ปัญหาที่ว่ามีผีจริงไหม?

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 11 มิถุนายน 2013.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    แต่ก่อนที่ท่านพระอาจารย์มั่นและพระอาจารย์เสาร์ ยังไม่ได้ผ่านไปอบรมสั่งสอนพอให้รู้เรื่องดีเรื่องชั่วเรื่องผีเรื่องคน เรื่องบุญเรื่องบาปบ้าง ภาคอีสานทั้งภาคเป็นภาคที่นับถือผีอย่างเป็นชีวิตจิตใจจริง ๆ จะทำนาทำสวนปลูกบ้านสร้างเรือนอะไร ๆ แทบทั้งนั้น ต้องลงเลขลงยามหาวันดี เดือนดี ปีดี หาฤกษ์งามยามดี และเซ่นสรวงวิงวอนผีให้เห็นดีเห็นชอบก่อนถึงจะลงมือทำอะไรลงไปได้ ไม่เช่นนั้นหากมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น เช่น ไอบ้างจามบ้างตามธรรมดาธาตุขันธ์ แม้แต่สุนัขก็ยังมีได้เป็นได้ แต่เป็นต้องหาว่าผิดผีเข้าแล้ว ต้องไปเชิญหมอมาทำนายทายทักให้ในทันทีทันใด หมอสมัยนั้นก็เก่งจริง เก่งกว่าหมอสมัยนี้เป็นไหน ๆ เป็นต้องทายเปาะออกมาว่าผิดผีตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้างทันที เมื่อไปบวงสรวงแล้วจะหาย หวัดก็หาย จามก็หาย ไอก็หาย แม้ผู้เป็นจะยังไอยังจามฟิก ๆ แฟก ๆ อยู่ก็ตาม ถ้าหมอสมัยนั้นว่าหายแล้วก็หายไปตามและสบายใจไปเลย ทั้งที่ไอและจามฟิก ๆ อยู่นั้นแล ฉะนั้น จึงกล้าเขียนว่าหมอสมัยนั้นเก่งจริง และคนไข้สมัยนั้นเก่งจริง หมอบอกอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ไม่ต้องสนใจหาหยูกหายามารักษากัน เอาหมอกับผีมาเป็นยารักษาเป็นหายเรียบไปเลย

    แต่พอท่านอาจารย์ทั้งสองผ่านไปและอบรมสั่งสอนอย่างมีเหตุผล เรื่องบ้าผีแลบ้าหมอทายผีก็ค่อยจางลงจนแทบไม่มีเลย แม้หมอเสียเองก็ยอมรับพระตรสรณคมน์ คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แทนการถือผีไหว้ผีต่าง ๆ แต่บัดนั้นเป็นต้นมา ทุกวันนี้แทบจะไม่มีใครทำกันก็ว่าได้ เวลาเที่ยวไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ทางภาคอีสาน ไม่ค่อยโดนและเหยียบผีและเหยียบเครื่องสังเวยผีเหมือนแต่ก่อน นอกจากเขาจะพากันไปทำอยู่ใต้ดิน ซึ่งสุดวิสัยที่จะไปเที่ยวซอกแซกเห็น จึงนับว่าภาคอีสานมีวาสนาอยู่บ้าง ไม่พากันกอดคอกันตายกับผีไปตลอดชาติ ยังมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กราบไหว้บูชาแทนผีบ้างในกาลต่อมา ชาวอีสานที่ได้รับความเมตตาอนุเคราะห์จากท่านพระอาจารย์ทั้งสองคงไม่ลืมบุญคุณท่าน เพราะเป็นผู้มีพระคุณแก่คนภาคนั้นจนสุดที่พรรณนา ทั้งนี้เขียนตามประวัติที่ท่านเล่าให้ฟัง ส่วนจะผิดหรือถูกผู้เขียนก็ทราบไม่ได้ ในระยะนั้นอาจยังไม่เกิดหรือยังเป็นเด็กอยู่มาก ที่พ่อแม่พานับถือผีเป็นชีวิตจิตใจเหมือนคนทั่วไปก็ได้ จึงขออภัยด้วย

