เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

​

เหรียญพัดยศ หลวงตาเล็ก วัดใหม่ฯ​

QUOTE=พี เสาวภา;8292572

ภาพนี่สวยงามมากครับ

เหรียญรุ่น สอง วัดสร้าง พัดยศ พิเศษ สร้างก่อนหล่อ พระพุทธสิหิงค์ หลายปี พระพุทธรูปด้านหลัง ปางสมาธิมาเหมือนกัน ตามสไตล์ หลวงตา ที่รู้อะไรก่อน ....ทุกครั้งไม่มีพลาด

ส่วนยันต์เจ้าคุณ นรฯ ยันต์น้ำเต้า มะ อะ อุ พ ฆ อ ( หมายถึงสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ และ อุล่าง ( ความหมายถึงเจ้าคุณ อุดม )

เจ้าคุณอุดม สร้างความดีมาตลอด มาโดยข้อหาจับยัด ต้องสึกมาเป็นทิด ข้อหา เครื่องราชฯ ตอนท่านสร้างวัด สร้างวัตถุมงคลเจ้าคุณนรฯแจก ท่านเอาตัว อุ มาลงไว้ใต้ยันต์ หมายถึงท่านสร้าง

ท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านได้ เมตตาทำนายไว้ก่อนว่าท่านเจ้าคุณ อุดม จะ เดือดร้อนเพราะบริวาร

เหรียญนี้ มีปริศนาซ่อนไว้หลายชั้น ค่อยๆคิดไปน่ะครับ ท่านเจ้าคุณนรฯ เคยรู้จักหลวงปู่บุดดา ท่านเจ้าคุณนรฯ เป็นพระธรรมยุต ส่วนหลวงปู่บุดดาเป็นพระมหานิกาย พอมารู้จักกัน ท่านเจ้าคุณนรฯ เห็น หลวงปู่บุดดา เป็นเหมือนพญานกอินทรีย์ ในป่าใหญ่ โบยบินไปไหนตามอิสสระ แสวงหา โมกธรรมและสันโดษ ( หลวงปู่บุดดา ท่านสำเร็จมาก่อนหน้าแล้ว ) เลยต้องการ จะตามหลวงปู่บุดดาไป แต่ พระเดชพระคุณ สมเด็จพุฒโฆษาจารย์ ไม่ทรงอนุญาตให้ไป ( ตอนนั้นผมเข้าใจว่า ท่านเจ้าคุณนรฯ อาจจะยังอายุไม่มาก พึ่งพ้นนวกะมา น่าจะบวชมา ๖ ปี )

หลวงตาเล็กน่าจะเป็นพระยุคเดียวกับหลวงปู่ บุดดา เป็นพระภิกษุ ๕ แผ่นดินเหมือนกัน แต่หลวงตาอ่อนอาวุโสกว่า อย่างน้อย ๑ รอบ การแยกมหานิกายของหลวงปู่บุดดา น่าจะเกิดไม่นานหลังจากที่ พระบาทสมเด็จ รัชกาลที่ ๔ ทรง แยก ออกเป็นสองนิกาย

ผมเองก็ไม่ทราบว่า หลวงตาไปเกี่ยวข้องกับท่านเจ้าคุณนรฯได้อย่างไร??? ท่านถึงเอายันต์น้ำเต้าของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ และ เจ้าคุณนรฯมาไว้ หลังเหรียญรุ่น ๑ และ รุ่น ๒ แต่ เหรียญสองรุ่นนี้สำคัญครับ เพราะหลวงตาท่านมีดำริห์ และมี นัยยะ ซ่อนอยู่ น่าจะมีอะไร ซ่อนๆอยู่ด้วย ยันต์ท่านเองมีเพียบ แต่ไม่เอา และ เหรียญรุ่น ๑ ออกมาหลังเจ้าคุณนร ฯ ล่ะสังขารในปีเดียวกัน เรียกว่าไล่ตามกันมา ยุคนั้น หลวงตามาที่วัดใหม่แล้ว ยังไม่มีคนที่เรียกว่า คนใน ไปเป็นคณะศิษย์แน่นอน ส่วนใหญ่น่าจะยังเป็นวุ้นอยู่ ท่านอยู่ที่นั่นเงียบๆ ทำเหรียญแจก ซึ่งคงเป็นชาวบ้านแถวนั้น ยังไม่มีคนมารู้จักท่านมากมายอย่างไร

