ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เห็นแล้วนึกเสียดายอนาคต หลายคนยังเป็นเด็ก !!!​

​

ถาม – การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝง ถือเป็นกรรมหรือไม่? เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน

ตอบ - ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน

ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า ‘มโนกรรม’ สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความ ยินดีกับความคิดนั้น หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรม ที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็คงได้ ตัวอย่างเช่นคุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา

แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด พูดง่ายๆว่า ‘ภาษา’ นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์

ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทาง อินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น ไม่มีใครรู้จักเลย แม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทาง กาย วาจา ใจ

อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็น อะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆคน เห็นกรรมทางวาจาของเขาในเบื้องต้น แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีคิดเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น

ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย ปั่นป่วนเหมือนพายุ และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่นในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

บอกได้เลยครับว่า วจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะให้ผลเร็ว และแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์ เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก

ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า ‘ไอ้โง่’ ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า ‘ไอ้โง่’ ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง

โอกาส ก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ กระดิกนิ้วง่ายๆไม่กี่ที ผล(กรรม)อาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆอาทิตย์เสียอีก หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ

บทความโดยคุณ ดังตฤณ

ที่มา www.thaithinkpad.com/forum/index.php?topic=9517.0;wap2

 

UC Santa Barbara Geography / News & Events / Department News

 

ต้นเหตุ อาจมาจาก กระทู้นี้ก็ได้ครับ ^^
ผลสำรวจต่างชาติเผย ไทยกลัวหายนะธรรมชาติมากที่สุดในโลก : มติชนออนไลน์

 

เพิ่มให้ครับ ทำบุคคลให้ มงคลตื่นข่าวหวาดกลัว ไม่รู้เข้าข้อไหนดี ไม่ประมาทเปนของดี แต่มากเกินไปไม่ดีนะครับ เรียกโรควิตกกังวล

"มิจฉาทิฏฐิ, ความเห็นผิด,ความเห็นผิดจากคลองธรรม

เจตนาชื่อว่า มิจฉาทิฏฐิ เพราะเห็นผิดโดยไม่มีการถือเอาตามความเป็นจริง. มิจฉาทิฏฐินั้น มีลักษณะเห็นผิด โดยนัยมีอาทิว่า ทานที่ให้แล้ว ไม่มีผล.

มิจฉาทิฏฐินั้น มีองค์ประกอบ ๒ ประการ คือ การที่เรื่องผิดไปจากอาการที่ยึดถือ ๑ [เรื่องที่เห็นนั้นเป็นเรื่องที่ผิด]
การปรากฏขึ้นแห่งเรื่องนั้น โดยความไม่เป็นจริงตามที่ยึดถือ ๑. [ยึดหลักเห็นผิดนั้น ได้ปักใจเชื่อและเห็นตามนั้น]

เรื่องมิจฉาทิฏฐิเป็นอกุศลกรรมบถ ที่เป็นตัวนำทางชีวิต
ไปสู่ความมืดมน เพราะคนที่ยึดมั่นในสิ่งที่ผิด ย่อมหลงไปเข้ารีตเดียรถีย์ หลงเชื่อลัทธินอกพระพุทธศาสนา หลงบิดเบือนคำสอนทางพุทธศาสนา หลงเอาคำสอนบางส่วนในพุทธศาสนาไปแอบอ้างว่า เป็นคำสอนของศาสนาอื่น หลงเอาคำเรียกพระสงฆ์ในพุทธศาสนาไปเรียกนักเผยแพร่ในศาสนาอื่นเพื่อให้เกิดความสับสน หลอกลวงประชาชนให้เข้าใจผิด แล้วนำประเพณีของลัทธิต่าง ๆเหล่านั้นเข้าครอบงำ

พุทธองค์ได้แยกทิฏฐิต่างๆ รวม ๖๒ อย่าง เป็นประเภทใหญ่ ๆ ๓ ประเภทด้วยกัน คือ

๑. นิตยมิจฉาทิฏฐิ เป็นทิฏฐิที่ร้ายแรงมากมี ๓ อย่าง คือ
๑.๑. อเหตุกทิฏฐิ คือมีความเห็นว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล บุญบาปไม่มี จะดีหรือชั่ว ก็เป็นไปเอง ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว จึงไม่ทำเหตุให้ดี เช่น ไม่ทำบุญกุศล, ไม่ขวนขวายให้ตนหลุดออกจากวัฏฏะทุกข์นี้ เช่น อริฏฐะภิกษุและกัณฏกภิกษุ เป็นต้น เขาก็เป็นมิจฉาทิฏฐิชนิดดิ่งทีเดียว ห้ามทางสวรรค์ ทางพระนิพพาน. สัตว์นี้เป็นผู้เฝ้าแผ่นดิน ชื่อว่า เป็นตอแห่งวัฏฏะ.

ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะ ถือว่า ตัวตนมีอยู่ เพราะ
ถือมั่นในรูปนั้น เพราะยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น

๑.๒. อกิริยทิฏฐิ คือ มีความเห็นว่า กรรมไม่มีจริง ไม่มีผล
ของกรรม บาปที่มีการทำเช่นนั้นเช่นนี้ ย่อมไม่มีแก่เขา
หรือมาถึงเขา บุญที่มีการทำเช่นนั้นเช่นนี้ย่อมไม่มีแก่เขา
หรือมาถึงเขา เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติที่นำเรามาเกิดและ
เมื่อมีชีวิตอยู่ ก็ดิ้นรนหากินกันไป ทำอะไรก็ได้ให้ตนสบายโดยไม่ต้องสนใจใครทั้งสิ้น เมื่อแก่ชราก็ตายไปตามธรรมชาติ ผู้มีความเห็นผิดนี้จึงไม่กลัวบาป ไม่มีหิริโอตตัปปะ กล้าทำความชั่วได้ทุกอย่าง ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะเข้าใจผิดว่า ตัวตนมีอยู่ และถือมั่นในรูปนั้น และยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น

๑.๓. นัตถิกทิฏฐิ คือมีความเห็นว่า ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีทำชั่วไม่มี ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ กระทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้ง ไม่มีในโลก คนเรานี้เป็นแต่ประชุมมหาภูตรูปทั้ง ๔ เมื่อใด ทำกาลกิริยา เมื่อนั้น ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม อินทรีย์ทั้งหลายย่อมเลื่อนลอยไปในอากาศ เพราะกายสลาย ทั้งพวกคนพาล ทั้งบัณฑิตย่อมขาดสูญ พินาศสิ้น หลังจากตายไปย่อมไม่มี. ผู้มีความเห็นผิดนี้จึงไม่กลัวบาป ไม่มีหิริโอตตัปปะ กล้าทำความชั่วได้ทุกอย่าง.ผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้เพราะเข้าใจผิดว่า ตัวตนมีอยู่ และถือมั่นในรูปนั้น และยึดมั่นรูปนั้น จึงมีความเห็นผิดเช่นนั้น

ทิฏฐินี้มักเป็นของพวกอาจารย์หัวรุนแรง แม้จะบอกกล่าว แนะนำอย่างไรก็ไม่ได้ผล อีกทั้งอาจโต้ตอบด้วยความรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด นอกจากตนเอง.

