พระและของมงคล...ที่สะสมพร้อมประสบการณ์ ^^

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย poman, 18 ตุลาคม 2012.

  1. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2013
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,061
    ค่าพลัง:
    +53,094
    [​IMG] [​IMG]
     
  3. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG] [​IMG]
     
  4. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    พระสมเด็จพิมพ์รัศมี ฐานบัวแช่น้ำชาก้นโอ่ง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.อยุธยา

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    หลวงปู่ดู่ท่านกล่าวไว้ว่า ข้าเสกไว้ดีแล้วอธิษฐานตามความชอบ จะมีแต่เจริญรุ่งเรือง เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย กันผีปีศาจกันคุณไสยต่าง ๆ กันกระทำย่ำยี แม้ติดตัวไปที่ใดเทวดาเทพพรหมเห็นผู้ที่นำพระไปใช้ปฏิบัติและภาวนาอยู่เป็นเนืองนิจว่า "พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ"เขาเหล่านั้นอยู่ในที่ใด ผีปีศาจวิญญาณ เทพพรหมทั้งปวง ก็จะอนุโมทนาบุญด้วยและคอยปกปักรักษาเขาเหล่านั้นตลอดไป...

    พระสมเด็จเนื้อผงกัมมัฏฐาน แช่น้ำชา(ถ้าแช่น้ำชาจะมีคราบเหลืองๆ ของน้ำชาจับที่องค์พระ แต่ถ้าไม่แช่พระจะขาว) ซึ่งหลวงปู่ดู่ จะนำพระบางส่วนนำไป แช่น้ำชาที่ท่านฉัน โดยท่านจะเรียกว่า "น้ำมนต์" ซึ่งท่านจะบริกรรมคาถาและปลุกเสกอย่างต่อเนื่องในกุฏิท่าน และท่านจะนำมาแจกให้ญาติโยมที่ มานมัสการท่านบนกุฏิ

    พระแบบนี้จึงเป็นที่ต้องการและหวงแหนมาก เพราะส่วนใหญ่จะได้รับจากมือท่าน หรือไม่ก็เหลือมาหลังจากท่านมรณภาพ ซึ่งพระชุดแช่น้ำชาจะผ่านการปลุกเสกยาวนานมากกว่ารุ่นใด ๆ สาเหตุเพราะจะนำพระแบบแช่น้ำชาไว้ก้นโอ่ง แล้วปิดปากโอ่งด้วยปูน เจาะรู 7-8 รูให้อากาศถ่ายเท อธิษฐานจิตเป็นเวลานาน แล้วค่อยๆ ทยอยแจกปากโอ่งจะถูกแจกก่อน จนถึงก้นโอ่ง

    สังเกตุได้กันโอ่งมักมีคราบฝุ่น ทำให้ดูเหมือนคราบกรุไปเลย พระที่ท่านแจกก่อนมรณภาพจะมีไม่มีตรายางกงจักร ประทับข้างหลัง แต่ถ้าพระที่ให้บูชาหลังหลวงปู่มรณภาพจะมีตรายางกงจักรประทับอยู่ข้างหลัง
     
  5. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    พระสมเด็จหลังพระสังกัจจายน์ หลวงปู่อ่อนสา และหลวงปู่เสริมอธิษฐานจิต พิมพ์แจกกรรมการปิดทอง


    [​IMG]

    [​IMG]


    โพสต์ต้นฉบับโดยอาจารย์ นก เริงลม อุดร108
    ในชีวิตของหลวงปู่เสริม ชัยยธมมโม ท่านออกวัตถุมงคล เพียงรุ่นเดียว
    เป็นพระสมเด็จ สร้างพร้อมสมเด็จรุ่นแรกของหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร แต่แตกต่างกันที่

    สมเด็จรุ่นแรกของหลวงปู่อ่อนสา ด้านหลังเป็นพระนาคปรก
    ส่วนของหลวงปู่เสริม ด้านหลังเป็นพระสังขจาย
    สมเด็จของหลวงปู่ทั้งสองปลุกเสกโดยหลวงปู่ทั้งสอง
    กล่าวคือ ทั้งสมเด็จหลวงปู่อ่อนสา หลวงปู่เสริม ท่านก็เมตตาให้
    และ สมเด็จหลวงปู่เสริม หลวงปู่อ่อนสา ท่านก็เมตตาให้เช่นกัน
    คือทำมาพร้อมกัน เสกพร้อมกัน เมื่อเสกเสร็จก็แบ่งถวายครับ

    สมเด็จของหลวงปู่เสริม แจกในวาระผ้าป่า สร้างตาข่ายลวดล้อมศาลา
    จำนวนการสร้าง หลักพันครับ(ไม่เกินสามพัน) แจกพร้อมซองผ้าป่า ไม่ได้ตั้งราคา
    มีคนห้อยสมเด็จรุ่นนี้ เหยียบถูกงูเห่าโดยบังเอิญ งูเห่ายกหรือโงหัวไม่ขึ้น
    ลองถามหา แถวบ้านดงยาง เพราะหลวงปู่เสริม ท่านเมตตากำกับอีกนาน
    กว่าจะแจก ไม่ได้กำหนดว่า ซองละเท่าใด หนึ่งบาท ก็ศรัทธาเหมือนกัน
    ได้หนึ่งองค์เหมือนกัน

    ไม่ทราบว่า เก็บไว้ที่ไหนแล้วครับ

    ส่วนที่พิเศษ คือ ตะกรุด
    ท่านได้เรียนวิชาจากหลวงพ่อพิบูลย์ มาไม่น้อย
    ส่วนมาก ในตอนกลางคืนที่ไปนอนกับหลวงปู่

    นอกจากอ่านหนังสือถวายท่านแล้ว
    ท่านพานั่งสมาธิแล้ว
    ว่างๆ ก็จะเรียนถามท่านเรื่องวิชาที่ท่านเรียนมาจากหลวงพ่อพิบูลย์

    หลวงปู่เสริม บอกว่า มันไม่ใช่ทางหลุดพ้น
    ท่านบอกให้ผม และ คณะไปดูหลวงปู่โชติ ที่นั่งจารตะกรุดให้บูชา
    ดอกละ 300 บ้าง 500 บ้าง แล้วท่านก็ถามว่า
    อยากให้ท่านทำแบบนี้ไหม วัดจะได้เจริญ

    จึงขอท่านว่า อย่าเลย ขอให้ท่านทำในสิ่งที่ท่านอยากทำดีกว่า

    แต่นานๆ ที ได้ฤกษ์ยามดี ท่านก็เมตตาทำให้โดยไม่ได้ร้องขอ เช่น

    ครั้งหนึ่ง หลังจากญาติโยมกลับไปหมดแล้ว หลวงปู่บอกผมว่า ให้รีบกลับ
    อำเภอหนองหาน ให้หาแผ่นทองแดงมาให้ท่าน หรือ แผ่นตะกั่วก็ได้ แค่นี้
    เป็นอันเข้าใจ

    ผมเอาน้ำใส่กาละมังตากแดดไว้ พอให้น้ำอุ่น ตกบ่ายแก่ๆ ท่านรีบสรงน้ำ
    และ จัดแจงตัดแผ่นทองแดงเป็นชิ้นๆ ตามขนาดต่างๆ กันไป

    คืนนั้น เป็นคืนที่มีปรากฏการณ์ธรรมชาติเกิดขึ้น คือ

    มีจันทระปราคา หรือ กบกินเดือน
     
  6. ช้างป่า

    ช้างป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    511
    ค่าพลัง:
    +16,480

    แอบเข้ามารออ่านต่อครับ
     
  7. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    หลวงปู่กูด ท่านมักกล่าวถึงเทวดา อยากให้เห็นความอัศจรรย์ ต้องตอนคุณตรีภพนิมนต์ หลวงปู่เสริม ชัยธัมโม วัดป่าบ้านดงยาง ศิษย์หลวงพ่อพิบูลย์ บ้านแดงมาพักที่วัดหนองหัวหมู ผมยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้

