จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    บอกรักแม่สักหน่อยไหมครับ
    ตอนนี้แม่กำลังทำอะไร แม่กินอิ่ม แม่นอนหลับดีไหม๊ อยู่สุขสบายดีหรือเปล่า
    พวกเราเคยรักและเป็นห่วงหาอาทรเหมือนแม่ที่เคยเลี้ยงดูเรายังครั้งเยาว์วัย
    หรือตั้งแต่เท้าเราเท่าฝาหอย แต่ตอนนี้หอยนางรมเรียกพี่..แร๊ะ

    แต่ถ้าแม่ใครยังอยู่..อยู่ใกล้ได้โปรดพูดคุย อยู่ไกลให้โทรหา ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบท่านบ้าง
    แต่ถ้าแม่ใครสิ้นอายุขัยไปแล้ว ได้โปรดทำบุญกุทิศไปให้ท่านบ่อยๆ
    ยิ่งแม่ใครที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ตอนนี้ตายไปแล้ว แต่แม่ไม่เคยทำบุญกุศล อันนั้นหนักเลย
    แต่แม่ยังคงตั้งหน้ารอคอยให้ลูกเป็นคนดี ยิ่งลูกคนไหนพากันรักษาศีลทำภาวนา
    ก็อย่าลืมคิดถึง ระลึกถึง ส่งบุญไปให้ท่านเยอะๆ
    ยิ่งน่าสงสารดวงวิญญาณแม่ผู้ที่อยู่นรกขุมลึก ท่านรับบุญไม่ได้เพราะจิตหยาบ
    ทำได้แต่ส่งบุญกุศลผ่านผู้ที่มีบารมีมาก เช่น พระพุทธเจ้า ท่านยม(อย่าลืมนะ)
    เห็นคุณแม่ใครไม่รุ๊ กำลังเหมือนยืนรอลูกๆมาโปรดให้ แม่พูดก็ไม่ได้ ติดต่อสื่อสารก็ไม่ได้
    แม่มองเห็นกรรมตัวเองและคนอื่นทุกอย่าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นกฎแห่งกรรม
    จงจดจำกันไว้ให้ดี ยามที่พวกที่ยังพอมีลมหายใจ จงอย่าได้สนใจผู้อื่น
    ขอให้สนใจจิตตนเองให้มากๆ เพราะแก่นธรรมของพระพุทธเจ้าก็อยู่ตรงนี้เอง
    แล้วพวกเราจะไปตามหาบุญกุศลจากใครหรือที่ไหนกันไกลเล่า!

    พ่อกับแม่ คือพระอรหันต์ของตนเอง แต่ถ้าเราไม่ทำบุญทำทานกับท่าน
    ต่อให้เราไปสร้างวัด สร้างโบสถ์ แม้นกระทั่งทำภาวนาที่ไหนๆ
    แค่ปัญญายังตามหาไม่พบ นับประสาอะไรกับ"ปัญญาญาณ" ย๊ากกส์!

    เวลาเราทานข้าว หายใจ ทำบุญทำทาน ทำภาวนา จงนึกถึงท่านบ้างนะ
    ที่เป็นเรา เป็นของเรา หรือไม่มีเรา ไม่มีของเรา มีขันธ์๕ก็เพราะว่าท่าน
    อย่าไปคิดเป็นเวรเป็นกรรม อย่าบ่นแม่ อย่าน้อยใจแม่ โดยเฉพาะอย่าไปสอนสั่งแม่
    ไม่ว่าแม่จะดีหรือไม่นั่นเป็นกรรมของแม่เอง เราอย่าไปรับกรรมแทนแม่ แต่คอยส่งบุญให้แม่
    ขอให้คิดซะว่าแม่ทำให้เราเกิดมาเพื่อเราจะได้มีโอกาสกระทำความดี (ให้ไวๆ)
    เดี๋ยวหมดลมเท่ากับหมดโอกาสสร้างบุญบารมีแห่งตน