    สมัยโน้น ไม่ว่าการอบรมฆราวาสหรือพระเณร ท่านได้ทุ่มเทกำลังและความสามารถทุกด้านเพื่อให้คนเป็นคนจริง ๆ ท่านเที่ยวไปบางหมู่บ้าน มีนักปราชญ์บัณฑิตประจำหมู่บ้านมาถามปัญหากับท่านก็มี ความว่าผีมีจริงไหมบ้าง ว่ามนุษย์เกิดมาจากไหนบ้าง ว่าอะไรทำให้ผู้หญิงกับผู้ชายเกิดรักชอบกันเองโดยไม่มีโรงร่ำโรงเรียนสอนให้รักชอบกันบ้าง ว่าสัตว์ชนิดเดียวกันตัวผู้กับตัวเมียทำไมจึงเกิดรักชอบกันเองบ้าง ว่ามนุษย์และสัตว์ไปเรียนความรักชอบซึ่งกันและกันมาจากไหน จึงได้เกิดรักชอบกันขึ้นมาบ้าง แต่ผู้เขียนก็จำได้บ้างเล็กน้อยไม่ละเอียดทั่วถึง จึงนำมาลงไว้เท่าที่จำได้ จะถูกหรือผิดประการใดนั้นขึ้นอยู่กับผู้เขียนเอง เพราะเป็นผู้จดจำผิดพลาดคลาดเคลื่อนมาตามนิสัยที่เคยเป็นมาประจำ แม้แต่จำคำที่ตนเคยพูดและเรื่องของตัวที่เคยเป็นมา ก็ยังมีผิดพลาดได้เสมอมาอย่างแก้ไม่ตก จึงไม่สามารถจดจำคำของท่านทุกคำด้วยความถูกต้องได้

    ปัญหาที่ว่ามีผีจริงไหม? ท่านแก้ว่า ไม่ว่าแต่ผีหรือสิ่งใด ๆ ในโลก ถ้าสิ่งนั้นมีอยู่จริง สิ่งนั้นต้องเป็นอิสระไปตามความมีอยู่ของตน ไม่ขึ้นอยู่กับความสนับสนุนหรือทำลายของใครที่ไปว่าสิ่งนั้นมีจริงหรือสิ่งนั้นไม่มี สิ่งนั้นถึงจะมีหรือจะสูญไป แต่สิ่งนั้นต้องมีอยู่ตามธรรมชาติของตน ไม่มีการเพิ่มขึ้นและลดลงตามคำเสกสรรของใคร ๆ ผีที่มนุษย์สงสัยกันทั่วโลกว่ามีหรือไม่มีก็เช่นกัน ความจริงผีที่ทำให้คนเกิดความกลัวและเป็นทุกข์กันนั้นเป็นผีที่คนคิดขึ้นที่ใจ ว่าผีมีอยู่นั้นบ้างที่นี้บ้าง ผีจะมาทำลายบ้างต่างหาก จึงพาให้เกิดความกลัวและเป็นทุกข์ขึ้นมา ถ้าอยู่ธรรมดาไม่ก่อเรื่องผีขึ้นที่ใจ ก็ไม่เกิดความกลัวและไม่เป็นทุกข์ ฉะนั้น ผีจึงเกิดขึ้นจากการก่อเรื่องของผู้กลัวผีขึ้นที่ใจมากกว่าผีจะมาจากที่อื่น

