พระและของมงคล...ที่สะสมพร้อมประสบการณ์ ^^

เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่ออุทัย วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน รูปไข่นิยม







ประวัติปฏิปทาพระอาจารย์อุทัย สิริธโร

​

พระอาจารย์อุทัย สิริธโร มีนามเดิมว่า นายอุทัย บุญทศ ซึ่งเป็นนามสกุลฝ่ายคุณยาย ท่านพระอาจารย์อุทัยเกิดเมื่อวันที่ 12 มี.ค. พ.ศ.2479 ณ บ้านหนองบก ต.หนองหิน อ.เมือง จ.ยโสธร โยมบิดาชื่อ นายเสาร์ กาประจง โยมมารดาชื่อ นางพันธ์ บุญทศ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 3 คน ท่านพระอาจารย์เป็นบุตรคนโต คนรองเป็นชาย และคนสุดท้องเป็นหญิง ท่านสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งนับว่าสูงสุดในชนบทสมัยนั้น

เมื่อเรียนจบแล้ว ท่านได้ออกมาทำงานช่วยบิดามารดา เช่น ทำนา ทำสวน เป็นต้น จนอายุครบ 21 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2499 ณ วัดสำราญนิเวศน์ ต.ปุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ โดยมีพระครูทัสสนะประกาศเป็นพระอุปัชฌาย์ พระใบฎีกาอ่อนเป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วท่านได้มาจำพรรษา ณ วัดป่าบ้านหนองบก จ.ยโสธร ซึ่งเป็นวัดสาขาของหลวงปู่ผั่น ปาเรสโก เป็นเวลา 3 พรรษา แล้วออกแสวงหาครูบาอาจารย์ มาพักจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร และหลวงปู่แว่น ธนปาโล ณ วัดสันติสังฆาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นเวลา 2 พรรษา

จากนั้นท่านพระอาจารย์อุทัย สิริธโรมีโอกาสได้มาพักศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่กับ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ณ วัดถ้ำขาม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร แล้วอยู่จำพรรษากับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าอุดมสมพรและวัดถ้ำขาม จวบจนกระทั่งหลวงปู่ฟั่น อาจาโรได้มรณภาพลงในปีพ.ศ.2520 หลังจากที่หลวงปู่ฝั้นมรณภาพแล้วท่านพระจารย์อุทัยได้ปลีกวิเวกมาพักที่ถ้ำพระภูวัว ต.โสกก่าม อ.เซกา จ.บึงกาฬ ซึ่งสถานที่ถ้ำพระภูวัวแห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร มาก่อนจนถึงเป็นวัดสมบูรณ์จวบจนมาถึงปัจจุบัน เมื่อครั้นเสร็จงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร ของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เมื่อปีพ.ศ.2521 แล้ว ท่านพระอาจารย์อุทัยก็จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำพระภูวัวเรื่อยมา

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้กล่าวยกย่องท่านพระอาจารย์อุทัย สิริธโร เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2552 ไว้ว่า “ ทางนู้นชื่อเสถียร นู่นอาจารย์ชา ท่านบุญมี ท่านอุทัย ท่านวันชัย หลวงพ่อตัน ท่านปัญญา นี่เพชรน้ำหนึ่งมีหลายองค์นะนี่ ท่านสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าเป็นสมัยครั้งพุทธกาลเป็นพระอรหันต์ ทุกวันนี่เทวทัตมันขวางหูขวางใจ ว่าอรหันต์ไม่ได้ เทวทัต คือพระที่ท่านจะรู้กันต้องเป็นนักภาวนาด้วยกัน ได้สนทนากันในวงภายในๆรู้กันแต่ว่าภายใน นอกนั้นไปท่านเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ เพราะฉะนั้นวงกรรมฐานกันมองเห็นกันรู้กันทันที เพราะทราบจากใจ ”

