ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

มีเรื่องเล่าขำ ขำ

เมื่อเช้าอยู่ ๆ ก็มีบางอย่าง เป็นเงาดำ ๆ แล้วกันนะจะได้เห็นภาพ(จริง ๆ ไม่มีภาพ)
เงาดำมันบังใจเรา...ทำให้เรา คิด คิด คิด คิด....
เกี่ยวกับ "ความเป็นครู"...คุรุ...และการบูชาครู...คุรุ

คิด คิด คิด คิด
ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ....
แล้วก็เฮ่อ....ตรูเลิกดีกว่า....ไม่มีความสำคัญสักกะติ๊ดดดดดดด

แล้วก็อาเจียรจนปวดพุง
(พุงเราใหญ่ พออาเจียรจนบีบบบบบ มันก็เลยปวดพุงงัย)

ตอนนี้เห็นแล้ว....คำตอบคืออะไร....
55555555555555555555555

ขอสารภาพนะคะคุณชยุต...
เราช๊อบ ๆ เข้ามาอ่าน ตามไปอ่านแทบทุกกระทู้ที่คุณตั้งเลย....
แต่การอ่านของเรามันแบบ...อ่าน 3 คำ กระโดด 3 บรรทัด 5 บรรทัด
บางที...อ่านหัวข้อ..ก็ง่วงนอนมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก ก็นอนดีกว่า ไม่ได้อ่าน
55555555555555555555
แต่เราก็ยังชอบอยู่ดี!!!!!!!!!!!!

แค่แวะมาชื่นชม...
รวมถึงเคยแวะไปชื่นชมกระทู้โน้นด้วยนะ...

กิ๊ก กิ๊ก กิ๊ก
สนุกดี...

ปล. จะแบก หรือ จะวาง ดีนะ...อยู่ที่พระเจ้า...หรืออยู่ที่เราหว่า...
ปล. 2 อ่ะ...ล้อเล่น...นะจ๊ะ...
ปล. 3 ตัดทิ้งเถอะเนอะ...ไร้สาระ...แต่สนุกดี...ว่ามะ...กิ๊ก กิ๊ก กิ๊ก....

 

อันนี้ไปอ่านมาอีกที....
เอามาเล่าต่อ...

