ตามติดสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วลงทะเล ระยอง

น้ำมันดิบทะลักเต็มหาดเสม็ด ผู้ว่าฯ ระยองประกาศอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล





ระยอง-คราบน้ำมันดิบที่รั่วจากท่อส่งน้ำมันกลางทะเลของบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ ทะลักเข้าเต็มหาดเกาะเสม็ดแล้ว จนนักท่องเที่ยวพากันเดินทางกลับ ด้านผู้ว่าฯ ระยอง ประกาศอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเลแล้ว

วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) เกิดรั่วไหลน้ำมันดิบไหลลงทะเลจำนวน 50,000 ลิตรเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กระแสคลื่นลมทะเลได้พัดคราบน้ำมันเข้ามายังบริเวณเกาะเสม็ด จังหวัดระยอง

ล่าสุดนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วย นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 เดินทางลงเรือข้ามเกาะเสม็ดไปยังอ่าวพร้าว หมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง หลังจากเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมากลุ่มคราบน้ำมันดิบได้ทะลักเข้าชายหาดบริเวณอ่าวพร้าวที่มีความยาวประมาณ 600 เมตร และห่างจากฝั่งประมาณ 20 เมตร คราบน้ำมันมีความหนาประมาณ 20- 30 ซม.ห่างออกไปในทะเลประมาณ 200 เมตร คราบน้ำมันจะเป็นลักษณะสีดำหนา และห่างไปอีกจะเป็นลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์มบางๆ

นายวิชิต กล่าวว่า ได้ประกาศพื้นที่บริเวณอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล และขั้นแรกจะต้องป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันกระจายไปยังชายหาดอื่นที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมกับสั่งการให้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 องค์การบริหารส่วนตำบลเพ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด พร้อมกับประสานไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 100 นาย มาช่วยเหลือดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันโดยด่วน คาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 15 วันในการเก็บกู้คราบน้ำมันและฟื้นฟูชายหาดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

ด้านนายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณอ่าวพร้าวที่น้ำมันทะลักเข้าชายหาดในครั้งนี้ด้วย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่นำแผ่นซับคราบน้ำมันมาเก็บคราบน้ำมันทั่วชายหาด นอกจากนี้บริษัทฯได้ใช้เรือฉีดพ่นสารเคมีสลายคราบน้ำมัน พร้อมกับนำบูมยางมากั้นในวงจำกัด เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันหลุดออกไปยังอ่าวบ้านเพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากที่พักอยู่ตามโรงแรมบริเวณอ่าวพร้าวได้เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก และเดินทางออกก่อนกำหนดเพราะมีกลิ่นเหม็นของน้ำมันไปทั่วบริเวณ และไม่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ตลอดชายหาดอ่าวพร้าว











โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2556

 

ดร.ธรณ์เตือนใช้สารกำจัดคราบน้ำมันในทะเลตื้นเสี่ยงต่อระบบนิเวศ



ดร.ธรณ์ เตือนใช้สารกำจัดคราบน้ำมันในทะเลตื้นมีความเสี่ยงต่อระบบนิเวศ ระบุมีมีการศึกษาในหลายงานวิจัย แนะเจ้าหน้าที่ควรยอมรับว่าคราบน้ำมันนั้นส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและประชาชน และแจ้งเตือนให้ชัดเจน

จากกรณีการรั่วของน้ำมันดิบ 50,000 ลิตรบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบทางชายฝั่งมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อเข้าวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ได้ใช้สารเคมีสลายคราบน้ำมันในบริเวณที่พบคราบน้ำมันดังกล่าว ทาง ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ควรต้องพิจารณาให้รอบคอบต่อการใช้สารดังกล่าว

ดร.ธรณ์ได้กล่าวเตือนทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การใช้สารกำจัดคราบน้ำมันที่ช่วยให้น้ำมันแตกตัวและกระจายกันก่อนจมลงสู่ทะเลนั้นต้องมีความระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้ในทะเลตื้นที่มความลึกต่ำกว่า 20 เมตร เพราะมีหลายงานวิจัยที่ระบุว่ามีความเสี่ยง โดยมีงานวิจัยล่าสุดที่เปิดเผยในการประชุมระดับนานาชาติเกี่ยวกับการรั่วของน้ำมันเมื่อปี 2012

เหตุผลของการออกมาเตือนในเรื่องดังกล่าวนั้น ดร.ธรณ์บอกแก่ทางทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าการรั่วของน้ำมันครั้งนี้มีความเสี่ยงและผลกระทบ และควรอธิบายอย่างเป็นขั้นเป็นตอนถึงการรับให้ชัดเจน เช่น ใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำมันไปอ่าไรบ้าง จะมีคราบน้ำมันหลุดไปถึงชายหาดใดบ้าง เพื่อให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่เตรียมรับมือ เป็นต้น

"ที่ผ่านมามีแต่บอกว่าไม่มีผลกระทบ" ดร.ธรณ์

ทั้งนี้ หากคราบน้ำมันถูกพัดเข้าชายฝั่งจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างมาก เพราะเป็นแหล่งอาศัยขงสัตว์ทะเล และเป็นแหล่งทำการประมง จึงมีการใช้สารกำจัดคราบน้ำมนเพื่อให้แตกตัวและจมลงสู่ทะเลเพื่อการย่อยสลายตามธรรมชาติต่อไป

ทว่าการใช้สารดังกล่าวก็มีผลกระทบ ซึ่ง ดร.ธรณ์ระบุว่า ยังไม่อาจตอบได้ในระยะสั้นตอนนี้ว่าส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ต้องมีการศึกษาและประเมินกันต่อไป แต่หลายงานวิจัยชี้ว่าการใช้สารกำจัดน้ำมันในน้ำตื้นนั้นมีความเสี่ยง แต่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพของระบบนิเวศนั้นๆ

นอกจากการใช้สารกำจัดน้ำมันแล้ว ดร.ธรณ์บอกทางเลือกว่ายังมีวิธีกำจัดด้วยการใช้ทุ่นกันไม่ให้น้ำมันเข้าชายฝั่ง แต่ทุ่นต้องกว้างพอ และใช้เรือตักคราบน้ำมัน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ด้วยความพร้อมที่มีในปัจจุบันเราไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้