ในปี พ.ศ.2548 ท่านพระอาจารย์อุทัยได้รับความเมตตาจากหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ให้มาช่วยพัฒนาวัดป่าเขาใหญ่เจริญธรรม ญาณสัมปันโน ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อให้เป็นที่เผยแผ่ธรรมะขององค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นที่ฝึกสอนเหล่าพระนักปฏิบัติทั้งหลาย ที่ตั้งใจฝึกปฏิบัติเพื่อพระพุทธศาสนา สามารถสืบทอดคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้มั่นคง คือ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบและปฏิบัติตรง เพื่อให้รู้แจ้งในธรรมอันเป็นเครื่องพ้นจากกองทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงสืบไป ท่านจึงได้พำนักอยู่ ณ วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโนแห่งนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 

น้อมกราบหลวงปู่เขาใหญ่ครับผม

 

พระชัยวัฒน์โฆสปัญโญ







เนื้อหามวลสารที่ทำให้พระกริ่ง พระชัยวัฒน์โฆษปัญโญรุ่นนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือ ชนวนผอูบทองสัมฤทธิ์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ชำรุดบางส่วน ที่ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดนครพนมไปขอมาผสมจากวัดพระธาตุพนม ที่ล้มเมื่อปี2518 มาเป็นฉนวนสำคัญผสมในพระกริ่งโฆษปัญโญชุดนี้ ซึ่งถือว่าเป็น ของสูงทรงคุณ ซึ่งเป็นผอูบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่พระมหากัสสปได้อัญเชิญมาตั้งแต่พ.ศ. 5 ได้รับพุทธานุภาพ และเวลาพระธาตุเสด็จก็ลอยออกจากผอูบและกลับเข้าเจดีย์มาประทับผอูบก็ย่อมต้องได้รับฉัพพรรณรังสีจากพระบรมสารีริกธาตุอย่างเต็มเปรี่ยม เพราะมีข่าวว่ามีพระธาตุเสด็จ เป็นดวงไฟลอยจากพระธาตุพนม หลายต่อหลายครั้ง นับว่าเป็นวัตถุมงคลที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างมาก

ซึ่งจากคำแนะนำของเพื่อนที่เป็นนักเขียน และเจ้าของเวปพุทธวงศ์ รวมถึงนักสร้างพระ และที่ปรึกษาการสร้างพระกริ่ง พระต่างๆ เนาว์ นรญาณ บอกว่าถ้าจะให้มีชิ้นส่วนผอูบทองสัมฤทธิ์ จริงๆ แล้วต้องเนื้อนวโลหะเท่านั้น เพราะเนื้อเงิน หรือเนื้อทองคำ ผู้สร้างจะไม่ผสมหรอกเพราะทำให้เนื้อเสียหมองหมด ทำให้สนใจแต่เนื้อนวโลหะ เพราะมีส่วนผสมของผอูบทองสัมฤทธิ์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุจริงๆ


ผอูบสำริดพระธาตุพนม





เป็นผอูบสำริดบรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า โดยสร้างจากทองสำริด หนักประมาณ 1,300 กิโลกรัม เพื่อใช้เป็นที่บรรจุพระอุรังคธาตุพระพุทธเจ้า โดยเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก แห่งนครเวียงจันทร์ที่ได้บูรณะองค์พระธาตุพนม เมื่อ พ.ศ.2233-2235 พบที่พระธาตุองค์เดิม พ.ศ.2518 ต้นศตวรรษที่ 3 ปัจจุบันเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบรารวัตถุ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมรัตนโมลีศรีโคตรบูร วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ และโบราณคดีที่สำคัญนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะองค์พระธาตุพนมเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

จากเวปศูนย์กลางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

 

ภาพถ่ายหลวงพ่อชม วัดเขานันทา ที่หายากลูกศิษย์กลุ่มตลาดพลูหวงแหนกันมากครับ

 

พระปิดตาเนื้อเมฆพัดเจ้าคุณนร 2513 หลวงน้าอำพันสร้างถวาย

 

พระพุทธศักดิ์สิทธิรุ่นเจริญดีเนื้อเงิน ลูกศิษย์หลวงปู่คำพันธ์ควรจะมีพระพุทธศักดิ์สิทธิไว้บูชาเพราะเป็นพระคู่บุญบารมีหลวงปู่คำพันธ์ครับ