อเหตุกทิฏฐิ, อกิริยทิฏฐิ, นัตถิกทิฏฐิ ทิฎฐินี้ห้ามสวรรค์ ,
ห้ามมรรค หรือเรียกว่า มัคคาวรณ์ ห้ามมรรคห้ามผล หรือ
เป็นโมกขาวรณ์ ห้ามนิพพาน เป็นสัคคาวรณ์ ห้ามสวรรค์

โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะนิตยมิจฉาทิฏฐิ ท่านยกตัวอย่างเช่นอนันตริยกรรม ๕ ซึ่งถือว่าเป็นกรรมหนักมากมีโทษมาก แม้กระนั้นก็ยังมีโทษและกรรมหนักสู้มิจฉาทิฏฐิไม่ได้ หากถามว่าเพราะอะไร ตอบว่า เพราะอนันตริยกรรม ๕ นั้น มีเขตกำหนดหรือมีกำหนดของโทษนั้น ถึงแม้ว่าอนันตริยกรรม ๔+๑= ๕ อย่างจะทำให้เกิดในนรก หรือสังฆเภทก็เป็นกรรมตั้งอยู่ในนรกชั่วกัปเท่านั้น.

แต่นิยตมิจฉาทิฏฐิคือ ความเห็นผิดอันดิ่ง ไม่มีเขตกำหนด
เป็นรากเหง้าของวัฏฏะ การหลุดออกจากวัฏฏะย่อมไม่มี

ท่านอุปมาว่า ก้อนหินแม้เล็กขนาดเท่าถั่วเขียวโยนลงไป
ในน้ำ ชื่อว่าจะลอยอยู่ข้างบน ย่อมไม่มี ย่อมจมลงไปข้างล่างอย่างเดียว ฉันนั้น.

๒. อันตคาหิกทิฏฐิ คือทิฏฐิที่ดิ่งรองมาจากนิตยมิจฉาทิฏฐิ
ผู้มีทิฏฐิประเภทนี้ไม่มีทางที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้เลย แต่ถ้าทำความดีอื่นๆไว้ ก็สามารถไปเกิดบนสวรรค์ได้ ทิฏฐินี้คือความเห็นผิดที่ยึดถือเอาที่จุดสุดโต่งทั้งสองด้าน อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ ๑๐ อย่างคือ

๑. เห็นว่าโลกเที่ยง ... ๒. โลกไม่เที่ยง ... ๓. โลกมีที่สุด ... ๔.โลกไม่มีที่สุด ... ๕. ชีพอันนั้น สรีระก็อันนั้น ... ๖. ชีพอย่างหนึ่ง สรีระก็อย่างหนึ่ง ... ๗. สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่ ... ๘. สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปไม่มีอยู่ ... ๙. สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่ก็มี ไม่มีอยู่ก็มี ... ๑๐.สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่ก็หามิได้ ไม่มีอยู่ก็หามิได้

อันตคาหิกทิฏฐิ มีวัตถุ ๑๐ ห้ามมรรค แต่ไม่ห้ามสวรรค์.

อรรถกถาจารย์บางท่านกล่าวว่า อันตคาหิกทิฎฐิ หรือ
สักกายทิฏฐิ ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิชื่อว่า ไม่สามารถนำไปสู่
สวรรค์ หรือเจริญมรรคได้เลย. มิจฉาทิฏฐินั้น ชื่อว่ามีโทษน้อยและมีโทษมากเหมือนสัมผัปปลาปะ.

อีกอย่างหนึ่ง มิจฉาทิฏฐิที่ไม่แน่นอน (ยังไม่ดิ่ง) ชื่อว่า
มีโทษน้อย ที่แน่นอน (ดิ่ง) ชื่อว่ามีโทษมาก.
# องฺ.อ. ๑/๒/๑๘๕-๑๘๖,๑๙๔-๑๙๕; ม.อ. ๑/๑/๕๕๔-๕๕๕ "

 

24 ส.ค. 56

ครืนครั่น ลั่นฟ้า ฟาดมา
พสุธา ระวัง ให้ดี
ฟาดแล้ว จะเกิด อัคคี
ไม่มี ที่อยู่ คู่ตัว

เคอิสรา

 

"ยูเอ็น" ประณามคาร์บอมบ์นองเลือดในเลบานอน​

​

สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ประณามเหตุระเบิดรถยนต์ ( คาร์บอมบ์ ) 2 ครั้ง ใกล้กับมัสยิดชาวสุหนี่ 2 แห่งในเลบานอน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 42 ศพและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองในเลบานอน ที่สิ้นสุดลงเมื่อ 23 ปีก่อน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์คาร์บอมบ์ 2 ครั้ง ใกล้กับมัสยิดของชาวสุหนี่ 2 แห่งในเมืองตริโปลี เมืองใหญ่อันดับ 2 ของเลบานอน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ว่าเป็นการ "ก่อการร้าย" เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 42 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 400 คน มากที่สุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองเลบานอน ระหว่างปี 2513-2533

นอกจากนี้ ยูเอ็นเอสซียังเรียกร้องทางการเลบานอนเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในวิกฤตสงครามกลางเมืองซีเรียในทุกกรณี หลังมีรายงานว่า สถานที่เกิดเหตุเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของนักรบต่างชาติ ซึ่งสนับสนุนฝ่ายกบฏซีเรีย

ขณะที่นายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น ออกมาประณามเหตุการณ์อย่างรุนแรงเช่นกัน พร้อมกับเรียกร้องให้ทางการเลบานอนจับตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้ และเรียกร้องให้ชาวเลบานอนปรองดอง เพื่อความสามัคคีและความมั่นคงของประเทศ

แม้จะยังไม่มีกลุ่มคนใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ แต่ทางการเลบานอนสันนิษฐานว่า เชค ซาเลม ราฟิอี ผู้นำกลุ่มสุหนี่ในเลบานอน อาจเป็นเป้าหมายของการโจมตีในครั้งนี้ เนื่องจากเชค ราฟิอีเป็นผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านกลับกลุ่มนักรบฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นชาวชีอะห์ อย่างไรก็ตาม มีรายงานยืนยันแล้วว่า เชค ราฟิอี รอดมาได้

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 10:05 น.

