวลมนุษยชาติต้องละทิ้งความทุกข์ซึ่งแต่ละคนมี…
    ไปสู่ความเป็นปัจเจกและมุ่งมั่นในสิ่งที่ดีกว่า…
    จงถามตัวเองว่า … Highter self หรือ พระเจ้าจะทำอย่างไร
    เมื่อต้องตกอยู่ในสถานะการณ์ที่คุณกำลังเผชิญอยู่...
    และหากคุณต้องเป็นผู้นำแสงสว่างที่ท้าทายความเป็นส่วนตัวของคุณ
    ในขณะที่คุณลื่นไหลไปกับการตอบโต้ด้วยปฏิกิริยา
    มากกว่าการตอบสนองด้วยความรัก
    ก็จงเริ่มต้นฝึกให้อภัยตัวเองและคนอื่นอย่างสม่ำเสมอ
    เพื่อให้ทุกๆขณะคือโอกาสที่จะนำไปสู่ผู้คนกลุ่มใหม่
    และเริ่มต้นกับบทบาทใหม่ของ”ผู้นำแสงสว่าง”...


    “ความเปลี่ยนแปลง” กำลังเข้ามาแทนที่ความต้องการในการต่อรอง
    และในการปรับตัว...อีกทั้งในการขจัดความหวังลมๆ แล้ง ๆของคุณ
    ซึ่งต่อแต่นี้ไปมันจะไม่มีการพัฒนาในเส้นทางที่คุณได้เลือกใหม่อีกต่อไป

    คุณจะต้องยืนหยัดด้วยการทำอย่างสุดกำลังและแน่วแน่
    ที่จะไม่หลงระเริงไปกับเรื่องต่าง ๆ
    ที่มีมาหลอกล่อคุณอยู่ตลอดเวลาในแต่ละวัน
    ซึ่งถ้าจะให้ดีก็เขียนในสิ่งที่ “ผู้นำแสง” ต้องทำในแต่ละวัน
    เพื่อเวลาที่มันเริ่มเบลอ ๆ หรือสับสนในเป้าหมาย
    คุณจะได้กลับมาทบทวนหรือเริ่มต้นใหม่ได้


    เหล่าพลังงานทั้งหลายยังคงเร่งเครื่องที่จะให้มนุษย์ได้ตื่นรู้กับแนวความคิดใหม่
    และทัศนคติที่เริ่มต้นสร้างความขัดแย้งให้กับพวกเขา
    คือการตื่นรู้ในเรื่อง”สัจจะ”ที่เป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตในโลก
    ได้เข้าแทรกซึมสู่จิตสำนึกของพวกเขา...
    ซึ่งในการเข้าสู่การตื่นรู้นี้อาจนำมาซึ่งความไม่สะดวกสบาย
    แต่ท้ายสุด...เหล่าปัจเจกก็จะปลดปล่อยอดีต
    และมองเห็นสิ่งที่เป็นจริง(สัจจะ=ผู้แปล)ของโลกใบนี้ว่ามันเป็นอย่างไร

    สิ่งสำคัญในขณะที่คุณกำลังจะผ่านเข้าสู่เดือนหน้า
    คือการทุ่มสุดตัวไปกับการ focus on the Light.
    ซึ่งการทำเช่นนี้ เป็นการทำที่เกินกว่าจิตสำนึกจะรู้ตัวและเข้าใจ
    แต่มั่นใจเถอะว่าระดับความคิดที่สูงกว่าย่อมตระหนักดีว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องการ

    ในแต่ละวันคุณคุณต่างก็กำลังเรียนรู้ที่จะเป็น “Master of Life”บนโลกใบนี้
    โดยอุทิศตนทั้งด้านความคิด , คำพูดและการกระทำด้วยความมุ่งมั่น
    แต่ในการที่จะเป็นผู้นำใดๆก็ตาม
    ต้องมีความมุ่งมั่นและเพียรพยายามโดยไม่ย่อท้อต่อการเปลี่ยนไปของตน
    ซึ่งคุณคุณต่างก็มีเครื่องมือในการกำจัดขยะ(ในจิต=ผู้แปล)ของคุณ
    และทั้งหมดคือ “กำหนด” และ “องค์ความรู้”
    ที่จะทำให้คุณ“เข้าใจ” ว่า “คุณจะนำความแตกต่างมาสู่โลกใบนี้ได้อย่างไร”
    for yourselves and your loved ones.