    แต่ผีจะมีจริงหรือไม่นั้น แม้จะบอกว่าผีมีจริงก็ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันกันพอให้เชื่อได้ เพราะนิสัยมนุษย์เราไม่ชอบยอมรับความจริง แม้ไปเที่ยวขโมยของเขามา เจ้าของตามจับตัวได้พร้อมทั้งของกลางและพยานหลักฐานมาอย่างพร้อมมูล ยังไม่ยอมรับตามความจริง แถมยังปั้นพยานเท็จขึ้นหลอกลวงเพื่อหาทางรอดตัวไปจนได้ โดยไม่ยอมรับว่าตัวทำผิด นอกจากถูกบังคับด้วยหลักฐานพยานเท่านั้นก็ยอมรับโทษไป ทั้ง ๆ ที่ใจจริงและกิริยาที่แสดงออกไม่ยอมรับว่าตัวผิด เวลาไปเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำแล้ว มีผู้ไปถามว่าคุณทำผิดอะไรถึงต้องมาติดคุกและเสวยกรรมอย่างนี้ นักโทษคนนั้นจะรีบตอบเป็นเชิงแก้ตัวทันทีว่า เขาหาว่าผมขโมยของเขาแต่จะยอมรับตามความจริงว่าผมไปขโมยของเขาอย่างนี้ไม่ค่อยมี รายไหนถูกถาม รายนั้นต้องตอบอย่างเดียวกัน นี่คือมนุษย์เราโดยมากเป็นอย่างนี้

    ประวัติท่านพระอาจารย์ มั่น ภูริทัตตเถระโดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  2. พงพัน

    พงพัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +478
    จริงแท้แน่นอน คนเป็นๆนี่แหละตัวปัญหาน่ากลัวกว่าผีเป็นไหนๆ ผีแค่หลอกให้กลัวขอเพียงส่วนบุญ แต่คนหลอกทั้งตัวหัวใจหรือแม้แต่หลอกให้ขายจิตวิญญาณความถูกต้องได้ ดังนั้นผีมีหรือไม่มีไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาอยู่ที่คนทำตัวเป็นผีต่างหากนี่สิน่ากลัวกว่าของแท้
     
  3. puckztales

    puckztales Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +45
    ผมเชื่อว่ามีเพราะเคยพบกับตนเอง
    ครั้งแรก ตอนนั้นนั่งเล่นคอมตามปกติืที่ชั้น2ของบ้าน พี่ก็ลงมาจากชั้น3 ออกไปข้างนอก เล่นไปได้สักระยะ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูแล้วเสียงเดิน [เสื่อน้ำมัน เลยได้ยินเสียงชัดเจน] ก็เล่นไปเรื่อยๆนึกว่าพี่ [เพราะตอนนั้นคิดว่าพี่ยังลงจากชั้น3] ก็เลยตัดสินใจกลัวเป็นขโมยเหมือนกัน แต่บ้านผมชั้น 3 ไม่มีประตูจากภายนอก และชั้นที่ผมอยู่ ชั้น2 เป็นชั้นระเบียงหลังบ้านจะข้างข้างเข้ามาที่ผมเล่นคอมอยู่ ผมไม่ได้ปิดประตูเพราะลมเย็นดี พอเดินไปที่บันไดชั้น 2 ไป 3 ไฟก็ติด ดับๆ[ไม่ได้เปิดสวิตช์ไฟเลยตอนนั้นตอน 5 โมงประมาณนั้น] ก็เลยตะโกนเรียกพี่ ไม่มีเสียงตอบ เลยเป็นไงเป็นกันหยิบไม้กวาดขึ้นไป ค่อยๆย่อง แล้วไปดูห้ิองน้ำว่ามีคนไหม ห้องนอนพ่อ-แม่ พี่-ผม ยันตู้เสื้อผ้า ไม่มีใครเลย ขนลุกซู่ทันที แล้ววิ่งลงมาข้างล่างมาอยู่กับแม่

    ครั้งต่อมา่ สาม สี่ทุ่ม นั่งเล่นคอมกับเพื่อนที่วิทยาลัยที่ห้ิองหุ่นยนต์ เล่นๆไปก็ปวดฉี่ไปเข้าห้องน้ำ ประตูห้องน้ำจะหันหน้าเข้ากระจก ผมเข้าห้ิองนั้นแหละ เพราะมันใกล้สุด ฉี่เสร็จออกมา ก็ตะลึง กึ่งกลัวกับภาพที่เห็น มันแบบแป๊บเดียวจริงๆ เป็นภาพผู้หญิงผมยาวรุงรัง เห็นครึ่งตัวบน ขอบห้องน้ำ เอามือเกาะประตูห้องน้ำไว้ ผมเห็นผ่านกระจก ตกใจอีกเหมือนกัน รีบวิ่งไปหาเพื่อนที่ห้องนั้น

