แรงอธิฐาน ฤาบ่วงที่เราผูกไว้ให้ตามแก้ในชาติใหม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย แก้วกัลลยา, 19 มีนาคม 2013.

  1. แก้วกัลลยา

    แก้วกัลลยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +570

    เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง มันทั้งทุกข์ ทั้งสุข ทั้งเศร้าทั้งเสียใจเสียดาย
    เรื่องนี้เป็นปัตจัตตัง หากบอกว่าเป็นอจินไตย ก็อาจจะใช่
    จึงขอให้ทำใจเป็นกลางในการรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น
    และขออนุญาติเอ่ยสมณะของท่าน

    ด้วยเป็นเพียงนักปฏิบัติชั้นอนุบาลที่ยังเป็นผู้ใฝ่รู้
    ยังไม่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

    การปฏิบัติธรรมนั้นได้ใช้แนวทางการเจริญสติปัฐฐานสี่ การปฏิบัติก็มีความก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ
    เหตุใดจึงกล้าพูดว่าก้าวหน้าเป็นลำดับ

    ก็เพราะจากเมื่อก่อนเป็นคนโทสะจริตสูง ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่เอาใครอย่ามาว่า ฉันถูกคนเดียว
    หลังจากได้เข้าศึกษาปฏิบัติตามหลักของพุทธองค์
    - โทสะ...โมหะ..โลภะที่ลดน้อยลงอย่างมาก ใจเย็นลงพิจารณาปัญหาหรือสิ่งที่เข้ามากระทบด้วยสติ
    ตามเหตุ..ปัจจัยของปัญหา สติอยู่กับปัจจุบัน

    เมื่อเป็นเช่นนี้การปฏฺบัติธรรมก็มีความรุดหน้า จิตเป็นสุขทุกเมื่อเมื่อนึกถึง
    คำสอนของพระพุทธเจ้า เกิดปิติสุขทุกครั้งที่สวดมนต์ภาวนา

    อยู่มาวันหนึ่งได้มีโอกาสกราบพระธุดงรูปหนึ่ง ด้วยความบังเอิญ หรือถูกกำหนดไว้แล้ว
    ท่านธุดงค์ผ่านมาทางหมู่บ้านเพื่อนและพำนักที่ศาลาประจำหมู่บ้านมา 3 วันแล้ว เพื่อนโทรมาบอกว่า
    ..เธอมีพระธุดงค์มาพักอยู๋แถวบ้านฉัน เธอมาสนทนาธรรมกับท่านหน่อยสิ
    ฉันใส่บาตรท่านเมื่อเช้านี้เอง ..ก็ได้...บ่ายๆนะ ทำงานอยู่

    ประมาณบ่าย3 โมงเพื่อนก็มารับ ....ไปถึงเป็นศาลาประจำหมู่บ้านใกล้สวนยางพารา
    มีพระรูปหนึ่งนั่งอยู่มีกลดปักอยู่ข้างๆ และก็มีญาติโยมนั่งสนทนากับท่าน
    ประมาณสิบคนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก พระรูปนี้อายุยังไม่มากประมาณน่าจะไม่เกิน 45

    การไปของเราก็มิได้ตระเตรียมสิ่งใดติดมือไปเลย
    มองเห็นต้นเข็มข้างศาลาก็เก็บดอกเข็ม คู่หนึ่ง และน้ำ 1ขวด เตรียมถวายท่าน
    ในขณะนั้นก็มีความคิดที่เป็นอกุศล คิดว่าเป็นพระปลอมหรือเปล่า หรือพวก 18 มงกฎ
    มาหลอกดูดวงหาเงิน หรือมาหาลาภสักการะหรือไม่แต่ดูท่านพูดน้อยเคร่งขรึม

    เราคลานเข้าไปนั่ง ถัดจากคนอื่นๆ ท่านก็มองมาแล้วเอ่ยกับโยมด้านหน้า
    "ฉันดูดวงให้หวยไม่เป็นหรอก หากโยมจะมาหาฉันเพื่อสิ่งนี้ก็ต้องขอภัยด้วย."