    เหล่ากองกำลังของ LIGHT กำลังทำงานของเขาอย่างเงียบๆ
    และพวกเขาส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับกับผู้ที่สนับสนุนพวกเขา
    ที่จะทำให้เขาได้รับสิ่งที่ดีกว่า...
    พวกเขาทำงานอย่างมีตัวตน
    จึงทำให้ไม่มีแรงต้านทานต่อผู้ที่ต่อต้านพวกเขา

    แต่ด้วยบุญกุศลและการอุทิศตนอย่างเต็มกำลังของพวกเขา
    พวกเขาจะเป็นตัวกระตุ้น for bringing more light into the world และจุดมันให้ติดด้วย
    และจะเป็นผู้ที่นำอิสระภาพมาให้
    ด้วยการปลดปล่อยเหล่าพันธนาการทั้งหลาย
    ที่ได้เกาะแน่นอยู่ในมนุษย์โลกนี้มานานแสนนานออกไป...


    ความพยายามของผู้นำแสงสว่างที่ได้ทำลงไปในแต่ละครั้ง
    จะถูกขยายกว้างขึ้นโดยดินแดนแห่งมิติที่สูงกว่า
    ซึ่งคุณไม่ได้โดดเดี่ยวหรอกนะในความพยายาม
    ที่จะยกระดับโลกและมนุษยชาติขึ้นสู่มิติที่สูงขึ้นไป
    และในความพยายามร่วมกันนั้นย่อม always supported at this level.

    Until next week….
    I AM Hilarion


    ©2013 Marlene Swetlishoff/Tsu-tana (Soo-tam-ah) Keeper of the Symphonies of Grace
    Permission is given to share this message as long as the message is posted in its entirety and nothing has been changed, or altered in any way and Scribe's credit, copyright and website is included. WELCOME! - The Rainbow Scribe
    Thank you for including the above website link when posting this message.
     
  10. X-File

    X-File Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +78
    ไม่ทราบว่าไปกฐิจวัดไหนครับกระผมก็ไปมาเหมือนกัน อย่าบอกนะว่าที่สุพรรณบุรี อิอิ
     
  11. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    น่าจะคนละที่แล้วล่ะ วัดที่ภาคอีสานค่ะ :)

    ประทับใจก็ตรงที่ตัวเองได้ไปงานโดยไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน
    และเผอิญว่าเอาทรัพย์สิน(มีค่ามากสำหรับตัวเอง)ติดตัวไปด้วย
    ได้ร่วมถวายทันกาลพอดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2013
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เมื่อหลายวันก่อน ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้มีความคิดว่า
    น่าจะนำเอาข้อความประจำวันบางส่วน ของท่าน AA Gabriel
    บวกกับของอีก 2-3 ท่าน ที่ไม่ยาวนัก มาแปลให้ "คนอกหัก"
    หรือ "คนที่กำลังมีปัญหาด้านสัมพันธภาพรัก" อ่านหนะครับ

    เพราะว่าเมื่อราวๆ 2 สัปดาห์มานี่ จนถึงบัดนี้ ตัวผมเอง ที่รอดมาได้
    ก็เพราะว่าได้ข้อความพวกนี้แหละครับ ช่วยตอก และ ย้ำ ให้มีสติขึ้นมาได้

    เพราะว่าก่อนหน้านี้ ก็มีอาการกลับไปซึมเศร้า และคิดวกวน ย้ำคิด ย้ำทำ
    เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว

    อย่างที่ผมเคยบอกเอาไว้บ่อยๆว่า บางทีถ้าเราสังเกตดูให้ดีนะครับ
    เราก็จะพบว่า มันมีปรากฎการณ์ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ หรือ synchronicity
    เกิดขึ้นในชีวิตของเราอยู่บ่อยๆ จนบางทีสามารถสัมผัสได้ชัดมากๆว่า
    ชะรอยจะมี "ใคร" หรือ "ท่านใด" คอยช่วยเหลือเราอยู่ในอีกมิติหนึ่งกระมัง

    ผมก็เป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆครับ เพราะว่าเวลากำลังมีปัญหาเรื่องดังว่านี้อยู่
    ก็จะ "บังเอิญ" ไปเจอข้อความ หรือ ถ้อยคำ จะสั้นหรือยาวก็ตามแต่
    ที่สามารถช่วยปลอบประโลม หรือช่วยสกิดให้มีสติขึ้นมาได้อยู่เสมอๆ
    จนมีความรู้สึกว่า เราอยากจะแบ่งปันให้คนอื่นๆที่อาจจะกำลังมีปัญหาเดียวกันนี้อยู่
    ได้รู้บ้าง หรือได้อ่านบ้าง เพื่อที่เขาจะได้สติ และกำลังใจกลับคืนมาเหมือนเราบ้าง