เรื่อง "เทพแห่งการผายลม"
==========================================

ข้าพเจ้ารักการผายลม
การผายลมนับเป็นศาสตร์และศิลปะ อย่างหนึ่ง…
ข้าพเจ้าเรียนรู้มันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ
สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าหันมาสนใจมันอย่างจริงจังก็คือ..
ลุงของข้าพเจ้าเอง…
ข้าพเจ้าจำได้ดี ตอนอยู่ประมาณประถมสี่…
ลุงของข้าพเจ้าได้ทำการผายลมอันน่าทึ่ง..
ท่านได้แบ่งลมออกเป็น 3 ช่วง 3 จังหวะ…
และปล่อยมันออกมา ในท่า ต่างๆกัน..
เหตุการณ์วันนั้นยังติดตาตรึงใจข้าพเจ้ามาจนทุกวันนี้…
ตั้งแต่นั้นมา ข้าพเจ้าศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการผายลม
ทั้งจากการอ่าน และการลองกระทำ…
ข้าพเจ้าศึกษาจนได้ค้นพบว่า
ในพื้นผิวต่างกัน และองศาของตูด..
มีผลทำให้เสียงที่ออกมา ทุ้ม แหลม ต่างกัน ในระดับองศาใด..
และพื้นผิวแบบไหน กลิ่น ก็สำคัญ…
ข้าพเจ้าศึกษาจนค้นพบว่า กินอะไรเข้าไป
กลิ่นจะออกมาให้ความรุนแรงในระดับไหน..
ข้าพเจ้าชอบผายลมในลิฟท์
เนื่องด้วยมันเป็นที่อับ และมีคนแปลกหน้ามากมาย..
ข้าพเจ้าชอบมองสีหน้าของคนเหล่านั้น
ยามเมื่อพวกเขาได้กลิ่นรัญจวนที่ออกมาจากตูดของข้าพเจ้า..
น่าแปลก ทั้งทั้งที่มันโคตรจะเหม็น
แต่กลับไม่เคยมีใครปริปากพูดเลยซักคน ว่า มันเหม็น
ข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงความเกรงอกเกรงใจกันในที่แคบๆแห่งนี้
ทุกวัน ก่อนจะเริ่มเข้างาน ลิฟท์ที่ออฟฟิศข้าพเจ้าจะมีคนเยอะมากๆ
ข้าพเจ้าแอบแฝงเข้าไปในลิฟท์
ก่อนที่จะกระทำการ “ตดสุ่ย” ออกมา
*ตดสุ่ย คือการตดแบบเบาๆ แทบจะไม่มีเสียง
เสียงที่ออกมาถ้าเงี่ยหูฟังจะดัง สุ่ย เบาๆ ต้องมือโปรเท่านั้นจึงจะทำได้*
ในบางครั้ง ขณะที่คนกำลังพูดคุยกันอยู่ในลิฟท์
เมื่อข้าพเจ้าตดไปแล้วเสียงคุยจะเงียบลงทันที…
สีหน้าทุกคนจะเปลี่ยน.. แต่ไม่มีใครถามว่าใครตด…
เวลาผ่านไป…
ผู้คนเริ่มพูดถึงเรื่องกลิ่นแปลกๆในลิฟท์
ข้าพเจ้ารู้สึกภูมิใจเหลือเกินที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของผู้ปล่อยกลิ่นนั้น..
เหมือนฮีโร่ที่แอบทำความดีโดยมีหน้ากากปิดบังหน้าตาที่แท้จริง…
จนกระทั่ง…
เช้าวันนี้ข้าพเจ้าแฝงตัวเข้าไปในลิฟท์ตามปรกติ…
ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะทำการตดสุ่ยนั้นเอง..
ข้าพเจ้าก็ได้กลิ่น.. เป็นกลิ่นเหม็นเน่ามากๆ..
ใครนะ มันบังอาจ ตดตัดหน้าฉัน!!
กลิ่นมันโคตรเหม็นอ่ะ..
ไอ้แว่นคนนั้น.. ไอ้อ้วนคนนั้น.. หรือหนึ่งในพวกผู้หญิงขี้เมาท์กลุ่มนั่น…
ข้าพเจ้าได้แต่เก็บความแค้นไว้…
มันทำให้ข้าพเจ้านอนไม่หลับ…
วันรุ่งขึ้น… เวลาเดิม..
ข้าพเจ้าเดินเข้าไปในลิฟท์พร้อมคนกลุ่มเดิม
ถึงแม้จะมีคนอื่นเข้ามาปะปนบ้าง..
แต่กลิ่นนั้นมันก็มาอีก.. กลิ่นเหม็นเน่าแบบเดิม…
ได้เลย กูรับคำท้า!!
ข้าพเจ้าคิดในใจ พร้อมกับปล่อย “ตดหัวขี้” ออกไป!!
**ตดหัวขี้ คือการตดเบียดอึ การตดโดยมีอึคาตูด
กลิ่นเหม็นจะทวีความรุนแรงเป็น 2 เท่า!! *
ในลิฟท์ตอนนี้ กลิ่นตดของข้าพเจ้าและของบุคคลนิรนาม
ตีกันตลบอบอวล อยู่ภายใน..
มันทำให้ผู้อื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ถึงกับพาลจะอ๊วกแตกออกมา…
และในที่สุด!!
ข้าพเจ้าก็เป็นฝ่ายแพ้..
กลิ่นของบุคคลนิรนามนั่นรุนแรงกว่า.. และอยู่นานกว่ากลิ่นของข้าพเจ้า…
น้ำตาของข้าพเจ้าไหล…
พรุ่งนี้.. กูจะแก้ตัว…
เช้าวันนี้ข้าพเจ้ามาพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ…
ที่เก่า.. เวลาเดิม.. คนกลุ่มเดิม..
หัวใจข้าพเจ้าเต้นระส่ำในขณะก้าวเท้าเข้าไปในลิฟท์…
กลิ่นเดิมมาอีกแล้ว…
ข้าพเจ้าตัดสินใจใช้ท่าไม้ตาย!!
…………….
……….
……
“โหย ไอ้จอม มัน Here มากเลย แม่งขี้ในลิฟท์อ่ะ”
“ไอ้จอม แม่งขี้แตกคาลิฟท์ โคตรเหม็นระยำเลย”
เสียงบ่นก่อนด่าของคนในออฟฟิศยังคงเป็นไป
อย่างต่อเนื่องยาวนานแม้เวลาจะผ่านเลยไปนานแล้ว
แต่ข้าพเจ้าไม่สนใจหรอก…
เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้ชนะ…
ว่าฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ (กูชนะแล้ว)



