ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สมถะ, 27 มิถุนายน 2008.

  1. Unlimited Indy

    Unlimited Indy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,228
    ค่าพลัง:
    +803
    อนุโมทนาสาธุการสำหรับความรู้อันเป็นธรรมทานนนี้ครับ สาธุ
     
  2. hmu111

    hmu111 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +391
  3. ลมไหว

    ลมไหว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +9
    จิตที่อยู่เหนือสมมติแล้วไม่กังวลกับขันธ์ ขันธ์จะพังพินาศก็เป็นเรื่องของขันธวิบากซะ ผู้พ้นแล้วจะครองเพศฆราวาสต่อไปหรือไม่ ไม่เป็นปัญหา เป็นเอกสิทธิหรือนิสัยวาสนาของผู้นั้นโดยเฉพาะ

    พุทธองค์ตรัสว่า "อกาลิโก" การเข้าถึงธรรมไม่ขึ้นต่อกาลเวลาสถานที่ "นิพพานัง ปรมัง สุขัง" นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ผู้ถึงนิพพานแล้วมีึความสุขอย่างยิ่ง นิพพานไม่ใช่โรคา พยาธิ หรือเพชรฆาต มุ่งหมายทำลายขันธ์แน่นอน ที่ว่านิพพานแล้วจะต้องตายในกี่วันนั้น เป็นการหลอกลวงเข้าใจไหม สมัยพุทธกาลมีฆราวาสที่สำเร็จอรหันต์และมิได้บวช แต่มีชีวิตอยู่ตามปกติจนนิพพาน โดยไม่ถูกนำมาจารึกในคัมภีร์เป็นจำนวนมาก เขามีวิธีอยู่ของเขาแล้วไม่ทำให้โลกเดือดร้อน อย่ามาตั้งกระทู้แบบนี้อีกคนจะเข้าใจผิดเป็นอันตรายต่อตนเอง จำไว้นะ...
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647

    คุณนั่นหละครับ อย่ามามั่วซะหน่อยเลย....ท่านมีตัวอย่างไว้ชัดในพระไตรปิฏก..หลักฐานท่านมีอยู่ชัดนะครับ ว่าไม่รอดข้ามวัน หลักฐานตัวอย่างก็ไม่ได้มีตัวอย่างเดียว...

    ไอ่ที่คุณว่ามีนี่หาไม่ได้เลยแม้ตัวอย่างเดียว.....เพราะได้ยินจากอาจารย์ยุคใหม่ว่ามีนั่นหละ มันก็เลยมีตามความศรัทธาที่ยึดถือนั่นว่ามี นี่ถ้าอาจารย์ยุคใหม่บอกว่าใครเป็นพระอรหันต์แล้วไม่ตาย พยากรณ์คนนั้นคนนี้เป็นพระอรหันต์ นี่ก็คงตามเชื่อกัน...ไม่เอาเหตุผล ไม่เอาหลักฐาน ไม่เอาพระไตรฯ กันเลย...เลอะเทอะ....ยึดแต่อาจารย์...นี่หละเหตุแห่งพระสัจธรรมอันตธาน.....

    ถ้าคุณกล่าวว่ามีหามาสักตัวอย่าง ให้ได้อย่างที่กัลญาณมิตรทั้งหลายท่านหามาได้สิครับ....
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    เหตุให้พระสัทธรรมเสื่อม ๔ ประการ

