ในฐานะชาวพุทธ..ขอความเห็นด้วยค่ะ 2 เรื่อง ^^

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย สีลสิกขา, 7 กันยายน 2013.

  1. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    เรื่องแรกค่ะ

    การที่เราเจาะจงว่าต้องทำบุญทำสังฆทาน เฉพาะพระสุปฎิปันโณอย่างเดียวนั้น เป็นการยึดมั่นถือมั่นหรือไม่คะ ?? (ข้องใจมานานแล้วค่ะ..แม้จะทราบดีถึงอานิสงส์)



    เรื่องที่สองค่ะ

    วันนี้มีโอกาสได้ไปทำบุญไห้วพระหลายวัดค่ะ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยส่วนมากการเที่ยวชม พุทธสถาน หรือโบราณสถาน จะไม่เสียค่าธรรมเนียมการเข้าชม แต่การเสียค่าธรรมเนียมนั้นโดยส่วนมากก็ไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว เพราะอย่างไรเราก็ต้องทำนุบำรุงรักษามรดกของบ้านเมืองเราอยู่แล้วค่ะ ทีนี้ที่วัดมหาธาตุ ตามภาพค่ะ ก็มีความพิเศษหนะค่ะตามภาพ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้มีการเก็บค่าธรรมเนียม ตามนี้ค่ะ
    - คนไทย ๑๐ บาท เขียนแบบนี้เลยนะคะตัวเลขเป็นเลขไทยไม่ใช่เลขอารบิค
    - foreigner 50 บาท

    โดยส่วนมากที่มาเป็น group tour ก็จะมีชาวเกาหลี ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง เยอะค่ะ ส่วนนักท่องเที่ยงต่างชาติ(ฝรั่ง)ผมทองนั้น backpack เยอะค่ะ ทีนี้ช่วงกลับจากเข้าไปเที่ยวในวัดมหาธาตุแล้ว เดินผ่านที่ซื้อตั๋ว ก็มีชายหนุ่มฝรั่งท่านนึง ถามดิฉัน(ภาษาอังกฤษ) ว่า ดิฉันเป็นคนไทยหรือปล่าว ดิฉันก็พยักหน้าและก็ตอบว่าใช่ดิฉันเป็นคนไทย เขาก็ชี้ที่ป้ายว่าดิฉันน่ะเสียค่าธรรมเนียมเท่าไร ดิฉันก็พอคิดออกนะคะ เพราะเด๋วนี้ฝรั่งพัฒนาเยอะแล้วและตืดๆ ก็มีค่ะ แหม ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเที่ยวเมืองไทย แต่พอเก็บค่าธรรมเนียม 50 บาท เกิดอาการเสียดายซะอย่างนั้น ดิฉันก็พอเข้าใจ แต่ก็พูดออกไปว่า สำหรับคุณต้องจ่าย 50 บาท เขาถามดิฉันว่าแล้วคุณล่ะ ดิฉันก็บอก 10 บาท เชื่อไหมคะ เขาหัวเราะแล้วส่ายหัว ดิฉันก็คิดในใจ "อะไรเว้ มีัปัญหาอะไรหรือ" แล้วดิฉันก็เดินห่างออกมาแต่ไม่ไกลนักเพราะต้องรอ ญาติๆค่ะ แต่ดิฉันเห็นเขาเข้าไปที่ counter ขายตั๋วสักพักนึงค่ะเขามากับแฟนค่ะ ดิฉันก็มองดูว่าเขาจะซื้อตั๋วหรือว่าจะยังไง แล้วเขาก็เดินมาหาดิฉันอีก และถามดิฉันว่า ผมไม่เข้าใจทำไมต้องมีราคาที่แตกต่างกัน ดิฉันก็เฮ้ย... ฉันเป็นคนไทยนะยะ ก็ต้องได้รับสิทธิ์ตามพลเมืองไทยนะซี เขาก็บอกอีกนะคะว่า ไม่สมเหตุสมผลเลย ส่ายหัวลูกเดียวแบบประมาณว่ารับไม่ได้กับค่าธรรมเนียมอะไรประมาณนี้ค่ะ ดิฉันก็เลยถามว่าทำไมคุณคิดอย่างนั้น และคุณคิดยังไง เขาบอกว่า ถ้าไม่ฟรีก็ต้องเท่ากันกับคนไทย ดิฉันเลยบอกว่า เมื่อไรก็ตามที่คนไทยหรือแม้แต่ตัวฉันเอง ได้ไปเที่ยวยังบ้านเมืองของคุณ ดิฉันก็โดน charge เช่นเดียวกัน ที่สำคัญที่สถานที่นี้มีความมหัศจรรย์ ดิฉันก็นำรูปให้เขาดู ว่านี่หละคือสิ่งที่คุณต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่อเข้าชม เงินส่วนนี้เราต้องนำมาดูแลรักษา่ โบราณสถานแห่งนี้ให้อยู่ในสภาพเดิมมากที่สุด คุณพอจะเข้าใจหรือยัง.. เขาก็ส่ายหัวและไม่เข้าไปชมด้วยแหละค่ะ...ดิฉันเลยอยากจะถามพวกท่านที่เป็นเพื่อนชาวบอร์ดชาวพุทธ มีความเห็นกันอย่างไรบ้างและถ้าเจอฝรั่งมาถามแบบดิฉัน ท่านจะตอบว่าอย่างไรกันหรือคะ..??


