เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ของดีมาแล้ว กราบขอบคุณครับ ยังไม่ได้แกะน่ะครับ แต่ห่อดูเรียบร้อยดี

จะเอารวมกับผง ดีๆที่ผมมี และ ชันโรง งานนี้ดีแน่ครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงตาเล็ก หลวงพ่อทรง หลวงพ่ออั๊บ ค่ะ​

 

พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อทรง โดย คุณพี เสาวภา
ขออนุญาตยกมาจากห้องประมูลทำบุญค่ะ

 

quote=พี เสาวภา;1498254

ผมได้รับคำเสนอจากแฟนพันธ์แท้ท่านหนึ่ง ขอให้เอาพิมพ์รูปเหมือนหลวงพ่อที่ผมมีมาลง ผมลองมองๆดูในกล่องของผม น่าจะมีหลายเนื้อ เอามาลงก็ได้ครับ เผื่อท่านไปเจอกัน

อย่างที่เคยเล่า ว่าพระพิมพ์นี้เป็นพิมพ์แรกที่วัด สร้าง มีเนื้อหลายครก ( หลายโม่ หลายเนื้อมาก ) แต่พิมพ์เดียวทำให้การเล่นหาจบ ใครไปเจอเนื้อแปลก ถ้าพิมพ์ใช่ก็ใช่น่ะครับ เพราะก่อนหลวงพ่อจะละสังขาร ระยะหนึ่ง ก็ไม่ได้มีการพิมพ์พระนี้ออกมาแล้วครับ เพราะพิมพ์ไปเยอะน่าจะหลายหมื่นองค์ พิมพ์มาเป็นปีๆ แม้ว่าข้างหลังจะเขียนว่า ๘๒ ปี ๑๑ ก.ค. ๒๕๔๘ แต่ก็มีการพิมพ์พระมาก่อนหน้านั้น และหลังนั้น เป็นปีๆ พิมพ์ออกมาเรื่อยๆ หลวงพ่อท่านก็เสกไป แจกไป ที่ทำมาใหม่ก็เอาใส่ลังไปไว้ในหอสวดมนต์ เสกไป แจกไปเรื่อยๆ

ผมคงมีแค่ส่วนหนึ่ง เพราะทำกันหลายท่าน เช่นหลวงพ่อเอง พระสมชาย พระวิโรจน์ ศูนย์ใหญ๋ก็มาพิมพ์ให้ที่วัด พระที่วัดตอนเข้าพรรษา ฆราวาสที่มาช่วย ผมเอง และนายหมี และอาจจะมีลูกศิษย์สายอื่นอีก แต่ที่ solo ฉายเดี่ยว พิมพ์พระมากที่สุด น่าจะเป็นพระสวัดดิ์ ทั้งเนื้อหา และจำนวน

พระสวัสดิ์ เป็นคนทำอะไรแปลกๆ จึงจะเห็นพระเนื้อแปลกๆ พิมพ์แปลกๆ เยอะมาก


เปิดดูไฟล์ 399959 เปิดดูไฟล์ 399960 เปิดดูไฟล์ 399961

เนื้อชันเพชร

เนื่องจากเป็นพิมพ์แรกขนาด กว้างยาวจะมาตรฐานเพราะเป็นแม่พิมพ์เหล็ก ยกเว้นเนื้อจะหดตัวต่างกัน และหนาก่อนมาตรฐาน ( มาตรฐาน ๐.๕๕ - ๐.๖ ซ.ม. ) แม้อาจจะหดตัวไปบ้าง แต่ผงชันเพชรน่ะอายุเป็นสองร้อยกว่าปีแล้ว เลยหดไม่มาก

มีขนาดประมาณ กว้าง ๒.๗ ซ.ม. ยาว ๔.๑๕ ซ.ม. หนา ๐.๘ ซ.ม. ความหนานี้จะเป็นก่อนมาตรฐานไประยะใหญ่ พิมพ์พระไปพอสมควร จนหลวงพ่อทักว่าหนาไป เลยลดแหวนลง ใครได้พระ หนาประมาณนี้บอกได้ว่าเฮง เพราะเป็นครกแรกๆ กำลังทดลองสูตร จะหนักผง อ่อนปูน ผงชันเพชรที่ผมได้มา ถวายหลวงพ่อไปขวดกาแฟใหญ่ ก็จะใส่ลงไปเยอะ พอลดความหนาลงจะพิมพ์พระไปเยอะมาก จะแยกยากแล้วว่าใครมาก่อนมาหลัง ยกเว้นมีพระจัมโบ้หนาของพระสวัสดิ์หนึ่งที่หนาปึ้ก ผมจะเอามาโชว์ต่อไป

