ตำนานโศกนาฏกรรมโกธิค

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 25 กรกฎาคม 2013.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    [​IMG]


    ดิฉันไม่รู้ว่ามันจะไปตรงกับหมวดไหนในเวปนี้ก็เลยว่าจะเขียนในนี้ดีกว่า
    เรื่องที่จะนำมาเล่าจะเป็นเรื่อง ในประวัติศาสตร์ที่
    ดิฉันคิดว่ามันมีเนื้อเรื่องที่แปลกประหลาด น่าสนใจ
    เป็นโศกนาฏกรรม และ คิดว่าน่าจะมีหลายคนที่สนใจ
    จากกระทู้เดิม ตำนานรักผียุโรป แต่ในกระทู้นี้จะเน้น
    ไปในเรื่อง แนว ในประวัติศาตร์ Realistic, จิตวิทยา สะเทือนอารมย์ มากกว่าเรื่องผี......


    คำว่าโกธิคแปลว่าอะไร ถ้าตามพจนานุกรรม มันตีความ
    หมายได้สองแนว แต่ทั้งสองความหมายก็คล้ายกันถ้า
    หมายถึงศิลปะ คำว่าโกธิคย่อมาจากคำว่า โกธ ซึ่งมา
    จากชื่อชนเผ่าวิซิโกธทางตอนเหนอของเยอรมันนี
    ในสมัยพันกว่าปีที่แล้ว ซึ่งครั้นบุคเข้ามาในฝรั่งเศส
    และได้สร้างสถาปัตยกรรมชนิดหนึ่งขึ้นมาที่เรียกว่า
    โกธิค ซึ่งเป็นการผสมกันระหว่าง ศิลปะโรมันกับพวก
    เยอรมัน ไวกิ้ง ป่าเถื่อนทางเหนือ ที่บูชาผี ปีศาจ
    ลักษณะต่างๆในเทพนิยาย ที่สะพรึงกลัวเช่น
    ตัวกอร์กอย มังกร ซาตาน ฯลฯ ผสมเข้ากับตำนาน
    เรื่องราวในศาสนาคริตส์และนักบุญต่างๆดังนั้นถ้าพูด
    ถึงศิลปะโกธิค ทุกคนจะรู้เหมือนกันว่า เป็นศิลปะที่
    ดูน่ากลัว หากพูดถึงเรื่องราวแนว โกธิค

    ก็จะหมายถึงเรื่องราวแนว โศกนาฏกรรม โหด
    เป็นสมัยโบราณ มีเรื่องความรักแบบจบไม่ดี ลึกลับ
    หรือมีสิ่งที่มองไม่เห็น ผสมอยู่ในเรื่อง





    นางฟ้ากับซาตาน


    [​IMG]


    เรื่องโศกนาฏกรรม เรื่องแรก ที่พิลึกพิลั่น ที่ ขอยืนยันว่าเป็นเรื่อง
    ในประวัติศาสตร์ เรื่องแรก คือ เรื่อง
    The Seint and The Sinner หรือ แปลตรงตัวก็
    คือ นางฟ้ากับซาตาน หรือ นักบุญกับคนบาป เป็น
    เรื่อง ของ โจนน์ ออฟ อาร์ค หรือ ยาน ดวาร์ค กับ
    มาควิส กิลล์ เดอ เรย์ ดิฉันได้อ่านเรื่องนี้แบบละเอียด
    ในแง่มุมต่างๆและพบว่า มีเนื้อหา ที่น่าสนใจ
    เป็นความรักที่ประหลาด ในแบบของมันเอง
    (ขอย้ำว่าประหลาด แต่ในทางที่ดีนะ) ซึ่งตัวเอก
    ในประวัติศาสตร์นี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนตรงและดีเกินไป
    ทำให้ตกเป็นเหยื่อของสังคมป่าเถื่อนชั่วร้ายในสมัยนั้น และใน
    ขณะเดียวกัน เรื่องนี้ทำให้รู้ว่า ใจคนนั้นเป็น สิ่งที่
    ยากจะเข้าใจหรือหยังถึง


    [​IMG]


    ในราวสมัยปลายยุคกลาง ประเทศฝรั่งเศสนั้นเป็น
    เมืองขึ้นของอังกฤษ ถ้าถามยุคนี้แต่งตัวแบบไหน
    ดิฉันเคยเอารูปลงในกระทู้ก่อน สมัยที่ผู้หญิงใส่เครื่อง
    ประดับคล้ายๆเขาแหลมๆสองข้างบนหัว & มีผ้ายาวลงมาจากเขา
    และสวมชุดทูนิคคล้ายชดเอี้ยมตรง ยาวกรอมเท้า เคยเอารูปชุดต่างๆลง
    ไปทีนึงกระทู้ก่อน ซึ่งตอนนี้รูปหายเกลี้ยงหลังจาก
    เวปเปลี่ยนเป็น .org

    ในสมัยรุ่นพ่อแม่ของ โจนน์
    มาจนกระทั้งสมัย ที่โจนน์เป็นเด็กวัยรุ่น ฝรั่งเศสถุก
    แบ่งออกเป็นสามส่วน อันได้แก่ ตัวประเทศฝรั่งเศส
    ซึ่งปกครองโดย พระเจ้าชาล์ลส์ที่ หก ผู้มี สติไม่ค่อย
    สมประกอบ....... และอีกส่วนเป็นของแคว้น
    ออเรอองซ์ ซึ่งเป็นของน้องชายของพระองค์
    และอีกส่วนเป็นของ ดยุ๊คแห่ง เบอร์กันดี ลูกพี่ลูก
    น้องของพระองค์ ซึ่ง ด้วยเหตุที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6
    ผู้ที่ทรงมีอาการเสียพระสติเป็นพักๆ จนบางครั้งก็ไม่
    ทรงสามารถปฏิบัติพระราชภารกิจในการปกครองได้
    ......ทำให้มีข้อกังขาเกิดขึ้นในบรรดา น้องชาย
    และลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ที่หวังจะเป็นผู้สำเร็จ
    ราชการฝรั่งเศสแทนพระองค์ นอกจากนี้พระราชินี
    อิซาเบลล่า พระมเหษีก็ทรงเบื่อหน่ายสามีที่มีสติ
    สตังค์ไม่สมประกอบ พระนางจึงทรงนอกใจ และ
    คบชู้กับหลุยส์แห่งวาลัวส์ ดยุกแห่งออร์เลอองส์
    พระอนุชาของสามีตัวเอง
    วิกฤติการณ์มาถึงจุดสุดยอดเมื่อดยุกแห่งเบอร์กันดี
    ลูกพี่ลูกน้อง มีคำสั่งให้สังหารดยุกแห่งออร์เลอองส์
    พระอนุชาของ พระเจ้าชาล์ลส์ที่ 6 ผู้เสียสติ

    ฝ่ายอาร์มันญัค (Parti armagnac) ที่เป็นฝ่ายสนับ
    สนุนดยุกแห่งออร์เลอองส์ และ ฝ่ายเบอร์กันดี
    (Parti bourguignon) ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนดยุก
    แห่งเบอร์กันดี



    [​IMG]

    พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ พระเจ้าเฮนรีที่ 5 ทรงฉวย
    โอกาสระหว่างที่ฝรั่งเศสมีความขัดแย้งกันภายใน
    โดยการยกทัพมารุกรานฝรั่งเศสและทรงได้รับชัย
    ชนะอย่างเด็ดขาดในยุทธการอาแฌงคูร์ต
    (Bataille d'Azincourt) ที่ทำให้ทรงสามารถ
    ยึดดินแดนทางเหนือของฝรั่งเศสได้


    ครั้น พระนาง อิซซาเบลล่าให้กำเนิดทายาทลูก
    ชู้สายเลือด พระอนุชาองกษัตริย์ คือ เจ้าชายน้อย
    ชาล์ลส์ ที่ 7 ความนี้ก็รู้แน่ชัด ขึ้นอย่างแจ่มแจ้ง
    เมื่อพระมารดาของเจ้าชายกลับทำพินักรรมลง
    พระนามในสนธิสัญญาตรัวส์ (Traité de Troyes)
    ระบุให้การสืบราชบัลลังก์ฝรั่งเศสตกไปเป็นของ
    พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ และผู้สืบเชื้อสาย
    จากพระองค์ ซึ่งเป็นการยกประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นแทน
    ที่จะให้แก่เจ้าชายชาร์ลส์ผู้เป็นพระโอรสของพระองค์เอง .....