ท่านแม่ชีก็ไปเจอหลวงตา หลังปี ๒๕๓๕ มาแล้ว ซึ่งหลัง เหรียญรุ่น แรก ร่วม ยี่สิบกว่าปี

ส่วนหลวงปู่บุดดาก็ไม่แน่ใจว่ามาเกี่ยวข้องกับ หลวงตาตรงไหน แต่ หลวงปู่บุดดา ท่านสนิทสนมกับ หลวงพ่อวัดท่าซุงมากครับ จนครั้งหนึ่งคนคิดว่าเป็นหลวงพ่อ ฤาษีลิงขาว แต่ด้วยวัยที่ต่างกันมาก ข่าวลือจึงหยุดไปเอง /QUOTE]

****************************************​

เหรียญพัดยศ หลวงตาเล็ก วัดใหม่ฯ โดยคุณพี เสาวภา
ขออนุญาตยกมาค่ะ

 

***กราบอนุโมทนาบุญทุกๆอย่างครับ ***

 

กราบหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง และครูอาจารย์ทุกท่าน

สวัสดีครับ พี่พี พี่ช้าง และทุกๆท่าน

เห็นยอดทำบุญแล้วชื่นใจจริงๆครับ ขอโมทนากับทุกๆบุญที่ทำมาและจะทำต่อไปด้วยครับ

ผมจะตามร่วมด้วยตามกำลังที่มีครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ

 

อย่าเครียดครับ เอาตัวเองและ ครอบครัวมาก่อน เรื่องบุญ ตามกำลังจริงๆ

 

อานิสงส์สร้างพระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโรมหาเถระ)
​

...... คุณป้าเจ้าคะ คุณป้ารู้อานิสงส์แห่งการสร้างพระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์ไหม และความเป็นมาของพระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์เป็นอย่างไร ป้าน้อยก็บอกว่า ความเป็นมาน่ะ ป้ารู้ คือนั่นหมายความว่า ปีหนึ่ง หลายปีมาแล้ว

ที่หลวงปู่ของหลานไปที่จังหวัดชลบุรีไปพักอยู่ที่ศรีราชา เวลานั้นก็ปรากฏว่า มีคนถามว่า การที่เป็นหนี้สงฆ์ในชาติก่อน ๆ เราจะทำอย่างไร จึงจะชำระให้หมดได้ เพราะการเป็นหนี้สงฆ์นี่ โทษมาก หลวงปู่ท่านก็ไม่ตอบ แต่ว่าพอรุ่งขึ้นเช้า ท่านตอบท่านบอกว่า

เมื่อคืนนี้ มีพระมาบอกว่า ถ้าจะชำระให้หมดได้ ต้องสร้างพระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์ หน้าตัก ๔ ศอก โตกว่าได้ แต่เล็กกว่านั้นไม่ได้ แล้วอุทิศถวายสงฆ์ไป เป็นการชำระหนี้สงฆ์ที่เคยติดค้างมาในชาติก่อน ท่านบอกว่า ถ้าอย่างนี้ พระท่านบอกนะ เป็นการชำระหนี้สงฆ์เสร็จ ไม่เป็นหนี้ติดค้างกัน และต่อมาก็ปรากฏว่า มีท่านบางท่าน ได้สร้างมาแล้ว และก็ปรากฏจุดหนึ่งว่า

นิมิตจากองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว คือ นิมิตเห็นพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ เพราะตาทิพย์ ป้าน้อยว่าอย่างนั้นนะ คนนี้เขาป่วยหนักมาก พูดไม่มีเสียง แค่ยกมือไหว้นิด ๆ ขยับมือนิด ๆ ยกก็ไม่ได้ เขาป่วยหนักก็ปรากฏว่า ทุกคนไปเยี่ยมกัน เวลานั้น พระท่านก็ไปเยี่ยม ท่านก็ถามว่า โยม รู้จักอาตมาไหม ถามว่า จำได้ไหม โยมก็ตอบ ทำปากพะงาบ ๆ แสดงว่า จำได้

เสียงออกจากปากไม่มี หลังจากนั้นได้เวลาพอสมควร พระท่านก็กลับ ในเมื่อพระท่านกลับไปแล้ว ท่านบอกว่า ตอนกลางคืน ขณะที่ท่านพักอยู่ในห้องอันสงัด เป็นห้องเจริญกรรมฐาน เวลานั้นท่านนั่งกรรมฐาน ก็ยังไม่ปรากฏภาพอันใด คือ ท่านไม่มุ่งถึงภาพ ต้องการทำจิตเป็นสมาธิเฉย ๆ ระงับอารมณ์ของกิเลส เห็นท่าจะเมื่อยหนัก ก็เอนกาย คิดว่า จะนอนภาวนาให้หลับไป