ต้องเริ่มที่เนื้อนี้ก่อน เพราะเปิดพิมพ์ ผมลองพิมพ์เองที่บ้านหลังไปรับแท่นพิมพ์มา จำนวน ๑๐ องค์ เป็นเนื้อผงล้วนๆ ที่ได้มาจากอาจารย์อนันต์ (บอกมากกว่านี้ไม่ได้ ต้องสืบเอาเอง ) ผงดินสอพอง ผงแป้งเสก เส้นเกศา( ด้วย ) ของหลวงปู่บุญศรี เผอิญ ผมมีเส้นเกศา และเล็บมือหลวงพ่อ ผมเลยฝังไปหมดเอาเก็บไว้ที่องค์พระดีกว่า

พระชุดนี้นำไปให้หลวงพ่อท่านดู พร้อมตะโพนงา ตะโพนทองเหลืองรุ่นแรก พระผงรูปเหมือนเนื้อดินสอพอง ( จะเล่าต่อไป ) มีดสาริกา ฝากท่านไว้หนึ่งพรรษา ปี ๔๘ พอออกพรรษาท่านจึงถามว่าจะเอาคืนหรือยัง ผมกราบเรียนท่านว่า แล้วแต่หลวงพ่อ ท่านจึงลุกไปหยิบเอามาคืนให้ แต่ท่านบอกว่าเนื้อไม่แกร่ง จะเอาแบบแกร่งๆ

ชุดนี้จึงเป็นรุ่นแรก ชุดแรกจริงๆ และคงเสกนานที่สุดกว่าทุกชุด ยกเว้นของในลังที่ทิ้งไว้ในหอสวดมนต์ เพราะทิ้งไว้หลายเดือน เสกหลายที แต่แยกยาก เพราะจำกันไม่ได้ ( ส่วนผงน่ะ เสกมาหลายเป็นร้อยๆครั้ง ทั้งผงอาจารย์อนันต์ และของผม )

ส่วนความหนา ๐.๘ ซ.ม. แต่เป็นความหนาที่มากับแม่พิมพ์ในตอนแรก พระที่พิมพ์หนาแบบนี้ จะเป็นพิมพ์แรก ซึ่งหลังๆ หลวงพ่อว่าหนาไป เลยลดมาบางขึ้น ความหนาอาจจะหนาบาง กว่ากันนิด เพราะผงหดตัวไม่เท่ากัน แต่จะประมาณนี้แหละครับ



เปิดดูไฟล์ 399962
รูปเล็บมือท่าน /quote

****************************************************************************************

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อทรง โดย คุณพี เสาวภา ขออนุญาตยกมาจากหน้า ๕๓ ค่ะ

 

สวัสดีครับลุงพี

วันนี้ผมได้ส่งผงพุทธคุณบูรพาจารย์วัดพลับไปให้ ลุงพี ทางไปรษณีย์(EMS)แล้วนะครับน่าจะไปถึงบ้านลุงพี พรุ่งนี้บ่ายๆหรือช่วงเย็นครับ

ปล. ผมหาวิธีส่งมวลสารได้แล้วครับ^^

 

สวัสดีครับพี่เมตตาสติ

บังเอิญผมหาวิธีส่งมวลสารแบบปลอดภัยได้เลยได้ส่งผงพุทธคุณบูรพาจารย์วัดพลับไปให้ ลุงพี เสวภา ทางไปรษณีย์(EMS)แล้วนะครับ

ขอบพระคุณที่กรุณานะครับ คราวหน้าหากมีโอกาสน่าจะได้ร่วมงานกันครับ^^

 

***ถึงเร็วจัง ครับ ดีใจจัง ในที่สุดก็ได้ร่วมสร้างบารมี กับ ท่าน อ.พี อ..ช้าง ท่านเมตตา และ ชาวหมู่บ้าน เหรียญบินและ แพโบสถ์น้ำแล้ว สาธุ***

 

