ก้อนหิน

เพื่อนร่วมงานนัดแล้วมาสาย....ไม่เป็นไร
แฟนนัดแล้วมาสาย.....โกรธมาก หงุดหงิด..

ปีใหม่เอาของขวัญไปเยี่ยมลูกค้า...
ปีใหม่ไม่เคยอยู่บ้าน เอาของขวัญมาให้ พ่อแม่...พี่น้อง ...คนในครอบครัว...

เพื่อนสนิท ก็อาศัยไหว้วานได้ บ่อยๆ ไม่ต้องเกรงใจหรอก...เราเพื่อนกัน...
คนอื่น..อย่าไปรบกวนเขาเลย...เกรงใจ...

ลูกเรา เราก็รัก ทำอะไรไม่ถูก ก็ต้องดุด่าว่ากล่าว...
ลูกคนอื่น ทำผิด ไม่เป็นไร ปลอบใจเขาหน่อย...เขายังเด็ก ต้องค่อยๆสอน...

กับตัวเองจะซื้ออะไรให้ตัวเอง คิดแล้วคิดอีก...
กับคนอื่นซื้อให้เลย ตัดสินใจง่าย...ดี...

พ่อแม่พูดอะไรมา ต้องเถียง...
เจ้านายสั่งมา...รีบไปทำเลย...

สามีพูด ไม่ค่อยเข้าหูเลย ... ต้องให้มีเรื่องเถียงกันได้ทุกที...หงุดหงิด
คนอื่นพูดดี...ไม่เป็นไร...คริ..คริ...

ทำบุญ...ได้เลย...เท่าไรเท่ากัน...
กลับบ้านมา กินข้าวกับพ่อแม่...สบายใจ...
ทำบุญกับพ่อแม่บ้างสิ...ทำไมล่ะ..ทำไง...ก็เห็นกันอยู่ทุกวันแล้วนี่..

ทุกวันนี้ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อแม่...ไม่เป็นไร..
พ่อแม่ตายร้องห่มร้องไห้ หาของมาเซ่นไหว้ใส่บาตร...พิธีการงานศพต้องครบถ้วนถูกต้อง ไม่ตกหล่น ตามผู้รู้บอกทุกอย่าง...หมดเท่าไรเท่ากัน ถือเป็นการทำครั้งสุดท้ายเพื่อพ่อแม่เราแล้ว....

ก้อนหินก้อนนี้ มีคำสอน
จะอ้อนวอน ขอให้เห็น เป็นไฉน
หนึ่งควรทำแต่ไม่ทำ จะทำไม
หนึ่งไม่ใช่ แต่ขยัน ทำจังเลย

โลกเรานี้ มีหลายสิ่ง กลับตาลปัตร
คนที่รัก ควรเอาใจ ไปห่างเหิน
คนไม่รู้ กลับไปรัก หลงไปเลย
โอ้อกเอ๋ย แสนอนาถ ทาสอารมณ์

 

พกหินดีกว่าพกนุ่น
สำนวนไทยว่าเอาไว้ดังนี้
วันนี้ ใส่สร้อยหินดีกว่าค่ะ

 

ความคิดสร้างสรรค์
โดยการกำหนดโพ จากสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม...​

ผมจะยกตัวอย่างที่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของครูติงดีกว่า แล้วลองมาช่วยกันคิดสร้างสรรค์ด้วยกัน...

สิ่งที่ครูทุกคนต้องการคือ ให้นักเรียน มีผลการเรียนที่ดี เป็นเด็กดี
สิ่งที่ทำให้เด็กเรียนดี เป็นเด็กดี ได้แก่...
1. ขยันอ่านหนังสือ
2. ขยันทำแบบฝึกหัด-การบ้าน
3. ไปเรียนพิเศษเพิ่มเติมในวันหยุด
4. รวมกลุ่มกันติววิชาเรียนด้วยกัน
5. .....
6. .......

.........................................................................

