อาจจะถามไม่ค่อยถูก อยากทราบว่าสถานะเมื่อเข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไรครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย patz_bkk, 1 สิงหาคม 2013.

  1. patz_bkk

    patz_bkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +5,664
    ผู้ที่บรรลุนิพพาน จะดูยังไงครับ หรือถ้าเป็นเราเอง(คงเป็นไปไม่ได้ )
    จะมีสิ่งใดบอกว่าได้บรรลุนิพพานครับ

    อนุโมทนากับคำตอบทุกท่านครับ
     
  2. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ความมั่นใจ ในสิ่งที่เรา รู้แจ้ง

    อุปมา การนับเงิน

    มีหีบใบใหญ่ ขนาด 10 ล.บ.ม. อยู่ ๕ หีบ ทุกหีบบรรจุธนบัตรและเหรียญบาทอยู่เต็มหีบ
    ถ้า คุณ มีความสามารถนับเงินในหีบทั้ง ๕ ได้ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไร โดยไม่ผิดและมั่นใจ
    ในคำตอบ การบรรลุนิพพาน ก็เช่นกัน คือ รู้แจ้งโลก รู้เท่าทันอุปทานขันธ์ทั้ง ๕ โดยละเอียดแล้ว
     
  3. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    อันชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ
    เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์ ฤาอุบายมุ่งร้ายฉมังนัก มโนหนักมืดมัวเหมือนราตรี
    และดวงใจย่อมดำสกปรก ราวนรกเช่นกล่าวมานี้ ไม่ควรใครไว้ใจในโลกนี้ เราควรมาฟังดนตรีเถิดชื่นใจ...


    ต้องเข้าใจตรงนี้ได้ก่อนไหม?

    ว่าทำไม พระพุทธเจ้า ตรัสสอนไม่ให้ยินดี ในรูป เสียง กลิ่น และรส

    เรื่องเสียงเพราะๆ หรือเสียงเพลง อยู่ที่ศีล ข้อต้นๆเท่านั้นเอง

    คุณพอจะเข้าใจไหมละ ว่าทำไม?

    พระพุทธองค์ถึงสอน ไม่ให้ยินดีในเสียง?

    ถ้าคุณพอเข้าใจ ก็พอจะอธิบาย เรื่องฌาณ เรื่องสมาบัติได้

    นิพพาน ยังอีกไกลนะ...
     
  4. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    จะใกล้หรือไกล ยกไว้ก่อน เพราะทุกคนบำเพ็ญบารมีมาคงไม่เท่ากัน โดยเฉพาะถ้าเพิ่งเริ่มในชาตินี้ ก็คงต้องเริ่มนับ ๑
    แต่บางคนบารมีเต็มแล้ว ก็บรรลุนิพพานได้ไม่ยากเย็นอะไร เปรียบ การตัดต้นไม้ใหญ่เมื่อไม้ใกล้ล้มแล้ว ย่อมล้มลงในฝั่งพระนิพพานเท่านั้น
    พระองคุลีมาล พระพาหิยะ ฯลฯ ฟังธรรมก็บรรลุได้ ไม่เห็นท่านต้องมานับ ๑ เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่า ท่านจะข้ามขั้น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ นะครับ
    แต่ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ....๙ นั้นท่านทำมาเกินแสนกัปป์แล้ว
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เวลาตั้งคำถาม

    1. ไม่ควรที่จะไปตั้งคำถาม ที่ตนเองไม่สามารถ ใคร่ครวญด้วยความ
    แยบคายด้วยปัญญาอันยิ่งของตนได้

    2. ไม่ควรตั้งคำถามที่ไม่อาจจะแจงลงไปได้ว่า มีหนทางวิธีทำหรือไม่
    หนทางวิธีนั้นมีผู้เคยเดินมาก่อนหรือเปล่า

    3. ไม่ควรตั้งคำถามไปในทางประมาท เช่นกล่าวว่า "ถ้าเป็นเราเอง(คงเป็นไปไม่ได้ )"

    ขอแนะนำว่า คุณลองตั้งคำถามใหม่ เอาที่พอจะตอบเองได้ เห็นหนทางได้ และ
    ไม่ ประมาทฝีมือตน เป็นใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่น