จบ...

ตอนนี้ขอเป็น...คลี่...ก่อนนะ...
เผื่อใครอยาก คุ๊ก คลี่...จะได้มีเนื้อ มีกลิ่น ติดตัวไป...
ได้อารมณ์สุด ๆ
55555555

 

ครับ..หลังจากที่เราพักอ่านโฆษณาสินค้าต่างๆกันไปพอสมควรแล้ว
คราวนี้..เราก็มาอ่านข้อความจากต่างมิติกันต่อนะครับ..

แล้วหลังจากนั้น..ใครจะมาตด หรือ ขี้ แข่งกับใคร เพื่อให้เป็นฝ่ายชนะ
ก็ค่อยว่ากันต่อนะครับ..อิอิ..

................................................

 

55555 เอาใจช่วยครับ ^^

 

ข้อความจากท่าน Hilarion
ประจำสัปดาห์ที่ 7 – 14/7/13

ที่มา:
http://www.therainbowscribe.com/hilarion2013.htm


ที่รักทั้งหลาย

ในขณะที่การเสร็จสิ้นสมบูรณ์ลง ของปัญหาต่างๆ กำลังใกล้เข้ามาอีกแล้วนี้ ในชีวิตส่วนตัวของพวกคุณ
จงรู้ไว้ว่า มันจะมีจุดเปลี่ยนอยู่จุดหนึ่งใกล้เข้ามาด้วย ที่จะทำให้พวกคุณได้เห็นว่า
ในที่สุดแล้ว พวกคุณก็เป็นอิสระจากความหนาแน่นทึบตันอันหนักหน่วง
ที่พวกคุณได้ต่อสู้ดิ้นรนมานานแล้วนี้ซะที

นี่เป็นเพราะว่าพวกคุณหลายคน ได้เลือกที่จะมารับเอา และมามีประสบการณ์
กับระดับความสั่นสะเทือนที่ต่ำๆนี้ เพื่อใช้มันเป็นสิ่งกระตุ้น
ให้กระบวนการชำระล้างสนามพลังงานของจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก
ที่ห่อหุ้มโลกใบนี้อยู่ เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ซึ่งตอนนี้สนามพลังงานดังกล่าวนี้ ก็ได้ถูกชำระสะสางไปได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว
และดังนั้น..ในตอนนี้..มันจึงทำให้ชาวโลกมากมาย ที่กำลังตื่นขึ้นมาอยู่นี้
สามารถที่จะรับมือกับปัญหาส่วนตัวของตัวเอง ที่กำลังเริ่มผุดขึ้นมาสู่ระดับพื้นผิว
อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้น และความเข้มข้นขึ้น ของระดับพลังงาน ได้ง่ายดายยิ่งขึ้นตามไปด้วย