    “สุคโต วา ภิกฺขุเว โลเก ติฏฺฐมาโน สุคตวินโย วา ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ”
    ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสารทั้งหลาย เมื่อพระสุคตหรือวินัยของพระสุคต ยังดำรงอยู่ในโลก ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์โสตถิผล และความสุขความเจริญแก่สาธุชนเป็นอันมาก เป็นไปเพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก เป็นไปเพื่อหิตสุขแก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
    ภิกษุทั้งหลาย พระสุคตคือใครเล่า? พระสุคตคือพระตถาคตเจ้า ผู้บังเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดี รู้โลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีผู้ใดเปรียบปานได้ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกแจกพระธรรม ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ พระสุคต
    ภิกษุทั้งหลาย วินัยของพระสุคตเป็นไฉนเล่า? วินัยของพระสุคต คือ พระตถาคตเจ้านั้น ได้ทรงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ได้ประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์ พร้อมทั้งอรรถพร้อมทั้งพยัญชนะ บริบูรณ์ สิ้นเชิง ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ วินัยของพระสุคต


    จตฺตาโร เม ภิกฺขเว ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ
    ภิกษุทั้งหลาย พระสัทธรรม ๓ คือ ปริยัติสัทธรรม ๑ ปฏิปัตติสัทธรรม ๑ ปฏิเวธสัทธรรม ๑ จะเสื่อม จะอันตรธานเพราะเหตุ ๔ ประการ คือ
    ๑. พระภิกษุสามเณรพากันศึกษาเล่าเรียน พระธรรมวินัยไม่ดี
    ๒. พระภิกษุสามเณรเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่ปฏิบัติตามโอวาทานุสาสนี
    ๓. พระภิกษุสามเณร ไม่สั่งสอนพระธรรมวินัยโดยเคารพ
    ๔. พระภิกษุสามเณรพากันทอดธุระในการเจริญสมถะและวิปัสสนา