    เมื่อหลวงปู่เสริม เดินอ้อมมาทางหลังศาลาใหญ่ ที่หลวงปู่กูดจำวัดบนตะแคร่อยู่(เดินนำทาง อย่างราวกับว่า ท่านเคยมาที่วัดนี้เป็นประจำ ) หลวงปู่เสริม ก้มลงกราบที่พื้นปู ยังไม่ทันมือแตะพื้น หลวงปู่กูดรีบลงจากตะแคร่มาจับมือทั้งสองของหลวงปู่เสริมไว้ แล้วก้มลงกราบหลวงปู่เสริม พระบ้านนอกจากบ้านดงยาง อำเภอพิบูลย์รักษ์ เป็นภาพที่ประทับใจมาก

    หลวงปู่ทั้งสองคุยกัน ยังกะรู้จักกันมาเป็นเวลาแรมปี ทั้งที่ความจริง พึ่งเจอกันวันแรก และ ครั้งเดียวในชีวิต ของสองมหาพระผู้เฒ่า ผู้หลุดพ้นแล้ว

    หลวงปู่เสริมเรียนหลวงปู่กูดว่า กอไผ่หวานกอที่งอกที่ตรงนั้น ตรงนี้ ของวัดหนองหัวหมูอร่อย หวานดี
    หลวงปู่กูด ก็บอกว่า ท่าน้ำที่วัดปาบ้านดงยาง เงียบสงบดี มีปลาตัวโตชุมมาก
    แล้วหลวงปู่ทั้งสองก็ถามแลกวัดกัน คุยกันเรื่องเทวดาลากรถว่า ชอบถามอะไรจุกจิกจู่จี้ คุยกันอยู่นาน

    ยังกะทั้งสองเคยไปมาหาสู่กันเป็นเวลาแรมปี
    ตลอดระยะเวลาที่สนทนากัน หลวงปู่กูดจะสำรวมและนั่งอยู่กับพื้น
    โดยมีหลวงปู่เสริมนั่งที่ตะแคร่แทน

    ฟังสองหลวงปู่คุยกัน เล่นเอาสามลูกศิษย์งงเป็นไก่ตาแตก
    หลวงปู่เสริมอยู่กับหลวงปู่กูด ได้หนึ่งคืน ก็ถูกนิมนต์มากราบ
    หลวงปู่อ่อนสา ที่วัดหนองใหญ่
    อยู่ได้สองคืน หลวงปู่เสริมบอกว่า อยากกลับวัด
    หลวงปู่อ่อนสา บอกว่า อยากนิมนต์ให้อยู่ที่นี่นานๆ พอร่างกายได้พักฟื้นหน่อยค่อยกลับ
    เห็นขี้ก้อนเท่าหัวแม่โป้มือ ( แสดงว่า ท่านฉันน้อย มีกากอาหารน้อย )
    หลวงปู่เสริม ยกมือไหว้ แล้วตอบว่า ย่านติดกล้วยโง ( กล้วยโง = กล้วยงอ หรือ กล้วยหอม )
    หมายความว่า กลัวติดในรสอาหาร

    พักที่ตัวจังหวัดอุดรธานี ได้สามคืน หลวงปู่เสริมก็ลากลับ

    เรื่องหลวงปู่ทั้งสองเทศน์ให้เทวดาฟังนี้ น่าจะจริง

    ในฐานะที่เคยรู้จักกับหลวงปู่ทั้งสองพอสมควร โดยเฉพาะหลวงปู่เสริม ชัยยธมโมท่านเป็นโลกุตตระจริงๆ ว่างๆ จะเอาเรื่องจริง ไม่ได้อิงนิยายของหลวงปู่เสริม มาตีแผ่ให้สมาชิกได้ฟังกัน กันลืม เพราะนับวันยิ่งแก่ลงทุกที วันนี้ ก็แก่กว่าเมื่อวานอีกแล้ว


    จากงานเขียนท่านอาจาย์นก อุดร108
     
  8. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    จากงานเขียนท่านอาจารย์นก อุดร108

    ผมรู้จักกับหลวงปู่เสริม ชัยยธมโม เมื่อประมาณ ปี 2525 ในวันเข้าพรรษา
    ผมปิดร้าน และ ชวนแม่บ้านซื้อสังฆทาน เต็มท้ายรถปิคอัพ พร้อมลูกๆ 3 คน
    ตั้งใจว่า จะขับรถไปเรื่อยๆ เจอะวัดป่า วัดดง ก็จะแวะถวายสังฆทานไปเรื่อยไม่มี
    จุดหมายปลายทาง จนกว่าของที่ซื้อมาจะหมด
    ผมขับรถไปถึงบ้านดงยาง ตำบลบ้านแดง อำเภอหนองหานซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อ
    เป็นอำเภอพิบูลย์รักษ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์และให้เกียรติ์แก่หลวงพ่อพิบูลย์ วัดพระแท่นฯ

    ได้สอบถามชาวบ้านเรื่องลูกศิษย์หลวงพ่อแดงหรือหลวงพ่อพิบูลย์ว่า ในขณะนั้น
    มีเหลืออยู่กี่องค์ ได้คำตอบว่า ที่ปากทางเข้าบ้านแดงหรือพิบูลย์รักษ์ ที่บริเวณป่าช้า
    บ้านโคกซ้งดงยาง มีหลวงปู่แก่ๆ องค์หนึ่ง ชื่อ หลวงปู่เสริม ชัยยธมโม เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ
    พิบูลย์พักอยู่ที่นั้น

    จึงเดินทางมาตามคำบอก

    ผ่านหนองน้ำใหญ่ เลาะมาเรื่อย จนเจอกุฎิหลังเล็กๆ ประมาณวาเศษ หลังคามุงด้วยหญ้าแฝก
    ด้านข้างมุงด้วยกระสอบปูนตราเสือ ยกพื้นเล็กๆ มีบันไดสองสามขั้น มีชานเล็กน้อยแต่
    ไม่สามารถขึ้นไปนั่งได้

    ณ ที่แห่งนี้ ผมได้พบกับ หลวงปู่เสริม ชัยยธัมโม พระสงฆ์ผู้ชราภาพ ศีรษะโต หูยาวมาก
    ผิวพรรณเปร่งปรั่ง มีสง่าราศี เหลืองดังทองทา ได้กราบสนทนาธรรมกับท่านพอสมควรแก่เวลา
    ก็ลาท่านกลับ พร้อมถวายสังฆทาน และ ปวารณากับท่านว่า หากท่านประสงค์สิ่งหนึ่งสิ่งใด
    ก็ให้ท่านแจ้งให้ทราบ ยินดีเป็นโยมอุปฐากให้ท่าน

    วันนั้น กว่าจะเข้าบ้านได้ ก็เย็นมืด และ หิวข้าวมาก โดยเฉพาะลิงสามตัวที่ไปด้วย
    ระหว่างอาหาร ผมกับแม่บ้านได้สนทนากันเรื่องหลวงปู่เสริม ตลอด และ ก็ตกลงกันว่า
    วันอาทิตย์หน้า ทำข้าวหม้อ แกงหม้อ ไปถวายท่าน เพราะเห็นอาหารที่ท่านขบฉันแล้ว
    สงสารเหลือเกิน ชาวบ้านเก็บดอกเข็ม มาทำเป็นแกงจืด ก็แกงจืดดีๆนี่เอง ไม่มีเนื้อหนังมังสาอะไร

    เราเที่ยวไปวัดบ้านดงยางทุกสัปดาห์ และโดยเฉพาะในฤดุหนาวแล้ว ผมจะนอนค้างที่วัด
    สายหน่อย วันอาทิตย์ แม่บ้านก็จะชวนเพื่อนครู ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยม
    ขับรถมาวัดพร้อมอาหารหวานคาว และ ผมก็จะกลับบ้านพร้อมคณะ