สิ่งที่พวกคุณได้ทำให้มันเสร็จสิ้นลงไปแล้วนี้ กำลังมีผู้คนทั่วไปจำนวนมากมาย
ประสบกับมันอยู่ แต่จะเป็นแบบโดยปราศจากการกีดขวางจากความหนาแน่นทึบตัน
ที่สะสมมาตั้งแต่หลายชั่วอายุคนก่อน

มันเป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับพวกคุณแต่ละคน ที่จะต้องรักษาการเชื่อมต่อ
กับตัวตนที่สูงส่งกว่าของตัวเอง และกับผู้นำทางทางจิตวิญญาณของตัวเองเอาไว้ให้ได้ตลอดเวลา
และมันเป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับพวกคุณแต่ละคน ที่จะต้องหลีกเลี่ยงการถูกดึงเข้าไปมีส่วนร่วม
กับบทละครชีวิตส่วนตัวของใครเขา และกับบทละครชีวิตส่วนรวมของโลก ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ด้วย

ภาระหน้าที่ของพวกคุณ ก็คือ การจดจ่ออยู่กับการสร้างสรรค์ และการรักษาวิสัยทัศน์
เกี่ยวกับโลกใหม่ที่ดีกว่าเดิม สำหรับทุกผู้ทุกนาม เอาไว้ให้มั่น
และจงรู้ไว้ว่า สิ่งนี้อาจจะเป็นกระบวนการที่ยาก เพราะว่าผู้ที่พวกคุณรักและห่วงใย
อาจจะกำลังผ่านเข้าสู่กระบวนการเจริญเติบโตของพวกเขาเองอยู่ด้วย
เพื่อไปสู่การตื่นขึ้นมา ของความตระหนักรู้ของพวกเขาเอง และนี่อาจจะมีผลกระทบ
ต่อความสมดุลและความสงบของจิตใจของพวกคุณเองได้ด้วย เพราะว่าพวกคุณ
อาจจะอยากช่วยเหลือพวกเขาอย่างมาก

จงให้กำลังใจพวกเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องรู้ไว้ด้วยว่า
ไม่ว่ามันจะคืออะไรก็ตาม ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่นั้น มีเพียงตัวพวกเขาเองเท่านั้น
ที่จะสามารถทำให้มันผ่านพ้นไปได้ ไม่มีใครสามารถเดินบนเส้นทาง
ที่พวกเขาได้เลือกมาแล้วนั้น แทนพวกเขาได้

เพราะว่าพวกคุณคือแสงสว่างของโลกในช่วงเวลานี้ ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
ที่พวกคุณจะต้องดูแล และทะนุถนอมตัวเองอย่างต่อเนื่องด้วย

และในขณะที่พลังงานกำลังถูกดาวน์โหลดเข้ามา เพื่อเป็นตัวกระตุ้นอย่างต่อเนื่องอยู่นี้
จงพักผ่อนให้มากที่สุดเท่าที่พวกคุณจะทำได้ เพื่อดูดซับ และ ซึมซาบเอาพลังงานเหล่านี้
เข้าไปให้ได้มากที่สุด อย่างง่ายดายและราบรื่น

และจงรักษาการฝึกฝนและปฏิบัติประจำวันของตัวเองเอาไว้ให้ได้ตลอด
เพื่อที่จะคงความแข็งแกร่งและความแข็งแรงของสนามพลังงานส่วนบุคคลของตัวเองเอาไว้ให้ได้ตลอดด้วย

จงจินตนาการว่าตัวเอง และจงรู้ว่าตัวเอง คือ “รูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่าง”
คือสะพานสายรุ้ง ที่เชื่อมต่ออยู่ระหว่างโลกและสรวงสวรรค์
คือท่อลำเลียงพลังงานแห่งความรัก ที่กำลังนำพาสรวงสวรรค์เข้ามา และตรึงเอาไว้บนโลก