    " นิพพาน มีประโยชน์อย่างไร " จะเป็นคำถามที่พอดีๆ คุณก็ตอบได้เอง
    ตอบแล้วยังหาหนทางพอได้ด้วยว่าต้องทำอะไรบ้าง แถม ลงมือทำแล้ว
    ก็รู้เอง เห็นเองว่า " ข่อยซอยแน่ " ( ผมทำได้เนืองๆ )

    แต่ถ้าไปตั้งว่า " นิพพานมีคุณ และ โทษ อย่างไร " อันนี้จะไม่พอดี จิตใจ
    เราจะไหลไปตอบคำถามที่ตอบง่ายๆ ก่อน อาจจะไปตอบว่า นิพพาน ทำให้
    คนในโลกสูญพันธ์ อะไรเทือกนั้น ซึ่งคำตอบนี้ พูดได้แบบเปราะเปราะเลย
    มันง่ายกว่าจะตอบว่า มีประโยชน์อย่างไร

    ดังนั้น

    จะเข้ามาศึกษาธรรม ต้องตั้งคำถามให้เป็น ตั้งเป็น ก็อาจจะบรรลุธรรม ไปเลย

    เพราะตั้งเป็น ก็จะมีการใคร่ครวญ โยนิโสมนสิการ มี หนทาง กัลยณมิตรที่
    ดีคู่ตนใครก็มาพรากจากเราไม่ได้ มีความไม่ประมาท เพียรนำตนส่งไปแผดเผา
    เพื่อหยั่งลงสู่ อมตะ นิพพาน
     
  6. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    ในยุคนี้ที่ได้ยิน..ก็เห็นมีองค์หลวงตาพระมหาบัวท่าน

    ที่ท่านประกาศ..แต่ขณะนี้ต้องขอใช้คำว่าท่านละสังขาร

    ไปแล้ว..แต่ยังมีครูอาจารย์ที่องค์ท่านได้เปิด..เป็นนัย

    เอาไว้..ก็องค์หลวงปู่ลี วัดถ้ำผาแดง( เศรษฐีธรรม )

    และยังมีองค์อื่นๆอีก..ต้องลองค้นหาดูครับ


    เท่าทีศึกษามาครับ.ในสายพระอริยจะรู้กันได้โดย..

    สูงจะรู้ต่ำ..และระดับเสมอกันครับ.


    แต่ถ้าคำตอบที่ได้จากการถามก็ไม่สิ้นสงสัยเท่ากับ

    เรารู้เองหลอกครับ พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสไว้

    พละ ๕..๗วัน..๗เดือน..๗ปี..ไม่อนาคามีก็พระอรหันต์ครับ

    เพียงแต่เริ่มแรกต้องไม่ดูถูกตัวเองก่อนครับ.



    ขอถามมั่งที่ถามมานี่..ถามไปเพื่ออะไรครับ ?.
     
  7. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    อายตนะ พระนิพพาน นั้นจะรู้ได้ เหมือนคนกินข้าวอิ่ม
    กินข้าวไปคำแรกก็ยังอยาก คำที่สอง สาม สี่ จนหมดจานถ้ายังไม่อิ่มมันก็อยากต่อ
    แต่พอกินอิ่มแล้ว พอ ไม่อยาก ไม่ต้องไปถามใครว่าอิ่มหรือยัง

    นี่เปรียบเทียบกับการปฏิบัติธรรมคือ ชำระกิเลส ถอนความโง่ความหลงพอไปถึงจุดเต็มภูมิในฐานะของตน ตามกิจของตนแล้ว รู้เอง เห็นเอง จะเป็นไปตามลำดับถ้าเดินถูกทาง จะเห็นความสิ้นไปของกิเลสจนหมดจรด จนไม่สงสัยอีก นั้นแหละ พอแบบคนกินข้าวอิ่ม แต่ต้องไม่หลอกตัวเองเสียก่อน ตัวปัญญานั้นแหละจะหลอกตัวเอง ให้ได้สัมมาสมาธิประกอบกับสติปัญญา จึงจะไม่หลอกตนเอง
     
  8. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ความเห็นผมนะครับ ถามเพราะอยากรู้ ถามเพื่อนำคำตอบไปเทียบเคียงพระไตยปิฎก
    ถามหาเหตุหาผล ส่วนคำตอบจะใช่หรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของผมเองที่จะต้องพิจารณาเอง
    เมื่อได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจแล้วเข้าได้กับพระวินัยและพระสูตร ก็นำมาไว้เตือนสติเวลา
    พลั้งพลาดเวลา เกิดอุปกิเลส๑๐ ตัวใดตัวหนึ่ง ทำให้เข้าใจผิดว่าได้มรรคได้ผลแล้ว