    เช้าวันหนึ่ง ผมกำลังจัดอาหารที่ท่านไปบิณบาตมา มีข้าวเหนียวสองสามปั้น กล้วยน้ำหว้า
    ปลาขี้โก๋หัวตัดสองสามตัว หลวงปู่ท่านเปรยกับผมว่า

    ...รัตน์ ให้ไปดูขี้เข็บที่ข้างเว็ดดู มันเป็นหยังคือต่าย...
    ( ..รัตน์ ให้ไปดูตะขาบข้างห้องน้ำซิ ทำไม่มันถึงตาย )

    ผมก็เดินไปดู เห็นตะขาบป่า ตัวโตเท่านิ้วชี้ยาวคืบกว่า นอนตายคารูอยู่
    เอาไม้เขี่ย ก็ไม่กระดุกกระดิก

    เดินกลับมาถามหลวงปู่ ว่าทำไม่มันถึงตาย
    ท่านตอบว่า มันตอดเฮ้าตั้ว เมื่อเซ้านี่ ( มันต่อยเรา เมื่อเช้านี้ )


    ผมเก็บเรื่องนี้ไว้ แต่ก็ไม่ได้เล่าให้คนอื่นฟัง นอกจากแม่บ้าน

    จนกระทั่ง ครั้งหนึ่ง ผมได้นั่งรถตู้ไปกับหลวงตา ไปกรุงเทพ เพื่อซื้อที่ดิน
    ที่น้ำหนาว อันเป็นที่ตั้งของวัดน้ำหนาว ในปัจจุบัน

    ได้เรียนถามท่าน ท่านถามผมคืนว่า
    แล้วตะขายที่ต่อยคนนะ เป็นคน หรือ เป็นพระ
    ผมตอบว่า เป็นพระ
    ท่านตอบผมว่า พระองค์นี้หลุดพ้นแล้ว โฮ้ ยังมีอีกด้วยหรือ?
    แล้วท่านก็กำชับผมให้ดูแลพระองค์นี้ให้ดีๆนะ อรหันต์นะนี่

    ผมกราบเรียนถามท่านว่า ทำไม่ ตะขาบมันถึงตาย
    ท่านตอบว่า ไม่มีพิษอะไรในโลกนี้ แรงเกินไปกว่าความบริสุทธิ์
    เปรียบเสมือนน้ำฝนกับน้ำทะเลนั้นแหละ

    พิษของตะขาบที่เข้าไปในร่างกายของท่านผู้ที่บริสุทธิ์แล้ว
    ย่อมสนองกลับแก่ตัวตะขาบเองเป็นร้อยเท่าทวีคูณ
    ด้วยเหตุนี้ มันจึงตาย เพราะพิษของมันเอง
    มันตาย เพราะมันทำร้ายพระอรหันต์ เข้าใจหรือเปล่า หือ?

    เอาแค่นี้ก่อนนะครับ
    ถ้าว่าง จะมาต่อให้
    เล่าเรื่องหลวงปู่เสริม ผมเล่าได้สามวัน ไม่มีจบ
    และ ทุกเรื่อง ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง มีพยานที่รู้เห็น
    และ จะอ้างอิงทุกครั้งที่กล่าวถึง

    ตอนต่อไป เรื่อง หูทิพย์ ตาทิพย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2013
  9. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เรื่องหูทิพย์

    โดยปกติแล้ว ผู้สูงวัย อายุ 80 ขึ้น จะมีที่ตึงอยู่ที่เดียว คือ หู
    หลวงปู่เสริม ท่านก็ไม่ได้ละเว้น ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามสังขาร

    มีเช้าวันหนึ่ง ผม แม่บ้าน ลูกๆ และ ขออนุญาตเอ่ยนาน ท่านอาจารย์
    สวาท ศรีคัฒฑพรหม พร้อมแม่บ้านของท่าน ขนข้าวหม้อ แกงหม้อจะไป
    ถวายอาหารท่าน ผมขับรถออกจากอำเภอหนองหาน ถึงสะพานบ้านบ่อเบ้
    ซึ่งห่างจากวัดป่าบ้านดงยางประมาณ 18 กม

    มีงูสามเหลี่ยมขนาดเขือง เรื่อยตัดหน้ากระทันหัน เล่นเอาต้องเบรคลากล้อที่เดียว
    ทั้งแม่บ้าน และ ลิงๆ ทั้งหลายที่นั่งอยู่ทีกะบะ ร้องกันตัวโก่ง

    มาถึงวัด จัดเตรียมอาหารใส่ถาด ถวายท่าน ทันเวลาพอดี

    หลวงปู่เสริมท่านถามว่า ร้องเสียงหลง ตกใจหมด เป็นอะไรกันหรือ

    ระยะทาง 18 กิโลเมตร ท่านได้ยินได้อย่างไร ทั้งที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย

    ได้แต่มองหน้ากัน แล้วก็ก้มลงกราบแทบพื้น ด้วยความเคารพ และ ศรัทธาจนหมดหัวใจ
    และ เป็นสาเหตุแรก ที่ผมและแม่บ้าน มาวัดท่านทุกสัปดาห์ จนกระทั่งท่านมรณในวงแขนของผม
     
  10. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เรื่องตาทิพย์

    ดังที่ได้กล่าวเล่าไว้ในตอนแรก
    ผมจะไปทำบุญที่วัดทุกวันเสาร์ อาทิตย์ โดยจะจัดอาหารไปถวาย
    สำหรับวันนั้นๆ และ เตรียมอาหารแห้งไปถวายเพียงพอสำหรับพระในวัด
    ตลอดสัปดาห์ เช่น พริก น้ำปลา ปลากระป๋อง ไข่ เนื้อหมูที่รวนสุกแล้วเป็นต้น
    ที่ทำเช่นนี้ และ ถือปฏิบัติมาโดยตลอด เพราะหลวงปู่อ่อนสา ท่านบอกว่า
    ให้ดูแล พระเสริมองค์นี้ให้ดีๆ นะ บุญหลายสายยาวนะ จึงได้มาเจอพระเสริม

    เมื่อถวายอาหารและหลวงปู่เสริมฉันแล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นวาสนาปากของญาติโยม
    เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็จะเทศน์ส่วนมากจะเป็นเรื่องสั้นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
    ในระยะนั้น

    มีวันหนึ่ง ท่านหันมาทางผม และ ท่านอาจารย์สวาท แล้วท่านก็พูดเปรยๆ ขึ้น ไม่ได้
    ระบุว่า เป็นใครว่า

    เป็นถึงข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่ ไปใส่แหใส่อวน ก็บาปพอแล้ว แต่ก็พออนุโลมได้ เพราะ
    เป็นบาปขาว บาป ที่ต้องทำ เพื่อความอยู่รอด แต่นี้ ไปขโมยปลาที่ติดด่างติดแหคนอื่นอีก
    มันเป็นบาปสองต่อในกรรมเดียว ไม่คุ้มกันเลย ไม่สมกับเป็นข้าราชการชั้นอยู่ใหญ่

    แค่นี้แหละครับ ท่านอาจารย์สวาทที่ไปด้วยก้มลงกราบแทนติดพื้น ไม่อยากยกหน้าขึ้นอีก
    อายครับ ก็ออกจากวัด วันเสาร์ก่อน วันอาทิตย์ตอนเข้าตรู่ แกก็ไปเยี่ยมย่ามด่างแห ที่บ้านวังฮาง
    ที่แกใส่วางไว้ บังเอิญ เดินไปเห็นปลาติดด่างแหของคนอื่นที่มาวางไว้เช่นกัน แกก็เลยปลดเอา
    แกก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเป็นปกติวิสัยที่แกทำอยู่ เช่นเดียวกับคนอื่นหรือประมงน้ำจืดทำกัน