จงเคารพยกย่องตัวเอง ที่ได้มาเล่นบทบาทนี้ และจงรักษาบทบาทนี้เอาไว้ให้มั่นคง
วิถีทางของพวกคุณตอนนี้ กำลังจะง่ายดายขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว เพราะว่ามนุษยชาติโดยรวม
กำลังพยายามที่จะมีความรับผิดชอบมากขึ้น ต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในโลกรอบๆตัวพวกเขาเองอยู่

มันมีสัญญาณบ่งบอกอยู่ทุกหนทุกแห่ง ว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดขึ้น
อยู่ในช่วงเวลานี้ และมันก็จำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นภายในสังคมด้วย
ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยถูกยอมรับว่ามันคือสิ่งที่เป็นบรรทัดฐาน มาบัดนี้ มันจะไม่ถูกยอมรับ
ว่าคือสิ่งที่ถูกกำหนดมาให้อีกต่อไปแล้ว เพราะว่าตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังอยู่ในสภาวะ
ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องอยู่ และมนุษย์โลกก็จะต้องสามารถปรับตัว
และเปลี่ยนแปลงตามไปให้ได้ด้วย

มนุษย์โลกจะต้องขุดลึกลงไปภายในตัวเอง
เพื่อค้นหาความเชื่อมต่อระหว่างตัวเอง
กับ “แหล่งกำเนิด” (the Source) ให้เจอ

ดังนั้น เมื่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นแล้ว พวกเขาก็จะบรรลุเป้าหมาย
พวกเขาจะประจักษ์ว่า การได้มาซึ่งวัตถุสิ่งของทางโลกนั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก
ในการมาเป็นสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ของพวกเขาเลย
และพวกเขาก็จะได้ประจักษ์ว่า วัตถุสิ่งของทางโลกเหล่านี้ ไม่นานพวกมันก็จะต้อง
พลัดพรากจากพวกเขาไป ในแบบที่พวกเขาไม่อาจจะควบคุมได้

และดังนั้น พวกเขาก็จะได้ประจักษ์ว่า
สิ่งที่มีความสำคัญจริงๆนั้นก็คือ
ความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อกันและกันนั่นเอง

จงยืนหยัดอย่างมั่นคง อยู่ในแสงสว่างของตัวพวกคุณเองต่อไป
และจงกราวด์ตัวเองเอาไว้กับดาวเคราะห์โลกให้ดีด้วย
ในขณะที่พวกคุณกำลังบุกเบิกเส้นทางเดินไปข้างหน้าต่อไปอยู่นี้

มีเพียงการเชื่อมต่ออยู่กับ “แหล่งกำเนิด”
ของพวกคุณเท่านั้น ที่จะสามารถพึ่งพาได้

จงกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ของทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่เข้ามาในสนามพลังงานแห่งความเป็นไปได้ของพวกคุณเอง
เพื่อที่พวกคุณ จะได้สามารถวางแผนเส้นทางเดินของตัวเอง
เพื่อเข้าไปสู่สิ่งที่ยังไม่รู้ได้

จงรู้จักตัวเอง เพราะว่านี่คือกุญแจสำคัญสู่ทุกสิ่งทุกอย่าง
มีเพียงคุณ และคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
ที่จะสามารถมีกุญแจสู่อาณาจักรที่อยู่ภายในตัวคุณเองได้


แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า

I Am Hilarion
Until next week…


©2013 Marlene Swetlishoff/Tsu-tana (Soo-tam-ah) Keeper of the Symphonies of Grace
Permission is given to share this message as long as
the message is posted in its entirety and nothing has been changed,
or altered in any way and Scribe's credit, copyright and website is included.
www.therainbowscribe.com

Thank you for including the above website link when posting this message.

……………………..

