สอบถามปัญหามรรคและผล

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สันดุสิต, 25 มิถุนายน 2013.

  1. สันดุสิต

    สันดุสิต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +86
    สติปัฐฐาน 4 กาย พิจรณาดูกาย เวทนา พิจรณาดูเวทนา จิต ตามดูจิต ธรรม พิจรณาขันธ์ 5 เป็นอนัตตา สอบถามว่า ที่กล่าวมาเป็นมรรค แล้วผลจะสรุปลงที่ตรงไหน?
     
  2. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ขอยกตัวอย่าง ๑ บรรพ ทุกบรรพเหมือนกันหมดโดยปริยาย

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกายอยู่อย่างไรเล่า
    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์
    ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า
    เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว
    เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น
    เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น
    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ตลอดกองลมหายใจทั้งปวงหายใจออก
    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ตลอดกองลมหายใจทั้งปวงหายใจเข้า
    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออก
    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายช่างกลึงหรือลูกมือของนายช่างกลึงผู้ขยัน
    เมื่อชักเชือกกลึงยาว ก็รู้ชัดว่า เราชักยาวเมื่อชักเชือกกลึงสั้น ก็รู้ชัดว่า เราชักสั้น
    แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน
    เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว
    เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น
    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจออก
    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจเข้า
    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออก
    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า
    ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายใน กายภายในบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง
    พิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง
    พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง ย่อมอยู่
    อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น
    เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ฯ

    จบอานาปานบรรพ


    ทั้งหมดนี้โดยมากคือมรรค มหาสติปัฏฐานสูตรเป็น แนวทางการปฏิบัติ
    ส่วนผล คือ การไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรๆในโลก
    ที่สุดของทุกบรรพจะลงเหมือนหมด คือ มีมรรค มีผล
    ถ้าเริ่มอานาปานบรรพจนจบจริงๆ ก็จะไม่มีคำถามอะไรมากกับบรรพอื่นๆต่อไป
     
  3. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ในการปฏิบัติทางฌานสมาบัติที่ผมปฏิบัติ ทุกขณะที่เพ่งเข้าที่จุดมโนทวาร ล้วนเป็นสติปัฐฐาน ๔ โดยไม่ต้องเข้าไปพิจารณา
    ๑. ขณะเพ่งจุดเพ่งย่อมเป็นธาตุ ๔ เมื่อเพ่งเข้าก็เป็นกายานุปัสสนา จะพิจารณาหรือไม่มันก็ต้องเป็นอยู่เช่นนั้น
    ๒. ขณะเพ่งเมื่อเกิดเวทนา สุข ทุกข์ ก็เป็นเวทนานุปัสสนา จะพิจารณาหรือไม่มันก็ต้องเป็นอยู่เช่นนั้น
    ๓. ขณะเพ่งเกิดจิตหดหู่ ท้อถอย ฟุ้งซ่าน ก็เป็นจิตตานุปัสสนา จะพิจารณาหรือไม่มันก็ต้องเป็นอยู่เช่นนั้น
    ๔. ขณะเพ่งเมื่อเกิดธรรมมารมณ์ เป็นกุุศลบ้าง อกุศลบ้าง ก็เป็นธรรมมานุปัสสนาอย่างไม่ต้องสงสัย จะพิจารณาหรือไม่มันก็ต้องเป็นอยู่เช่นนั้น
    เมื่อเพ่งฌานขั้นสูงจะเป็นผลให้ความคิดดับ ความคิดก็คือสังขารการปรุงแต่งซึ่งเป็นไปทั้งดีทั้งชั่ว ไปในทางดีเราเรียกว่าสติปัญญา ในทางชั่วเราเรียกว่ากิเลส สภาวะดับแห่งความคิดนี้ละหลวงปู่เรียกว่ามรรค เมื่อความดับคลายออกจะเกิดญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์ ญาณนี้เกิดผุดขึ้นเองนะไม่ใช่คิดเอา คิดไม่ได้เพราะความคิดดับ สภาวะที่เกิดญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์นี้ตรงนี้เป็นผล
    หากดับอย่างเดียวไม่เกิดญาณก็เรียกว่ามรรคอยู่
    หลวงปู่แสดงถึงการดับไว้ว่า
    ระดับพระโสดาบันดับได้ประมาณ ๒ นาทีแล้วเกิดญาณหยั่งรู้อริยะสัจจ์เป็นผู้ได้ชื่อว่าเข้าสู่กระแสนิพพานระดับต้น
    ระดับพระสักกิทาคาดับได้ประมาณ ๓ นาทีแล้วเกิดญาณหยั่งรู้อริยะสัจจ์เป็นผู้ได้ชื่อว่าเข้าสู่กระแสนิพพานระดับที่สอง
    ระดับพระอนาคามีดับได้ประมาณ ๕ นาทีแล้วเกิดญาณหยั่งรู้อริยะสัจจ์เป็นผู้ได้ชื่อว่าเข้าสู่กระแสนิพพานระดับที่สาม
    ระดับพระอรหันต์ดับได้อย่างน้อย ๑ ขั่วโมงขึ้นไปแล้วเกิดญาณหยั่งรู้อริยะสัจจ์วนเป็น ๓ รอบ พร้อมทั้งเกิดวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ เช่นกันทุกพระองค์แต่ยิ่งย่อนกว่ากัน
    การดับที่ไม่เกิดญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์เป็นมรรค เพราะยังไม่สำเร็จกิจ
    การดับแล้วเกิดญาณเป็นผล มีญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์เป็นตัววัดผล สำเร็จกิจเป็นชั้นๆตามระดับ
    หลวงปู่แสดงธรรมว่า ไม่ว่าจะเรียกว่าฌานสมาบัติ หรือวิปัสสนาญาณก็ตาม การปฏิบัติเป็นการเพ่ง ไม่ใช่การพิจารณา การเพ่งก็คือการเพ่งสติปักแน่นที่จุดมโนทวาร ไม่ว่าจะทุกข์ หรือสุข แค่ไหนอย่างไร ก็ให้เพ่งอยู่เช่นนั้น ในพุทธกาลพระพุทธเจ้าให้ไปเพ่งซากศพในป่าช้าให้เป็นกำลังฌานก่อน แล้วจึงมาเพ่งเข้าจุดมโนทวารต่อจนสำเร็จ
    ฌานสมาบัติมีลำดับฌานอยู่ ๙ ระดับ วิปัสสนาญาณก็มีลำดับอยู่ ๙ ลำดับเช่นกัน หรือว่าจะเป็นสติปัฐฐาน ๔ มรรคมีองค์ ๘ วิสิทธิ ๗ ก็หลักเดียวกันทั้งหมดแต่อธิบายไปคนละนัยเท่านั้น ข้างต้นผมอธิบายหลักการเพ่งให้เป็นนัยของสติปัฐฐาน ๔
    ผลคืออะไร ผลก็คือพระนิพพาน หรือเป็นผู้เข้ากระแสนิพพาน การนี้ก็คือการเข้าถึงการดับของความคิด ก็ตัวความคิดนี้ละเป็นเหตุเป็นสมุทัย ก็ให้ดูที่ความคิดของตัวท่านเองก็แล้วกัน ว่าทุกข์ของตัวท่านมันเกิดที่ความคิดหรือไม่ ประกอบกับธรรมที่พระอัสชิสอนพระสารีบุตรก็กล่าวถึงการดับของเหตุไว้ว่า "ธรรมใดๆล้วนเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับ ผลย่อมดับ" หลวงปู่แปลตรงนี้ว่า "กิเลสทั้งหลายนั้นเกิดแต่ความคิดทั้งสิ้น เมื่อความคิดดับกิเลสก็ดับ"
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2013
  4. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    ผลคือผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน ปัญญา
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ผลสรุปลงที่ใจไงครับ.....
     