    เมื่อจะไปที่ใดก็ควรเรียนรู้ให้ทราบว่าที่นั้นอยู่ที่ใดก่อน มิเช่นนั่นจะไปถึงที่ที่นั้นได้ยังไง
    ต้องการพระนิพพาน ก็ควรรู้เสียก่อนว่าพระนิพพานเป็นเช่นใด ถ้าไม่รู้จักแล้วจะได้ได้ยังไง
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย สังขตธรรมก็ดี อสังขตธรรมก็ดี มีประมาณเท่าใด วิราคะธรรม เรากล่าวว่าเป็น ยอดของสังขตธรรม และ อสังขตธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด วิราคะธรรมนั้นได้แก่ ธรรมอันเป็นที่สร่างแห่งความเมา เป็นที่ขจัดความกระหาย เป็นที่ถอนความอาลัย เป็นที่ตัดวัฎฎะ เป็นที่สิ้นตัรหา เป็นที่คลายกำหนัด เป็นที่ดับกิเลส นี่แลคือ นิพพาน..--อิติวุ.ข.25/298/270..
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง ซึ่ง นิพพาน แก่พวกเธพอทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลาย จงฟังความข้อนั้น ภิกษุทั้งหลาย นิพพาน เป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ อันใด ...ภิกษุทั้งหลาย อันนี้แล เราเรียกว่า นิพพาน.....สฬา.สํ.18/452/741..
     
  11. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ผมเชื่อว่า ถ้าคุณ เป็นผู้ปฎิบัติ คนนึง...คุณคงเคยฟังธรรมมาบ้าง เกี่ยวกับเรื่องความรู้ต่างต่างในพระศาสนา ปฎิจสมุปบาท หรืออริยสัจสี่...มีสติ มีความเพียร มีสมาธิพอควร...อาจจะเคยเกิดอาการ ผลุบผลุบโผล่โผล่...จมจม ลอยลอย ....ที่โผล่ไปแตะข้างบนบ้าง หรือ ภาวะ แว้บแว้บ....รส นั้น นั้นแหละ...ที่ทีคุณคนเดียวตอบได้ หรือ การค่อยค่อยก่อมรรคน้อยน้อยอย่างสัมมาทิฎฐิ ที่จะทำ ไม่ให้ คุณหยุดภาวนาได้เลย....เมื่อ คุณเห็นด้วยดวงตา ว่า นี่จริง นั่น ไม่จริง ด้วยตนเอง.................เมื่อแยกแยะสิ่งใดใดได้บ้าง คำถามที่ไม่มีใครตอบได้หรือตอบได้ก็อาจจะไม่เข้าใจ ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นมา :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2013
  12. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    คุณยังสนใจในร่างกายอีกหรือเป่า คุณยังคิดอยากเกิดอีกหรือเป่า ถ้าคุณยังคิดอยากเกิด อยากรวยล้นฟ้า อยากทุกอย่าง โดยไม่เพลาลงบ้าง ยังไปไม่ได้จ๊ะ ถามตัวเองง่ายๆๆแค่นี้ก่อน
     
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    สภาวะนิพพานเป็นคุณสมบัติของอริยบุคคลเช่นพระอรหันต์ เป็นต้น
    หากจะดูแต่ภายนอกจาก กาย วาจา อาจจะผิดพลาดได้เพราะอริยบุคคล
    กาย วาจา อาจจะไม่ได้เนี๊ยบอย่างที่คิด
    แต่ใจเนี๊ยบแน่นอน
    ดังนั้น แนะนำให้ดูที่ใจว่าบุคคลใดหมดกิเลสโดยสิ้นเชิงแล้วนั่นแหละใช่เลย!!!
    แต่อย่าหวังว่าใช้แค่"ตาเนื้อธรรมดา"ไปดูแล้วจะเห็น!!!
     