    อุ๊ย!ตกใจ เหมือนได้ยินความคิดของเราเลย

    คนแล้ว คนเล่า...
    ถึงคิวของเรากับเพื่อนแล้ว ก็เข้าไปกราบพร้อมกับถวายสิ่งของที่เตรียมไว้คือดอกเข็ม กับน้ำ 1ขวด
    ท่านรับดอกเข็มไปวางบนผ้าจีวร ด้านในกลด และรับน้ำขวดนั้นไปฉันเลย
    รอบๆที่ท่านนั่งก็มีน้ำ มีสิ่งของที่ญาติโยมนำไปถวายอยู่ก่อนแล้ว
    และบอกให้ญาติที่เสร็จธุระจากท่านนำกลับไปด้วยเพราะฉันไม่หมดหรอก

    พอกราบท่านเรียบร้อย ท่านก็เอ่ย ...เจริญพร มีเหตุอะไร
    ไม่มีค่ะ ..ในชีวิตไม่มีปัญหาอะไร เพื่อนโทรไปบอกให้มาบอกว่ามากราบท่านแล้วรู้สึกดี อยากมากราบบ้างค่ะ

    "ฉันเคยพบเธอมาก่อน...แต่เพื่อนเธอฉันไม่เคยเห็น ปฏิบัติธรรมบ้างมั๊ย?.

    ปฏิบัติอยู่ค่ะ เคยปิดวาจาแนวสติปัฏฐานสี่อยู่ 10 วัน แล้วก็มานั่งดูตามรู้ลมหายใจต่อที่บ้านเจ้าค่ะ
    "ดีแล้วนะ ถูกทางแล้ว ฉันดีใจที่เห็นเธอปฏิบัติธรรม การเกิดเป็นมนุษย์นะ่ดีแล้วมีโอกาสได้ทำดี
    ฉะนั้นต้องอาศัยความมี เพื่อความไม่มี อาศัยความไม่มี เพื่อความไม่มี ไม่มาเกิด ไม่มาตาย เข้าใจมั๊ย?!"

    พอจะเข้าใจอยู่บ้างเจ้าค่ะ

    สนทนาธรรมกับท่านอยู่พักหนึ่งก็สัมผัสได้ถึงความมีญาณบารมีของท่าน
    พระอาจารย์เดินทางมาจากไหนเจ้าค่ะ
    ฉันธุดงค์มาเรื่อยๆนะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฉันปวารณาธุดงค์ ฉันเองเป็นพระนักธรรมทูต

    หากจะขอนิมนต์พระอาจารย์ไปแสดงธรรม และสอนวิธีการปฏิบัติสมาธิ
    ให้กับครอบครัวที่บ้านเย็นนี้ได้มั๊ยเจ้าค่ะ

    "ฉันไม่เก๋งนะ เรียกว่าพอแนะนำได้อย่าเรียกว่าสอนเลย เราเองก็ใช้ได้แล้วนะ"

    ถ้าอย่างนั้นช่วงหกโมงเย็นจะให้ แฟนมารับนะเจ้าค่ะ
    พอหกโมงเย็นก็ไปรับท่านกับแฟน ท่านกำลังสนทนากับโยมผู้ชาย 2-3 คน
    เขามารับแล้ว ....ฉันต้องขอตัวก่อน

    พอขึ้นรถท่านก็บอกว่าโยมผู้ชาย 3 คนนั้นมานั่งกรรมฐานกับท่านตั้งแต่วันที่ท่านมาปักกลดที่นี่แล้ว

    ท่านก็มาแสดงธรรมพร้อมกับสอนทำสมาธิ และแผ่เมตตา 31 ภพภูมิ ให้กับครอบครัวของดิฉัน
    ก็ด้วยความศรัทธาในธรรม ในจริยาวัตรของท่าน ก็นิมนต์ท่านมารับบินฑบาตรที่บ้านในวันรุ่งขึ้นอีก
    ทั้งที่ท่านบอกว่า ท่านจะต้องเดินทางต่อแล้ว ก็โทรบอกเพื่อนๆ
    และญาติให้มาตักบาตรกับท่าน ท่านก็พูดซ้ำๆอยู้ประโยคเดียว
    เมื่อใครมาสนทนากับท่าน ฉันดีใจที่รู้ว่าเขาปฏิบัติธรรม (หมายถึงดิฉัน)
    เมื่อรับบาตรฉันภัตราหารเช้าเสร็จท่านก็บอก

    "ฉันคงต้องขอตัว เพราะมาพักอยู่ 3 วันแล้ว ต้องเดินทางต่อ"
    ให้พรเสร็จท่านก็กลับ
    ขออนุญาตไปส่งได้มั๊ยเจ้าค่ะ ..".ฉันปวารณาธุดงค์ มีหลายคนขอไปส่งฉัน แต่ฉันปฏิเสธ"
    อยากไปส่งพระอาจารย์เจ้าค่ะ ขออนุญาตจริงๆ ..."ทำไมถึงอยากไปส่งฉัน "
    ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่อยากไปส่ง ....
    "ฉันไม่รู้จะเตรียมของเสร็จตอนไหนนะ เมื่อเช้าก็มีโยมมารออยู่
    ช่วงบ่ายลองไปดูก็แล้วกัน แตส่งฉันได้แค่ 10 กิโลเมตรเท่านั้นนะ"
    ขอบคุณเจ้าค่ะ

    เมื่อส่งครบระยะทางที่ท่านอนุญาติ ท่านก็ให้พร แต่ทำใมเราจึงซาบซึ้งนัก
    " ก็ขอให้บุญรักษา เทวดาคุ้มครอง บุญใดที่ฉันได้บำเพ็ญเพียรทุกขณะจิตขอให้บังเกิดแก่รูปนี้นามนี้"
    ก่อนเดินทางท่านก็หันมาพูดกับดิฉันว่า "ฉันเคยพบเธอมาก่อน มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรขอให้นึกถึงฉัน"
     
  2. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    มีต่อไหมค่ะ?
     