แต่พอเอนกายลง เริ่มนอนภาวนา จิตก็เริ่มเบาตัว เวลานั้น เห็นภาพพระพุทธเจ้า หน้าตักประมาณสัก ๘ ศอกเศษ สวยสดงดงามมาก เหลืองอร่ามทั้งองค์ ยิ้ม แล้วก็มีหนังสือปรากฏข้างหน้า เขียนตัวใหญ่มาก หนังสือตัวสูงประมาณ ๑ ศอกเศษ เขียนบอกว่า พระชำระหนี้สงฆ์เขาสร้างแล้ว ก็เป็นอันว่า คนป่วยนี่เขาเคยสร้างพระชำระหนี้สงฆ์แล้ว สักครู่หนึ่งท่านก็หายไป ไม่ได้พูดอะไร

หลังจากนั้น พระท่านบอกว่า หลังจากนั้นแล้วก็ปรากฏว่า มีภาพของ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ คือ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ และท้าวเวสสุวัณ ปรากฏขึ้นแทน พระท่านก็ถามว่า เมื่อกี้นี้เห็นนิมิต คือ พระพุทธเจ้า ท่านชี้ไปที่หนังสือว่า พระชำระหนี้สงฆ์เขาสร้างแล้ว นั่นหมายความว่าอย่างไร ท่านท้าวเวสสุวัณ ท่านเป็นคนตอบ บอกว่า พระชำระหนี้สงฆ์เขาสร้างแล้ว นี่หมายความว่า

คนป่วยนี่ เขาสร้างพระชำระหนี้สงฆ์แล้ว แล้วคนป่วยคนนี้ จะตกนรกไม่ได้ เพราะว่าเวลานี้กำลังใจเขาจับเห็นภาพพระนี้ ชัดเจนแจ่มใสมาก พระติดตาเขา ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะการสร้างพระใหญ่ ต้องใช้สตางค์มาก กำลังใจก็ฟูมาก มีปีติมาก ภาพพระก็จับตา จับใจ เวลานี้เห็นภาพพระแจ่มใสมาก แต่ว่าอาการตายของเขา เขาต้องตาย คำว่า ตาย ถ้าจะพูดว่า ตายจริง มันก็ไม่ถูก

จะต้องบอกว่า เขาไป เขาจะต้องไปจากร่างกายนี้ ไปสู่ร่างกายใหม่ แต่ไม่ใช่เกิดในร่างกาย คือ ธาตุ ๔ เป็นร่างกายทิพย์ วิเศษ ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวต่อไปทางไหนอีก อยู่ที่นั่นเลย เป็นความสุข แล้วท้าวเวสสุวัณท่านก็บอกต่อไปว่า ในวันพรุ่งนี้ อาการเขาจะดีขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดว่า เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นไปได้ทุกอย่าง แล้วท้าวเวสสุวัณท่านอธิบายบอกว่า

คนที่สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ คือ พระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก แล้วชำระหนี้ของสงฆ์ที่เคยเป็นหนี้มาในกาลก่อน บุญมหาศาลมาก คนนี้มีอานุภาพคล้าย ๆ กับ พระโสดาบัน นั่นคือ ไม่ใช่เหมือนพระโสดาบัน คล้ายกัน พระโสดาบัน ท่านตายไม่ตกนรกฉันใด คนที่สร้างพระพุทธรูปขนาดนี้แล้ว กำลังใจมีปีติมาก ตายชาตินี้ไม่ลงนรก

แต่ว่าชาติต่อไป ถ้าเกิดทำกรรมใหญ่ คือ บาปใหม่ นี่จะลงนรกได้ แต่พระโสดาบันไม่ลงนรกต่อไป ขึ้นชื่อว่า เป็นการยันตนเอง ไม่ให้ลงนรกชาตินี้ไว้ได้ ถ้าชาติต่อไปได้มีโอกาสพบองค์สมเด็จพระจอมไตร หรือพระอรหันต์ ได้ฟังเทศน์แล้ว ก็สามารถจะต่อ เดินทางไปได้ ไม่ลงนรกต่อไป ก็รวมความแล้วเป็นอันว่า เมื่อท่านบอกอย่างนี้แล้ว ท่านก็หายไป