แคลิฟอร์เนียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหลังไฟป่าลามเข้าอุทยานแห่งชาติ​

​

ทางการรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังไฟป่าในพื้นที่ลุกลามเข้าไปถึงภายในอุทยานแห่งชาติ "โยเซมิตี" แล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ว่านายเจอร์รี บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ลงนามประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน หลังไฟป่า "ริม ไฟร์" ขยายวงกว้างจากเขตป่าสงวน "สตานิสเลาส์" เข้ามาเผาผลาญพื้นที่ฝั่งตะวันตกของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของประเทศอย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 2,000 นายระดมกำลังดับเพลิงตลอด 24 ชั่วโมง ทว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เพียง 2% เท่านั้น ทั้งนี้ ไฟป่าครั้งรุนแรงปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเผาผลาญพื้นที่ไปไม่ต่ำกว่ากว่า 130,000 เอเคอร์ ประชาชนกว่า 4,500 หลังคาเรือนต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย

ขณะที่รายงานของหนังสือพิมพ์ "เดอะ ลอสแองเจิลส ไทม์ส" ระบุว่า ไฟป่าเผาผลาญบ้านเรือนไปแล้ว 9 หลัง และกลุ่มควันที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสามารถมองเห็นได้จากเมืองเรโน ในรัฐเนวาดา

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 08:07 น.

สหรัฐเคลื่อนเรือรบประชิดซีเรียเตรียมพร้อมโจมตี​

​

ยูเอ็นส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปซีเรีย เจรจาตรวจสอบข้ออ้างการโจมตีด้วยอาวุธเคมี จนมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ขณะที่สหรัฐแสดงความกังวลเป็นอย่างยิ่ง พร้อมเตรียมใช้ปฏิบัติการทางทหาร

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น จะเดินทางเยือนซีเรียในวันนี้ เพื่อเจรจาตามที่มีกระแสเรียกร้องเพิ่มมากขึ้นในการเข้าตรวจสอบข้ออ้างของฝ่ายค้านที่บอกว่า รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชน จนมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ขณะที่ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ กล่าวว่า ข้อกล่าวหาการใช้อาวุธเคมีถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สร้างความวิตกกังวลอย่างใหญ่หลวง ขณะเดียวกัน นายชัค ฮาเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ก็ระบุอย่างขึงขังว่า กระทรวงกลาโหมสั่งกองทัพอยู่ในที่ตั้งก่อนความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารต่อซีเรีย แม้ว่าประธานาธิบดีโอบามาจะกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง

แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้บัญชาการของสหรัฐ เตรียมทางเลือกหลายระดับไว้ให้ประธานาธิบดีโอบามาแล้ว หากเขาเลือกที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อดามัสกัส ฮาเกล กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินระหว่างเดินทางไปยังมาเลเซีย “กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบในการเสนอทางเลือกให้ประธานาธิบดีในทุกทางเลือกที่อาจเกิดขึ้น” แต่นายฮาเกลปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเรื่องการประจำการเรือรบ เครื่องบิน หรือทหาร ขณะที่ รัฐบาลของประธานาธิบดีโอบามาคิดใช้ขีปนาวุธร่อนโจมตีกองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด

ถ้อยแถลงของนายฮาเกล มีขึ้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่กลาโหมคนหนึ่ง กล่าวว่า กองทัพเรือของสหรัฐ จะขยายภารกิจในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยจะมีเรือรบติดขีปนาวุธร่อน เข้าประจำการ

ส่วนอังกฤษก็กล่าวว่า รัฐบาลดามัสกัสใช้อาวุธเคมี และฝรั่งเศสก็เรียกร้องให้ใช้กำลังทหาร หากข้อกล่าวหาดังกล่าวได้รับการยืนยันว่าเป็นจริง ด้านนายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น ก็เดินหน้ากดดันด้วยการประกาศว่าจะส่งนายอังเกลา เคน ผู้ช่วยเลขาธิการยูเอ็น เดินทางไปยังกรุงดามัสกัส เพื่อเจรจา ซึ่งเคนมีกำหนดถึงกรุงดามัสกัสวันนี้

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 13:58 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

สหรัฐจับมือปินส์รักษาเสรีภาพการเดินเรือ​

​

กองทัพสหรัฐและฟิลิปปินส์ ลั่นดำรงไว้ซึ่งเสรีภาพในการเดินเรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กำลังมีปัญหารุมเร้าเรื่องการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนในทะเลจีนใต้ ซึ่งมีจีน ยักษ์ใหญ่ในเอเชีย เข้ามามีเอี่ยวด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ว่า สหรัฐและฟิลิปปินส์ ให้คำมั่นว่าจะรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพในการเดินเรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกำลังมีปัญหากรณีพิพาทเรื่องดินแดนทางทะเลรุมเร้าอย่างหนัก โดยพลเอกเอ็มมานูเอล เบาติสตา ผู้บัญชาการกองทัพฟิลิปปินส์ และพลเอกมาร์ติน เดมป์ซี ประธานเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า ผู้บัญชาการกองทัพของ 2 ประเทศ ต่างให้คำมั่นในสหรัฐเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลเปิดการเจรจาเรื่องการขยายเวลาการประจำการของกองทัพสหรัฐในฟิลิปปินส์

ผู้นำกองทัพทั้ง 2 กล่าวว่า พวกเราต่างให้ความสำคัญร่วมกันที่จะรักษาเสรีภาพในการเดินเรือ การทำการค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่มีอุปสรรค และการขนส่งประชาชนและสินค้าข้ามทะเล

ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ยังต้องการกองทัพสหรัฐ และการสนับสนุนทางการเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปกป้องคำกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำในทะเลจีนใต้จากจีน ที่ยืนยันอ้างสิทธิ์ครอบครองดินแดนเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้

ฟิลิปปินส์ยังมีทหารสหรัฐประจำการอยู่หลายพันนายที่ฐานทัพ 2 แห่งใกล้กรุงมะนิลา แต่ฐานทัพสหรัฐก็ถูกบีบให้ย้ายออกไปในปี 2535 หลังจากวุฒิสมาชิกของฟิลิปปินส์ มีมติยกเลิกสัญญาเช่าท่ามกลางความรู้สึกต่อต้านอเมริกาหนักหน่วง แต่ข้อตกลงฉบับใหม่ในปี 2542 ก็อนุญาตให้ทหารสหรัฐ กลับคืนฐานทัพในฟิลิปปินส์ เพื่อซ้อมรบร่วมเป็นประจำทุกปี

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 17:47 น.