***กราบ อนุโมทนาบุญด้วยครับ ท่าน ma....***

 

updateการซ่อมหลังคาอาคารกรรมฐานคณะ ๕ วัดราชสิทธารามครับ

updateการซ่อมหลังคาอาคารกรรมฐานคณะ ๕ วัดราชสิทธารามครับ
ด้านล่างจะมีภาพและคำบรรยาย ให้ญาติธรรมคณะบ้านเหรียญบิน-แพโบสถ์น้ำ
อนุโมทนาชุ่มชื่นหัวใจมีปีติในบุญร่วมกันครับ

ตอนนี้งานซ่อมหลังคาอาคารกรรมฐานไปได้ประมาณ90% แล้วนะครับ
จะทยอยลงภาพเรื่อยๆครับ


ภาพชุดแรกเป็นวัสดุอุปกรณ์บางส่วนครับ


















ภาพชุดที่สองเป็นรูปชุดที่ถ่ายตอนช่างทำงาน และอุปกรณ์ที่ช่างใช้ครับ

















ภาพชุดสุดท้ายเป็น ชุดภาพทั่วไปในขณะมีการซ่อมแซมหลังคาอาคารกรรมฐานครับ

 

ภาพชุดที่สองในความคืบหน้าการซ่อมหลังคาอาคารกรรมฐานคณะ ๕ วัดราชสิทธารามครับ

ภาพชุดที่สองในความคืบหน้าการซ่อมหลังคาอาคารกรรมฐานคณะ ๕ วัดราชสิทธารามครับ

ชุดที่สองนี้จะแสดงภาพส่วนหลังคาด้านหน้า ด้านหลัง ด้านปีกซ้ายที่ซ่อมเสร็จแล้ว ขอญาติธรรมบ้านเหรียญบินอนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ

เริ่มเลยนะครับ (ภาพอาจจะเยอะหน่อยนะครับ เพราะการซ่อมแซมครั้งนี้กินพื้นที่อาคารกรรมฐานคณะ ๕ ทั้งหลังเลยครับ)


ส่วนด้านหน้าตรงรูปหล่อสมเด็จสุก ไก่เถื่อนจากเดิมเขียวๆ





เปลี่ยนเป็น หลังคาmetal sheet อย่างดีแล้วครับรวมถึงส่วนขยายด้านข้างด้วยครับ








======================================================


จากนี้ผมจะนำทุกท่านชมหลังคาmetal sheetที่เปลี่ยนใหม่ด้านหน้าคณะนะครับทนแดดทนฝนได้เป็นอย่างดีครับ


เริ่มที่ทางเข้าด้านหน้าครับ






อีกฝั่งนึงของด้านหน้ามีรูปหล่อ พระอุปคุต พระมหากัจจายนะ และหลวงปู่ด้วงด้วยครับ



====================================================

เอาล่ะครับตอนนี้ผมจะนำทุกท่านเข้าส่วนกลางคณะ๕นะครับ


ภาพมุมกว้างของโถงกลางที่ซ่อมหลังคาเสร็จแล้วครับ




หลังคาหน้าห้องกรรมฐานเล็กครับ



====================================================
ด้านหลังคณะ๕ จากที่รื้อโล่งๆเอาไว้






ด้านหลังคณะ๕ จากที่รื้อโล่งๆตอนนี้ติดเป็นหลังคาmetal sheet อย่างดีเช่นกันครับ





====================================================


สุดท้ายคือหลังคณะครับภาพหลังคาปีกเยื้องไปทางซ้ายและขวาที่ซ่อมเสร็จแล้วครับ









metal sheet ทั้งแผ่นใหม่เอี่ยมครับ


ขอญาติธรรมบ้านเหรียญบินแพโบสถ์น้ำอนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ รับบุญซ่อมหลังคาอาคารกรรมฐาน อันเป็นบุญวิหารทานกันไปแบบเต็มๆเลยครับ

อานิสงส์ในการซ่อมหลังคาอาคารกรรมฐานครั้งนี้เป็นวิหารทาน องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสโดยรวบใจความได้ว่า
การถวายวิหารทานมีอานิสงส์มาก
"แม้ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าถวายสังฆทานครั้งเดียว"
"แม้การถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าการถวาย "วิหารทาน" ครั้งเดียว"

 