ภาพถ่ายดาวเทียมเผยคราบน้ำมันที่กำลังถูกพักเข้าชายฝั่ง

 

ประเมินคราบน้ำมันลอยเข้าอ่าวพร้าว 5,000 ลิตร



ภูมิภาค 29 ก.ค.-พีทีทีประเมินคราบน้ำมันลอยเข้าอ่าวพร้าวเล็ดลอดจากใต้ทุ่นประมาณ 5,000 ลิตร อยู่ระหว่างเร่งขจัด ขณะที่กองทัพเรือส่งชุดเจ้าหน้าที่ร่วมดำเนินการท่ามกลางคลื่นลมแรง

พล.ร.ต.ทิวา ดาราเมือง เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะหัวหน้าฝ่ายอำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 1 จัดส่งเครื่องบินลาดตระเวนดอร์เนียร์ (DO-228) บินสำรวจน่านน้ำเช้าวันนี้ (29 ก.ค.) เพื่อติดตามสถานการณ์คราบน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน ) ที่รั่วไหลกลางทะเลเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าคลื่นลมซัดคราบน้ำมันเข้าสู่ชายฝั่งเกาะเสม็ดบริเวณอ่าวพร้าวไปตามชายหาดประมาณเกือบ 1 กม. โดยเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายพยายามนำบูมมาล้อมให้คราบน้ำมันอยู่ในวงจำกัด แต่การดำเนินการเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากคลื่นลมค่อนข้างแรง ทางกองทัพเรือจึงระดมกำลังช่วยขจัดคราบน้ำมันอย่างเต็มที่

ด้านนายพรเทพ บุตรนิพัทธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอลจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เตรียมถังพลาสติกสีขาวถังละ 1,000 ลิตร จำนวน 20 ถัง และปั๊มดูดอีกหลายตัว เพื่อดูดคราบน้ำมันเก็บใส่ถัง เพราะน้ำมันเบากว่าน้ำ ส่วนการกักเก็บคราบที่เกาะอยู่บนทรายชายหาดที่เหนียวหนืดใช้กระดาษฟิล์มซับน้ำมันและพลั่วตักออกเร่งกำจัดแล้ว สาเหตุที่น้ำมันเข้ามาเร็วนั้นเนื่องจากน้ำมันเล็ดลอดใต้บูม (ทุ่น) ที่ล้อมใว้ถึง 2 ชั้น คาดว่าประมาณ 5,000 ลิตร ที่เหลือจากการเร่งฉีดสารสกัดตั้งแต่วานนี้ ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อไม่ให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้.

-สำนักข่าวไทย

 

จากภาพคราบน้ำมันดูมีความหนามาก ข่าวช่วงเเรกได้ระบุหนาตั้งเเต่ 20 ถึง 30 ซม.
ระยะนี้คลื่นลมแรงมาก ๆทำให้คราบน้ำมันกระเพื่อมออกนอกบูมได้ง่าย
หากไม่มีอ่าวพร้าวเป็นคอกล้อมไว้ให้ ชาวบ้านเพริมทะเลคงต้องสะอื้น
จากคราบสกปรกและกลิ่นของน้ำมันใต้ถุนบ้าน

ส่วนชายชายหาดสวนสนก็จะกลายเป็นตำนานไปในชั่วข้ามคืน
หรืออาจรวมไปถึงหาดเเม่พิมพ์ด้วย เพราะทิศทางลมจะพัด
เข้าหาฝั่งขึ้นไปทางทิศเหนือค่อนไปทางตะวันออก

 

บางทีก็เบื่อพวกข่าวตามช่องต่างๆ

กระแสข่าวที่ยังค้างอยู่ก็เงียบหาย

กระแสข่าวใหม่ก็เฮกันไป..ท่อเพิ่งใช้มาแค่ปีกว่า

น่าสงสาร..สัตว์ทะเลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย.

 

ไม่รู้จะเป็นข้ออ้างขึ้นค่าน้ำมันอีกหรือไม่, ยังไงก็คงต้องดูกันต่อไปครับ

 

ความจริงก็คือประชาชนในพื้นที่เเละบริเวรใกล้เคียงมีความรู้เเค่ว่ามัน
เลอะ-ดำ-มีกลิ่นเหม็น-ไม่มีเเขกมากินเที่ยวเกาะเสม็ด-ชาวประมง
ไม่สามารถออกหากินตามปกติได้

โทษเเละพิษภัยที่จะตามมามีอะไรบ้าง?!??
ไม่ต้องรับรู้มากกว่านี้ หากรู้เเล้วจะมากเรื่อง!!?!!

 

ปตท.รายงานว่าค่าความเสียหายครั้งนี้ จะต้องให้ประชาชนผู้ใช้น้ำมันเป็นผู้รับผิดชอบ...ทั้งหมด.....ฮ่าๆๆๆ

 

เห็นข่าวที่ ต่างประเทศ น้ำมันรั่วลทะเล บริษัทเจ้าของผู้ทำให้เสียหาย ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าปรับเป็นร้อยล้านบาท และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกำจัดคราบน้ำมันทั้งหมดที่ต้องจ่าย ก็เห็นว่าเป็น้อยล้านอีก แล้วของไทยละ ปตท. จะต้องรับผิดชอบอะไรอย่างไรบ้าง และประชาชนผู้เสียหาย เช่น ทำประมง การท่องเทียว จะได้รับการชดเชยหรือไม่อย่างไร อย่าลืนะครับ ปตท.ตั้งขึ้นได้ด้วยเงินของประชาชน แต่พอมีกำไร ก็แบ่งให้เฉพาะผู้ถือหุ้นและโบนัสพนักงาน แล้วเจ้าของตัวจริง คือประชาชนจะได้รับอะไรครับ นอกจากภาพโฆษนาที่สวยงามของ ปตท. และบริษัทในเครื่อ

 

