ว่าด้วยเรื่องของศีลข้อที่สาม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย aprilsf, 25 มิถุนายน 2013.

  1. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ตัณหา ราคะ ไม่เกี่ยวกับอายุครับ บางคนอายุเฉียดๆโลง ยังตะบี้ตะบันกามาก็มีออกเยอะแยะไป
    เรื่องทุกเรื่อง"กรรม"เป็นประธาน..

    หากสามีคุณสร้างกรรมมาดี คงไม่เจอผู้หญิงแบบคุณ.(ขอออกความเห็นสั้นๆพอ)
    ปล.ให้อโหสิกรรม ต่อทุกคำพูดของผมด้วยนะครับ สาธุ
     
  2. peangboon

    peangboon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +50
    ดิฉันคิดว่า คุณกำลังมีจิตที่ขุ่นมัว จิตที่คิดถึงแต่คนรักเก่าและจะชอบเปรียบเทียบความรู้สึกทางเพศ(ที่เราชอบ)ที่ได้รับจากแฟนเก่าเทียบกับสามีคุณ และสรุปให้ตัวเองเสมอว่าฉันชอบรสที่แฟนเก่ามอบให้ และก็สับสนตัวเองว่าจะทำอย่างไรดี จะเลิกติดต่อก็ไม่ได้ เพราะเราชอบ จิตที่ไม่นิ่งมักจะไหลไปหาสิ่งที่ชอบค่ะ และกิเลสต่างๆ ยิ่งเป็นทางที่ทำให้จิตชอบไหลไปหาและไปขลุกอยู่ตรงนั้นค่ะ

    แนะนำให้เจ้าของกระทู้ยังไม่ต้องตัดสินใจอะไร หรือคิดถึงเรื่องบาปอันใด แต่ขอให้เจ้าของกระทู้ลองตั้งสัจจะกับตัวเองว่า จะเริ่มสวดมนต์ทุกวัน และอาราธนาศีลห้า พร้อมทั้งปฏิบัติจริงและงดการติดต่อกับแฟนเก่า ชั่วคราวเท่าที่จะทำได้

    เมื่อจิตเราสงบลง นิ่งขึ้น โหยหาเรื่องตัณหาน้อยลง เราจะสามารถใช้สติในการตัดสินใจมากขึ้นค่ะ และความดีต่างๆ ที่สามีคุณมีก็อาจจะเริ่มเข้ามาวนเวียนในความคิดของคุณ เพื่อให้คุณได้พิจารณาในคำตอบที่คุณต้องการค่ะ

    ดิฉันไม่ได้ดีหรือเป็นผู้ทรงศีล อันใด ดิฉันเป็นผู้หญิงที่ผิดศีลข้อ 3 และรอรับผลกรรมค่ะ
    จึงเข้าใจความรู้สึกของคุณดีค่ะ
     
  3. aprilsf

    aprilsf Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +41
    อายุเรากับแฟนใกล้ๆกันคะ ไม่ห่างกันมาก ขอบคุณทุกคำแนะนำนะคะ ดีใจที่ได้เกิดมาเจอศาสนาพุทธ และ บอร์ดนี้
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ

    แนะนำให้หย่าขาดจากกัน เจรจากันให้ดีๆ
    ต่างคนต่างไปในทางของตนเองอย่างเรียบง่าย

    เพราะวันนี้ "สมชีวิตตาธรรม๔" ของทั้งสอง
    มันไม่เท่ากันแล้ว ก็อยู่ยากครับ

    ถ้าตัดไม่ขาดและขืนนอกใจอยู่อีก
    ก็ต้องไปเสวยบาปในอบายภูมิ นั่นแหละ ครับ
     
  5. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    น่ายินดีที่ท่านจขกท เกิดศรัทธาดีใจที่ได้พบพระพุทธศาสนา เพราะศาสนานี้สามารถนำปัญญาให้เกิดแก่ท่านได้แน่ หากท่านขวนขวายใส่ใจในการสดับรับฟังข้อธรรมเนืองๆ..