    จะได้อธิบายขยายความตามนัยแห่งพระบาลี และอรรถกถาเป็นข้อๆไป
    ๑. อิธ ภิกฺขุ ทุคฺคหิตํ สุตฺตนตํ ปริยาปุณนฺติ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุสามเณรในพระธรรมวินัยนี้พากันเรียนพระธรรมวินัยไม่ดี คือเรียนไม่เข้าใจความหมาย ทั้งโดยอรรถ ทั้งโดยพยัญชนะ นี้เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเสื่อมและอันตรธาน ประการต้น
    คำว่า “ปริยัติ” คือ การเรียนนั้น มีอยู่ ๓ ประการ คือ
    ก. อลคัททูปริยัติ ปริยัติเปรียบด้วยงูพิษ ได้แก่ ปริยัติที่เรียนไม่ดี เรียนไปเพื่อโต้เถียงกัน เรียนไปเพื่อแข่งดีกัน เรียนไปเพื่อมุ่งลาภสักการะ ปริยัติอย่างนี้ย่อมเป็นเหมือนงูพิษ ดังที่องค์สมเด็จพระธรรมสามิสร์ได้ตรัสเปรียบเทียบไว้ในมัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔ หน้า ๒๖๘ เป็นต้นไปว่า
    “สฺยาปิ ภิกฺขเว ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก” เป็นต้น ใจความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษบางพวกในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเรียนธรรมคือคำสั่งสอนของพระศาสดามีองค์ ๙ ครั้นเรียนแล้วไม่พิจารณาเนื้อความเหล่านั้นด้วยปัญญา จึงไม่ททราบชัดในข้อวัตรปฏิบัติ ทำให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อนแก่ตนเอง และคนอื่นอยู่เนืองๆ เพราะเหตุที่ตนเรียนธรรมวินัยไปไม่ดี อุปมาเหมือนกันกับบุรุษผู้ต้องการจับงูพิษใหญ่ ครั้นแสวงหาเห็นแล้ว จึงจับงูพิษนั้นที่ขนด หรือที่หาง งูพิษนั้นก็จะเอี้ยวตัวมากัดบุรุษนั้นที่มือ หรือที่แขน หรือที่ใดที่หนึ่ง แล้วทำให้บุรุษนั้นตาย หรือถึงทุกข์เกือบตาย ข้อนี้ฉันใด โมฆบุรุษบางพวกในพระธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน การเรียนพระธรรมวินัยไม่ดีดังกล่าวมานี้ เรียกว่า อลคัททูปริยัติ แปลว่า การเรียนปริยัติเปรียบด้วยการจับงูพิษ
    ข. นิสสรณัตถปริยัติ ปริยัติมีประโยชน์ที่จะรื้อตนออกไปจากวัฏฏสงสาร ได้แก่ ปริยัติที่บุคคลเรียนดี คือเรียนโดยมุ่งบำเพ็ญไตรสิกขา ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้บริบูรณ์ ไม่ได้เรียนไปเพื่อโต้แย้งแข่งดีกัน ไม่ได้เรียนไปเพื่อมุ่งลาภสักการะ ปริยัตินั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เป็นไปเพื่อความสุขแก่ผู้นั้นตลอดกาลนาน ข้อนี้สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปรียบเทียบไว้ว่า
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรบางพวกในพระธรรมวินัยนี้ พากันเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัสสะ ครั้นเรียนแล้ว ย่อมพิจารณาเนื้อความของธรรมนั้นด้วยปัญญา ย่อมเข้าใจแจ่มแจ้งดี มิได้เรียนไปเพื่อโต้แย้ง แข่งดีกัน มิได้เรียนไปเพื่อมุ่งลาภสักการะ กุลบุตรเหล่านั้นย่อมได้รับประโยชน์ ได้รับความสุขตลอดกาลนาน เพราะเหตุที่ตนได้ศึกษาเล่าเรียนมาดี ข้อนี้มีอุปมาเหมือนกันกับบุรุษผู้มีความประสงค์จะจับงูพิษ ครั้นแสวงหาเห็นแล้วจึงเอาไม้เหมือนกีบแพะข่มหัวไว้ให้ดี แล้วจึงจับงูพิษนั้นที่คอไว้ให้แน่น ถึงแม้ว่างูพิษนั้นจะเอาหางตวัดมาพันมือพันแขนหรือพันอวัยวะที่ใดที่หนึ่งของบุรุษนั้นไว้ก็ไม่เป็นอันตราย คือเขาจะไม่ถูกงูพิษนั้นกัดตายหรือเขาจะไม่ได้รับทุกข์เพราะงูพิษนั้นเลย เพราะบุรุษนั้นจับไว้แน่นดีแล้ว ข้อนี้ฉันใด กุลบุตรบางพวกในธรรมวินัยนี้ ที่พากันเรียนพระธรรมวินัยดี ปฏิบัติดี ก็ฉันนั้นเหมือนกัน การเรียนพระธรรมวินัยดีดังกล่าวมานี้ เรียกว่า นิสสรณัตถปริยัติ แปลว่า เรียนปริยัติเพื่อเอาไปปฏิบัติให้ ศีล สมาธิ ปัญญา บริบูรณ์.


    Re:บทที่ ๑๙ เหตุให้พระสัทธรรมเสื่อม ๔ ประการ - Webboard
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    โมทนาสาธุกับท่าน จขกท. กล่าวไว้ดีแล้ว.....ให้หลายๆท่านได้เข้าใจ.....

    ไม่นานมานี้ก็มีข่าวพยากรณ์พระโสดาบัน ไปกันไม่ใช่เหรอ....พากันเชื่อไปเป็นแถว ตอนนี้ว่าพระอรหันต์ฆราวาสไม่ตาย อีกหน่อยต่อไปก็จะพยากรณ์พระอรหันต์ฆราวาสกัน....ที่นี้หละ พระอรหันต์ฆราวาสเดินเล่นกันเป็นแถว....เดี๋ยวอีกหน่อยพระอรหันต์ฆราวาสจะเดินห้าง เดินสยามฯ....ฯลฯ......

    แล้วก็ยึดอาจารย์ยุคใหม่ทำหน้าที่ล่วงเลยหน้าที่พระพุทธเจ้าไป ให้ความสำคัญซะเกินพระพุทธเจ้าไปเลย....จนลืมว่าหน้าที่แห่งการพยากรณ์พระอริยบุคคล เป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่หน้าที่พระสาวกจะพึงกระทำ.....

