คืนบรรลุธรรมของคุณแม่จันดี โลหิตดี (ผู้เป็นน้องสาวขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย kennek, 17 สิงหาคม 2013.

  1. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    ประวัติและปฏิปทาคุณแม่จันดี โลหิตดี วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

    “น้อมใจไปที่กาย ดูกาย ดูจิต คือ ที่เดียวกัน เพราะผู้ดู คือ ผู้รู้ ผู้เดียวกัน ผู้ฉลาดเรียนรู้จากกาย-จิต ผู้อยากรู้ผิด เรียนภายนอก ธรรม คือ ประโยชน์ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ธรรม"

    คุณแม่จันดี โลหิตดี ท่านถือกำเนิดตรงกับวันพุธที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๓ ในครอบครัว พ่อแม่ และพี่น้องเดียวกันกับพระหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด มีพี่น้องซึ่งมีชีวิตอยู่ จนโตคือ พี่ชาย ๔ คน พี่สาว ๔ คน และ น้องสาว ๑ คน ท่านเป็นคนที่ ๙ ท่านเป็นน้องสาวคนเดียวที่สละบ้านเรือนออกปฏิบัติ ถือศีลภาวนา ที่วัดป่าบ้านตาด

    ชีวิตวัยเด็ก

    คุณแม่จันดีเล่าว่า..ตอนเป็นเด็กเรียนอยู่ชั้นประถม จะมีความรู้แปลกๆ อยู่กลางอก ก่อนจะบ่งบอกอะไร ตรงกลางอกจะมีเหมือนพัดลมน้อย (หมุนติ้ว ๆ) แล้วส่งความรู้ออกมา เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่ง สมัยนั้นเดือนมกราคม ครูจะพาอ่าน “มก-กะ-รา-คม” ขณะครูกำลังอ่าน พัดลมน้อยก็หมุนขึ้นในจิต แล้วมีเสียงดังขึ้นบอกว่า “จะอ่านให้ถูกต้อง ! ต้องอ่านว่า มะ-กะ-รา-คม” เป็นอะไรที่แปลกสำหรับเด็ก เคยคิดว่าคนอื่นคงเป็นเหมือนกัน จึงค่อยเรียบเคียงถามมารดาว่า “เป็นเหมือนกันไหม” มารดาตอบ “ไม่เคยเป็น” แล้วถามต่อว่า “เป็นหมุนอยู่ตรงไหน” จึงชี้ที่กลางอก

    วันหนึ่งแม่ค้าหาบตะกร้าเครื่องประดับมีกำไล สีสันสดใส มาขาย พวกพี่สาวรวมทั้งท่านอยากได้ร้องขอให้มารดาช่วยซื้อให้ ในหาบมีเครื่องประดับของเด็ก ผู้ใหญ่ อยู่เต็ม เสียงลูกหญิงร้องอ้อนวอน มารดาตกลงให้ซื้อได้คนละ ๑ ชิ้น พวกพี่ๆ หยิบไปหมดทุกคน ถึงคิวท่านเดินไปจะหยิบ พัดลมน้อยกลางอกหมุนติ้วๆ อีก บอกขึ้นว่า “ของประดับโลก ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์” พอเสียงดังจบลง ท่านเดินหนีทันที เสียงมารดาร้องตาม “อ้าว... มึงอยากได้ทำไม ไม่เอา”

    ท่านบอก ถ้ามีอะไรบ่งบอกขึ้นในจิตท่านเคยคิดจะฝืน แต่ฝืนไม่ได้ มีอำนาจมาก(สะเทือนในจิต) ฝืนไม่ได้สักครั้งเดียว เป็นเด็กตั้งใจเรียน ช่างจำ เรียนเก่ง จนครูให้ช่วยสอนเพื่อน ๆ ในห้องเป็นบางครั้ง
    หลายครั้ง ในห้องเรียนท่านขออนุญาตครูกลับบ้านก่อนเวลา ครูถาม “เธอมีธุระอะไรที่บ้าน” ตอบครูว่า “ดิฉันเข้าใจ-จำได้หมดแล้วไม่อยากเรียนบทเรียนเก่าอีก ครูเข้าใจ และอธิบายให้ฟัง “ไม่ได้เธอจะกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้ ถึงเธอเข้าใจ แต่เพื่อนๆ ยังไม่เข้าใจ เธอต้องเห็นใจเขา เอายังงี้ครูจะให้เธอช่วยสอนเพื่อน ๆ เพราะครูสมัยนั้นน้อย ครู ๑ คนต้องสอนหลายๆ ชั้น หลายๆ วิชาในแต่ละวัน พอจบชั้นประถม ๔ ครูมาขอให้เรียนต่อ จะส่งเรียน พ่อ-แม่-พี่ชาย ดีใจสนับสนุนให้เรียน ท่านตอบปฏิเสธทุกๆ คนว่าไม่เรียน เพราะกลางอกหมุนและบอก “เรียนไปก็ไม่จบ เรื่องของโลก! เรียนเท่าไหร่ไม่มีวันจบ” ท่านจะฝืนได้ยังไง เป็นอะไรที่ฝืนไม่ได้จริงๆ (ท่านบอกฝืนไม่ได้)