    ด้วยจิตคารวะค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      135 KB
      เปิดดู:
      77
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.1 KB
      เปิดดู:
      61
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    อ้าวอ่านผิด ขอแก้ไขข้อความใหม่ในคำตอบแรกว่า ไม่ใช่การยึดมั่นอะไร และทำถูกแล้วที่คิดเช่นนั้น เฮ้อ! อ่านเร็วไปหน่อยขออภัย..อนุโมทนาครับ!!.

    พระนางมหาปชาบดีโคตรมี

    .......ครั้งหนึ่งพระนางมหาปชาบดีโคตรมีทรงถือผ้าคู่หนึ่งเข้าไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังที่ประทับ กราบทูลพระพุทธองค์ว่า

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผ้าใหม่คู่นี้ หม่อมฉันกรอด้ายทอเอง ตั้งใจนำมาถวายเฉพาะพระองค์ขอพระองค์จงโปรดอนุเคราะห์รับผ้าคู่นี้ด้วยเถิด"

    พระศาสดาได้สดับคำกราบทูลแล้ว ตรัสตอบว่า "ดูก่อนโคตมี พระนางจงถวายสงฆ์เถิดเมื่อถวายสงฆ์แล้ว จักเป็นการได้บูชาอาตมภาพและสงฆ์ด้วย"

    พระนางกราบทูลขอถวายเฉพาะพระองค์แม้ครั้งที่ ๒ และ แม้ครั้งที่ ๓ แต่พระพุทธองค์ก็ตรัสตอบเช่นเดิม เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ พระอานนท์จึงกราบทูลพระองค์ว่า

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์ทรงโปรดรับผ้าคู่ใหม่ของพระนางมหาปชาบดีโคตมีด้วยเถิด พระนางมีอุปการะมาก เป็นพระมาตุจฉาผู้ทรงบำรุงเลี้ยงประทานพระขีรรส (น้ำนม)แต่พระองค์ในเมื่อพระชนนีสวรรคตแล้ว และแม้พระองค์ก็ทรงมีอุปการะแก่พระนางเป็นอันมาก พระนางทรงอาศัยพระองค์จึงทรงเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะและทรงเว้นจากเวรทั้ง ๕ ได้ประกอบด้วยความเลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย และ
    ทรงประกอบด้วยอริยศีล ถึงที่สุดแห่งทุกข์ทั้งปวง"

    .......พระศาสดาทรงรับรองคำของพระอานนท์ และตรัสเช่นเดิม โดยทรงมุ่งให้พระนางได้บุญมาก ได้อานิสงส์มากๆ เพราะการถวายสังฆทานมีผลมากกว่าปาฎิปุคคลิกทานดังพระดำรัสว่า

    "ดูก่อนอานนท์ เราไม่กล่าวปาฎิปุคคลิกทานว่ามีผลมากกว่าสังฆทาน โดยปริยายใดๆ เลยสังฆทานเป็นประมุขของผู้หวังบุญ พระสงฆ์นั่นแหละเป็นประมุขของผู้บูชา และพระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า"

    ในข้อนี้เราจะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญจิตใจของผู้ให้โดยไม่เฉพาะเจาะจง(การให้สังฆทาน) เป็นสำคัญ เพราะการให้เช่นนี้แสดงถึงจิตใจที่มีกำลังมากมีเจตนากว้างขวาง เผื่อแผ่มาก ไม่เห็นแก่คนที่คุ้นเคยกัน มุ่งหวังเพื่อให้แก่หมู่คณะเป็นสำคัญ และจะเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตกาลข้างหน้า ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

    "เราไม่ดำรงอยู่นาน แต่ศาสนาของเราจักตั้งอยู่ด้วยพระภิกษุสงฆ์ ในภายภาคหน้าชนรุ่นหลัง จงเคารพยำเกรงในสงฆ์ ถ้าเป็นเช่นนี้ พระศาสนาจักตั้งอยู่ได้นาน"


    Reply : I am sorry for such unfair treatment. This practice is really shameful. If I visit interesting places in other countries and I am charged higher than local folks, I would also feel rather disappointed and angry. I do understand you but I cannot do anything as this measurement has been launched by easy thinkers in the involved authorities. ...