  3. แก้วกัลลยา

    แก้วกัลลยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +570
    หลังจากวันที่ท่านเดินทางต่อ กลับมาบ้านคืนนั้นก็นึกถึงท่าน รู้สึกอาลัยอาวรณ์
    เป็นห่วงท่านอย่างบอกอารมณ์ตัวเองไม่ถูก น้ำตาไหล (ถึงขนาดนั้น)
    โทรไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนหัวเราะ บอกว่า เธอหลงรูปท่านนะสิ
    ไม่ใช่ ฉันไม่ได้คิดเช่นนั้น ฉันไม่ใช่เด็กสาวอายุ 16 แล้วจะได้มีความคิดเช่นนี้
    ฉันรู้สึกว่าพระรูปนี้เป็นเหมือนใครบางคนสำหรับฉัน เหมือนพ่อ เหมือนใครซักคนที่ฉันเคยรู้จักแน่ๆ
    เพื่อนก็ขำ หาว่าเพ้อเจ้อ ฉันไม่เห็นเป็นเลยเธอคิดมากไป.... หรือจะจริงอย่างที่เพื่อนบอกเราคิดมากไป

    จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นเดือน ค่อนรุ่งของวันหนึ่งขณะที่นั่งภาวนาตามปกติที่บ้าน
    ท่านก็มาให้เห็นในนิมิตชัดเจนมาก หรือท่านไม่สบายระหว่างการเดินทาง ด้วยความที่อยากรู้ เพราจิตอาลัยท่านอยู่แล้ว
    ก็ตั้งใจขออธิษฐานจิตขอตามดูเหตุนั้น ครั้งนี้เห็นเหมือนมีใครฉายภาพให้ดูใสเหมือนกระจก
    เห็นกายพระซ้อนกายผู้ชายที่แต่งกายเหมือนนักรบสมัยโบราณภาพแรกเห็นท่านเดินถือดาบ
    ภาพที่สองเห็นท่านนอนอยู่กับพื้น และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งคุกเข่าประครองท่านร้องไห้เสียใจอย่างหนัก
    ความรู้สึกขณะนั้นบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือตัวเราเอง และใช้คำว่าถวายการดูแลท่านอยู่

    เมื่อถอนออกจากสมาธิ ก็ยังร้องไห้สะอื้นน้ำตาไหล ภาพนั้นยังชัดเจนในมโนสำนึก นี่คืออะไร?

    หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา จิตใจมีแต่ความเศร้า ความเสียใจ แต่ไม่รู้ว่าเสียใจด้วยเรื่องอะไร
    เห็นตัวเองเดินติดตามนักรบท่านนั้น ท่ามกลางสายฝน เห็นแต่ความลำบากของตัวเองกับนักรบท่านนั้น
    บางวันเห็นฝนตกก็กระวนกระวายใจ เฝ้ารอคอยใครกลับมา
    ทุกขณะจิตที่รู้สึกเศร้าเสียใจ พระอาจารย์จะเข้ามาอยู่ในความเศร้านั้นเสมอ
    อดคิดไม่ได้ว่าขณะนี้ท่านกำลังลำบากอยู่หรือเปล่า กำลังเดินธุดงค์ท่ามกลางสายฝนอยู่ไหม

    มีโอกาสได้พบท่านเพียงหนเดียววันเดียว ทำไมเราเป็นอะไรไปถึงเพียงนี้
    ทุกข์ใจเหลือเกิน บางวันเข้าห้องไปเพียงจิตนึกถึงท่าน น้ำตาก็ไหล

    ต้องอดทน เก็บข่มความรู้สึกไม่ให้ล้นออกมา ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร
    และที่สำคัญเราก็ไม่รู้ท่านเเดินทางไปถึงไหนแล้ว ...จะติดต่ออย่างไร
    จะทำยังไงดี ...จิตใจมันวางไม่ลง นับวันความรู้สึกที่มันบีบคั้นมากขึ้นเรื่อยๆ

