เรื่องเด่น วิธีบวชได้ตลอดชีวิต

กัลยาณชนใด ที่มีจิตลิง มุ่งใฝ่ตามปราถนา น่าจะนำปฏิปทานั้น มาใช้งานได้อย่างเหมาะสมตามสภาวะกาล

 

คน ก็ช่างไป แคะกระทู้นี้มา..คงเห็นข่าว นาย มิตซูโอะ เควสโก..ที่ กุ๊กกิ๊ก กะ แฟนสาว....

จะว่าไป มันเรื่อง โลกียะสุข..ที่ละไม่ขาด.....ของเขา...ยังดีที่เขา ไม่มีข่าวเสื่อมเสีย ก่อนลาสิกขาบท....แต่สิ่งยืนยันได้คือ เขาคงรักกันมาก่อนจะสึกแล้ว.....เพราะบวชมานาน 38 ปี..คงไม่ใช่แฟนเก่า ก่อนบวชแน่ๆ.....

สิ่งที่ น่าเสียใจ คือ....นาย มิตซูโอะ เควสโก เคยเขียนตำรา อาณาปาณสติ 16 ขั้น..อธิบายธรรมากมายเรื่องอาณาปาณสติ...ยังคิดว่า เขาคงเข้าถึงแก่น แห่งธรรม ที่เขาเขียนบ้าง..แต่ ที่ไหนได้ ผล ออกมาอย่างที่เห็นกัน...แพ้ หญิง ที่คิดว่าสวยงามจนได้...
ก็ ขอให้ ชื่นมื่นกันให้ตลอดไป เพราะ เขาได้ตัดสินใจแล้ว ที่จะครองคู่กัน...

หาก นายมิตซู....เข้าถึงแก่นธรรมจริง เรื่องการ ฝึกสติ จะไม่มีทาง สึก เลย...
เพราะ ผู้ เข้าถึงการฝึกสติ..จิตจะแยก ชขันธ์ได้ แน่ เห็น ตนเองไม่ใช่ ตน...
วางกะโหลก วาวงกระดูกตนได้ ไม่ตื่นเต้นเลยเมื่อ เห็นสาวงาม..อาจจะ
มีอาการ หวิวๆบ้าง เมื่อพบสาสงามและสาวงามนั้นๆ ได้ มาเสวนาด้วย แต่พอ
สติเกิด ปั๊บ สาวงามมันตาย ไป ต่อหน้าต่อตาเลย ใจวางเฉย ไม่กะเพื่อมเลย
ดูหนังโป๊...จิตก็คึกไปคึกมา..แต่ไม่ เกิด ตัณหาในการ สานต่อ การเห็นหนังโป๊เลย

พอลุกจาก หนังที่ดุ ตรงหน้า ใจก็ สงบวางได้ไม่ได้อาทรหรือ เกิดการดิ้นรนใดๆเลย

การฝึกสติ แท้ๆ..จิตมีกำลังจริง...ลองดูได้..
คนที่เข้าถึงแก่น แห่งสติ แท้ๆ..มันคล้ายๆมีกลไก
ในตัวเอง 2 คน หรือ 2 อาการ ไม่ได้มีอาการเดี่ยวๆ
เหมือนสมัยยังไม่รู้จักสติ แท้ๆ....

สติ แท้ๆ ..คือ....การ รู้ทัน กาย และ การรู้ทันใจ เนืองๆ ที่รู้แบบทันต่อ ภาวะที่เกิดเสมอๆลองหัดกันดูได้..ง่ายๆ..มในสติปัฎฐาน 4 แล้ว.....ลองกันได้ ง่ายๆ แค่รู้เฉยๆทันที...

เจริญในธรรม....

 

ท่านรีด โยงไปถึงโน้นเลย เขาอาจจะไม่คิดอะไรก็ได้ ก็หาทางพ้นทุกข์เหมือนเราๆ นี้่ล่ะ นะ

 

จะบวชทนๆก็เรียนรู้ชีวิตให้พอ มันอิ่ม มันเต็มละ ไม่เอาแล้วนั่นละ มันเห็นโลกตามจริง
ทีนี้พอพิจารณาด้วยหลักไตรลักษณ์ เห็นด้วยจิตที่มีกำลังสมาธิก็จบ

ไปกด ข่ม ฝืน สึกมาแก่ๆไม่มีแรงนะ ตอนหนุ่มๆใช้ชีวิตให้คุ้มซะก่อน ไอ้เสือทั้งหลาย
ขนาดคนเจ้าชู้มีแฟนเยอะๆ พอสัก 40 ปลงหมดแล้ว เห็นทุกข์กันจริงๆ

 

ยากจัง ไม่รู้ชีวิตนี้จะมีบุญได้บวชอีกรึเปล่า

 

ข่าวตอนแรกบอกว่าท่านสึกเพราะสุขภาพ ท่านพูดไม่หมด หรือ พูดไม่จริง

 

รบกวนผู้รู้ ด้วยครับ สำหรับคำเเปลข้างล่างครับ

ขุนทรีย์..... โสตินทรีย์....