    ภาวนาครั้งแรก

    สมัยท่านยังเป็นเด็ก อายุประมาณ ๑๐ กว่าขวบ ท่านได้ตามมารดาไปถวายจังหัน พระหลวงตา (พระพี่ชาย) ช่วงนั้นเป็นเป็นช่วงที่พระหลวงตามาแวะพักที่ทุ่งนาใกล้หมู่บ้าน (มาโปรดโยมมารดา)
    ในวันนั้น ท่านเป็นลูกคนเดียวที่แม่ให้ตามไปถวายจังหันด้วย หลังฉันจังหันพระหลวงตาสอนโยมมารดาวิธีปฏิบัติภาวนา ถึงเป็นเด็กแต่ก็ฟังรู้เรื่อง ในขณะที่ฟังจิตท่านจะสงบแต่รั้งไว้เพราะอยากฟังคำแนะนำให้จบ กลับมาบ้านในคืนนั้นท่านจำเอาวิธีการภาวนา และลองนั่งภาวนาท่านปฏิบัติตามที่พระหลวงตาบอกโยมมารดา ประมาณ ๓ นาที จิตสงบรวมลง เห็นร่างกายเน่าเปื่อยสลายกลายเป็นดิน ท่านบอกคืนนั้นจิตสงบจนถึงสว่าง ตอนสงบอยู่จิตท่านคำนึงว่าทำยังไง ถ้าจิตไม่ถอนจะทำยังไง ถึงเวลาตำข้าวจะทำยังไง แต่ท่านบอกเหมือนจิตรู้ พอถึงเวลา จิตถอนได้เวลาตำข้าวพอดี
    พระหลวงตาได้ฟังโยมมารดาเล่าเรื่องที่ท่านภาวนากราบเรียน จบลง พระหลวงตาถามว่า “จันดี ตัวน้อย ๆ ๆ นั่นหรือภาวนา มารดาตอบว่า “ใช่ จันดีนี้แหละ” พระหลวงตาบอกกับแม่ท่านว่า
    “เขามีของเก่าของเขา เขามีของเก่ามา”

    ชีวิตครองเรือน

    เมื่อเป็นสาวรุ่น มีความมุ่งมั่นตั้งใจจะปฏิบัติ ถือศีลภาวนา จึงขอมารดาออกบวชเป็นแม่ชี แต่มารดาไม่อนุญาต และตอบว่า “ลูกเป็นผู้หญิง จะบวชยังไง ไม่ใช่ผู้ชาย ตามธรรมดาผู้หญิงเขาไม่บวชหรอก ไม่เคยเห็น ให้หยุดคิดนะ” (มารดาเป็นห่วงสมัยนั้นไม่ค่อยมีผู้หญิงบวช แม่ชีมีน้อยมาก แถวบ้านท่านไม่ค่อยมี)