    ผมใช้คำว่าสติ และ กำลังใจนะครับ เพราะดูเหมือนว่า ถ้าไม่มีกำลังใจแล้ว
    สติมันก็ไม่มาหรอก มันจะเหี่ยวๆยังไงชอบกล ถึงมีสติรู้ แต่มันก็ไม่พ้นหรอก

    ตลอดสองสัปดาห์มานี่ ผมเริ่มฝึกฝนตัวเอง ให้มีสติขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
    แต่ไม่ใช่ในแนวไหนๆ ที่เขาฝึกกันอยู่ในสำนักใดสำนักหนึ่งหนะนะครับ
    เพียงแต่มีสติ "จดจำให้ได้" ว่า...(ขอละไว้ก่อน เดี๋ยวจะมากล่าวถึงทีหลังครับ)
    คือประมาณว่า เอาถ้อยคำในข้อความจากต่างมิติหลายๆข้อความ
    ที่รู้สึกชัดมากๆว่า อันนี้ มันใช่เลย มาตอกย้ำตัวเอง ให้มีสติรู้ ให้เชื่อ ให้มั่นใจหนะครับ

    เช่น ข้อความของพระเยซูที่ผมเพิ่งโพสต์ไปไม่นานนี้ ที่บอกว่า
    พวกเราหนะมีความเต็มเปี่ยมสมบูรณ์พร้อมมูลอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า
    เราไม่ยินยอมให้ตัวเองเชื่อเช่นนั้น เท่านั้นเอง ซึ่งหมายความว่า
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการ มันมีอยู่พร้อมหมดแล้วในตัวเรา
    ขอแค่เรายินยอมให้มันถูกเนรมิตรออกมาสู่โลกทางกายภาพนี้เท่านั้นเอง
    ซึ่งการยินยอมที่ว่านี้ ก็คือโดยการไหลไปตามกระแสพลังงาน
    หรืออย่าไปขัดขวางการเนรมิตออกมาของมัน ด้วยความกลัว หรือด้วยความลังเลสงสัย
    หรืออะไรก็ตามแต่ที่เป็นความคิดและอารมณ์ความรู้สึกด้านลบ

    และข้อความจากชาว Arcturian ที่ผมอ่านแล้วแต่ไม่ได้แปลก็บอกอีกว่า
    พวกเราชอบติดอยู่กับกาลเวลา ดังนั้น พวกเราจึงมักคิดว่า สิ่งที่เราต้องการ
    หรือเป้าหมายของเรา มันอยู่ห่างออกไป หรือมันต้องใช้เวลา ถึงจะได้มันมา
    หรือเราต้องปรับปรุง หรือต้องทำอะไรที่ดีกว่านี้ หรือคู่ควรกว่านี้ซะก่อน ถึงจะได้มันมา

    ทั้งๆที่อันที่จริงแล้ว ในสายตาของมิติที่สูงกว่า ที่ไร้กาลเวลาแล้ว พวกเขามองว่า
    มันไม่จำเป็นต้องไปรอคอยอะไรเลย และเราก็คู่ควรที่จะได้มันมาอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
    เพียงแต่เราจะต้องยินยอมให้มันถูกเนรมิตออกมาสู่โลกทางกายภาพนี้เท่านั้นเอง
    ซึ่งก็เป็นทำนองเดียวกันกับข้อความของพระเยซูนั่นเอง

    และก็อีกหลายๆข้อความประจำวันสั้นๆ ของท่าน Gabriel
    ก็พูดให้สะดุดอยู่หลายจุด เช่น เราจะเลือกที่จะย้ำคิดย้ำทำ
    อยู่กับสิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์อยู่นั่นก็ได้ ไม่มีใครห้ามเราได้
    แต่เราก็สามารถที่จะเลือก ที่จะคิดถึงแต่สิ่งดีๆที่ทำให้เรามีความสุขก็ได้ด้วย
    นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเราอีกนั่นแหละ

    โดยการอยู่กับปัจจุบันขณะ โดยการไม่ไปพะวงถึงอนาคต
    และไม่ไปย้อนกลับไปเป็นทุกข์กับเรื่องราวในอดีตอีก เราก็จะมีอิสระมากขึ้น

    และจุดสำคัญอีกจุดหนึ่ง ก็คือ โดยการดึงสติให้กลับมาอยู่ที่จักระที่ 4
    ตรงลิ้นปี่ของเราอยู่บ่อยๆ เราก็จะมีการเชื่อมต่ออยู่กับจิตวิญญาณของเรามากขึ้น
    และเมื่อจิตวิญญาณของเรา เป็นผู้กำกับการแสดงให้เราแล้ว
    มุมมองของเรา ที่มีต่อสิ่งต่างๆ ก็จะเปลี่ยนไป..เดี๋ยวผมจะเล่าประสบการณ์ให้ฟังครับ