    แม่จ๋าแม่ แม่อยู่ไหน ผมรักแม่ที่ซู๊ดดด บุญกุศลที่ลูกมีที่ลูกทำมาตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน
    ลูกคนนี้ขอให้ส่งให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ พร้อมปู่ย่าตายายและผู้มีพระคุณทุกๆท่าน
    ขอให้สมเด็จองค์ปฐมหรือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์จงมาเป็นพยานที่ลูกได้อุทิศบุญกุศลทั้งหมดนี้
    ขอจงท่านทั้งหลายที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จงมีส่วนได้รับบุญกุศล
    และขอให้ท่านทั้งหลายมีแต่ความสุขเฉกเช่นลูกที่กำลังสุขใจในขณะนี้ด้วยเทอญ..สาธุๆ


    ลูกคนนี้รักแม่นะ
    ถึงแม่ไม่อยู่โลกนี้แล้วก็ตาม ลูกคนนี้จะคอยหมั่นส่งผลบุญไปให้บ่อยๆ
    ตราบจนลูกคนนี้จะสิ้นอายุขัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤษภาคม 2013
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=iu92rtWHWgk]แม่ เสก โลโซ - YouTube[/ame]
    เมื่อก่อนนี้ได้ยินเพลงนี้ไม่ได้เลย..น้ำตามันจะไหล
    แต่เดี๋ยวนี้ ร้องไม่ออก เพราะจิตเข้าใจ ที่มา-ที่ไปของทุกชีวิตทั้งหมดเลย
    ยิ่งตอนนี้ก็แค่รู้ รู้รู้ รู้รู้รู้และก็วางลงมันซะให้หมด อย่าให้หลงเหลือ
    ดับเสียให้หมดทั้งรูปนามของตน อย่าเที่ยวไปหลงดับรูปนามผู้อื่นเสียเวลา
    ที่เหล่านักภาวนาตามหากันก็คือปัญญา/ปัญญาญาณของตนเอง พอพบแล้ว
    นึกว่าจะมีอะไร/ได้อะไรกลับไป แต่ที่ไหนได้..เปล่าเลย ไม่มี/ไม่เหลือ
    มีแต่ตัวผู้รู้อย่างเดียว ตัวรู้หรือตัวถูกรู้ก็ต้องทิ้ง ทิ้งจนกว่าหรือรู้สึกว่าไม่มีอะไรเป็นเรา
    เป็นของเราอีกต่อไป

    สุขอะไรไม่สุขเท่ากับการปล่อยวางขันธ์๕(ตนเอง) มิใช่ปล่อยวางคนอื่น/สิ่งอื่น
    บุญก็คือความสบายใจ ดูสิว่าภายในจิตใจเรามันสงบสุข/เยือกเย็น..จริงไหม๊
    ให้จิตเขาพูดแทนปาก

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤษภาคม 2013
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    ภูทยานฌาน2, Dhammanee​
    เอ๊า..อยู่กันสองคนตายายกับลูกอีกหนึ่งคน ไม่ทราบว่าใคร คิดเอาเอง
    วันนี้สไกป์บ่ดี จิตใครบ่ดี แต่..จิตข้าดีพอแร๊ะ เห่อๆ

    อย่าหลงไปท่องเน๊ต ท่องฟาสฟู๊ด เอ๊ย เฟสบุ๊คกันมากนัก ท่องจิตตนมากๆ
    เพราะของจริงมันอยู่ตรงนั้น ธรรมะของตนก็อยู่ตรงนั้น
    ท่องมากได้และไม่เป็นห่วง ถ้าจิตผู้นั้นรอดกันนะ แต่จะเตือนเฉพาะจิตยังไม่รอดเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤษภาคม 2013
  4. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    คุ้นๆ ว่ารูปนี้ มีเพื่อนส่งแชร์ให้ในเฟสบุ๊ค ค่ะ

    ขอบคุณค่ะ ที่กระตุ้นเตือนไม่ให้ลืมพระคุณของแม่
     
  5. Thammasawasdee

    Thammasawasdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2013
    โพสต์:
    292
    ค่าพลัง:
    +869
    จิตพร้อม กายพร้อม

    ยังอ่านไม่หมดจะอ่านติดตามไปเรื่อยๆค่ะ ^^

    ธรรมะสวัสดี :)