    เพื่อนๆในที่นี้ล้วนปรารถนาช่วยชี้แนะหนทางที่ปลอดภัยแก่ท่าน พยายามจะดึงฉุดท่านออกจากหล่มหายนะ เพราะเห็นรูปการณ์อันน่าหวาดสยองแล้ว บัดนี้ ท่านพึงสำนึกได้ในสิ่งที่พลั้งพลาดไปเสีย แล้วตั้งปณิธานขึ้นให้มั่นคงว่า แม้จะตายเพราะไม่ได้เสพเพศรส จะไม่ยอมล่วงศีลอีกเป็นอันขาด ..ยังหิริโอตัปปะของตนให้ตั้งขึ้นแข็งแรงได้เป็นปรกติย่อมมีกำลังขวางกระแสตัณหาที่รุนแรงได้..

    ความสำนึกผิดได้จะเป็นเครื่องช่วยบรรเทาความหนักหนาสาหัสของบาปที่ทำไว้แล้ว ทั้งการตั้งตนไว้ด้วยปณิธานเช่นนี้ย่อมเป็นคุณเครื่องที่จะปกป้องคุ้มกันตนไว้จากบาปกรรมและผลอันเผ็ดร้อนได้ด้วยดี..

    เราทั้งหลาย ต่างเคยทำผิดบาปมาด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นคนดีหรือชั่วตลอดเวลา..แต่เมื่อทราบว่าตนทำผิดพลาดพลั้งไปแล้ว สามารถสำนึกได้ แลคิดแก้ไข บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญความเจริญเฉพาะตนย่อมปรากฏได้ต่อไปทั้งในทางโลกและทางธรรม...

    เมื่อเรายังต้องเกิดมา ก็เพื่อแก้ไขสิ่งที่เคยผิดพลาดมาแล้ว การสั่งสมสันดานที่ชั่วหยาบควรยุติลงเพื่อการใส่ใจสั่งสมอุปนิสสัยในการมีชีวิตที่มีศีลเป็นฐานรองรับ...หากไม่มีศีลเสียแล้วย่อมนิยมเบียดเบียนตนและคนอื่นได้ไม่เว้น การเบียดเบียนกันเป็นปรกติวิสัยของสัตว์ในอบาย..เราคงไม่ประสงค์จะเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์เหล่านั้น ท่านจขกท พึงมีความอดทนอดกลั้นแก้ไขตนให้พ้นอบายเถิด ไม่มีใครทำร้ายทำลายเราได้มากเท่ากับการที่ตนทำร้ายทำลายตนเองเลย....

    เมื่อมาเกิดในอัตภาพมนุษย์ ก็มาด้วยบุญที่ตนทำไว้ด้วยดียิ่ง ครั้นจะไป ก็ไปตามกรรมที่ตนทำเช่นกัน..ใคร่ครวญให้มากว่าบัดนี้ เราขวนขวายทำกรรมใดอยู่ ทั้งกายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม..กรรมเหล่านั้นเป็นบาปหรือบุญ เป็นส่วนมาก..ก็ย่อมสามารถพยากรณ์ตนเองได้ตามจริงว่าคติที่จะมีมานั้น ไปทางใด..

    ขอความมีปัญญารักษาตนไว้ในทางที่เกษมสวัสดีพึงปรากฏแก่ท่านจขกท โดยเร็วพลันครับ
     
  6. aprilsf

    aprilsf Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +41
    ขอขอบคุณนะคะ กับคำแนะนำดีๆ จะอ่านหลายๆรอบไว้เตือนตัวเอง

    ควรจะสวดมนต์บทไหนบ้างไหมคะ
     
  7. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ผมจะสวดตามนี้ครับ

    http://www.fungdham.com/pray/pray-jaran.html


    .
     