    ประทานโทษนะขัดใจใครช่วยไม่ได้ ความจริงมันเป็นอย่างนี้.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2012
  7. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    คุยกัยคนบ้าไม่มีวันชนะ ส่วนตัว ยึดพระไตรปิฏกเป็นหลัก คนบ้า คนหลง พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย ปั้นน้ำเป็นตัว ผิดบอกว่าถูก ถูกบอกว่าผิด จะมีใครรู้ดีไปกว่าพระพุทธเจ้า ลืมไปเห็น telwada บอกตัวเองคือพระศรีอาริย์ hello4 ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2012
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ความเป็นสมณะนั้น เค้าเป็นกันที่ไหน?

    ที่โกนหัวห่มผ้ากาสาวพัตร์หรือ?

    หรือจิตที่บริสุทธิ์หลุดพ้น?

    พอระลึกได้ว่า มีพระพุทธพจน์ทรงตรัสไว้ดีแล้วในเรื่องนี้

    ส่วนเรื่องการต้องออกบวชหรือไม่นั้น

    แค่ท่านพระอนาคามี ก็ชัดเจนแล้วนะ

    อนาคามี หมายถึง ผู้ไม่มีเรือน หรือผู้ออกจากเรือน

    ส่วนจะได้บวชเป็นภิกษุหรือไม่นั้น ขึ้นกับกรรมวิบากของตน

    ไม่ต้องคิดมากมายไปถึงพระอรหันต์หรอกใช่หรือไม่?

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>นิวรณ์*, WebSnow, savanna2 </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. maxcomp

    maxcomp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +874
    อ้าว เทวดา ติีงต๊อง หายไปเลย กำลังเคลิ้มเชียวนะ ลัทธินี้อ่ะ
     
  11. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ผมก็เป็นพระอรหันต์ ผมชื่อสุวิทย์ อมรโพแมน ,ตี้ม.เกษตร....................
     
  12. jikkiijang

    jikkiijang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    215
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +335
    ผู้เจริญแล้วย่อมไม่ถือสากับผู้ที่ด้อยกว่า เหตุผลของ จขกท. น่าเชื่อถือแล้ว ถึงแม้บางท่านจะพาออกนอกเรื่องท่านก็สามารถตอบในเกณฑ์เดียวกันได้ ส่วนท่านที่พาออกนอกเรื่องก็ไร้สาระจนกลายเป็นขี้แพ้ชวนตี (สรรพนามที่ใช้เรียกท่านว่า "มัน" แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเค้าคนนั้นยังคงมีทิฏฐิอยู่มาก คงต้องรับวิบากกรรมในอีกหลายภพ ขออนุโมทนากับ จขกท. กรรมที่ดีดีจงมีแก่ท่าน
     
  13. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    วิเคราะห์ดูแล้ว การบวชเมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์เป็นสิ่งสมควร เพื่อป้องกันคนอื่นปรามาส หรือทำเวรกรรมกับพระอรหันต์นี่ก็ส่วนหนึ่ง เพื่อยังประโยชน์ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาก็อย่างหนึ่ง และ อีกอย่างก็คือ กายทิพย์ของผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วละเอียดเกินเพศฆราวาสจะรับได้ ต้องครองสมณเพศ ซึ่งถือว่าเป็นเพศพรหมจรรย์ นี่ก็อีกประการหนึ่ง และมีภิกษุที่ผมเคารพนับถืออีกท่านหนึ่ง นามว่า หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธัมมปาโล คนละท่านกับหลวงปู่เทพโลกอุดรนะครับ ท่านกล่าวไว้ว่า ผ้ากาสาวพัสตร์ ธงชัยของพระอรหันต์ แต่คนพากันห่ม แต่ไม่ปฏิบัติให้ถึงกันจะได้บุญหรือบาป ในนรกมีคนที่ห่มเฉยๆแต่ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อให้ถึงซึ่งทางพ้นทุกข์นั่นมีมากหลาย น่าสมเภชเวทนาเเท้ๆ
     