คนไทยอย่างคุณอย่างผมก็ได้รับฟังรับทราบความร่ำรวยจากการขายน้ำมัน(ของเราเอง) ผลกำไรที่พวกพ้องผู้มีอำนาจเข้าไปเสวยสุขและได้หน้าตาจากการจัดอันดับโลกของตปทไงครับ สุดท้ายก็ได้ซื้อได้อุดหนุนน้ำมัน(ของเราทุกคน)ด้วยราคาที่อ้างอิงจากประเทศเพื่อนบ้านคือสิงค์โปร์ น่าสังเกตก็ตรงที่ทั้งแก๊ส,ก๊าซรวมไปถึงน้ำมันประเทศเรามีใช้มีกลั่นได้เองและเป็นผู้ผลิตและส่งออกติดอันดับโลก และคนไทยทั้งประเทศก็สามารถทนอดและอดทนกับเรื่องนี้ได้นับสิบปีขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเราได้ใช้น้ำมันถูกๆจนมีข่าวมีน้ำมันลักลอบเข้ามาขาย ทางภาคใต้อยู่บ่อยๆ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดจากกรณีนี้นั้นนะไม่ต้องห่วงละครับไม่ว่าปตทจะจ่ายไปเท่าใดก็ตาม สุดท้ายก็เงินคุณเงินผมและเงินคนไทยทั้งประเทศนั่นเองแหละที่จะเป็นคนที่จะต้องก้มหน้าก้มตาจ่ายไปอยู่ดี ก็จากค่าน้ำมันที่ทุกคนต้องใช้นั่นแหละเค้าจะต้องบวกเข้าไปชดเชยจากที่หายไปทั้งนี้เพื่อให้ผลประกอบการผลกำไรเขาเท่าเดิม เพราะมันเป็นกิจการผูกขาด เป็นผลประโยชน์ของนายทุนรวมไปถึงผู้มีอำนาจ ภาระเหล่านี้ประชาชนคนไทยทั้งหลายต้องจ่ายทั้งทางตรงทางอ้อมอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงแน่นอนเชื่อผมเตอะ
อีกอย่างที่ผมอยากให้กรณีนี้เป็นเรื่องเตือนใจให้กับท่านๆทั้งหลายที่กระเหื้ยนกระหือรืออยากมีอยากได้โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ดูเอาไว้เถอะ คงได้เห็นกันจะจะเสียทีกับวิธีการรับมือการดูแล(แบบไทยแท้ๆ)จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ดูเอาเถอะครับพี่น้องไทยทั้งหลายซึ่งแม้แต่ในเรื่องน้ำมันที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เรายังมีปัญญามีศักยภาพในการดูแลบำรุงรักษาได้เพียงเท่านี้ แถมเวลาที่ต้องจัดการเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ความจริงที่ต้องประกาศต้องเตือนและต้องทำอย่างรวดเร็ว,เข้าใจอย่างถูกต้องเรายังเป็นศูนย์ แล้วอย่างนี้เรื่องร้ายแรงร้ายกาจเช่นกัมมันตรังสีนิวเคลียร์ที่อยู่ได้อยู่ทนนับเป็นสิบๆปีหลายชั่วอายุคน มองก็ไม่เห็นละเผลอๆตัวคนรับผิดชอบอาจตายไปก่อนแล้วแต่ผลกระทบยังอยู่ไปจนถึงลูกหลานได้เราจะทำกันอย่างไร และองค์กรนี้ก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะดำเนินการเพิ่งก่อตั้งไม่มีประสบการ์ณ ความรู้ในเรื่องน้ำม้นเองในโลกนี้ก็มีมานานเสียยิ่งกว่าความรู้ในเรื่องนิวเคลียร์แล้วก็ยังทำได้แค่นี้ เรื่องที่พวกท่านๆทั้งหลายคิดอยากจะมีและเพ้อว่าเรารับมือได้นั้น คราวนี้คงได้เห็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงในประเทศนี้แล้วว่าเป็นอย่างไร เเละเข้าใจในกำพืดตัวตนที่แท้จริงได้แล้ว ไม่ใช่เอะอะอะไรยกต่างประเทศมาอ้างกันเสียที ผมนะฟังทีไรแล้วเอียนจนอยากจะอ้วก ก็แถมให้เพื่อนๆนำไปปวดหัวเล่นๆเสียยังงั้นเอง

 

ปัญหานี้มิได้เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว โดยเรือบรรทุกน้ำมันเกิดรั่วอับปาง น้ำมันไหลรั่วเป็นคราบน้ำมันไปทั่วทั้งทะเล แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยใช้ เส้นผมของคน บรรจุใส่กระสอบปุ๋ย แล้วโยนลอยลงไปในทะล เส้นผมจะดูดซึมซับคราบน้ำมัน โดยใช้เวลาขจัดคราบน้ำมันไม่เกิน 3 วัน

 

ยังไงครับ???
อันนี้เป็นวิทยาการจดทะเบียนสิทธิบัตรหรือเปล่าครับ
3 วันใช้ผมกี่กระสอบครับ!!!

 

คราบน้ำมันแผ่นบางๆ กำลังเข้าอ่าวปากคลองแกลง ท่องเที่ยวเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท



ระยอง - คราบน้ำมันแผ่นบางๆ กำลังลอยเข้าปากคลองแกลง ด้าน ททท.เร่งย้ายนักท่องเที่ยวออกจากอ่าวพร้าว หวั่นสุดสัปดาห์เก็บไม่หมดกระทบหนัก คาดว่าความเสียหายที่ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดระยองในขณะนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันล้านบาท

วันนี้ (30 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการรั่วไหลท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลห่างจากฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ทำให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลประมาณ 50,000-70,000 ลิตร คราบน้ำมันดิบถูกระแสคลื่นลมแรงซัดเข้าอ่าวพร้าว หมู่ 4 เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมืองระยอง ระยะทางกว่า 600 เมตรเต็มหาด