  8. peangboon

    peangboon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +50
    ลองไปหาหนังสือสวดมนต์ที่มีแจกตามวัดดูมั๊ยค่ะหรือจะซื้อตามร้านขายหนังสือก็ได้ค่ะ หรือลองศึกษาบทสวดมนต์ทำวัตรเช้าหรือวัตรเย็นก็ได้ค่ะ สวดบทอื่นๆ ที่นอกเหนือจากนั้นขึ้นอยู่กับคุณค่ะว่านับถืออะไรค่ะ หรือศึกษาในบอร์ดนี้ก็ได้ค่ะ มีบทสวดมนต์ และเทปเสียงสวดมนต์ให้ศึกษาค่ะ สำหรับเรื่องศีล 5 นั้นในบอร์ดนี้ก็มีความหมายของการทุศีลให้ศึกษาด้วยค่ะ ลองศึกษาดูแล้วเราจะเข้าใจได้ละเอียดขึ้นค่ะ

    การสวดมนต์ หากเราไม่เคย จะเริ่มต้นยากสักหน่อย แต่ไม่นานก็จะสามารถสวดได้อย่างคล่องแคล่วค่ะ

    สำหรับดิฉันวันธรรมดาจะสวดมนต์บทที่ไม่ยาวมาก เลือกบทที่เราชอบ ไม่ฝืนมากไป เพราะอะไรที่ฝืน เราจะไม่อยากลุกขึ้นมาทำค่ะ

    สำหรับวันพระจะสวดมนต์ยาวหน่อย เพื่อจิตเราจะได้ถูกฝึกให้มีความอดทน และไม่คิดฟุ้งออกไปนอกตัวและสนใจแต่บทสวดมนต์เท่านั้น แค่นี้ก็เป็นกุศลกับเราแล้วค่ะ อย่าลืมแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลหลังสวดมนต์ด้วยค่ะ

    หากคุณตั้งใจจะให้ธรรมะเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจ ก็ให้เริ่มทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ปล่อยปลา รักษาศีล สวดมนต์เป็นประจำ เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และให้เกิดกุศลแก่ตนเองและเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองเราอยู่ค่ะ ทำเท่าที่กำลังเราทำได้นะค่ะ อย่าทำอะไรจนทำให้เราทุกข์เพราะจะไม่ได้บุญค่ะ

    หากใจคุณพร้อม ให้สละเวลาชีวิต เพื่อไปนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม เืพื่อให้คุณได้พบหนทางในการเจริญสติ และมีจิตใจที่ผ่องใสขึ้นค่ะ แล้วจะพบว่า ใจที่เป็นสุขด้วยธรรมนั้น สว่างไสว อย่างไรค่ะ ที่แนะนำให้ไปวัด เืพื่อที่จะได้ตัดอารมณ์ที่มากระทบใจจากเรื่องรอบตัว เช่น คำพูดของสามี เรื่องของงาน หรือโทรศัพท์จากแฟนเก่าค่ะ จะทำให้เรานั่งสมาธิได้ง่ายขึ้นค่ะ

    ตอนนี้ดิฉันเพิ่งเริ่มสวดมนต์และนั่งสมาธิอย่างจริงจังทุกวัน ยังไม่รู้ว่าจะทำได้นานแค่ไหนค่ะ โดยดิฉันใช้หนังสือสวดมนต์เล่มเล็กที่ได้แจกมาตอนสมัยวัยรุ่นค่ะ และนั่งสมาธิที่บ้านทุกเช้าค่ะ ดิฉันเคยฝึกการนั่งที่วัดมาบ้างแล้วจึงพอจะรู้วิธีการปฏิบัติบ้าง จึงสามารถนั่งสมาธิที่บ้านได้ค่ะ

    ถามว่าตอนนี้จิตใจเป็นอย่างไร ก็ยังไม่สามารถตัดได้ค่ะ แต่การคิดถึงแบบโหยหามีน้อยลง สามารถประคองจิตไม่ให้แล่นออกไปคิดถึงเรื่องนั้นๆ ได้มากขึ้น และมองโลกได้สวยงามขึ้นค่ะ