ทีนี้สิ่งที่ตรงกันข้ามล่ะ มีอะไรบ้าง...
1. เล่นเกม.............มันส์ดีครับ
2. โดดเรียนไปเดินช็อปปิ้ง.................เพราะเพลินดี ไม่เครียด
3. อ่านการ์ตูน.................เพราะ สนุก มันส์ ฮา
4. ดูทีวี............เพราะ สนุกดี

ถ้าโพเราคือ สนุก มันส์ ฮา....
เรามาลองเติมโพของเราเข้าไปในแต่ละข้อดูกัน

1. ขยันอ่านหนังสือ...............สนุก มันส์ ฮา.....(ทำอย่างไร...)
2. ขยันทำแบบฝึกหัด-การบ้าน...............สนุก มันส์ ฮา.....(ทำอย่างไร...)
3. ไปเรียนพิเศษเพิ่มเติมในวันหยุด...............สนุก มันส์ ฮา.....(ทำอย่างไร...)
4. รวมกลุ่มกันติววิชาเรียนด้วยกัน...............สนุก มันส์ ฮา.....(ทำอย่างไร...)
5. .....


ทำอย่างไร....ที่จะบรรลุเป้าหมายที่กำหนดนี้...
มาช่วยกันระดมสมอง สร้างสรรค์ ออกมา อย่าพึ่งบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ...
การกำหนดโพจากสิ่งที่เป็นสิ่งตรงกันข้าม แล้วหาทางให้บรรลุเป้าหมายได้ตามนั้น นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในนำเอาความคิดสร้างสรรค์ของเราออกมา...

ยกตัวอย่างเช่น...
1. ขยันอ่านหนังสือ...............สนุก มันส์ ฮา.....(ทำอย่างไร...)
ผมอาจคิดไปว่า
- เอาหนังสือเรียนมาทำเป็นหนังสือการ์ตูนสิ....
หรือ
- จับกลุ่มกัน เอาวิชาที่เรียนมาแต่งเป็นนิยาย มีวาดรูปประกอบด้วย...

อย่างนี้เป็นต้น...ใครมีไอเดียอะไรแปลกๆใหม่ๆมาลองเสนอกันดู...เป็นการฝึกจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์....

 

มาช่วยดันกระทู้ครับ

เล่าต่อได้เลยครับ สาระจากมันสมองประสบการณ์ชีวิต สาระธรรมเราอยากศึกษา

 

คั่นเวลาด้วยแง่คิด อารมณ์ขัน...

ถ้าคุณมีเวลาพักเพียง 5-10 นาที...แล้วจะต้องไปเรียน ไปทำงาน หรือไปประชุมต่อ...
ระหว่างนั้นหากต้องเจอเพื่อนคนนึง ซึ่งมีแต่เรื่องสนุกสนาน เฮฮา .. พาหัวเราะได้...
กับเพื่อนอีกคนที่คุยแต่เรื่องเครียดๆ ปัญหาที่บ้าน ปัญหากับเจ้านาย ชีวิตนี้มีแต่ทุกข์ๆๆๆ..งานก็ยุ่งๆๆๆ มีแต่ปัญหา โน่น นี่ นั่น...

เราจะเลือกที่จะเดินไปเจอเพื่อนคนไหนดี ก่อนที่จะไปเรียน หรือไปทำงาน...

......

คนทุกคนก็เหมือนกัน ถ้าเลือกได้ก็ขอเจอเพื่อนที่คุยสนุก เฮฮา...อารมณ์ดีครับ และหลีกเลี่ยง เพื่อนที่ชอบพูดถึงแต่ปัญหา ความทุกข์ ความเศร้าโศรกเสียใจ ซ้ำไปซ้ำมา...

ก็ในเมื่ออารมณ์ขัน อารมณ์ดี เป็นที่ต้องการอย่างนี้แล้ว ทำไมเราจะไม่เลือกที่จะเป็นคนอารมณ์ดี มีอารมณ์ขันบ้างล่ะ...เพราะนอกจากจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดเพื่อนๆเข้ามาหาแล้ว ยังช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการได้อีก...

อย่างวันก่อน ผมไปเดินตลาดจะหาซื้อกางเกงใส่เล่นอยู่กับบ้านสักตัวหนึ่ง...แม่ค้าเห็นหน้าเข้าก็ร้องเรียกเชิญชวนทันที...

เชิญค่ะ...เชิญเข้ามาลองจับผ้าดูนะคะ...
ผมจับเสร็จแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ...
แม่ค้าบอกว่า ซื้อด้วยเลยก็ดีนะคะ...เพราะวันก่อน พูดไปอย่างนี้แหละ...พอลูกค้าจับเสร็จก็เดินหนีไป...แม่ค้าสงสัยเลยถามว่า เป็นยังไงคะ ไม่ชอบเหรอ...คุณลูกค้าก็บอกว่า อ้าว...แม่ค้าบอกให้ลองจับ ก็จับแล้วนี่...ไม่ได้บอกว่าจะขายซะหน่อย...
นี่ก็เป็นอารมณ์ขันของลูกค้ากับแม่ค้าเขาเจรจากัน...จบลงตรงที่แม่ค้าถูกใจลูกค้า ก็ลดราคาให้ ลูกค้าชอบแม่ค้าก็ให้แม่มาขอ...อ่ะจึ๋ย..ไม่ใช่น่ะ..ลูกค้าก็ได้มาเป็นลูกค้าขาประจำกัน...