    ตอนท่านเป็นสาว มีชายหนุ่มมาจีบเยอะมาก แต่ท่านไม่ได้สนใจใครเลย(เพราะจิตบ่งบอกแต่เรื่องหาทางออกจากโลกหาทางพ้นทุกข์) แต่พี่ชายแนะนำ ผู้ชายที่พี่เลือกแล้วว่าดีที่สุด นิสัยดี มีศีลธรรม ใจไม่อยากแต่งคิดแต่จะตั้งใจปฏิบัติ ถือศีล ภาวนา เพราะทุกครั้งที่จิตบ่งบอกความจริง จิตยิ่งกลัวเรื่องของโลก แต่พอแม่พี่ชายถาม ปฏิเสธไปหลายครั้ง ทั้งๆ ที่จิตบ่งบอกเสียงดังขึ้น “จะเรียนรู้เรื่องของโลกให้หมด” ในระยะที่ครองเรือน ยังตั้งใจถือศีลในวันพระถือศีล ๘ ถ้าวันปกติถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ไม่เคยฆ่าสัตว์ พี่ชายเคยบอก “จันดีมันไม่เคยฆ่าสัตว์ ไม่ต้องให้มันกินเนื้อสัตว์ด้วย” จึงได้แต่กินหน่อไม้ ผักหญ้า ถ้าพี่ชายเคี่ยวเข็ญให้ฆ่าสัตว์ “จะร้องไห้ไม่ยอมกินข้าวก็ได้ ขออย่าให้ฆ่าสัตว์เลย” เรื่องนี้ สามีญาติพี่น้องรู้ดี “ยอมอดแต่ไม่ยอมฆ่า ผู้อื่น ชีวิตอื่น” บอกกับตัวเองว่า “กินอะไรก็ได้ ใจสงสาร ไม่สามารถทำลายชีวิตผู้อื่นได้” มันเป็นอยู่ในใจ เป็นมาแต่เด็กจำความได้ จะไม่ยอมฆ่าสัตว์ ทำลายชีวิตผู้อื่น ชีวิตท่านลำบาก ทั้งอยากทำบุญถวายจังหันพระ ตัวเองก็ไม่ฆ่าสัตว์ จึงต้องพยายามหาหน่อไม้ ผัก พืช ชนิดต่างๆ มาทำกับข้าวใส่บาตรพระให้ครบ หลายครั้งที่แม่ท่านเล่าให้ฟังว่าพระหลวงตา พูดกับแม่ท่านว่า “เมื่อเช้าฉันหมกหน่อไม้ ใครก็ไม่รู้ใส่บาตรห่อใหญ่มากเหมือนอาหารทิพย์ และพระก็ได้ครบทุกองค์” สมัยนั้นมีพระมาอยู่วัดป่าบ้านตาดประมาณ ๑๔-๑๕ รูป) แม่ท่านจึงถามท่านว่า “เมื่อเช้าพระหลวงตาพูดถึงหมกหน่อไม้ ไม่รู้ของใคร...” ท่านจึงบอกว่า “ของท่านเอง”

    จิตสงบ..ในวาระต่างๆ

    ช่วงเวลาที่ครองเรือน มีบุตร ๔ คน ชาย ๑ คน หญิง ๓ คน โดยที่ยังตั้งใจภาวนาและถือศีลอย่างเคร่งครัด ยิ่งพระหลวงตามาตั้งวัดป่าบ้านตาดยิ่งได้กำลังใจปฏิบัติภาวนา ติดขัดอะไรก็กราบเรียนถามตอนท่านเข้ามารับบิณฑบาตในหมู่บ้าน วันพระท่านขอสามีให้ช่วยดูแลลูก คืนนั้นคุณแม่ก็นั่งภาวนาจิตก็สงบ ขณะจิตรวม เสียงลูกน้อยตื่นร้องจ้า แต่จิตยังไม่ถอน จึงไม่สามารถดูลูกน้อยในอู่ (เปล) ได้ ลูกน้อยร้องอยู่สักพัก สามีท่านคงเห็นผิดสังเกต จึงเข้ามาดู และอุ้มลูกน้อยออกไปจากห้องเอาน้ำหยอดปากให้ลูกน้อยได้กินก่อน..รอแม่

    อาชีพชาวนาในอดีต สมัยก่อนยังไม่มีเทคโนโลยี จึงเป็นงานที่หนัก ลำบาก ต้องอดทน ส่วนใหญ่ก็ต้องอยู่ที่ที่นา จนท่านต้องสร้างทางจงกรมไว้ แต่เวลาในการภาวนามีน้อยอาศัยทำนาไปด้วยภาวนาไปด้วยตลอด มีครั้งหนึ่งคุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำไปเยี่ยมท่านที่นา เห็นทางจงกรมมีรอยเดินจนทางเป็นร่องเป็นมัน จนท่านได้พูดว่า “จันดีเจ้าอยู่ไหน ก็มีเครื่องหมายของพระพุทธเจ้าอยู่ทุกที่ มิน่าข้าวของเจ้าถึงได้มากกว่าผู้อื่น”

    มีอยู่วันหนึ่งเวลาเที่ยง ขณะที่เกี่ยวข้าวท่านพิจารณาธรรมไปด้วย จิตสงบ สว่างไสว ท่านก็ประคองจิตไป ค่อยๆ เกี่ยวข้าวไม่ยอมหยุด ไม่กินข้าว เกี่ยวข้าวไป จนจิตถอน ท่านเคยตกลงขอร้องพูดให้สามีเข้าใจว่าเวลาท่านจิตสงบ อย่าเรียก จะทำอะไรก็ทำไปเลยปล่อยท่านเลย โชคดีสามีเคยบวชจึงเข้าใจง่าย ท่านจะพูดกับสามีเสมอว่าชาตินี้จะขอปฏิบัติภาวนา และบอกสามีว่า..“อย่านอนใจในอัตภาพของภพชาติ” ความพากเพียร ตั้งใจของท่าน สามียอมใจอ่อน เพราะเห็นความตั้งใจจริง ขึ้นจากทำนาจะดึกดื่น แค่ไหนก็ช่าง ท่านจะเดินจงกรมจนดึก