    จากนั้นยิ้มกว้างขวาง เดินจากไปอย่างสงบเสงี่ยม..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  3. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154
    แม้ไม่ถึงกับพระสุปฎิปันโณ..ขอให้ทราบเถอะว่าท่าน

    เป็นผู้ที่ตั้งใจในการศึกษาและปฏิบัติผมก็ยินดีที่จะถวาย

    เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาแล้วครับ..แต่ถ้ายิ่งได้ถวายกับพระ

    สุปฎิปันโณ..ก็ยิ่งดีครับ..ดินดีมีเกษตรกรที่ไหนไม่อยาก

    ลงเมล็ดพันธ์ในที่นั้นล่ะครับ.

    ส่วนเรื่องที่สอง จริงแล้วถ้าเป็นคนไทย

    ยิ่งไม่น่าเสียค่าเนียมด้วยซ้ำ เพราะเราเสียภาษีบำรุง

    ประเทศทุกเดือน..แต่ที่ให้เพราะเป็นค่า

    บำรุงสิ่งอำนวยความสะดวกของสถานที่ครับ.
     
  4. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ข้อแรก. นานาจิตตัง การถวายสังฆทานอยู่ที่จิตเราว่าเมื่อถวายแล้วก็แล้วไป จะถวายกับพระองค์ใดก็ตามแม้กับถวายให้พระพุทธเจ้าก็ไม่เท่าถวายให้หมู่สงฆ์
    ข้อสอง. เป็นธรรมดาที่ชาวต่างชาติย่อมสงสัยเพราะในต่างประเทศเกือบทั่วโลกเก็บค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในราคาเดียวไม่ว่าท่านจะเป็นพลเมืองของประเทศหรือไม่ก็ตาม ทำให้เกิดคำถามในกลุ่มคนที่มีงบประมาณจำกัดในการเงินและความคิดจึงต้องเกิดคำถามและความไม่ชอบขึ้น ข้อแนะนำเมื่อเจอคนกลุ่มนี้ถามก็ให้ทำใจเราให้รู้และอธิบายว่าประเทศเรามีงบประมาณไม่พอในการบำรุงดูแลรักษาจึงต้องนำส่วนที่ท่านเสียเป็นค่าผ่านประตูมาช่วยจ่าย ส่วนคนไทยเราก็เสียด้วยแต่จ่ายเป็นรูปภาษีไปแล้ว และเมื่อตอบไปแล้วเค้าจะแสดงอาการเช่นไรเป็นเรื่องของเค้า ส่วนเราก็ให้ยินดีในตัวเราต่อไปค่ะ
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    เป็นการยึดมั่นถือมั่นในพระสงฆ์ เป็น สังฆานุสติ เป็น สังฆบูชา ... เป็นสิ่งดีครับ

    ยึดไปเถิดครับ ถ้ายังปฏิบัติกรรมฐานไม่แข็งแรง


    อันที่จริงเขาเก็บ 50 บาทเท่าพวกYou นั้นแหละ

    แต่พวกเรามากันบ่อย ๆ ทางวัดเขาก็เลยลดราคาให้

    You มาบ่อยไหมแหละ ?


    ^^
     
  6. mamanalin

    mamanalin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +146
    ข้อแรก
    เขาเรียกเนื้อนาบุญ ใคร ๆ ก็อยากทำด้วยทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ต้องคิดมาก

    ข้อสอง
    ทุกท่านตอบดีแล้ว ดิฉันไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้
     
  7. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    Reply : I am sorry for such unfair treatment. This practice is really shameful. If I visit interesting places in other countries and I am charged higher than local folks, I would also feel rather disappointed and angry. I do understand you but I cannot do anything as this measurement has been launched by easy thinkers in the involved authorities. ...

