ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
    คนในกทม. ดูเป็นกรณีตัวอย่าง ผลกระทบภัยพิบัติ: Quake ขนาด 6.9 นิวซีแลนด์DISASTER IMPACT: 6.9 Magnitude Quake Strikes New Zealand - First Moments Caught On Camera! - YouTube
    DISASTER IMPACT: 6.9 Magnitude Quake Strikes New Zealand - First Moments Caught On Camera!
    youtube.com
    แก้ไขแล้ว · ถูกใจ · 1 · ตอบกลับ · 13 นาทีที่แล้ว
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
    47 นาทีที่แล้ว ·
    เตือนล่าสุด : แม่น้ำที่โอไฮโอเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด!

    โดยหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมโอไฮโอ พบแม่น้ำ "เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด" เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งหาสาเหตุ เบื้องต้นคาดว่า เกิดจากสาหร่ายซึ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด

    "มันเป็นปัญหาใหม่ มันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน" โฆษกหญิงของ EPA Dina เพียร์ซกล่าว
    Red algae latest danger to Ohio lakes | The Columbus Dispatch

    "ปรากฏการณ์แปลกแม่น้ำเปลี่ยนเป็นสิแดงเลือด เกิดขึ้นบ่อยในช่วงระเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา" ปรากฏการณ์จากชั้นฟ้าเพื่อเตือนให้รู้ว่าเราอยู่ในห้วงเวลาของกลียุคหรือไม่"

    คำทำนายที่เกี่ยวข้อง :
    วิวรณ์ 8.8 : เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สองเป่าแตรขึ้น ก็มีสิ่งหนึ่งเหมือนภูเขาใหญ่กำลังลุกไหม้ถูกทิ้งลงไปในทะเล (ดู..ดาวหาง ISON กำลังดิ่งๆมาใกล้โลก) และทะเลนั้นได้กลายเป็นเลือดเสียหนึ่งในสามส่วน
     
  3. kiatp123

    kiatp123 โมฆะแมน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,493
    ค่าพลัง:
    +19,616
    [​IMG]
    Ohio Environmental Protection Agency
    Ohio officials are monitoring the lake at Dillon State Park for a reoccurrence of red algae. The algae, which turn water blood red and contain a toxin similar to fire-ant venom, appeared at Dillon Lake last summer, shown here. “It’s a new issue. It’s literally something we hadn’t seen before,” EPA spokeswoman Dina Pierce said.
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ก้องภพ อยู่เย็น ได้แชร์ ลิงก์
    9 ชั่วโมงที่แล้ว ใกล้กับ Arlington, VA ·
    วันที่ 22 กรกฏาคม เวลา 6:12 UT เกิดปฏิกริยาดวงอาทิตย์เป็นมุมกว้าง พลังงานแพร่กระจายรอบทิศทาง โดยมีทิศทางหลักออกไปในด้านที่ตรงข้ามกับโลก ทางทิศตะวันตก ในขณะที่ปริมาณความเข้มแสง X-ray ด้านเดียวกับโลกนั้นอยู่ในระดับต่ำ ในช่วงเดียวกันพบว่าเป็นช่วงที่ปริมาณจุดดับกำลังลดลงต่ำสุด จากโมเดลการคำนวณพบว่าพลังงานค่าเฉลี่ยจะเดินทางมาถึงโลกในวันที่ 25 กรกฏาคม เวลา 0 UT +/- 10 ชั่วโมง ผู้ที่สนใจการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติบนโลก โปรดติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องอย่างใกล้ชิดตั้งแต่-วันนี้-ถึงวันที่ 26 กรกฏาคม ครับ

    ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมของเหตุการณ์มีดังนี้
    - ภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ มุมมองจากโลก http://www.sidc.oma.be/cactus/out/CME0023/CME.html
    - โมเดลการแพร่กระจายของคลื่นพลังงานจากดวงอาทิตย์สู่วงโคจรของโลก http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov:8080/IswaSystemWebApp/StreamByDataIdServlet?allDataId=385074531
    - ภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ โดยโลกอยู่ทางด้านขวามือของภาพ
    http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/07/22/behind_20130722_cor2_512.mpg
    - ภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ โดยโลกอยู่ทางด้านซ้ายมือของภาพ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/07/22/ahead_20130722_cor2_512.mpg
    CACTUS CME Details
    SIDC - Solar Influences Data Center
    138 คนที่ถูกใจ·8 ความคิดเห็น
    ถูกใจ
    แสดงความคิดเห็น
    แชร์
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไอน้ำรั่วอีกที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "ฟูกูชิมะไดอิจิ"
    วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2556 เวลา 10:50 น.
    image.jpg

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ว่าเกิดไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "ฟูกูชิมะไดอิจิ" ตัวเดียวกับที่มีการตรวจพบเหตุการณ์เดียวกันนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    รายงานของบริษัทผลิตไฟฟ้าโตเกียว ( เท็ปโก ) ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ ระบุการตรวจพบไอน้ำลอยออกมาจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 5 ของโรงงาน เมื่อเวลาราว 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 07.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) อย่างไรก็ตาม เท็ปโกยืนยันไม่พบความเปลี่ยนแปลงของระดับกัมมันตรังสีและอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์

    แต่กระนั้นเท็ปโกยอมรับว่า ไอน้ำลอยออกมาจากบริเวณเดียวกับที่มีการตรวจพบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่า เป็นเพราะอะไร แต่มีการตั้งข้อสมมติฐานเกี่ยวกับฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในรอบสัปดาห์

    โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากสึนามิเมื่อเดือนมี.ค. 2554 ที่ถึงขั้นทำให้หลังคาของอาคารหลักระเบิด และเตาปฏิกรณ์ทั้ง 6 ตัวประสบปัญหาแท่งเชื้อเพลิงหลอมละลาย ทำให้มีกัมมันตรังสีรั่วไหลออกมาในปริมาณมหาศาล ทว่าแม้เวลาล่วงเลยมาแล้วกว่า 2 ปี แต่สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นพื้นที่อันตรายและห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ ขณะที่เท็ปโกอาจต้องใช้เวลาอีกนานเพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นจากสาธารณชนได้อย่างเต็มที่
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เหยื่อน้ำท่วมจีนทะยาน 46 ศพ สูญหายอีกหลายร้อย หน้าหลัก » ต่างประเทศ » มองเอเชีย

    ทั่วประเทศจีนกำลังประสบอุทกภัยอย่างหนัก โดยเฉพาะในภาคตะวันตกของประเทศ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 46 ราย และสูญหายอีกหลายร้อยคน...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ว่า เหตุน้ำท่วมในภูมิภาคแถบเทือกเขาหิมาลัยทางตะวันตกของประเทศจีน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่สะพานข้ามแม่น้ำ บ้านเรือน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 31 ราย และมีผู้สูญหาย 166 คนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงกิจการพลเรือนจีนเผยว่า ตั้งแต่วันอาทิตย์ มีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยทั่วประเทศแล้วไม่น้อยกว่า 46 ราย

    มณฑลเสฉวนกำลังประสบอุทกภัยอย่างหนัก โดยบางพื้นที่ประสบเหตุน้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ทางการต้องสั่งอพยพประชาชนแล้วกว่า 220,000 คน รวมถึงนักท่องเที่ยว 352 คน ที่ต้องอพยพจากเหตุโคลนถล่มที่เขตเมือง จงซิง ในเมืองตูเจียงเอี๋ยน เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย สูญหายอีก 107 คน และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย และสูญหาย 12 คนในเหตุโคลนถล่มในเขตปกครองตนเองอาบะ

    ขณะเดียวกัน หน่วยกู้ภัยสามารถช่วยเหลือประชาชนมากกว่า 2,000 คน ที่ติดค้างอยู่ในอุโมงค์ทางหลวง เส้นทางเชื่อมต่อเมืองตูเจียงเอี๋ยนและเมืองเหวินฉวนได้อย่างปลอดภัย

    เมื่อวันอังคาร ระดับน้ำในแม่น้ำในเมืองเจียงอิ๋ว ในมณฑลเสฉวน เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงที่สุดในรอบ 5 ทศวรรษ ทำให้สะพานชิงเหลียนซึ่งมีอายุเก่าแก่เกือบ 50 ปีพังถล่ม เป็นเหตุให้รถยนต์ 6 คันตกลงไปในแม่น้ำ มีผู้สูญหาย 12 คน กระแสน้ำท่วมเชี่ยวกราดยังทำให้อาคารโรงงานแห่งหนึ่งในเมือง เต๋อหยาง ถล่มและพัดซากตึกหายไปกับกระแสน้ำ

    ที่เมืองเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวน ระดับน้ำในแม่น้ำทะลักล้นตลิ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้สะพานหินและบ้านเรือนแถบริมแม่น้ำถูกพัดหายไปกับกระแสน้ำ พื้นที่ตัวเมืองหลายจุดถูกน้ำท่วมสูงถึงชั้น 2 ของตึก ส่วนที่มณฑลซานซีทางเหนือ มีพายุฝนรุนแรง ทำให้โรงงานของเหมืองถ่านหินที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ พังถล่มลงมา เป็นเหตุให้มีคนงานก่อสร้างเสียชีวิต 12 ราย

    นอกจากนี้ มีผู้จมน้ำเสียชีวิตอีก 3 รายในมณฑลเหอเป่ย ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือสูญหายรวม 11 คนในมณฑลยูนนาน, มณฑลกานซู่, เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน และในกรุงปักกิ่ง

    ทั้งนี้ เหตุโคลนถล่มและน้ำท่วม เกิดขึ้นเป็นปกติในภูมิภาคแถบเทือกเขาของจีน และคร่าชีวิตผู้จนจำนวนหลายร้อยรายในแต่ละปี แต่เหตุน้ำท่วมครั้งล่าสุดทำให้หลายเมืองต้องประสบอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี เช่นที่เมืองตูเจียงเอี๋ยน มีรายงานว่าสามารถวัดระดับน้ำฝนได้ถึง 94 ซม. หลังจากฝนตกติดต่อกันนาน 40 ชม. ตั้งแต่วันจันทร์ ซึ่งถือว่าหนักหนาที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติเมื่อปี 1954. โดย: ไทยรัฐออนไลน์
    11 กรกฎาคม 2556, 22:50 น.
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลุม coronal hole ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2556 หลับฝันดีครับ
    image.jpg
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถิติ :: เลขอันตราย 11
    มี.ค. 11th, 2011 @ 08:18 pm › admin
    วันนี้ 11.03.11 เกิดเหตุการณ์ “สึนามิ” ที่ประเทศญี่ปุ่น ทางการญี่ปุ่นเผยยอดเหยื่อสึนามิ 65 คน