    รอบต่อมาก็หน้าห้องที่ผมเล่นคอม แต่คราวนี้เห็นกัน 4 คนเลย มีคนเดียวไม่เห็น หันไปพร้อมกันหมด ชึ้ง ภาพคนลอยผ่านหน้าห้องคอม ไปต่อหน้าต่อตา ผมด้วยความที่อยากรู้คนหรืออะไร วิ่งออกไปดู ไม่มีใครสักคน ก็คุยกับเพื่อนทีหลังอย่ากลับดึกกันนะ T_T

    ตอนนี้ผมมาฝึกงานกรุงเทพ มาถึงกรุงเทพก็หาที่พัก กะจะไปอยู่กับเพื่อนหน่อย ก็นั่งรอ ตั้งแต่ ตี 4 ยัน หก 6 เพราะห้องพักเต็ม 11 โมงเขาจะเช็คออก แล้วจะว่างให้เช่า ก็หันไปที่ถนน สักระยะ เป็นภาพผู้ชายเสื้อยามสีฟ้า ยืนกลางเลนส์ถนน โดยที่มีรถผ่านไปมา สรุปได้เลยว่า้เป็นอะไร ส่วนเรื่องนี้ไว้คุยกับเพื่อนวันต่อมา

    วันนั้นเกิดอยากซื้อเสื้อผ้าขึ้นมาเลยไปสำโรงกับเพื่อน เดินๆไปไม่มีเสื้อถูกใจ [ผมแต่งตัวต้องเรียบร้อย ดูดี แนวผมประมาณนี้] ขากลับก็ไปหารถตู้ สำโรง - บางนา ก้เจอคันหนึ่งเดินผ่านไป คนนั่ง สี่ ห้า คน หญิงแก่กลางคนผมหยิก ร่างท้วม นั่งถือกระเป๋ามองตรง นั่งริมติดหน้าต่างรถ หญิงวัยรุ่นกลางคนนั่งกดโทรศัพท์มือถือด้านตรงข้ามป้าแก ผู้ชายคนหนึ่งมองมาทางผม ในรถก็บอกเพื่อนว่า คนเยอะหาคันอื่น เดินต่อไปสัก 3 4 ก้าว เพื่อนบอก ไหนคนอ่ะ ไม่เห็นมี ผมเลยเดินกลับมาดู ไม่มีคนสักคนเลย ก็เลยได้ขึ้นรถคันนั้น แต่ก็มีป้ามาบอกว่า รถคนนี้ไม่ได้ไปบางนา ก็เลยลงจากรถ ไปรถสองแถวแทน -*-
     
  4. Anti-God

    Anti-God เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +377
    เคยเห็นเมื่อตอนเด็กๆราว4ขวบ เป็นคนเดินตามพี่ชายมา ใส่เสื้อสีขาวกางเกงดำ
    แต่พอจะเดินถึงชายคาบ้าน คนๆนั้นกลับเดินเลี้ยวลงไปในคูน้ำ (เหมือนร่องน้ำตามสวนมะพร้าว) แล้วหายไปเฉยๆต่อหน้าต่อตาซะงั้น แต่ด้วยความที่ยังเด็กเลยไม่รู้ว่าคืออะไร ไม่เห็นเหมือนผีในทีวีเลยนี่นา พอโตขึ้นถึงได้รู้ว่านั่นคือ กายจิตวิญาณ
     
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    แม้แต่แมวหมานี้ก็เป็นผีได้คะ แต่คนจะไปถ่ายรูปติดผีมนุษย์เสียส่วนใหญ่
     
  6. mukeiei

    mukeiei สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +7

แชร์หน้านี้

Loading...