    ด้านเหนือของฝรั่งเศสเกือบทั้งหมดและบางส่วน
    ทางด้านตะวันตกเฉียงไต้ก็ตกอยู่ในมือของชาวต่าง
    ประเทศ ฝ่ายอังกฤษปกครองปารีส ขณะที่ฝ่าย
    ดัชชีแห่งเบอร์กันดี (พวกลูกพี่ลูกน้องของชาล์ลส์ ที่ 6)
    มีอำนาจในแรงส์ แรงส์มีความสำคัญ เพราะเป็น
    สถานที่ที่ใช้ในการทำพิธีราชาภิเษกกษัตริย์ฝรั่งเศส
    โดยเฉพาะในกรณีนี้ที่ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์
    ฝรั่งเศสทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้เข้าทำพิธีสวมมงกุฎ
    ฝ่ายอังกฤษนำทัพเข้ามาทำการล้อมเมืองออร์เลอองส์
    ซึ่งเป็นเมืองเดียวทางตอนเหนือของฝรั่งเศสใน
    บริเวณลัวร์ที่ยังจงรักภักดีต่อฝ่ายฝรั่งเศส ที่ตั้ง
    ของออร์เลอองส์เป็นที่ตั้งสำคัญทางยุทธศาสตร์
    ที่เป็นจุดอุปสรรคสุดท้ายก่อนที่ทั้งฝรั่งเศสจะตก
    ไปเป็นของอังกฤษ



    [​IMG]


    ดูเหมือนผีซ้ำด้ำพลอย เจ้าชายน้อย ชาล์ลส์ ที่ 7
    นอกจากพระมารดาไม่ทรงทำพินัยกรรมสืบสันตติวงค์
    แก่ลูกชายแล้ว ครั้นเมื่อบิดาผู้มีสติฟั่นเฟือนสั้นชีพลง
    ในเวลาใกล้เคียงกับ กษัตริย์ เฮนรี่ ที่ 5 แห่งอังกฤษ
    ศัตรูของพระองค์เจ้าชายพระชนม์ 14 พรรษาก็
    พยามประสานสัมพันธไมตรีกับ อา ทั้งสององค์
    แห่ง แคว้น ออเรอองส์ และ เบอร์กันดี แต่ ก็เกิด
    เตุการณ์ผิดพลาด ผู้สนับสนุนฝ่าย ออร์เรอองส์
    ได้ สังหาร ดยุ๊ค จอห์น ฟิลเลส อา ผู้เป็น ลูกพี่ลูก
    น้องฝ่ายเบอร์กันดี สิ้นชีวิต พวกผู้สนับสนุนอาเล็ก
    ฝ่ายเบอร์กัดี จึงโกรธมากเรียกร้องให้เจ้าชายน้อย
    รับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฟิลลิปเดอะกูด
    ดยุ๊คแห่ง เบอร์กันดีคนใหม่ ลูกชายของจอห์น
    เดอะเฟียร์เลสส์ ทรงบังคับให้ เจ้าชายน้อย
    จ่ายฆ่าเสียหายในการฆาตกรรมบิดาของเขา
    ที่เกิดขึ้น ในระหว่างการเจริญสัมพันธไมตรี
    แต่ก็มิได้ทรงจ่ายตามสัญญา หน่ำซ้ำ
    พระราชบิดามารดาของพระองค์ค้านสิทธิใน
    การสืบราชบัลลังก์ของพระองค์โดยกล่าวหา
    ว่าเป็นพระโอรสนอกสมรสของพระราชมารดา
    กับชู้ เหตุการณ์ทั้งสองนี้ทำให้ทรงได้รับความ
    อับอายเป็นอันมากและทรงกลัวถึงอันตรายที่
    จะมีต่อชีวิตของพระองค์ ชาร์ลจึงทรงตัดสิน
    พระทัยหนีไปพึ่งดัชเชส โยแลนด้าแห่งอารากอน
    ดัชเชส แห่ง อองชู พระญาติผู้ใหญ่ฝ่ายพระบิดา
    (Yolande of Aragon) ผู้ได้รับการขนานนามว่า
    "ราชินีสี่อาณาจักร" ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
    และไปสมรสกับลูกสาวของพระนางโยแลนด้า


    ยังไม่ถึงเรื่อง ของ โจนน์ ออฟ อาร์ค กับ กิล เดอ เรย์ เลย เดี๋ยวมาเล่าต่อ



    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2775448/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2013
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ชอบวิธีการเล่าเรื่อง ทำให้การศึกษาประวัติศาสตร์ ไม่เป็นเรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป...
    เมื่อไรประเทศบางประเทศจะนำเสนอวิธีการสอนประวัติศาสตร์แบบนี้บ้างนะ...
    ให้เป็นประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์ มากกว่าจะมาเที่ยวจำปี ค.ศ. ฯลฯ แล้วเอาไปใช้สอบเท่านั้นเอง...
     
  3. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    ท่าน Raming พูดกันตามตรงคนที่เป็นกษัตริย์ รวมพลสร้างแผ่นดินได้ ไม่มีทางใจบุญสุนนานเห็นๆทุกประเทศ พี่ฆ่าน้องน้องฆ่าพี่ ลูกฆ่าพ่อ พ่อฆ่าลูก แต่พวกวีรบุรุษในประวัติศาสตร์ที่ดีโดยมากไม่ใช่กษัตริย์ แต่พอขึ้นเป็นกษัตริย์ ลูกหลานมันก็เลวก็โลภกันทุกคน ดัชเชสอยู่ ฮอลแลนด์คะ ดิฉันนับถือ ท่าน ดยุ๊ค วิลเลี่ยม แห่ง ออเรนซ์ ราศีเดียวกับ บัดดี้ของ ดิฉันที่ตายเลยคะ ราศีเมษ ท่านรูปงามด้วยนะคะ เคยเอารูปลงในกระทู้ก่อนตอน เครื่องทรมานนักโทษ ด้วยกรงหนู....... ท่านช่วยสร้างชาติฮอลแลนด์จากการเป็นเมืองขึ้นของสเปน แต่ตอนจบก็โดนรอบฆ่า คนที่สังหารท่าน โดนทรมานตายโหดมาก ดิฉันไปเห็นเครื่องทรมานนั้นด้วยคะได้ถ่ายรูปไว้ด้วย เดี๋ยวเล่าแยกอีกทีนึง

    แต่ถ้าถามดิฉันชอบราชวงค์ ดัชต์ ปัจจุบันไหม ขอตอบว่าไม่เพราะเปรืองเงิน เพราะราชินี เบียร์ยาทริกส์ นี้แหละ เงินของดิฉันถูกหัก ไปเยอะ ตั้งสองร้อยกว่ายูโรให้ยัยราชินีนี้......พวกนี้ต้องไปเสวยกรรมหลังจากสิ้นชีพ กะยัย เจ้าหญิงแม็กซิม่า ลูกสาวของเผด็จการเยอรมันที่เกิดในอเจนติน่า และ นายอเล็กซานเดอร์ ลูกยัยราชินี เบียร์ยาทริกส์มันก็ไปคว้ามาแต่งงานช่วยกัน 66ดก ภาษีประเทศ



    ทั้งราชวงค์ดิฉันรักท่าน ดยุ๊ค วิลเลี่ยม คนเดียว
    นอกกะนั้นเกลียดหมด5555........ภาพ ท่านดยุ๊ค วิลเลี่ยม แห่ง ออเรนจ์ ตอน หนุ่มๆ
    ดยุ๊คแห่งนาซซาวหรือ วิลเลี่ยมคนเงียบ แต่ทำจริง ประสูติ วันที่ 24 เมษา 1533
    (ราศีเดียวกะเพื่อนสนิทดัชเชส) เมือง เดลิฟ ใกล้ๆบ้านดัชเชสเลยคะ


    [​IMG]




    .....