    มันจะมีความรู้สึกว่า "ไม่ห่วงกังวล" ว่าจะไม่ได้ ว่าจะไม่ดี หรืออะไรแบบนั้น
    เพราะว่ามันเหมือนกับว่า มันอบอุ่น มันวางใจได้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิต
    มันวางใจได้ว่า เดี๋ยวพอถึงเวลามันก็จะมาเอง ไม่มีทางที่จะไม่มา
    เพราะว่าเรายินยอมให้มันมา และเราอยากจะให้มันมา นั่นเอง

    ในช่วงนี้ ทุกๆครั้งที่ผมจ่อสติลงไปที่จักระที่ 4 ผมจะสัมผัสถึงความอบอุ่น
    ความไว้วางใจ ความวางใจ หรืออะไรแบบนั้น พูดไม่ถูกครับ
    ที่มันทำให้ผมคลายกังวลไปเยอะเลยทีเดียว แล้วผมก็จะรู้สึกมีสติอยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้น
    แบบเป็นธรรมชาติ นี่แหละที่ผมเรียกว่า การฝึกของผมหละครับ

    มันจะเป็นความรู้สึกวางใจ เพราะว่าเรารู้ว่า และเชื่อว่า และจดจำได้ว่า
    ในตัวเราหนะ มีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว เรามีความเต็มเปี่ยมสมบูรณ์อยู่แล้ว
    เราคือประกายหนึ่งแห่งแสงสว่าง ของพระผู้สร้างอยู่แล้ว
    ดังนั้น ถ้าเรายินยอมให้จิตวิญญาณของเรา หรือตัวตนที่แท้จริงของเรา
    เป็นผู้กำกับการแสดงให้เรา แทนเจ้า ego ของมิติที่ 3 นี้แล้ว
    เราก็จะไม่ขาดแคลนอะไรเลย เราก็จะไม่มีอะไรที่จะต้องเป็นห่วงกังวลเลย

    และมันก็จะมีมุมมองหนึ่ง ที่เรารู้อยู่แล้ว ว่าควรจะมองแบบนี้ ผุดขึ้นมา
    ซึ่งก่อนหน้านั้น มันได้แค่รู้ ในทางทฤษฎีเฉยๆ แต่ตอนนี้มันเริ่มทำได้จริงขึ้นมาแล้ว

    กล่าวคือ ในสถานการณ์ใดๆก็ตาม เช่น เรื่องความรักของผมเองเป็นต้น
    มันก็จะมีด้านบวกและด้านลบอยู่ด้วยเสมอ เพราะว่าโลกนี้เป็นโลกแห่งความมีขั้ว
    ดังนั้น แค่เรามองหาดีๆ เราก็จะเจอทั้งสองด้านของมันแน่ๆ

    สถานการณ์ของผมนั้น เปรียบเสมือนแก้วน้ำที่บรรจุน้ำเอาไว้แค่ครึ่งแก้ว
    ซึ่งก่อนหน้านี้ ผม "เลือก" ที่จะจดจ่อและย้ำคิดย้ำทำ และเลือกที่จะเป็นทุกข์
    อยู่กับส่วนบนของแก้วที่ว่างเปล่า ที่ไม่มีน้ำ อันนั้น ดังนั้น ผมก็เลยสมใจอยาก
    เพราะว่าผมจะไม่ผิดหวังเลย ที่จะได้เป็นทุกข์สมใจ

    เพราะว่าก็ตรงนั้นหนะ มันไม่มีน้ำอยู่จริงๆ!
    จะร้องไห้คร่ำครวญให้ตายมันก็ไม่มีน้ำขึ้นมาได้

    แล้วทำไมเราถึงจะต้องไป "เลือก" ที่จะกักขังตัวเองเอาไว้
    ในความคิดที่ว่า เราตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์นี้อยู่อีกหละ?
    ทำไมเราไม่หันมาจดจ่ออยู่กับอีกส่วนหนึ่งของแก้วใบนี้ ที่มีน้ำอยู่เต็มแทนหละ
    แล้วก็ดูดดื่ม หรือดื่มด่ำกับ น้ำทิพย์ชโลมใจส่วนนี้เสีย