  14. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ขอเชิญเข้าเยี่ยมชม ห้องความรู้ทางหลักวิชชาธรรมกาย

    หลายท่านยังไม่เข้าใจว่าหลักวิชชาคืออะไร และมีเนื้อหาอย่างไร บอร์ดนี้ขอนำเสนอความรู้ัเรื่องหลักวิชชาให้ท่านได้ทราบจากครูอาจารย์็ทางวิชชาธรรมกาย

    โดย: khunsamatha
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    ในความเชื่อส่วนตัวของผม

    บุคคลใดที่จิตสำเร็จอรหันต์หรือจิตหลุดพ้นถึงซึ่งนิพพานแล้วนั้น บุคคลนั้นจะครองสมณเพศหรือเพศฆราวาสนั้น มิใช่เป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่กำหนดชะตาชีวิตของบุคคลผู้นั้นในชาติภพนั้นๆ ว่าควรจะครองสถานะใดนั้น ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยใดเป็นสำคัญ เช่น

    1.เหตุปัจจัยจากกิจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาในชาติภพนั้น ว่าถูกมอบหมายให้มาเป็นพระสงฆ์หรือฆราวาส เพราะกิจหน้าที่บางอย่างไม่เหมาะและมิใช่กิจของพระสงฆ์ที่จะกระทำได้ และบางกิจหน้าที่ถ้าอยู่ในสมณเพศแล้วจะกระทำกิจนั้นได้ดีกว่าเพศฆราวาส(เหล่าเทพเทวดาพระโพธิสัตว์ก็เฉกเช่นเดียวกัน) ฉะนั้น สำหรับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ก่อนลงมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นก็ได้ถูกเบื้องบนกำหนดมาเรียบร้อยแล้วว่าช่วงชีวิตใดควรจะอยู่ในสถานะใดจึงเหมาะสมและสามารถทำกิจได้เต็มที่ตามวาระที่ควรจะเป็น

    2.เหตุปัจจัยจากกฎแห่งกรรม สำหรับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลจะตัดสินใจด้วยตนเองว่า จะยอมชดใช้กรรมบางอย่างให้หมดก่อนแล้วค่อยครองสมณเพศในบ้านปลายชีวิต หรือว่าจะอย่างไรก็สุดแล้วแต่ท่านเองจะใช้ปัญญาพิจารณา (รวมถึงการใช้ญาณทัศนะตรวจดูก่อนชดใช้กรรม)...

    ข้างต้นเป็นแค่ความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น ยึดถืออะไรไม่ได้ ต้องใช้ปัญญาพิจารณากันเอาเองครับ เพราะทุกอย่างมันมีเหตุปัจจัยของมันอยู่แล้ว...
     
  16. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    อยากทราบค่ะ ว่าถ้าคนที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์
    แต่ในชีวิตประจำวัน ทำงาน แต่พอตอนกลางคืนนุ่งขาวห่มขาว
    จะสามารถมีชีวิตรอดได้หรือไม่ตามคำของพระพุทธเจ้า
    รบกวนค่ะ
     
  17. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ในสมัยพุทธกาล สามเณร ถือศีลกี่ข้อ?
     