    ออกจากวัดมา แก่ถึงได้เล่าให้ฟัง หน้าแดงเป็นตำลึงสุก
    โอ๊ย โอีย แฮดหยังบ่ได๋ตั๋วนี่ ปานมีเรด้าจับเบิ่งตลอดเวลา


    อีกครั้งหนึ่ง
    ท่านพููดเปรยๆ ขึ้นมาเช่นกัน

    " คนบางคน ไปถึงที่ไหน ก็มีแต่คนเคารพนบไหว้ ทำตัวไม่สมกับที่เขาเคารพ
    ตกเย็น ก็นั่งตั้งวงกินเหล้ากัน กลัวเขาเห็น ก็หลบกิน
    ใหญ่ ก็กินเหล้าขวดใหญ่
    เซ้าซะเด้อ อายเพิ่น บ่แม่นแนวพ่อแม ครูบาพาเฮ็ด "

    ก็เมื่อคืนพากันตั้งวง ที่บ้านคุณพี่สันทัด ชีพสุ..... บ้านคุณพี่ท่าน
    ด้านซ้ายมือ เป็นที่ดินรูปขวาน ตรงรูปใบขวาน ท่านก็สร้างกระต๊อป
    ตั้่งเป็นที่นั่งดื่มกัน

    เพื่อนเอาเหล้าแสงโสมเหรียญทอง ขวด 5 ลิตร มาฝาก ก็เลยพากัน
    เจิมเหล้ากันพอประมาณ แต่ก็หมดขวด

    ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ท่านทราบได้อย่างไร
    มนุษย์บ้าคนไหนจะไปเล่าเรื่องกินเหล้าให้พระฟัง
    ผมนะ ไม่ได้เมา เพราะไม่ชอบดื่มเท่าไหร่ แ่ค่นั่งเป็นเพื่อนเขาเท่านั้น
    สุดท้ายก็โดนหางเลขด้วย

    ท่านรู้เห็นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ราวกับว่า ท่านอยุ่ในที่เกิดเหตุ
    ยังกับท่านเห็นมากับตาเนื้อของท่าน........

    สุดยอดพระอาจาย์ที่หาตัวจับอยากที่องค์หนึ่ง
    ยังมีต่อ ถ้าอยากฟัง............. เรื่องรู้ภาษาสัตว์
     
  11. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    จะเป็น ปี พ.ศ. เท่าใด จำไม่ได้ เพราะไม่ได้จดไว้
    วันหนึ่ง ในเดือนเมษายน หลังจากเสร็จกิจในตอนเช้า ญาติโยมกลับไปหมดแล้ว
    ผมก็ทำความสะอาดศาลา เอาผ้าจีวร และ อื่นๆ ของท่าน(ขออนุญาติหลวงปู่เสริมแล้ว)
    ออกซัก ทำความสะอาดที่พักซึ่งท่านอาศัยส่วนหนึ่งของศาลาหลังใหญ่ หล้ังเดียวของวัด
    เป็นที่พัก

    บ่ายแก่หน่อย ผมนั่งสนทนา ฟังท่านสอนเรื่องต่างๆ ในทันใดนั้น ท่านก็หยุดแบบ
    ไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วพูดขึ้นลอยๆว่า จะกินให้เขาหมดหน่อ หมดแนว( สิ้นเชื้อ สิ้นไข ) เลยหรือ
    แล้วท่านก็ขี้ไปที่ต้นไม้หน้าศาลา

    ผมเห็นงูตัวเท่าข้อมือเรื่อยออกจากโพลงไม้ เอาหัวลงและหล่นตุบมาที่พื้น

    ท่านพูดว่า น่าซิพอแล้วเด้อ กินลูกเขาตั้งสองโตแล้ว ยังใว้ให้เขาเป็นหนอ เป็นแนวแน

    แล้วท่านก็หันมาพูดกับผมว่า งูขึ้นไปกินลูุกนกสองตัวแล้ว และ ยังจะกินตัวที่สามอีก
    สงสารพ่อแม่นก มันจะไม่มีลูกสืบสันดานมัน เลยขอบิณบาตลูกตัวที่เหลือ

    ท่านสามารถสื่อกับงูได้อย่างน่าอัศจรรย์

    นอกจากนี้

    บริเวณวัดป่าบ้านดงยาง เป็นป่าช้าเก่า รกชัำฏ เป็นที่อยุ่ของสัตว์ป่าตัวจ้อยทั้งหลาย
    และ นกเขา

    มีนกเขาตัวหนึ่ง ชอบมาเกาะใกล้ๆ ศาลา มันขันสามกุ๊กด้วย
    มีเซียนนกเขา พยายามมาต่อเพื่อจับไปเลี้ยงหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ

    วันนั้น ไม่ได้ยินเสียงนกเขาตัวนี้เลย
    จึงถามหลวงปู่ว่า ไม่ใช่มันโดนกับดักเขาแล้วบ่ปู่

    หลวงปู่เสริมตอบว่า มันกำลังได้ลูกใหม่ ง่วนกับการช่วยเมียเลี้ยงลูก
    แมมบ่อ บักสาม

    เท่านั้นแหละ บักสามกุ๊ก ก็บินมาเกาะที่ตันกุงข้างศาลา แล้วบรรเลง
    เพลงร้อง สามกุ๊ก อยู่พักใหญ

    จนหลวงปู่บอกว่า เซ้าๆ ไปเบิ่งลูกโตไป๊ รักษาเนื่อ รักษาโตเด้อ

    บักสามก็บินเข้าพงป่าไปอย่างอัศจรรย์
    เรื่องเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นกับอาจารย์สวาท เช่นเดียวกัน

    อ่านด้วยความสนุกนะครับ
    อย่าเชื่อ โดยไม่ใข้วิจารณาญาณ เป็นเรื่องที่เกิดกับตัวใครมัน
     
  12. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เรื่องย่นระยะทาง

    เช้าวันเสาร์หนึง
    ผมกับคณะเดิม พากันขนสัมภาระไปวัดตามกิจปกติ
    แต่พอมาถึงวัด ก็เห็นชาวบ้านพากันมามุ่งหลวงปู่เสริมอยู่

    สอบถามชาวบ้านว่า ทำไม่หลวงปู่จึงเปื้อนโคลมตมอย่างนี้
    ชาวบ้านบอกว่า

    ชาวบ้านฝากเขื่อนห้วยหลวงไปพบหลวงปู่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของ
    ห้วยหลวง ท่านลื่นล้มเปื้อนโคลน จึงพากันนิมนต์ท่านขึ้นเรือกลับมาส่ง
    ที่วัด

    จากวัดป่าบ้านดงยาง ข้ามห้วยหลวง ไปอีกฝากหนึ่ง หากเดินด้วยเท้า
    คงเป็นเรื่องลำบาก แต่ท่านสามารถข้ามไปได้อย่างไร สอบถามท่านแล้ว
    ได้ความว่า

    มีคนเขามานิมนต์ท่านไปขึ้นบ้านใหม่ ที่อีกฟากหนึงของห้วยหลวง
    ท่านก็บอกให้เขาไปก่อน แล้วท่านจะตามไป
    หลังจากจัดแจงเก็บหมากพูลแล้ว ท่านก็เดินตามเขาไป
    ขากลับ เจ้าภาพบอกว่าจะมาส่งท่าน ท่านก็ปฏิเสธแล้วก็กลับของท่านเอง
    ท่านเดินลื่นล้ม ปวดข้อเท้ามาก จึงนั่งรอให้โยมที่จะมากู้แหอวน
    นำท่านกลับวัดอย่างที่เห็น

    ชาวบ้านดงยางที่อยู่ด้วยกันในขณะนั้น มีผู้ใหญ่บ้าน ลุงบาง
    ลุงเหี้ย ต่างมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มๆ
    บางคนถามท่านต่อไปอีกว่า