    มันมีความคิดแบบนี้ขึ้นมาจริงๆ แล้วผมก็รู้ชัดว่า
    ผมนั่นแหละ ที่เป็นคนเลือกเอง
    ว่าจะจดจ่ออยู่กับส่วนไหนของแก้วน้ำใบนี้
    ดังนั้น ผมถึงใช้คำว่า ผมกำลังฝึกสติให้จดจำให้ได้อยู่ไงหละครับ

    คือเวลาเข้าสู่สถานการณ์นี้ทีไร ผมก็จะบอกกับตัวเองว่า
    ผมเลือกที่จะมีความสุข ดังนั้น ผมก็เลยจดจ่ออยู่กับส่วนที่จะทำให้ผมมีความสุขเท่านั้น
    เพราะว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว มิติที่ 3 ทั้งมิตินี้ ก็คือมายาการล้วนๆอยู่แล้ว
    ดังนั้น ความสุข และ ความทุกข์ ทั้งปวง แบบทางโลก ของมิตินี้
    มันจึงเป็นมายาการด้วยกันหมดทั้งสิ้น ดังนั้น ไม่ว่ามันจะเกิดจากการที่เราคิดขึ้นมาเอง
    หรือเกิดจากสถานการณ์ที่ชาวโลกเรียกมันว่า "ความจริง" ก็ตาม
    แล้วมันจะต่างอะไรกันเล่า?

    ช่วงนี้ ผมจะฝึกมีสติ เพื่อที่จะไม่ลืมที่จะบอกกับตัวเองอยู่เสมอมา
    ผมมีความเต็มเปี่ยมสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้วในตัว ในระดับจิตวิญญาณ
    ผมไม่ขาดแคลนอะไรเลย ดังนั้น ไม่มีสิ่งใดที่ผมจะต้องเป็นห่วงกังวลเลย
    และผมก็จะเลือก "จดจ่อ" อยู่กับสิ่งที่จะทำให้ผมมีความสุขเท่านั้น

    คือ ณ.ทุกๆช่วงขณะของ "ปัจจุบันขณะนี้" ของผม
    ผมเลือกที่จะมีความสุข ผมไม่เลือกที่จะมีความทุกข์

    นี่คือสิ่งที่ผมเลือก และผมก็มีสิทธิ์โดยชอบธรรมมาตั้งแต่กำเนิด
    ที่จะทำแบบนี้ได้ด้วย ไม่มีใครมาขัดขวางหรือห้ามผมได้

    นอกเสียจากว่า ผมจะเปลี่ยนใจ เลือกเป็นอย่างอื่นแทน
    ............................................................
    ~♥~ The Creator Writings ~ Past…..Future…..Now! ~♥~

    transcribed by Jennifer Farley,
    October 29, 2013

    "You can spend your time dwelling in the past
    and letting it continue to affect your life.
    You can spend your time worrying about the future
    and anticipate, with fear, anything that approaches.

    เธอจะเลือกที่จะใช้เวลาของตัวเอง เพื่อจมอยู่กับอดีต
    แล้วปล่อยให้มันส่งผลกระทบในแง่ลบกับชีวิตของตัวเองอยู่ต่อไปก็ได้
    หรือเธอจะเลือกที่จะใช้เวลาของตัวเอง เพื่อวิตกกังวลถึงอนาคต
    และคาดหวังถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยความกลัวก็ได้


    But, these things do not leave much time for your NOW.
    How do you want to live?"


    แต่ว่า..ด้วยการทำเช่นนี้ เธอจะไม่เหลือเวลา
    เอาไว้ให้กับ "ปัจจุบันขณะนี้" มากนักหรอกนะ

    แล้วเธอต้องการที่จะมีชีวิตอยู่แบบไหนหละ?



    Creator,
    พระผู้สร้าง
    http://thecreatorwritings.wordpress.com/2013/10/29/past-present-now/ isa:)

    [/COLOR][/B]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2013
  13. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อความข้างต้น ที่ช่วยทำให้มีสติทางจิตวิญญาณมากขึ้น และสามารถนำมาใช้ได้จริงๆด้วยสิ อย่างที่คุณบอกช่วงนี้ ประสบการณ์เรื่องความรักของผมก็ไม่ต่างกับคุณเท่าไหร่ ทุกอย่างที่คุณบอกไว้ ทำให้ใจของใครหลายๆคน มีสติ ที่จะเลือกมุมมองใหม่ๆได้ ขอบคุณครับ :cool:
     
  14. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    มีข้อเท็จจริงอยู่อย่าง ... ที่พลิกสถานการณ์
    สำหรับปัญหารักสาม... สี่... ห้าเศร้าของตัวเองเหมือนกัน :)

    คือ ได้ยินมาว่า....
    สำหรับบางคนแล้ว ได้อธิษฐานก่อนเกิดลงมาด้วยซ้ำไปว่าจะไม่ขอมีคู่

    พิเคราะห์แล้ว...
    ก็คงอ่านขาดตั้งแต่ก่อนลงมาเกิด ...
    สำหรับภพชาตินี้มาเดี่ยวนี่ล่ะ ...
    จึงจะสะดวกต่อการทำภารกิจตามปณิธานของตนให้สำเร็จลุล่วง
     
  15. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    .