  18. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ขอบอกว่า ยากคะ ทำได้ยาก ถ้าจะเป็นอรหันต์ โดยที่ไม่บวช เพราะฆารวาท ต้อง จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าบ้าน ต้องวกวนอยู่กับสมาคม ทั้งพวกที่ต้องมีมิจฉาธิฐิ พระหลายๆองค์ที่เราคิดว่าระดับอรหันต์ หลายท่าน อยู่ระดับสกิทาคามี แต่ระดับนี้ดิฉันก็ยังนับถือ เพราะถือว่าระดับที่ค่อนไปทางจะหลุดพ้น ท่านเหล่า นี้มักเป็นผู้ไม่แสดงตัว และ เคร่ง จริยะวัตรงดงาม อยู่อย่างสมถะ แต่ พอสนธนาด้วยเราจะรู้เลยว่าระดับท่านจะเป็นอรหันต์ เพราะมีหูทิพย์ตาทิพย์ ชนิดละเอียด สามารถบอกสิ่งที่เราไม่ได้บอกท่าน ได้อย่างแม่นยำ และปฏิเศสการดูดวงทุกชนิด และสอนแต่วิปัสสนากรรมฐาน ไม่เอาทางโลกไม่พัฒนาวัด โรงเรียน มูลนิธิ เอาแต่สมาธิอย่างเดียว กับการปฏิบัติดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2013
  19. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ไปปลูกป่ามาหมดแรงเลย
     
  20. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603
    .


    ท่านพระพาหิยะ ท่านสันติมหาอมาตย์ พระเจ้าสุทโธทนะพระพุทธบิดา บรรลุอรหันต์แล้วตายในวันนั้นเลย(กายแตก)ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้อย่างนั้นครับ

    สำหรับที่พระนาคเสนตอบอยู่ในคัมภีร์มิลินทปัญหา ท่านกล่าวว่า
    ”คฤหัสถ์ได้สำเร็จพระอรหันต์ มีคติอยู่ ๒ คือต้องปรินิพพานในวันนั้น หรือเข้าถึงความเป็นภิกษุในวันนั้นจึงจะได้”

    ในทัศนะของผมคือ คฤหัสถ์เป็นพระอรหันต์แล้วมีแนวโน้มที่จะต้องบวช แต่ไม่น่าจะต้องตายทันทีในวันนั้นกันทั้งหมด ถ้ายังครองเพศคฤหัสถ์อยู่
    เพราะบางท่านยังแบกรับธาตุขันธ์สังขารเอาไว้ได้ และยังไม่มีวิบากกรรมมาตัดรอนทำให้กายแตกในวันนั้น
    ตัวอย่างคือพระนางเขมา,อุตติยคฤหบดี และเสตุมาณพ ครับ

    ในพระไตรปิฎกมีการกล่าวถึงท่านอุตติยคฤหบดี และเสตุมาณพ เพียงเท่านี้และไม่ได้กล่าวถึงอีกเลยครับ

    คิหิสส อรหาติกถา
    ปรวาที .ยสกุลบุตร อุตติยคฤหบดี เสตุมาณพ ได้บรรลุพระอรหัตทั้งเพศคฤหัสถ์มิใช่หรือ?
    สกวาที. ถูกแล้ว
    ปรวาที .หากว่า ยสกุลบุตร อุตติยคฤหบดี เสตุมาณพ ได้บรรลุพระอรหัตทั้งเพศคฤหัสถ์ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้


    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๗ บรรทัดที่ ๘๗๐๓ - ๘๗๖๒. หน้าที่ ๓๖๓.

    เรื่องนี้น่าจะทำให้คลายความสงสัยลงและกระจ่างแจ้งชัดในความเป็นเหตุและผลได้ ถ้าพระนาคเสนท่านตอบในบริบทที่ว่า

    “คฤหัสถ์ได้สำเร็จพระอรหันต์ มีคติอยู่ ๒ คือ ต้องปรินิพพานในวันนั้นหรือเข้าถึงความเป็นเพศบรรพชิตจึงจะได้

    ในความหมายก็คือ 1.ต้องปรินิพพานในวันนั้นเลย
    และ 2.ต้องออกจากเพศคฤหัสถ์หรือฆราวาสแล้วบวชเป็นเพศบรรพชิต แต่ไม่ได้กล่าวไว้ว่าต้องบวชวันนั้นวันนี้

    ด้วยความเคารพทุกทัศนะครับ


    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...