​

พระพุทธศักดิ์สิทธิ์มหาชัย เป็นพระปางสะดุ้งมาร ขนาดหน้าตัก ๑๓ นิ้ว สูง ๑๘ นิ้ว สีทองขัดมันมีพระพุทธลักษณะสวยงามมาก ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ชั้นบนกุฏิของหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย ตำบลมหาชัย อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม

เมื่อปี ๒๕๐๐ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ เจ้าอาวาสวัดโฆษการาม (ปัจจุบันคือวัดธาตุมหาชัย)
มีความประสงค์จะสร้างพระพุทธปฏิมากรเป็นพุทธบูชา ร่วมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ
(ครบ ๒๕๐๐ ปีของพระพุทธศาสนา) จึงได้ออกเสาะหาดูว่า พระพุทธรูปของวัดไหนที่จะมี
พุทธลักษณะที่สวยงามถูกตาต้องใจบ้าง

ปรากฏว่าไปพบพระพุทธรูปที่วัดกลาง ในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดนครพนม
จึงได้เรียนถามท่านเจ้าอาวาส (พระอาจารย์ศรีพอง) ถึงประวัติของพระพุทธรูป

ท่านอาจารย์ศรีพองได้เล่าว่า พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่มาก เป็นสมบัติคู่วัดกลาง
มานานแล้ว และได้ทราบมาเพียงเล็กน้อยว่า เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในถ้ำเมืองมหาชัย ประเทศลาว
ญาติโยมได้นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดกลางประมาณ ๓๐๐ ปีมาแล้ว ประชาชนเคารพศรัทธามาก
เมื่อได้ทราบปะวัติเพียงเล็กน้อย ก็เป็นที่พอใจ และประกอบไปด้วยมีพุทธลักษณะงดงาม
หลวงปู่คำพันธ์จึงเกิดปิติยินดีและศรัทธาเลื่อมใส

หลวงปู่คำพันธ์ จึงตกลงใจจะขอจำลองไปบูชา ท่านเจ้าอาวาสก็ยินดีด้วย ที่หลวงปู่คำพันธ์
จะขอจำลองแบบไปหล่อ หลวงปู่คำพันธ์ จึงได้กลับมาประกาศให้ญาติโยมทราบ เตรียมหา
ทองเหลืองทองแดง เพื่อทำการหล่อองค์พระ จากนั้นหลวงปู่ก็ได้ไปติดต่อช่างหล่อพระทันที
ไปได้ช่างที่แขวงเมืองท่าแขก ประเทศลาว ชื่อนายสมัง เป็นช่างที่มีฝีมือดีมาก เมื่อได้ตกลงราคา
และกำหนดวัน เวลา เรียบร้อย จึงได้เชิญช่างสมัง มาทำการหล่อที่วัดโฆษการาม ใช้ทองเหลือง
ทองแดงหนัก ๒๕๐๐ หุน ในพิธีหล่อตอนสุมทอง

ในพิธีหล่อตอนสุมทอง ชาวบ้านได้นำทองคำ เงิน นาค ตามแต่ศรัทธา ไปใส่ในเบ้า
ที่กำลังสุมทองอยู่ เมื่อหล่อเป็นองค์พระแล้ว เป็นที่น่าอัศจรรย์ แทนที่ทองคำจะไหลไปรวมกัน
ที่พระเกศกับปรากฏอยู่ที่พระพักตร์(หน้า) และที่พระอุระ (หน้าอก) ทั้งนี้เป็นเพราะแรงอธิษฐาน
ของหลวงปู่ ที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้ทองคำรวมอยู่ที่หน้าและอกตรงหัวใจ ก็สมดังจิตที่
ตั้งใจไว้ทุกประการ จึงได้ทำพิธีเบิกพระเนตรสมโภชตามประเพณี และถวายพระนามว่า

"พระพุทธศักดิ์สิทธิ์มหาชัย"