ขอญาติธรรมบ้านเหรียญบินแพโบสถ์น้ำอนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ รับบุญซ่อมหลังคาอาคารกรรมฐาน อันเป็นบุญวิหารทานกันไปแบบเต็มๆเลยครับ

อานิสงส์ในการซ่อมหลังคาอาคารกรรมฐานครั้งนี้เป็นวิหารทาน องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสโดยรวบใจความได้ว่า
การถวายวิหารทานมีอานิสงส์มาก
"แม้ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าถวายสังฆทานครั้งเดียว"
"แม้การถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าการถวาย "วิหารทาน" ครั้งเดียว"

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง หลวงปู่บุญศรีครับ

 

คุณน้อง mature_na เป็นสะพานบุญได้ดีมาก ติดตามงาน บรรยายด้วยคำ และ บรรยายด้วยภาพ เหมือนนักข่าว คม ชัด ลึก ทำด้วยจิต วิญญาณ เห็นได้ด้วยตาเปล่า

ท่านมีกำลังใจ ..บุญมากกว่าพวกผม......ที่ช่วยออกเงินซ่ะอีกน่ะครับ

กราบ โมทนาใน กำลังใจของท่านครับ

 

ยังไม่สำเร็จกิจครับ ...แจกพี่น้องได้ครบก่อนครับ...เหอๆๆ

เขาถึงว่าบุญ ทาน จริงๆทำยาก กว่าจะได้ แต่มันได้ที่ใจมาก่อน อันนี้สำคัญ

ทำบาปง่ายนิดเดียว ทำเดี๋ยวนี้ยังได้

แต่ทำบุญ ต้องใช้ใจ มาก่อน ขันติไปเรื่อยๆครับ....ขันติ ๆ ๆ หลวงตาสอนมาครับ

 

เป็นพิมพ์พระผงแรกที่ผมถวายหลวงพ่อเลยครับ

หลังจากนั้นตามมาอีกหลายรายการ เจตนาผมแจกฟรีอย่างเดียว แต่มีบางอย่างทางวัดเอาไปออกทำบุญ มันส์มาก สมัยหลวงพ่อยังอยู่ ผมมาเจอท่านช้าไป สักสิบปี ครับ มีรอยต่อหลังจากหลวงตาเล็กล่ะสังขารไปหลายปีทีเดียว

 

จะแนะนำ พระองค์หนึ่งให้ท่านทราบน่ะครับ แค่ทราบผมก็ไม่รู้จักท่าน เพราะเก่ามาก เก่ากว่า หลวงปู่ปานซ่ะอีก น่าจะเป็นพระยุคเดียวกับ หลวงปู่เอี่ยมวัดหน้าต่างนอก ยุคหลังๆกรุงแตกมา แถวๆนั้นครับ

หลวงปู่คล้าย วัดบางนมโค

"ในสมัยที่อาตมา (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) อยู่กับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ปีนั้นจำได้ว่าเป็นปี พ.ศ. ๒๔๘๐ หลวงพ่อปานไม่อยู่ อาตมาเป็นนักค้นแล้วก็คว้าด้วย ท่านวางอะไรไว้ที่ไหนไม่มีใครเขากล้าหยิบ แต่อาตมาคนเดียวกล้าหยิบ สันดานมันเลว เป็นลิงนี่จะให้มันเรียบร้อยได้อย่างไร ค้นไปค้นมาในกุฏิหลวงพ่อปานแล้วก็พบสมุดข่อย เป็นคำพยากรณ์ของพระอรหันต์สมัยกรุงศรีอยุธยา พยากรณ์ไว้ตั้งแต่กรุงเทพยังไม่ปรากฏ แต่สมุดข่อยนั้นเก่า ขาดกระรุ่งกระริ่ง ข้อความก็ขาด จึงไปกราบเรียนามหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานท่านก็บอกว่า เดิมหนังสือเล่มนี้เป็นสมบัติของหลวงปู่คล้าย แต่ทว่ามันเก่าเต็มทีก็เลยจ้างเขาเขียนไว้ในสมุดข่อย อีกเล่มหนึ่ง แล้วหลวงพ่อปานก็สั่งให้ไปหยิบหนังสือเล่มนั้นจากกุฏ ิของท่านซึ่งซุกไว้ใต้ตู้นาฬิกา เอาผ้าสีแดงห่อไว้อย่างดีเหมือนกับจะเตรียมไว้ให้เจ้ าลิงอ่าน เมื่อเปิดผ้าออกดูแล้วปรากฎว่าหนังสือเล่มนั้นดูราวก ับว่าจะมีอายุสัก ๓๐ ปีเศษ ๆ ตัวหนังสืออ่านง่าย เป็นคำทำนายของหลวงพ่อใย ซึ่งเป็นพระอรหันต์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้พยากรณ์กรุงเทพมหานครซึ่งจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า และกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินของกรุงเทพมหานครไว้ด้วยดั งนี้