    กลางดึกของบางคืน .มีคนมาทวงสัญญา "เจ้าทำผิดต่อข้า เจ้าผิดสัญญา" .... ต้องลุกขึ้นมานั่งร้องไห้คนเดียว..
    เขียนลงในกระดาษว่า ข้าฯไม่รู้ท่านคือใคร และตัวข้าฯเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครมาเกิดในชาตินี้ ....
    สัญญาอะไร ข้าฯก็จำไม่ได้ ข้าฯขอโทษ ขออโหสิกรรมได้มั๊ย
    เป็นอยู่อย่างนี้บ่อยๆ จนต้องไปจุดธุปกลางแจ้งขออโหสิกรรม กับใครก็ไม่รู้

    โทรปรึกษาเพื่อน ...ก็ได้คำตอบทันทีเลย... เธอโดนมนต์คาถาท่านหรือเปล่า? คำตอบของเพื่อนก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่ลง (เพื่อนไม่ได้ปฏิบัติภาวนา)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2013
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,482
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +70,077
    .....ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้บอกเล่า

    ว่า การปฏิบัติได้ยึดแนวสติปัฏฐานสี่เป็นหลัก.....



    ...ถ้าจะอธิบายหลักดังต่อไปนี้ น่าจะเข้าใจและทำได้ ไม่ว่าสายไหน

    เพราะ สติปัฏฐานสี่ ไม่แยกสาย นิกาย กลุ่ม เหล่า ฯลฯ


    ......ถ้ามีทุกขเวทนาทางใจ หรือ อาการใดๆเกิดขึ้น เมื่อจิตตั้งมั่นพอ(สมาธิพอ สติสัมปชัญญะแก่กล้าพอ) จิตจะเห็นอาการนั้น เกิดที่ใจ(ตัวรู้) แล้วก็จางคลายสลาย ดับไป


    ถ้าสิ่งนั้น (เรื่องราวนั้น) มีแรงมากจนทำให้จิตตัังมั่นไม่ได้

    ให้ย้อนกลับมาที่ฐานหยาบกว่า คือ พิจารณากายคตาสติ แยกกายเป็นส่วนๆบ้าง

    จับอิริยาบถบ้าง เพ่งอวัยวะเพียงชิ้นเดียวที่ถูกจริตที่สุด(สงบง่าย)


    ....พอความสงบเกิด จิตมั่นพอแล้ว ให้พยายามตั้งหลักจิตดูเฉยๆ ในเรื่องราวที่เกิดขึ้น
    จนดับไปเอง


    ...อย่าเพิ่งใส่ใจให้มากว่า ... เป็นอดีตชาติจริงหรือไม่ เป็นการอธิษฐานมาหรือไม่


    เพราะ เรายังไม่ได้ปุพเพนิวาสานุสติญาณ อันเป็นญาณระลึกชาติได้ตามเจตนา




    ......." สติปัฏฐานไม่ได้สำคัญที่รู้เรื่องวิเศษใดๆ สำคัญที่ รู้แล้ว ไม่หวั่นไหว

    และกลับเจริญขึ้น ด้วยเห็นสัจจะของทุกสิ่งที่มากระทบกาย-ใจ (ไตรลักษณ์) จิตจึงเป็นอิสระมากขึ้น

    ทุกข์น้อยลง" ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มีนาคม 2013
  5. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
    เอ่อคือว่า เข้ามาอ่านก็น่าสนใจนะคะเรื่องของ จขกท. เป็นเรื่องเกี่ยวกับอดีตชาติ

    เราเองก็ปฏิบัติยังไม่ถึงไหน(อยู่อนุบาล) เป็นกำลังใจให้ท่าน จขกท.ปฏิบัติต่อไป คงต้องให้ผู้รู้ในเว็บนี้
    เข้ามาแนะนำอ่ะนะคะ อย่าไปยึดติดเกี่ยวกับอดีตชาตินักเลยค่ะ ปล่อยวางบ้าง เพราะมันจะทำให้คุณ
    ทุกข์ใจ กระวนกระวายใจใคร่อยากรู้ เมื่อคุณไม่สามารถจะรู้ได้ก็ยิ่งทุกข์ใจ จงเร่งปฏิบัติในการนั่ง
    กรรมฐาน เพราะคุณมีพื้นฐานดีอยู่แล้วคงอีกไม่นาน คุณอาจจะเห็นในนิมิตเมื่อนั่งสมาธิก็ได้



    "เป็นความคิดเห็นของเราเอง อ่ะนะคะ มันอาจจะไม่ถูกต้องก็ได้"





    "บัวในตม ผู้มีกรรมหนัก"
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,482
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +70,077
    ...ตามชื่อกระทู้

    ผมเพียงจะบอกว่า "จะแก้ได้อย่างไร ถ้าจิต-ใจ ไม่ตั้งมั่น"