อารมณ์ขัน กับ อารมณ์ดี เนี่ย เป็นส่วนสำคัญของ ความคิดสร้างสรรค์และคิดเชิงบวก ดังนั้น ช่วยกันขำหน่อยนะ....ใครไม่ขำ อ่านไปเอามือจี๋เอวตัวเองไปด้วยก็ได้...

 

เอามือจี้เอวตนเอง ๕๕๕๕ เอวอยู่ไหนล่ะเนี่ย ^^

 

" ยกตัวอย่างเช่น...
1. ขยันอ่านหนังสือ...............สนุก มันส์ ฮา.....(ทำอย่างไร...)
ผมอาจคิดไปว่า
- เอาหนังสือเรียนมาทำเป็นหนังสือการ์ตูนสิ....
หรือ
- จับกลุ่มกัน เอาวิชาที่เรียนมาแต่งเป็นนิยาย มีวาดรูปประกอบด้วย..."

อ่านตรงนี้แล้วจำได้ว่า ตอนมาอยู่อเมริกาใหม่ๆ ดูการ์ตูนPBS kid เรื่องหนึ่งเป็นการนำประวัติศาสตร์อเมริกามาทำการ์ตูนชื่อ Liberty"s Kids มีสัก ๔๐ ตอนได้ หลายปีผ่านไปเกิดต้องไปสอบเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อเมริกา ด้วย เลยทำได้แบบสบายๆ

เด็กนักเรียนที่นี่บางทีเรียนรู้จากการเล่นเกมส์ เช่นการเลิกทาส เพราะเห็นลูกเล่นเกมส์นี้ตอนเรียนเกี่ยวกับการเลิกทาสของอเมริกา เกมส์เกี่ยวกับคณิตศาตร์ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ ก็มี

เคยช่วยพ่อบ้านทำการบ้านต้องเล่นเกมส์ sudoku เพื่อถอดรหัสมาคำนวณคำตอบบทเรียนวิศวะ

เด็กๆที่นี่ไม่เห็นมีใครไปเรียนพิเศษกัน ถ้าจะเรียนพิเศษกว่าเพื่อนก็คือ พ่อแม่สอนเพิ่มเติมเอง หรือไม่ก็เรียนจากคอมฯ

 

ปัจจุบันนี้มีการนำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์มาทำเป็นการ์ตูนเยอะขึ้นนะ ผมยังชอบอ่านเลย รู้สึกว่าเห็นภาพและสนุกสนานกว่าอ่านตัวหนังสืออย่างเดียว เสียดายที่สมัยผมยังเด็กไม่ค่อยมีแบบนี้ ไม่งั้นจะซื้อมาอ่านให้เรียบทั้งร้านเลย เพราะสมัยเด็กชอบอ่านการ์ตูนมาก ถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ยังชอบอยู่นะ ^^

 

สมัยเด็กๆชอบอ่านต่วยตูน
^^
ซื้ออ่านเองค่ะ อ่านขายหัวเราะ แต่ไม่ยอมซื้อ
(ติงเป็นบรรณารก ซื้อให้ห้องสมุด แล้วเราก็อ่านก่อน ๕๕๕
เป็นการตรวจสอบว่าเด็กๆอ่านได้ ปลอดภัย ไร้กังวล)

 

เอวอยู่ไหน

******************************
หาเอวม่ายยเจอ เพราะมันเท่ากับสะโพกเลยย ไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวโดนครูติงติงตี

 

ไม่ได้อ้วนมากนะคะ
ประมาณนี้เองค่ะ ๕๕๕๕

 