    ในที่สุด ก็ฝันถึงเรื่องห้องเีรียนเหมือนคนอื่นได้ซะที เฮ้อ...ช้าจังแฮะ

    แต่ว่านะ เนื้อเรื่องกลับต่างไปจากที่เคยอ่านจากของคนอื่นๆ มากมายนัก
    เป็นตึกเรียนที่คล้ายบ้านเก่า ตึกแถวสี่ชั้น ที่เราเคยอยู่ตอนเด็กๆ มีความทรงจำดีๆ มากอยู่

    เป็นห้องเรียนที่โต๊ะทุกตัวเป็นระเบียบ นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียน และฟังครูสอน
    ยกเว้นเราผู้เดียว ที่นั่งหลังสุดของห้อง โต๊ะเก้าอี้ไม่เป็นแถวเป็นแนวอย่างเขา
    เก้าอี้วางห่างจากโต๊ะมาก นั่งเหยียดขาได้สบายบรื๋อ แถมหันไปทางอื่น ที่ไม่ใช่ครู
    และกำลังทำอะไรบางอย่าง อย่างตั้งใจ กับใครไม่รู้ แทบไม่ได้สนใจจะเล่าเรียนเล้ย

    เฮ้อ...ไม่อยากเล่าเลย เกือบจะอายจังนะเนี่ย แต่ก็นะ ช่างหัวมันเหอะ เล่าไปดิ

    ก่อนหน้านี้ก็มีฝันเกี่ยวกับตึกนี้นะ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นตึกเรียน และเราอยู่ด้านข้างตึก
    กะลังปีนหนีลงมาข้างล่าง เหนื่อยมากเลยในฝัน แต่ก็ปีนหนีลงมาอย่างตั้งใจมาก
    ฝันแบบเนี้ยสองครั้งล่ะมั้ง นะ ปีนหนีลงมาด้านหลังครั้งนึง อีกครั้งจากด้านข้างตึก

    อีกครั้งก่อนนั้น ก็ฝันว่าอยู่บนดาดฟ้า กะลังหาวิธีหนีไปที่ตึกข้างๆ
    แต่ทั้งหมดนั้น ยังไม่เคยรู้นะ ว่าที่นี่เป็นห้องเรียน เลยไม่เคยเล่าออกมา
    อ่านของหลายท่านแล้ว ก็เคยสงสัย แล้วทำไมเราไม่มีฉากเล่าเรียนกะเขาบ้างวะ

    555 ตอนนี้มีแล้ว และคงไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนแน่ๆ 555 สะใจจัง



    ถึงว่าสิ พักนี้มีอาการแปลกๆ บ่อยครั้งเหมือนกันแฮะ อยู่ๆ ก็ปรี๊ดขึ้นมามั่งแหละ
    บางทีก็เศร้าจัง เบื่อเนี่ยมีบ่อยสุด เหมือนกะไม่มีอะไรที่ต้องทำอีกแล้ว เซ็งสุดๆ
    เคยคิดถึงการฆ่าตัวตายเหมือนกันนะ แม้ไม่จริงจังเท่่าไหร่นักหรอกเด้อ

    แต่ก็คิดถึงหลายๆ วิธี ว่าอันไหนเหมาะสุด แล้วก็เลือกได้วิธีกรีดข้อมือตัวเองดีกว่า
    ไม่ทรมานดี ไม่เจ็บ ไม่เสียว ไม่เสียงดังหนวกหู และศพก็ไม่ทุเรศตาเท่าไหร่ด้วย
    กรีดเส้นเลือดที่มือ ในสายน้ำ ปล่อยให้เลือดไหลออกไปเรื่อยๆ แล้วนอนมองดู
    เคยอ่านเจอว่า ไม่ค่อยเจ็บ แล้วจะเพลียหลับไปเอง นี่แหละเหมาะสุดแล้ว