    OH! ddman = Demigod
     
  8. Khathathong

    Khathathong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +472
    ในคำถามข้อแรก คุณสีลสิกขา มีความข้องใจเหมือนดิฉันเลย เคยคิดจะเข้ามาถามแต่ก็คิดว่าช่างเถิด ดิฉันย้ายมาอยู่ที่อยู่ ณ ปัจจุบันได้ประมาณหนึ่งปี ตอนมาอยู่ช่วงแรกๆ ก็อยากใส่บาตรเลยออกไปตลาดตอนเช้า ก็ถามแม่ค้าแถวๆนั้นว่ามีพระท่านบิณฑบาตรบ้างไหม แม่ค้าบอกว่ามีเดินตอนช่วงเช้าๆไม่กี่รูป แต่มีรูปหนึ่งท่านยืนอยู่ แม่ค้าบอกว่าท่านเพิ่งผ่าตัดช่วงขามา เราก็คิดว่าท่านคงจะเดินไม่ค่อยไหว ก็เลยรอยืนบิณฑบาตร เราก็ใส่บาตรไป แต่ครั้งหลังๆไปบางทีก็ได้ใส่บาตรกับองค์อื่นบ้าง ถ้าออกไปทัน แต่ทุกครั้งที่ไป ก็จะเห็นพระองค์ที่เคยเจ็บขา ท่านก็ยืนอยู่ที่เดิมเป็นประจำข้างๆร้านขายอาหาร ถามแม่ค้าทราบว่าท่านจะยืนหรือเดินอยู่แค่บริเวณตลาด ตั้งแต่เช้าจนถึงประมาณแปดโมง ท่านจึงไป ครั้งสุดท้ายที่ใส่บาตรให้พระองค์นี้ก็พยายามทำใจไม่ให้เป็นอกุศล คิดตอนใส่บาตรว่า เราถวายแด่พระพุทธเจ้า แต่ถ้าทันพระองค์อื่นเราก็เลือกที่จะใส่กับพระองค์อื่นนะค่ะ เวลายืนรอใส่บาตร มองจริยาท่านเวลาสวดให้กับฆารวาส สายตาท่าน ก็มองไปทางนั้นที ไปทางนี้ที พยายามควบคุม มโนกรรมของตัวเองอย่างหนัก ยังคิดในใจเลยว่าเราเลือกแบบนี้จะดีหรือเปล่า แบบกิเลศยังหนาอยู่

    ส่วนในเรื่องของการเสียสตางค์ค่าเข้าชมสถานที่นั้น ก็คงต้องบอกว่าเป็นไปตามค่าครองชีพหนะค่ะ จะให้คนไทยมาเสียเท่าๆกันก็ไม่ไหวรายได้หลักต่อชั่วโมงยังห่างกันมาก คุณเป็นนักท่องเที่ยวรายได้คุณมากกว่าบ้านเรา คิดเป็นเงินปอนด์ก็แค่ปอนด์นิดๆ คิดเป็นเงินดอลลาร์ก็ไม่ถึงสองดอลลาร์เลย เวลาเราคนไทยไปเที่ยวฝั่งเมืองยุโรปเรายังต้องเสียค่าชมสถานที่ หรืออะไรก็ตามแต่ ตามค่าเงินบ้านเค้าเลยค่ะ ถ้าพูดกันตามจริงถ้าเราไปเที่ยวบ้านเค้าเสียดุลเยอะเหมือนกันนะค่ะ ก็ไม่คิดว่าจะน่าคอมเพลนอะไร แต่อย่างว่าคนก็คือคน ย่อมมีคิดแตกต่างกันไป
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เคยเรียนกับอาจารย์ที่เป็นฝรั่งที่เมืองไทย เขาก็บอกว่า racist ประเทศไทยมีกฏหมายที่เขาเรียกว่า คือแบ่งแยกเชื้อชาติมากเสียยิ่งกว่า ประเทศทางยุโรปที่คุณได้วีซ่ายากเสียอีก

    เมืองไทยเข้าง่ายแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประชากรหรือได้บัตรประชาชนได้ ซื้อที่ดินก็เป็นเจ้าของไม่ได้


    มีการแบ่งแกราคาคนไทย คนต่างชาติ เพราะวัดเอามาตรฐานว่าต่างชาติเงินเยอะกว่าคนไทย


    เพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่างประเทศนั้น ต่อให้คุณจะเป็นพลเมือง มีบัตร ไม่มีบัตร เป็นต่างชาติหรือ คนท้องถิ่น ก็ราคาเท่ากันหมด นอกจากเด็กและนักเรียนจะถูกครึ่งราคา

    ดิฉันขำๆ คือ พี่สาวดิฉันแต่งงานกะคนญี่ปุ่น คุณพ่อคุณแม่เขาก็พาไปวัดโบราณอะไรที่มันต้องจ่ายเงิน แม่ก็ซื้อตั๋วคนไทยให้ แฟนของพี่สาว และบอกเขาว่า เข้าไปทำเงียบๆไม่ต้องพูด คนจะได้นึกว่าเป็นคนไทย พอดีสามีของพี่สาวเขาเป็นญี่ปุ่นอยู่ทางฮอกไกโด หน้าตาเค้าจะคมกว่าญี่ปุ่นทั่วไป ดูไปแล้วเขาคล้ายๆคนแสดงเป็นร้อยโทโตโมะในละคร 7ประจันบานตอนเย็นๆ เจ้าหน้าที่เลยนึกว่าเขาเป็นคนไทย ตอนทางตรวจตั๋ว