จับใจความได้ว่าคนที่สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ และชำระแล้ว เป็นอันว่า ชาตินี้ลงนรกยาก เพราะกำลังปีติที่สร้างพระใหญ่ ปีติจะฟูอยู่ในใจ ภาพพระจะดำรงใจ เวลาใกล้จะตาย จะมีนิมิต คือ พระพุทธรูป

เอาละ บรรดาท่านทั้งหลาย เรื่องราวทั้งหลายวันนี้ ก็ต้องของดไป เพราะเวลานี้ หมดเวลาแล้ว มันดึกมาก ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟัง และผู้อ่านทุกท่าน


คัดลอกบางตอนจาก หนังสืออ่านเล่นเล่ม ๑๑ เรื่องการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์
�Ѵ�ѹ����� (��ҫا) - ˹ѧ�����ҹ���� ������� 11 ���.. �. �ѧ������ó

 

​

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ค่ะ​

 

จากภาพนี้ผมน่าจะอยู่ที่ไหนสักที่แถวๆโบสถ์น่ะแหละ แต่ไม่ถูกน้ำมนต์น่ะครับ โดนหางๆ ยุคนั้นหลวงพ่อ พรม น้ำมนต์เอง คนมันเยอะมาก น่าจะเป็นการปลุกเสกพระครับ

 

***กราบ กราบ กราบ ท่านพ่อ ครับ***

 

ผ้ายันต์โภคทรัพย์ หลวงตาเล็ก วัดใหม่ฯ​

 

***กราบ กราบ กราบ ลป.บุญศรีครับ***

 

​

 

ยังมีแจกเรื่อยๆน่ะครับ

 

***กราบ หลวงปู่ ปานครับ***

 

QUOTE=พี เสาวภา;5275679


เปิดดูไฟล์ 1736325 เปิดดูไฟล์ 1736326 เปิดดูไฟล์ 1736327

กุมารทอง มั่งมีศรีสุข ( พี่จุกใหญ่ )

เป็นกุมารทอง ตนเดียวที่ผมได้จากหลวงปู่น่ะครับ ทำจากเนื้อไม้มะยมตายพราย ผมได้มาจากลุงดิษฐ์ ผู้ล่วงลับ และจากป้าธีร์ ซึ่งเป็นช่างแกะ จะมีไม้ดีๆ ของดีๆ เยอะ ไม้นี่ แท้ๆ จะหายาก จะเจอมั่วซ่ะมากกว่า ผมไปเจอต้นหนึ่งที่วัดพระญาติ ว่าจะไปเอาจากหลวงพี่ แต่คงน้ำท่วมไปแล้ว ...แหะๆ

พอได้มา ผมเองซึ่งไม่ค่อยเล่นด้านนี้เท่าไหร่ เพราะเขาเป็นเทวดาระดับหนึ่งต้องคอยเซ่น คอยไหว้ พูดคุยเหมือนเด็กๆ ของแบบนี้เพศหญิงจะทำได้ดีกว่าเพราะจะเลี้ยงเหมือนเลี้ยงลูก ผมเอาไปให้หลวงปู่ดู ท่านว่าดี และลงให้ ผมก็เก็บไว้ เรียกเขาว่าพี่จุก ( ใหญ่ ) บูชาแบบผม คือ สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ ภาวนา ถวายสังฆทานอุทิศรวมๆให้ ไปตามเรื่องตามราวของผม พี่จุกเขาเลยเงียบๆ ต่อมาผมเอาไปเลี่ยมทองและ ให้แฟนไป เขาตั้งชื่อว่า มั่งมีศรีสุข เอาคู่กับรักยม ของหลวงพ่ออั๊บ ที่ชื่อ รักเงิน ยมทอง แฟนผมเลี้ยงกุมารขึ้นมาก เห็นชัดๆว่า เหมือนมีคนไปด้วย ฝากบ้านได้ ตนหลักๆของเขาคือ กุมารทรัพย์สมบูรณ์ ตนใหญ่ ที่ผมแกะมาจากไม้มะยม และพระอาจารย์แม้นท่านปลุกเสกให้ พระอาจารย์แม้นท่านมีกุมารเทพ คอยดูแล ช่วยสร้างวัดอยู่ พี่ทรัพย์สมบูรณ์คงเป็นบริวารท่านกุมารเทพ ที่พระอาจารย์แม้น ท่านประจุมาให้ เก่งด้านทำมาหากิน หาคน เฝ้าบ้าน เคยมีคนฝันเห็นนุ่งผ้าเหลืองๆ พุงปลิ้นๆ มาเดินรอบบ้าน