ผู้นำสหรัฐหารือนายกฯอังกฤษเรื่องซีเรีย​

​

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ หารือกับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ เพื่อแสดงความวิตกว่ามีสัญญาณบ่งบอกเพิ่มมากขึ้นว่า มีการโจมตีด้วยอาวุธเคมีครั้งใหญ่ในประเทศซีเรีย ขณะที่รัฐบาลซีเรียเตือนว่า หากมีการใช้กำลังทหารโจมตีซีเรียแล้ว อาจทำให้ตะวันออกกลางลุกเป็นไฟขึ้นมาได้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ว่า แถลงการณ์จากทำเนียบขาวกรุงวอชิงตัน ระบุว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ เพื่อหารือกันอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับข้อกล่าวหาการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่เกิดขึ้นใกล้กับกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันพุธที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นความเป็นไปได้ที่จะมีการตอบโต้จากนานาชาติในเรื่องนี้

ขณะที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงว่า ประธานาธิบดีโอบามาและนายกรัฐมนตรีคาเมรอนแสดงความวิตกอย่างมากที่มีสัญญาณบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า มีการโจมตีด้วยอาวุธเคมีด้วยฝีมือของฝ่ายรัฐบาลซีเรียต่อประชาชนของตนเอง เป็นข้อเท็จจริงขึ้นมาว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ไม่ได้ร่วมมือกับสหประชาชาติที่ระบุว่า ซีเรียปกปิดอะไรบางอย่าง ดังนั้น การใช้อาวุธเคมีจึงควรได้รับการตอบโต้อย่างร้ายแรงจากประชาคมระหว่างประเทศ

นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังได้หารือประเด็นนี้กับนายสตีเฟ่น ฮาร์เปอร์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาด้วย ด้านรัฐบาลซีเรีย โดยนายออมราน อัล-โซบี รัฐมนตรีประชาสัมพันธ์ของซีเรีย แถลงว่า รัฐบาลซีเรียไม่เห็นด้วยกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการโจมตีจากฝ่ายสหรัฐ เพราะการกระทำเช่นนั้น เสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง เปรียบได้กับลูกไฟลูกใหญ่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะมอดไหม้ซีเรียเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง เช่นเดียวกับนายอับบาส อารักจี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน แถลงที่กรุงเตหะรานว่า หากสหรัฐใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงในซีเรีย ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์สับสนวุ่นวายยิ่งขึ้น

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2556 เวลา 10:07 น.

เหยื่อไวรัสคล้ายซาร์สรายล่าสุดในซาอุดีอาระเบีย​

​

ชายวัย 51 ปีชาวซาอุฯ กลายเป็นเหยื่อไวรัสมรณะคล้ายซาร์สรายล่าสุด ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากไวรัสชนิดนี้ เพิ่มเป็น 40 รายแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ว่า กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า ชายวัย 51 ปีกลายเป็นเหยื่อรายใหม่เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่คล้ายซาร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง รวมตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะตัวนี้ เป็น 40 ศพแล้วเฉพาะในซาอุฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้ ชายผู้นี้ ซึ่งเสียชีวิตในกรุงริยาด ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งอยู่ก่อนแล้ว และยังมีโรคเรื้อรังอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย ขณะเดียวกัน ผลการตรวจชายชาวซาอุฯอีก 2 คน ในจังหวัดอาเซอร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ก็ปรากฏว่ามีผลเป็นบวก

เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ ซึ่งมีลักษณะคล้ายซาร์ส ที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปประมาณ 800 คนในการระบาดเมื่อปี 2546

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2556 เวลา 17:21 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

26 ส.ค. 56

16 ก.ย. 51 การทะเลาะวิวาท ผู้นำคนกลาง แผ่นดินไหว

ฉากหนึ่ง พึงมา พาสอง
พี่น้อง ระวัง ฉากสาม
ดินไหว จะพา บ้านพัง
ระวัง เตรียมการ นานมี

คอยดู คู่เฝ้า เร้าใจ
เพศภัย นั้นมอง ไม่เห็น
เตรียมการ ไว้ก่อน จำเป็น
ใจเย็น ลำบาก ยากนาน

เคอิสรา

 

► [ame=http://www.youtube.com/watch?v=6v2L2UGZJAM]► Planet Earth: Amazing nature scenery (1080p HD) - YouTube[/ame]
​

โปรดให้ความเคารพ โลก ดินฟ้าอากาศ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

รัสเซียเตือนสหรัฐคิดให้ดีก่อนส่งทหารเข้าซีเรีย​

​

รัสเซียเตือนสหรัฐระวัง "ผลกระทบรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง" หากตัดสินใจส่งทหารเข้าไปยังซีเรีย ขณะที่สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ประกาศกร้าวว่าผู้อยู่เบื้องหลังต้องรับโทษ ในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 26 ส.ค. กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า มาจากการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งลาฟรอฟกล่าวเตือนให้วอชิงตันคิดทบทวนอย่างละเอียดและรอบคอบที่สุด ในเรื่องการส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซงกิจการในซีเรีย เนื่องจากเป็นการบ่อนทำลายความพยายามของนานาชาติ ที่ต้องการช่วยสร้างสันติภาพในซีเรียลงอย่างสิ้นเชิง

ด้านหนังสือพิมพ์ "เดลี อิซเวสเทีย" ของรัสเซีย ฉบับวันจันทร์ ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ว่าตะวันตกใช้ "สัญชาติญาณไร้สาระ" ในการกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้บงการให้มีการใช้อาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 ศพ พร้อมกับเตือนสหรัฐว่า จะไม่มีทางบรรลุ "ความต้องการ" ของตัวเอง ด้วยการส่งทหารรุกรานเข้ามาในซีเรียอย่างแน่นอน

ขณะที่นายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น แถลงระหว่างร่วมประชุมที่เกาหลีใต้ว่า การใช้อาวุธเคมีในซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ และผู้เกี่ยวข้องทุกคนต้องถูกลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พร้อมกับเผยว่า คณะผู้ตรวจสอบของยูเอ็นเดินทางถึงพื้นที่เกิดเหตุสำคัญนี้แล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากกองกำลังทั้งของฝ่ายรัฐบาลและกบฏ ที่จะหยุดยิงขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทีมงานทุกคนสัญญากับผู้สูญเสียว่า จะทำงานเป็นอย่างดีที่สุด

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2556 เวลา 14:29 น.

วุฒิฯมะกันหนุนโจมตีทางอากาศต่อซีเรีย​

​

กรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์วุฒิสภาสหรัฐ หนุนรัฐบาลสหรัฐใช้การโจมตีทางอากาศที่มีความแม่นยำต่อซีเรีย ในการตอบโต้การใช้อาวุธเคมี ส่วนนายกรัฐมนตรีอังกฤษย่นเวลาการพักผ่อนกลับบ้านเลขที่ 10 เพื่อจัดการกับสถานการณ์ในซีเรีย

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่า นายบ็อบ คอร์เกอร์ วุฒิสมาชิกระดับสูงจากพรรครีพับลิกัน ในฐานะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์วุฒิสภา ต้องการให้สหรัฐใช้การโจมตีทางอากาศที่ “แม่นยำ” ต่อซีเรียในการตอบโต้การใช้อาวุธเคมีของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยคอร์เกอร์ ให้สัมภาษณ์เอ็นบีซี วันนี้ว่า เขาคิดว่าการปฏิบัติการทางทหารจะเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในชานกรุงดามัสกัส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

คอร์เกอร์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา รู้สึกว่าจะไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมี และว่า กำลังขอความร่วมมือกับพันมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต เพื่อขอเสียงสนับสนุนในการตอบโต้ทางทหาร

ด้านนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ลดเวลาในการพักผ่อนวันหยุด เพื่อมาจัดการกับสถานการณ์ซีเรีย ซึ่งร่วมทั้งเป็นประธานการประชุมของสภาความมั่นคงแห่งชาติด้วย จากการเปิดเผยของโฆษกบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง สตรีท โดยนายคาเมรอน ซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ในคอร์นวอลล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ เข้าร่วมสนทนาทางโทรศัพท์กับบรรดาผู้นำโลกเมื่อสุดสัปดาห์ เขาจะทำงานจากบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง สตรีทในวันพรุ่งนี้

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2556 เวลา 19:49 น.