    ก็เป็นอันผ่านประตูไปได้เพราะเจ้าหน้าที่เข้าใจว่าคนญี่ปุ่นนั้นเป็นคนไทย แต่พอคราวดิฉันพาเพื่อนชายกับน้องสาวเขาทั้งคู่เป็นฝรั่งไปเที่ยวเมืองไทย คุณแม่ท่านบอกว่า ผมทอง สูงโย่ง อย่างนี้ต้องซื้อแต่ตั๋วต่างชาติอย่างเดียว ปลอมเข้าไปแบบคนญี่ปุ่นไม่ได้แน่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  10. Deep Blue

    Deep Blue เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +887
    ขอตอบเฉพาะข้อที่สองนะครับ

    บอกเขาไปว่า... คนไทยรายได้น้อย เดือนละแค่ไม่กี่พันบาท
    ต่างจากรายได้ต่อเดือนของพวกคุณ ซึ่งมากกว่าคนไทยหลายเท่าตัว
    บวกลบคูณหารออกมาแล้ว ค่าธรรมเนียม 50 บาท สำหรับชาวต่างชาติ ถือว่าน้อยมาก

    เพราะความจริงก็เป็นเช่นนั้น
     
  11. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ข้อแรก ผมว่ายึดมั่นนะ แต่ถ้าให้เลือกผมก็อยากทำกับพระอริยเจ้า อิอิ

    ข้อสอง เอ่อ ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันอ่าครับ --"
     
  12. Kosit`

    Kosit` Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +48
    ข้อสอง ก็เป็นกงกรรมกงเกวียนครับ มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ เราคิดเขาห้าสิบบาท
    เราก็ต้องรอรับผลกรรมเราเหมือนกัน เช่นเขาไม่พอใจอย่างหนึ่ง เราไปที่อื่นก็อาจโดนคิดแพงๆบ้าง
     
  13. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    โมทนาสาธุ..ขอบพระคุณมากนะคะในความคิดเห็น ชอบทุกความคิดเห็นเลยค่ะ แบบฮาฮาก็มี แบบเจ็บจิ๊ดจิ๊ดก็มี ^_^

    สำหรับเรื่องแรกนะคะ ถ้าเป็นไปได้และโอกาสอำนวยก็คงมุ่งเน้นที่จะทำบุญกับพระสงฆ์ที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ แต่บางครั้งเพื่อนชวนแต่เราเองไม่สะดวก เพื่อนก็จะแบบว่าพูดซะจนเสีย self ไปเลย เอ๊ะ ฉันไม่มีบุญหรือยังไง แต่พอดิฉันได้มาอ่าน ได้มาคิดดู ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา..เราก็เข้าใจถูกแล้ว แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ควรกดดันตนเองในเรื่องทำบุญจนเกินไป..ยังไงปีนี้ เราเองก็ได้ถวายผ้าไตรกับหลวงพ่อจรัญฯ ตั้งหลายหนแล้ว..

    ส่วนเรื่องที่สอง เวลาไปเที่ยวต่างประเทศโดยส่วนมากจะไปกับทัวร์ ซึ่งรวมค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่เที่ยวหมดแล้ว เลยไม่ทราบว่าเก็บเท่ากันหรือไม่ค่ะ แต่ว่าน้องสาวไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ น้องสาวเลยบอกดิฉันว่า เราก็โดน charge เหมือนกันแหละพี่.. แต่เห็นแล้วก็รู้สึกได้เลยค่ะว่า ต้องใช้งบประมาณเยอะมากมายเพราะ ตั้งแต่น้ำท่วมปีก่อนนู้น สร้างความเสียหายเยอะมาก ณ ปัจจุบันนี้ก็ยังเห็นอยู่เลยค่ะ พื้นดินทรุด โครงสร้างของเมืองเก่า ดูไม่แข็งแรง แต่ก็ได้รับการดูแลที่ดีมากมากอยู่เสมอค่ะ ที่สำคัญเมื่อเข้าไปแล้วก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความขลังเมืองเก่าของเราให้เกิดในใจเราได้อยู่เสมอๆ ทุกครั้งที่ไปค่ะ