ส่วนหลวงปู่ของผม ผมยืนยันว่าท่านไม่ใช่พระเกจิฯน่ะครับ ของแบบนี้ท่านไม่ทำแจก ไม่เน้น ไม่สนใจเลย แต่ถ้าไปขอ ท่านก็เสกให้ด้วยจิตล้วนๆ และเชิญต้นทางเขามาช่วยรับรู้ มาสถิตย์ ฝากฝังไว้ว่าเป็นเด็กของท่าน ช่วยๆกันดูแลให้หน่อยจ้า เป็นเรื่องของเทวดา พระท่านไม่สะดวกบางอย่างน่ะครับ

กุมารทองมั่งมีศรีสุข ตนนี้ ท่านจะเป็นผู้ใหญ่ คนแก่น่ะครับ แทนที่จะเป็นเด็ก น่าจะเป็นปู่หรือ ทวด หรือ ก๋ง กุมารทอง...แหะๆ เอาว่า ถ้าหลวงปู่เชิญมา ต้องเป็นองค์ต้นคุณปู่ทวดกุมารทอง เป็นเทวดาสำคัญเลยล่ะครับ...แหะๆ เขาจะมีอายุ ไม่เล่นหัวมาก จะช่วยแต่เรื่องหลักๆ น้ำกำลังมา คงงานหนักหน่อย ขอให้ช่วยลูกหลานหนักๆ กำลังสามหน่อยน่ะจ้ะพี่จุกใหญ่...แหะๆ

ที่เอามาให้ดู โชว์ตามสไตล์ของผมก็แล้วกัน เป็นของส่วนตัว ไม่เคยโชว์ใคร เป็นอาวุธลับ ใครเชื่อก็ดี ไม่เชื่อผมไม่ว่า ผมนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์เป็นหลัก และผมก็เชื่อ เรื่อง เทพ เทวดา โดยเฉพาะเทพเทวดา ที่ครูบาอาจารย์ ท่านเชิญ และ ชวน และ มอบให้มาดูแลคุ้มครอง

เอาว่า ผมจะว่าไปเรื่อย พระบ้าง เครื่องรางบ้าง ตอนนี้เหตุการณ์คับขัน ต้องการตัวช่วยทั้งหมดที่มี ผมเชิญ พี่มั่งมีศรีสุข มาให้ท่านดู ท่านที่นับถือหลวงปู่พระครูบุญศรีเหมือนผม เผื่อถูกโฉลกกัน ขอให้พี่มั่งมีศรีสุข ( พี่จุกใหญ่ )ไปช่วยอีกแรงน่ะครับ

อยากจะส่งท้ายว่า ใครชอบเลี้ยงของแบบนี้ แนะนำว่า หากุมาร แกะมา หรือ ไปซื้อ มา แนะนำว่า งาช้างก็ดี แล้วไปขอหลวงพ่อ อั๊บ ท่านลงให้ เรื่อง การปลุกเสก เป็นตัว เป็นตน ผมรับรองและยืนยันว่า ท่านเก่งด้านธาตุ และ ใส่อาการ แบบที่ผมเคยเห็นมาครับ ผมไม่ค่อยเล่นด้านนี้ แต่เห็นและมีประสบการณ์และเชื่อครับ และของบางอย่างไปขอพระไม่เหมาะก็ ขอเทวดา ขอกุมารนี่แหละครับ มีของแลกเปลี่ยนกันหน่อย เลี้ยง ข้าวยา ปลาปิ้ง ผลไม้ ให้เขาแบบลูกๆหลานๆ แบบ คนในบ้าน ไปกินอะไรก็ชวนเขาไปด้วย ท่านจะมีของดีไว้ คอยเป็นบริวารพระในบ้าน และคอยดูแลบ้านเรือนครับ และจะขลังหรือ ไม่ อยู่ที่จิตของท่านน่ะครับ และไม่มีหลอกหลอน คนในบ้านพวก คนแก่และเด็กให้ตกใจครับ หลวงพ่ออั๊บ ท่านไม่เล่นผี เล่นของดำน่ะครับ เป็นผีท่านไม่เอา ผมเลยชอบและนับถือท่านมากๆๆครับ