    เดินไปได้จังได๋ มีแต่น้ำนะ
    ท่านก็พูดว่า เอามือกุมชายจีวรไว้สูงๆ ไม่ให้เปียกน้ำ แล้วก็เดินก้าวไวๆ
    ไม่เห็นจะเปียก
     
  13. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    ครั้งหนึ่ง หลังจากญาติโยมกลับไปหมดแล้ว หลวงปู่บอกผมว่า ให้รีบกลับ
    อำเภอหนองหาน ให้หาแผ่นทองแดงมาให้ท่าน หรือ แผ่นตะกั่วก็ได้ แค่นี้
    เป็นอันเข้าใจ

    ผมเอาน้ำใส่กาละมังตากแดดไว้ พอให้น้ำอุ่น ตกบ่ายแก่ๆ ท่านรีบสรงน้ำ
    และ จัดแจงตัดแผ่นทองแดงเป็นชิ้นๆ ตามขนาดต่างๆ กันไป

    คืนนั้น เป็นคืนที่มีปรากฏการณ์ธรรมชาติเกิดขึ้น คือ

    มีจันทระปราคา หรือ กบกินเดือน

    พอเงาทับดวงจันทร์ หลวงปู่ก็เริ่มจารแผ่นทองแผ่นที่ละแผ่นอย่างตั้งใจ
    ท่านทราบว่า จันทรุปราคาครั้งนี้ จะกินเวลากี่นาที
    ท่านจารจนเสร็จพอดีกับปรากฏการณ์ดังกล่าวจบลง

    จากนั้นท่านก็นั่งปรกจน ทรงกรดรอบๆ พระจันทร์หายไป
    ผมก็นั่งดูท่านจาร สังเกตุสีหน้าหลวงปู่ยิ้มแย้ม อย่างมีความสุข
    แมลงยุง ไม่ไปต้อมไต่ท่านเลย ผิดกับผม ที่ทั้งขยับ และ ไล่ยุงตลอดเวลา

    จากนั้นท่านก็ปรกอยู่หลายอาทิตย์ จึงมอบให้ชาวบ้านผู้ที่ท่านเห็นว่าสมควร
    กำชับบอกว่า สุดยอดวิชาเมตตาของหลวงพ่อพิบูลย์ ดีทางเมตตา
    มหานิยม ค้าขาย คลาดแคล้ว
    ส่วนที่เหลือ ไม่กี่ดอก ท่านมอบให้ผมเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลาน
    ตะกรุดแต่ละดอกยาวประมาณสองนิ้ว

    ส่วนเศษทองแดงเล็กๆ ท่านก็ทำเป็นตะกรุดสาริกา

    เคยเรียนถามหลวงปู่ เรื่องฤกษ์ยามต่างๆ
    ท่านบอกว่า หลวงพ่อพิบูลย์สอนให้รู้เรื่องฤกษ์ยาม แต่เราเป็นฆราวาส
    ไม่ได้ทำของสูง ของศักดิ์สิทธิ์อะไร ไม่จำเป็นต้องไปถือฤกษ์ยามหรอก
    เอาฤกษ์สะดวกนั้นแหละดีที่สุด

    นอกจากนี้ ท่านยังเล่าว่า หลวงพ่อพิบูลย์ สอนให้ตั้งธาตุ หนุนธาตุ จนชำนาญ
    สอนให้เรียกคาถาแต่ละตัว
    ก่อนลงอักขระแต่ละตัว จะมีคาถากำกับ ไม่ใช่เขียนรายงานหรือเหมือนเขียนหนังสือ
    ของเด็กนักเรียน จึงจะทำให้ยันต์ที่เรียก มีพุทธคุณเข้มขลัง

    ก่อนแจกให้กับศิษยานุศิษย์ ท่านทำพิธีปรกใหญ่ให้ โดยเอาตะกรุดทั้งหมด
    ใส่พานตั้งไว้หลังท่านพร้อมภาพถ่ายของท่าน
    แล้วท่านหันหน้าไปทางพระประธานในศาลา นิ่งอยู่นาน
    ร่วมสิบนาที สังเกตุใบหน้าของท่าน อิ้มเอิบ ยิ้ม และ มีสง่าราศรีในจีวรเก่าๆ น่ารักมาก
    คิดถึงภาพนั้นอยู่เสมอ และ คงจำติดตาไปจนวันตาย
     
  14. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    หลวงปู่เสริม ท่านมรณะภาพเป็นเวลาร่วม 20 ปีแล้วครับ
    อยากกราบ ก็คงได้กราบแค่อัฐิของท่านที่เจดีย์เล็กๆ ที่วัดป่าบ้านดงยาง
    ปากทางเข้าอำเภอพิบูลย์รักษ์ ครับ

    เคยถามหลวงปู่เสริม เรื่อง คาถามหานิยม ว่ามีจริงหรือไม่
    ท่านตอบว่า มีจริง แต่วิชานี้ คนที่จะนำไปใช้ต้องระวัง เพราะอาจเป็นการทำบาปได้
    เช่น เอาไปเรียกสาว ( เสียดายท่านตี้ ไม่ทันหลวงปู่ จะได้เรียนวิชานี้กับท่าน ) เจรจาซื้อขาย
    เพราะสาวเจ้า หรือ ผู้ขาย อาจไม่เต็มใจด้วย การใช้คาถามหานิยม จึงต้องชดเชยให้ภายหลัง
    ตามกฏแห่งกรรม

    กราบหลวงปู่ช่วยทำให้ดูหน่อยเถิดหลวงปู่
    หลวงปู่ก็บอกไปหาน้ำตาลก้อน กับก้นบุหรี่มา

    ผมขับรถเข้ามาในบ้านดงยาง เพื่อหาซื้อน้ำตาลก้อนที่ทำจากน้ำตาลมะพร้าว
    และรีบกลับวัดไปหาหลวงปู่

    หลวงปู่ยิ้ม อย่างอารมย์ดี หยิบเอาก้นบุหรีที่ผมฉีกเอากระดาษออกเหลือแต่ก้นกรอก
    ท่านเอาก้นกรอกบุหรี่ ขึ้นมาเพ่งอยู่ประมาณซักครึ่งนาที

    แล้ววางก้นกรอกบุหรี่ลง เอาก้อนน้ำตาลก้อนวางรอบๆ ก้นกรอง
    ห่างกันประมาณ สองสามนิ้ว

    ไม่ถึงอึดใจ
    มดเดินขบวน ข้ามก้อนน้ำตาลก้อน เพื่อมาตอมก้นกรองบุหรีที่ผมเป็นคนดูดและแกะ
    กระดาษออก โดยไม่สนใจน้ำตาลก้อนแต่ประการใด

    มันพากันเกาะเต็มก้นกรองอย่างอัศจรรย์

    หลวงปู่เสริม หัวเราะ แล้วท่านก็เพ่งที่ก้อนน้ำตาลซักครู่หนึ่ง
    ( เข้าใจของผมในขณะนั้น คือ ท่านถอนวิชา )
    มดทั้งหมดที่เกาะที่ก้นกรองบุหรี่ หันและพรูมาตอมน้ำตาลก้อนเต็มไปหมด

    นี่คือ วิชามหานิยม ที่ท่านทำให้เห็น

    แล้วท่านก็ถามผมว่า ชอบถามซอกแซกแบบนี้ ไม่คิดจะเรียนบ้างหรือ
    ผมตอบว่า ไม่นะครับ
    ท่านตอบว่า ดีแล้ว ของพวกนี้ เป็นของเล่น อย่าไปสนใจอะไรเลย
    แค่เล่นสนุกๆ เป็นเพียงมโนมยิทธิก็ทำได้แล้ว หากรู้จักการตั้งธาตุ
    หากตาทีสามเปิด ก็ได้แล้วนะ มโนมยิทธิ
     
  15. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เอ้า เข้ามาหาเรื่องของหลวงปู่เสริมกันต่อ ว่าด้วยการถอนพิษ