ล่าสุด ได้รับแจ้งจากนายไพบูลย์ เล็กรัตน์ ที่ปรึกษากลุ่มประมงพื้นบ้าน ต.แกลง อ.เมืองระยอง ที่นำเรือออกจากฝั่งบ้านปากคลองแกลง เมื่อเช้าที่ผ่านมา เพื่อทำการวางอวนล้อมเคย ท่ามกลางกระแสคลื่นลมแรง ระหว่างวางอวนล้อมฝูงเคยได้พบเห็นคราบน้ำมันผิวน้ำเป็นแผ่นบางๆ เป็นบริเวณกว้าง ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณจึงต้องรีบนำเรือกลับเข้าฝั่ง

นายไพบูลย์ ที่ปรึกษากลุ่มประมงพื้นบ้านกล่าวว่า ในช่วงเดือนนี้เป็นช่วงที่ฝูงเคยกำลังเข้าชายฝั่งเป็นประจำทุกปี ตามปกติเรือประมงจะได้เคยลำละกว่า 100 กิโลกรัม แต่วันนี้ได้น้อยมาก คาดว่าฝูงเคยได้กลิ่นน้ำมันเลยต้องหนีไปที่อื่นไม่เข้าฝั่ง มันเป็นธรรมชาติสัตว์ทะเลมันจะรู้ดีกว่ามนุษย์ หากคราบน้ำมันเข้าฝั่งบ้านปากคลองแกลง ชาวประมงชายฝั่งได้รับความเดือดร้อนแน่นอน สัตว์น้ำชายฝั่งตายหมด และต้องใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นฟู แล้วประมงพื้นบ้านอย่างพวกเราจะหากินได้อย่างไรหากคราบน้ำมันเข้าชายฝั่งจนเกิดผลกระทบ พวกเราจะรวมตัวแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อเรียกร้องความเสียหายที่พวกเราได้รับ

ด้านนายจตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง กล่าวว่า บริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด เป็นแนวอนุรักษ์ปะการังที่สวยงามได้รับผลกระทบอย่างมาก ถ้าคราบน้ำมันไม่เข้าชายฝั่งก็เป็นผลดีต่อชายฝัง แต่เป็นผลร้ายต่อชาวประมง สิ่งที่น่าเป็นห่วงหากควบคุมคราบน้ำมันไม่อยู่ กระแสลมที่พัดไปทางเกาะกุฎี เกาะมันนอก เกาะมันใน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เต่าทะเล จะได้รับผลทบที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เรื่องนี้ผมจะลงไปดูสภาพ และเก็บภาพไว้เป็นหลักฐานพร้อมให้เครือข่ายประมงพื้นบ้านที่นำเรือออกไปในทะเลบันทึกภาพคราบน้ำมันในทะเลไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายให้แก่กลุ่มประมงพื้นบ้านภายหลัง

ททท.เร่งย้ายนักท่องเที่ยวออกจากอ่าวพร้าว หวั่นสุดสัปดาห์เก็บไม่หมดกระทบหนัก

นายชูชาติ อ่อนเจริญ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง (ระยอง-จันทบุรี) เผยว่า หลังจากที่จังหวัดระยอง ได้ประกาศให้พื้นที่อ่าวพร้าวหมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฯ ททท.ระยอง ก็ได้ประสานไปยังนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในรีสอร์ต 3 แห่งบนอ่าวพร้าว เพื่อให้ย้ายไปเข้าพักยังหาดอื่นๆ ที่ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันดิบ ไม่ว่าจะเป็นหาดวงเดือน หาดทรายแก้ว หาดปะการัง ฯลฯ ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะ และถือเป็นชายหาดยอดนิยม

ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าให้ข้อมูลแก่กรุ๊ปทัวร์ต่างๆ เกี่ยวกับจุดที่มีการทะลักของคราบน้ำมัน ว่ายังคงเป็นการทะลักเข้าไปเฉพาะชายหาดด้านฝั่งตะวันตกของเกาะ ซึ่งก็คือ อ่าวพร้าว ที่มีรีสอร์ตเพียง 3 แห่ง และมีห้องพักรวม 109 ห้องเท่านั้น โดยยืนยันว่า จุดที่เป็นชายหาดยอดนิยม ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด “เท่าที่ได้รับรายงานก็คือ เริ่มมีกรุ๊ปทัวร์ทั้งชาวไทย และยุโรป ยกเลิกการเดินทางมายังเกาะเสม็ดแล้ว ซึ่ง ททท.ก็กำลังรวบรวมรายชื่อทัวร์ที่ยกเลิกอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางพีทีทีฯ เองก็เร่งเก็บคราบน้ำมันเพื่อให้หมดก่อนช่วงสุดสัปดาห์ เพราะไม่ต้องการให้เกิดกระทบต่อการท่องเที่ยวมากกว่าที่เป็นอยู่”

นายชูชาติ ยืนยันว่า ขณะนี้ผลกระทบในรูปของเม็ดเงินทางการท่องเที่ยวยังมีไม่มากนัก เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงรอยต่อระหว่างสุดสัปดาห์ที่แล้ว จนถึงวันธรรมดาของสัปดาห์นี้ ที่การเข้าพักของนักท่องเที่ยวยังมีไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม หากพีทีทีฯ ไม่สามารถขจัดคราบน้ำมันให้หมดก่อนสุดสัปดาห์ที่จะถึง ก็คาดว่าการท่องเที่ยวของระยองจะเสียหายเป็นอย่างมาก

“ในส่วนของพีทีทีฯ เอง เขาก็พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งหน้าที่ของ ททท.ในขณะนี้ก็คือ การประสานไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อนำนักท่องเที่ยวออกจากอ่าวพร้าวก่อน โดย พีทีทีฯ ยืนยันที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการย้ายนักท่องเที่ยว และค่าที่พักแห่งใหม่ทั้งหมด” นายชูชาติ กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามไปยังผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง ทราบว่า จากประมาณการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คาดว่าความเสียหายที่ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดระยองในขณะนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

รายงานข้อมูลจากสมุทรศาสตร์อุตุนิยมวิทยา ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำขึ้นน้ำลงในอ่าวไทย โดยน้ำทะเลจะลงต่ำสุดในเวลา 04.22 น. และจะค่อยเพิ่ม และขึ้นสูงสุดในเวลา 20.44 น. ของวันนี้ ส่วนความเร็วลมในอ่าวไทยตะวันออกในพื้นที่จังหวัดระยอง-ชลบุรี มีความเร็วสูงสุด 9-17 นอต ความสูงคลื่น 2 เมตร