    เดี๋ยวกลับมาเล่า เรื่อง โจนน์ ออฟ อาร์ค กับ กิลล์ เดอ เรย์ต่อนอกเรื่องไปนาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2013
  4. ดอกข้าว

    ดอกข้าว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +1,462
    , คุณดัชคะ หากระทู้เก่าๆ ของคุณดัชไม่ค่อยเจอเลยค่ะ ตามอยู่ค่ะ
     
  5. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,670
    เป็นคนนึงที่ชอบศึกษาปวศ.ของชนชาติต่างๆ แต่ตอนเรียนดันเรียนวิทย์ ต้องหาซื้อหนังสือประเภทนี้มาสะสมไว้อ่านเวลาว่างๆ สิ่งที่คล้ายกัน แทบทุกชาติ มักจะเป็นเรื่อง การชิงรักหักสวาทแย่งชิงอำนาจ เบื้องหลัง ราชบัลลังก์แลกมาด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของ ศัตรูและผู้บริสุทธิ์ เฮ้อ (เรื่องโจน ออฟ อาร์ค คุ้นๆว่าเคยดูหนัง รูปภาพยังสวยเหมือนเดิม คร้า )
     
  6. panaone99

    panaone99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +292
    เป็นแฟนคลับคุณ ดัชเชส รออ่านอยู่นะคะ เนื้อหาสาระต่างๆ รวมถึงเพลงที่คุณนำมาลง ดิฉันชอบจริงๆ ขอบคุณค่ะ
     
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ดิฉันก็เรียนสายวิทย์ คะ แบบ โดนพ่อบังคับให้เรียน ......ส่วนโจน ออฟ อาร์ค ในแง่มุมที่ จะเล่าให้ฟังจะเป็นอีกแง่ที่เราไม่ค่อยรู้กัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  8. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301




    [​IMG]

    สำหรับเนื้อเพลงในกระทู้นี้ เล่าถึง วิญญาณของ พระนางมารีอังตัวเนตที่สิงค์สถิตย์อยู่ที่ วิหาร ตริอาฌองค์น้อย
    พูดถึงความเจ็บปวดของผีที่ไปไหนไม่ได้อะคะ........ และกล่าวถึงอดีตก่อนจะกลายเป็นผี


    Here I can breathe
    ที่นี้ฉันหายใจได้

    Safe from the scorn
    ปลอดภัยจากฝูงชนที่โห่ร้อง

    I hear them crying
    But from afar
    ฉันได้ยินพวกเขาตะโกนร้องมาจากที่ไกลออกไป

    Write me a secret letter
    Hidden inside a rose
    จงเขียน สาร์นลับ ให้ฉัน แล ะซ่อนมันไว้ในดอกกุหลาบ


    I will be here on my soiled knees
    A prisoner of the world I sewed
    ฉันจะอยู่คุกเข่าที่เลอะเทอะอยู่ตรงนี้
    เป็น นักโทษของโลกที่ฉันเองเป็นผู้สร้างขึ้น

    An escape from all I know
    Holding on to one last dream
    When I wake I realize
    I am alone
    ทางเดียวที่จะหนีเท่าที่ฉันรู้
    คือครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ฝัน แต่ครั้นพอตื่นขึ้นมา
    ฉันได้ประจักษ์ว่า มีฉันอยู่แค่คนเดียว



    Write me a secret letter
    Hidden inside a rose
    จงเขียน สาร์นลับ ให้ฉันและซ่อนมันไว้ในดอกกุหลาบ



    I will be here on my soiled knees
    A prisoner of the world I sewed
    ฉันจะอยู่คุกเข่าที่เลอะเทอะอยู่ตรงนี้
    เป็น นักโทษของโลกที่ฉันเองเป็นผู้สร้างขึ้น




    And in the night you may hear my desperate cry
    From distant halls now dark
    Calling from beyond the walls of Trianon
    Where has my life gone

    และตอนกลางคืน พวกท่านอาจจะได้ยิน
    เสียงร้องไห้คร่ำครวญของฉัน
    ดังมา แต่ไกลมาจากห้องท้องพระโรงที่บัดนี้มืดมิด
    เป็นเสียงที่คร่ำครวญโหยหวน
    ออกมานอกกำแพงของ วิหาร ตริอาณองค์
    สถานที่ที่ฉันเสียชีวิต






    ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ต่อ เรื่องนางฟ้ากะซาตาน ญาณ ดวาร์ค กับ กิล เดอ เรย์

    [​IMG]



    เหตุการณ์ วุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสสมัยนั้น
    ซึ่งดิฉันได้เล่าไปในข้อความแรกของกระทู้พอจะทำ
    ให้เราทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เกิด วีรสตรีชาวฝรั่งเศส
    โจนน์ ออฟ อาร์ค เกิดขึ้นมาในเวลาต่อมานั้นเอง


    โจนน์ ถือ กำเนิดขึ้นมาในครอบครัวชั้นกรรมาชีพ
    หรือชาวนา ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ดอมเรมี ประเทศ
    ฝรั่งเศส หลังจากเจ้าชายน้อย ชาล์ลส์ที่ 7 หนี ภัย
    จากการโดนกล่าวหาว่าเป็นลูกชู้ไปพึ่งใบบุญ ภายใต้
    แผ่นดินของของ ดัชเชส โยแลนด้า แห่ง อเรกอน
    ราชินีสี่แผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นทางใต้ฝรั่งเศส
    ซึ่งมีศักดิ์ เป็นพระญาติห่างๆ ดัชเชส โยแลนด้าก็เล็ง
    เห็นคุณสมบัติในตัว เจ้าชายน้อย พระนางทรงทราบ
    ดีว่าอย่างไรแล้ว เจ้าชาย ชาล์ลส์ ที่ 7 ผู้นี้ แม้จะ
    ทรงเป็นลูกชู้จริงหรือไม่ก็ตาม แต่ตามกฏหมาย
    บิดา ของ พระองค์ ก็ยังเป็น พระเจ้าชาล์ลส์ ที่ 6
    แห่งฝรั่งเศส การรับ เจ้าชายน้อย ชาล์ลส์ ที่ 7
    เป็นลูกบุญธรรมและจับให้สมรสกับ เจ้าหญิง มารี
    พระธิดาของพระนาง ในอาคต นางสามารถช่วยผลัก
    ดันให้ ชาล์ลส์ ที่ 7 ขึ้นครองค์ราช เป็น กษัตริย์ฝรั่งเศส
    ในขณะที่ลูกสาวของนางก็จะกลายเป็นราชินีแห่งฝรั่งเศสไปด้วย


    [​IMG]


    ด้วยเหตุนี้เอง ดัชเชส โยแลนด้า จึงได้ กลายเป็น
    เสมือนแม่บุญธรรมผู้คอยผลักดัน เจ้าชายชาล์ลส์ ที่ 7
    อยู่เบื้องหลังเสมอมา ด้วยลักษณะบุคคลิกภายนอกของ
    ดัชเชส โยแลนด้า แล้ว พระนางทรงเป็นหญิงสูงวัยที่
    ชาญฉลาด รู้เกมสการเมือง แต่ในขณะเดียวกันก็ทรง
    เป็นคนโบราณหัวเก่าที่เลื่อมใสในศาสนาและไสยศาสตร์
    โชคราง ฯ เป็นอย่างยิ่ง โหรหลวงผู้มีความสามารถใน
    การพยากรณ์ แม่นยำราวตาเห็นในยุคก่อนเคยเขียน
    จารึกเอาไว้ว่า ในปีคศ อีกไม่นานนี้ ในสมัยที่
    เจ้าชายน้อย ชาล์ลส์ ที่ 7เติบโตเป็นผู้ใหญ่
    และอภิเสกกับพระธิดาของ ดัชเชสโยแลนด้า
    จะมี สาวพรหมจรรย์นางหนึ่งมาช่วยกอบกู้ชาติ
    ของประเทศฝรั่งเศส จากอังกฤษ ซึ่ง พระนาง
    โยแลนด้าก็ทรงเชื่อตามโหรทำนายเช่นนั้น


    [​IMG]


    ครั้นเมื่อ ชาล์ลส์ ที่ 7 โตจนถึงวัยผู้ใหญ่และ
    อภิเสกกับ พระธิดาของ ดัชเชส โยแลนด้า นั้นเอง
    ไกลออกไปในหมู่บ้านทางตะวันออกของประเทศ
    ฝรั่งเศส ที่เรียกว่า หมู่บ้าน ดอมเรมี ก็มีเด็กสาว
    อายุ 18 คนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวชั้น
    กรรมาชีพ เธอมีนามว่า โจแอน หรือ เรียกแบบ
    ฝรั่งเศสก็คือ ญาณ



    [​IMG]