    ถ้าลองทำตามที่บอกข้างต้นไม่รอด ให้รีบหาครูอาจารย์ที่ปฏิบัติตรงทางพระนิพพาน
    เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติ

    .... อย่าแสวงหาแต่ผู้รู้ ที่รู้แต่จะทำให้ถลำลึกในวัฏฏะสงสาร
     
  7. แก้วกัลลยา

    แก้วกัลลยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +570
    กราบขอบพระคุณท่านดาบหัก ที่กรุณาแนะนำรู้สึกดีใจ และเสียดายที่เข้ามาบ้านนี้ช้าเหลือเกิน
    ดิฉันเองใช้เวลาในการควบคุมสภาวะจิต ทั้งปล่อยให้จิตไหลตามเรื่องราว การปฏิบัติเหมือนก้าวถอยหลัง
    จิตตกอย่างรุนแรง ความเบิกบานความมีพลังในการปฏิบัติถดถอยลงอย่างสิ้นเชิง จิตใจ หดหู่ โศกา อาดูร ร่ำไห้ คร่ำครวญถึงพระธุดงค์รูปนั้น
    ดิฉันเหมือนคนป่วย ต้องต่อสู้กับอารมณ์จิตของตนเอง อาศัยที่ทำงานเป็นที่รองรับสภาวะของตัวเอง
    ด้วยไม่รู้จะอธิบายให้แฟนเข้าใจได้อย่างไร เพราะการพยายามปรึกษาคนรอบๆตัว ก็ไม่เข้าใจ จินตนาการกันไปต่างๆนาๆ

    ณ วันนี้ยกระดับสภาวะจิตขึ้นมาได้ระดับหนึ่งแล้ว อยากนำประสบการณ์มาบอกเล่าให้กับเพื่อกัลยานมิตร
    ผู้ยังอ่อนเยาว์ในการปฏิบัติเช่นเดียวกับดิฉัน ว่านี้ ไม่ใช่ทางของเรา เป้าหมายของเราไม่ใช่สิ่งนี้
    นี่คือบททดสอบ เราจะก้าวข้ามไปได้อย่างไร เรื่องนี้ได้สอนสภาวะธรรมหลายอย่างให้กับตัวดิฉันเอง

    ขอบคุณคุณ tassumalee ที่เข้ามาเป็นกำลังใจนะค่ะ ขอบคุณท่านดาบหักอีกครั้ง หากมีปัญหาคงได้ขอคำแนะนำจากท่าน


    เรื่องนี้บทสรุปทีงดงามค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2013
  8. แก้วกัลลยา

    แก้วกัลลยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +570
    ทุกข์ที่สุดเลย ก็คือไม่สมารถทำหน้าที่ภรรยากับสามีของตัวเองได้ สามีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะอยู่ที่บ้านจะควบคุมสติตัวเองมาก
    หากเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องยอมให้เกิดขึ้น อารมณ์ความรู้สึกจิตใจก็ไม่ได้ต่อต้านปล่อยไปตามปกติ

    แต่เมื่อมันจบลง ความรู้สึกเสียใจมันผุดขึ้นกลางใจ...น้ำตาไหลรินออกมาทั้งสองข้างในทันที รู้สึกผิดกับใครซักคนแต่ก็บอกไม่ได้..
    มีคนเสียใจกับการกระทำของเรา ก็พยายามหลบไม้่ไห้แฟนรู้ กลัวจะเข้าใจผิดคิดเป็นอย่างอื่น

    อาการเช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง พยายามกลับบ้านให้ช้าลงพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะกับสามี แต่ก็ไม่สามรถหลบได้ทุกครั้ง
    ครั้งนี้ก็เหมือนเดิมคิดว่าสามีคงไม่รู้ความผิดปกติ เพราะเธอไม่ถามไม่พูดอะไร ทุกอย่างเป็นปกติ
    เมื่อมันจบลงเขาเอื้อมมือมาที่ใบหน้าดูว่าเราร้องไห้หรือเปล่า ถามว่านี่มันเรื่องอะไร มันเกิดอะไรขึ้น พี่รอให้เธอพูดเธอบอก ระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้น

    จากที่แอบร้องไห้ กลั้นน้ำตาไว้ ก็เลยปล่อยเลย ฉันไม่รู้ มันเกิดอะไรขึ้น
    หากฉันบอกพี่จะเข้าใจมั้๊ย
    ขอให้พี่เข้าใจ เชื่อใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับฉัน ฉันไม่ได้ปรุงแต่งอะไร ฉันก็ไม่รู้ทำไมจึงรู้สึกผิดกับใครซักคน
    มีคนมายืนต่อว่าฉันอยู่หน้าบ้าน บอกว่าฉันไม่มีสัจจะ ไม่รักษาสัญญา พี่ต้องช่วยฉัน พาฉันก้าวข้ามอารมณ์นี้ไปให้ได้ เป็นกำลังใจให้ฉัน
     