    ขออนุโมทนา สาธุจร้า

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    กราบขอบพระคุณ คุณภูทยานฌาน ๒ ค่ะ ที่นำเอาธรรมะระลึกถึงท่านผู้

    มีพระคุณมาเป็นธรรมมทาน...ลูกขอน้อมกราบแม่และพ่อด้วยความรักและระลึก

    ถึงท่านและจะปฏิบัติตนเป็นคนดีตามที่ท่านได้อบรมสั่งสอนลูกมาตลอด และลูก

    ก็ไม่เคยลืมความรักความทรงจำที่ท่านทั้งสองได้ให้กับลูก และทุกวันนี้ที่ลูกมี

    ชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพราะมีสายเลือดของท่านทั้งอยู่ ลูกขอปฏิญานตัวว่าจะเป็นคนดี

    มีศีลธรรมตามรอยที่ท่านได้อบรมสั่งสอนมาค่ะ กราบระลึกถึงพระคุณท่านทั้ง

    สองด้วยเศียรเก้ลาค่ะ กราบ กราบ กราบ.....
     
  7. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...ใจนี้มีกิเลส...

    ...เป็นโซ่ตรวน...แห่งทุกข์...

    ...เป็นโซ่ตรวน... แห่งภพชาติ...

    ...เป็นกรงขัง ...แห่งภพชาติ...

    ... หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค ...

    ...กราบหลวงพ่อปานเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ...
     
  8. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...ใจนี้มีกิเลส...

    ...เป็นโซ่ตรวน...แห่งทุกข์...

    ...เป็นโซ่ตรวน... แห่งภพชาติ...

    ...เป็นกรงขัง ...แห่งภพชาติ...

    ... หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค ...

    ...กราบหลวงพ่อปานเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ...
     
  9. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    บุคคลใดที่ต้องการจักไปนิพพานในชาตินี้ บรรดาเจ้าหนี้เก่าๆก็จักตามทวงตามเล่นงานอย่างไม่ลดละ หากทนไม่ได้ก็ไปไม่ได้ต้องวางอารมณ์ยอมรับกฏของกรรมให้เป็นธรรมดาให้ได้ การพ่ายแพ้เป็นของธรรมดาแต่จงอย่าถอย จิตก็จักไม่ดิ้นรนมาก ไม่ช้าไม่นานกฏของกรรมก็จักคลายตัวไปเอง"
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ตายแน่ ตายแน่ๆ ไม่ทันแน่
    ถ้าเธอมัวแต่อ่าน มีหวัง..ไม่เธอก็ฉันตายก่อน มันเยอะๆ
    ไปเสียเวลาอ่านทำไม๊ การอ่านเป็นสัญญา อย่าเอาสมองไปเรียนธรรมะ
    เพราะการปฎิบัติธรรมต้องเอาจิตเราไปเรียนรู้(ธรรมหรือความจริง)
    เรียนธรรมปฎิบัติ ไม่ต้องเตรียมไรมาก เตรียมจิตพร้อมอย่างเดียวก็พอ
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ถามมาก่อน เดี๋ยวจะตอบ
    แต่ห้ามลองภูมินะ ลองใจได้ ธรรมะแค่หางอึ่ง
    ธรรมะก็บ้านน๊อกบ้านนอก คุณยังอยากจะอ่านอีกหรอ
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=_66AszzV5F4]Karaoke_-_คนบ้านเดียวกัน_-_ไผ่_พงศธร.AVI - YouTube[/ame]
    "คนบ้านเดียวกัน" ข้าพเจ้าหมายถึง สติกับจิต
    สติก็เรา จิตก็เรา แต่ทำไม๊ คนส่วนใหญ่สนใจแต่จิตคนอื่น
    สรุปแล้ว ผู้ใดเอาสติห่างจิตตนเอง..เสร็จทุกราย
    พยายามทำตามพระพุทธเจ้า พระอริยเจ้ากันนะครับ จะได้ไม่ทุกข์
    พยายามอยู่กับธรรมเท่ากับอยู่กับความจริง ผู้ที่ไม่ยอมรับความจริงเท่ากับผู้นิยมมายา
    จิตผู้หลง เวลายังมีชีวิตอยู่ก็ไปไม่ไกล ยิ่งตายยิ่งไปไหนไม่เป็น เพราะไม่ได้ฝึกจิต
    รักนะเนี๊ย เป็นห่วงนะเนี๊ย ปรารถนาดีนะเนี๊ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 พฤษภาคม 2013
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เป็นคำถามที่ดีมาก แต่จะขอตอบตามภูมิธรรม ภูมิปัญญาแบบชาวบ้าน
    คำถามเหมือนชาวคริสต์ถามเลย เพราะชาวพุทธมักจะชอบถามเรื่องกรรมหรือการแก้กรรม
    แต่ถ้าเป็นผู้ปฎิบัติธรรมมักจะถามเกี่ยวกับข้อธรรมปฎิบัติ หรือธรรมะที่เกี่ยวกับในขณะจิตปัจจุบัน
    จะไม่ถามหรือสงสัยเรื่องอดีตที่ผ่านหรืออนาคต เพราะอดีตไม่สามารถนำมาดูดดื่มในปัจจุบันได้
    คือไร้ประโยชน์ ส่วนอนาคตก็ยังมาไม่ถึง อนาคตจะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับกรรมในปัจจุบันของตน
    ว่ากระทำดีหรือไม่ดี เป็นต้น สรุปแล้ว ทั้งอดีตและอนาคตต่างล้วนก็ไม่สมควรนำมาปะปนกับปัจจุบัน