    ที่ศาลาหลังใหญ่ ในตอนเช้าวันสุดสัปดาห์หนึ่ง ขณะที่ทั้งหลวงปู่
    และ ชาวบ้าน รวมถึงครอบครัวของผม กำลังนั่งรับประทานอาหารส่วน
    พระท่านก็กำลังฉันกันอย่างเงียบๆ

    ได้มีตะขาบป่า ตัวยาวคืบเศษ หล่นตกลงมาจากขื่อศาลา ลง
    กลางวงอาหาร และ คลานอย่างรวดเร็วเข้าไปในกางเกงของลูกชายผม
    คือ เด็กชายปัญญาในขณะนั้น ปัจจุบันอายุร่วม 30 แล้ว

    เด็กชายปัญญาจึงลุกขึ้นปัดกางเกงและร้องเสียงหลง
    แม่บ้านจึงรีบดึงกางเกงออก ตะขาบกำลังต่อยที่พวงอัฒฑะของ
    หวงของเด็กชายปัญญาอยู่พอดี

    พลันหลวงปู่ก็พูดขึ้นทันทีว่า ไปกัดเขาหยัง มานี่ มานี่
    ผมและแม่บ้านจึงรีบจูงเจ้าลูกชายไข่แดงไปหาหลวงปู่

    หลวงปู่ภาวนาไม่กี่คำ แล้วเบาลงที่ไข่แดงที่กำลังจะแดง
    ขึ้นเรื่อยๆ พ๊วงใหญ่ แล้วท่่านก็บอกว่า กลับไปหนองหาน อย่าลืม
    ไปให้หมอฉีดยาถอนพิษให้ลูกเด้อ

    เงียบเหมือนปลิดทิ้ง เด็กชายปัญญาเดินกลับมานั่งกินข้าวต่อ
    จนอิ่ม และ พากันไปล้างถ้วยจานเก็บเข้าที่ เข้าทาง

    เวลาห่างไปอีกราว ยี่สิบนาที ปรากฏว่า พวงอัณฑะของเด็กชาย
    ปัญญากลายเป็นสีแดงแกมม่วง เหมือนสีชมภูหม่าเหมี่ยวไม่มีผิด
    สอบถามว่า ปวดหรือไม่
    เด็กชายปัญญาตอบว่า ฮึ ไม่ปวด แล้วก้วิ่งเล่นตามประสาเด็ก

    ก่อนลากลับ ท่านยังย้ำว่า อย่าลืมพาลูกไปหาหมอเด้อ
    เมื่อมาถึงอำเภอหนองหาน ก็พาลูกไปหาหมอ คุณหมอก็เมตตาให้
    พาราแก้ปวดมาห้าหกเม็ด บอกว่า เวลาปวดค่อยกิน

    สรุปแล้ว เด็กชายปัญญาไม่ได้กินพาราที่คุณหมอสัญชัย ให้แต่ประการใด

    นี่คือ พลังจิตและความศักดิ์สิทธิของคาถาถอนพิษของหลวงปู่เสริม ชัยยธมโม
    พระป่าบ้านนอกที่เก็บตัวเงียบ ท่ามกลางป่าดงพงไพร ผู้ไม่ติดในลาภยศ สรรเสริญ
    หรือ แม้แต่อาหารขบฉัน อาสนะเครื่องนอนใดๆ

    ผู้ซึ่งปฎิเสธการเวียนว่าย ตายเกิด ที่น้อยคนจะรู้จัก
    มีน้องคนหนึ่ง โทรฯมาถามว่า

    ทำไม พี่นกจึงไม่เปิดตัวหลวงปู่ ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังทรงขันธ์อยู่ จะได้ไปกราบท่าน
    ทั้งหมดนี้ เป็นไปตามเจตนาขององค์หลวงปู่
    หลวงปู่เสริม ท่านไม่ปรารถนาบริวาร แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับแขกคนหรือให้คำชี้แจงเรื่องปัญหาธรรม
    หากอยู่ตามลำพัง
    นอกจากนั่งสมาธิ พิจารณาเจริญกรรมฐานแล้ว
    ท่านก็จะอ่านหนังสือต่างๆ ที่ผมเอาไปจากวัดป่าบ้านตาด หรือ
    ที่มี ที่นำไปถวายท่าน สุดท้าย ท่านก็จะกลับมาทวนที่ มุตโตทัย
    หนังสือเล่มเก่าๆ ที่หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี ให้ท่าน สมัยท่านไปจำพรรษากับ
    หลวงปู่เทศก์และยังได้ช่วยกันปลูกไผ่ไว้หนึ่งกองที่หน้ากุฎิของหลวงปู่เทสก์

    คงมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์น้อยองค์ ที่ร่ำเรียนทั้งทางไสยเวทย์ และ ปฏิบัติ
    สายหลวงปู่มั่นไปพร้อมกันเช่นหลวงปู่เสริม ซึ่งท่านเน้นการปฏิบัติมากกว่าการทำวัตถุมงคล หรือ เป่ากระหม่อม
     
  16. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เมื่อสมัยที่หลวงปู่เสริม ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่มีอินเตอร์เนท จึงไม่มีโอกาสนำประวัติของท่าน
    ออกสู่สาธารณะ
    ทั้งจากการสังเกตุ หลวงปู่ท่านชอบสันโดด ท่านใช้เวลาที่มีน้อยของท่าน
    เร่งปฏิบัติ ตัดวาง
    เห็นได้จาก การนั่งภาวนา ครั้งละนานๆ
    การเจริญกรรมฐาน เป็นนิจ
    ท่านไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการขบฉันของท่านแต่ประการใด

    เคยมีญาติโยมของท่าน ที่เป็นคุณครูสอนที่โรงเรียนประถมใกล้ๆ วัด
    มาขอหวยเบอร์กับท่าน เพื่อจะได้เงินไปใช้หนี้บ้าง เพื่อนำมาสร้างวัดวาอารามต่อเติมให้แล้วเสร็จ
    หลวงปู่ท่านก็ถามคืนว่า เป็นถึงครูอาจาร์ อ่านเลขไม่ออกหรือ จึงได้มาขอเลขจากท่าน
    ท่านบอกว่า แค่มีหลังคาไว้กันฝน พอได้ซุกหัวนอน ก็ดีถมแล้ว
    จะไปหากิเลสมาพอกให้มันหนาขึ้นทำไม

    ที่มาบวช ก็มาเพื่อฆ่ากิเลส ไม่ใช้มาสร้างกิเลส
    วันก่อน มีคนเอาลูกสุนัขมาปล่อยที่วัด
    หลวงปู่เสริม ท่านก็พูดด้วยเมตตาว่า

    อย่าเอามาสร้างภาระให้กับวัดเลย
    ลำพังที่จะฉันแต่ละวัน ก็ต้องไปรบกวนชาวบ้าเขาอยู่
    จะเอาหมามาให้เลี้ยงอีก คงไม่ไหว เกรงใจโยมเขา
    รักนะ รักอยู่ดอก หมานะ มันน่ารัก
    แต่ให้สงสารพระ กับ โยมที่มาอุปถากวัดบ้าง เขาก็เหนื่อยมากแล้ว

    เอาไปให้คุณครูสวาทท่านเลี้ยงไป๊ ท่านรักสุนัข
    และ มีกำลังพอที่จะเลี้ยงมันให้ดีได้

    การขบฉันของหลวงปู่ ท่านเอาเฉพาะเท่าที่ท่านต้องการเท่านั้น
    แค่พอยังชีพไปวันๆ เท่านั้น
    เศษข้าวเหนียวทีติดที่ก้นบาตร ก่อนทำความสะอาดบาตร
    ท่านจะเก็บ แกะเอามาวางตรงทางเดินของมด
    ให้เป็นอาหารมด ถ้ามีเหลือมาก
    ท่านก็เอาไปวางตามต้นไม้ให้เป็นอาหารของนก
    ท่านบอกว่า นอกจากได้บุญ ได้กุศลแก่ผู้มาทำบุญแล้ว
    สรรพสัตว์ ยังอิ่มท้อง และ วัดวา ก็สะอาดสอ้านด้วย
     