  9. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
    ถ้าสามีเป็นคนที่ปฏิบัติธรรมด้วยกัน คิดว่าเค้าน่าจะเข้าใจนะคะ ควรจะบอกให้เค้ารู้...เค้าจะได้ไม่เข้าใจผิด ได้ช่วยกันแก้ปัญหา เป็นกำลังใจให้กัน

    ขอเล่านิดนึง...วันก่อนอ่านเจอในเว๊บนี้ละคะ จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องไหน เรื่องจริงรึไม่ ไม่รู้ค่ะ แต่ ได้ข้อคิดดีทีเดียว เรื่องเล่ามีว่า...พระปฏิบัตินั่งสมาธิจะระลึกย้อนอดีตได้ แม่ชีที่นั่นก็ปฏิบัติย้อนอดีตได้ เลยรู้ว่าอดีตเคยเป็นสามี-ภรรยากัน ทั้ง 2 คนซาบซึ้งกับอดีตมาก สุดท้ายทนไม่ได้ต้องสึกออกมา...

    จากเรื่องนี้เลยได้ข้อคิดว่า อดีตทำร้ายปัจจุบัน...ต้องสึกออกมา เฮ้อ

    ขอให้คุณมีสติ พิจารณา ใคร่ครวญ แล้วหมั่นขอขมา ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต ด้วยเหตุผล ด้วยความจริง/ความจำเป็นในปัจจุบัน ด้วยความจริงใจ

    รอผู้รู้มาแนะนำบทสวดถอนคำอธิษฐาน อีกทีนะคะ

    ขอให้ผ่านบททดสอบนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
     
  10. แก้วกัลลยา

    แก้วกัลลยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +570
    [SIZE="4"]ก็ไปปรึกษากับพระหลวงพ่อที่นับถือท่าน ก็เล่าอาการตั้งแต่เริ่มต้นให้ท่านฟัง
    ครั้งแรกที่เห็นยอมรับว่าตามดูเพราะลูกอยากรู้ และหากสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่คือคู่สัญญาในอดีตชาติจริง
    ตอนนี้มันไม่ใช่ลูกอยากรู้เพียงฝ่ายเดียว ตอนนี้เขากำลังตามลูกอยู่ค่ะหลวงพ่อ

    รู้แล้วก็ให้ปล่อย- รู้สักแต่รู้ -เห็นก็สักแต่เห็น ไม่มีอะไรมากว่านั้น ไม่ต้องตามรู้ ดูเฉยๆ
    สิ่งที่เกิดกับเราเป็นไปได้มั๊ย ..ก็เป็นไปได้แต่ไม่ให้ยึดมาเป็นอารมณ์ คนปฏิบัติเขาเจอกันไหม
    ก็มีเหมือนกัน แต่นั่นมันเป็นอดีต ไปแล้ว ปฏิบัติเพื่อเจริญสติอยู่กับปัจจุบันนะ ท่านก็พรมน้ำมนต์ ให้แผ่เมตตา

    กลับมาบ้านจิตใจก็ดีขึ้นบ้างเพียง สองสามวัน มีอยู่วันหนึ่งก็ไปทำบุญกับครอบครัวที่วัด
    เป็นวันพระทำบุญเสร็จ ก็เลยไปที่ทำงานพอเปิดประตูออฟฟิตเข้าไปยังไม่ได้ทำอะไรเลย
    จิตตวัดถึงท่านนิดเดียว ไม่ได้ปรุงแต่งอะไร น้ำตาก็ไหลไม่หยุด รู้ตัวเองตลอดเวลา
    ก็พยายามกำหนดสติ ภาวนาพุทโธ ให้อารมณ์นี้หยุดลงให้ได้ มันทั้งหงุดหงิดกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น
    เพราะจะต้องทำงาน ยิ่งช่วงเช้าเป็นช่วงที่จะต้องรับฟังปัญหา เคลียร์งาน จากลูกน้องในแผนกต่างๆ

    สรุปทำงานไม่ได้ ขอลางาน 1 วัน โทรหาเพื่อนให้เพื่อนช่วยพาไปหาคนที่กราบพระธุดงค์รูปนั้น
    เล่าให้เพื่อนฟัง "ฉันไม่รู้ว่าเธออาการหนักขนาดนี้ ไปหาดูมั๊ยว่าเธอโดนอะไรกันแน่? ไม่
    ก็ไปได้หมายเลขติดต่อท่านจากผู้ใหญ่บ้านที่ขอดูหลักฐษนของท่านก่อนอนุญาติให้พักที่ศาลาหมูบ้าน