ครั้งสุดท้าย มีประโยชน์อะไร

*********************************
เพื่อนข้างบ้านเขาต่อว่าภรรยาของเขาว่าทําไมไม่เคยไปเยี่ยมป้าบ้างเลยเพราะป้าแก่มากแล้ว พอสี่ห้าเดือนต่อมาป้าเสียชีวิตลงภรรยาเขาก็ไปงานศพพร้อมกับดอกไม้สวยงามมีกลิ่นหอม ราคาแพง เขาเลยบอกว่า"ทีตอนอยู่ละก็ ไม่เคยไปเยี่ยม ตอนนี้ซื้อดอกไม้ไป ป้าเธอไม่รู้หรอก ดมดอกไม้ก็ไม่ได้ มีประโยชน์อะไร "
สาธุธรรมค่ะ

 

"ก้อนหิน"

*******************************
เอมาอ่านกระทู้นี้ทําไมจึงหิว

 

ฉันคือคนสำคัญ​

ถ้าเรามองคนที่สูงกว่าเรา เราจะรู้สึกต่ำต้อย...
ถ้าเรามองคนที่ต่ำกว่าเรา เราจะรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น...
นี้คงเป็นเรื่องทั่วๆไปที่เราทุกคนเคยได้ยินมา เหมือนเพียงมุมหนึ่งของก้อนหิน...

แต่ถ้าเรามองตัวเรา ค้นหาตัวเรา เราจะพบคุณค่าในตัวเราเอง...เมื่อนั้นแล้ว เราจะไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่นอีกเลย...

วัยเด็กผมมีชีวิตที่ลำบาก ยากจน มองไปทางไหนก็เห็นคนที่เขามีสิ่งต่างๆมากมายกว่าเรา มีโอกาสที่ดีกว่า จะมองหาคนที่เขายากจนต่ำต้อยอย่างเรายังหาไม่ค่อยเจอ...
อายุ 10 ขวบ เรียนอยู่ป.4 โรงเรียนวัดชีปะขาว เป็นโรงเรียนที่ท่านสุนทรภู่ เรียนจบมาและเคยเป็นครูสอนอยู่ระยะหนึ่ง...
ในวัย 10 ปี ผมสาบานต่อฟ้า ต่อดิน ว่า 1. ชาตินี้ผมจะต้องรวย 2. ประเทศไทยต้องรู้จักคนอย่างผม
อีก 4 ปีต่อมา ผมจึงรู้ว่า จะให้ใครรู้จักผมไปเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์เท่า เรารู้จักตัวเราเองอย่างถ่องแท้...
ผมยังรู้อีกว่า...ต่อให้คนทั้งโลกดูถูกเรา ก็ไม่เป็นไร...ขอแต่เราอย่าได้ดูถูกตัวเราเอง...

สิ่งที่ผมเห็นว่าคนจนและคนรวยมีเท่าเทียมกันคือ เวลา ทุกคนมีวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน เพียงแต่ว่าแต่ละคนจะใช้เวลาไปเพื่อสิ่งใด ความหมายและผลลัพท์จึงแตกต่างกัน...
ความมุมานะพยายาม ไม่เลือกยากดีมีจน สามารถขยันได้ทั้งนั้น ขยันอ่าน ขยันฟัง ขยันคิด ขยันทำ...
จนเมื่อมามองดูตัวเราเอง จึงเห็นความสำคัญว่า ที่จริงแล้ว เราเองก็เป็นหนึ่งเดียวในโลกเหมือนกันนะ...
เราไม่ใช่สิ่งที่น่าดูถูกดูแคลนหรอก...เพราะคนที่หน้าตาเหมือนเรา นิสัยเหมือนเรา ทำอย่างเราได้นี่ ทั้งโลกนี้น่ะ มีเราคนเดียวเอง...จริงๆนะ...
เราทุกคนนี่แหละ คือ หนึ่งเดียวในโลก...
นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะมองเห็นคุณค่าในตัวเอง...

เพราะคนที่มองเห็นคุณค่าของตัวเองเท่านั้น จึงจะสามารถมองเห็นคุณค่าของคนรอบๆข้าง และสามารถนำคุณค่าเหล่านั้นมา สร้างสรรค์สิ่งดีงามให้กับ ตัวเอง ครอบครัว เพื่อน และสังคม
พวกเราลองมามองหาคุณค่าของตัวเราในแต่ละคนดูบ้างดีไหมว่า...
เราทำอะไรได้บ้าง..เช่น..