ขณะนี้ทิศทางลมโดยลมจะพัดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะพัดไปทางด้านเหนือของเกาะเสม็ด คือ ไปทางปากน้ำประแสร์ บ้านเพ โดยจะไม่พัดลงมาทางทิศใต้ เช่น เกาะมันนอก มันใน อ.สัตหีบ พัทยา หรือบางแสนอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2556

 

“นิวัฒน์ธำรง” เชื่อสัปดาห์นี้ชัดเจนแก้ปัญหาน้ำมันรั่วเสร็จเมื่อใด



ทำเนียบฯ 30 ก.ค. - นายกรัฐมนตรีสั่งการข้ามทวีปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำมันรั่วที่เกาะเสม็ด “นิวัฒน์ธำรง” เชื่อภายในสัปดาห์นี้มีความชัดเจนแก้ปัญหาเสร็จเมื่อใด แผนเยียวยา-ป้องกัน

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (30 ก.ค.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการจากต่างประเทศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและเร่งแก้ไขปัญหาน้ำมันดิบรั่วในทะเลบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง โดยเร่งด่วน และสั่งการให้ดูแลเรื่องการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยให้ไปบูรณาการว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง

“นายกรัฐมนตรีสั่งการว่าต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด และทำเป็นแผนงาน จากนั้นให้นำเรื่องทั้งหมดมาแถลงให้สาธารณชนได้รับทราบ พร้อมสั่งการให้ดูแลและการหามาตรการรองรับปัญหา การป้องกันในอนาคต เพราะต้องยอมรับว่าเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง กรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนที่ต้องนำมาแก้ไข และถือเป็นปัญหาครั้งใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยประสบ ดังนั้น เราต้องมีระบบการป้องกันที่มีความสมบูรณ์” นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้หารือถึงขั้นตอนการเยียวยาอย่างไรบ้าง นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า เรื่องนี้ 3 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาอยู่ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ อีกทั้งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ได้ลงพื้นที่แล้ว และวันเดียวกันนี้ (30 ก.ค.) นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงพื้นที่ร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อดูแลการแก้ไขปัญหาและวางแผนงานในการเยียวยา

“เชื่อว่าสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้เสร็จสิ้นเมื่อใด รวมทั้งแผนการเยียวยา แผนงานในอนาคตก็จะมีความชัดเจน” นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว .


- สำนักข่าวไทย

 

เชื่อมั่นแก้ปัญหาคราบน้ำมันอ่าวพร้าวเสร็จพรุ่งนี้



ระยอง 30 ก.ค.-นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังลงพื้นที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง เพื่อตรวจความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันปนเปื้อนจากน้ำมันรั่วกลางทะเล จากการดำเนินงานโดย บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (พีทีทีจีซี) ว่า ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โทรทางไกลมาจากสาธารณรัฐโมซัมบิก โดยสั่งให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันเร่งด่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจากการนั่งเฮลิคอปเตอร์สำรวจและการรายงานจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมมือกันกำจัดคราบ ทุกฝ่ายยืนยันว่าคราบน้ำมันที่เข้ามายังอ่าวพร้าวขณะนี้ถือเป็นพื้นที่เพียง 5-6% ของเกาะเสม็ดเท่านั้น และทุกฝ่ายพยายามสกัดกั้นไม่ให้กระจายไปยังจุดอื่นที่ขณะนี้พบว่ามีบางส่วนไปยังชายฝังบ้านเพ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งวางทุ่นป้องกันไว้แล้ว จึงน่าจะมีส่วนน้อยที่เข้าไป โดยคราบน้ำมันของอ่าวพร้าวขณะนี้เบาบางและคาดว่าวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.) จะขจัดคราบน้ำมันได้ทั้งหมด หลังจากนั้นจะฟื้นฟูสภาพชายหาดโดยเร็ว

“หลังจากพรุ่งนี้จะเป็นการขจัดคราบตามโขดหิน ปะการัง เพื่อเก็บรายละเอียดเพื่อที่จะให้ทุกอย่างคืนกลับสู่ธรรมชาติให้เร็วสุด ซึ่งจุดนี้อาจจะต้องใช้เวลาการฟื้นฟู จึงสั่งให้มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่ไว้ตลอดเวลาจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และสำคัญ บมจ.พีทีทีจีซี ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ โดยให้ดูแลผลกระทบต่อประชาชนและคนในพื้นที่ โดยให้ทำบัญชีรายชื่อเสนอขึ้นมา” รมว.พลังงาน กล่าว

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร่งตรวจสอบถึงสาเหตุที่ชัดเจนและมอบให้นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธาน บ.พีทีทีจีซี ไปทำแผนระยะยาวว่าจำเป็นต้องลงทุนอุปกรณ์ป้องกันปัญหาดังกล่าวระยะยาวร่วมกันกับเอกชนอื่น ๆ หรือไม่ เพราะยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอุปกรณ์ไม่เพียงพอ

ส่วนการที่ประชาชนจะฟ้องร้องต่อปัญหาดังกล่าว นั้น นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า คงไปห้ามไม่ได้ แต่ประชาชนที่เจรจากับ บมจ.พีทีทีจีซี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่คงไม่ฟ้อง เพราะจะทราบดีว่าจะได้รับการช่วยเหลือเร็วกว่า แต่คนที่ฟ้องร้องมักจะเป็นคนที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมหรือบางรายอาจตั้งใจจะฟ้องอยู่แล้ว

นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า การท่องเที่ยวเสม็ดไม่ได้รับผลกระทบมากนักก็พยายามเร่งไม่ให้ลามไปยังที่อื่น โดยเฉพาะที่ชายฝั่งบ้านเพ ซึ่งการแก้ไขปัญหาล่าสุดเชื่อมั่นว่า จะไม่กระจายไปยังพื้นที่อื่น ส่วนประชาชนที่ร้องขอความช่วยเหลือทางจังหวัดได้ตั้งคณะทำงาน 1 ชุด มาดูแลรับเรื่องร้องทุกข์ เพื่อที่จะนำไปเสนอต่อพีทีทีจีซี ในการช่วยเหลืออีกต่อไป