 

ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้
โอ๋ก็ยังไม่เคยเห็นว่าใครจะพูดถึงบุคคลที่ตนชอบ รัก ศรัทธา ในแง่ไ่ม่ดีเลย
ดังนั้น หาก โอ๋ยังคง ยืนยันคำเดิมว่า รัก เชื่อ และคล้อยตาม ในมุมมองความคิดต่างๆ
ของพี่ชยุต และเพื่อนๆที่นี่ คงไม่ผิดใช่มั้ยคะ
ทุกคนมีสิทธิ์เลือกค่ะ และก็ไม่มีใครทำอะไรผิดซักคน
จุ๊บๆๆค่า

แวะมาให้กำลังใจ คนที่รู้สึกดีๆต่อกัน
ไม่ว่าใครคนนั้น จะรู้สึกดีกับใครก็ตาม
ทำต่อไปนะคะ อิอิอิ

 

จิตวิญญาณทั้งหลาย เป็นผู้ที่ยังเกิดและตาย คือผู้ที่ยังเวียนว่ายอยู่ในมิติต่างๆ
จะต่ำจะสูงอยู่ที่ระดับจิตวิญญาณ

พระพุทธเจ้า หรือผู้ที่เข้าถึงนิพพาน คือผู้ที่พ้นไปแล้วจากการเิกิดและตาย ไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป พ้นไปแล้วจากเปรตอสูรกาย มนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย

เป็นครูของเทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย

จิตวิญญาณชั้นสูงต่างมิติ ยังรู้จักจิตพุทธะเลย
ต่างมิติต้องเชื่อฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแน่เลย ^ ^
(แล้วเราเป็นใครล่ะ น่าจะลองหาคำสอนที่เป็นของพระพุทธะมาศึกษาดู น่าจะดีกว่า.....)
อิอิ เขียนเล่นๆ ขำๆ นะจ๊ะ

 

ขอโทษน่ะค่ะที่ตรงนี้เค้าไม่ได้บังคับให้ใครมาอ่านไม่ใช่เหรอค่ะ
คนที่อ่านอาจเป็นความชอบส่วนตัวของเค้า คุณไม่ชอบก็ผ่านได้มั๊ยค่ะ
จะ In อะไรนักหนา คนที่เค้ามาอ่านนี่ได้ก็น่าจะมีการศึกษากันทั้งนั้น
คงมีสติ ปัญญา ที่จะเลือกเสพเองได้ คงไม่มีใครหลอกใครได้หรอกค่ะ
ถ้าตรงไหนดีเค้าก็รับ ตรงไหนไม่ดี เค้าก็อ่านเพื่อรู้ไว้ ไม่ใช่ว่าจะคล้อยตามไปทุกอย่าง
เค้ามีสติพิจารณาเองค่ะ .... สงสัยที่ตรงนี้กำลังจะโดนองค์มารทดสอบ สู้สู้น่ะค่ะท่านผู้แปล ยังอยากอ่านต่อค่ะ นิยายเรื่องนี้ยังไม่จบ รบกวนอย่าพึ่งนับศพทหารน่ะค่ะ

 

ถูกต้องหมดทุกคนนั่นแหละครับ อย่าไปเถียงกันเลย
ใครอยากโพสต์อะไรก็ตามสบายเลยนะครับ
คนอ่านเขามีวิจารณญาณของเขาเองอยู่แล้วหละครับ
ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง หรือ ต้องไปอธิบายอะไรเลย
แบบนั้นหนะ มันไม่ใช่ reality ของผมอีกต่อไปแล้ว
..อิอิ..

(kiss)(kiss)(kiss)(kiss)

..................................................