    หลังจากนั้นก็โทรหาท่านอยู่นาน โทรติดทุกครั้งท่านไม่รับสาย โทรอยู่นานหลายวันท่านจึงรับสาย

    เจริญพร ...มีเหตุอะไร ....เจริญพร
    ได้ยินเสียงท่านก็อยากแต่จะร้องไห้ พูดอะไรไม่ออก ...ไม่มีเหตุอะไรเจ้าค่ะ ...นึกถึงพระอาจารย์
    อยากให้แสดงธรรมการเจริญสติให้ฟังเจ้าค่ะ...
    ...คุณโยมโทรจากไหน ได้เบอร์ฉันมาอย่างไร..

    ท่านก็แสดงธรรมให้ฟัง....จิตใจก็เบิกบานในธรรมของท่าน...เหมือนผีเสื้อโบยบินในสวนดอกไม้ยามเช้า
    ท่านก็สอนแนวทางการปฏิบัติ และอนุญาตให้โทรหาได้หากมีปัญหาในการปฏิบัติ

    บางช่วงของการสนทนา....ท่านก็บอกว่า ...ฉันเองก็นึกเธออยู่เหมือนกัน มาพบกันก็บั้นปลายของชีวิตแล้ว
    อยากถาม...ว่าท่านพูดหมายถึงอะไร แต่ก็ไม่กล้า ....
    การโทรหาท่านแต่ละครั้งก็แสนจะลำบากใจ ...กลัวจะทำให้ท่านมัวหมอง กลัวจะมีบาปติดตัว กลัวท่านจะล่วงรู้ความคิด
    ก็มานั่งนึกถึงคำพูดของท่านอีก จะหาโอกาสโอกาสถามท่านอย่างไรดี หากปล่อยไปเช่นนี้ ความเบิกบานใจ
    จะทำให้เรายกสภาวะจิตไม่ได้แน่ๆ ตัดสินใจหยุดการติดต่อกับท่าน ช่างมันตายเป็นตาย หากจะตายก็ให้มันตายไป
    ไม่ใช้โทรศัพท์ แต่มันก็แค่ระยะหนึ่งเนื่องจากความจำเป็นในตำแหน่ง. ก็ต้องกลับมาใช้โทรศัพท์อีก

    เมื่อหยิบมาใช้ก็พบว่ามีข้อความเข้ามามากมาย หนึ่งในข้อความเหล่านั้น
    พอจ. พยายามติดต่อคุณ
    เท่านั้นเอง ใจมันก็สั่นไหว กระเพื่อมขึ้นมาทันที กระวนกระวาย จะวางโทรศัพท์ หรือจะกดโทรออกดี

    สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่ใจตัวเอง กดโทรออก....ปลายทางไม่สามรถติดต่อได้ในขณะนี้...หรือท่านไปต่างประเทศแล้ว
    ความเศร้ากลับมาอีก คิดว่าท่านคงเดินทางต่อไปแล้ว คงหมดโอกาสที่จะเจรจาความกับท่าน

    ก็ส่งข้อความถึงท่าน เพราะคงไม่มีโอกาสแล้ว
    ...การปฏิบัติเหมือนเดินกลับหลัง ก้าวข้ามสภาวะอารมณ์นี้ไปไม่ได้ พอจ. เหมือนใครบางคนที่จิตรอคอยมานานแสนนาน
    บางครั้งไม่ได้ปรุงแต่งอะไร แค่จิตเผลอนึกถึงท่านก็ร้องไห้ทุกครั้ง หาเหตุผลไม่ได้ จะไปคุยกับใครก็คงไม่มีใครเข้าใจ
    พอจ.จะได้รับข้อความหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพื่อความหลุดพ้นแห่งดวงจิตนี้ ขอญาณบารมี พอจ.ช่วยให้ดวงจิตนี้มีพลังหลุดพ้นจากการรับรู้ภพชาติด้วยเถิดเจ้าค่ะ
    ......................................
    โทรหาท่านอีก
    เจริญพรเป็นยังไงบ้าง ? ไม่รู้จะบอกยังไงเจ้าค่ะ