    ในทางศาสนาคริสต์ ความบาปเข้ามาสู่มนุษย์ครั้งแรกในโลก ซึ่งมาจากการไม่เชื่อฟังพระเจ้า
    แต่สำหรับศาสนาพุทธเป็นศาสตร์ว่าด้วยปัญญา มีเหตุผล เป็นวิทย์ ทุกคนสามารถพิสูจน์ได้
    มิใช่เป็นไสยศาสตร์ มิใช่ไปเชื่อผู้อื่นหรือสิ่งอื่น แต่จะให้เชื่อในปัญญาของตนเอง
    เป็นศาสตร์แห่งอเทวนิยมหรือไม่มีพระเจ้า
    โทษทีๆ นี่แค่Title ยังไม่ได้ตอบเลย ถามแค่บรรทัดเดียวตอบเป็นสิบ 555+
    เด๊วขอเลือกจักรยานก่อน ว่าจะตอบยานไหนดี เพราะธรรมมีหยาบละเอียดไม่เท่ากัน
    แต่จริงๆแล้วความผิดหรือความบาปนั้น ก็มีอยู่/เกิดขึ้นตามธรรมชาติของตัวมันเองอยู่แล้ว
    นั่นก็คือ กฎแห่งธรรมดา หรือฎไตรลัฏษณ์ของพระพุทธองค์ พระองค์ทรงค้นพบ ซึ่งก็มีอยู่เดิมแล้ว
    นั่นก็คือความจริงของสรรพสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นอยู่ตามธรรมชาติแล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยจะยอมรับ
    พระองค์มิได้ทรงค้นพบสิ่งใหม่ๆแต่อย่างใด แต่พบสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่จริงตามสภาวธรรมหรือธรรมชาติ
    เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา ถือว่าเป็นไปตามกฎแห่งกรรม/กฎธรรมดา/กฎไตรลักษณ์
    แท้ที่จริงก็เป็นกฎเดียวกันหมด นั่นก็คือ กฎแห่งธรรมชาติ นั่นเอง
    สำหรับความผิดหรือความบาปนั้น เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเราเองแทบทั้งสิ้น
    เป็นสิ่งสมมุติหรือบัญญัติเรียกันนขึ้นมา แต่ความจริงแห่งธรรม(ความจริง)นั้น ก็คือ ปรมัติถธรรม
    ได้แก่ จิต เจตสิก รูปและนิพพาน เป็นต้น
    ปกติสภาพจิตคนเรานั้นเป็นประภัสสร หรือจิตเดิมแท้ ตามความหมายของท่านพุทธทาส
    จิตประภัสรร แปลว่า บริสุทธิ์ ผุดผ่อง สะอาด จิตประภัสสรมิได้เป็นจิตฝ่ายดีหรือชั่ว มีสภาพเป็นกลาง
    แต่มิได้แปลว่า นิพพาน(ความว่าง) ภายหลังจิตประภัสสรพอเกิดมีกายหยาบหรือร่างกายขึ้นมา
    และมีสภาพความเป็นอยู่แบบยั่วยุกิเลสต่างๆ แต่กิเลสก็คือขันธ์ ๕ หรือร่างกายคนเราดีๆนี่เอง
    เมื่อเกิดกิเลส จึงเกิดตัณหา จึงเกิดอุปาทานตามมา จิตเดิมแท้ก็ค่อยๆเศร้าหมองไป
    แต่ถ้าอยากมีจิตประภัสสรหรือจิตเดิมแท้กลับคืนมาโดยไม่ยาก นั่นก็ต้องเจริญอริยมรรค
    หรือมรรคมีองค์๘(ศีล สมาธิ ปัญญา)และก็สามารถปฎิบัติต่อไปจนถึงความหลุดพ้นหรือพระนิพพานกันได้