๑.มหากาฬผ่านมหายักษ์ ๒.รู้จักธรรม ๓.จำต้องคิด ๔.สนิทธรรม ๕.จำแขนขาด ๖.ราษฏร์ราชาโจร ๗.นั่งทนทุกข์ ๘.ยุคทมิฬ ๙.ถิ่นกาขาว ๑๐.ชาววิไล

รัชกาลที่ ๑ มหากาฬผ่านมหายักษ์ หมายถึง สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกผ่านพระเจ้าตากสินไม่ใช่ฆ ่า ตามประวัติศาสตร์บอกว่า พระเจ้าตากสินถูกรัชกาลที่ ๑ สั่งปลงพระชนม์ โดยใส่กระสอบแล้วเอาท่อนจันทน์ทุบให้ตายนั้น อันนี้อาตมาเห็นทีจะต้องยอมรับ อาตมานะรับรองว่าคำสั่งก็ต้องเป็นคำสั่งจริง ๆ ประหารก็ต้องประหารจริง ๆ แต่ว่าคนที่ตายนั้นไม่ใช่พระเจ้าตากสิน เป็นคนอื่นเขาตายแทน แล้วพระเจ้าตากสินไปทางไหน ทำไมจึงต้องทำกันอย่างนั้น นี่เป็นเรื่องของการเมือง พระเจ้าตากสินทรงกู้ชาติสมัยที่กรุงศรีอยุธยาแตกในคร าวนั้นได้ตีฟันฝ่าข้าศึกออกมา จะเอาเงินที่ไหนออกมาแล้วในระหว่างกู้ชาติ จะเอาเงินทองที่ไหนมา การบริหารประเทศต้องใช้เงิน นั่งคิดดูซิความลำบากของพระเจ้าตากสินมีเพียงใด

เรื่องนี้มันต้องมีการกู้การยืมกัน อาตมาพูดเท่านี้แหละ แต่ขอยืนยันว่าพระเจ้าตากสินไม่ได้ตาย ขอให้นักประวัติศาสตร์สืบค้นกันให้ดี แล้วจะพบจุดสำคัญของประวัติศาสตร์ จะหาว่าพระราชวงศ์จักรีเป็นกบฏต่อพระเจ้าตากสินแล้วข ึ้นเถลิงราชย์ไม่ได้ เพราะเป็นพระราชประสงค์ของพระเจ้าตากสินเอง เพื่อหวังจะให้ชาติไทยอยู่รอด ทรงความเป็นชาติไทยต่อไป และเพราะอะไรพระองค์จึงไม่ทรงสละราชสมบัติเฉย ๆ นั่นเป็นเรื่องของการเมือง ทำไม่ได้ พระเจ้าตากสินมหาราชไม่ใช่เป็นกษัตริย์ที่มีความโง่ไ ม่รู้เท่าทันคน ถ้าพระองค์มีความโง่ไม่รู้เท่าทันคนแล้ว จะทรงกู้ชาติได้อย่างไรภายในปีเดียว ขอให้ท่านพุทธบริษัททั้งหลายช่วยกันพิจารณาด้วยปัญญา ที่แท้จริง เอาระบบการเมืองเข้ามาเทียบเคียงกับความจริง แล้วจะทราบความจริงต่อไปในวันข้างหน้า เอากันแค่นี้ก็พอ