    ขอร่วมส่งใจไปยังพี่น้องชาวไทยทุกท่านที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น ขอให้ทุกท่านแคล้วคลาดปลอดภันกันนะคะ

    11 – 29 , 92 – 38 , 83 – 47 , 74 – 56 , 65 : เส้นทางสู่ความสำเร็จและยิ่งใหญ่ไม่ยั่งยืน สูงสุดคืนสู่สามัญ ความสูญเสียที่ยากแก่การประเมินค่าได้ ราชสีห์หมดเขี้ยวเล็บ สุดท้ายก็ล้มเหลว ( อัศจรรย์หมายเลข 11)

    ปณิชาลองรวบรวมสถิติจากข้อมูลบนอินเตอร์เนท มาแปะไว้ให้อ่านกันโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ

    คุณเคยรู้จักเลขอาถรรพ์เหล่านี้บ้างไหม 13 , 666 , 7

    เชื่อว่าหลายท่านคงจะรู้จักกิตติศัพท์ความอาถรรพ์ของเลขเหล่านี้นะคะ แต่นอกจากเลขชุดนี้แล้ว ยังมีอีกเลขหนึ่งที่อาถรรพ์ไม่แพ้กันเลย คือเลข

    11 – 11

    ปรากฏการณ์แรกที่เกี่ยวข้องกับเลข 11-11

    อาจารย์ปริญญา ตันสกุล เคยพูดไว้ เรื่องวันเวลาแห่งเลข 11-11 โดย 11 ตัวแรกได้เกิดขึ้นแล้วคือ จุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sun spot) จำนวน 11 จุด บนดวงอาทิตย์ แต่ 11 ตัวหลังยังไขปริศนาไม่ได้

    ได้มีญาติธรรมท่านหนึ่งไขปริศนาที่น่าสนใจ เรื่อง “วันเวลาแห่งเลข 11″ ซึ่งอาจจะเป็นเพียงความบังเอิญ แต่ก็เป็นความบังเอิญ ที่น่าจับตามอง และเฝ้าระวังอย่างมี “สติ” ไม่ตื่นตูม กล่าวคือ..

    ญาติธรรมท่านนั้น ได้ทดลองนำเอาวัน-เดือน-ปี พ.ศ. ที่เกิดเหตุสำคัญ มาลองบวกกันเล่นๆ ปรากฏผลรวมเป็น 11 เช่น

    สึนามิ วันที่ 26 ธันวาคม 2547 คือ 2+6+1+2+2+5+4+7 = 29 และ 2+9 = 11

    น้ำท่วมนิวออร์ลีน 29 สิงหาคม 2548 คือ 2+9+8+2+5+4+8 = 38 และ 3+8 = 11

    ผมได้ลองบวกดู ในแต่ละเดือนจาก ก.ย. 48 ไปทุกเดือน จะมีวันที่ บวกกันได้ ประมาณเดือนละ 3 วัน จึงไม่คิดว่าจะมีอะไร และน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ และเฝ้าดูมาตลอดเดือน กันยายน 2548 ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2548 เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมเชียงใหม่รอบที่ 3 รวมทั้งภาคเหนือ 6 จังหวัด ซึ่งวันนั้น ตัวเลขรวมกันได้ 11 คือ

    2+8+9+2+5+4+8 = 38 และ 3+8 = 11

    ดังนั้น เพื่อ ความไม่ประมาท จึงขอให้ญาติธรรมทั้งหลาย เพิ่มความระมัดระวัง และเฝ้าดู วันที่ วัน-เดือน-ปี รวมกันได้ เลข 11 ซึ่งในเดือน ตุลาคม 2548 จะมี 3 วัน ได้แก่

    วันที่ 9 ตุลาคม 2548 คือ 9+1+0+2+5+4+8 = 29 และ 2+9 = 11
    วันที่ 18 ตุลาคม 2548 คือ 1+8+1+0+2+5+4+8 = 29 และ 2+9 = 11
    วันที่ 27 ตุลาคม 2548 คือ 2+7+1+0+2+5+4+8 = 29 และ 2+9 = 11

    ที่มา : อาถรรพ์เลข 11 - Dek-D.com > มีสาระ > ความรู้รอบตัว

    อาถรรพ์ เลข 11
    - New York City มีตัวหนังสืออยู่ 11 ตัว
    - Afghanistan มีตัวหนังสืออยู่ 11 ตัว
    - Ramsin Yuseb (ผู้ก่อการร้ายที่ขู่ว่าจะทำลาย เวิอร์ดเทรด เซ็นเตอร์ในปี 1993) มีตัวหนังสืออยู่ 11 ตัว
    - George W Bush มีตัวหนังสืออยู่ 11 ตัว
    - ตึกทั้งสองของทวินทาวเวอร์ เป็นรูป 11

    ความบังเอิญพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น เรามาลองดูกันต่อ

    - New York เป็นรัฐที่ 11 ของอเมริกา
    - เครื่องบินลำแรก ที่ชน ทวินทาวเวอ์ร คือ เครื่องไฟล์ท เบอร์ 11
    - เครื่องไฟล์ท 11 มีผู้โดยสารอยู่ 92 คน ถ้านำมา เขียน เป็น 9+2 = 11
    - เครื่องไฟล์ท 77 ที่ชน ทวินทาวเวอร์ มีผู้โดยสารอยู่ 65 คน ถ้านำมาเขียน เป็น 6+5 = 11
    - เหตุการณ์ เกิดขึ้น เดือนกันยายน วันที่ 11 หรือนั่นก็คือ 9/11 หรือที่รู้จักกันว่า 911 นี่ก็มี เลข 11 รวมอยู่
    - เบอร์โทรศัพท์ แจ้งเหตุร้าย ของอเมริกา คือ 911 นี้ก๊มีเลข 11 รวมอยู่

    นี่เป็นหตุบังเอิญจริงหรือ? เรามาดูกันต่อ

    - จำนวน เหยื่อรวมทั้งหมด ในเครื่องบินที่ถูกจี้ นั้น รวมกันเท่ากับ 254 ถ้านำมาเขียนเป็น 2+5+4 นี่ก็จะเท่ากับ 11
    - กันยายน วันที่ 11 (09/11) เป็นวันที่ 254 ของปฏิทินของทั้งปี อีกครั้งนึง ถ้านำมาเขียนเป็น 2+5+4 นี่ก็จะเท่ากับ 11
    - การระเบิดที่เกิดขึ้นใน เมือง มาเดริก เกิดวันที่ 11 เดือน มีนาคม 2004 ซี่งถ้านำมาเขียน เป็นรูปแบบ การเขียนวันที่ของอเมริกา (เดือน/วัน/ปี) จะได้ 3/11/2004 ถ้านำมาเขียนเป็น 3+1+1+2+0+0+4 ก็จะรวมกันเท่ากับ 11
    - การระเบิดที่เกิดขึ้นในเมือง มาดริก เกิดขึ้นหลังจากเหตุการ ตึกทวินทาวเวอร์ 911 วัน นี้ก็ยังคงมีเลข 11 อยู่

    สิ่งสุดท้ายที่จะนำมาให้พวกเราลองกันดูก็คือ

    เปิด Microsoft Office Word ขึ้นมา จะเป็น เวอร์ชั่นไหนก็ได้
    แล้วก็เริ้มทำตามที่เราบอกนะ

    1. พิมพ์ Q33 NY (ต้องเป็นตัวใหญ่ทั้งหมดนะ) ตัวเลขนี้คือเลขไฟลท์ของเครื่องบินลำแรก ที่บินชนทวินทาวเวอร์
    2. กด ctrl ค้างแล้ว กด a (จะเป็นการเลือกข้อความทั้งหมดในหน้าจอ)
    3. เปลี่ยน ขนาด ของตัวอักษร เป็น 48
    4. เปลี่ยน ตัวหนังสือ เป็น wingdings หรือบางเวอร์ชั่น จะใช้ wingdings1

    คุณเห็นอะไรล่ะ? น่าสนใจใช่มั้ยล่ะ?(อันนี้หลอนมากๆงับเห็นแล้วเราขนลุกเลยอ่ะ)

    จาก http://www.bbznet.com/scripts/view.php?use…;order=lastpost

    ทางด้านของอีกเว็บนึง

    เลข 11 กับตึกเวิลด์เทรด ถล่ม คุณอาจรู้ข้อมูลอะไรบางอย่าง

    เลข 11 กับตึกเวิลด์เทรด ถล่ม
    เลข 11 กับตึกเวิลด์เทรด ถล่ม
    ความจริงบางอย่าง..ที่น่าสนใจ ของ เวิลด์เทรดฯ ถล่ม

    !!! วันที่เกิดเหตุ วันที่ 11 เดือน 9 = 1 + 1 + 9 = 11

    วันที่ 11 เดือน กย. = วันที่ 254 ของปีนี้ = 2 + 5 + 4 = 11

    หลังจากวันที่ 11 กย. ปีนี้ จะมีวันเหลือในปฏิทินอีก 111 วัน ก็สิ้นปีพอดี

    รหัส 119 คือ รหัสของประเทศ อิรัก/อิหร่าน = 1 + 1 + 9 = 11

    ตึกแฝดเวิลด์เทรดทาวเวอร์ ยืนอยู่คู่กันลักษณะแลดูคล้ายกับเลข 11

    เครื่องบินลำแรกที่พุ่งชนตึกเวิลด์เทรดฯ เป็นเที่ยวบินที่ 11

    เครื่องบินลำที่สองที่พุ่งชน เป็นที่บินที่ 77 ดูดีๆ เลข 77 มันก็คล้าย 11

    ข้อมูลอื่น ..
    รัฐนิวยอร์ค เป็นรัฐลำดับที่ 11ที่ถูกรวมเข้าอยู่ในสหรัฐอเมริกา เมือง New York City มีตัวอักษรทั้งหมด 11 ตัว

    ประเทศ Afghanistan ก็มีตัวอักษรทั้งหมด 11 ตัว

    กระทรวงกลาโหม หรือ The Pentagon ก็มีตัวอักษรทั้งหมด 11 ตัว

    Ramzi Yousef (นักโทษที่มีส่วนในการระเบิด ตึก wtc เมื่อปี 1993 ก็มีตัวอักษรทั้งหมด 11 ตัว

    เที่ยวบินที่ 11 มีผู้โดยสาร 92 คน = 9 + 2 = 11

    เที่ยวบินที่ 77 มีผู้โดยสาร 65 คน = 6 + 5 = 11

    .. อะไร มันจะบังเอิญ ขนาดนั้น ..!