    สรุป..ได้โปรดปฎิบัตินำความสงสัยของตนเป็นดีที่สุด เพราะคำตอบที่ดีที่สุด ก็คือตัวของเราเอง
    ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เราก็จะมีคำถามหรือความสงสัยอย่างนี้ตลอดไป
    แต่ถ้าเอาแต่ถามหรือสนทธรรมหรืออ่านฟังธรรมะเพียงอย่างเดียวมันไม่พอ มันไม่หายหรือคลายความสงสัย
    ตราบใดไม่ยอมลงมือปฎิบัติเอง เหตุผลมนุษย์ก็จะมี 108 ประการ หรือมากไปกว่านั้นก็อาจเกิดความขัดแย้ง
    ในด้านของความคิดได้ เพราะการปฎิบัติธรรมนั้นเขาเน้นให้ดูจิตตน ค้นหาธรรมภายในตน บรรลุธรรมด้วยตน
    เมื่อเราเจริญด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ไม่มีคำว่าหลง ไม่มีคำว่าวุ่นวาย ไม่มีความทุกข์ร้อนใจใดๆ
    ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ถ้าตอบไม่ถูกใจหรือล่วงเกินจิต
     
  14. Thammasawasdee

    Thammasawasdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2013
    โพสต์:
    292
    ค่าพลัง:
    +869
    ;) มีความเพียรเป็นหลัก ปฏิบัติบูชาเป็นเลิศ...ไม่ตายก่อนหรอกจร้าท่านพี่ภูมิ

    ก็เขียนให้อ่าน ก็เลือกอ่านที่ยังประโยชน์นำไปใช้ปฏิบัติต่อไป

    เตรียมจิตอย่างเดียว...เหมือนจะง่ายก็ไม่ง่าย

    แต่!!!!!แต่!!!!!!แต่ ธรรมะสวัสดีพร้อม จิตพร้อมจร้าท่านพี่ภูมิ

    ธรรมะสวัสดี ^-^

    ขออนุโมทนา สาธุจร้า

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. Thammasawasdee

    Thammasawasdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2013
    โพสต์:
    292
    ค่าพลัง:
    +869
    ขออภัยค่ะท่านพี่ภู พิมพ์ชื่อผิด

    อภัย.......อภัย นะจ๊ะ

    ธรรมะสวัสดีจร้า ^-^
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    วันนี้, 02:59 PM #468
    tjs
    สมาชิก

    tjs's Avatar

    วันที่สมัคร: Apr 2012
    สถานที่: เมืองพุทธโสธร
    ข้อความ: 497
    Groans: 7
    Groaned at 14 Times in 12 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 1,530
    ได้รับอนุโมทนา 3,373 ครั้ง ใน 457 โพส
    พลังการให้คะแนน: 231


    สังขารธรรม ได้แก่ ปรมัตถธรรม ๓ คือ รูป จิต เจตสิก หรือ รูป นาม หรือวัตถุธาตุ และ นามธาตู