พวกผีๆ พรายๆ อย่าไปเล่นครับ เชื่อผม ถึงเวลาดีก็ดี ถึงเวลาไม่ดี ก็ซวยได้ครับ ไม่ซวยเราก็ ไปซวยคนรอบข้าง และท่านเอาเข้าบ้านเองน่ะ ผีบ้าน ( เทวดาบ้านเขาพูดไม่ออกน่ะครับ เรื่องนี้หลวงพ่อเคยเล่า ว่างๆผมจะเล่าต่อ ) แบบหมูไป ไก่มา เอาพวกเทวดา ฝ่ายสัมมาทิฐิ และ เป็นพุทธดีกว่าครับ พวกผี น่ะบางทีเป็น แขก เป็น คนในสมัยเก่าโบราณ นับถือไม่เหมือนกัน เอามาอยู่ด้วยกัน มันจะตีกันน่ะครับเพราะพูดไม่รู้เรื่อง...แบบที่เขาเรียกว่าอาคมขัดกันน่ะครับ

เดี๋ยวจะมีเด็ดๆให้ชม แต่พระของหลวงปู่ยังไม่หมดเลยน่ะครับ ยังมีอีกเพียบ [/QUOTE]

********************************************​

​

กุมารทอง มั่งมีศรีสุข (พี่จุกใหญ่) คุณพี เสาวภา นำมาเยี่ยมบ้านเหรียญบิน คราวน้ำท่วมปี ๒๕๕๔ ขออนุญาตยกมาค่ะ

 

พระศรีวิไล สมเด็จพระศรีอาริยะเมตไตรย สมเด็จองค์ปฐม ​

 

********************************************​

​

กุมารทอง มั่งมีศรีสุข (พี่จุกใหญ่) คุณพี เสาวภา นำมาเยี่ยมบ้านเหรียญบิน คราวน้ำท่วมปี ๒๕๕๔ ขออนุญาตยกมาค่ะ[/QUOTE]

ผมยังไม่ได้เขียน เรื่อง หลวงตาเล็กเข้าไปอย่างที่อยากเขียน

แต่มีคนส่งข้อมูลมาให้ดูเรื่อยๆ เจตนาจะทิ้งระยะยาวๆ ไปเพราะไม่อยากยุ่งเรื่องค้าขาย จะเข้าทางเขา

คนที่เขียนเรื่อง หลวงตาเล้ก แบบ เก็บข้อมูล และ วัตถุมงคล คือ พี เสาวภา เจ้าเก่า และ ไม่มีขาย

ถ้ามีขาย ก็ว่ากันไปน่ะครับ

ที่ว่าผมรู้จริงหรือ ไม่จริง เลยต้องเอาซ่ะหน่อยเป็นระยะ

 

พระกริ่งแพโบสถ์น้ำ ช่อแรก







ในเรื่องผมเขียนว่า เมื่อหลวงตา หยอดทองเสร็จในเบ้าพระกริ่ง พระชัยฯ ตามคำแนะนำ อาจารย์อันนต์ เมื่อทองละลายซ่านดีแล้ว ช่างก็ตักทองในเบ้าพระกริ่งเอาไปเทเบ้าพระประธานทุกเบ้า

ที่เหลือ ช่างพระกริ่งก็เทไป ช่างพระประธานและพระบูชาก็เทไป ส่วนของทองคำ ก็ กระจายไปแต่ล่ะเบ้าในสัดส่วนที่ไม่มีใครทราบ แต่น่าจะลงไปที่พระประธานเยอะกว่าตามเจตนา เพราะช่างตักตรงที่ทองละลาย

ในด้านพระกริ่งคนมุงกันหน่อย เพราะสนุกกว่า หลวงตาจับสายสิญญ์ กำหนดไปตลอด ทั้งพระประธาน พระบูชา พระรกิ่ง พระชัยฯ พอช่างเท พระชัยฯ และ พระกริ่งช่อแรกเสร็จสักแบบ

การเท เทแบบเป้า ปูน และ เทแบบเหวี่ยงน่ะครับมีเครื่องเหวี่ยงมาเสร็จ

อาจารย์อนันต์ก็สั่งทุบดู พอทุบเสร็จ ช่างเอาล้างน้ำ เอาแปรงขัด ทองสุกปลั่ง ผมให้อาจารย์อนันต์ไปตอนนั้น ๑ องค์ และ พระกริ่งเบ้าแรกอีก ๑ องค์ (ให้ทีหลัง) และ ผมรีบเก็บใส่กระเป๋า สะพาย เพราะากำลังชุลมุนไม่รู้ใครเป็นใคร