นายชัยรัตน์ ไตรรัตน์จรัสพร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดระยอง กล่าวว่า ได้มีเอเย่นต์ท่องเที่ยวยกเลิกมาระยองกว่า 10 ราย คาดว่าน่าจะเป็นเม็ดเงินกว่าร้อยละ 20 ของนักท่องเที่ยวระยองที่มีประมาณ 16,000 ล้านบาทต่อปี สาเหตุหลักนักท่องเที่ยวตกใจที่เห็นข่าวต่างประเทศรายงานออกไปว่าเสม็ดได้รับผลกระทบทั้งเกาะแต่จริง ๆ แล้วกระทบเฉพาะอ่าวพร้าว เท่านั้น จุดอื่นยังท่องเที่ยวได้ตามปกติ จึงอยากให้ทุกหน่วยงานช่วยสื่อสารให้เร็วที่สุด

นายธนเดช เสตะจันทน์ ครูสอนดำน้ำที่เกาะเสม็ด กล่าวยอมรับว่า คราบน้ำมันที่เกิดขึ้นส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่จะมายังเกาะเสม็ดมีการยกเลิกไปพอสมควร เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบโดยเฉพาะเรื่องของสารก่อมะเร็ง ทำให้ตนมีรายได้ลดลงตาม ซึ่งยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่มีใครต้องการให้เกิด ดังนั้น ก็ขอให้เร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณอ่าวพร้าวเจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือ กรมอุทยาน อาสาสมัคร ฯลฯ ต่างระดมกำลังในการวางแผ่นดูดซับน้ำมันบริเวณชายหาดอ่าวพร้าว ตั้งแต่เช้า แต่ก็ต้องเจออุปสรรคช่วงบ่ายเมื่อพายุฝนเข้ามาทำให้การทำงานล่าช้าขึ้น.

-สำนักข่าวไทย

 

กมธ.พลังงานชี้ปัญหาน้ำมันดิบรั่วกระทบโครงการอุตสาหกรรมใหญ่

ประจวบคีรีขันธ์ 30 ก.ค. - กมธ.พลังงาน สภาผู้แทนฯ ยอมรับปัญหาท่อน้ำมันดิบรั่วในทะเล จ.ระยอง ส่งผลกระทบโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในอนาคต

นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ประธานคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า วันที่ 7 สิงหาคมนี้ กมธ.พลังงานจะประชุมร่วมกับ กมธ.สิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร หลังจากมีปัญหาท่อส่งน้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เกิดปัญหาท่อส่งน้ำมันดิบรั่วในทะเล จ.ระยอง โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูล เพื่อหาสาเหตุของท่อน้ำมันดิบรั่ว รวมทั้งหามาตรการเยียวยาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการแก้ปัญหาระยะยาว ยอมรับว่า ปัญหาท่อน้ำมันดิบรั่วครั้งนี้ส่งผลกระทบในการก่อสร้างโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศในอนาคต และอาจถูกหยิบยกเป็นกรณีศึกษา ที่สำคัญเวลานี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงรัฐบาลจะต้องเร่งรัดแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวให้เร็วที่สุด. -

สำนักข่าวไทย

 

"ปู"โทรตรงโมซัมบิก สั่งเร่งแก้คราบน้ำมัน ยันพรุ่งนี้จบ!-ชี้ปิดแค่อ่าวพร้าวที่อื่นเที่ยวได้อยู่

"ยิ่งลักษณ์"โทรด่วนสั่ง"พลังงาน-กรมทรัพยากรธรรมชาติ"เร่งแก้ไขคราบน้ำมันทะลักชายหาดอ่าวพร้าวโดยเร็ว หวั่นกระทบท่องเที่ยว "เพ้ง"รุดนั่งฮ.ลงพื้นที่เช็กคืบหน้ายันพรุ่งนี้จบเอาอยู่ ท่องเที่ยวโอดข่าวกระทบทำท่องเที่ยววูบทั้งที่ปิดแค่อ่าวพร้าวที่อื่นยังเที่ยวได้อยู่

วันนี้(30 ก.ค.) นายพงศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการลงพืี้นที่ หาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง เพื่อตรวจความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันปนเปื้อนบริเวณดังกล่าวของบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (พีทีทีจีซี)ว่า ล่าสุดน.ส.ยิ่งลักษณ์​ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้โทรทางไกลมาจากสาธารณรัฐโมซัมบิก โดยสั่งให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันเร่งด่วนเพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย

อย่างไรก็ตามล่าสุดจากการนั่งเฮลิคอปเตอร์สำรวจและการรายงานจากหน่วยงานต่างๆที่ร่วมมือกันกำจัดคราบทุกฝ่ายยืนยันว่าคราบน้ำมันที่เข้ามายังหาดอ่าวพร้าวขณะนี้ถือเป็นพื้นที่เพียง5-6%ของเกาะเสม็ดเท่านั้น และทุกฝ่ายพยายามสกัดกั้นไม่ให้กระจายไปยังจุดอื่นที่ขณะนี้พบว่ามีบางสว่นไปยังชายฝั่งบ้านเพแต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งวางทุ่นป้องกันไว้แล้วจึงน่าจะมีส่วนน้อยที่เข้าไปและคาดว่าคืนนี้คราบน้ำมันจะเบาบางและวันที่ 31 ก.ค.จะขจัดคราบน้ำมันได้หมดและคุมอยู่

"หลังจากพรุ่งนี้จะเป็นการขจับคราบตามโขดหิน ปะการัง เพื่อเก็บรายละเอียดเพื่อที่จะให้ทุกอย่างคืนสู่กลับธรรมชาติให้เร็วสุด ซึ่งจุดนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูจึงสั่งให้มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่ไว้ตลอดเวลาจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และสำคัญบมจ.พีทีทีจีซีต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดชึ้นอย่างเต็มที่โดยให้ดูแลผลกระทบต่อประชาชนและคนในพื้นที่โดยให้ทำบัญชีรายชื่อเสนอขึ้นมา"รมว.พลังงานกล่าว