    ......สภาพของรูปธรรมและนามธรรมแต่ละชนิด เป็นสภาพธรรมที่แตกต่างกัน

    ....จิตเป็นสภาพรู้ เวทนาเป็นสภาพความรู้สึก สัญญาเป็นสภาพความจดจำได้หมายรู้ สังขาระเป็นสภาพความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง วิญญาณเป็นสภาพความรู้สึกปรุงแต่งภายในจิต

    ....จิตและเจตสิกเป็นสภาพนามธรรมคนละประเภทแต่ก็อาศัยร่วมกันอยู่ ปฏิสนธิร่วมกันอยู่

    ....ส่วนรูปเป็นสภาพที่ไม่รู้อะไร

    ....สังขารธรรมหรือธรรมะทั้งปวง เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิดแล้วก็ดับไป
    ....สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ เพราะเหตุว่าสังขารธรรมทั้งปวงไม่เที่ยง
    ....ความไม่เที่ยงเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดทุกข์
    ....จึงไม่ควรที่จะยึดถือ ธรรมทั้งปวงว่าเป็นตัวเราของเราหรือเขา
    ....สังขารธรรมตกอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์หรือสามัญลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    จิตที่เพลิดเพลินยินดีพอใจเป็น "ความสุข" นั้นก็ไม่เที่ยง เกิดแล้วก็ดับไป
    ....สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์นั้น ไม่ใช่แต่เฉพาะทุกข์ทางกายที่มีการเจ็บปวด ไม่สบายป่วยเป็นไข้ ความลำบากกาย ความเดือดร้อนกายเท่านั้น ยังมีทุกข์เกิดขึ้นทางใจ
    .....ทุกข์ที่ต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ทุกข์ที่ต้องประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจ ความเศร้าโศกพิไรรำพัน ความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น ก็เป็นทุกข์




    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมตามสภาพความจริงของธรรมแต่ละประเภทว่า ธรรมใดเกิดขึ้น ธรรมนั้นมีปัจจัยทำให้เกิด ธรรมที่เกิดขึ้นเป็น "สังขารธรรม"........ถึงแม้ว่า จิต เจตสิก รูป จะเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ก็ยากที่จะเห็นได้รู้ได้ และเบื่อหน่ายคลายความกำหนัด ละความยินดีพอใจ คลายความยึดถือในรูปธรรมนามธรรมได้....การที่จะเบื่อหน่าย ละความยินดี ความยึดถือในรูปธรรมนามธรรมได้นั้น จะต้องพิจารณาเห็นด้วยปัญญา ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ดังนี้ว่า "เมื่อใด บุคคพิจารณาด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง เมื่อนั้นเขาย่อมเบื่อหน่ายในทุกข์ นี้เป็นหนทางแห่งความบริสุทธิ์"

    นิพพานไม่ใช่สังขารธรรม นิพพานเป็นวิสังขารธรรม.....เพราะจิตพระอรหันต์ หรือ จิตนิพพาน เป็น อมตะธาตุ เป็นวิสุทธิธาตุ[กระผมบัญญัติเอาเองครับ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2013
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ==========

    ขอช่วยท่านพ่อภู ขยายความครับ

    จิตประภัสสรพอเกิดมีกายหยาบหรือร่างกายขึ้นมา
    และมีสภาพความเป็นอยู่แบบยั่วยุกิเลสต่างๆ แต่กิเลสก็คือขันธ์ ๕ หรือร่างกายคนเราดีๆนี่เอง
    เมื่อเกิดกิเลส จึงเกิดตัณหา จึงเกิดอุปาทานตามมา จิตเดิมแท้ก็ค่อยๆเศร้าหมองไป

    สรุปคือ จิตเดิมแท้ประภัสสร ก็จริง แต่ยังเป็นจิตที่ ขาดสัมมาสมาธิ ขาดวิปัสสนาญาณ ขาดปัญญา อวิชชาและตัณหาอุปาทาน ก็เลยเข้าครอบงำ ทำให้จิตเศร้าหมอง เป็นทุกข์ ครับ

    ส่วนจิตอรหันต์ หรือจิตนิพพานนั้น คือกลับมาสะอาดบริสุทธิ์ ประภัสสรดังเดิมแล้ว และเป็นจิตที่ทำลายสิ้นแล้ว ในอวิชชา ตัณหาอุปาทานดับสิ้นแล้วด้วยสติปัญญา เป็นจิตที่เป็นอมตะธาตุ หรือวิสุทธิธาตุ คงความบริสุทธิ์ตลอดไปชั่วนิรันดร์ครับ สาธุ
     
  18. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...อันว่าจิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใสอยู่โดยปกติ...