 

/\
/\
เปลี่ยนไปเยอะเลย อิอิอิ (^^)

 

ทำเป็น VDO มาฝากเพื่อนๆครับ
สำหรับพวกเราที่นี่แล้วคุณชยุตน่ารักเสมอ ^-o
​

http://youtu.be/n0Fmkpa8gGk​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=n0Fmkpa8gGk&feature=share&list=UUahlYE0cPA4FUhj_iiig5Vg"]????????????????? HILARION 7-14 july 2013 - YouTube[/ame]

 

มาดู Crop Circle ใหม่ๆ ของเดือนนี้กัน ลองแปลกันดูมั้ยคะ
อันที่เป็นกลมๆ น่าจะหมายถึงความสั่นสะเทือน vibration หรือเปล่า

 

จริงๆแล้ว ผมคิดว่าก็ถูกทั้ง2แนวทางน่ะครับ ทั้งแนวของคุณMaster class และแนวstarseeds ของคุณชยุฒ เพราะเท่าที่ผมทราบมา จิตวิญาณจะมี2พวกด้วยกัน คือ
1.พวกที่มาจากแดนสุญตาโดยตรงคือแนวของคุณMaster class มาเกิดบนโลกมนุษย์ประมาณไม่เกิน60000ปีโลก จิตวิญญาณพวกนี้ยังค่อนข้างจะมีประสปการณ์น้อยมาก
2.พวกที่มาเกิดบนโลกหลายยุคแล้วคือพวกstarseedsแนวของคุณชยุฒ แม้แต่ยุคแอตแลนติส ก็ผ่านมาแล้ว และไปๆมา สลับการเวียนว่ายระหว่าง ดาวเคราะห์โลกกับดาวลูกไก่
จิตวิญญาณพวกนี้จะมีประสปการณ์ที่โชกโชนกว่าพวกแรกเยอะ

พวกแรกนี่จะค่อนข้างตื่นรู้ยากกว่ามาก และก็มีเยอะมากด้วยในขณะนี้ สังเกตุดูพวกนี้ไม่ยากครับ ในขณะที่โลกมีการยกระดับทางพลังงาน พวกนี้หลายคนยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ กินเหล้า เที่ยวเตร่ เฮฮา สนุกสนานไปวันๆ

ส่วนจิตวิญญาณพวกหลัง จะมีการสำนึกรู้และปรับเปลี่ยนตัวเองที่เร็วกว่ามาก เพราะจิตวิญญาณที่มีประสปกาณ์ และการมาของพวกที่2 ก็คือจุดประสงค์กก็คือจะมาช่วยพวกประภทที่1ด้วย เพราะพวกประเภทที่1 เหลวไหลในการทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณ ตกบททดสอบทางจิตสำนึกในบทเรียนโลกกันเยอะ

เพราะฉะนั้นพวกประเภทที่1 เรื่องที่จะให้ไปให้ไปช่วยคนอื่น ไม่ใช่ว่าเขาจะเห็นแก่ตัว แต่ก็คงจะต้องเอาตัวเองให้รอด พยายามทำให้จิตวิญาณของตัวเองเข้าให้ถึงพระเจ้าให้ได้ซะก่อน เรื่องจะให้ไปช่วยคนอื่นนี่เลิกตั้งความหวังกับพวกเขาจะดีกว่า

ส่วนพวกประเภทที่2 พวกstaseedsแนวของคุณชยุฒนี่ เขาเก่งมากเลยครับ หลายๆคนในตอนนี้ในขณะที่โลกกำลังยกระดับอยู่นี้ หลายคนเชื่อมต่อกับตัวตนภาคแรกของตัวเองได้บ้างแล้ว บางคนก็สมบูรณ์แล้วด้วย

เท่าที่ผมทราบมาจากสัดส่วนของประชากรโลกทั้งหมด พวกที่1 จะมากกว่าพวกที่2 อยู่ในอัตราส่วน 30:1

 

ขอบคุณ คุณชยุตค่ะ ทุกบทความที่แปลให้อ่าน

 