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร่งตรวจสอบถึงสาเหตุที่ชัดเจนและมอบให้นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานบ.พีทีทีจีซีไปทำแผนระยะยาวว่าจำเป็นต้องลงทุนอุปกรณ์ป้องกันปัญหาดังกล่าวระยะยาวร่วมกันกับเอกชนอื่นๆหรือไม่เพราะยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอุปกรณ์ไม่เพียงพอ

นายธนเดช เสตะจันทน์ ครูสอนดำน้ำที่เกาะเสม็ด กล่าวยอมรับว่า คราบน้ำมันที่เกิดขึ้นส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่จะมายังเกาะเสม็ดมีการยกเลิกไปพอสมควรเพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบโดยเฉพาะเรื่องของสารก่อมะเร็ง ทำให้ตนมีรายได้ที่ลดลงตามซึ่งยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่มีใครต้องการให้เกิดดังนั้นก็ขอให้เร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน

นายชัยรัตน์ ไตรรัตน์จรัสพร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.ระยอง กล่าวว่า ได้มีเอเย่นต์ท่องเทียวยกเลิกมาระยองกว่า 10 รายคาดว่าน่าจะเป็นเม็ดเงินกว่าร้อยละ 20 ของนักท่องเที่ยวระยองที่มีประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาทต่อปี สาเหตุหลักนักท่องเที่ยวตกใจที่เห็นข่าวต่างประเทศรายงานออกไปว่า เสม็ดได้รับผลกระทบทั้งเกาะแต่จริง ๆ แล้วกระทบเฉพาะอ่าวพร้าวเท่านั้นจุดอื่นยังท่องเที่ยวได้ตามปกติจึงอยากให้ทุกหน่วยงานช่วยสื่อสารให้เร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณอ่าวพร้าวเจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือ กรมอุทยาน อาสาสมัครฯลฯต่างได้ระดมกำลังในการวางแผ่นดูดซับน้ำมันบริเวณชายหาดอ่าวพร้าว ตั้งแต่เช้าแต่ก็ต้องเจออุปสรรคช่วงบ่ายเมื่อพายุฝนเข้ามาทำให้การทำงานล่าช้าขึ้น

 

คพ.รับสารเคมีกำจัดคราบน้ำมัน กระทบระบบนิเวศใต้ทะเล



กรมควบคุมมลพิษปวดขมับ คราบน้ำมันอ่าวพร้าวน่าห่วง อธิบดี คพ. รับสารเคมีกำจัดคราบน้ำมันกระทบระบบนิเวศใต้ท้องทะเล แต่ยังไม่สามารถลงสำรวจได้ เนื่องจากคลื่นลมแรง...

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลเกิดรั่ว ส่งผลให้น้ำมันดิบกว่า 50,000 ลิตร รั่วไหลลงทะเล ห่างจากชายฝั่งราว 20 กม.ว่า สภาพของทะเลบริเวณหน้าหาดอ่าวพร้าว จ.ระยอง เวลานี้เหมือนกับทะเลโคลนทั้งหาด เห็นแล้วน่าใจหายมาก อย่างไรก็ตาม เวลานี้หลายฝ่ายอยู่ระหว่างการช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดกันอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ตามหลักการการจัดการมลพิษในสภาพที่เกิดขึ้นเวลานี้คือ เมื่อรู้ว่าเกิดเหตุ สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องมีศูนย์ปฏิบัติการเพื่อแก้ปัญหา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวังเป็นผู้บัญชาการ ปัญหาที่เกิดคือ น้ำมันมีปริมาณมาก บวกกับสภาพอากาศลมแรง เครื่องมือ หรือ บูม ไม่สามารถกั้นการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันได้ วิธีการสุดท้ายที่ต้องทำคือ การใช้สารเคมีในการกำจัด โดยสารเคมีจะเข้าไปสลายจุลินทรีย์ให้ตกตะกอน ซึ่งก่อนหน้านี้ คพ.เป็นผู้ทำแบบจำลอง และพยากรณ์ว่า คลื่นลมจะพัดพาคราบน้ำมันไปทางไหน ทิศใด ปัญหาคือ พบอุปสรรคหลายอย่างในการเข้าไปช่วยจัดการโดยเฉพาะคลื่นลม ยอมรับว่าปัญหาอุบัติเหตุมลพิษในครั้งนี้น่าหนักใจมาก

อธิบดี คพ. กล่าวว่า วิธีการจัดการที่ทุกฝ่ายกำลังทำเวลานี้คือ การสูบ การดูด และการซับน้ำมันออก ทั้งจากน้ำทะเล ชายหาด พื้นทราย และก้อนหินออกมาให้เร็วที่สุด โดยพื้นทรายที่บริเวณอ่าวพร้าวนั้น เป็นทรายแน่น และจะถูกน้ำมันเคลือบลงในพื้นทรายประมาณ 1 เซนติเมตร แต่หากมีคลื่นซัดน้ำที่ยังปนเปื้อนน้ำมันเข้ามา โอกาสที่ทรายจะถูกปนเปื้อนเพิ่มขึ้นก็มีอีก ดังนั้น ที่ต้องทำคือ จัดการกับน้ำมันในน้ำให้หมดไปก่อน จากนั้นจึงค่อยจัดการกับทราย และก้อนหินที่เปื้อนคราบน้ำมัน ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีกนานถึงจะให้คืนมาเหมือนเดิม ซึ่งเวลานี้ยังบอกไม่ได้ว่านานแค่ไหน

เมื่อถามว่า จริงหรือไม่ที่การใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำมันนั้น จะทำให้น้ำมันที่ถูกกำจัดตกตะกอนลงไปในน้ำ และตะกอนนั้นจะทำให้ระบบนิเวศใต้ท้องทะเล รวมทั้งสัตว์น้ำเสียหายอีกด้วย นายวิเชียร กล่าวว่า ยอมรับว่า วิธีการใช้สารเคมีเพื่อพ่นกำจัดคราบน้ำมันนั้นเป็นวิธีสุดท้าย ที่ไม่สามารถใช้วิธีอื่นได้แล้ว แต่หากไม่ใช้วิธีนี้ ก็จะเกิดความเสียหายที่ร้ายแรงกว่านี้