รัชกาลที่ ๒ รู้จักธรรม ให้พระสงฆ์ทั้งหลายค้นคว้าพระธรรมวินัยกันใหญ่ รัชกาลที่ ๓จำต้องคิด พระองค์ทรงคิดหนัก ก่อนจะสวรรคตทรงมีลายพระหัตถ์ ถึงรัชกาลที่ ๔ ว่า ถ้าฉันตาย ฉันไม่ตั้งรัชทายาท เมื่อฉันตายแล้วลูกของฉันถ้าไม่ให้รับราชการ ก็ให้ลงโทษเพียงแค่เนรเทศ อย่าให้ถึง กับต้องฆ่าแกงกันเลย รัชกาลที่ ๔ สนิทธรรม ทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษาและทรงเชี่ยวชาญด้านธรรมะ รัชกาลที่ ๕ จำแขนขาด เสียดินแดนให้แก่พวกฝรั่งเศสและอังกฤษ

รัชกาลที่ ๖ ราษฏรราชาโจร ชาวบ้านหาว่าพระองค์เป็นโจร เอาเงินในท้องพระคลังไปใช้เสียหมด (สร้างเมืองจำลอง ดุสิตธานี, สร้างพระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม) ความจริงพระองค์ทำเช่นนั้น เพราะต้องการให้คนไทยรู้จักคำว่าประชาธิปไตย โดยพระองค์ท่านทำทุกอย่างเพื่อให้คนทั้งหลายเห็นว่าก ษัตริย์ไม่ได้ทรงถือพระองค์เล่นโขนเล่นละครกับคนทั่ว ไปก็ได้ รัชกาลที่ ๗ นั่งทนทุกข์ ทรงเถลิงราชสมบัติในช่วงของเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ต้องให้ข้าราชการออก เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทรงสละราชสมบัติ รัชกาลที่ ๘ ยุคทมิฬ เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง และพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ รัชกาลที่ ๙ ถิ่นกาขาว คนไทยเห่อตามพวกฝรั่ง ทั้งแฟชั่น เครื่องแต่งกายเพลงร้อง อะไร ๆ ก็ฝรั่งทั้งนั้น ถึงจะดี รัชกาลที่ ๑๐ ชาววิไล คือยุคที่บ้านเมืองของไทยเจริญรุ่งเรืองอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้เหตุการณ์ยังมาไม่ถึง

"ในราวปลายรัชกาลที่ ๙ หรือรัชกาลที่ ๑๐ นี้ ประเทศไทยจะขุดพบแร่สำคัญชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกำลังคล้ายแร่ยูเรเนียมแต่ทว่ามีกำลังสูงกว่า ถ้าใช้ทางด้านสันติจะมีความเย็นสามารถเผาโรคได้ด้วยอ ำนาจของความเย็น ถ้าใช้ทางด้านพลังงาน ก็จะมีพลังงานสูงมาก ถ้าใช้ฆ่าฟันกันก็จะมีพลังงานมากยิ่งกว่าแร่ที่เขาใช ้กันในปัจจุบัน เวลานี้ขุดมาได้ก็เหนื่อยเปล่า ๆ ไม่มีประโยชน์ ถึงเวลามันจะปรากฎเอง และเมืองไทยจะมีทรัพยากรต่าง ๆ ปรากฎขึ้นมาอีกมากมาย เริ่มตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นไป และจะค่อยๆ มีมากขึ้นอย่างเต็มที่ เมื่อกลางสมัยรัชกาลที่ ๑๐ ต่อไป ประเทศไทยจะมีความมั่งคั่งสมบูรณ์ ประเทศชาติจะร่ำรวยมาก "

น้ำท่วมมากเข้า แร่เหล่านี้คงจะโผล่สักวัน...แหะๆ

ส่วนหลวงปู่ คล้าย แน่ะนำให้รู้จักเฉยๆ อย่าไปสืบหาประัติเลย ผมลองมาแล้ว ท่านเก่ามาก หายาก ทำกรรมฐาน ทำบุญ กรวดน้ำก็ระลึกถึงท่านบ้าง ของดีที่คนไม่ค่อยทราบครับ เหมือนหลวงปู่เอี่ยม วัดหน้าต่างนอก

 

หลวงพ่อ จง อาจารย์ อีกองค์ของหลวงพ่อวัดท่าซุง

เรื่องนี้บันทึกไว้โดย หลวงพ่อวัดท่าซุง

เรื่องราวความมหัศจรรย์ของหลวงพ่อจงที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังต่อไปนี้ บันทึกโดยพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ความว่า...