1. ผมเจียวไข่ อร่อย
2. ผมเป็นลูกเจ๊ก ที่ตำส้มตำ เป็น
3. ผมตอนกิ่งต้นไม้ได้ ชำกิ่งต้นไม้ก็เป็น
4. ผมเลี้ยงไก่ให้ออกไข่ได้
5. ผมซ่อมท่อประปาที่รั่วได้
6. ผมถักผ้าพันคอไหมพรมเป็น
7. ผมขี่จักรยานเป็น มอเตอร์ไซด์ ก็ด้วย
8. ผมติดเตาถ่านเป็น
9. ผมมีอารมณ์ขัน ใครอยู่ใกล้ด้วยก็จะรู้สึกอารมณ์ดีไปด้วย
10. ผมฝึกกรรมฐานได้ด้วย จนพอที่จะระงับทุกข์ที่เกิดขึ้นอยู่เนืองๆได้
11.....ฯลฯ...

เป็นตัวอย่างที่ผมคิดว่าผมทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ ใครจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่รู้สินะ แต่ว่าผมทำเรื่องพวกนี้ได้ และเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีประโยชน์...

คุณๆทุกคนก็เป็นคนสำคัญ และเป็นคนที่มีคุณค่าเช่นกัน...
ลองดูสิ...เขียน คุณค่าของตัวคุณออกมา...เขียนสิ่งต่างๆที่คุณทำได้ออกมา...
ผมอยากให้คุณรู้ว่า คุณมีคุณค่า...คุณมีความสำคัญ...คุณเป็นที่ต้องการของโลกใบนี้...จริงๆ...

 

นั่นสิคะ ติงมาทีไรก็หิวทุกทีค่ะ 55555

 

นั่นไง ทำให้พอเวลาจะจี้เอวติงแล้วไปโดนที่คอ ซะงั้น..

 

ไม่เป็นไรค่ะ
แม้จะโดนคอก็คอหอย มิใช่คอครูติงสักหน่อย ^^

 

เรื่องจี้เอว

จี้เอว พี่ครูติง ไปเจอคอหอย แล้ว

นึกถึงย่า(ของข้าน้อย)

ย่าแก่แล้ว ไปจี้เอวแก ก็จะโดน นม (ย้อยตามธรรมชาติแห่งวัย)
จำไม่ได้ว่า ย่าทำไง แกฟาดหรือจับเล่นมวยปล้ำ ไม่รู้นะคะ

แต่ถ้าตอนเด็กร้องให้ (พ่อแกจะสรุปว่า ลูกกูร้องให้หิวนม แม่มันไม่อยู่) พ่อจะเอานม(นมพ่อเองซึ่งมีขน)ยัดปาก แหว่ะมาก

ส่งอานิสงค์ถึงลูกน้อยหอยสังข์ เป็นคนเข้มแข็งร้องให้ยาก ในปัจจุบัน นี้เอง


เอ๊ เข้ากับเรื่องก้อนหิน ไหมคะนี่ อาจเข้านะ เพราะคนร้องให้ยากๆ หัวใจอาจแกร่งประดุจหนึ่งหินผาหนาถึก (เพราะค่าน้ำนมบิดาเราเอง)

 

ยินดีต้อนรับ คุณ คมสันต์usa.
คุณมาครั้งล่าสุดเมื่อ วันนี้ เวลา 08:27 PM
ข้อความส่วนตัว(PM): ยังไม่ได้อ่าน : 555
พอดีมาตรงกัน เรื่องอารมฌ์ ดีอันนี้สำคัญมาก เรียกว่าหัวเราะวันละนิด
จิตแจ่มใส  คนที่คิดบวก และสร้างสรรค์นั้น จะมีโอกาสประสพความสำเร็จ
ในชีวิตสูงมาก   เพราะจะมองเห็นแต่ช่องทางออก

ส่วนคนที่คิดลบนั้น จะมองเห็นว่ามันเป็นทางตัน และไม่สามารถจะเดินต่อไปได้ และเกิดความท้อถอยในชีวิตและยอมแพ้ได้ง่ายครับ

 

ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
คมสันต์usa, raming2555+

เราสองคนมาเฝ้าดูกระทู้หิน
เห็นเครื่องบินบนฟ้าปาไม่ถึง
ตกลงมาถ้าใส่หัวไม่คำนึง
สองเราจึงเข้ากระทู้เฝ้าอยู่นาน

เหมือนนัดกันมาดูกระทู้เคลื่อน
ขยับเยื่อนขึ้นบนหล่นหน้าผา
กลายเป็นหินปนดินกลิ้งลงมา
ตกหน้าผาว่ากองหินดินปนทราย