    วันหนึ่ง..มีผีใหญ่ตนหนึ่งมาเข้าสิงญาติท่าน แล้วบอกว่า..“ชาติก่อนเคยเป็นคนรวย มีคอกม้าด้วยความเป็นห่วงสมบัติ ตายแล้วจึงมาเฝ้ารักษา เป็นทุกข์มาก อยากไปเกิดมาขอร้องให้ท่านช่วย จะยกสมบัติที่เฝ้าอยู่ให้ ขอให้นำเงินของเขามาทำบุญกับพระหลวงตาให้ เขาจะได้ไปผุดไปเกิด” ท่านและญาติๆ มากราบเรียนพระหลวงตา ท่านบอก “ถ้าจะไป ไม่มีจันดีห้ามไปนะ จะไปต้องมีจันดีไปด้วย” ญาติๆ ทุกคนทำตามคำสั่งของพระหลวงตา ก็พากันไปขุดตามผีใหญ่บอกตำแหน่ง ขุดลงไปก็เจอไหจริง และมีเงินอยู่เต็มไห หลายไห พอจะให้ ผีใหญ่กลับเปลี่ยนใจ บอกยังมีกรรมมากอยู่ รู้สึกเสียดายเงิน ไม่กล้าปล่อย ขอชดใช้กรรมต่ออยู่เฝ้าสมบัติต่อไป ไหที่ขุดเจอ พอผีไม่ยอมให้ ไหหมุนหายลงไปในดินเหมือนเดิม ผีใหญ่สารภาพกับคุณแม่ว่า..“จะให้ใจก็เกิดหวงแหนในเงิน ในทรัพย์ มันตัดไม่ได้ รู้อยู่ว่าทุกข์แสนทุกข์ แต่ก็ตัดใจไม่ได้ และขอให้ท่านช่วยแผ่เมตตา ส่งบุญกุศลมาถึงด้วยเพราะเวลาได้รับ มีความสุขมาก...

    พระหลวงตา ให้อุบาย

    เช้าวันหนึ่ง พระหลวงตาไปรับบิณฑบาตในหมู่บ้าน ท่านได้ถาม “ภาวนา เป็นยังไง”

    คุณแม่จันดีกราบเรียนว่า..“ฝันแปลกมาก ฝันว่าพระหลวงปู่มั่น ชวนให้ไปกับท่าน แต่ในฝันเป็นห่วงลูกคนเล็ก จึงขอไปดูลูกก่อน จะตามไปทีหลัง”

    พระหลวงตาให้อุบาย“เอ้า ให้มึงคิดตัดสินใจเอา ถ้าห่วงลูก ก็ตามพระหลวงปู่มั่นไปไม่ได้”

    คำพูดของพระหลวงตา ทำให้ต้องตั้งถามตัวเองว่า..“พระหลวงปู่มั่นมาโปรดแท้ ๆ คนแปลความฝันก็เป็นพระหลวงตา เราติดคาอะไร ห่วงอะไร-อาลัยอะไร” นั่นทำให้ท่านคิดและตัดสินใจได้เร็วขึ้น

    ท่านจึงขออนุญาตสามีและลูกๆทุกคน เพื่อออกมาปฏิบัติ ถือศีลภาวนา อยู่วัดป่าบ้านตาด เมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๔ โดยอาศัยที่กระท่อมน้อยในป่าทึบ ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ยืนต้นเป็นเงาร่มครึ้ม พื้นเบื้องล่างเต็มไปด้วยต้นข้าว สารหนาแน่น

    ท่านได้ถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ท่านกล่าวไว้ว่า..“ท่านบวชใจแทนศีล คือใจที่มีเจตนางดเว้นการทำความผิด เมื่อใจมีเจตนา งดเว้นการทำความผิด เมื่อใจมีเจตนาทำความถูกต้อง ศีลเป็นอันเดียวกับใจ ใจรักษาศีล ดูศีลดูใจตัวเอง ศีลเป็นใจที่มีเจตนางดเว้นการทำความชั่วทั้งปวง ดูศีลดูใจ สำรวจความผิดที่เกิดจากใจของตัวเองแล้วอบอุ่น หนักแน่น มั่นคง มั่นใจ ไม่มีที่ต้องติตัวเองเรื่องศีล”