สถานการณ์ไฟป่าอุทยานแห่งชาติในแคลิฟอร์เนียยังวิกฤต​

​

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทางตะวันตกของสหรัฐ ยังคงไม่สามารถควบคุมไฟป่า "ริม ไฟร์" ที่ลุกลามเข้าไปถึงพื้นที่ชายขอบของอุทยานแห่งชาติ "โยเซมิตี" ได้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ว่าเว็บไซต์ http://www.inciweb.com ซึ่งเกาะติดสถานการณ์ไฟป่าทั่วสหรัฐ โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตก รายงานว่าไฟป่าที่เกิดขึ้นมานานกว่า 1 สัปดาห์ เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วกว่า 133,980 เอเคอร์ ในจำนวนนี้ 8,400 เอเคอร์ได้รับความเสียหายเมื่อวันอาทิตย์เพียงวันเดียว ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกือบ 3,000 นายสามารถสกัดการลุกลามของเปลวเพลิงได้เพียง 7%

จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงไม่ทราบว่า ไฟป่าที่ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 17 ส.ค. เกิดจากอะไร แต่ยอมรับว่ากระแสลมแรง และสภาพอากาศที่แล้งจัด เป็นอุปสรรคต่อการดับไฟอย่างมาก จนเริ่มลุกลามเข้าสู่บริเวณทะเลสาบ "เอลีนอร์" ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอุทยานโยเซมิตีแล้ว แต่ผู้บริหารอุทยานยืนยัน ไฟป่ายังไม่มีแนวโน้มลุกลามเข้ามายังใจกลางอุทยาน จึงยังไม่มีแผนปิดสถานที่ในเวลานี้

ด้านนายเจอร์รี บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ลงนามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสำหรับเมืองซานฟรานซิสโก เมื่อวันศุกร์ เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้พื้นที่เกิดไฟป่ามากที่สุด โรงไฟฟ้าพลังน้ำของเมือง 2 ใน 3 แห่งปิดตัวชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2556 เวลา 09:47 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ทองคำโลกฟื้นช่วงสั้น ระยะยาวผันผวนหนัก​

​

ตลาดทองคำโลกถึงกับสั่นสะท้าน เมื่อกลุ่มนักลงทุนในทองคำรายใหญ่ต่างพากันเทขายออกมาอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็น พอลสัน แอนด์ โค ของจอห์น พอลสัน ที่ลดพอร์ตการลงทุนในกองทุนทองคำเอสพีดีอาร์ โกลด์ ทรัสต์ ลงไปมากถึง 53% ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยลดการถือครองในกองทุนทองคำจาก 21.8 ล้านสัญญา ในช่วงไตรมาสแรก ลงมาเหลืออยู่ที่ 10.2 ล้านสัญญา ขณะที่ จอร์จ โซรอส และเจ.พี.มอร์แกน เชส ก็หันมาลดการลงทุนในทองคำลงเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ สภาทองคำโลก (ดับเบิลยูจีซี) ก็ออกรายงานมาว่า ปริมาณความต้องการทองคำในตลาดโลก ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยลดลงถึง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หรือลดลงจาก 974.3 ตัน มาอยู่ที่ 856.3 ตัน ส่วนธนาคารกลางทั่วโลกก็หันมาลดการสะสมทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศลงเช่นกัน โดยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว ลดลงมากถึง 57% มาอยู่ที่ 71.1 ตัน

ส่วนในปีนี้ ราคาทองคำโลกได้ปรับตัวลดลงไปมากกว่า 1 ใน 5 แล้ว โดยเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ลงไปแตะที่จุดต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 1,180.71 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่านักลงทุนและเหล่าบรรดาแบงก์ชาติทั่วโลกต่างมองว่ามูลค่าและราคาในทองคำจะลดต่ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลว่าการใช้นโยบายอัดฉีดผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและสินทรัพย์ (คิวอี) เดือนละ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะมีการลดปริมาณลงเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจแดนมะกันเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ เห็นได้จากตัวเลขการจ้างงานที่ดีขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ทิศทางดังกล่าวจะเป็นตัวบ่งบอกว่าทิศทางทองคำโลกจะเข้าสู่ขาลงอย่างหนัก ทว่าในอีกแง่มุมหนึ่งนั้นนักวิเคราะห์อีกเป็นจำนวนมากกลับมองว่าราคาทองคำในอนาคตน่าจะกลับมาสู่ช่วงฟื้นตัวขึ้นมากกว่าที่จะลดลง

เนื่องจากปัจจัยจากราคาทองได้เลยจุดที่ต่ำที่สุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเริ่มฟื้นขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ความต้องการซื้อทองเพื่อนำไปเป็นเครื่องประดับทั่วโลก โดยเฉพาะจากอินเดียและจีนนั้นยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมยังคาดว่าจะช่วยดันให้ราคาทองพุ่งขึ้นอีกใน 12 เดือนข้างหน้านี้อีกด้วย

ยืนยันได้จากรายงานของดับเบิลยูจีซี ฉบับล่าสุดที่เผยว่า ทั้งๆ ที่ความต้องการทองคำทั่วโลกลดลง แต่ในแง่ของความต้องการซื้อเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องประดับ อัญมณี และเหรียญทองคำ ทั่วโลกกลับเพิ่มขึ้นมากสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยเพิ่มสูงขึ้นถึง 53% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว หรือที่ 1,083 ตัน ทั้งนี้ ความต้องการซื้อทองดังกล่าวมาจากอินเดียและจีน

ริก สปูนเนอร์ นักวิเคราะห์ด้านการตลาดของซีเอ็มซี มาร์เก็ต เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า ถึงแม้พอลสัน แอนด์ โค จะลดการถือครองในกองทุนทองคำมากกว่าครึ่งหนึ่ง แต่นั่นถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าช่วงขาลงของราคาทองคำโลกมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว และราคาจะเริ่มปรับตัวขึ้น โดยเห็นได้จากราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่ปรับตัวสูงขึ้นมากสุดในรอบ 2 เดือนที่ 1,372 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และคาดว่าอีกไม่กี่สัปดาห์จะขึ้นไปอยู่ที่ 1,4201,490 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์