    ...แต่เศ้ราหมองไป...เพราะคลุกเคล้าด้วยกิเลสนาๆชนิด...

    ...ศีล สมาธิ และปัญญา...

    ...เป็นเครื่องฟอกจิตใจให้ขาวสะอาดดังเดิม...

    ...จิตที่ฟอกแล้วด้วยศีล...สมาธิ และปัญญา...

    ...ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวง...

    ...ฉนั้นผู้ปฏิบัต ต้องเริ่มปฏิบัติตนที่ศีลก่อน แล้วจึงจะตามด้วย สติ สมาธิ แล้ว

    ...จะตามด้วยปัญญา...ผู้ที่มีจิตอันบริสุทธิ์ แล้วการปฏิบัติก็จะไม่มีสิ่ง.

    ...ใด ๆ มาปิดกั้นการปฏิบัติ...เพราะผู้มีศีลย่อมทำอะไร...

    ...อะไรไม่ประมาทเพราะศีลที่มีอยู่คอยเตือนสติ อยู่เสมอว่าอย่านะ...

    ...นั่นผิด ...อย่าทำ ทำแล้วมีปัญหาตามมา จะทำสิ่งใดๆ...

    ให้มี สติ สมาธิ ทำนับตั้งเลขศูนย์ ให้นับขึ้นไปเรื่อยๆย้อนไปย้อนมา จนเกิด...

    ...ปัญญานี่แหละ คือ ผู้ที่ถึงแล้ว ด้วย ศีล สมาธิ สติ และปัญญา.

    .จึงขอฝากไว้กับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน และขอให้ทุกๆท่านมีดวงตาเห็นธรรมยิ่งๆขึ้นไป.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2013
  19. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...บุคคลใดที่เป็น...

    ...คนที่เหนี่ยวรั้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้...

    ...เป็นของของตน...

    ...บุคคลนั้นใส่ฟืน...ก่อไฟ...ให้เผาตนเอง...

    ...จะทรมานตนเองไปอีกนาน...อย่าเล่นกับฟืน กับไฟนะร้อน ๆ ๆ.

    หลวงพ่อปาน ท่านเตือนแล้วนะ ไฟไหม้ครั้งเดียวหมดตัว โจนปล้นกี่ครั้งๆยังหาได้

    ...กราบหลวงพ่อปาน โสนันโท ด้วยเศียรเก้ลาค่ะ ...

     
  20. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]


    ..ถ้ารู้ธรรม ก็ขอให้สักแต่ว่ารู้ เมื่อรู้แล้ว ก็นำธรรมนั้นมาฟอกซักชำระเสียให้สะอาด ใจเรามันสกปรกมานาน ต้องล้างมันออกเสียที อวิชชามันเยอะ มันห่อหุ้มไว้จนหมดมิด ...
    เมื่อจิตใจหมดจดแล้ว จิตใจผู้รู้นั่นแหละ รู้ด้วยสติ ปัญญานะ มันก็จะปล่อยวางธรรมนั้นไป จิตของผู้รู้นั่นแหละก็จะทรงอาณุภาพด้วยปัญญาจริง ไม่เกาะเกี่ยว ไม่ข้องแวะกับอะไรทั้งสิ้น เป็นปกติใสสว่างเป็นจิตเดิมแท้ๆ ทีนี้แหละอะไรที่ไม่รู้ มันก็จะรู้สิ่งไหนไม่อยากรู้ มันก็รู้ มันก็ตื่น มันก็เบิกบานของมันไป รับไปปฏิบัติซะเอามาแล้ว ถ้ามาวางไว้เฉยๆมันจะไปได้ประโยชน์อะไรเล่า.......”


    โอวาทธรรม ของ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
    วัดภูทอก จ.หนองคาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...