    การเริ่มนับหนึ่งใหม่เป็นสิ่งที่ยาก แต่ถ้าไม่เริ่ม เราก็จะจมอยู่กับทุกข์ไม่มีที่สิ้นสุด ให้อภัยต่อตนเอง กับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วเริ่มเลยค่ะ

    ส่วนคุณจะตัดสินใจที่เลือกทางไหนนั้น เมื่อคุณเจริญสติ และมีจิตใจผ่องใสแล้ว สิ่งที่คุณตัดสินใจเลือกนั้น จะไม่ทำให้คุณเสียใจเลยค่ะ

    ......บุญรักษา ขอให้โชคดีค่ะ......
     
  9. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    อนุโมทนาในความตั้งใจที่ดีครับ แม้เพียงได้ทราบความคิดที่จะสวดมนตร์ก็ปลื้มปิติแทนมากเหลือเกิน...

    ขออนุโมทนา ท่านพี่ปอฯผู้เอื้ออาทรมาตลอดด้วยอย่างยิ่งขอรับ..:cool:

    ใคร่ขอแนะนำบทสวดมนตร์ดังต่อไปนี้ครับ...


    บทกราบพระรัตนตรัย
    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)
    สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)


    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ


    ไตรสรณคมน์
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    ศีล 5
    ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ



    อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโตโลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

    สวากขาโต ภะคะวาตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ (อ่านว่าวิญญูฮีติ)

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะ ปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ

    หลังจากบทเหล่านี้ หากประสงค์สวดบทอื่นเพิ่มเติมก็เพิ่มได้เท่าที่ต้องการ...นะครับ


    ใคร่แนะนำบทสวด "มงคลสูตร"ดังนี้ครับ



    เอวัมเม สุตัง ฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม ฯ อะถะโข อัญญะตะรา เทวะตา อะภิกกันตายะ รัตติยา อะภิกกันตะวัณณา เกวะละกัปปัง เชตะวะนัง โอภาเสตวา เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิ อุปะสังกะมิตวา ภะคะวันตัง อะภิวาเทตวา เอกะมันตัง อัฏฐาสิ ฯ เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เทวะตา ภะคะวันตัง คาถายะ อัชฌะภาสิฯ

    พะหู เทวา มะนุสสา จะมังคะลานิ อะจินตะยุง อากังขะมานา โสตถานังพรูหิ มังคะละมุตตะมังฯ

    อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา

    ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ



    ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา

    อัตตะสัมมาปะณิธิจะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ



    พาหุสัจจัญจะ สัปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต

    สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ



    มาตาปิตุอุปัฏฐานัง ปุตตะทารัสสะ สังคะโห

    อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ



    ทานัญจะ ธัมมะจะริยา จะ ญาตะกานัญจะ สังคะโห

    อะนะวัชชานิ กัมมานิ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ



    อาระตี วิระตี ปาปา มัชชะปานา จะ สัญญะโม

    อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ



    คาระโว จะ นิวาโต จะ สันตุฏฐี จะ กะตัญญุตา

    กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ



    ขันตี จะ โสวะจัสสะตา สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง

    กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013
  10. aprilsf

    aprilsf Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +41
    คงทำได้แต่สวดมนต์เพราะไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย ขอขอบคุณทุกๆท่าน ที่สละเวลามาให้คำแนะนำ และให้กำลังใจ ในการเดินออกจากปากเหว ขอขอบคุณจากใจจริงคะ
     
  11. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ขอเสริมสักนิดว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่วัดวาอารามหรือในประเทศถิ่นฐานใดโดยเฉพาะ...จริงอยู่ที่เราอาจพบคำสอนเหล่านี้ได้จากกัลยาณชนในบางที่บางแห่ง แม้ในเว็บเช่นนี้ก็เช่นกัน แต่พระธรรมนั้นคือแนวทางการประพฤติปฏิบัติ"เฉพาะตน" ภายในกายและใจของตนนั่นเอง ไม่ได้ไปทำอะไรที่อื่นนอกตัวเลย..ดังนั้นการประพฤติศีลและธรรมนั้นย่อมทำได้ในทุกที่ทุกเวลา ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเราเองเป็นหลัก