ความเห็นของนักวิเคราะห์ดังกล่าวสอดรับกับผลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่เผยว่า นักวิเคราะห์ด้านทองคำถึง 13 จากทั้งหมดที่ไปสำรวจ 22 คน ระบุว่าทองคำในสัปดาห์นี้จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากความต้องการซื้อทองคำเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องประดับยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่ราคาทองในขณะนี้ถือว่าถูกอยู่

“ผู้คนซื้อทองคำรูปพรรณเก็บไว้เพื่อสะสมความมั่งคั่งในระยะกลางและระยะยาว ตรงกันข้ามกับกองทุนที่ลงทุนในทองคำที่มีจุดประสงค์เพื่อต้องการเข้ามาเก็งกำไรมากกว่า” มาร์ค โอไบรเน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของโกลคอร์และโบรกเกอร์ขายทองคำแท่งและเหรียญทองคำ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก พร้อมเสริมว่า ความต้องการทองคำแท่งยังคงสูงอยู่ เพราะราคาทองในขณะนี้ถือว่าน่าลงทุนมาก

ถึงกระนั้นก็ตาม แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ไปต่างๆ นานา แต่ความเห็นทั้งหมดทั้งมวลนี้ยังไม่อาจเชื่อถือและนำมาคาดการณ์ทิศทางราคาในตลาดทองคำโลกได้เสียทั้งหมด เพราะจากปัจจัยทั้งของฝ่ายที่เห็นว่าราคาทองจะลดลงกับฝ่ายที่คิดว่าจะเพิ่มขึ้นนั้น ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดทิศทางราคาทองคำโลกมีความซับซ้อนและหลากหลายมากในปัจจุบัน ดังนั้น การมองทิศทางการลงทุนทองในระยะกลางถึงยาวจึงยังไม่อาจคาดการณ์ได้อย่างแน่ชัดว่าจะออกมาในทิศทางใดกันแน่

ขณะเดียวกัน ปัจจัยความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงอยู่ในช่วงครึ่งๆ กลางๆอยู่ อาจทำให้ราคาทองคำโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องจับตาในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ ที่เฟดจะมีการประชุมว่า สุดท้ายแล้ว เฟดจะลดการใช้นโยบายคิวอีเดือนละ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตามที่ถูกคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าในเดือน ก.ย.นี้ เฟดจะลดคิวอีลงจริง แต่ในแง่ของความเป็นจริงแล้ว ความเสี่ยงในด้านเงินเฟ้อโลกก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ธนาคารกลางของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างยูโรโซน อังกฤษ ญี่ปุ่น ยังคงมีแนวโน้มว่าจะยังคงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ จึงทำให้ความต้องการลงทุนในทองคำเพื่อเป็นเกราะคุ้มกันจากภาวะเงินเฟ้อก็ยังมีอยู่

ดังนั้น การลงทุนทองคำในระยะนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวัง และพิจารณาพร้อมกับวิเคราะห์ข้อมูลแบบชอร์ตต่อชอร์ตกันเลยทีเดียว

โดย...พันธสิทธิ เจริญพาณิชย์พันธ์

โพสต์ทูเดย์ วันที่ 19 สิงหาคม 2556 เวลา 08:15 น. |

ที่มา ทองคำโลกฟื้นช่วงสั้นระยะยาวผันผวนหนัก - โพสต์ทูเดย์ ข่าววิเคราะห์

 

ตามสถานการณ์ที่นักการเงินอเมริกันบางคนมอง นี่เป็นการปั่นราคาทองในระบบซื้อขายล่วงหน้าด้วยคอมพิวเตอร์ให้ราคาตกลงมา เพื่อหวังดันเงินดอลล่าร์ขึ้น ทั้งๆ ที่มูลค่าเงินอเมริกันตกลงมาก เพราะคนอเมริกันเริ่มไปถือครองโลหะมากขึ้น (เงิน แพลตินิม และเหรียญทองอีกบางส่วน เพราะคนอเมริกัน โดนห้ามถือครองทองคำ)

อันที่จริงแล้วทุกๆ เดือน FED พิมพ์เงินออกมาเดือนละ ๔ หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือปีละ ๕​ แสนล้านเหรียญ โดยไม่มีทองหรืออะไรหนุนหลัง เพื่อค้ำจุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ นักเศรษฐศาสตร์บางคนทำนายว่า ใกล้วันซึ่งจะเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจขึ้นมาเรื่อยๆ

ใครที่ถือทองจริงๆ ไว้ (ไม่ใช่ในกระดาษ) ก็ไม่ต้องไปตกใจรีบขายออกไปนัก เพราะหากเวลานั้นมาถึง สิ่งที่จะราคาตกค่าจริงๆ คือเงินกระดาษของสหรัฐ และพวกใบๆ ต่างๆ (รวมถึงหุ้น)

 

27 ส.ค. 56

ท่านมาร ทำงาน พาลสนุก
เร่งรุด ที่นั่น ที่นี่
ภาพข่าว ต่างลง อึ้งมี่
ต่างที่ ต่างกรรม ทำมา

ความดี มีไว้ ใช้ยัน
ป้องกัน เหล่ามาร ได้ดี
เร่งทำ กันเถิด น้องพี่
ก่อนที่ ไม่มี ที่ทำ

เคอิสรา

 

น้ำท่วมในลาว เสียชีวิตแล้ว 16 ศพ ผู้คนนับแสนเดือดร้อน​

​

น้ำท่วมใหญ่ในลาว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 16 ศพ บ้านเรือน ที่ดินได้รับความเสียหาย และปศุสัตว์ล้มตาย ประชาชนกว่า 1 แสนคนเดือดร้อน หลังน้ำท่วมต้องบูรณะฟื้นฟูกันขนานใหญ่

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ว่า สหประชาชาติ หรือยูเอ็น แถลงวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 ศพ และอีกหลายพันคนไร้ที่อยู่อาศัย เนื่องจากต้องสูญเสียบ้านเรือน ที่ดินทำกิน หรือปศุสัตว์ ทั่วประเทศจากเหตุการณ์ฝนตกหนัก โดยผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นระหว่างเกิดน้ำท่วมฉับพลัน หลังฝนตกหนักในเมืองเบง ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา

แถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่ประสานงานของยูเอ็นฝ่ายกิจการลาว ระบุว่า มีประชาชนมากกว่า 115,000 คน ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม แต่ไม่ได้ระบุจำนวนของผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ขณะที่พื้นที่เพาะปลูกข้าวหลายพันไร่ถูกน้ำท่วม และปศุสัตว์ล้มตายในเหตุการณ์น้ำท่วมตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ฝนตกหนัก ซึ่งเริ่มในเดือนมิถุนายน ยังคงตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือและภาคกลางของประเทศ ทำให้ประชาชนต้องการความช่วยเหลือทั้งเรื่องการซ่อมแซมบ้านเรือนและอาหารการกินเป็นการด่วน ซึ่งในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ลาวจะต้องบูรณะโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้รับความเสียหาย หรือจมอยู่ใต้น้ำ ส่วนความเสียหายมากกว่า 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ลาวเป็นประเทศยากจน ไม่มีพื้นที่ออกทะเล มีประชากรประมาณ 6 ล้านคน ซึ่งบริหารประเทศโดยรัฐบาลคอมมิวนิสต์

เดลินิวส์ วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2556 เวลา 18:56 น.