    ที่มา : Forward Mail
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    image.jpg
    NASA ปล่อยภาพดาวหาง ISON จากกล้อง Spitzer Space Telescope ของ NASA ถ่ายเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ระยะ 502 ล้าน กม. จากดวงอาทิตย์ให้ได้ชม โดยแสดงภาพเป็น 2 ช่วงคลื่นแสง ด้านซ้ายแสดงให้เห็นหางฝุ่น ซึ่งเริ่มยืดออกตามแรงของลมสุริยะ ด้านขวาแสดงให้เห็นกลุ่มแก้สที่หุ้มหัวของดาวหาง ซึ่งเป็นน้ำแข็งแห้งหรือ CO2 ที่ระเหิดออกราว 1 ล้านกิโลกรัมต่อวัน (เครดิตภาพ Credit: NASA/JPL-Caltech/JHUAPL/UCF )
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่ใช่สถานการณ์ล่่าสุดแล้วครับ เพราะ post ตั้งแต่วันที่ 29/05/2012
    ซึ่งได้บอกเหตุผลของความไม่ปลอดภัยถ้าเกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นมากขึ้น จะทำให้ถังน้ำที่บรรจุแท่งปฏิกรณ์ที่เตาหมายเลข 4 ที่ฟุคุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น จะยังปลอดภัยและไม่รั่วไหลอยู่หรือไม่

    สถานการณ์ล่าสุดเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ที่ฟุคุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น
    Posted by drjoop on 29/05/2012
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    Fukushima Building 4 Is Bulging And Leaning
    http://www.tepco.co.jp/nu/fukushima-np/images/handouts_120525_07-j.pdf
    Nuclear Expert: Fukushima spent fuel has 85 times more cesium than released at Chernobyl — “It would destroy the world environment and our civilization… an issue of human survival” -Former UN adviser | Department of Nuclear Engineering
    Fukushima reactor No. 4 vulnerable to catastrophic collapse; could unleash 85 times Cesium-137 radiation of Chernobyl; human civilization on the brink
    นับตั้งแต่ 11 มีนาคม 2554 ที่เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นเป้นต้นมาจนถึงบัดนี้ เรื่องราวของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เมืองฟุคุชิมะ ดูจะไม่จบปัญหาลงง่ายๆ เพราะการเก็บกู้แท่งปฏิกรณ์โดยเฉพาะในตึกหมายเลข 4 ของโรงไฟฟ้าฯดูจะเป็นไปได้ยากทีเดียวเราลองมาดูข้อเท็จจริงของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 กันก่อน

    <iframe src="http://player.vimeo.com/video/41633459" width="400" height="300" frameborder="0" webkitAllowFullScreen mozallowfullscreen allowFullScreen></iframe>

    ข้อเท็จจริงของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุคุชิมะ
    - เตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 มีแท่งปฏิกรณ์ 1,535 แท่งซึ่งยังคงประสิทธิภาพในการแผ่รังสีระดับสูงอยู่
    - ด้วยจำนวนแท่งปฏิกรณ์ขนาดนั้น สามารถแผ่รังสีได้ถึง 37 ล้านคูรี
    - แท่งปฏิกรณ์ถูกเก็บในถังคอนกรีต ซึ่งอยู่สูง 100ฟุตจากพื้น บนตัวอาคารปฏิกรณ์ซึ่งส่วนของถังเปิดโล่งด้านบน

    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/MuoNLk3DKIw?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    - นายโรเบิร์ต แอลวาเรซ อดีตที่ปรึกษาอาวุโสด้านความมั่นคงและสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯเคยประเมินว่า ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงและตัวอ่างเก็บน้ำคอนกรีตที่ปกป้องเตาปฏิกรณ์เกิดรั่วไหลออกมา จะทำให้เกิดเพลิงไหม้จากแท่งรังสีและจะมีการปล่อย Cs-137 ในปริมาณที่มากกว่าโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลที่เคยเกิดการระเบิดถึง 10 เท่า (Nuclear Expert: Fukushima spent fuel has 85 times more cesium than released at Chernobyl — “It would destroy the world environment and our civilization… an issue of human survival” -Former UN adviser | Department of Nuclear Engineering)
    - ณ.เวลานี้ อ่างเก็บน้ำที่บรรจุแท่งปฏิกรณ์อยู่มีสภาพชำรุด และได้รับการประเมินจากทาง TEPCO อยู่ตลอดเวลา
    - นายแอลวาเรซ กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายแท่งปฏิกรณ์เหล่านี้ถูกทำลายและใช้งานไม่ได้ เช่นเดียวกับอาคารเก็บเตาปฏิกรณ์อีก 3 หลังที่อยู่ใกล้กัน และมีแท่งปฏิกรณ์อีก 6,375 แท่ง จากทั้งหมด 11,421 แท่งที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุคุชิมะ ซึ่งสามารถปล่อยรังสีได้ถึง 336 ล้านคูรี และเป็นส่วนของ Cs-137 134 ล้านคูรี หรือประมาณ 85 เท่าของโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ซึ่งปริมาณขนาดนี้เพียงพอที่จะทำลายสิ่งแวดล้อมของโลกเรารวมไปถึงอารยธรรมของมนุษย์ลงได้และมีผลต่อการอยู่รอดของมนษย์ (Fukushima Daiichi Site: Cesium-137 is 85 times greater than at Chernobyl Accident » FINDING THE MISSING LINK )
    - บริษัทที่ออกแบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฟุคุชิมะคือ เจเนอรัลอิเลคทริก ซึ่งเชื่อว่ามีผลต่อการนำเสนอข้อมูลต่อสื่อสาธารณะ
    สำหรับข้อมูล update โรงไฟฟ้าฟุคุชิมะ สามารถติดตามได้ที่ http://fukushima.greenaction-japan.org/
    แล้วปัจจุบัน สถานการณ์ของโรงไฟฟ้าหมายเลข 4 ถือว่าปลอดภัยแล้วยัง ?
    จากเอกสารที่เปิดเผยโดย Tepco ล่าสุดซึ่งได้ทำการตรวจสอบไปเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2555 ที่ผ่านมา (http://www.tepco.co.jp/nu/fukushima-np/images/handouts_120525_07-j.pdf) ผมขอสรุปคร่าวๆตามเอกสารก่อนนะครับ
    1. จากการที่มีการกลัวกันว่า ตัวอาคารเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 จะมีการเอียงหรือทรุดตัวนั้น ทาง TEPCO ได้ทำการวัดด้วยกล้องอย่างละเอียด เพื่อประเมินระดับน้ำในถังน้ำที่เก็บแท่งปฏิกรณ์ พบว่าระดับน้ำทุกจุดยังมีความลึกเท่ากัน ซึ่งยืนยันได้ว่าตัวอาคารยังไม่มีการเอียงแต่อย่างใด

    1.jpg

    2.jpg

    2. ผนังภายในของถังน้ำที่บรรจุแท่งปฏิกรณ์ ยังอยู่ในสภาพปกติ ได้มีการตรวจสอบความสามารถรับแรงกระแทกของผนัง สามารถทนแรงกดได้เท่าเดิม

    3.jpg
    4.jpg

    3. สำหรับตัวผนังอาคารภายนอกนั้น จากการวัดด้วยกล้อง พบว่าผนังอาคารชั้น 3 ด้านทิศตะวันตก มีอาการโป่งเอียงออกมาจากแนวเดิมประมาณ 33 มม.

    5.jpg
    6.jpg

    ซึ่งจากเอกสารของทาง TEPCO ยังคงยืนยันความแข็งแรงของผนังอาคารเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 อยู่ และปฏิเสธการทรุดหรือเอียงตัวของตัวอาคาร
    แล้วเราต้องกังวลอะไรหละ ?
    แน่นอนครับ ณ.เวลานี้ดูเหมือนไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ช่วง 20-21 พ.ค.2555ที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณเตือนจากการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กหลายครั้งใกล้กับฝั่งตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น และห่างจากเมืองฟุคุชิมะเพียง 170 ไมล์ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของเพลทแปซิฟิคที่เริ่มมีการขยับตัวบริเวณนั้นอีกครั้งหนึ่ง
    (Japan Earthquake Swarm May Be Endangering Fukushima Nuclear Reactors)

    7.jpg

    ประกอบกับงานวิจัยด้านแผ่นดินไหวของผู้เชียวชาญด้านแผ่นดินไหวของม.โตเกียว (http://www.earth-issues.com/predict...soon&utm_medium=referral&utm_source=pulsenews) ศจ. Shinichi Sakai พบว่าหลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ตั้งแต่ 11 มีนาคม 2554 เป็นต้นมา เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กรอบกรุงโตเกียว ซึ่งจากการคำนวณแล้ว เชื่อว่าภายใน 4 ปีข้างหน้านี้ กรุงโตเกียวมีโอกาสอาจเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้ถึง 70 % เลยทีเดียว และแน่นอนไม่มีใครกล้ารับประกันได้ว่า ถังน้ำที่บรรจุแท่งปฏิกรณ์ที่เตาหมายเลข 4 จะยังปลอดภัยและไม่รั่วไหลอยู่หรือไม่ ซึ่งอาจจะหมายถึงหายนะทั้งตัวประเทศญี่ปุ่นเองรวมไปถึงประเทศใกล้เคียงและที่สำคัญที่สุด ด้านฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯและแคนาดาตั้งแต่รัฐอลาสกาเป็นต้นมาเป็นพื้นที่อันตรายไปด้วย ตามทิศทางการไหลของกระแสน้ำและลม ในกรณีนี้ อย่าลืมติดตามข่าวไว้นะครับ โดยเฉพาะคนที่ต้องเดินทางไปมาแถบนั้นหรือคนที่อยู่ที่ประเทศ