    ** เหตุที่น้องสาวคิดว่าเราถูก charge แพงกว่าคงเป็นเพราะอัตราแลกเปลี่ยนนั่นเอง **
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  14. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตัวดิฉันเองกับลูกพี่ลูกน้องผู้ชายยังเคยเกือบจะโดนคิดราคาต่างชาติตอนไปสวนเสือศรีราชา ก็เพื่อนฝรั่งก็นั่งด้วยในรถ พอดีที่เคยเล่าไปว่า ฑวตดิฉัน ท่านมีเชื้ออิหร่าน อย่างลูกพี่ลูกน้องผู้ชายนี้ คือถ้าจับไปเดินตะวันออกกลางนี้ คือ โมร็อกคันสบายๆเลย แก เป็นลูกของคุณตาของดิฉันกับภรรยาน้อย ทำให้ได้เชื้อหน้าแขกแบบคุณตามาเต็มๆ อย่างดิฉันยังกลายๆแล้ว, ดิฉันมาอยู่ที่ยุโรป เจอแขกโมร็อกคันเดินสวนหน้าแบบ ลูกพี่ลูกน้องเยอะมาก

    พอดีวันนั้นน้องแกไปย้อมผมสีน้ำตาลอมแดงมา พี่สาวก็ย้อมผมทอง เอาฝรั่งนั่งไปด้วยอีก คนตรวจตั๋ว พอไขกระจกรถ พูดมาได้ชาวต่างชาติสี่คน ตอนนั้นขำโครตๆ


    พูดเรื่องนี้แล้วก็เศร้าเล็กน้อย ถึงไม่อยากไปเมืองไทย นึกถึงความหลัง อดีตที่ไปที่ต่างๆ แต่ตอนนี้เพื่อนได้เสียชีวิตไปแล้ว ไปในสถานที่เก่าก็มีแต่เศร้า


    ส่วนกรณีการไปเที่ยวต่างประเทศแบบทัวร์จะถูกกว่าการไปเองมากๆ และได้ไปหลายที่ที่สำคัญด้วยคะ อย่างกรณีน้องสาวของท่านศีลสิกขา ดิฉันไม่ทราบว่าเพราะไปเอง และไม่รู้จักคนท้องที่หรือเปล่า และประเทศอะไร แต่อย่างที่ดิฉันไปปราสาทต่างๆก็ราคาเท่าคนที่นั้น ไม่ต้องตรวจบัตรด้วย เพราะดิฉันไปกับฝรั่งท้องถิ่นที่เป็นเพื่อนกันหลายคน และอีกอย่างดิฉันสนทนาภาษาท้องถิ่น ของเขาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษเขาก็คงเข้าใจว่าเราเป็นพลเมืองก็อาจเป็นได้


    ที่ยุโรป ปราสาทบางแห่งค่าเข้าเกือบ 1000 บาท ไทย, แต่ดิฉันอยู่นี้ ก็รู้ว่าทุกอย่างแพงกว่าไทยเป็นปกติอยู่แล้ว ต้องทำใจค่าเงินมันสูง ปลากระป๋อง อันเดียวก็ 50 กว่าบาทแล้วคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  15. apiraks

    apiraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +508
    เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยท่านผู้รู้ทั้งหลายด้วยครับ

    1. ความรู้สึกนึกคิดที่ว่าอยากทำบุญกับพระอริยะนั้นคิดได้ครับไม่ได้ผิดแต่ประการใด
    เพียงแต่หากเป็นไปได้ ควรฝึกน้อมใจให้บุญนี้ไปถึงสงฆ์ให้ได้จะดีที่สุดครับ เพราะมนุษย์เรา
    บางครั้งก็ปักใจเชื่อโดยสุจริตว่าพระอาจารย์นั่นนี่เป็นอริยะแล้ว ซึ่งด้วยความที่เรานั้นเป็น
    เพียงปุถุชน การวินิจฉัยว่าพระรูปใดเป็นอริยะสงฆ์ระดับใดนั้นอาจไม่ใช่ฐานะที่จะกระทำได้
    เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลถึงอานิสงส์จากการถวายว่าจะมากน้อยเพียงใด เมื่อน้อมใจถึงสงฆ์
    แล้วนั้นหมายถึงมากมายไม่มีประมาณเท่ากันหมด ไม่ว่าพระรูปนั้นจะเป็นเช่นที่เราคิดหรือไม่
    จิตเจตนาเราน้อมถึงสงฆ์แล้วก็ถือเป็นอันสิ้นสุด แต่ในทางปฏิบัติอาจจะยากพอสมควร
    เนื่องจากศิษย์ที่ศรัทธาอาจารย์มากๆนั้น เป็นการยากที่จะละความยึดมั่่นถือมั่นในตัวตน
    ของอาจารย์ลงแล้วน้อมใจไปหาสงฆ์ ตอนอุทิศบุญจึงควรนึกถึงคุณแห่งพระรัตนตรัย
    เป็นสำคัญครับ