    คุณแม่จันดี ท่านบอกช่วงนั้นคุณยายแก้ว แห่งสำนักชีห้วยทรายได้มาพำนัก อยู่วัดป่าบ้านตาดท่านเมตตาถามคุณแม่จันดี ถึงการปฏิบัติภาวนาอยู่เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านถามว่า "จันดีจิตของลูกแยกส่วนแบ่งส่วนหรือยัง"

    คุณแม่จันดี เรียนตอบว่า “แยกแล้วแบ่งแล้ว และกราบเรียนต่อว่า ขณะนี้เป็นอย่างนี้” คุณยายฟัง และบอกท่านว่า “เออดีแล้ว จิตถ้าแยกส่วนแบ่งส่วนแล้ว จิตก็มีแต่จะเจริญ”

    ต่อมาอีกคุณยายแก้ว ถามท่านว่า จันดีลูกกราบเรียนการปฏิบัติกับญาท่าน(พระหลวงตามหาบัว) ว่าอย่างไรบ้าง เห็นพระในวัดท่านเข้ามาถามแม่ว่า(คือคุณยายแก้ว) ว่าคุณแม่รู้ไหมโยมใครกันที่อยู่ในหมู่บ้าน มีเทวดา พระอินทร์ พระพรหม มาอนุโมทนากับเขาพ่อแม่ครูอาจารย์

    หลวงตาพูดในที่ประชุมสงฆ์ "ทำไหมเขาภาวนาทั้งที่มีลูกน้อย ทั้งทำนา ครองเรือนอยู่ เห็นเทพเทวดา"

    คุณยายจึงเรียนพระไปว่า "จะเป็นใครนอกจากนางจันดี (น้องสาวของญาท่าน)"

    พอได้โอกาสคุณแม่จันดี มาวัด ท่านจึงเล่าให้ฟัง และถามว่า "เป็นความจริงไหม" เพราะแม่(คุณยาย)ตอบพระไปก่อนจะถามเจ้าแล้ว

    ท่านจึงกราบเรียนคุณยายแก้วว่า "ลูกได้กราบเรียน การปฏิบัติของลูกให้พระหลวงตาทราบในทุกๆเรื่อง เพราะไม่พึ่งพระหลวงตาท่านช่วย ลูกคงติดในแต่ละจุด และช้าเวลาต้องให้ท่านช่วยตี ช่วยขนาบ เพราะท่านจะบอกลูกว่าเวลานี้ท่านมีชีวิตอยู่ติดขัดอะไรให้ถาม ถ้าเราพิจารณาเองอาจช้า เสียเวลา มีครูบาอาจารย์ช่วยแนะเรามีหน้าที่ทำตาม ปฏิบัติตามท่าน

    คุณแม่จันดี เล่าว่า..“การปฏิบัติภาวนา ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์ช่วยแนะสอนจะช้าได้เพราะ ช่วงปฏิบัติภาวนา เรารู้เห็นอะไร มันก็ชวนให้หลงให้ติดเพราะเป็นความอัศจรรย์ ที่เราเกิดมาไม่เคยพบ-เห็นในชีวิต และไม่มีแสดงอยู่ที่ไหนในโลก นอกจากผู้ภาวนาแต่ละรายจะรู้เองเห็นเองจากการปฏิบัติของตัวเอง รู้ขึ้นในใจของตัวเองเป็นสันทิฏฐิโกประกาศป้างขึ้นที่หัวใจ ไม่ต้องถามใคร... ไม่ต้องให้ใครมาโกหก เราได้ พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง ไม่ลี้ลับ ไม่ปิดบัง เปิดเผยเสมอ มีอยู่ตลอดกาล...ธรรมความจริง ธรรมไม่ตาย เปิดเผยสง่างามอยู่ทุกกาล ทุกสมัยตลอดมา และตลอดไป เป็นแต่ผู้คนจะมีจิตยินดีและต้องการหรือไม่”

    ท่านให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติภาวนา ได้ถูกต้องแม่นยำ ไม่ผิดเพี้ยนจากหลักความจริงตามธรรมคำสอนของพระหลวงตามหาบัวทุกอย่าง ท่านเมตตาเล่าถึงการปฏิบัติของท่านที่ยากลำบากแม้จะไม่ได้ขึ้นภูเขา เข้าป่า แต่ธรรมที่ท่านได้มาก็แลกด้วยชีวิต ความตอนหนึ่ง ได้ประกาศขึ้นในจิตท่านว่า..“ให้เอาชีวิตแลกธรรม” ตอนนั้นเอง พระหลวงตาก็บอกให้ท่านเร่ง “มึงอย่าเสียดายชีวิตนะ เร่งเลย เร่งเลย..”