    ข้อมูลจาก ติดตามภัยพิบัติและหาคำตอบ | @DrJoop 's official website
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดาวฤกษ์ใกล้เคียงดวงอาทิตย์เราสามารถเกิดการระเบิดใหญ่ได้ (ดวงอาทิตย์ของเราไม่สามารถเกิด superflare ได้)
    Posted by drjoop on 19/05/2012
    ขอขอบคุณข้อมูลจากสำนักข่าว บีบีซี
    จากการศึกษาโดยทีมงานศจ.ฮิโรยูกิ มาเอฮาร่าร่วมกับกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ พบว่า ดาวฤกษ์ที่มีขนาดใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์สามารถเกิดการระเบิดใหญ่ที่เรียกว่า Super solarflare ได้ซึ่งมีพลังสูงกว่าการระเบิดปกติที่ดวงอาทิตย์ถึง 1 ล้านเท่า
    ทีมวิจัยได้ทำการศึกษาข้อมูลจากดาวฤกษ์กว่า 83,000 ดวงในเวลา 120 วัน เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ความถี่ และขนาดพลังงานของการระเบิดในรูปแบบนี้
    สรุป
    • - ดาวฤกษ์ที่ใกล้เคียงดวงอาทิตย์ของเราอาจเกิด superflare ที่มีความรุนแรงกว่า 1 ล้านเท่าของการระเบิดปกติได้
    • - นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจสาเหตุของปรากฏการณ์นี้
    • - Superflares อาจทำให้เกิดโครงสร้างทางเคมีที่เอื้ออำนวยต่อชีวิตได้

    ภาพประกอบถูกลบออกไปแล้วครับ

    ภาพจำลองการเกิด superflare บนดาวฤกษ์ที่คล้ายกับดวงอาทิตย์ โดยทีมงานศจ.ฮิโรยูกิ มาเอฮาร่าแห่งม.เกียวโต ซึ่งเชื่อว่าจะสัมพันธ์กับจุดดับขนาดใหญ่กว่าที่เราพบบนดวงอาทิตย์ของเรามากและ Superflare อาจเกิดได้ในบริเวณจุดดับนั้นๆ
    Hiroyuki Maehara (Kwasan and Hida Observatories, Graduate School of Science, Kyoto University)
    เบื้องต้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าดาวเคราะห์ในกลุ่ม Hot Jupiter (ดาวเคราะห์ที่มีขนาดใกล้เคียงหรือใหญ่กว่าดาวพฤหัสฯและโคจรห่างจากดวงอาทิตย์ในระยะ 0.015-0.5 au) อาจจะเป็นส่เหตุของ Superflare นี้ โดยเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิด magnetic reconnection และเกิด superflare ตามมา
    แต่ข้อมูลที่เราได้รับจากกล้องเคปเลอร์พบดาวเคราะห์ hot Jupiter เพียง 10% ในดาวฤกษ์ที่เกิด superflare นี้ ในขณะที่ทีมของศจ.ฮิโรยูกิไม่พบความสัมพันธ์นี้เลยทำให้ทฤษฎีการเกิด superflare ยังไม่เป็นที่แน่ชัด อย่างไรก็ตามศจ.ฮิโรยูกิเชื่อว่า ดาวฤกษ์ที่เกิด superflare เหล่านี้ น่าจะมีจุดดับขนาดใหญ่กว่าที่เราพบบนดวงอาทิตย์ของเรา แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปว่าจุดดับขนาดนั้นจะเกิดกับดาวที่คล้ายดวงอาทิตย์ของเราได้อย่างไร แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าดวงอาทิตย์ของเราสามารถเกิด superflare ระดับนั้นได้ เพราะการรุเบิดระดับนั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลต่อชีวิตบนโลก และเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ได้ ในขณะที่ทฤษฎีการสูญพันธุ์ในปัจจุบันยังเชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก หรือเกิดการเปลี่ยนแงภูมิอากาศแบบฉับพลันหรือเกิดภูเขาไฟระเบิดใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามในระบบสุริยะที่เกิด superflare นั้นอาจมีวิวัฒนาการของชีวิตในรูปแบบต่างๆได้ และอาจมีสิ่งมีชีวิตที่มีความก้าวหน้ากว่าที่เราคาดคิด

    ก็อย่างไรตาม ศจ.ฮิโรยูกิ ไม่เชื่อว่าดวงอาทิตย์ของเราสามารถเกิด superflare ได้ จากข้อมูลที่เราบันทึกในรอบ 2,000 ปีที่ผ่านมามีเพียง Carrington event ในปี 1859 เท่านั้นที่เกิดการระเบิดมากกว่า solar flare ธรรมดา 6.5 เท่า แต่ก็เพียง 1/1,000 ของ Superflare เท่านั้น ซึ่งดาวฤกษ์ที่จะเกิด superflare ได้จะต้องมีพลังงานการระเบิดในช่วง 1033-1036 erg ในขณะที่ดวงอาทิตย์ของเราสามารถเกิดการระเบิดสูงสุดเพียง 1032 erg ทุกๆ 450 ปีและมีโอกาสเพียง 0.2%ที่จะมีการระเบิดที่มีพลังงานสูงกว่านั้น

    จากที่ได้กล่าวไว้ในบล้อคก่อนหน้านี้ การเกิด superflare จะต่างจากการเกิดโนวา ซึ่งการเกิดโนวาจะพบในระบบดาวฤกษ์คู่ (binary star) ที่มีการดึงดูดกาซไฮโดรเจนจากดาวดวงหนึ่งไปยังดาวแคระห์ขาวและกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์และการระเบิดตามมาและมีขนาดใหญ่กว่า superflare มาก ในขณะที่ superflare เรายังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไรกันแน่
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิทยาศาสตร์พบความสัมพันธ์ระหว่างพายุไต้ฝุ่นก่อนเกิดแผ่นดินไหว
    Posted by drjoop on 15/05/2012
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก Link between earthquakes and tropical cyclones: New study may help scientists identify regions at high risk for earthquakes

    1.jpg

    ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยไมอามี่ นำโดย Shimon Wdowinski พบความสัมพันธ์ว่าแผ่นดินไหวในเฮติและไต้หวันในปี 2010 อาจเกิดตามหลังพายุโซนร้อนได้

    Wdowski กล่าวว่า แม้แต่ฝนที่ตกหนักก็อาจเป็นสาเหตุได้เช่นเดียวกัน เพราะทั้งพายุและฝนตกหนักจะทำให้เกิดการกัดเซาะหลายๆแห่งรวมไปถึงดินถล่มหลายพันแห่ง ซึ่งจะชะล้างดินออกจากเปลือกโลกและลดแรงเครียดเหนือรอยแยกของเปลือกโลกเป็นผลให้เกิดการขยับของเปลือกโลกตามมา

    จากการติดตามข้อมูลในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา ประเทศไต้หวันเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นสามลูกคือ พายุมรกต, เฮิร์บ และๆลอสซี่ ซึ่งเกิดแผ่นดินไหวในเขตภูเขาของประเทศใต้หวันตามมาภายในระยะเวลาสี่ปี ตัวอย่างเช่น ปี 2009 พายุมรกตพัดเข้าสู่ประเทศไต้หวัน และเกิดแผ่นดินไหว 6.2 ริกเตอร์ในปี 2009 และ 6.4 ริกเตอร์ ในปี 2010 ส่วนพายุเฮิร์บพัดเข้าไต้หวันในปี 1996 และเกิดแผ่นดินไหว 6.2 ริกเตอร์ ในปี 1998 และ 7.6 ริกเตอร์ ในปี 1999 ตามมา ส่วนพายุฟลอสซี่พัดเข้าปี 1969 และเกิดแผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์ตามมาในปี 1972

    ส่วนแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ที่ประเทศเฮติเกิดตามหลังพายุเฮอร์ริเคนและพายุโซนร้อนสอูกพัดเข้าประเทศเฮติก่อนหน้าเพียง 25 วัน โดยรูปแบบของแผ่นดินไหวที่เกิดด้วยกลไกนี้มักเป็นแบบ inclined fault ซึ่งมีการเคลื่อนไหวตามแนวดิ่ง ซึ่ง Wdowinski กำลังศึกษาถึงแผ่นดินไหวระดับ 5 ริกเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับพายุโซนร้อนในญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ซึ่งเกิดพายุโซนร้อนเป็นประจำต่อไป
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตอนนี้เกิดแผ่นดินไหวที่ช่องแคบมะละกา และอาจารย์ปิยะชีพยังคาดการณ์ว่าอาจมีการระเบิดที่ภูเขาไฟ Doba Tora อีกเรามาลองดูการวิเคราะห์ถึงสาเหตุการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในแถบบี้กันครับ

    รายงานเบื้องต้น แผ่นดินไหวสุมาตรา 11 เม.ย. 2012
    Posted by drjoop on 24/04/2012
    ขอบคุณข้อมูลจาก
    http://www.tectonics.caltech.edu/outreach/highlights/back_projection/index.html
    http://www.earthobservatory.sg/media/news-and-features/Sumatra_Earthquake_11Apr2012.html
    http://www.seismology.harvard.edu/sumatra2012
    http://hilight.kapook.com/view/55209
    เมื่อ 11 เม.ย. 2012 ที่ผ่านมาเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้นสองครั้ง ในระดับ 8 .6 และ 8.2 ริกเตอร์บริเวณทางเหนือของเกาะสุมาตรา ซึ่งสร้างความโกลาหลให้กับผู้คนที่อยู่โดยรอบ เนื่องจากแผ่นดินไหวระดับนี้เสี่ยงต่อการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิได้ง่าย ดังที่เคยเกิดเมื่อปี 2004 มาแล้ว แต่ในครั้งนี้ปรากฏว่า ไม่เกิดผลข้างเคียงตามมาแต่อย่างใด เราลองมาดูกันว่า แผ่นดินไหวระดับใหญ่ขนาดนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีความคืบหน้าของงานวิจัยอะไรบ้างเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