  17. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    หลวงปู่เสริม เป็นพระที่แสวงหาความรู้อยู่เสมอ
    ท่านชอบอ่านหนังสือ ( สมัยก่อนยังไม่มีซีดี ) และฟังเทป
    เนื่องจาก ทางวัดไม่มีไฟฟ้าใช้ และ การเดินสายไฟฟ้าจากหมู่บ้าน
    ไปถึงวัด เป็นระยะทางเกือบสามกิโล ใช้เงินมากพอสมควร

    ผมได้ซื้อแบตเตอรรี่รถพวง (ยาวเท่ากับแบตฯ รถปิคอัพสามอัน )
    ชาร์ทไฟไปถวายวัดทุกสัปดาห์ แบตก้อนหนึ่ง ก็อยู่ได้หนึ่งสัปดาห์พอดี
    พอให้หลวงปู่ และ ชาวบ้านได้ใช้แสงไฟอ่านหนังสือ และ ประกอบกิจกรรม
    ทางศาสนาในเวลากลางคืน

    แบกแบตเตอรรี่เข้า-ออกวัดหลายปี เปลี่ยนไปหลายชุด แบกจนเตี้ยเลย

    ปกติ เมื่อผมมาวัดปาบ้านตาด จะขอหนังสือบ้าง เทปบ้าง เพื่อไปให้ญาติโยม
    ที่วัดบ้านดงยางได้อ่าน ได้ฟังกัน ได้ศึกษากัน อ่านฟังแล้ว ก็จัดเก็บเป็นระเบียบ
    หาวิทยุเทป ลำโพงเล็กๆ และ ชั้นเก็บหนังสือไปถวายวัดเรียบร้อนเสร็จสรรพ

    หลวงปู่เสริม จะถามเสมอว่า วันนี้ หลวงตาท่านเทศน์สอนเรื่องอะไร
    ( เมื่อพูดถึงหลวงตา หลวงปู่เสริม จะยกมือขื้นวันทามิ ทุกครั้ง )เล่าให้ฟังหน่อย
    หากได้หนังสือมา ท่านก็บอกว่า วันศุกร์มาอ่านให้ฟังหน่อยเด้อ ผมก็จะมานอนวัด
    อ่านให้ท่านฟังจนเหนื่อย ให้น้ำให้ท่ากันไปหลายยก เรียกได้ว่า จนเกือบสว่างกันโน้นแหละ
    ถ้าได้เทปมาก็สบายหน่อย ท่านเปิดฟังของท่านคนเดียว

    ครั้งหนึ่ง ผมไปงานวันเกิดหลวงปู่ชอบ ฐานสโม กับหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร
    ซึ่งผมก็ไปปกติทุกปี ได้หนังสืออัตโนประวัติของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม มาเล่ม
    และ ก็ได้มีโอกาสอ่านถวายท่าน เพราะท่านสายตาไม่ดีอ่านหนังสือช้า

    หนังสือเล่มดังกล่าว เรียบเรียงโดยราชนิกูลท่านหนึ่ง เขียนไว้ในส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนั้นว่า

    ปริศนาธรรมของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม หากผู้ใดมีวาสนา ตีปริศนาธรรมนี้ออก
    ผู้นั้นจะได้พบขุมสมบัติแห่งธรรม หรือ เป็นกุญแจไขไปสู่โลกกุตระธรรม ดังนี้

    ธรรม อยู่ฝากป่าหมากเหยา

    สำหรับคนอิสาน คงพอเข้าใจ แต่ท่านได้รจนาไว้ว่า
    ธรรม อยู่ ฝาก(แปลว่า ข้าม ถัด ไป ) ป่า หมากเหยา
    ( หมากเหยา แปลว่า ต้นสบู่ดำ )

    ธรรมอยู่ข้ามหรือถัดไปจากต้นสบู่ดำ

    หลวงปู่เสริม ท่านทักว่า นี่คือ การแปลที่ไม่เข้าใจภาษาท้องถิ่น
    ..พรัตน์ เข้าใจบ่ แล้วท่านก็อธิบาย ความหมายด้วยภาษาชาวบ้านว่า

    สมัยเป็นหนุ่ม เจอะคู่อริ จะข่มขือคู่อริเป็นภาษาชาวบ้านอิสานว่า

    ระวังตัวไว้ให้ดี มึ ง ระวัง กูซิเอามึ ง ให้ตาย บ่ตาย กะเหยา
    แปลว่า ระวังตัวไวให้ดี มีงระวัง กูจะเอามึ ง ตาย ไม่ตาย ก็คางเหลือง

    เมื่อมาถึงตรงนี้ ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านสอนไว้ว่า
    ธรรม หรือ การบรรลุธรรมนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยง่ายดาย
    ต้องแทบล้ม แทบตาย คางเหลืองโน้นแหละ จึงได้มา

    หาใช่ปริศนาธรรมใดไม่ แต่เป็นความจริงที่ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ เป็นสัจจธรรม
    เว้นแต่ท่านผู้มีวาสนาเท่านั้น ที่จะบรรลุธรรมโดยง่ายเฉกเช่น อรหันต์ทั้งห้าร้อย
    สมัยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยุ่
     
  18. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    โดยปกติแล้ว หลวงปู่เสริม ท่านไช่พระนักเทศน์ ท่านสนใจเรื่องปฏิบัติมากกว่า
    และ ท่านก็ไม่ใช่พระใบ้หวย บอกเบอร์ ท่านจะสอนเสมอว่า

    การพนันทุกชนิด เป็นของเล่นของคนโง่ เท่านั้น เช่น
    การเล่นหวย มีโอกาสเพียง 1 ใน 100 ก็ยังเสี่ยงเล่น
    ไฮ โลว์ โอกาสแค่ 1 ใน 6 เท่านั้น ยิ่งจนเร็ว
    ปั้นแปะ เร็วที่สุด เพียง 1 ใน 2

    ให้พากันตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ซึ่งเป็นรายได้มั่นคง และ ไม่ทำให้เสียนิสัย
    เพราะการได้มาแบบไม่ได้เสียเหงื่อ ทำให้เห็นคุณค่า ของเงินน้อยไป ได้มาก็หมดไป
    กับสุรา นารี มีแต่ดิ่งลงนรกถ่ายเดียว


    ตอนสร้างศาลาหลังใหญ่ เริ่มแรก ชาวบ้านบริจาคไม้เสาคนละต้นสองต้น
    เป็นไม้จากหัวไร่ ปลายนา ส่วนพื้นก็ยังเป็นพื้นดินธรรมดา ไม่ได้อัดแน่นหรือเทปูนแต่ประการใด
    ผมนั่งคุยกับหลวงปู่ หลังจากชาวบ้านกลับหมดแล้ว
    หลวงปู่ท่านบอกผมว่า ศาลาหลังใหญ่นี้ สร้างให้
    มีทั้งหมด 2 พัก 7 ห้อง 2 ส่วน

    ผมดูแล้ว ก็พอเข้าใจ ศาลามี 2 ระดับ แบ่งออกเป็น 7 ห้อง ( จริงๆ แล้ว มี 5 ห้อง )
    ส่วน 2 ส่วนไม่เข้าใจ ท่านเมตตาอธิบายว่า ก็แบ่งออกเป็นสองห้อง ห้องหนึง
    ให้โยมผู้ชายนั่ง อีกห้องหนึ่งหรือส่วนหนึ่ง ให้ผู้หญิงนั่ง จะได้ไม่ปะปนกัน เป็นฝ่ายดี