    โจนน์ หรือญาณนั้นเป็นเด็กที่มีอุปนิสัย แปลก
    ประหลาดผิด เด็กวัยรุ่นผู้หญิงทั่วไป โจนน์
    มีผมหยักศกสีทอง ซึ่งเธอจะถักเปียและ
    ผูกด้วยโบว์ หรือ ริ้บบิ้นที่หางเปีย
    ดวงตาสีฟ้า เป็นคนที่ศรัทธา
    ในศาสนาเป็นอย่างยิ่ง เธอปฏิเศสที่จะแต่งงานมี
    ครอบครัวผิดจากสตรีส่วนใหญ่ในเวลานั้นที่พอเข้า
    สู่วัยรุ่นก็จะต้องถูกพ่อแม่จับแต่งงานทุกคน
    แต่สำหรับโจนน์นั้น เธอรักที่จะได้รับการศึกษา
    อ่านหนังสือ และหาความรู้จากโบสถ์จากวัดเสีย
    มากกว่า นอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่สุภาพอ้อน
    น้อมอีกด้วย แม้ดูภายนอกจะ เหมือนเด็กสาว
    ท่าทางใจดี สุภาพ ไม่ค่อยอ่อนหวาน
    แต่ก็มีหัวคิดที่แข็งกร้าว เชื่อมั่นตัวเองสูง
    จนบางทีดูเหมือนจะเกินสถานะของสตรีใน
    สมัยนั้นมากเกินไป จนนำภัยมาถึงตัว




    ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  10. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    พอได้มาอ่านเนื้อหาที่คุณ DuchessFidgette โพสไว้เหมือนได้ทบทวนวิชาประวัติศาสตร์และเนื้อหาหลายๆเรื่องละเอียดและลึกมากๆเลยค่ะ เพราะแต่ไหนแต่ไรจะชอบอ่านพวกวรรณกรรม ประวัติศาสตร์มากกว่าเพราะมีอะไรให้ศึกษาค้นคว้าตลอด มีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังมากมายทั้งสุข ทุกข์ เศร้าโศก พลัดพราก การแย่งชิงอำนาจ เอาไว้เตือนใจ
     
  11. jkung04

    jkung04 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +253
    ตามอ่านกระทู้ของพี่ ดัชเชส มาตั้งแต่กระจกยิปซีแล้วครับ ชอบมากครับ มันทำให้ผมได้ความรู้ในหลายๆด้านครับ โดยเฉพาะเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ของชนชาติ ในแถบยุโรป และสิ่งลี้ลับ ต่างที่พี่ดัชเชสพบเจอมาครับ


    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวและข้อมูลดีๆนะครับ

    เป็นกำลังใจพี่ดัชเชส ครับ สู้ๆๆ ครับ ผมจะคอยตามอ่านไปเรื่อยครับ


    ปล.พวกชาวต่างชาตินีเขามีความเชื่อเรื่องเครื่องลางของขลังแบบชาวเอเชียหรือเปล่าครับ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  12. piramid111

    piramid111 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    462
    ค่าพลัง:
    +1,204
    ตามอ่านอยู่ค่ะ ชอบค่ะเรื่องประวัติศาสตร์ชาติยุโรปสนุก อ่านแล้วไม่เบื่อเลยค่ะ
     
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    มีคะ อย่าง การตัดตีนกระต่ายใส่ไว้ในเปลเด็กป้องกันคุณไสย์จากแม่มด หรือ ดวงตาปีศาจของตุรกี หินแม่มด ฯลฯ
     
  14. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    [​IMG]

    โจนน์ เป็นบุตรีของ ฌาคส์ ดวาร์ค และ อิสซาเบลลา โรเม่
    ที่ตั้งของที่ดินของครอบครัวอยู่ในบริเวณทางด้าน
    ตะวันออกเฉียงเหนือที่ล้อมรอบโดยดินแดนเบอร์กันดี
    แต่เป็นหมู่บ้านที่มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
    ฝรั่งเศส หมู่บ้านโจนน์ที่เติบโตขึ้นมาก็ถูกรุกรานหลาย
    ครั้งและครั้งหนึ่งถึงกับถูกเผา ทำให้โจนน์เก็บซ้อน
    ความรู้สึกต่อต้าน พวกอังกฤษและเบอร์กันดีอยู่ลึกๆ
    และมีความกระตือลือล้นที่เรื่องความรักชาติ
    ตามประสาคนสมัยก่อนที่เคารพนับถือ
    พระมหากษัตริย์และราชวงศ์มาก โดยหารู้ไม่ว่า
    พวกกษัตริย์ไม่เคยเห็นค่าของพวกชาวบ้านเท่า
    ใดนักด้วยซ้ำไป ซึ่งในเรื่องนี้ตอนท้ายที่สุดเราจะ
    เห็นเรื่องราวทั้งหมดนตอนสุดท้าย ที่เฉลยว่า
    สิ่งที่โจนน์ทำเพื่อกษัตริย์ที่ตนเองเคารพนั้นไม่
    ได้มีค่าอะไรเลย ในขณะที่ตัวกษัตริย์ฝรั่งเศส
    ที่ต่อสู้แย้งอำนาจกันกับพวกอังกฤษนั้นมันเป็น
    แค่เกมส์การผลัดเปลี่ยนกันชิงอำนาจเท่านั้นเอง
    เพราะในท้ายที่สุด กษัตริย์ในแต่ละประเทศทุกประเทศ
    ในยุโรปก็ล้วนแล้วแต่เป็นญาติกันทั้งสิ้น



    [​IMG]


    และแล้วจากค่านิยมปลูกฝังให้รักชาติ และการเห็น
    พวกอังกฤษ และเบอร์กันดีมารุกรานอยู่เรื่อย
    ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ผลกระทบเหล่านี้มันหนัก
    สำหรับชาวบ้าน ที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีเพียงที่ดิน
    ไม่กี่เอเคอร์ และกระท่อมเล็กๆที่อยู่อาศัย
    ในขณะที่เวลาค่าศึกมา พวกจ้าวนั้นกลับไม่ได้
    รับผลกระทบใดๆเลย
    จากพื้นฐานการสนใจศาสนา ประกอบกับเป็น
    เด็กสาวราศีธนูผสมมังกร ทำให้โจนน์ออกจะบ้าบิ่น
    กว่าผู้หญิงทั่วไปเล็กน้อย และเชื่อมั่นตัวเองสูงมาก
    ซึ่งแม้แต่นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันก็ยังถกเถียงกัน
    อยู่ว่า ครั้นเมื่ออายุได้ 12 โจนน์ ก็อ้างตัวบอกกะใครๆว่า
    เธอมีฌาณวิเศษ สามารถเห็น และได้ยินเสียงของเทวดา
    ใน ศาสนาคริตส์ องค์ต่างๆ ให้การว่าได้รับนิมิต
    (vision) เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1424 เมื่ออายุได้ 12
    ปีขณะที่ออกไปเดินในทุ่งคนเดียวและได้ยินเสียง
    และให้การต่อไปว่าหลังจากวิสัยทัศน์หายไปเธอก็
    ร้องไห้ด้วยความปิติเพราะความงามของสิ่งที่ปรากฏ
    และกล่าวต่อไปว่านักบุญมาร์กาเรตแห่งแอนติอ็อค,
    นักบุญแคเธอรินแห่งอะเล็กซานเดรีย
    ได้มาสื่อสารกับนาง
    ( ดิฉันขอเสริมเล็กน้อยเรื่องพวกคนที่จะได้รับการ
    สถาปนาเป็นนักบุญ ในศาสนาคริตส์ อ่านดูเรื่องของ
    แต่ละท่านแล้ว แทบช็อคคะ ตายกันโหดมากๆเลย
    อย่าง เซนต์ แคทเธอรีน แห่ง อะเล็กซานเดรียนี้
    ดิฉันเคยเล่าไปในกระทู้ผีว่า ชื่อนางโดนนำไปตั้ง
    เป็นชื่อของเครื่อประหารนักโทษชนิดนึง ที่ ตัว
    เซนต์ แคทเธอรีนเอง นางเป็นบุคคลแรกที่โดน
    จับทรมานด้วยเครื่องประชนิดนี้ ที่เรียกว่า วงล้อ
    แคทเธอรีน และ เธอก็อายุแค่ 16 ปี เท่านั้นตอน
    ที่โดนทรมานด้วยเครื่องประหารชนิดนี้ วิธีการก็คือ
    หาล้อเกวียนใหญ่ๆมาวงนึง จับคนวางพาดกางแขน
    และขา เสร็จแล้วก็เอาค้อนทุบข้อต่อของร่างกาย
    เช่น ข้อซอก และ หัวเข่า จนมันหลุด ร่องแร่งเสร็จ
    แล้วก็เอาแขน ที่ร่องแร่งหรือขา ที่ร่องแร่ง มัดเข้า
    กับแง่งของวงล้อ เกวียน และชักขึ้นไปสูงๆ ปล่อย
    ให้กลายเป็นเหยื่อของแร้งกา หรือ อากาศ ร้อน
    หรือหนาว ลองคิดดูว่ามันจะนานแค่ไหนกว่าจะตาย
    คนที่ทำแบบนี้ไม่น่ามีจิตใจของความเป็นมนุษย์เลย)