    ตำแหน่งที่เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งอยู่ภายในเพลทออสเตรเลียน โดยมีทิศทางการเคลื่อนของเพลทย่อยตามลูกศรในรูป (ภาพจาก earthobservatory.sg) รูปแบบของการเคลื่อนตัวของแผ่นดินครั้งนี้ เป็นที่ทราบกันแล้วว่า เป็นแบบ strike-slip fault ซึ่งเป็นการเคลื่อนตัวตามแนวราบ ทั้งสองจุด
    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/MrrLJ4vXHCs?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    โดยที่การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกแบบนี้ สามารถทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้เช่นกัน แต่รูปแบบของคลื่นจะเกิดหักล้างกันดังวิดีโอข้างล่าง เมื่อเทียบกับการเกิดแผ่นดินไหวแบบ dip slip (เพลทหนึ่งยกขึ้นอีกเพลทหนึ่งมุดลง)ที่ขนาดเท่ากันแล้ว จะเกิดคลื่นที่มีขนาดน้อยกว่า 10% ของแบบข้างบน (ภาพวิดีโอจาก http://www.tectonics.caltech.edu/sumatra/data.html)
    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/SXkLJF1XhA0?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
    จากวิดีโอข้างบนจะเห็นว่าความสูงของคลื่นที่เกิดจากการไหวแบบ dip-slip จะสูงได้ถึง 49 ซม. ในขณะที่แบบ strike-slip จะสูงเพียง 4 ซม.!
    สำหรับจุดที่เกิดการเคลื่อนตัวของเพลท ทีมวิจัยญี่ปุ่นได้ทำแบบจำลองคอมพิวเตอร์ออกมาดังนี้
    1.gif

    โดยเส้นสีขาวทางขวาคือแนวขอบเพลทยูเรเชียน และเส้นหยักๆทางขวาสุดคือแนวเกาะสุมาตรา วงกลมที่แสดงในภาพเคลื่อนไหวคือจุดเกิดแผ่นดินไหวทั้งสองครั้ง ส่วนวงเขียวย่อยๆคือจุดที่เกิด aftershock ตามมาในวันนั้น
    ลองมาดูแบบจำลองคอมพิวเตอร์จากม.ฮาร์วาร์ดบ้าง


    2.gif
    ภาพบนเป็นแผ่นดินไหวขนาด 8.6 ริกเตอร์รอบแรก

    3.gif
    ภาพนี้เป็นตัว 8.2 ริกเตอร์ที่เกิดตามหลังมาอีก 2 ชม.
    เอาหละครับ ดูกันไปเยอะแล้วคราวนี้ถึงสิ่งที่เราต้องสนใจกันว่าที่มาของแผ่นดินไหวครั้งนี้มาจากอะไร ผมขอนำข้อสรุปของ earthobservatory.sg ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของมหาวิทยลัยนันยางของสิงคโปร์มาเล่าให้ฟังครับ ( http://www.earthobservatory.sg/media/news-and-features/Sumatra_Earthquake_11Apr2012.html )
    ข้อสรุปเบื้องต้นคือ บริเวณเกาะสุมาตรานี้ เคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อปี 1394, 1450 และเคยเกิดสึนามิมาแล้ว โดยที่ในปี 2004 นับเป็นการไหวที่รุนแรงที่สุดในบริเวณนี้ โดยมีการปลดปล่อยพลังงานออกมาสามระลอกในปี 2004, 2005, และ 2007 และผลของการเกิดการกดเพลทและแรงเค้นที่กระทำต่อเพลททั้งสอง อาจส่งผลต่อแผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วย โดยผลของการไหวครั้งนี้ได้ดันขอบเพลทย่อย sunda ของเพลทใหญ่ eurasian ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือถึง 20 ซม.
    ผลที่ตามมาของแผ่นดินไหวครั้งนี้

    จากการติดตามแผ่นดินไหวใหญ่ตั้งแต่เมื่อปี 2004, 200, 2007 ทีมวิจัยของ earth observatory เชื่อว่า บริเวณเพลทสุมาตรายังมีการปล่อยพลังงานไม่หมด โดยเฉพาะบริเวณเกาะ mentawai เมือง padang ทางตะวันตกของเกาะสุมาตรา ซึ่งมักเกิดแผ่นดินไหวเป็นชุดใหญ่ๆทุกๆรอบ 200 ปี โดยบริเวณนี้ได้เริ่มเกิดปฏิกิริยาแผ่นดินไหวเมื่อปี 2007 และเชื่อว่าอาจเกิดแผ่นดินไหวอย่างน้อยที่ระดับ 8.8 ริกเตอร์และเกิดสึนามิที่บริเวณนี้ภายในช่วงสิบปีข้างหน้านี้ได้
    ในขณะเดียวกัน กลุ่มรอยเลื่อนในไทยต่าง (http://hilight.kapook.com/view/55209) ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวนี้ไปตามๆกัน โดยเฉพาะรอยเลื่อนที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมารอยเลื่อนคลองมะรุ่ยที่พาดผ่านตั้งแต่จ.สุราษฎร์ธานีมาจนถึงเกาะภูเก็ต ได้ออกอาการปลดปล่อยพลังที่เกิดจากความเค้นที่ตามมาหลายครั้งในรูปของแผ่นดินไหวที่เกาะภูเก็ตแล้ว

    ซึ่งถ้าได้ติดตามพื้นที่บริเวณนี้ จะเห็นว่าเกิดอาฟเตอร์ช้อคตามมาในระดับต่ำๆตามมาอยู่ตลิดตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.3 ริกเตอร์เมื่อ 16 เม.ย. 2012 เป็นต้นมา โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่
    www.seismology.tmd.go.th/wave/wave_pkdt.php

    4.png

    ในขณะที่รอยเลื่อนอื่นๆในไทยยังไม่แสดงอาการ อย่างไรก็ตามเราควรเฝ้าระวังและไม่ประมาท เพราะแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่มีการเคลื่อนของเพลท อาจกระตุ้นแผ่นดินไหวขนาดเล็กตามแนวรอยเลื่อนที่มีพลังได้
    ขออนุญาตปิดท้ายด้วยบทสัมภาษณ์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัยจากรายการชั่วโมงเตือนภัยเมื่อวันเสาร์ที่ 21 เม.ย. 2012 ที่ผ่านมาว่าการส่งถ่ายแรงจากรอยเลื่อนจากแผ่นดินไหวขนาด 8.6 ,8.2 ริกเตอร์ ก็จะส่งพลังให้กับรอยเลื่อนใกล้เคียง เช่น รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย รอยเลื่อนระนอง ส่วนรอยเลื่อนอื่นๆ ก็จะได้รับผลกระทบเล็กน้อย และการไปเพิ่มผลกระทบให้รอยเลื่อนไม่ใช่จะทำให้รอยเลื่อนมีพลังมากขึ้นนะ ครับ แต่จะทำให้รอยเลื่อนปลดปล่อยพลังออกมาก็จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวที่จะทำให้เขา สามารถเกิดได้อยู่แล้วครับ และตอนนี้เราก็เขาไปสำรวจอยู่ครับแต่ต้องใช้เวลาครับ แต่หลัก ๆ พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครับ บริเวณรอบเกาะภูเก็ตเกิดแผ่นดินไหวมาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดเลย ตอนนี้เราก็เฝ้าระวังทุกรอยเลื่อนนะครับเพราะเราไม่รู้เลยว่าตรงไหน รอยเลื่อนไหนจะขยับบ้าง แต่รอยเลื่อนคลองมะรุ่ยคงจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษครับในส่วนของประชาชนผม ไม่อยากให้ตื่นตระหนกจนเกินไปครับ ปฏิบัติตัวให้เหมือนเดิม แต่เพียงให้ใส่ใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยไม่ตื่นตกใจจนเกินเหตุครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตนอย่างไรครับ
    (http://paipibut.org/view.php?dataid=15891)
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สาเหตุที่ทำให้ภัยพิบัติในช่วงนี้รุนแรง
    1. เกี่ยวกับวัฏจักรของการสูญพันธุ์ของโลกทุกๆ 62 ล้านปี)

    1.jpg

    โดยดวงอาทิตย์จะพาระบบสุริยะของเราเคลื่อนไปตามแขนต่างๆของทางช้างเผือกตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เรากำลังเคลื่อนที่จากแขน Sagitarius-carina ไปยังแขน Perseus โดยกำลังเคลื่อนที่ตัดผ่านแขนงย่อย Orion อยู่ (ภาพจาก http://dahuang.dhxy.info/ClimateChan...07.48118.x.pdf)

    2.jpg

    โดยในการศึกษาของ Svensmark ได้ย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อ 200 ล้านปีก่อน จนถึงปัจจุบัน และพบความสัมพันธ์ระหว่างระดับรังสีคอสมิคที่สูงขึ้นขณะที่ระบบสุริยะของเรากำลังเคลื่อนที่ผ่านแขนของกาแลคซี่ และสัมพันธ์กับการเกิดยุคน้ำแข็งระหว่างนั้น (ในงานวิจัยของดร. Merlott จะพบความสัมพันธ์กับการเกิดการสูญพันธุ์บนโลกครั้งใหญ่ด้วย ซึ่งจะกล่าวในโอกาสต่อไป)

    3.jpg

    ภาพนี้จะแสดงความเปลี่ยนแปลงระหว่างความหนาแน่นของกาแลคซี่ทางช้างเผือกเปรียบเทียบระหว่างการโคจรนอกแขนกาแลคซี่และภายในแขนกาแลคซี่ และระยะเวลาในการโคจรผ่านแขนต่างๆ

    4.jpg

    ภาพสุดท้ายของงานวิจัย SKY experiment เป็นการสรุปให้เห็นภาพว่า เมื่อใดที่ระบบสุริยะของเราเคลื่อนที่เข้าสู่ในระนาบแกนของกาแลคซี่ทางช้างเผือก โลกของเราจะได้รับรังสีคอสมิคสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของโลกจนอาจเกิดยุคน้ำแข็งในช่วง 200ล้านปีที่ผ่านมาได้

    CLOUD project
    ในงานทดลองชิ้นที่สองหรือ CLOUD project เป็นโครงการทดลองที่มีขนาดใหญ่กว่า SKY มาก มีการสร้างถังสเตนเลสเพื่อบรรจุอากาศบริสุทธิ์ ไอน้ำ แอมโมเนีย และซัลเฟอร์ไดออกไซด์เข้าไปต่างกันที่ใน CLOUD project มีการใช้เครื่องเร่งอานุภาคสร้างรังสีคอสมิคเพื่อจำลองการตกกระทบกับชั้นบรรยากาศขึ้นมา
    ซึ่งผลจากการศึกษาของ CLOUD project ได้มีการตีพิมพ์ในวารสาร Nature เมื่อปี 2011 ซึ่งตัวฉบับจริงสามารถอ่านได้ที่ CLOUD Home ซึ่งผมขอสรุปเป็น infographic ง่ายๆดังภาพแล้วกันครับ