ฆานินทรีย์... ชิวหินทรีย์...กายินทรีย์... มนินทรีย์

 

...............................................................
เห็นจริงตามครับ แต่พยายามมองให้เป็นเรื่องธรรมดาของกรรมส่วนบุคคล ขออนุโมทนาสาธุการขอรับ

 

จักขุนทรีย์.....= จักขุ+อินทรีย์ ตา
โสตินทรีย์....= โสต+อินทรีย์ หู
ฆานินทรีย์...= ฆาน+อินทรีย์ จมูก
ชิวหินทรีย์...= ชิวหา+อินทรีย์ ลิ้น
กายินทรีย์...= กาย+อินทรีย์ กาย
มนินทรีย์....= มน+อินทรีย์ ใจ

คือ อายตนะภายในนั่นเองค่ะ

 

ผมคิดอยู่ในใจนะ ว่าถ้าเกษียณ แล้วอยากบวชสักปี เอาแบบ เต็มที่แบบพระภิกษุในสมัยพุทธกาล ก็อย่างที่ท่านอธิบายต้นๆแหละ ว่า ต้องมีศิลสัมปทา อินทรีย์สังวรณ์ สติปัฏฐานสี่ ทำองค์ฌาณให้เกิด พิจารณา ความเป็นไตรลักษณ์ ของสังขาร เพื่อให้เกิดความรู้ชัดถึงระดับญาณ ให้เกิดวิปัสสนาญาณ ถือธุดงค์วัตร ไม่รับนิมนต์ไดๆทั้งสิ้น
ผมอยากท่านผู้รู้ว่า มีวัดใหนเข้าเกณ ที่จะให้กุลบุตร ออกบวชไปปฏิบัติได้

 

การลาสิกขา เกิดได้ด้วยหลายปัจจัย

แต่การตั้งเจตนาไว้ตั้งแต่ต้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการบวชของเราในปัจจุบันมีหลายเหตุผล ทั้งนี้ก็อยู่ที่การตั้งเจตนาไว้ตั้งแต่ต้น

โดยส่วนมากพระอริยะหลายรูป ที่บวชไม่สึก เพราะว่า ท่านตั้งเจตนาไว้ชัดเจนแล้วตั้งแต่ต้น โดยลึกๆแล้วท่านจะตั้งใจคือเอาชีวิตที่เหลือมอบให้พระศาสนาแล้ว คือเอาชีวิตถวายให้แล้ว จึงไม่สามารถหรือกล้าคิดในเรื่องที่ผิดศีลผิดวินัย เมื่อไม่กล้าคิด ก็จะไม่กล้าทำหรือกล้าพูดอะไรใดๆที่ผิดออกไป
ทุกพระองค์ล้วนถวายชีวิตด้วยการตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์

แต่ทว่าเวลาเจอวิบากกรรมหนักเช่นนี้ให้ผล คำถามคือจะสู้กับมันอย่างไร
1 ต้องสู้ด้วยปัญญา เพราะมีดวงตาเห็นสัจจธรรมชัดเจนแล้ว จึงหลุดพ้น เพราะรู้ดีว่า สรรพสิ่งล้วน ไม่สวยงาม ยั่งยืนคงทนอะไร ทุกอย่างมีความเสื่อมไปเสมอเป็นนิจ จะเอาตนเข้าไปเกลือกกลั้ว เพื่ออะไร และทุกข์จะเกิดขึ้นต่อเนื่องกับตนอย่างไร

2ต้องสู่ด้วยจิตที่เคยตั้งเจตนาไว้แล้วว่าจะมอบกายถวายชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา แล้วจะกลับคำพูดอย่างนั้นหรือ

3ต้องสู้ด้วยจิตที่เคยตั้งเจตนาว่าจะมอบการถวายชีวิตเพื่อความบริสุทธิ์แห่งศีลและวินัยของตน แล้วจะกลับคำพูดได้อย่างไร

หากยึดมั่นในเจตนาและมีปัญญามากพอ ย่อมผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้ ครับ สาธุ