พระกริ่งที่เทเป็นช่อสำหรับ ตัด จำหน่ายจะไม่เทเป็นช่อๆ แบบที่เขาเท เพราะ ตัดชนวนง่าย พระกริ่งจะมีแค่ประมาณ ๕ หรือ ๖ องค์ อยู่ที่ผม น่ะ สามองค์ อีกสองหรือ สาม ถ้าจำไม่ผิด ให้ อาจารย์อนันต์ ถวายหลวงตา ไส้ดูเล่น ไม่ทราบหายไปไหน และ อีกคนผมจำไม่ได้ แต่ต้องเป็นคนที่มาช่วยงานกัน

พระช่อแรก ที่แจก ไม่ไ่ด้เอาเข้ามาเสกด้วยอีก นอกจากอยุ่ที่ผม ผมเอาเสกร่วมกับพระ กริ่งพระชัยฯ ตามเจตนาทุกครั้ง

จากรูป จะเห้นว่าพระรกิ่งช้อแรก ไม่ได้กลับไปหาช่าง ผิวยังปลั่ง เพราะแก่ทอง ไม่กลับดำ สีจะแนว ทองเหลืองแก่เงิน เหมือนอัลปาก้า ไม่กลับดำ

พระกริ่งทุกชุด เนื้อจะเป็นทองเหลืองกุญแจ yale เป็นหลัก เป้นกุญเเจที่ชำรุด ช่างไปซื้อมา เป็นทองนอกอย่างดี และ ไม่กลับดำ ที่ดำ เพราะ ช่างเขาชุบน้ำยาครับ อาจจะมีบางองค์ที่กลับ เพราะมีส่วนผสมของสัมริด ที่แก่ ทองแดง เงิน และ ทองคำ แต่เท่าที่ผมมี เนื้อจะไม่กลับดำ นอกจากชุบน้ำยาของช่างมา พระรกริ่งวัดสุทัศน์ สมเด็จพระสังฆราชแพ ท่านก็มสูตรลับน้ำยาของท่าน ที่เอาทาาแช่พระกริ่งเพื่อรักาาผิว และ ผิวจะกลับดำ เพราะพระกริ่งบางรุ่น เนื้อจะออกเหลืองไม่ออกแดง ถ้าแดง จะกลับดำได้ง่ายกว่า

ตกลง พระกริ่ง พระชัยฯ ช่อแรก มีที่ผมเท่านั้น ที่เห็นในรูป จะเห็น พระกริ่งสององค์ ฐานพระกริ่งติดนิดเดียวผมเลยเอาไปหล่อ พระกริ่งวิสาขาห์ ส่วนพระชัย ยังติดเป็นช่อส่วนใหญ่ ช่อแบบนี้เป็นช่อที่เท แล้วจะตัด เพราะก้านเล็ก พระผิวเดิมๆ ยังใสปิ้ง

เจตนา จะเก็บ เอาไว้ ทำบุญในโอกาส ที่จะสร้างแพฯในวันข้างหน้า แต่เมื่อหยุดสร้างแพฯ และ เป็นของสำคัญผมก็เก็บ ไว้

แต่ที่ต้องเอามาเขียน ต้องกันว่าคนมาตู่ว่าเป็นช่อแรกในฤกษ์ คนเอามาเขียนก็เขียนมั่วนั่งเทียนไป เทในฤกษ์ ตามสมัยนิยม ผมรู้ว่าในฤกษ์ สำคัญมา สิบกว่าปีแล้ว จึงเก็บพระในฤกษ์ นี้เป็นอย่างดี เพราะหลวงตาเทให้กับมือครับ

ยังมีต่อน่ะครับ

 

วันนี้เอาเท่านี้ก่อนน่ะครับ ต่อไปจะเปิดเผยที่เทเป็นช่อแบบตั้งได้ และ พระกริ่งกรรมการครับ

 

พระเดชพระคุณ พระครูบุญศรี อินทวัณโณ พิธีเททองพระชุดแพโบสถ์น้ำ
๒๒ มีนาคม ๒๕๔๑ วัดใหม่ศรีสุทธาวาส คุ้งมัทรี พยุหะคีรี นครสวรรค์

​