  6. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    ปลายทางของ มรรคมีองค์ 8 คือ นิโรธ
     
  7. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    การละ วาง ขันธ์5 ลงเสีย ได้
     
  8. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    หากเจริญสติปัฎฐานสี่อย่างต่อเนื่อง ผลจะสรุปลงที่ใจ เข้าถึงความบริสุทธิ์ รู้แจ้งในสัจจะธรรม ละอุปาทานในขันธ์ห้า...ดับทุกข์ได้สิ้นเชิงตามลำดับขั้นแห่งอริยมรรค...
     
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    กามดับได้สนิทในขั้นของพระอนาคามี
    แต่ความรู้สึกเป็นตัวตนยังเหลืออยู่
    ดับสนิททั้งหมดในขั้นอรหัตตมรรค...
     
  10. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ผมเคยดับสองครั้งครับ
     
  11. สันดุสิต

    สันดุสิต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +86
    ฝากดูเรื่องศีลลัพพรตปรามาสด้วยนะ ทำอะไรให้เป็นตัวของตัวเอง อย่าคิดมาก ฟังเพลงบ้าง ทำสมาธิ ไม่ทิ้งการเรียน ถ้าไม่มีตังค์เรียนให้รัฐดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ อย่าใจเสาะ อย่าเฉยโง่ สงสัยให้รีบถาม อย่าแกล้งให้ใจให้เป็นตัวของตัวเอง อย่าให้นายต้องสั่งเข้าใจป่ะ และให้มีความสามัคคี พิจรณาให้รอบคอบ สติ
     
  12. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    " ธรรมเหล่าใดมีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้าตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น

    และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะเจ้ามีปรกติตรัสอย่างนี้ "



    " ทุกสิ่งเกิดขึ้นมาแล้ว มีอันต้องดับไปเป็นธรรมดา "


    .......................................:z11.............................
     
  13. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    เวปนี้ดูเวทนาไม่ผ่านแล้วไปกล่าวเรื่องจิตได้อย่างไรหรือขอรับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...