    ท่านจะพูดเสมอว่า “พระหลวงตาสอนให้แม่ปฏิบัติมาอย่างนี้ ถ้าเป็นคำพูดของพระหลวงตาแล้ว ยิ่งการปฏิบัติภาวนา จะคลาดเคลื่อนไปไม่ได้เลย...”

    ในคืนวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๕ เวลา ๕ ทุ่มครึ่งเป็นคืนที่ ฟ้าครึ้ม และลมพัดแรงมาก ท่านกราบพระแล้วนั่งภาวนาข้อธรรมได้ผุดขึ้นในจิตว่า..“อายะตะนะนั้นมีอยู่ แต่ไม่มีดิน-น้ำ-ไฟ-ลม ไม่มีจุติเคลื่อน ไม่มีที่ไป ไม่มีที่มา ไม่มีอารมณ์ ไม่มีอารมณ์ นั้นแหละคือที่สุดแห่งทุกข์”

    จิตตอนนั้นจ่อเฉยๆ เหมือนไม่พิจารณาอะไร เสียงต้นขนุนใหญ่ที่แห้งตาย อยู่ข้างกุฏิ สั่นไหวเสียงดังลั่นเพราะลมแรง ท่านคิดว่าคงหักทับกุฏิ และท่านก็คงตายพร้อมๆ กัน อวิชชาขาดกระเด็นออกจากจิต ขณะนั้นรู้ว่า อวิชชาเหนียวแน่นมาก พร้อมกับก้นกระแทกพื้นสูง ๑ ศอก โลกธาตุหวั่นไหว แผ่นดินสะเทือน เสียงดังสนั่น ถึด.. ถึด .. ถึด .. ถึด.. แผ่นฟ้าม้วนกลับลงมา พันกันกับแผ่นดิน ม้วนรวมกัน แล้วจึงแยกออกจากกัน โลกธาตุหวั่นไหว พร้อมกับเสียงอนุโมทนาสาธุการ จากสวรรค์ทุกๆ ชั้น ชั้นพรหมทุกๆ ชั้น ลงถึงพื้นบาดาล ขวาซ้ายสถานกลาง ร่วมอนุโมทนา สาธุการ เสียงปี่พาทย์ บรรเลงขับกล่อม กระหึ่มก้องเสียงประกาศก้องขึ้นที่จิต “ว่าง-วางเป็นจิตพุทธะ > จิตบริสุทธิ > จิตเป็นธรรมชาติ” ขณะที่อวิชชาขาดออกจากจิต พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวกทุกๆ พระองค์ โดยเฉพาะพระหลวงตาได้ช่วยหนุนจิตท่าน ทุกๆ พระองค์ ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่มีอะไรก่อน ไม่มีอะไรหลัง มีอะไรอีกมากที่ไม่สามารถพูดให้ฟังได้หมดเพราะของเหนือโลก เจอแล้วจะรู้เอง

    ท่านบอกว่า..ไม่เหลือวิสัย มีอยู่ในใจของทุกคน อย่ากลัวตาย กิเลสมันกลัวตาย รอดตายจึงได้ธรรม มันไม่ตายหรอก คนกล้าตาย ไม่กลัวตาย มีแต่กิเลสนั่นหละจะตายจากหัวใจ

    ... คืนนั้น ท่านกราบน้อมถึงคุณพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ถึงคุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ โดยเฉพาะพระหลวงตา ทั้งเป็นครูอาจารย์ เป็นพ่อ เป็นพี่ชายในสายโลหิตเดียวกันในชาติปัจจุบัน
    คืนนั้น ท่านไม่นอนทั้งคืน...


    เมื่อพบพระหลวงตาอีกครั้ง จึงได้กราบเรียนท่านถึงสภาวะธรรมทั้งหมด ที่เกิดขึ้น…
    พอกล่าวจบ พระหลวงตาพูดขึ้นว่า.. “ อ้าย(พี่) หมดห่วงแล้ว...”