    2. ฝรั่งผู้นั้นคงเพียงรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ และเขาคิดว่าเขามีสิทธิ์เรียกร้องความเป็นธรรม
    จะไปอธิบายกติการให้เขาเข้าใจนั้นคงไม่มีวันเข้าใจ เนื่องจากเขาไปเพ่งโทษเรื่องความ
    ไม่เป็นธรรม ซึ่งมันก็เป็นความจริงในแง่หนึ่ง แต่อีกแง่หนึ่งเขาอยู่ในสถานที่ของผู้อื่นหาก
    เจ้าของสถานที่ต้องการให้เขา ซึ่งเป็นชาวต่างชาติจ่ายแพงกว่าคนไทย ก็เป็นสิทธิ์ของ
    เจ้าของสถานที่ ผมอยากสมมุติว่า หากคนไทยเข้าชมวัดวังมากกว่าชาวต่างชาติแล้ว
    เจ้าของสถานที่ จะเก็บคนไทยมากกว่านักท่องเที่ยวหรือไม่ อันนี้แค่สมมุตินะครับ

    โดยสรุปคืออยากให้มองหลายๆด้าน บางเรื่องนั้นถูกเหมือนกัน แต่ถูกมากถูกน้อย
    ถ้าถูกน้อยแต่ตรงกับจริตของเจ้าตัว อาจเหมาะสมมากกว่าพยายามทำให้ถูกมาก
    เหมือนเช่นคนอื่นๆพยายามทำกัน บางเรื่องดูเหมือนไม่สมควร แต่มองอีกแง่อาจ
    สมควรก็ได้แล้วแต่ใครจะปิดใจหรือไม่อย่างไรนั่นเอง

    ขอเจริญในธรรมทุกท่านนะครับ
     
  16. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    ขอบคุณคุณ Duchess มากนะคะที่เข้ามาคุยค่ะ แหม..ถ้าไม่เกรงว่าศีลข้อ ๔ จะด่างอีกละก็ คงจะบอกว่า มิใช่คนไทยค่ะ เป็นประเทศเพื่อนบ้าน..T_T จะได้ไม่ต้องมาถามแยะอ่ะค่ะ

    สำหรับน้องสาวนั้นทำงานอยู่ Booking.com ค่ะต้องไปออก booth ที่ตปท.บ่อยๆ ค่ะ สเปน มัลดีฟ สิงค์โปร์ ญี่ปุ่น และแถบเอเชียเกือบทั้งหมด เวลาไปก็เดินทางเองแต่ทางบริษัทจะสนับสนุนค่าใช้จ่าย มีเบี้ยเลี้ยง ใช้ภาษาสากลคือภาษาอังกฤษแหละค่ะ ท้องถิ่นไม่ได้ค่ะ และได้ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้นเองค่ะ น้องสาวเวลาไปทำงานก็จะ ไม่ได้ค่อยไปเที่ยวที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพราะเธอเสียดายด้วยเพราะค่าของเงินนั่นแหละค่ะ แต่ถ้าพูดถึงภาษาท้องถิ่นนี่ยากมากนะคะ รัสเซีย เยอรมัน เกาหลี ยากมากค่ะ คนเกาหลี ญี่ปุ่น จีน นี่ไม่ยอมพูดภาษาอื่นเลยค่ะ เอาแ่ค่ว่าไปสิงค์โปร์ ไชน่าทาวน์ ก็จะพูดแต่ภาษาจีน ซื้อไรแทบไม่ได้ T_T ดิฉันเองค่ะ อินเดียยังสื่อสารง่ายกว่าเพราะยังพูดภาษาอังกฤษบ้าง (เนื่องด้วยเพราะเคยตกเป็นเืมืองขึ้นเขามาก่อนหนะค่ะ)
     
  17. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ผมขอตอบข้อ 2. ใหม่ได้ไหมครับ พอดีพึ่งนึกออก (แม้จะนานไป) ผมจะบอกว่า ทางการเขาเห็นว่าชาวต่างชาติได้รับค่าครองชีพสูงและอัตราเงินสูงกว่าฉะนั้นจึงขอเก็บ 50 บาท เพิ่อจิตสาธารณะช่วยๆกันครับ ส่วนคนไทย 10 บาท ก็ถือว่าเยอะในระดับหนึ่งแล้วครับ เพราะห่างกันประมาณ 45 บาทพอดี เราเสียเปรียบด้วยซ้ำ จบข่าว
     
  18. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ส่วนคำถาม ข้อหนึ่ง เคยอ่านในหนังสือพระเขาบอกว่า เวลาทำบุญอย่าเลือกพระ อย่าเจาะจง ให้ทำไป ถ้าพระไม่ดีไม่ศีล บาปก็ตกแก่ท่านเอง ส่วนเราคนทำ ด้วยความปรารถนาดีก็ได้บุญอยู่แล้วคะ
     