    ผมถามว่า หลวงปู่ ทั้งหมด มีแค่ 5 ห้อง ที่เหลืออีก 2 ห้อง
    หมายความว่า ให้ขยายปีกออกไปอีกข้างละ ห้อง บ่

    ท่านมองหน้าแล้วก็ยิ้มๆ
    .....พรัตน์ เจ่ากะแม่นน้อ ไปถามคุณครูเบิ่งเด้อ ( ท่านหมายถึงแม่บ้านผม
    อาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ แต่เก่งเรื่องคณิตศาสตร์ เป็นที่สุด )

    ระหว่างขับรถกลับ เลยเล่าเรื่องนี้ให้แม่บ้านฟัง
    แม่บ้านผมยิ้มๆ แล้วพูดว่า ท่านเมตตาเรา เราคงได้เงินมาช่วยท่าน
    สร้างศาลา และ ทำตาข่ายปิดล้อมกันขโมยให้ท่านได้เสร็จแน่ๆ คราวนี้

    และ งวดนั้น หวย ออก 272 ไม่ได้กลับแม้แต่แอะเดียว

    ได้ปัจจัยมากโขอยู่ จึงทำยกพื้น รอบศาลา และ ตาข่ายกันขโมยแล้วเสร็จ
    ด้วยวาสนา บารมีของหลวงปู่ท่าน และ ยังเป็นที่ประกอบกิจของสงฆ์จนถึงทุกวันนี้
     
  19. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เคยถามหลวงปู่เสริม เรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่พิบูลย์ วัดพระแท่น
    ท่านยกมือท้วมหัวด้วยความเคารพ ท่านบอกว่า

    สมัยก่อน บ้านแดงยังเป็นป่ารกชัฎ แต่สายธารแห่งศรัทธาก็ไม่ได้ขาด
    จะมีญาติโยมมาทำบุญที่วัดทุกวัน พระเณรก็ไม่ขาด มาขอศึกษาเล่าเรียน
    วิชาและบวชกับท่านจำนวนมากพอสมควร เกิน 10 รูป
    โดยเฉพาะวันพระ วันโกน มีคนมาฟังท่านเทศน์แน่นขนัด

    มีวันหนึ่ง มีผู้ใหญ่บ้าน ขี้ม้ามาแจ้งว่า
    ต่อไปนี้ ห้ามมิให้พระ เณร และ ชาวบ้านมาชุมนุมที่วัดพระแท่นอีกต่อไป
    เพราะทางราชการ สืบทราบว่า
    วัดพระแท่นเป็นที่ซ่องซุมผู้คน มีหลวงปู่พิบูลย์เป็นหัวหน้า เป็นผีบุญ
    มาหลอกลวงชาวบ้าน ให้หลงเชื่อในทางที่ผิด ที่ไม่ควร
    หากยังมาชุมนุมกันต่อ อาจเดือดร้อน

    ในวันพระต่อมา ก็มีผู้คนมาทำบุญตามปกติ
    ขณะนั่งฟังเทศน์หลวงปู่พิบูลย์อยู่ หลวงปู่เสริมเล่าว่า

    มีนกเหล็กตัวใหญ่ ยิงกระสุนลงมาใส่ผู้คนนอกศาลา และ ในศาลา
    หลวงปู่พิบูลย์ท่านจึงบอกให้ทุกคน ห้ามออกจากศาลาเป็นอันขาด

    คงมีผู้คนหลายคนที่ตกใจวิ่งหนีออกมา และ ตกเป็นเหยื่อกระสุนอย่างเลี่ยงไม่ได้
    มีผู้คนล้มตายจำนวนมาก ยกเว้น พวกที่อยู่บนศาลา

    หลวงปู่พิบูลย์จึงเรียกประชุม ให้พระเณร ย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย
    บางรูปท่านก็บอกให้สึกเสีย เมื่อสิ้นเรื่องสิ้นราวแล้ว ค่อยกลับมาบวชใหม่

    จากนั้น ไม่นาน หลวงปู่พิบูลย์ก็ถูกจับต้องอธิกรณ์ ว่า เป็นผีบุญ
    ท่านถูกนำตัวมาไว้ที่วัดโพธิสมภรณ์ ข้างหนองน้ำเค็ม หรือ หนองประจักษ์ในปัจจุบัน

    พี่สาว และ พี่เขยคนโต บอกว่า
    สมัยเป็นเด็ก ยังเคยไปกราบหลวงปู่พิบูลย์ ท่านแขวนประคำลูกโต
    ใจดี และ มักแจกตะกรุดให้แก่เด็กนักเรียนที่ไปฟังท่านเทศน์เสมอๆ

    ไม่นาน หลวงปู่พิบูลย์ก็ถูกนิมนต์เข้ากรุงเทพ มีเณรเสริม และ เณรโชติ
    ติดตามท่านโดยนั่งเกวียนไป มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองควบคุมตัวท่านไป

    เหนื่อยที่ไหน ก็พักที่นั้น ท่านก็ให้เณรเสริม และ เณรโชติเก็บหินลูกรัง
    หรือที่บ้านเราเรียกว่า ขี้หินแฮ ล้างน้ำให้สะอาดให้ท่าน
    ตลอดระยะทางที่เดินทางไป หลวงปู่พิบูลย์ก็ภาวนา เศกขี้หินแฮของท่าน
    ไปเรื่อย
    เมื่อไปถึงกรุงเทพ
    ทางการได้นิมนต์ท่านไปแจกเครื่องรางของขลัง ให้กับทหารที่จะไปรบในสงครามโลก
    หลวงปู่พิบูลย์ ก็แจกขี้หินแฮเหล่านี้ ให้กับทหารหาญ
    ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เลยว่า หลวงปู่พิบูลย์เสียจริต
    ให้เอาไปถ่วงน้ำเสีย นี่คือ สาเหตุที่ท่านถูกถ่วงน้ำ

    เมื่อท่านรอดมาได้ ก็เดินทางด้วยเท้ากลับวัดพระแท่น
    ตลอดระยะทางที่ท่านเดินทางกลับ มีลูกศิษย์ลูกหาเดินตามมาส่ง
    มีเกวียนเทียมวัวตัวเขืองที่ชาวโคราชถวาย พร้อมข้าวสาร อาหารแห้ง
    น้ำมันก๊าด หลายเล่ม

    กว่าทางการจะทราบว่า
    ขี้หินแฮ ของดี นั้นยิงไม่ออก ท่านก็มาถึงโคราชแล้ว
    หลวงปู่พิบูลย์มาถึงวัดพระแท่นได้ไม่นาน ก็ถูกนิมนต์มาควบคุมตัวไว้
    ที่วัดโพธิสมภรณ์เหมือนเดิม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการง่ายในการควบคุมสอดส่อง
    ของทางราชการ

    เคยเห็นขี้หินแฮ ประคำของหลวงพ่อพิบูลย์ ที่ตกทอดเป็นมรดกของ
    ตระกูลชีพสุวรรณ ที่อำเภอหนองหาน ก็หินลูกรังก้อนเล็กๆ เท่าปลายก้อย
    ธรรมดา ส่วนประคำท่านนั้น

    ท่านจารด้วยแผ่นทองแดงเล็กๆ เป็นไส้พอสอดเชือกได้ แล้วผอกด้วยผง
    พุทธคุณอีกชั้นหนึ่งและปั้นเป็นลูกกลมๆ เป็นลูกประคำ

    เคยถามหลวงปู่เสริมว่า มีของดีอะไรของหลวงปู่พิบูลย์หลงเหลือหรือเปล่า
    ท่านบอกว่า ไม่มี แจกไปหมดแล้ว ขี้เกียจถือ หนัก
    ที่เรียนมาจากท่าน ก็จำไม่หวาดไม่ไหวแล้ว


    ทั้งหมดจากงานเขียนของท่านอาจารย์นก อุดร108ครับ
     
  20. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG] [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...