เมื่อหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคได้มรณภาพไปแล้ว หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็แวะมาวัดของหลวงพ่อจงบ่อยขึ้น วันหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังนั่งคุยอยู่กับหลวงพ่อจง ก็พอดีภรรยาของกำนันมากได้มากราบหลวงพ่อจงเพื่อถามถึงสามีของเธอที่ไปธุระทางเมืองเหนือ แล้วก็เงียบหายไปทั้ง ๆ ที่ควรจะกลับถึงบ้านหลายวันแล้ว เธอเกรงว่าอาจจะเกิดอันตราย


พระอธิการจง พุทฺธสโร
วัดหน้าต่างนอก จ. พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อจงฟังแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบหนังสือตำราพรหมชาติขึ้นมา เปิดปุ๊บก็อ่านปั๊บ ท่านอ่านว่า สิทธิการิยะ เวลานี้ชาวบ้านเขามาขอดูกำนันมาก ว่าเดินทางไปทำไมจึงยังไม่กลับ แต่วันนี้เป็นวันศุกร์ เป็นมหาฤกษ์ ตามตำราท่านทายว่า เวลานี้กำนันมากเอาเรือมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว แล้วท่านก็วางหนังสือลง บอกว่า นี่ ตำราเขาบอกว่ากำนันมากน่ะ เอาเรือมาจอดอยู่ที่บ้านแล้วนะ ลองไปดูสิว่าตำราเขาพูดไว้ถูกหรือผิดประการใด

เมื่อภรรยาของกำนันมากลาไปแล้ว หลวงพ่อฤาษีลิงดำก็หยิบหนังสือขึ้นมาดู เพราะแปลกใจว่าตำราที่ไหนจะรู้มากขนาดบอกได้ว่ากำนันมากเอาเรือมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว ปรากฏว่าไม่มีในตำรา จึงกราบเรียนถามหลวงพ่อจงว่า ตำราเขาไม่ได้เขียนไว้อย่างนั้นนี่นา มันเป็นเรื่องอื่น หลวงพ่อจงท่านก็บอกว่าฉันเป็นคนแก่ สายตาไม่ค่อยดี ตามันเห็นอย่างไรก็อ่านไปอย่างนั้น

คุยกับท่านอยู่สักพักใหญ่ ลูกชายกำนันมากก็เข้ามากราบหลวงพ่อจง บอกว่าคุณพ่อกลับมาแล้วขอรับหลังจากคุณแม่มาหาหลวงพ่อประเดี๋ยวเดียวยังไม่ทันจะกลับ !!

 

เคยอ่านเจอในประวัติว่าหลวงปู่คล้ายท่านเสกผ้ากลายเป็นช้างแล้วให้หลวงพ่อปานขี่ และยังบอกว่าท่านสุ่น วัดบางปลาหมอเก่งกว่าท่านอีก

 

รูป ถ่าย เป็นของยืมมาจาก เว็บน่ะครับ ไม่ทราบเจ้าของ และมีของผมเอง เหรียญเลี่ยมปลาสติก

ยันต์ นะ หน้าทอง

ยันต์นี้ มีหลายชื่อน่ะครับ แต่ สำหรับ ยุคหลวงพ่อ จงเรียกกันว่า นะ หน้าทอง พุท ซ้อน บ้าง

เป็นยันต์ที่หลวงพ่อ จงใช้ลงมาตลอดชีวิตของท่านครับ

ถ้าลงเอง ท่านจะลงแค่ ตัว อัง หรือ นะ โม พุท ธา ยะ หรือ นะ มะ พะ ทะ ที่เคยเห็น ท่านเขียนด้วยดินสอน่ะครับ

แต่ถ้าลงเป็นยันต์ จะเป็น นะ หน้าทองตัวนี้ เพราะไม่ยากเกินไปสำหรับคนมีอายุ และ ท่านสำเร็จครับ

แต่ถ้าเป็นพวกผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ยันต์ตัวเดียวจะไม่พอ มันดูจ๋อยไป ลูกศิษย์ จะเอายันต์อื่นที่มันๆ มาลง ให้เต็ม ผืน หรือ สัก ส่วนมากจะเป็นสิงห์ ครับ ท่านมีชื่อเสียงทางสิงห์มาก หลวงพ่อ อั้บก็ไป เรียน วิชา สิงห์ ดอกบัว มาจากท่าน หลวงพ่ออั้บก็เป็นศิษย์ อีกท่านของหลวงพ่อ จงครับ