มันมาอีกแล้ว หมอกควันไฟป่าเกาะสุมาตรา​

​

หมอกควันหนาทึบจากเผาป่า แผ่ปกคลุมเกาะสุมาตรา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินโดนีเซียอีกรอบในวันนี้ ทางการเร่งจัดการก่อนจะลอยไปปกคลุม สร้างปัญหาให้ประเทศเพื่อนบ้านเหมือนก่อนหน้านี้

สำนักข่าวเอเอฟพีและเอพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่า หมอกควันไฟหนาทึบ จากการแผ้วถางและเผาป่าเพื่อทำการเกษตรกร แผ่ปกคลุมเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียในวันนี้ ส่งผลให้เที่ยวบินโดยสารขึ้นลงสนามบินท้องถิ่นหลายเที่ยว ต้องยกเลิกการเดินทาง

นายซูโตโป ปูร์โว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซ๊ย เผยว่า ช่วงบ่ายวันนี้ จากการบินตรวจสอบทางอากาศ พบไฟไหม้ลามประมาณ 488 จุดทั่วเกาะ ทางการส่งเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ทิ้งน้ำสกัดเพลิงตามจุดต่างๆ และมีรายงานว่า เที่ยวบินโดยสารขึ้นลงสนามบินเมืองเปกันบารู เมืองเอกของจังหวัดริอู สามารถลงจอดไเ้เพียงเที่ยวเดียว ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม มาเลเซียและสิงคโปร์ 2 ประเทศเพื่อนบ้าน ที่เคยได้รับความเดือดร้อน จากหมอกควันไฟป่าที่ลอยไปจากเกาะสุมาตราหลายครั้ง รวมถึงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ยังไม่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าครั้งล่าสุดแต่อย่างใด

เดลินิวส์ วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2556 เวลา 22:02 น.

สหรัฐลั่นส่งทหารเข้าซีเรียไม่จำเป็นต้องรอ "ไฟเขียว" จากใคร​

​

ทางการสหรัฐประกาศจุดยืนในการส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซงกิจการภายในของซีเรียว่า "ไม่จำเป็น" ต้องผ่าน "ความเห็นชอบ" จากรัฐสภา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ว่านายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวได้หารือกับนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาคองเกรส เกี่ยวกับเรื่องการส่งกำลังทหารเข้าไปยังซีเรียแล้ว ซึ่งโบห์เนอร์เพียงขอให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องอธิบายวัตถุประสงค์และยุทธศาสตร์ด้านกลาโหมให้ชัดเจน รวมถึงแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนที่จะมีการตัดสินใจเท่านั้น ซึ่งนายเบรนแดน บัค โฆษกส่วนตัวของโบห์เนอร์ ออกมากล่าวยืนยันว่า ทำเนียบขาวเชิญโบห์เนอร์เข้าไปประชุมด่วนในเรื่องซีเรียจริง

หลังสิ้นสุดสงครามเวียดนาม สภาคองเกรสบังคับใช้กฎหมายจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐว่าด้วยการประกาศสงคราม หรือการส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซงในประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งกำลังตกอยู่ในภาวะ "คับขัน" หรือ "รุนแรง" ที่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่มาถึงสหรัฐ ว่าต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมก่อน โดยจะต้องยื่นเรื่องภายใน 48 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐทุกคนตั้งแต่ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เป็นต้นมา มักใช้วิธีเพียงเชิญประธานสภาคองเกรสเข้าพบ แล้ว "แจ้งให้ทราบ" เรื่องการแทรกแซงทางทหารเท่านั้น ก่อนเริ่มดำเนินการทันทีโดยที่ไม่รอการพิจารณาจากสภาก่อน ทั้งนี้ ตัวอย่างที่เห็นชัดล่าสุด คือการที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบัน "อ้าง" มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) แล้วเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกองทัพของพันเอก โมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียทันที เมื่อเดือนมี.ค. 2554 ทั้งที่สถานการณ์ในลิเบียไม่ได้เข้าข่ายเป็น "ภัยคุกคาม" ต่อสหรัฐ ตามกฎหมายเมื่อปี 2516 แต่อย่างใด

เดลินิวส์ วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2556 เวลา 07:58 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

28 ส.ค. 56

หลังจากที่ลงเตือนเรื่องภัยของรถยนต์ไป ข่าวเกี่ยวกับเรื่องรถก็เข้าแถวเรียงกันมาให้ได้อ่าน

รถตู้ชนวินาศ 9 ศพ ที่ปราจีนบุรี อัด 22ล้อ (ข่าวไทยรัฐ)

เจ็บระนาว รถตู้รับส่งนักเรียน โรงเรียนราชวินิตสุวรรณภูมิ เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า อ.บางพลี สมุทรปราการ (ไทยรัฐ)

รถร่วม บ.ข.ส. สายกรุงเทพ ฉะเชิงเทราชนรถบัส เจ็บ 3(ข่าวช่อง 3 )

ระวังโดมิโน่ ระวังเด็กด้วย

เคอิสรา

 

สหรัฐปฏิเสธการโจมตีซีเรียไม่ได้คิดเปลี่ยนรัฐบาล​

​

สหรัฐออกโรงปฏิเสธการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โค่นอำนาจประธานาธิบดีอัสซาด ลงจากอำนาจ เพียงแต่ต้องการตอบโต้การใช้อาวุธเคมีโจมตี ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ว่า ทำเนียบขาว ปฏิเสธความพยายามใช้กำลังทหารเพื่อโค่นอำนาจประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ลงจากอำนาจเมื่อวานี้ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังพิจารณาทางเลือกในการตอบโต้การใช้อาวุธเคมีโจมตีในซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ทางเลือกที่รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาอยู่ ไม่ได้มุ่งหวังเพื่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลซีเรีย แต่เป็นการตอบโต้ต่อการละเมิดอย่างชัดเจนต่อกฎหมายระหว่างประเทศที่ห้ามใช้อาวุธเคมี มันเป็นความเชื่อมั่นอย่างมั่นคงของสหรัฐว่า อนาคตของซีเรียไม่สามารถให้นายอัสซาดอยู่ในอำนาจได้ แต่การพิจารณาและการกระทำขณะนี้ สหรัฐไม่ได้มุ่งเน้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามา กำลังพิจารณาโจมตีเป้าหมายในซีเรียด้วยขีปนาวุธร่อน เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหัฐมั่นใจอย่างมากว่า เป็นฝีมือของรัฐบาลซีเรีย