    ในขั้นทาน คือการให้ ก็เกิดจากจิตคิดสละทรัพย์สิ่งของได้ ไม่หวงแหน
    จิตคิดให้ ประกอบด้วยเมตตา กรุณาผู้อื่นจึงสามารถสละทรัพย์สิ่งของที่ตนหวงแหนออกไปได้นี้เป็นกิริยาแห่งบุุญ เกิดจากความฉลาดคิด...ท่านจขกท ได้สละทรัพย์เพื่อสนับสนุนเว็บพลังจิต นี้เป็นบุญอันยิ่ง ขออนุโมทนาด้วยครับ...ท่านจขกท พึงแบ่งปันบุญจากการบริจาคนี้แก่เพื่อนๆด้วย ย่อมได้บุญเพิ่มขึ้นอีก นี้คือการทำบุญอย่างง่ายๆที่มีผลมาก หากท่านจขกท คิดถึงการบริจาคนี้ด้วยความดีใจปลื้มใจเนืองๆ บุญย่อมเกิดได้อีกทุกครั้งที่คิดถึง เรียกว่ามีสติตามระลึกถึงบุญคือการให้ที่ตนทำไว้แล้ว ดังนี้..

    ส่วนศีลนั้น ในขั้นแรกก็ต้องอาศัยสมาทานคือตั้งใจที่จะละเว้นจากการกระทำที่เบียดเบียนตนและผู้อื่นไว้ก่อน เมื่อประสบกับเหตุที่จะทำให้ตนล่วงศีลก็ระลึกได้ว่าตนเคยสมาทานมาก่อน ย่อมยังความละอายชั่วกลัวผลของบาปเวรภัยนั้นให้เกิดขึ้นขวางกั้น จึงละได้ไม่ทำบาป นี้ก็เป็นเรื่องที่ทำด้วยใจของตนนั่นแหละ ไม่ใช่อื่นใดนอกตัว..

    เรื่องการภาวนา สำหรับท่านจขกท บัดนี้ตั้งใจสวดมนตร์ก็นับว่าดีมาก เป็นกุศลเริ่มต้นขั้นภาวนา มีอานิสงค์มาก พึงเจริญให้ต่อเนื่อง ย่อมยังศรัทธาให้ตั้งมั่นในพระพุทธพระธรรม พระสงฆ์..แม้ตายลงขณะจิตคิดถึงพระรัตนตรัยด้วยศรัทธาแล้ว สุคติย่อมหวังได้...

    ขออนุโมทนาในการเริ่มต้นไปบนหนทางใหม่ที่ไม่ห่างพระรัตนตรัย แม้อยู่ไกลบ้่านเกิดขอรับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2013
  12. มณีเมขลา20

    มณีเมขลา20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +446
    ดีใจเช่นกันค่ะที่ได้เกิดมาเจอศาสนาพุทธ และได้เจอพี่ๆเพื่อนๆ ใหนเวปพลังจิตนี้ รู้สึกซาบซึ้งจังค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้กับ aprilsf ด้วยนะคะ ขอให้ผ่านพ้นไปได้นะคะ หนูก็กำลังประสบปัญหานี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่รุนแรงเท่า น้อมรับเอาคำแนะนำต่างๆ ไปปฎิบัติใช้ ขอบคุณนะคะ
     
  13. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    อกุศลกรรม ทำให้มาก ทำสม่ำเสมอ ที่ไปหลังจากละจากภพมนุษยืที่ไปคือ คือ อเวจี
     
  14. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    เป็นวิธีที่จขกท.ควรไตร่ตรองเป็นที่สุด
     