    [​IMG]


    เข้าเรื่องของ โจนน์ ต่อ เธอเล่าว่า อัครทูตสวรรค์
    มีคาเอลเป็นผู้มาบอกให้กำจัดฝ่ายอังกฤษและให้
    นำมกุฎราชกุมารชาร์ลส์ไปยังแรงส์เพื่อประกอบพิธี
    ราชาภิเษก ใน แรงส์ ซึ่ง เป็นสถานที่ราชาภิเสกตาม
    กฏหมาย แต่เมืองนี้ในเวลานั้นโดนควบคุมโดยฝ่ายศัตรู

    เมื่ออายุได้ 16 ปี โจนน์ก็ขอให้ดูร็อง ลาซัว ผู้เป็นญาติ
    นำตัวไป เพื่อไปพบผู้บังคับบัญชากองทหาร เคานท์
    โรแบร์ต เดอ โบดริคูร์ต ให้อนุญาตให้ไปเฝ้ามงกุฎ
    ราชกุมาร ชาร์ลส์ ที่ 7 ลูกบุญธรรม และลูกเขย ของ
    ดัชเชส โยแลนด้าในราชสำนักฝรั่งเศสที่ชีนอง
    แต่สิ่งที่ได้รับก็คือ โดน ท่าน เคานท์ โรแบร์ต พูดจา
    คำตอบเสียดสี หาว่า โจนน์เป็นแค่เด็กผู้หญิงชาวบ้าน
    คนนึง จะไปรู้เรื่องอะไรเรื่องการรบ และ เจ้าชาย
    ชาล์ลส์ ที่ 7 ก็ไมมีทางจะเชื่อ สิ่งที่เด็กผู้หญิง
    พูดแน่นอน....... แต่กระนั้นแม้จะโดนปฏิเศส แต่
    โจนน์ก็ยังดึงดันกลับมาเสนอตัวอีก โจนน์กลับมาใน
    เดือนมกราคมปีต่อมาและได้รับการสนับสนุนจากบุคคล
    สำคัญสองคน: ฌอง เด เมซ และ แบร์ตรองด์ เดอ
    ปูเลนยี ผู้เป็นขุนนางคนสนิทของ ท่าน เคานท์ โรแบร์ต
    ซึ่ง ก็เชื่อเรื่องศาสนามาก และเชื่อในสิ่งที่โจนน์ เล่ามา
    ......ภายใต้การสนับสนุนของบุคคลสองคนนี้ โจนน์ก็
    ได้รับการสัมภาษณ์เป็นครั้งที่สองที่ทำนายผลของยุทธ
    การแฮริงส์ ไม่ไกลจาก
    ออร์เลอองส์......และมอบชุดอัศวินผู้ชายเอาไปใส่
    เวลาเข้าเฝ้า พระเจ้าชาล์ลส์ ที 7


    [​IMG]


    ในที่สุด ท่านเคานท์ โรแบร์ต เดอ โบดริคูร์ต อนุญาต
    การเข้าเฝ้าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ของโจนน์ ที่ชีนอง เมื่อ
    ได้รับข่าวยืนยันผลของสงครามว่าเป็นไปตามที่โจนน์
    ทำนายไว้ก่อนหน้านั้นโจนน์ เดินทางไปชีนองโดยการ
    ฝ่าดินแดนเบอร์กันดีของฝ่ายศัตรูโดยแต่งตัวเป็นผู้ชาย
    ...... เมื่อไปถึงราชสำนักโจนน์ ก็สร้างความประทับใจ
    ให้แก่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ระหว่างการเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว
    พระองค์ ทรงทดสอบฌาณวิเศษของ นาง
    โดยการวางแผนกันกับพวก ท่านเคานท์ และมาควิส
    ในวังให้ปลอมตัวเป็นกษัตริย์ และให้โจนน์ ทายว่า
    ใครคือ พระเจ้าชาล์ลส์ ที่ 7 ตัวจริง แต่ โจนน์ก็สามารถ
    หาพระองค์จนพบ เมื่อแรกพบว่าที่กษัตริย์ โจนน์
    จูบมือของพระองค์ และตะโกนว่า



    [​IMG]

    "My sweet king, I found you"
    พระราชาที่น่ารักของข้า ในที่สุดข้าก็พบท่าน
    นอกจากนี้ โจนน์ ยังได้ขอ สนธนาเป็นการส่วน
    ตัวกับชาล์ลส์ ที่ 7 นางได้บอกความลับบางอย่างที่
    กล่าวว่าพระเจ้าฝากบอกมาถึงพระองค์ ซึ่งเป็น
    ความลับที่ ทำให้ชาล์ลส์ เชื่อมั่นในตัวนางอย่าง
    ร้อยเปอร์เซนต์ ว่า โจนน์จะสามารถพาพระองค์
    ไป สวมมงกุฏกษัตริย์ ที่แรงส์ สำเร็จ ฝ่าย
    ดัชเชส โยแลนด้า แม่ยายของชาล์ลส์เองก็ทรง
    เชื่อตามที่โหรโบราณทำนายเรื่องสาวพรหมจรรย์
    กอบกู้เอกราชเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ พระนางจึงสั่งให้
    มีการตรวจสอบโจนน์ โดยหญิงข้าราชสำนักว่า
    โจนน์ เป็นสาวพรหมจรรย์ จริงหรือไม่ ซึ่งผล
    ปรากฏก็ออกมาเป็นดังนั้นแต่ พระนางก็มิวาย
    ที่จะทดสอบอันดับต่อไป และตรวจสอบความ
    รู้ทางเทววิทยาคริสเตียนที่ปัวตีแยร์ (Poitiers)
    เพื่อที่จะพิสูจน์ยืนยันถึงความมีศีลธรรมของโจนน์
    ในระหว่างการทดสอบ คณะกรรมการณ์ ได้ตั้ง
    คำถามถาม โจนน์ ให้เธอแสดงสัญญาณ หรอ
    ปาฏิหารของการเป็น ผู้ส่งสาร์นของพระเจ้าให้
    พวกเขาเห็น แต่โจนน์ ก็ตอบกลับมาได้ อย่าง
    ชาญฉลาดว่า



    [​IMG]

    "In the name of God, I have not come
    to Poitiers to work signs! But take
    me to Orlean"; and I will show you
    Signs why I'm sent"

    "ในนามของพระเจ้า ข้าไม่ได้มาที่ปัวร์ตีแยร์
    เพื่อเล่นกล ให้พวกท่านดู จงพาไป ออร์เรอองส์
    เดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะแสดงให้พวกท่านเห็นว่าข้ามาเพื่ออะไร"

    ในระหว่างนั้น ดัชเชส โยลันด้าแห่งอารากอน
    แม่ยายของพระเจ้าชาร์ลส์ ก็พยายามหาทุนเพื่อ
    หากำลังไปช่วยปลดปล่อยออร์เลอองส์ที่ถูกล้อม
    โดยอังกฤษอยู่ โดยให้โจนน์ติดตามไปกับกองทัพด้วย






    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2013
  15. piramid111

    piramid111 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    462
    ค่าพลัง:
    +1,204
    ไม่มีตอนต่อไปเลยหรือค่ะเฝ้ามาหลายวันแล้วค่ะ หรือจบแค่นี้ค่ะ
     
  16. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เดี๋ยวจะมาพิมพ์ต่อคะ แต่ช่วงนี้มีธุระและต้องออกไปข้างนอกบ่อยมากพอกลับมาก็เหนื่อยเลยไม่ได้พิมพ์คะ แต่เดี๋ยวมาเล่าต่อแน่นอนคะ
     
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    โอเค วันนี้ว่างแล้ว จะมาเล่าต่อ
     
  18. montareeya

    montareeya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +1,069
    รอค่าาา
     
  19. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ต่อเรื่อง โจนน์ ออฟ อาร์ค กับ กิลล์ เดอ เรย์

    [​IMG]


    แหมถาดิฉันมีแป้นพิมพ์ภาษไทยดิฉันก็จะสามารถพ้นสิ่งต่างๆที่ออก
    มาจากหัวให้ฟังได้เร็วกว่านี้ ขอนอกเรื่องเล็กน้อย ประเทศที่ดิฉัน
    อยู่เป็นฝ่าย อริกับ ฝรั่งเศสในเรื่อง โจนน์ ออฟ อาร์ค คะ คือ
    กษัตริย์ของทางเนเธอร์แลนด์นั้นเป็นพวกที่สืบทอดเชื้อสายฝ่าย
    ฝรั่งเศสสาย แคว้นเบอร์กันดี ส่วน โจนน์ ออฟ อาร์ค และ
    กิลล์ เดอ เรย์ นั้นอยู่ข้าง แคว้น ออร์เลอองซ์ และ ฝรั่งเศส