ความศักดิ์สิทธิ์ ในปีใดที่เกิดฝนแล้งชาวบ้านจะมาถวายน้ำสรง และนำออกไปแห่ตามหมู่บ้าน
แล้วฝนก็จะตกลงมาทุกครั้งไป นอกจากนั้นชาวบ้านยังนิยมขอน้ำมนต์ไปอาบบ้าง ดื่มบ้าง เพื่อแก้โรคภัยไข้เจ็บ และให้เกิดโชคลาภแล้วแต่ปรารถนาตามจิตประสงค์ ชาวบ้านมหาชัย และใกล้เคียงนับถือมาก

 

พระซุ้มกอเนื้อชินตะกั่วหลังจาร พระสังวราชุ่ม

​

พระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม) วัดราชสิทธาราม หรือวัดพลับ เขตบางกอกใหญ่ เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่แห่งหนึ่งซึ่งมีพระกรุพระเก่ายอดนิยมที่นักสะสมพระเครื่องต่างหมายปอง และมีราคาเช่าหาที่แพงมิใช่น้อย อดีตเจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงก็คือ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) เจ้าอาวาสองค์แรก

รวมทั้งพระสังวรานุวงษ์เถร (ชุ่ม) เจ้าอาวาสองค์ที่ 16 (พ.ศ.2458-2470)ท่านเป็นพระเถระที่เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน และสร้างพระเครื่องที่มีความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังอย่างยิ่ง

วัตถุมงคลที่หลวงพ่อ พระสังวรานุวงษ์เถร (ชุ่ม) สร้างไว้มีด้วยกันหลายอย่าง เช่น ตะกรุดสามกษัตริย์,ลูกน้ำเต้ากันไฟ,พระพิมพ์เล็บมือ หรือพิมพ์ซุ้มกอ เนื้อชินตะกั่วถ้ำชา และเนื้อผงพุทธคุณ,พระพิมพ์ห้าเหลี่ยม เนื้อชินตะกั่วถ้ำชา และเนื้อสำริด,พระพิมพ์สองหน้า เนื้อชินตะกั่วถ้ำชา,พระพิมพ์เนื้อเงิน และเนื้อทองฝาบาตร,พระปิดตา เนื้อตะกั่วอาบปรอท ทั้งนี้ ด้านหลังพระเนื้อตะกั่วแทบทุกพิมพ์ จะมีเหล็กจารตัวเฑา ขัดสมาธิ หรือลงอักขระขอมอ่านว่า “อิ กะ วิ ติ” มีตัว “นะ” อยู่ตรงกลาง ที่เรียกกันว่า ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า

ทางด้านพุทธคุณ กล่าวขานกันว่า วัตถุมงคล และ พระเครื่องของท่าน ดีเด่นทางแคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุด ถึงกับว่าบรรดาเซียนพระรุ่นเก่า และนักสะสมรุ่นอาวุโส ล้วนมีวัตถุมงคลของท่านบูชาติดตัวอย่างน้อยหนึ่งองค์ และต่างก้อเคยได้ประสบการณ์มาแล้วมากต่อมาก


บางท่านก็ภาวนาพระคาถาของท่านคือ “พระโสนามะยักโข เมตทันตปริวาสะโก อะสุณิหะเตโหตะโต ชยะมังคละ” พระคาถานี้ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก ท่านเจ้าคุณสังวราฯ(ชุ่ม) จารลงในใบลาน ใช้ป้องกันไฟ ป้องกันฟ้าผ่า กันคุณไสย อัปมงคลและสิ่งชั่วร้ายทั้งมวล พระสังวรานุวงษ์เถร (ชุ่ม) วัดพลับท่านได้รับพระราชทาน "พัดงาสาน" ซึ่งจะทรงพระราชทานสำหรับเฉพาะพระสงฆ์ ที่ทรงคุณทางด้านวิปัสสนากรรมฐานเป็นองค์สุดท้ายถัดจากเจ้าคุณเฒ่าวัดหนัง นอกจากนี้

ท่านเป็นพระอาจารย์ของพระเกจิอาจารย์สำคัญทางฝั่งธนบุรีหลายองค์
เช่น หลวงปู่นาค วัดระฆัง
หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก
และหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

 

ดูขลังดีครับ

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​