    คุณแม่จันดี โลหิตดี เป็นที่รู้จัก และเป็นที่เคารพศรัทธาจากลูกศิษย์ขององค์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ตลอดระยะเวลาประมาณ ๓๒ ปีแล้วนับจากปี พ.ศ.๒๕๒๔ ที่คุณแม่ท่านอยู่ปฏิบัติธรรมและอบรมสั่งสอนลูกศิษย์อยู่ที่วัดป่าบ้านตาด ภายใต้ท่าทางที่ดูสงบ เรียบง่ายและความอบอุ่นที่เผื่อแผ่ออกมา ท่านมีความเด็ดเดี่ยว เด็ดขาดจริงจัง จนดูน่ากลัวสำหรับศิษย์ผู้อ่อนแอ ดวงตาของท่านเวลาสอนลูกศิษย์ต่อสู้กับศัตรู คือกิเลส ท่านจะดูอาจหาญ ขึงขัง เด็ดเดี่ยว จริงจังมาก ถ้าลูกศิษย์คนใดจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ท่านก็จะค่อยๆ ทะนุถนอม แต่ท่านจะเปรยๆว่า"กิเลสในใจของตัวเองก็ฆ่ามาแล้ว นี่ต้องได้มาเอาใจกิเลสของผู้อื่น โอ๊ย น่าอเนจอนาถ"

    “..ไม่เหลือวิสัยของผู้ปฏิบัติ มีอยู่ในใจของทุกคน อย่ากลัวตาย กิเลสมันกลัวตาย รอดตายจึงได้ธรรม มันไม่ตายหรอก คนกล้าตาย ไม่กลัวตาย มีแต่กิเลสนั่นแหละจะตายจากหัวใจ..” โอวาทธรรมคำสอนคุณแม่จันดี โลหิตดี

    ชมวีดีโอคุณแม่จันดี โลหิตดี เล่าถึงพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว(เสียงอีสาน) ได้ที่ลิงค์
    https://www.facebook.com/photo.php?v=264341236949758&set=vb.196619973707839&type=3&theater


    “..เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น..” โอวาทธรรมคำสอนคุณแม่จันดี โลหิตดี


    ขอบคุณที่มา: https://www.facebook.com/photo.php?...38697.100001216522700&type=1&relevant_count=1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    คุณแม่จันดี โลหิตดี ละสังขารแล้ว เมื่อเวลา ๐๑.๐๓ นาฬิกา ของวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ภายในกุฏิห้องปลอดเชื้อของท่านฝั่งอุบาสิกา ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี สิริอายุรวม ๘๒ ปี ๑๑ เดือน ๒ วัน คุณแม่จันดี ท่านได้แสดงธรรมความอัศจรรย์ให้เห็นอย่างประจักษ์ชัด กล่าวคือ ท่านสิ้นลมปราณเวลา ๐๐.๔๕ นาฬิกา และการเต้นของหัวใจหยุดเวลา ๐๐.๔๘ นาฬิกา และคลื่นไฟฟ้าหัวใจหยุดเวลา ๐๑.๐๓ นาฬิกา

    กำหนดการอย่างเป็นทางการ
    งานประชุมเพลิงสรีระสังขาร “มหาอุบาสิกาคุณแม่จันดี โลหิตดี” (น้องสาวองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ณ เมรุชั่วคราว วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

    หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดเกษรศิลคุณธรรมเจดีย์ (วัดภูผาแดง) จ.อุดรธานี กล่าวว่า ...“จิตคุณแม่จันดี อยู่สูงแล้ว ไม่ต้องมีสวดอภิธรรม”

    วันเสาร์ที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๖
    เวลา ๐๗.๐๐ น. พระภิกษุ-สามเณร ออกรับบิณฑบาต
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตร-สวดมนต์เย็น (อาทิตตปริยายสูตร)
    เวลา ๒๐.๐๐ น. รับฟังพระธรรมเทศนา และปฏิบัติภาวนาบูชาธรรมคุณแม่จันดี

    ประชุมเพลิงสรีระสังขารคุณแม่จันดี โลหิตดี “อริยอุบาสิกาผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม”
    ในวันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๖
    เวลา ๐๗.๐๐ น. พระภิกษุ-สามเณร ออกรับบิณฑบาต
    เวลา ๐๙.๐๐ น. พิธีเคลื่อนสรีระสังขารไปยังเมรุชั่วคราว (บริเวณลานข้าวเปลือก)
    เวลา ๑๐.๐๐ น. วางดอกไม้จันทน์ จนถึงเวลา ๑๒.๐๐ น.
    เวลา ๑๓.๐๐ น. พระสงฆ์สวดมาติกาบังสุกุลก่อนเริ่มพิธีประชุมเพลิงสรีระสังขาร
    เวลา ๑๕.๐๐ น. เผาจริง
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตร-สวดมนต์เย็น(มหาสมัยสูตร บูชาคุณคุณแม่จันดี)
     
  3. Limtied

    Limtied เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    822
    ค่าพลัง:
    +3,662
    “..เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก

    ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก

    สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย

    ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น..”