นายคาร์นีย์ กล่าวว่า สหรัฐคาดว่าจะเปิดเผยรายงานอย่างเป็นทางการของหน่วยข่าวกรองสหรัฐต่อสาธารณชนได้รับทราบเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมีในอีกไม่กี่วันนี้ ซึ่งคาดว่ารายงานจะสรุปว่า รัฐบาลซีเรียต้องรับผิดชอบสำหรับการโจมตีดังกล่าว ซึ่งนายคาร์นีย์ บอกว่า ไม่มีข้อสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตี

โฆษกทำเนียบขาว กล่าวด้วยว่า ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า มีการใช้อาวุธเคมีในปริมาณมาก สหรัฐรู้ว่า รัฐบาลซีเรียมีอาวุธเคมีเก็บไว้จำนวนมาก และใช้ในรูปแบบของการติดหัวรบจรวดเหมือนการโจมตีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่ฝีมือฝ่ายค้าน สหรัฐรู้ว่า ฝ่ายค้านไม่มีขีดความสามารถเท่ารัฐบาลซีเรีย

ประธานาธิบดีโอบามา ปฏิเสธก่อนหน้านี้แล้วว่า ไม่ต้องการใช้ทหารบุกทางภาคพื้นดินในซีเรีย

เดลินิวส์ วันพุธที่ 28 สิงหาคม 2556 เวลา 04:21 น.

อังกฤษอาจใช้ฐานทัพอากาศในไซปรัสถล่มซีเรีย​

​

มีความเป็นไปได้ว่า อังกฤษจะเปิดฐานทัพอากาศในไซปรัส เป็นฐานปฏิบัติการโจมตีซีเรีย เหมือนกับที่เคยใช้ปฏิบัติการในลิเบีย เพราะอยู่ห่างจากซีเรียไม่ถึง 100 กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงนิโคเชีย ประเทศไซปรัส เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ว่า นายคริสตอส สไตเลียนิดิส โฆษกของรัฐบาลไซปรัส เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ไม่ได้มีการหยิบยกประเด็นการใช้ฐานทัพอังกฤษแห่งหนึ่งในไซปรัส ประเทศเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อปฏิบัติการโจมตีซีเรีย ขึ้นมาหารือกัน แต่ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ ขณะที่มหาอำนาจตะวันตกกำลังพิจารณาทางเลือกความเป็นไปได้ในการโจมตี หลังจากการใช้อาวุธเคมีโจมตีในพื้นที่ชานกรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสหรัฐเชื่อว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย อยู่เบื้องหลัง

หนังสือพิมพ์หลายฉบับของอังกฤษ คาดการณ์ว่า ฐานทัพอาร์เอเอฟ อโครติริ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไซปรัส อาจถูกใช้ในปฏิบัติการนี้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลไซปรัสเอง ก็ประณามความเป็นไปได้ในการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย และระบุว่า ไซปรัสจะดำเนินการบนพื้นฐานการตัดสินใจของสหภาพยุโรป หรืออียู ด้านโฆษกของฐานทัพอังกฤษในไซปรัส กล่าวว่า ยังไม่มีการเคลื่อนไหวในการเพิ่มกิจกรรมการบินที่ฐานทัพแห่งนี้

ทั้งนี้ อังกฤษมีฐานทัพอยู่ 2 แห่งในไซปรัส อดีตอาณานิคม ซึ่งอยู่ห่างจากซีเรียไปทางตะวันตกในจุดที่ใกล้ที่สุดไม่ถึง 100 กิโลเมตร บทบาทของฐานทัพแห่งนี้ ปกติก็ใช้เพื่อการสนับสนุนปฏิบัติการในภูมิภาค และไม่มีวัตถุประสงค์ในการโจมตี ก่อนหน้านี้ ฐานทัพอากาศของอังกฤษที่อโครติรี ถูกใช้เป็นศูนย์กลางบัญชาการประสานงานการเคลื่อนย้ายอาวุธของอังกฤษในปฏิบัติการทางทหารของนาโตในลิเบีย เมื่อปี 2554

เดลินิวส์ วันพุธที่ 28 สิงหาคม 2556 เวลา 04:19 น.

น้ำท่วมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเลวร้ายสุดในรอบกว่า 10 ปี​

​

น้ำท่วมใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเลวร้ายที่สุดในรอบมากกว่า 10 ปี มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 80 ศพ และประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ว่า สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานเมื่อวานนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 80 ศพ และหลายแสนคนต้องทิ้งบ้านเรือนอพยพ หลังจากเกิดน้ำท่วมเลวร้ายที่สุดในรอบมากกว่า 10 ปี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซินหัวระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ศพในมณฑลจี๋หลิน และประชาชน 239,000 คน ถูกอพยพ หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่อง จนเกิดความโกลาหลใน 56 เมือง

ทั้งนี้ พายุฝนตกหนัก ยังซัดกระหน่ำมณฑลเฮย์หลงเจียงและเหลียวหนิง ซึ่งยืนยันแล้วว่ามีผู้เสียชีวิต 85 ศพ และสูญหาย 105 ราย เฉพาะในมณฑลจี๋หลิน พื้นที่การเกษตรเสียหายนับล้านไร่ เช่นเดียวกับบ้านเรือนประชาชนนับหมื่นหลังได้รับความเสียหาย ซึ่งประเมินความเสียหายน่าจะอยู่ที่กว่า 10,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลของมณฑลจี๋หลิน ต้องส่งข้าวกว่า 800 ตันไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย

เดลินิวส์ วันพุธที่ 28 สิงหาคม 2556 เวลา 00:38 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

29 ส.ค. 56

นับจากบทนี้ ยังตามมาอีกไม่ต่ำกว่า 5ราย (ข่าวช่อง 3) น่าเศร้าจริงๆ

เคอิสรา

 

29 ส.ค. 56

ความดี มีเร่ง เคร่งทำ
บุญนำ ป้องปราม เพศภัย
ชักช้า ก็ต้อง อาลัย
อุบัติภัย ตามมา พาไป

เคอิสรา

 

มันมีทุกวันแหละลุง ประเทศไทยติดอันดับ 3 ของโลก มีสัดส่วนการเสียชีวิตต่อประชากร 1 แสนคน จากอุบัติเหตุทางถนน

ลุงไปที่เว็บนี้>>ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ เอามาลงได้ทุกวันเลยเพื่อเสริมสร้างอิทธิปาฏิหารย์ที่ต้องการนำเสนอ