  14. L-Walkers

    L-Walkers เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2013
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +176
    ตามหลักความจริงแล้วไม่สามารถอธิบายได้นะจากการปฎิบัติธรรมมาพอสมควร ผมจะให้คำจำีกัดความว่าเมื่อถึงเข้านิพพานว่า สุญญตา ความสุขความว่างอันไรครอบเขต ความสะอาด ความบริสุทธิ์ มันไม่ใช่อารมนะ มันไม่ใช่ความรู้สึกนะ อธิบายได้เพียงเท่านี้ เพราะความหมายของคำนี้ เกินกว่าสมองจะหาคิดค้นหาคำพูดออกมาอธิืบายได้จริงๆ
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คุณเข้าใจคำว่า จิตที่ว่างจากธรรมทั้งปวงไหมครับ
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    สุญญตาคือ สภาวะที่ ไร้องค์ประกอบที่เป็นปัจจัยให้เกิด
    การปรุงแต่งทั้งปวง
    ความกว้าง ยาว ลึก แค่ไหนไม่มีประมาณพอได้ไหมครับ???
     
  17. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ก่อนที่จะบรรลุนิพพาน หรือถึงนิพพาน ก็ต้องผ่าน ขั้นแรกมาก่อน คือ บรรลุมรรคผล สำเร็จมรรคผล เมื่อถึงขั้นตอนนี้ ร่างกายก็จะเริ่มรู้จักการขจัดอาสวะออกจากร่างกาย คำว่า อาสวะ หมายถึง ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก หรือการระลึกนึกถึง ซึ่งต่างก็ล้วนเป็น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทั้งนั้นแหละขอรับ และขณะขจัดอาสวะออกจากร่างกายได้เป็นบางส่วนหรือบางครั้ง ก็จะเปล่งฉัพพรรณรังสี เพราะ อาสวะทั้งหลายล้วนเป็นคลื่นไฟฟ้า ฯ เป็นแสงสีแตกต่างกันไปตามสภาพสภาวะจิตใจ
    เมื่อสำเร็จมรรคผล ก็จะคาบเกี่ยวกับ ชั้น โสดาบัน ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ส่งสัยว่า ชั้นโสดาบัน ปฏิมรรค โสดาบันปฏิผล ตามหลักพุทธศาสนา น่าจะหมายถึง การบรรลุมรรคผล สำเร็จมรรคผล ตามหลักการของข้าพเจ้า แต่ในความเข้าใจของข้าพเจ้า เมื่อบรรลุมรรคผล สำเร็จมรรคผล แล้วจะบรรลุโสดาบัน และ สกทาคามี,อนาคามี ,อรห้นต์ และ บรรลุนิพพาน จนถึงสำเร็จนิพพาน ตามลำดับ เมื่อสำเร็จนิพพานแล้ว ยังมีขั้นที่สูงกว่านิพพานอีกอย่างน้อยหนึ่งชั้น ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ไม่ทราบว่าจะเรียกชื่อว่าอย่างไรดี
    เอาเป็นว่า เมื่อบุคคลบรรลุนิพพาน ซึ่งจะเกิดคาบเกี่ยวขณะสำเร็จอรห้นต์ จะมีร่างกายโปร่งแสง ถ้ามีความรู้ไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะสูญสลาย คือไม่มีความรู้สึกใดใดเลย ร่างกายแปรเปลี่ยนกลายเป็นอณูอากาส มองไม่เห็นอวัยวะใดใด และไม่มีเงา เพราะแสงสามารถส่องผ่านได้
    ถ้ามีความรู้เพียงพอ ร่างกายจะคงรูป แต่โปร่งแสง มีอารมณ์ ความรู้สึก มีการระลึกนึกถึง มีความคิด แต่จะขจัดอาสวะเกือบตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับความต้องการของบุคคลนั้น ถ้ายังจำเป็นต้องติดหลงอยู่ในวัฏฏสงสาร ร่างกายก็จะโปร่งแสงเพียงชั่วขณะ อันเป็นขณะที่ขจัดอาสวะออกจากร่างกายนั่นเอง
     
  18. ไม้เกาหลัง

    ไม้เกาหลัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +89
    สภาวะนิพพานชั่วขณะ คงเกิดได้

    แต่จะเข้าแดนนิพพานคงต้อง ดับขันธ์ จาก อายตนะ ๖ พูดง่ายว่า "ไม่มีชีวิตแล้ว" เป็นพระอรหันต์
     
  19. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    เหตุใดจึงถาม>>> เพราะอยากรู้ >> เหตุใดจึงอยากรู้>> เพราะอยากเป็น >> เหตุใดจึงอยากเป็น >> เพราะนึกว่าเป็นแล้วดี >> เหตุใดนึกว่าเป็นแล้วดี >> เพราะความไม่รู้>> เหตุใดจึงไม่รู้ >> เพราะไม่เห็นตามจริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...