    โอวาทธรรมคำสอนคุณแม่จันดี โลหิตดี
     
  4. ฉลาดน้อย

    ฉลาดน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,721
    น้อมกราบคุณแม่จันดี โลหิตดี และอนุโมทนาเจ้าของกระทู้ครับ
     
  5. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    กราบอนุโมทนากับท่านเจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องราวของคุณแม่จันดีให้ได้รับทราบด้วยค่ะ
     
  6. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    สาธุครับ อ่านเรื่องราวของท่านแล้ว อิ่มอกอิ่มใจมากๆเลย
     
  7. อริยะ ชน

    อริยะ ชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,042
    กราบคุณแม่ครับ พึ่งได้ทราบว่าท่านไม่อยู่แล้ว
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ
     
  8. ทิพย์ปทุโม

    ทิพย์ปทุโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +2,471
    เคยฟังเสียงและดูภาพจาก you tube ไปแล้วเมื่อคืนนี้เอง รู้สึกเฉย ๆ แต่วันนี้แวะเข้ามาพลังจิต มาเจอคุณแม่จันดีอีก อ่านอีกครั้ง ปีติน้ำตาไหล ความรู้สึกในการปฏิบัติธรรม ที่เกิดกับเรา คล้ายคลึงกันในบางอย่าง เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราก็ปีติ น้ำตาไหลซะแล้ว สู้ ๆ ทำให้ได้
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ขออนุโมทนากับทุกท่านและขอกราบ คุณแม่จันดีผู้ห่างไกลกิเลส ผู้เป็นเนื้อนาบุญแก่ชนทั้งหลายครับ สาธุ
     
  10. I WILL D

    I WILL D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +771
    น้อมกราบ คุณแม่จันดี โลหิตดี และอนุโมทนาสาธุ เจ้าของกระทู้เช่นกันครับ
     
  11. jamesnuke

    jamesnuke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +224
    อนุโมทนาด้วยครับที่คุณแม่ก้าวสู่เเดนอมตะแล้ว
    อีกอย่างหนึ่งอยากจะไปร่วมงานประชุมเพลิงคุณแม่ แต่กิเลสมันหรั้งไว้ เลยไม่ได้ไป
    เสียดายๆ ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว
     
  12. มั่นในธรรม

    มั่นในธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +603
    กราบอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้และกราบคุณแม่จันดี สาธุ
     
  13. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    อนุโมทนากะคุณยายคะ ได้ดี ไปดีอีกท่านหนึ่ง สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  14. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    กราบอนุโมทนาบุญ กับคุณยายจันดี โลหิตดี
    ผู้ละพ้น กิเลศทั้งปวงด้วยค่ะ
    อนุโมทนา กับท่านจขกท. ด้วยค่ะ สาธุค่ะ
     
  15. meephoo

    meephoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +2,133
    โมทนาสาธุ
    ขอให้มีเมตตาและเจริญในธรรม
    ข้าพเจ้าเกิดมาต้องตาย ชีวิตไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
     
  16. thanan

    thanan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,215
    กราบอนุโมทนากับคุณแม่จันดี ที่ท่านได้บรรลุธรรมในชาตินี้ด้วยนะครับ
     
  17. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    ลูกขอกราบคุณแม่เจ้าค่ะ ลูกขออธิษฐานให้มีบุญได้เดินตามคุณแม่เจ้าค่ะ ขอโมทนากับผู้นำกระทู้ค่ะ สาธุค่ะ
     
  18. kantinanna

    kantinanna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +1,819
    อนุโมทนาสาธุในทุก ๆกองบุญของคุณแม่จันดีด้วยค่ะ สาธุค่ะ
     
  19. happyhappyhappy

    happyhappyhappy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +17
    อนุโมทนาบุญกับคุณแม่จันดี และคุณเจ้าของกระทู้มากๆ นะค่ะทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติ จริงอย่างที่คุณแม่จันดีพูดนะค่ะ ท่านเพียรเผากิเลศตนเองแล้ว ยังต้องมาเอาใจกิเลสผู้อื่นอีก
     
  20. คมศักดิ์

    คมศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +886
    น้อมส่งคุณแม่จันดี เข้าสู่พระนิพพาน และอนุโมทนา สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...