    5.jpg

    จากภาพจะเห็นว่า เมื่อรังสีคอสมิคผ่านมายังชั้นบรรยากาศของโลกแล้ว จะทำปฏิกิริยากับโมเลกุลของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ แอมโมเนีย และน้ำ จนมีการรวมตัวขึ้นเป็น cluster และ aerosol particle ตามลำดับ ก่อนที่จะรวมตัวเป็นแกนของการเกิดเมฆในลำดับถัดไป

    ผลจากการทดลอง SKY และ CLOUD นี้ทำให้เราพบความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิของโลก รังสีคอสมิค และปฏิกิริยาบนดวงอาทิตย์ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเมื่อไรที่ดวงอาทิตย์มีปฏิกิริยาสูง ลมสุริยะจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันให้กับระบบและสะกัดรังสีคอสมิคไม่ให้เข้ามาสู่ภายในระบบมากเกินไป แต่เมื่อไรที่ดวงอาทิตย์มีปฏิกิริยาต่ำก็จะมีปริมาณรังสีคอสมิคเข้ามาในระบบสูง และทำให้เกิดเมฆในระดับต่ำในชั้นบรรยากาศโลก และเป็นผลให้อุณหภูมิโลกเย็นลง และเมื่อใดที่ดวงอาทิตย์พาเราเข้าสู่ระนาบเดียวกับแขนกาแลคซี ซึ่งมีปริมาณรังสีคอสมิคหนาแน่นกว่า อาจเกิดยุคน้ำแข็งตามมาได้เหมือเช่นที่เคยเกิดในช่วง 200 ล้านปีที่ผ่านมาเมื่อเราโคจรผ่านแขนกาแลคซี่ 2 ครั้ง (ภาพด้านล่างเป็นภาพจำลองของฝักสุริยะ หรือ heliosphere ของเราซึ่งอาศัยข้อมูลจากยานสำรวจ voyager 1 และ voyager 2 ซึ่งอยู่ที่บริเวณ heliopause หรือประมาณระยะทาง 100 AU จากดวงอาทิตย์)

    6.jpg

    ในความเห็นของผม สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์นิวซีแลนด์ค้นพบจากข้อมูลดาวเทียม Terra ของ NASA ไม่น่าเป็นการลอยตัวต่ำลง แต่เป็นการก่อตัวของเมฆในระดับล่างซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณของรังสีคอสมิกที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่หลัง Solar cycle ที่ 23 ตั้งแต่ปีค.ศ. 2000 ที่ผ่านมา

    7.jpg

    จากเวปไซด์ Science News - NASA Science...
    Attached Thumbnails

    8.jpg

    2.ในช่วง ปี 2013 นั้นดวงอาทิตย์โคจร ตัดผ่านทางช้างเผือกในทุก ๆ 33-35 ล้านปีพอดี ซึ่งทางช้างเผือกมีมวลของดาว 2,000-4,000 ล้านดวง หากเกิดการบีบหดตัว ดวง ดาวและอุกกาบาตบางส่วนจะกระเด็นเข้ามาในระบบสุริยะ ซึ่งเมื่อ 35 ล้านปีที่ แล้วเป็นช่วงที่มีอุกกาบาตเข้ามาเยอะ แต่ความเสี่ยงจะมากกว่า 10 เท่า ในปี 2013ช่วงนั้นดวงอาทิตย์โคจร ตัดผ่านทางช้างเผือกในทุก ๆ 33-35 ล้านปีพอดี ซึ่งทางช้างเผือกมีมวลของดาว 2,000-4,000 ล้านดวง หากเกิดการบีบหดตัว ดวง ดาวและอุกกาบาตบางส่วนจะกระเด็นเข้ามาในระบบสุริยะ ซึ่งเมื่อ 35 ล้านปีที่ แล้วเป็นช่วงที่มีอุกกาบาตเข้ามาเยอะ แต่ความเสี่ยงจะมากกว่า 10 เท่า ในปี 2013

    3. นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียทำงานองค์การอวกาศรัสเซียเทียบเท่านาซา สำรวจระบบสุริยะ พบมีการเปลี่ยนแปลงขอบด้านนอกสุดของระบบสุริยะ โดยวัดปริมาณความสว่างสูง ขึ้น 1,000% มีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น เชื่อว่ามีพลังงานบางอย่างเข้ามาในระบบสุริยะ นาซาเองก็พบการเปลี่ยนแปลง เช่นกัน ภาพถ่ายจากดาวเทียม Imax ที่โคจรรอบโลก ปรากฏพลังงานที่เล็ดลอดเข้ามาในะบบสุริยะ เดินทางด้วยความเร็วสูง แนวที่มี พลังงานรั่วใกล้กับทางช้างเผือก แล้วยังค้นพบว่า เมื่อวัดแกนพลังงานนี้มี การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในระยะ 6 เดือน ไม่ใช่ลักษณะค่อยเป็นค่อยไป นี่เป็นสิ่งที่นอกเหนือการคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์" และ ดร.ก้องภพ ให้ข้อมูลว่า นอกจากรายงานของนาซายืนยัน การบินอวกาศยุโรปยังมีภาพแบบร่างพลังงานสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่และความร้อนสูง มากเคลื่อนตัวเข้าหาดวงอาทิตย์ แล้วยังมีข่าวอย่างเป็นทางการระบุการบีบอัดของชั้นขอบนอกระบบสุริยะ จะทำให้พลังงานรังสีคอสมิกเข้ามาในระบบสุริยะมากเป็นพิเศษ ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศบนโลก

    4. ดวงอาทิตย์มีปฏิกริยาสูงสุดในรอบ 8,000 ปี และการที่นาซาส่งดาวเทียมโคจรที่ขอบด้านนอกเพื่อวัดความดันลมสุริยะช่วงปี 2547-2551 พบว่า ความเร็วลมสุริยะลดลงมาก ผลจากพลังงานบางอย่างเข้ามาบีบอัดลมสุริยะให้ลดลง สอดรับกับข่าวล่าสุดยืน ยันมีการเปลี่ยนแปลงด้านนอกสุดของระบบสุริยะ ส่งผลให้ความเร็วลมสุริยะลดลง 20 กิโลเมตรต่อวินาที ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2550 เป็นต้นมา และในตอนนี้ดาวเทียมวัดความเร็วลมสุริยะพบว่าลดลงถึง 0 แล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ถึง 4 ปี

    5. ดวงอาทิตย์มีวัฏจักร ทุก ๆ 11 ปี จะมีการพลิกกลับขั้วของสนามแม่เหล็กและเป็นช่วงที่เกราะป้องกันดวงอาทิตย์ ต่ำสุด คาดการณ์ว่าจะเกิดปี 2013 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติรุนแรง จากการสำรวจของดาวเทียม ช่วงที่ดวงอาทิตย์มีปฏิกิริยาสูงสุด ทั้งฝุ่นละอองและอุกกาบาตเข้ามามากเป็นพิเศษ มีผลกระทบต่อดาวเคราะห์ทุกดวง"

    6. ความผิดปกติที่เกิดขึ้นคือ การเปลี่ยนแปลงความดันอากาศรอบนอก ธรรมดาเกิดขึ้นทุก 11 ปี แต่เมื่อวัดครั้งสุดท้ายผิดไปจากเดิม 28 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ชั้นบรรยากาศลดต่ำลง ส่งผลให้โลกของเราไวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนอกโลก เช่นเดียวกับภาพจากดาวเทียมวัดสนามแม่เหล็กรอบนอกแสดงให้เห็นรูรั่ว ที่มี อนุภาคและพลังงานหลุดลอดเข้ามาส่งผลต่อสภาพอากาศโลก ขั้วโลกเหนือน้ำแข็งละลาย ขั้วโลกใต้หิมะน้ำแข็งเพิ่มขึ้น เวลานี้มีรายงานวิจัยมากขึ้น ชี้สนามแม่เหล็กโลกส่งผลกระทบต่อรังสีคอสมิกที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพเมฆและก่อตัวของเมฆ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงความถี่ในการ เกิดแผ่นดินไหวส่งผลกระทบต่อโลกมากเป็นประวัติการณ์ ปี 2553 ทำสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ เราเห็นความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์ความร้อนที่เกิดขึ้นบนโลก ทั้งอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น ความสว่างของดวงอาทิตย์ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ในทางเดียวกัน ทั้งยังมีข้อมูลสถิติปี 2552-2553 ระบุความสูญเสียจากภัยพิบัติเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2013
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รบ.US ใช้ “ซีไอเอ”ทำโครงการลับ หาทางควบคุมปรากฏการณ์ธรรมชาติ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2556 14:34 น.
    1.jpg
    (http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000090821)

    เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ตกเป็นข่าวให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยแก่เหล่าผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาหนทางที่มนุษย์จะสามารถเอาชนะและควบคุมปรากฏการณ์ตามธรรมชาติได้ ซึ่งรวมถึงการศึกษาหาหนทางควบคุมปริมาณแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังพื้นโลก และการขจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากท้องฟ้า

    รายงานข่าวซึ่งอ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงที่มีการเผยแพร่ในนิตยสาร “มาเธอร์ โจนส์” สื่อสิ่งพิมพ์ของพวกฝ่ายซ้ายในอเมริการะบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯได้มอบหมายให้ซีไอเอเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลโครงการวิจัยดังกล่าว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน รวมถึงสำนักงานบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA)และสำนักงานบริหารอวกาศและการบินแห่งชาติ(NASA)

    โดยวัตถุประสงค์สำคัญของโครงการนี้ คือ การหาทางเอาชนะธรรมชาติ ตลอดจนการควบคุมสภาพอากาศให้เป็นไปตามที่มนุษย์ต้องการเช่น การหาทางจำกัดปริมาณแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมายังพื้นที่ส่วนต่างๆของโลก และการควบคุมปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ

    เอ็ดเวิร์ด ไพรซ์ โฆษกของซีไอเอ ออกมายอมรับว่า รัฐบาลสหรัฐฯมีความพยายามในการหาทางควบคุมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติจริง และขณะนี้ทางซีไอเอกำลังทำงานร่วมกับเหล่านักวิทยาศาสตร์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว และหาทางนำประโยชน์จากการควบคุมธรรมชาติ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านความมั่นคง

    อย่างไรก็ดี ไพรซ์ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดว่า ทางซีไอเอเข้าไปมีบทบาทอย่างไรต่อโครงการวิจัยดังกล่าว รวมถึง ไม่เปิดเผยว่า ในขณะนี้ โครงการวิจัยเพื่อหาทางควบคุมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของรัฐบาลวอชิงตันมีความคืบไปหน้าไปแล้วมากน้อยเพียงใด แม้จะมีรายงานว่า คณะทำงานในโครงการได้มีการนัดประชุมกันมาแล้ว 2 ครั้งในวันที่ 20 พฤษภาคม และ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา

    ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2008 สภาข่าวกรองแห่งชาติ(เอ็นไอซี)เคยเผยแพร่ผลการศึกษาที่ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศถือเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2013
  16. kiatp123

    kiatp123 โมฆะแมน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,493
    ค่าพลัง:
    +19,616
    What are the signs that a volcano is about to erupt?