  15. LovePig

    LovePig เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +283
    ชายไทย = มีภรรยาหลายคนที่ยอมรับกันได้
    หญิงไทย = มีสามีหลายคน (ไม่รู้ยอมรับกันได้รึป่าว)

    ชายไทย = มีภรรยาแล้วแอบมีเมียน้อย โดยที่ ภรรยาไม่รู้
    หญิงไทย = มีสามีอยู่แล้ว แอบไปมีสามีน้อย โดยที่ สามีไม่รู้

    ที่ผ่านๆ หลายๆ วัฒนธรรม ชายมีสิทธิมากกว่า หญิง โดยเฉพาะเรื่องเพศ
    การที่ พุทธศาสนามีธรรมมะในการครองเรือน เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความวุ่นวาย จิตใจวุ่นวาย
    ทำให้เกิดการฆ่าฟัน เพราะโมโห ว่าสามีมีหญิงอื่น , หญิงมีชายชู้ และทำให้เกิดบาป และความอาฆาต ต้องเวียนวายตายเกิด ไม่รู้จักจบจักสิ้น

    แต่ว่าถ้าทุกฝ่ายยอมรับกันได้ จิตใจไม่วุ่นวาย ให้อภัยต่อกัน ไม่โมโหอาฆาต และ ทั้ง 3 คนต่างช่วยเหลือ ซึ้งกันและกัน พากันเดินเข้าวัด ปฏิบัติธรรม ถ้าทำได้อย่างนี้ มันจะเป็นบาปรึป่าวครับ
     
  16. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    เรื่องราวทั้งหลายในอดีต มันผ่านพ้นไปแล้ว ความเกรงกลัวต่อบาป และเกรงกลัวต่อผลของการทำบาป มันจะเป็นกำลังและตัวฉุดเราเอาไว้ ... คุณเองก็ยังสำนึกได้เลยเข้ามาตั้งกระทู้ถาม ยังหันหลังกลับทัน ทุกๆท่าน ทุกๆความคิดเห็นได้ตอบไว้ดีแล้ว ชัดเจนแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าคุณ เจ้าของกระทู้จะหักใจทำได้แค่ไหน

    มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญในชีวิตของเราเลย หรือ ถ้ารู้ว่าเขาเป็นแบบนี้คงไม่แต่ง มันคงไม่ค่อยจะใช่ ทุกอย่างมีมาแต่เหตุ เกิดจากเหตุ และส่งผล ... ถ้าคิดได้แล้ว ขอยุติทั้งหมดในชาตินี้กันเถอะค่ะ อย่าต่อให้มันยาวไปอีกเลย ทั้งเขา ทั้งเรา และใครอีกคนนั้น เมื่อมีโอกาสแล้ว ขอขมาต่อกันและกันไปเลยค่ะ
    คงไม่อยากเป็นแบบนี้เรื่อยๆใช่ไหมคะ
    ดิฉันขอเอาใจช่วย ให้คุณก้าวข้ามความเลวร้ายในตัวเองให้ได้นะคะ
    ชีวิตเรา เราเลือกได้นะคะว่าจะทำให้มันดีขึ้น หรือเลวลง

    ขอให้ท่านเลือกทางที่ถูกค่ะ
     
  17. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    บาปมากอ่ะครับ พูดตรงๆไม่มีน้ำเลย
    แต่คนเราสามารถแก้ตัวได้ทุกคนแหละครับ

    ขนาดพระเจ้าอชาติศัตรูยังทำปิตุฆาต ยังได้รับการลดโทษทั้งๆที่ไม่สามารถจะมีได้เลยด้วยซ้ำจากที่ต้องตกนรกอเวจีกลับได้รับการลงโทษชั้นบนเองผมจำชื่อไม่ได้ครับ แล้วท่านก็จะได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต (ตรงสวรรค์ผมอ่านจากที่เขาพิมพ์มา)