    แต่นะ เมื่อสองปีก่อน เคยคิดจะโดดตึก แค่คิดเล่นๆ นะ แต่ก็คิดให้สมจริงแยะๆ
    บังเอิญจิ้งจกกระโดดขึ้นมาเกาะที่ข้อมือ เราจ้องดู และก็ต้องหัวเราะออกมา
    เมื่อคิดเพ้อเจ้อเอาเองว่า เค้าเป็นห่วงตัวเองนะ อย่าคิดอะไรบ้าๆดิ 555




    ขออวดเรื่องดวงตาด้วยนะ อยากเล่าให้ใครซักคนฟังมานานแล้ว เพิ่งมีโอกาส
    เมื่อต้นปีเนี้ย ตอนยังอยู่ที่สวนโมกข์ นั่งอยู่ในร้านเนทหน้าวัด อยู่ๆ ไฟกระชาก
    ทุกเครื่องดับ ยกเว้นของเรา ที่ยังทำงานได้อยู่ ก็แปลกใจ เลยเลิกและออกมา

    ตอนเดินกลับวัด บังเอิญเห็นเมฆ ก้อนเหมือนรูปด้านนอกของดวงตาเลยล่ะ
    และกำลังลอยเคลื่อนเข้าหาดวงอาทิตย์ และที่นั่นเอง ดวงตาแห่งแสงก็โผล่ออกมา
    จากจุดที่เรายืนดูอยู่ ซักบ่ายสามล่ะมั้ง นะ เมฆและดวงอาทิตย์ก็พลันรวมตัวกัน
    กลายเป็นรูปดวงตา อย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะ น่าตื่นเต้นมากเลย
    ดวงอาทิตย์ สถิตย์อยู่ที่กึ่งกลางของก้อนเมฆ ในตำแหน่งที่ถูกต้องสมดุลย์

    เราจ้องมองอย่างตะลึงตึงตึง อึ้งและงงงัน มันอะไรกันวะนั่น ยิ่งใหญ่มากเลย
    เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ไม่งั้นคงได้เอาออกมาอวดกันแน่ๆ อย่าอิจฉานะ 555



    วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  16. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    แหม..บังเอิญจัง เมื่อคืนเพิ่งจะได้ทบทวนวิชาลมปราณ เกี่ยวกับเรื่องเนี้ยพอดีเลย
    ใช่เคล็ดวิชาทารกบริสุทธิ์ หรืออะไรทำนองนี้แหละ ลืมไปได้มากแล้วครับ

    เป็นการหายใจเอาปราณเข้าไปในส่วนกระดูกสันหลังท่อนล่าง อัดปราณเข้าไป
    แล้วปล่อยให้มันค่อยๆ ซึมเข้าไปในกระดูกสันหลัง ในท่าที่นอนทำ และอยู่ในฌาน
    ค่อยๆ หายใจเข้าออก ให้ปราณไหลเข้าออกอย่างแผ่วเบา แต่ต่อเนื่องยาวนาน
    ไม่ขาดตอน และไหลเลื่อนอย่างราบลื่น ตอนหลังเพิ่มแสงเข้าไปด้วย ให้มันสว่างหน่อย

    ลืมไปแล้วนะเนี่ยวิชาเนี้ย เคยฝึกบ่อยเลยสมัยก่อน ตอนนั้นขยับกระดูกได้เลยนะ
    กระดูกนิ้วขยับเปลี่ยนที่ได้ด้วยล่ะ ที่สันหลังก็เคยทำได้ มีท่อนนึงมันเบี้ยวอยู่นิดๆ
    เคยฝึกจนมันขยับตรงขึ้นมาได้ด้วย แปลกไม๊เนี่ย หรือวิชาผลัดกระดูกเปลี่ยนกล้ามเนื้อล่ะหว่า

    มีครั้งนึงนะ ไม่รู้ว่าฝึกอีท่าไหนเข้า จนผมหงอกมันจะกลับขาวได้ด้วยล่ะ เจ๋งมะ
    ตอนไปตัดผม ช่างเขาทักว่า ผมพี่หงอกแปลกกว่าชาวบ้านเค้านะ
    ทำไมหงอกที่ปลายล่ะครับ ปกติเค้าจะหงอกจากข้างล่างขึ้นมาบน เรื่อยๆ จนปลายสุด

    เราฟังแล้วก็วิเคราะห์ในใจ สงสัยจะฝึกจนกลับเป็นหนุ่มขึ้นมาได้แน่เลย ดีใจจัง
    ผมที่ขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่ผมเก่าๆ แต่เป็นผมที่โมดิฟายมาอย่างดี เป็นผมรุ่นใหม่