    [​IMG]


    There are lots of signs that are examined, depending on how closely monitored the particular volcano is. Probably the most common type of monitoring is by seismicity. Even one seismometer can tell if there is an increase of seismic activity on a usually seismically-quiet volcano. If you have at least 3 seismometers, and they are strategically placed, you can triangulate on earthquakes to see if they are occurring in a place that indicates perhaps magma movement. By examining the seismic data over a period of time you may be able to determine if the earthquakes are migrating towards the surface (suggesting that magma is also migrating towards the surface since the earthquakes are probably being generated as magma breaks rocks that are in its way).

    Another type of data that is used is the study of ground deformation. When magma moves up into the shallow plumbing of a volcano, it takes up space and pushes the surrounding rock outward. This also causes the surface of the volcano to deform. Some points move upward and any two points will move farther apart. By using very accurate leveling and distance-measuring techniques, these surface changes can be measured. Usually the changes are a few mm over a distance of a few hundred meters, but sometimes they are dramatic. For example prior to many eruptions at Kilauea, the summit bulges 1-2 meters upward. In the last few days prior to the big Mt. St. Helens eruption the northern flank was bulging outward at a few meters per day!

    Some people like to monitor volcanoes by constantly monitoring gases that come out of fumaroles. Most active volcanoes have fumaroles where volcanic gases escape to the surface. It is relatively easy to monitor the temperatures of these gases, and an anomalous increase in temperature might be a sign that magma has moved closer to the surface. Monitoring the composition of the gases is more difficult to do, and changes in the composition are way more difficult to interpret. Many times just visual changes to fumarole areas are indications of impending activity. If the area of active degassing gets larger, if the plants nearby die suddenly, if the color of any lakes or ponds nearby changes...Many volcanoes have summit lakes through which heat and gases rise to the surface and escape. Many of these lakes have strange colors due to all the dissolved minerals in them, and many of the colored ones change color, pH, temperature, etc. These too, are signs of change below but are often difficult to interpret.

    A number of people are studying ways in which to use satellite data to monitor volcanoes. It is possible to obtain thermal images of volcanic areas, and by comparing images on a monthly or bi-weekly basis, increases or decreases in temperatures can be detected. Additionally, some new technologies have allowed for the determination of very accurate topography from satellite data. This technology may someday allow for the remote monitoring of surface deformation associated with sub-surface magma movement. This process is still being developed. It usually takes too long to get satellite data processed for this technique to be useful in a rapidly-escalating crisis so it would be used over the long term, in the years to months prior to an eruption rather than the hours prior.

    Image: Seismograph in action at Pinatubo response. A glance at the seismogram wrapped around the drum gives experienced volcanologists a quick appreciation of the current level of seismic activity at the volcano. Photo by R.P. Hoblitt.

    ที่มา What are the signs that a volcano is about to erupt? | Volcano World

    แต่ถ้าเป็นผมนะ ผมว่าจะคอยดูตัวชี้วัดเพียงตัวเดียวเท่านั้น คือ ดูนักภูเขาไฟวิทยาที่เฝ้าสังเกตการณ์ภูเขาไฟ ถ้าเขาเก็บของย้ายตัวเองหนีจากพื้นที่สังเกตการณ์เมื่อไหร่ เชื่อได้เลย มันจะระเบิดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทบา ถ้ามันหนีออกนอกเกาะสุมาตราไปเลย ก็เชื่อได้ 100 เปอร์เซนต์ ระเบิดแน่
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Coronal Prominence Cavities ปรากฏการณ์ที่เราควรรู้จัก
    Posted by drjoop on 18/03/2012 (ติดตามภัยพิบัติและหาคำตอบ | @DrJoop 's official website )
    ขอบคุณภาพสวยๆจาก helioviewer.org, SDO, STEREO, Earthfiles.com และ
    เมื่อช่วงอาทิตย์ที่แล้วมีวิดีโอหนึ่งซึ่งถูกเผยแพร่ใน Youtube อย่างแพร่หลายดังนี้

    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/puvW3AMoCyc?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ซึ่งจากภาพข้างบน เป็นภาพดวงอาทิตย์จากยานสำรวจ SDO ของ NASA ซึ่งโคจรอยู่รอบโลกและใช้กล้องที่มีความละเอียดสูงมากและอุปกรณ์ตรวจวัดรังสีและแสงจากดวงอาทิตย์ของเราในย่านต่างๆ

    1.jpg

    โดยภาพที่เห็นนี้เป็นการถ่ายดวงอาทิตย์ที่ความถี่แสง 171 อังสตรอม(1 อังสตรอม = 0.1 นาโนเมตร) ซึ่งเป็นช่วงที่เราสามารถสังเกตุอะตอมของไฮโดรเจนและฮีเลียมได้ชัดเจน โดยในภาพจะเห็นว่ามีลัษณะคล้ายทรงกลมสีดำกำลังดูดพลังงานจากดวงอาทิตย์อยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะลับหายไป

    2.png

    เราลองมาดูในย่านความถี่แสง 193 อังสตรอมดูบ้างครับจะเห็นแค่แนวขางเส้นสีดำๆ แต่ไม่เห็นทรงกลมชัดเจนแล้ว

    3.png

    ภาพต่อไปเป็นภาพในย่านแสงที่เรามองเห็น 4}500 อังสตรอม จะไม่เห็นอะไรเลยครับ เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้นเลย

    4.png

    แล้วมีภาพจากดาวเทียมดวงอื่นไหม …. มีครับ เรามียานสำรวจดวงอาทิตย์ที่กระจัดกระจายอยู่มากมาย ผมขอนำภาพมาจากยาน STEREO ของ NASA เช่นกันครับ ขออธิบาคร่าวๆก่อน STEREO เป็นยานสำรวจคู่ประกอบด้วย STEREO-A (Ahead) ซึ่งโคจรนำหน้าโลกไปประมาณ 1/3-1/4 รอบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ และ STEREO-B (behind) ซึ่งโคจรตามหลังโลกไปประมาณ 1/3-1/4 รอบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์เช้นกัน

    5.gif

    ในภาพจะเป็นตำแหน่งของยาน STEREO-A และ STEREO-B ล่าสุด โดยวัตถุประสงค์ของยานสำรวจนี้เพื่อติดตามดวงอาทิตย์แบบครบทั้ง 360 องศาเพื่อประโยชน์ในการพยากรณ์ หรือเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของจุดดับบนดวงอาทิตย์ซึ่งมีผลต่อโลกได้
    ภาพจากยาน STEREO-B ในเวลาเดียวกันที่แสงย่าน 171 อังสตรอมครับ

    6.png

    จะเห็นว่าที่มุมล่างขวาซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกัน เราไม่เห็นรูปร่างของ sphere ชัดเจนนัก แต่เห็นเค้าลางพอควร ลองมาดูจากยานสำรวจ STEREO-A ซึ่งโคจรไปล่วงหน้าเราดูครับ ที่ความถี่แสง 171 อังสตรอมเช่นเดียวกัน

    7.png

    จากภาพที่มุมล่างซ้าย จะเห็นเป็นโพรงกลมๆเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีรูปร่างทรงกลมชัดเจนนัก แล้วสุดท้ายมันคืออะไรกัน ในวงการณ์ยูเอฟโอหรือมนุษย์ต่างดาวต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่ว่า นี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญของชีวิตนอกโลกเลยทีเดียว เป็นยานอวกาศขนาดมหึมาที่ดูดพลังจากดวงอาทิตย์บ้าง หรือแม้แต่ @DrJoop ตอนแรกก็ยืนยันความเชื่อนี้เหมือนกัน