"พอเรื่องมาถึงจุดนี้เราก็คุยกันว่า จะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุดก่อน ปัญหาเฉพาะหน้าคือ เรื่องที่เรามองเห็นคือคราบน้ำมัน ส่วนเรื่องอื่นๆ เราต้องแก้แน่นอน แต่ตอนนี้เอาเรื่องนี้ก่อน อย่างเรื่องของทรัพยากรใต้ทะเลที่จะต้องเสียหาย ผมก็ได้คุยกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรื่องการลงไปสำรวจใต้ทะเล ในพื้นที่ที่มีคราบน้ำมัน ก็ยังทำไม่ได้ เพราะคลื่นแรงสูงถึงสามเมตร อีกทั้งคราบน้ำมันก็ยังหนาอยู่ ต้องรอให้สถานการณ์ดีกว่านี้ก่อนถึงลงไปสำรวจได้" นายวิเชียร กล่าว

เมื่อถามอีกว่า เรื่องการเรียกร้องค่าเสียหาย เวลานี้สรุปได้หรือยังว่า ทาง ปตท.จะต้องจ่ายให้ใคร รูปแบบไหน อย่างไร นายวิเชียร กล่าวว่า ที่คุยกันเบื้องต้น หน่วยงานที่ได้รับความเสียหายในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบทั้งหมดจะต้องไปสำรวจ ความเสียหายมา แล้วให้กรมเจ้าท่าเป็นเจ้าภาพในการฟ้องร้องทั้งหมด ส่วนภาคเอกชน ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายก็ต้องรวบรวมข้อมูลให้กรมเจ้าท่าด้วยเหมือนกัน

"ค่าฟ้องเรียกค่าเสียหายนั้น ไม่รวมเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ของทุกหน่วย ทั้งค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร เบี้ยเลี้ยง เจ้าหน้าที่ ก็ต้องไปเบิกกับทาง ปตท. ทั้งหมด" นายวิเชียร กล่าว.



ที่มา : '28 กรกฏา' มหาสดุดี

 

คาดพิษคราบน้ำมันกระทบอ่าวพร้าวถึงช่วงไฮซีซั่น



สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระยองนัดสมาชิกหารือด่วนบ่ายวันนี้ ประเมินผลกระทบท่อส่งน้ำมันดิบ PTTGC รั่วกลางทะเล ห่วงเกาะเสม็ดซบยาว...
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. นายไชยรัตน์ ไตรรัตน์จรัสพร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง เปิดเผย "ไทยรัฐออนไลน์" ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นมูลค่าความเสียหายได้ เพราะเป็นความเสียหายต่อเนื่อง แม้ว่าจะกำจัดคราบน้ำมันออกไปหมดแล้ว แต่ยังต้องฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ซึ่งขณะนี้ธุรกิจท่องเที่ยวเกาะเสม็ด โดยเฉพาะโรงแรม รีสอร์ต และที่พัก ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวที่ทยอยยกเลิกจองห้องพักแล้ว โดยเหตุที่เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจท่องเที่ยวระยอง

ส่วนจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) หรือไม่ จะหารือกับสมาชิกที่ได้รับผลกระทบในช่วงบ่ายของวันนี้ (30ก.ค.) นอกจากนี้ ยังต้องรอประเมินสถานการณ์ระยะหนี่งก่อน เพราะที่ผ่านมาผู้บริหาร PTTGC บอกว่าจะรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด แต่ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนออกมาว่าจะรับผิดชอบอย่างไร และเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด โดยเบื้องต้นประเมินว่า ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ที่พัก และรีสอร์ต รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องบริเวณพื้นที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ทั้งหมดได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้สั่งการให้ นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ประเมินความเสียหายด้านธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ที่พัก และรีสอร์ตบนเกาะเสม็ด ว่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากน้อยเพียงใด และให้ ก.ท่องเที่ยวฯ รายงานผลกระทบเบื้องต้นภายในวันนี้.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เตือนประชาชน งดบริโภคสัตว์น้ำใกล้จุดน้ำมันรั่ว



กรมควบคุมโรคเตือนประชาชนอยู่ห่างจากจุดที่พบคราบน้ำมันขึ้นชายหาด อ่าวพร้าว เหตุมีสารไฮโดรคาร์บอน ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และควรงดบริโภคสัตว์น้ำที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ...
นพ.ปรีชา เปรมปรี ผอ.สำนักจัดการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีผลกระทบจากน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเล บริเวณเกาะเสม็ด และล่าสุด คราบน้ำมันได้ถูกพัดพาขึ้นหาดอ่าวพร้าวแล้ว ว่า แม้ขณะนี้เจ้าหน้าที่จะได้ห้ามผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าไปในบริเวณอ่าวพร้าวแล้ว แต่ยังพบว่ามีเจ้าของรีสอร์ตและชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บางส่วน ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากมีการระเหยของน้ำมัน ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียน ประมาณ ​3-4 ราย



ดังนั้น จึงเตรียมออกคำเตือนแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง เฝ้าระวังตัวเองด้วยการหลีกเลี่ยงและอยู่ห่างจากพื้นที่ที่มีกลิ่นน้ำมันเข้าถึง จากการที่มีลมพัดผ่านและสวมหน้ากากอนามัย สวมแว่นตาป้องกันการระคายเคืองของดวงตา เนื่องจากในน้ำมันมีสารไฮโดรคาร์บอน ที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้
ส่วนการเลี้ยงปลาในกระชังบริเวณดังกล่าว ใกล้กับพื้นที่ที่มีน้ำมันรั่วนั้น ขณะนี้ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเช่นกัน และในวันนี้ จะมีการเจาะเลือดผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ หาสารตกค้างในร่างกายเพื่อตรวจสอบว่าได้รับผลกระทบจากสารเคมีหรือไม่.



ที่มา : '28 กรกฏา' มหาสดุดี