    สู้ๆๆครับ พระเทวทัตยังกลับใจได้ พญามารยังกลับใจได้
    ไหนจะสู้คนกลับใจได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ^^

    ----------------------------------------------------

    เห็นเป็นเรื่อง กาเมฯ เหมือนกันเลยขอถามว่า

    แล้วถ้าซื้อบริการทางเพศที่ได้รับอนุญาติทุกๆอย่างแล้วล่ะจะบาปไหมครับ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2013
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    พูดแบบตรงๆ

    ก่อน กิน เสพ กาม ใจที่ถูกปรุงแต่งด้วยรสชาติ ของกายที่มันเคยเสพ มันก็มีสัญญาเก่าก็ดี มันเคยได้รับชมลิ้มลองในรสชาติเหล่านั้น กายมันพอใจชอบใจของมันอย่างนั้น พอมันเกิดการปรุงแต่งในรสชาติที่เคยเสพมาแล้วอย่างนั้น มันก็ปรุงแต่งทะยานกยาก ไปกิน เสพ กาม อีก พอมันเป็นอย่างนี้ อารมณ์ที่ปรุงแต่งเหล่านั้น มันครอบงำจิตใจสำเร็จแล้ว จิตใจก็เลยตกเป็นทาสกลายเป็นบ่าวรับใช้อารมณ์ที่ปรุงแต่งและยึดติดเหล่านั้น
    สุดท้าย จิตใจที่ถูกครอบงำนี้ ก็ไปบังคับ ให้กาย วาจา ที่เป็นบ่าวรับใช้อีกทีต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ กิน เสพ กาม เหล่านั้นอีก กว่าจะได้ กิน เสพ กาม มันต้องทำอะไรตั้งมากมายเหลือเกิน แบกรับภาระอะไรหลายอย่างมากเหลือเกิน เพื่อให้ได้มา ซึ่ง กิน เสพ กาม ตามที่จิตมันถูกครอบงำ

    แต่พอได้ กิน เสพ กาม แล้ว มัน ก็อิ่มของมัน เมื่ออิ่มแล้ว มันก็หยุดลงอยู่อย่างนั้น พอมันหิวกระหายขึ้นมาเมื่อไหร่ ทุกอย่างมันก็ปรุงแต่งทะยานอยาก วกวนกลับมาอย่างนี้อีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชีวิต คน สัตว์ เป็นอย่างนี้ ไม่จบสิ้น ถ้าไม่มีกาย คงไม่ต้องไปทะยานยากอะไรให้กายอีกก็คงดี กิน เสพ กาม มันคงหยุดลง การปรุงแต่งทั้งหลายคงหยุดลง

    เคยเบื่อกันบ้างไหม ที่ต้องทำตามใจ จากเรื่องบ้าๆเหล่านี้ มันครอบงำแล้วทำให้เราต้องทำทุกอย่างจนสุดชีวิตเพื่อสนองความอยาก คิดดีแล้วหรือครับ

    ผ่านมาแล้วช่างมันลืมมันไปคิดเสียว่า เราฝันร้าย อาจเป็นกรรมเก่า แต่แน่ๆคือเราได้สร้าวิบากกรรมไม่ดีให้เกิดแล้ว แค่รอเวลามันให้ผล จงหยุดทำหยุดสิ่งเหล่านี้ลงเสียเพื่อหยุดการสร้างกรรมใหม่อีกต่อไป