เสียงไพเราะมากค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

ความรู้ทุกอย่างล้วนแต่มีประโยชน์ จะหาด้านลบไปทำไม
ความคิดเห็นก็คือความคิดเห็น ^____^
เนอะ คุณชยุต >_-
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ
ใครจะทำอะไรก็ได้ แค่อยู่ในกรอบของความดี แค่นี้ก็วิเศษแล้ว
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่แปลมาให้ได้อ่านนะคะ เป็นประโยชน์มากค่ะ
และยินดีกับทุกคนที่ร่วมเดินบนเส้นทางแห่งความสุขนี้
ด้วยความรักค่ะ ^___________^

 

เนื้อหา ของ Master class นั้นดีมาก เน้นหาพระเจ้าภายใน รัก ตัวเองให้เป็นก่อนอันดับแรก เน้นหาพระเจ้าภายในให้เจอ ขุดให้ลึกจะพบตาน้ำประมาณนั้น แต่คิดว่าเมื่อเราพบพระเจ้าภายในแล้ว พระเจ้าภายใน น้ำพระทัยท่านล้ำลึกยิ่งนัก คงไม่สอนให้เราเห็นแก่ตัว เอาตัวเองรอดคนเดียวเป็นแน่ คิดว่า สุดท้าย หากจิตสำนึกของพระเจ้าในจิตมนุษย์อันแท้จริงแล้ว คงสำแดงวิถีในความเป็นหนึ่งเดียว นั่นคือความรักที่มีต่อทุกสรรพสิ่ง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่เน้นชาติตระกูล หรือระดับชั้นทางสังคม แต่รักก็คือ รัก เพราะทุกสิ่งอย่างในจักรวาลไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีชีวิต หรือไม่มีชีวิต ล้วนแล้วแต่เป็นอณูของพระเจ้า

เนื้อหาดี แต่แตกต่างกันที่มุมมอง การตีความ แยกแยะ และการนำไปใช้

 

ข้อความที่พวกเราแปลกันมาร่วม 4 ปีนี่ ก็ไม่มีข้อความไหน
ที่บอกว่าให้เราไปหาพระเจ้าจากภายนอกนะครับคุณ dalink
และที่ผมไม่อธิบายแบบนี้ตั้งแต่ต้น ก็เพราะว่า
ถ้าใครสามารถเข้าถึงพระเจ้าที่อยู่ภายในตัวเองได้จริงๆแล้วหละก็
ก็คงจะเหมือนกับที่คุณพูดมานั่นแหละ..

เพราะฉะนั้นแล้ว ผมถึงบอกว่า การพยายามอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ
หรือการไปโต้เถียงกับใครเรื่องพวกนี้นั้น
มันไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง หรือ reality ของผมอีกต่อไปแล้ว
เพราะว่าถ้าใครที่ติดตามอ่านมาตลอด เขาก็คงจะรู้ด้วยตัวเองแล้ว
อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ อิอิ..ดังนั้น จึงไม่มีอะไรน่าห่วงเลย

(kiss)(kiss)(kiss)(kiss)(kiss)
.....................................................

 

เก็บเนื้อที่เอาไว้โพสต์สิ่งที่มีประโยชน์ดีกว่าเน๊าะ
แต่ช่วงนี้ ผมยังไม่ได้แปลข้อความอะไรเพิ่มเติมเลย
ดังนั้น ก็ปล่อยให้กระทู้มันตกไปตามธรรมชาติของมันก่อนก็แล้วกันนะครับ

และถ้ามีอะไรคืบหน้า ค่อยว่ากันใหม่นะครับ
..........................................

 

อยากสื่อกับท่านผู้อ่านและคุณชยุตว่า ตรงท่อนที่ว่า

เนื้อหาดี แต่แตกต่างกันที่มุมมอง การตีความ แยกแยะ และการนำไปใช้ ข้อความนี้ไม่ได้หมายความถึงเนื้อความแปลของคุณชยุตนะ

แต่ถ้าทำให้สับสนขออภัยด้วยค่ะ