    [​IMG]


    เล่าต่อ, ในที่สุดหลังจากผ่านการตรวจสอบต่างๆนาๆว่า
    มีความสามารถและเป็นสาวพรหมจรรย์ที่พระเจ้าส่งมาปลด
    แอกฝรั่งเศสจากอังกฤษจริง โจนก็ได้รับพระราชทาน
    อนุญาตจาก ว่าที่มงกุฏกษัตริย์ ชาล์ลส์ ที่ 7 และ
    แม่ยาย ดัชเชส โยแลนด้า ให้ร่วมเดินทัพไปกับกองทัพ
    ทหารเพื่อไปปลดปล่อยเมืองแรกจากอังกฤษ คือ
    แคว้นออร์เลอ็องนางได้รับ ชุดเกราะอัศวิน ม้า อาวุธ และ
    ธง ไม่ต่างจากทหารคนหนึ่ง นอกจากนี้ยัง ได้รับพระราช
    ทาน บอดี้การ์ด เป็น ชายหนุ่มคนหนึ่ง นามว่า ออร์ลอน
    มาคอยเป็นคนดูแลคุ้มครอง และช่วยจัดหาทุกอย่างเพื่อ
    อำนวยความสะดวกให้โจนน์ ...... ซึ่งก็ได้พัฒนามาเป็น
    เพื่อนที่จงรักภักดีต่อโจนน์มาก แค่เด็กสาวชาวนาคนหนึ่ง
    ที่ไม่มีการศึกษาแต่ได้ร่วมทัพไปกับแม่ทัพที่มีเชื้อสาย
    ราชวงค์ และ บุรุษชั้นแนวหน้า มากมาย




    [​IMG]

    อันได้แก่
    ฌ็อง ที่ 2 ดยุกแห่งอาล็องชอง, มาควิส กิลล์ เดอ เรย์
    ผู้มีที่ดินมากเสียยิ่งกว่าประเทศฝรั่งเศสทั้งประเทศของ
    ว่าที่มงกุฏราชกุมารชาลลส์ ที่ 7 ในเวลานั้น,
    กัปตัน ลาแฮร์ หรือ อิทเธี่ยน เดอ วินยอเร่อ,
    กัปตัน เปอร์ตง เดอ ซานทายเย่, ราอูล เดอ กัวคัวร์,
    อาเธอร์ เดอ ริชมอนด์, อัศวินหนุ่ม กาย ลาเวล,
    เซอร์ ฮิว เคนเนดี้ อัศวินชาวสกอตแลนด์,
    ดยุ๊ค จอห์น สจ็วต แห่ง ดานเล่ สกอตแลนด์
    และพี่ชาย นอกจากนี้ยังมีอัศวนอีกมากมายและ
    เด็กรับใช้วัย 15นามว่า หลุยส์ เดอ คัวเตส,
    ฌอง ดูนัวส์ ดยุ๊ค ผู้เป็นประมุขของตระกูล
    ดยุกแห่งออร์เลอ็อง ซึ่งทีแรกนั้นกีดกันรังเกียจการ
    ที่เอาเด็กผู้หญิงชาวบ้านเข้ามาร่วมทัพเป็นอย่างยิ่ง
    แต่ในที่สุดก็ต้องนยอมสยบต่อความฉลาดและเหนือ
    ชั้นของโจนน์ จนยอมสวาวิภักษ์ต่อนาง, และ
    แอมเบอร์วิลว์ และ กีร์ยานี่ สองสหายผู้มีหน้า
    ที่ส่งสารให้กองทัพ



    [​IMG]



    ย้อนกลับมาถึงปราการเอาชนะใจด่านแรกของโจนน์
    ก็คือดยุ๊ค ฌองส์ ดูนัวร์ ประมุขแห่งดยุ๊คตระกูล
    ออเลอองซ์ ซึ่งครั้งแรกที่ โจนน์ และ กองทัพ
    ซึ่งมีแต่บรรดาพวกผู้ชายที่ก็ไม่ชอบไอเดียเรื่องการ
    นำผู้หญิงมาร่วมเป็นผู้วางแผนการรบอยู่แล้ว แต่ก็ต้อง
    ดำเนินตามนั้นเพราะเป็นพระราชประสงค์ที่ได้รับการ
    อนุมัติแล้วโดยสภา.......แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ปริ
    ปากคัดค้านหรือแสดงพฤติกรรมที่ไม่พอใจใดๆให้โจนน์
    ได้เห็น

    ในขณะที่ ดยุ๊ค แห่ง อาล็องชอง เป็น เพียงคนเดียวที่
    ชื่นชอบโจนน์มาตั้งแต่เขาได้ยินข่าวจาก สภาว่าจะมีเด็กสาว
    มาร่วมรบด้วย เขารีบขี่ม้ามาดูหน้าโจนน์ และชื่นชมใน
    ความกล้าหาญของเธอ ด้วยอุปนิสัยของ เขาซึ่งเป็นคน
    หัวก้าวหน้าอยู่แล้ว

    ผิดกับ ดยุ๊ค แห่ง ออร์เลอองซ์ที่แสดงอาการ
    ออกมาอย่างเต็มๆว่า เขาไม่เห็นด้วย เขา ไม่ยอมรับ
    โจนน์และกีดกันจากการเข้าร่วมประชุมในสภาสงคราม
    ไม่ให้ความสำคัญกับเธอ และ ไม่ยอมบอกโจนน์เวลา
    มีการประชุมกองทัพเพื่อวางแผนการรบ หนำซ้ำพอมี
    การต่อสู้เกิดขึ้นก็ยังไม่ยอมบอกอีกด้วย โดยปล่อยให้
    โจนน์ นั่งๆนอนๆติดสอยห้อยตามมาด้วยเฉยๆพอ.....
    ...แต่ก็ต้องเซอร์ไพรซ์ เพราะโจนน์ก็จะรู้ข่าวและเข้า
    มาร่วมประชุมสงครามเพื่อวางแผนรบได้ทุกครั้ง
    แม่ทัพทุกคนต่างอึ่งในแนวคิดการวางแผนรบของโจนน์
    ที่อุกอาจและสนับสนุนให้โจมตีเต็มร้อย โจนน์ไม่เห็น
    ด้วยกับนโยบายที่ระมัดระวังที่เป็นลักษณะของนโยบาย
    ของผู้นำฝ่ายฝรั่งเศสใช้ปฏิบัติกันอยู่ในขณะนั้น
    ก่อนที่โจนน์จะเข้ามามีบทบาท ระหว่างห้าเดือนของ
    การถูกล้อมก่อนที่ฌานจะเข้ามามีบทบาท ผู้รักษาเมือง
    ออร์เลอ็องพยายามออกไปต่อสู้กับฝ่ายอังกฤษเพียง
    ครั้งเดียวและจบลงด้วยความล้มเหลว



    [​IMG]



    เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมฝ่ายฝรั่งเศสที่นำโดยโจนน์ก็
    เข้าโจมตีและยึดป้อม เซนต์ ลูเป้ ในบริเวณออร์เลอองส์
    ตามด้วยการยึดป้อมที่สอง เซนต์ ฌ็อง เลอ บล็อง
    ซึ่งไม่มีผู้รักษาการ




    [​IMG]