    ถามย้ำอีกครั้ง เคยเหนื่อยกันบ้างไม๊ ที่คุณต้องเป็นอย่างนี้
    ทำไมไม่มีชีวิตอยู่เพื่อความดีงามเพื่อความสุขทางใจ ที่มีค่ายิ่งกว่าอะไรใดๆ ครับ สาธุ
    ร่างกายที่เรามีอยู่นี้ มันก็เสื่อมโทรม ชราลงทุกวัน ช่องคลอดเรา รังไข่เรา อันทะเรา อวัยวะเพศเราหรืออวัยวะอื่นๆ น้อยใหญ่มันก็เสื่อมลงทุกวัน ไม่งดงามอะไร การทำงานของอวัยวะทั้งหลายก็เสื่อมลงทุกวัน เราจะไปหลงไหลยึดติดใน กิน เสพ กามให้ได้อะไร คิดให้มากๆนะครับ มองให้เห็นความจริงแล้วจะมีปัญญา คิดได้หยุดได้ครับ
    หากยังหยุดไม่ได้ รู้แล้วทุกอย่าง แต่แพ้ใจตนที่ที่มันถูกครอบงำอย่างนี้ ต้องใช้ไม้แข็งคือต้องข่มต้องบังคับจิตใจของเราให้ได้ ก็อาจจะต้องหาวิธีการดูครับ ว่าจะไปผูกไว้กับอะไร เพื่อบังคับจิตใจไม่ให้ไหลไปกับอารมณ์ปรุงแต่งทั้งหลายครับ จะได้ไม่เป็นทาสของมันอีกต่อไป จบกันเสียที ไอ้เรื่อง กิน เสพ กาม ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2013
  19. aprilsf

    aprilsf Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +41
    ถ้าสวดมนต์แล้วยังคิดโน้นคิดนีิ้ขณะสวดมนต์ จะทำยังไงดีคะ แล้วดูจิตกับนั่งสมาธิ อันไหนควรฝึกดีคะ
     
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==========

    ช่วยตอบครับ
    ถ้าสวดมนต์แล้วยังคิดโน้นคิดนีิ้ขณะสวดมนต์ จะทำยังไงดีคะ

    ตอบว่า หากไม่สามารถบังคับได้เพราะสมาธิยังไม่กล้าแข็งมากพอ ก็แก้ไขได้สองอย่างคือ
    1 ให้พยายามฝึกสมาธิให้กล้าแกร่งยิ่งขึ้น ให้เริ่มต้นด้วยการฝึกสติกำกับอยู่กับสมาธิให้แน่วแน่ตลอด อาจใช้การภาวนาหรือเอาสติตามรู้ลมหายใจเข้าออกก็ได้ครับ พยายามทำดู หากหลุดเมื่อไหร่ก็รีบเอาสติไปที่จุดเดิมที่กำหนดไว้ ทำอย่างนี้ตลอดต่อเนื่อง เมื่อจิตมีสมาธิแก่กล้า ความคิดทั้งหลายก็ดับไปเองจะไม่ผุดออกมากระทบได้ ครับ

    2 ให้เปลี่ยนวิธีใหม่ คือเอาฐานของวิปัสสนามาใช้แก้ไข แต่ก็ต้องใช้สติเป็นตัวแค่ตามดูตามรู้เฉยๆ อย่างน้อยปัญญามันเกิดว่า จิตเรามันคิดเรื่องอะไรบ้างมากน้อยไม่เป็นไร เอาสติตามรู้ไปกับจิตและคอยบอกจิต เมื่อสติตามดูไปมากๆพร้อมกับจิต จิตเกิดการรับรู้และเมื่อสติคอยตามดูและคอยเตือนจิต จิตย่อมเกิด ความรู้ ความเข้าใจ ความเบื่อหน่าย เกิดการยอมรับและปล่อยวาง จิตเกิดปัญญารู้ทันพร้อมสติในที่สุด สมาธิจึงเกิดได้ในที่สุดเพราะเรื่องให้คิดทั้งหลายมันดับลงไปเองด้วยอำนาจของปัญญาของจิตนั้นเองครับ

    ส่วนที่ถามว่า ดูจิตกับสมาธิ นั้นขอตอบว่า ต้องทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไปครับ การฝึกก็ต้องฝึกทั้งสองอย่าง แต่สิ่งแรกที่ต้องฝึกคือการฝึกสติ นั่นเองครับเป็นการฝึกสติในสมาธิและฝึกสติในวิปัสสนานั่นเองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...