    แต่ไม่รู้ว่าฝึกด้วยวิชาอะไรนี่ดิ เพราะปกติฝึกปนกันไปหลายๆ วิชา
    จนอยากที่จะรู้ได้ ว่าฝึกอะไรวะ ถึงทำได้ขนาดนี้ แต่ก็เก็บไว้ในหัวแล้วล่ะ
    ซักวัน คงมีโอกาสวิเคราะห์ วิจัย จนรู้ได้แน่ๆ ว่าทำอีท่าไหน ถึงออกมาท่าเนี้ย 555


    วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัีด / นักรบแสง

    .
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ว่าแล้วก็จัดไปครับ..กระทู้นี้เลย

    "ข้อความจากต่างมิติ-ชุดพิเศษสำหรับคนที่กำลังมีปัญหาด้านสัมพันธภาพรักอยู่"


    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...นที่กำลังมีปัญหาด้านสัมพันธภาพรักอยู่.513836/

    ..........................
     
  18. กะเหรี่ยง

    กะเหรี่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +111
    โพสต์นี้ผมคิดถึงที่สุด...เวลาไปไหนหลายๆวันกลับมาโพสต์นี้เลยเปิดอันดับแรกเลย...ต้องชมคณะผู้ที่เสียสละแปลให้เราอ่าน...ทำได้แค่ให้กำลังใจเราแย่ภาษา
     
  19. L-Walkers

    L-Walkers เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2013
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +176
    ผมแวะเข้ามาเก็บข้อมูลอยู่เรื่อยๆ สำหรับผม ผ่านฉลุยทุกกระบวนการและยังจะปรับโครงสร้างไปเรื่อยๆ ผมพูดได้เลยว่า ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับข้อความต่างมิตินี้ ยังไม่มีความผิดเพี้ยน ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างแบบผิดลูกหูลูกตา ผมก็ต้องอาศัยข่าวสารเหล่านี้เพื่อหาเหตุผลที่ให้ได้มา ซึ้งคำตอบของความเป็นจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น และยังไม่มีข้อมูลใดเลยที่ไม่ตรงหรือไม่เป็นความจริงต่อการเปลี่ยนแปลง ผมขอขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่ช่วยให้ผมกระหนักและยืนยันได้ว่า มันคือความจริง
     
  20. waterydis

    waterydis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +1,995
    บังเอิญเหมือนกันเรื่องฝึกลมปราณ ปรกติจะนั่งสมาธิธรรมดาไม่ได้ควบคุมการหายใจ แต่วันอังคารที่ผ่านมา มันรู้สึกอยากจะจับแต่ลมหายใจเข้าออก ต้องการเพียงสูดลมเข้าไปลึกๆ ช้าๆ เท่าที่จะเป็นได้โดยไม่มีเสียงลม แล้วค่อยๆ ปล่อยลมออกมาอย่างสบายๆ เพื่อให้ลมนั้นวิ่งเข้าถึงทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะจุดที่ติดขัด ให้ปอดได้รับอากาศอย่างทั่วถึงทั้งหมด

    ตอนแรกอึดอัดมาก มีแรงดันในศรีษะ ในหู ในจุดต่างๆ ของร่างกาย เหมือนมันมีลมดันอยู่ตรงนั้น พอทำไปได้ซักพักร่างกายร้อนขึ้น รู้สึกว่าลมหายใจเข้าไหลวนไปทั่วร่างกาย คล้ายๆ กับคลื่นแสงสีขาวทอง กายเนื้อดูค่อยๆ สว่างขึ้น ขับกลุ่มควันสีเทาๆ ดำๆ ออกตามลมหายใจออก ซึ่งการหายใจปรกติจะทำให้การไหลวนนี้ไม่ครบรอบเพราะหายใจเข้าออกเร็วไป ยิ่งหายใจเข้าออกช้าและเบาเท่าไหร่ คลื่นแสงสีขาวทองที่ว่านี้ก็สามารถไหลวนและแผ่ซ่านเข้าไปในแต่ละจุดได้มากเท่าไหน ขณะเดียวกันก็ขับกลุ่มควันสีดำๆ ได้มาขึ้นด้วย เราทำได้ซักพักจนรู้สึกว่าไม่มีจุดดำในร่างกาย ซึ่งร่างกายเหมือนจะบอกเองว่า พอแล้วนะกับ Infinity Breath Technique นี้ (ซึ่งตอนนั้นก็งงเหมือนกันว่า อ๋อที่ทำอยู่นี้เขาเรียกว่า Infinity Breath Technique = เทคนิคการหายใจช้าๆ จนดูเหมือนไม่สิ้นสุด) ไปทำอย่างอื่นได้ แล้วเราก็เลื่อนเข้าทำสมาธิแทนและหลับไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...