    ในวันรุ่งขึ้น จึงทำให้เป็นการยึดที่ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ วัน
    ต่อมาโจนน์ก็มีปากเสียง กับ ฌอง ดอร์เลอองในสภาสงคราม,
    เธอเรียกร้องให้มีการโจมตีฝ่ายศัตรูขึ้นอีกครั้ง
    แต่ ฌอง ดอร์เลอองไม่เห็นด้วยและสั่งให้ปิดประตูเมืองเพื่อ
    ป้องกันไม่ให้มีใครออกไปรบได้ แต่โจนน์ก็รวบรวมชาวเมือง
    และทหารไปบังคับให้นายกเทศมนตรีเปิดประตูเมือง
    โจนน์ขี่ม้าออกไปพร้อมด้วยกัปตันผู้ช่วยอีกคนหนึ่งกับ
    กองทหารไปยึดป้อมแซ็งโตกุสแต็ง ค่ำวันนั้นโจนน์ก็
    ได้รับข่าวว่าตนเองถูกกีดกันจากการประชุมของสภา
    สงครามที่ผู้นำในสภาตัดสินใจรอทหารกองหนุนก่อน
    ที่จะออกไปต่อสู้ครั้งใหม่ โจนน์ไม่สนใจกับข้อตกลง
    ใดๆของสภา และ นำทัพออกไปโจมตีที่ตั้งมั่นสำคัญ
    ของอังกฤษที่เรียกว่า “ป้อม ตูเรวล์” เมื่อวันที่ 7
    หลังจากการยึดป้อมตูเรวล์ได้สำเร็จเพราะความ
    หัวดื้อ บ้า บิ่น จริงจัง ของโจนน์ นั้นเองที่สร้าง
    กระแสเครดิต ความสวามิภักษิ์ และยอมรับของบรรดา
    แม่ทัพนายกอง และอัศวินในกองทัพอย่าง
    ร้อยเปอร์เซนต์ พวกเขา ขนานนามเธอว่าเป็นวีรสตรี
    ของสงคราม.......... ในการรบครั้งนั้นโจนน์ได้รับ
    ความบาดเจ็บจากลูกธนู ในระหว่างที่โจนน์ปีนบันไดเข้า
    เมืองฝ่ายศัตรูพร้อมกับทหารคนอื่นๆ ด้วยความโกลาหล
    เธอโดนธนูยิงเข้าที่หัวไหล่จนบาทเจ็บธนูฝังเข้าไปในแขน
    จน ออร์ลอน บอดี้การ์ด ประจำตัวของเธอ และอัศวินแถวๆ
    นั้นต้องมาช่วยกันอุ้มโจนน์ออกไปวางไว้ที่ทุ้งและ
    ตัดคันธนูแต่ธนูเกิดหักและหัวยังฝังอยู่ที่ไหล่ของโจนน์
    เกือบชิดที่คอ โจนน์ ตัดสินใจใช้มือเธอเองอีกข้างดึงหัวธนู
    ที่ฝังออกใช้มือเปล่าออกจากหัวไหล่โจนน์
    พวกทหารต่างทึ่ง ในความบ้าบิ่นของเด็กสาวอายุแค่
    19 เธอไม่ร้อง ไม่เจ็บใดๆท้งสิ้น
    สิ่งแรกที่เธอทำคือ พยามจะวิ่งกลับไปรบต่อ


    การต่อสู้มีต่อไปทั้งที่บาดเจ็บในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
    ที่ออร์เลอ็องได้.......บรรดาทหารทุกคนเชื่อมั่น
    เกินร้อยว่า เธอเป็นนางฟ้าที่ถูกส่งมาปลดแอกประเทศฝรั่งเศส
    หลายครั้งที่โจนน์ เป็นไข้ตัวร้อนสูงด้วยพิษของแผลอักเสบ
    แต่เมื่อรักษาจนทุเลาเล็กน้อย สิ่งที่เธอร้องถามเป็นอันดับแรก
    ก็คือ สงครามเป็นยังไรบ้าง
    ในแปดวัน, เธอได้ไล่พวกอังกฤษออกจากทุกหนทุก
    แห่งที่พวกเขาได้มายึดไว้บนฝั่งแม่น้ำลัวร์โดยการโจมตี
    หรือโดยการใช้วิธีอื่น: พวกเขาเหล่านั้นถูกสังหารหรือ
    ไม่ก็ถูกจับเป็นนักโทษหรือเพลี่ยงพล้ำในสนามรบ
    รวมทั้งบรรดา สุภาพบุรุษ ฝ่าย อังกฤษ ที่ดูถูกโจนน์
    ว่า นางแม่มด อันได้แก่ ดยุกแห่งซัฟโฟล์คและน้องชาย
    ลอร์ดทาลบอท, ลอร์ดสเคลส์ และเซอร์ฟาสทอล์ฟ,
    อัศวินอีกหลายคนและกัปตัน ต่างหนีกันกระเจิดกระเจิง

    [​IMG]



    ดยุ๊ค แห่ง อาล็องชอง, มาควิส กิลล์เดอ เรย์, และ
    ดยุ๊ค ฌอง ดูนัวส์ แห่ง ออเลอองซ์ ต่างชื่นชมในตัว
    โจนน์มาก ........ดยุ๊ค แห่ง อาล็องชอง ถึงกับกลายเป็น
    เพื่อนสนิทที่สูงศักดิ์ของโจนน์ไปในที่สุด....... ใน ขณะ
    ที่ มาควิส กิลล์เดอ เรย์ เองก็ชื่นชมแนวคิดและท่าทาง
    อันคล้ายเด็กผู้ชายของ โจนน์ และกลายเป็นเพื่อนสนิท
    ของเธอไปเช่นกัน ในบางตำราเล่าว่าเขาชอบเธอมากถึง
    ขนาดเอ่ยปากขอโจนน์แต่งงานเมื่อสงครามเลิก แต่ โจนน์
    เป็นเด็กสาวที่ไม่ค่อยเหมือนคนทั่วไป เธอไม่สนใจเรื่อง
    การครองเรือน แต่สนใจเฉพาะศาสนาและการต่อสู้เพื่อ
    อุดมการ ทางศาสนา เท่านั้น



    [​IMG]



    หลังจากชัยชนะในออร์เลอ็องแล้วโจนน์ก็ถวายคำแนะนำ
    ให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 แต่งตั้งเธอให้เป็นผู้บังคับการกอง
    ทหารร่วมกับฌ็อง ดยุกแห่งอาล็องชอง
    (Jean II, Duc d'Alençon) และได้รับพระราชานุญาต
    ให้ยึดสะพานบนฝั่งแม่น้ำลัวร์ที่ไม่ไกลจากที่นั้นคืน
    ก่อนหน้าที่จะเดินทัพต่อไปยังแรงส์เพื่อไปทำพระราช
    พิธีบรมราชาภิเษก คำแนะนำของโจนน์เป็นคำแนะนำ
    ที่ออกจะเป็นความแนะนำที่ออกจะบ้าบิ่นเพราะแรงส์
    ห่างจากปารีสราวสองเท่าและอยู่ลึกเข้าไปในดินแดน
    ของศัตรู แต่ทุกคนก็เชื่อตามโจนน์บอกทุกอย่าง
    ปิแอร์ และ ฌอง ดวาร์ค พี่ชายสองคนของ โจนน์
    ที่ร่วมไปกับสงครามดวย รวมทั้งโจนน์ได้ รับพระราชทาน
    นามสกุลขุนนาง เป็น สกุล ดู ลีส์ ( Du Lys) แต่ ทั้งสองยังไม่ได้
    เปลี่ยนมาใช้ ณ. เวลานั้น




    ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2013
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เล่าต่อ

    [​IMG]


    โจนน์ตัดสินใจตัดผมเปียสีทองแก่ที่ผูกริ้บบิ้นออก และตัดทรงเดียวกับผม
    ผู้ชายวัยรุ่นในสมัยนั้นที่จะคล้ายๆผมบ็อบให้ดูกลมกลื่น
    กับบรรดาพวกอัศวินในกองทัพ หลังจากชัยชนะที่ตูเรวล์
    โจนน์สามารถเรียกคะแนนความนิยมในกองทัพจนถึง
    กับกลายเป็นเพื่อนสนิทของ บรรดา สุภาพบุรุษชั้นสูง
    ในกองทัพ โดยเฉพาะดยุ๊ค แห่ง อาล็องชอง


    [​IMG]



    ระหว่างทางฝ่ายฝรั่งเศสยึดเมืองต่างๆ คืนมาได้.......