  19. okung3036

    okung3036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +183
    เห็นด้วยครับ แต่ปัจจุบันนี้ไม่เหมือนอดีต จักทำบุญต้องมีศรัทธาเสมอด้วยปัญญาจึงจะได้รับอานิสงค์ เช่น หากเราถวายสังฆทานกับสงฆ์ที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามแนวทางพระพุทธแล้วบุญที่เราทำไปจะไม่ไป 100 % ครับ แต่ก็ยังได้บุญอยู่

    อานิสงค์ของทานแตกต่างกันดังนี้

    ๑. ทำบุญกับสัตว์เดรัจฉาน ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับขอทาน ๑ ครั้ง

    ๒. ทำบุญกับขอทาน ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับคนมีศีล แล้วศีลขาด ๑ ครั้ง

    ๓. ทำบุญกับคนมีศีล แล้วศีลขาด ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับพระโสดาปัตติมรรค ๑ ครั้ง

    ๔. ทำบุญกับพระโสดาปัตติมรรค ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับพระโสดาปัตติผล ๑ ครั้ง

    ๕. ทำบุญกับพระโสดาปัตติผล ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับพระสกิทาคามีมรรค ๑ ครั้ง

    ๖. ทำบุญกับพระสกิทาคามีมรรค ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับพระสกิทาคามีผล ๑ ครั้ง

    ๗. ทำบุญกับพระสกิทาคามีผล ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับพระอนาคามีมรรค ๑ ครั้ง

    ๘. ทำบุญกับพระอนาคามีมรรค ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับพระอนาคามีผล ๑ ครั้ง

    ๙. ทำบุญกับพระอนาคามีผล ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับพระอรหัตมรรค ๑ ครั้ง

    ๑๐. ทำบุญกับพระอรหัตมรรค ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับพระอรหัตผล ๑ ครั้ง

    ๑๑. ทำบุญกับพระอรหัตผล ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ ครั้ง

    ๑๒. ทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญกับพระพุทธเจ้า ๑ ครั้ง

    ๑๓. ทำบุญกับพระพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญถวายสังฆทาน ๑ ครั้ง

    ๑๔. ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง ได้บุญไม่เท่ากับทำบุญวิหารทาน ๑ ครั้ง

    ๑๕. แล้วพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า การให้ธรรมทาน ชนะทานทั้งปวง (การให้วัตถุเป็นทานนั้น วิหารทานได้บุญสูงสุด)

    สรุปว่า คนฉลาดในการทำบุญ เขาย่อมเลือกถวายธรรมทานกัน เพราะตัดอารมณ์โลภ-โกรธ-หลงได้ ก็ไปพระนิพพานได้ง่าย ส่วนวัตถุทานนั้นไปได้แค่สวรรค์

    แต่คนเรามีจริต-นิสัยและกรรมแตกต่างกันมาในอดีต จึงมีกำลังใจหรือบารมีธรรมแตกต่างกัน จึงทำบุญตามกำลังใจของตน ซึ่งถือว่าเป็นของธรรมดาทั้งสิ้น

    คนฉลาดในการทำบุญที่เป็นวัตถุทาน หากเขาถวายวิหารทานเพียง ๑ บาท เขาจะได้บุญสูงถึงเอาเลข ๑ นำหน้า แล้วเติมเลข ๐ ต่อท้ายไปอีก ๒๔ ศูนย์ หรือ ๑,๐๐๐,๐๐๐ x ๐๐๐, ๐๐๐ x ๐๐๐,๐๐๐ x ๐๐๐,๐๐๐ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะอ่านว่าเท่าไหร่ โปรดพิจารณาเอาเอง กรรมใคร-กรรมมัน

    แต่บุคคลที่ต้องการทำบุญ-ทำความดีทุกชนิด เพื่อพระนิพพานจุดเดียว จัดเป็นอธิษฐานบารมี ทำจนจิตชินเป็นฌาน เมื่อร่างกายหรือขันธ์ ๕ พัง จิตเขาก็ตรงไปพระนิพพานจุดเดียวเป็นอัตโนมัติเช่นกัน

    หมายเหตุ นำมาจากหลวงพ่อฤาษี ท่านเทศน์ไว้ในอดีต
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  20. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    1.1 ถ้าเจาะจงพระสุปฏิปันโนไม่ครบ 4 องค์ ไม่เป็นสังฆทาน
    1.2 ถ้าตั้งใจทำบุญกับพระ 4 องค์ขึ้นไป ไม่ว่าเป็นพระสุปฏิปันโนหรือไม่ ก็เป็นสังฆทาน ผลเหมือนกัน (ผู้รับเป็นองค์เดียวก็ได้)
    2.จะตอบว่าที่จริงแล้วไม่อยากให้เข้า และไม่ได้บังคับให้เข้า ไม่อยากจ่ายก็ไม่ต้องเข้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...