    มีเวปไซด์หนึ่งคือ Earthfiles.com ได้ทำการสัมภาษณ์นักสุริยะฟิสิกส์ประจำ NOAA ดร.Rodney Viereck ซึ่งท่านได้ให้คำอธิบายว่า ภาพที่เราเห็นนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นได้บ่อยในชั้นบรรยากาศ Corona ของดวงอาทิตย์ที่เรียกกันว่า Coronal Prominence Cavities ซึ่งเป็นการระเบิด (CME, coronal mass ejection) จากจุดที่ไม่รุนแรงบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ และมักไม่มีจุดดับเกิดร่วมด้วยเพราะไม่มีสนามแม่เหล็กกำลังสูงมาเกี่ยวข้อง ซึ่งภาพที่เราเห็นจะเป็นรุปร่างคล้ายไส้กรอกที่ลอยอยู่เหนือชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ ซึ่งภายในว่างเปล่าและมีชั้น corona ของดวงอาทิตย์ที่สว่างกว่าเป็นแบคกราวนด์ ซึ่งจากภาพนี้มุมที่เราเห็นเป็นมุมที่มองผ่านแกนของทรงกระบอกนี้ลงไปจึงเห็นเป็นรุปทรงกลม (เปรียบเทียบกับใน STEREO-A และ B)
    I asked him electronically: “NOAA’s Rodney Viereck, Ph.D., solar physicist, suggested I email you the short SDO video below that I also sent him from March 11, 2012, in my inquiry as a science reporter about what was happening with the dark tendril that extends to a dark, curved area?”
    Dr. Schrijver replied: “What we are looking at in this movie is a fairly common feature [coronal cavity], but in an unusual configuration so that we see it much more clearly than otherwise often is the case. As part of coronal mass ejections (CMEs) from quiet Sun regions (i.e., not from magnetically active regions with sunspots in them), we believe there often is a big sausage-shaped structure floating above the solar surface, underneath which a curtain of cool, dense material exists. The sausage if often rather empty; that is, it is a dark void. When such a void is curved, we don’t see it quite as clearly because we would be looking through the void and the surrounding bright background corona. In this case, it appears that the void is a rather straight cylinder, oriented such that we are looking right along its spine and hence the rather clearly defined dark void.
    บทสัมภาษณ์จาก http://www.earthfiles.com/news.php?ID=1957&category=Science
    เราลองมารู้จักปรากฏการณ์นี้กันครับ ขอยกงานวิจัยของ UCAR (University Corporation of Atmospheric research) ตามงานวิจัยของ ดร. Sarah Gibson ซึ่งมีผลงานเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมายที่ Dr. Sarah Gibson: Publication list โดยขอสรุปย่อๆตามความเข้าใจของผมก็แล้วกัน
    โดยดร. Gibson ได้อธิบายว่า Coronal Cavities เป็นส่วนประกอบสำคัญของ Coronal prominence หรือกลุ่มพวยกาซที่พุ่งขึ้นจากชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ โดยรูปร่างของตัว cavities จะสามารถอธิบายความสมดุลย์ของสนามแม่เหล็ก และสามารถใช้พยากรณ์การเกิดการระเบิดใหญ่ที่จะเกิดตามมาได้

    8.jpg

    ในภาพเป็นงานวิจัยของ ดร. Gibson เรื่องการเกิด Coronal Cavities เมื่อปี 2002 ในส่วนของโมเดลของตัว cavities เองนั้น ปัจจุบันเริ่มมีการให้ความสำคัญมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนที่เราคิดว่าเป็นเพียงช่องว่างระหว่างการเกิดพวยกาซที่ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์เท่านั้น โดยงานวิจัยใหม่ๆร่วมกับการเกิด filament , filament channel, และ cavities จะนำเราไปสู่การพยากรณ์การเกิดการระเบิดของดวงอาทิตย์ได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่ไม่มีจุดดับหรือในช่วงการเกิด solar minimum ได้
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 25 กรกฎาคม 2556 เว็บภัยพิบัติ
    image.jpg
    ดาวเคราะห์น้อย 2008 MG1 ขนาดราว 470 เมตร กำลังเข้าใกล้โลกที่ระยะ 61 เท่าของระยะระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ด้วยความเร็ว 29.02 กิโลเมตร/วินาที แรงปะทะ 16 กิกะตัน
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อสอบถาม ดร. ก้องภพ อยู่เย็น
    คำถาม
    1. คุณ.........
    อาจารย์ค่ะ จุดดับที่ 11 จะเกิดประมาณช่วงระยะไหนค่ะ สามารถคำนวณและพอจะบอกได้คราวๆไหมค่ะ เพราะจากที่อ่านข้อมูลจากอาจารย์ปริญญา ตันสกุล(ป.วิสุทธิปัญญา)ท่านได้นำสื่อแจ้งว่า เหตุการณ์ครั้งสำคัญที่รุนแรงที่สุด จะเกิดจากจุดดับที่ 11 กราบขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองผ่านที่ได้นำความรู้มาเผยแผ่จากองค์ความรู้ของแต่ละท่านข้อมูลสอดคล้องกันมากค่ะ กราบขอบพระคุณ
    2. Sukit Chongchokdie
    คุณเคยรู้จักเลขอาถรรพ์เหล่านี้บ้างไหม 13 , 666 , 7. เชื่อว่าหลายท่านคงจะรู้จักกิตติศัพท์ความอาถรรพ์ของเลขเหล่านี้นะคะ แต่นอกจากเลขชุดนี้แล้ว ยังมีอีกเลขหนึ่งที่อาถรรพ์ไม่แพ้กันเลย คือเลข. 11 – 11 ปรากฏการณ์แรกที่เกี่ยวข้องกับเลข 11-11 อาจารย์ปริญญา ตันสกุล เคยพูดไว้ เรื่องวันเวลาแห่งเลข 11-11 โดย 11 ตัวแรกได้เกิดขึ้นแล้วคือ จุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sun spot) จำนวน 11 จุด บนดวงอาทิตย์ แต่ 11 ตัวหลังยังไขปริศนาไม่ได้
    3. คุณ .....
    จุดดับที่ 11หมายถึงบริเวณจุดดับที่เคยเกิดระเบิดมาแล้วหลายครั้งจนเวียนมาบรรจบครบ
    (ยังไม่ได้ตอบ)
    คำตอบ
    1. ก้องภพ อยู่เย็น
    ผมยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่าจุดดับที่ 11 ครับ ถ้าตีความว่ามีการขยายตัวหรือหดตัวของจุดดับจำนวน 11 จุดพร้อมๆกัน ก็จะเป็นไปได้ครับว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงมาก เพราะปกติแล้วจุดดับจะไม่ขยายตัวหรือหดตัวพร้อมกันมากขนาดนั้นครับ และในยุคปัจจุบันนั้นยังไม่พบว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนครับ
    2. ก้องภพ อยู่เย็น
    การเกิดจุดดับ 11 จุดนั้น น่าจะมีตีความอีกแบบหนึ่งว่า กลุ่มจุดดับ จำนวน 11 กลุ่ม ซึ่ง ก็เป็นปราฏการณ์ที่เกิดได้ยากเช่นกันครับ โดยในขณะนี้การจะเห็นจุดดับต้องเป็นด้านที่โลกมองเห็นเท่านั้นครับ. การที่จะเกิดจุดดับได้เป็นจำนวนถึง 11 กลุ่มนั้นต้องเกิดตอนช่วงที่ดวงอาทิตย์มีปฏิกริยาสูงมาก ส่วนเรื่องความสำคัญของตัวเลขนั้นก็มีครับ แต่คงไม่สามารถบอกวันที่จะมีภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ได้เสมอไป ต้องมีปัจจัยรูปแบบอื่นๆมากำกับด้วยเสมอ เพราะภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นต้องมีเหตุปัจจัยหลายๆอย่างประกอบกัน และส่วนของปัจจัยภายนอกจะเป็นส่วนที่คนทั่วไปสามารถสังเกตได้ง่ายกว่าปัจจัยภายในครับ
    ถูกใจ · 2 · เมื่อวานนี้ เวลา 17:54 น.

    คำถาม
    Sukit Chongchokdie
    ผมขออนุญาต ถาม ดร. ครับ มีโอกาสไหมที่จะเกิดการประทุจากจุดดับอย่างรุนแรง เพราะวัฎจักรที่ 24 ผมเห็นมี coronal hole ขนาดใหญ่บ่อยมาก และมีค่า electron flux สูง ๆ บางครั้ง 12000 เลย แต่พอเกิด มีค่า Bz ติดลบ ไม่กี่ชั่วโมงก็ลดค่าเหลือ 200-300 อย่างรวดเร็ว และอีกไม่กี่วันคุณแผ่นดินไหว thunder storm ก็ตามมา

    คำตอบ
    ก้องภพ อยู่เย็น
    เรื่องของ coronal hole นั้นเป็นแนวที่มีอนุภาคพลังงานไฟฟ้าพุ่งออกมา ด้วยความเร็วสูง ซึ่งถ้ามาทางโลกก็จะส่งผลให้เกิดความแปรปรวนของอวกาศและชั้นบรรยากาศรอบ ๆ และลงมาสู่โลก ไม่ได้จำกัดอยู่พื้นที่บริเวณขั้วโลกอย่างเดียว โดยตรวจวัดได้จากการแกว่งตัวของสนามแม่เหล็ก "และ" สภาพอากาศที่แปรปรวนบนโลก หรือ การเปลี่ยนแปลงใต้ผิวโลกอย่างฉับพลัน โดยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงสูงนั้นจะเห็นได้ชัดในช่วงเวลาดังกล่าวครับ

    ส่วนแผ่นดินไหวนั้นจะเกิดได้ก่อนหรือหลังการแกว่งตัวของสนามแม่เหล็กโลกครับ เพราะเป็นปรากฏการณ์แยกชั้นไฟฟ้าในใต้ดิน ตามทฤษฏีไฟฟ้านั้นเมื่อมีการสั่นไหวของชั้นไฟฟ้าจะมีการรวมตัวของประจุไฟฟ้าโดยเฉพาะในบริเวณรอยเลื่อน จะเกิดเป็นสนามแม่เหล็กให้ตรวจจับได้อีกทีหนึ่ง และจะกลับมาแยกตัวสะสมพลังงานใหม่อีกครั้ง ตามที่ผมเห็นและการทดลองทางไฟฟ้าบางส่วนนั้นการแกว่งตัวของสนามแม่เหล็กโลกจึงไม่ใช่เหตุของแผ่นดินไหวซะทีเดียว แต่เป็นอาการหนึ่งที่โลกตอบสนองโดยมีปัจจัยภายนอกมากระตุ้นครับ
    แก้ไขแล้ว · ถูกใจ · 3 · เมื่อวานนี้ เวลา 18:12 น.
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ก้องภพ อยู่เย็น
    วันที่ 24 กรกฏาคม เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริตเตอร์ เวลา 3:32 UT ที่เกาะฟิจิ Earthquake - Magnitude 6.0 - SOUTH OF FIJI ISLANDS - 2013 July 24, 03:32:35 UTC
    Earthquake, Magnitude 5.8 - SOUTH OF FIJI ISLANDS - 2013 July 24, 03:32:34 UTC
    emsc-csem.org

    ก้องภพ อยู่เย็น
    สำหรับปฏิกริยาดวงอาทิตย์ในครั้งนี้ ถ้าคำนวณจากความเร็วต้นจะพบว่าพลังงานแนวหน้าจะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรโลกในวันที่ 24 กรกฏาคม เวลา 1 UT +/- 7 ชั่วโมง ดังนั้นผู้ที่สนใจควรสังเกตการบนโลก อย่างต่อเนื่องถึงวันที่ 26 ตามที่แจ้งให้ทุกท่านทราบก่อนหน้านี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...