    ตลอดเส้นทาง บรรดาทหารอังกฤษต่างกลัวเธอ
    และทุกคนต่างเข้าใจว่าเธอคือ นางฟ้า บางเมือง
    ถึงกับจำนนโดยง่ายโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ
    เพราะคนในสมัยนั้นเชื่อเรื่องศาสนามาก,
    ที่ทั้ว ฌาร์โก เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน, เมิง-เซอร์-ลัวร์
    เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน และต่อมาโบจองซีเมื่อวันที่ 17
    มิถุนายน ดยุกแห่งอาลองชองตกลงตามการตัดสินใจ
    ของโจนน์ทุกอย่าง แม่ทัพคนอื่นๆ รวมทั้งฌอง
    ดอร์เลออง ต่างก็ประทับใจในการได้รับชัยชนะของ
    โจนน์ที่ออร์เลอองส์ ก็หันมาสนับสนุนโจนน์



    [​IMG]



    ดยุก แห่ง อาล็องชอง สรรเสริญโจนน์ว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตตนเองที่
    ฌาร์โก เมื่อโจนน์เตือนถึงอันตรายที่มาจากปืนใหญ่ที่
    ระดมเข้ามา ในระหว่างยุทธการเดียวกันโจนน์ก็ได้รับ
    บาดเจ็บจากกระสุนปืนใหญ่บนหมวกเหล็กขณะที่กำลัง
    ปีนกำแพง กองหนุนของอังกฤษมาถึงบริเวณที่ต่อสู้กัน
    เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนภายใต้การนำของเซอร์จอห์น
    ฟาสทอล์ฟ (John Fastolf) ในยุทธการพาเตย์
    (Bataille de Patay) ที่เหมือนกับยุทธการ
    อาแฌงคูร์ตแต่ในทางกลับกัน ทหารฝรั่งเศสโจมตีกอง
    ขมังธนูของฝ่ายอังกฤษก่อนที่กองขมังธนูจะมีโอกาสได้
    ตั้งตัวในการโจมตีเสร็จ หลังจากนั้นกองทัพฝรั่งเศสก็
    ได้เปรียบและเข้าจู่โจมทำลายกองทัพอังกฤษ ในที่สุด
    ฝ่ายอังกฤษถ้าไม่ถูกฆ่าตายหรือได้รับบาดเจ็บก็หลบหนี
    ฟาสทอล์ฟหนีไปพร้อมกับผู้ติดตามไม่กี่คนและเป็นแพะ
    รับบาปสำหรับความอับอายของอังกฤษ ฝ่ายฝรั่งเศสเสีย
    ผู้คนไปเพียงไม่เท่าไหร่




    [​IMG]


    จากนั้นกองทัพฝรั่งเศสของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ก็เริ่มเดิน
    ตั้งต้นเดินทัพจากเฌียงเซอร์ลัวร์ ไปยังแรงส์เมื่อวันที่
    29 มิถุนายนและ
    ยอมรับการยอมแพ้ที่มีเงื่อนไขของเมืองอ็อคซาเร
    ที่เป็นของเบอร์กันดีเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม เมืองที่ผ่าน
    ทุกเมืองต่างก็หันมาสวามิภักดิ์ต่อฝรั่งเศสโดยปราศจาก
    การต่อต้าน ทรัวซึ่งเป็นสถานในการทำสนธิสัญญาที่พยา
    ยามตัดสิทธิในการสืบราชบัลลังก์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7
    ยอมจำนนหลังจากถูกล้อมอยู่สี่วัน เมื่อกองทัพเดินทาง
    ไปถึงตรัวส์ก็พอดีกับการที่เสบียงหมดลง เอ็ดเวิร์ด ลูซี สมิธ
    จึงอ้างว่า โจนน์มีความโชคดีมากกว่าที่จะมีความสามารถ
    จริงๆ ที่เห็นได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตรัวส์ ก่อนหน้าที่
    กองทัพฝรั่งเศสก็มีภราดาริชาร์ดเป็นไฟรอาร์ร่อนเร่อยู่ใน
    บริเวณนั้นเที่ยวเทศนาถึงวันโลกาวินาศที่จะมาถึง และชัก
    ชวนให้ผู้คนเริ่มสะสมอาหารโดยการปลูกถั่วซึ่งเป็นพืชที่
    เก็บเกี่ยวได้เมื่อต้นฤดู เมื่อกองทัพฝรั่งเศสมาถึงบริเวณ
    นั้นในจังหวะเดียวกับที่ถั่วพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้พอดี



    [​IMG]


    แร็งส์เปิดประตูเมืองให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 เมื่อวันที่
    16 กรกฎาคม พระราชพิธีบรมราชาภิเษกกระทำกันในวัน
    รุ่งขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1429 ที่มหาวิหาร
    นอเทรอดามแห่งแรงส์
    ด้วยพระอุปนิสัยของ ชาล์ลส์ ที่ 7 ทรงเป็นบุรุษีที่ไม่ชอบ
    การทะเลาะวิวาศต่อสู้ และสงครามอยู่แล้ว (กษัตริย์แหย๋)
    เมื่อทรงได้ตำแหน่งกษัตริย์อย่างสมบูรณ์ โดยการช่วยเหลือ
    ของโจนน์แล้ว และได้ดินแดนของพระองค์คืน
    ทั้งหมด พระองค์ก็ไม่ประสงค์การสู้รบอีกต่อไป
    ไม่ทรงปรารถนาจะเอาดินแดนในส่วนของเบอร์กันดี
    จากพระญาติของพระองค์ แม้ว่าโจนน์ และ ดยุกแห่ง อาล็องชอง
    จะพยายามถวายคำแนะนำให้ทรง อนุญาตให้พวกเขา
    เดินทัพต่อไปยังปารีส
    แต่ทางราชสำนักยังพยายามเจรจาต่อรองแสวงหาสันติภาพ
    กับดยุกแห่งเบอร์กันดี........(แน่นอนเพราะชาล์ลส์ัทรงมี
    มีความเกรงใจ ดยุ๊คเบอร์กันดี ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง
    ของพระองค์)....... แต่ฟิลลิป เดอะ กูด ดยุกแห่งเบอร์กันดี
    นั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์ และไม่ได้คิดจะสานสัมพันธไมตรีกับชาล์ลส์
    อย่างที่กษัตริย์ ชาล์ลส์ ทรงเห็นแก่เขาและทรงห้ามปามมิให้
    โจนน์ และกองทัพเดินทัพเข้าไปยึด ดินแดนในส่วนของเบอร์กันดี ( ลูกพี่ลูกน้องของพระองค์)
    ฟิลลิป เดอะ กูด ดยุกแห่งเบอร์กันดี นั้นจึงได้ใจจึง ละเมิดสัญญา
    เพื่อถ่วงเวลาในการรอกองหนุนจากปารีส



    [​IMG]

    ดยุ๊ค แห่ง อาล็องชอง ซึ่งเป็นแม่ทัพของกษัตริย์
    และสุภาพบุรุษชั้นแนวหน้าคนอื่นๆเมื่อ ไม่ได้รับพระราช
    อนุญาต จากกษัตริย์ให้เดินทัพต่อก็ต้องหยุด แม้จะไม่ค่อย
    พอใจกับการตัดสินพระทัยอันโลเลของ พระเจ้าชาล์ลส์ ที่ 7 นัก
    อีกทั้งยังเรงเห็นว่า กางรบต่อไปโดยปราศจาก กองหนุน
    เพิ่มจากกษัตริย์ ก็มีแต่จะแพ้กับแพ้ จึงบอกกับโจนน์ว่าพวก
    เขาจะกลับไปขับไล่พวกอังกฤษในเขตแคว้นของตัวเอง
    จะดีกว่า.......โจนน์เองก็ควรจะหยุดรบเช่นกันเพราะสู้ต่อ
    ด้วยกำลังที่น้อย และเข้าไปในเขตเบอร์กันดี ซึ่งอยู่ในอาณัติ
    ของอังกฤษ และเจ้าเมืองก็เข้ากับพวกอังกฤษเช่นนี้
    มีแต่จะโดนจับเอาได้




    [​IMG]


    แต่ทุกคนก็ทราบดีว่าโจนน์เป็นคนยังไง เธอไม่มีวันหยุด
    สงครามจนกว่าจะยึด เมืองทุกเมืองจากอังกฤษได้ทั้งหมด
    เธอตัดสินใจนำทัพเดี่ยว
    กองทัพฝ่ายฝรั่งเศส จึงนำโดยโจนน์รบตามลำพัง
    เคียงข้างกับทหารชั้นลองๆ ต่อไปโดยปราศจากแม่ทัพ
    .......ถือว่าเป็นเรื่องที่บ้าบิ่น มาก และได้ไม่คุ้มเสี่ยง
    แต่โจนน์ก็ยังทำ เพราะเธอทำด้วยหัวใจมาจากพระเจ้า
    ไม่ใช่ทำตามหน้าที่จากคำสั่งของกษัตริย์
    โจนน์เดินทัพไปยังปารีสระหว่างทางก็ผ่านเมืองต่างๆ
    ที่ยอมสวามิภักดิ์โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ จอห์นแห่ง
    แลงคาสเตอร์ ดยุกแห่งเบดฟอร์ดที่ 1 ผู้สำเร็จราชการ
    แทนพระองค์ในพระเจ้าเฮนรีที่ 6 นำกองทัพฝ่ายอังกฤษ
    ที่เผชิญหน้ากับฝ่ายฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม
    ฝ่ายฝรั่งเศสเข้าโจมตีปารีสเมื่อวันที่ 8 กันยายน





    [​IMG]





    ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...