    ...สภาวะจิตของเราเป็นยังไงบ้าง?
    ........................
    ก็แย่เจ้าค่ะ (ร้องไห้เลย) ขออนุญาตพูดอะไรได้มั๊ยเจ้าค่ะ วันนี้ไม่อยากฟังธรรมแล้ว มีเรื่องอยากจะบอกพอจ.
    แต่ไม่รู้จะพูดได้หรือเปล่า ไม่ได้เพราะคิดอะไรเกินเลย ขอให้ท่านเข้าใจ
    บางครั้งโทรเข้าไปก็กลัวพอจ. ไม่เข้าใจ คิดว่าตามทำไม คิดอะไรหรือเปล่า
    ...................
    ฉันเข้าใจ ฉันไม่เคยตำหนิเธอเลย ฉันรู้ฉันเห็นเธออยู่ทุกขณะจิต ตั้งใจปฏิบัติต่อไป อย่าเลิกปฏิบัติ เธอมาถึงครึ่งทางแล้ว
    สภาวธรรมได้เกิดขึ้นแล้ว ได้องค์ฌานแล้ว ไม่ต้องกลัวสิ ตายเป็นตาย
    ดูสิ ทำไมฉันจะต้องทนทรมานตัวเอง
    อยู่ในป่าตั้ง 39 วัน ทั้ง หมี ทั้งเสือ ทั้งงู ที่ฉันต้องพบ ฉันข้าววันละ 9 คำ ฉันทำทำไม? ก็เพราะอยากหลุดพ้นจากความทุกข์
    .................................
    ดิฉันมีความเกี่ยวพันกับท่านในอดีตชาติหรือเปล่า ทำไมจึงรู้สึกว่าท่านเป็นบางสิ่งบางอย่างที่จิตรอคอยมานานแสนนาน
    ชาติที่แล้ว พอจ.เป็นนักรบใช่มั๊ย ดิฉันเคยไปสัญญา สาบาน อธิษฐานจิตกับท่านไว้หรือเปล่า
    ทำไมจึงศร้าหมอง ทำไมเสียใจเมื่อนึกถึงท่าน พอจ.บอกได้มั๊ย ท่านรู้ใช่มั๊ย

    "ผิดวินัยของฉัน "

    ถ้าเช่นนั้นพอจ.ตอบคำถามได้มั๊ย ......ได้
    ชาติที่แล้วท่านเป็นนักรบใช่ไหม .... ใช่
    ดิฉันเคยติดตามท่านใช่ไหม .... ใช่
    หากพอจ. คือนักรบท่านนั้น ช่วยเปล่งวาจาอโหสิกรรม ให้ดิฉันได้ม๊ยเจ้าค่ะ
    ...........................................
    ความจริงฉันได้อโหสิกรรมให้เธอไปนานแล้วนะ เหตุที่ธุดงค์ผ่านไปทางนั้นเพื่อต้องการอโหสิกรรม
    เพราะบ่วงนี้รบกวนภาวะของฉันเช่นกัน ทำให้ฉันเดินทางช้าลง เพราะความสบายใจของเธอก็ได้นะ

    ....กรรมอันใดที่ดวงจิตนี้ รูปนี้นามนี้ ได้กระทำร่วมกันมากับข้าพเจ้า ได้เคยสัญญา สาบาน อธิษฐานจิตกับข้าพเจ้า ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง
    เมื่อครั้งอดีตชาติ ข้าพเจ้าไม่ถือโทษ ถือโกรธ ขอถอนคำ สาบาน ธิษฐานจิตต่อกัน และอโหสิกรรมให้กับดวงจิตนี้ รูปนี้ นามนี้ นับแต่นี้เป็นต้นไป .
    .....................
    ดีขึ้นมั๊ย ..ยังไม่ทราบเจ้าค่ะ
    ......................
    ดิฉันไปสัญญา สาบาน อฺธิษฐานจิตกับท่านไว้อย่างไรหรือค่ะ ....บอกแล้วผิดวินัยฉัน
    .........................
    แต่ความทุกข์มันจะไม่คลายลงเลย หากดิฉันยังสงสัยอยู่ แล้วเราจะหลุดพ้นจากบ่วงนี้ได้อย่างไรกัน
    ธุดงค์ผ่านมาเพื่อต้องการอโหสิกรรมตัดสัญญาไม่ใช่หรือเจ้าค่ะ
    .............................
    เราเคยอยู่ในสมัยเสียกรุงด้วยด้วยกัน ฉันตามเสด็จออกไปรบ ก่อนไปได้อธิฐานจิตต่อหน้าพระพุทธรูปร่วมกัน
    เมื่อฉันกลับมาจะครองชีวิตออกเรือนด้วยกัน เมื่อฉันชนะศึกกลับมา เธอก็ออกเรือนกับชายอื่นไปแล้ว
    ด้วยความจำยอมและเสียสละ เธอเองทุกข์ไม่น้อยกว่าฉันหรอก เพราะเหตุนี้ดวงจิตของเธอจึงติดตามฉัน
    ............................
    ฉันได้แต่ร้องไห้เสียใจ สงสารดวงจิตนักรบท่านนั้น สงสารดวงจิตของตัวเอง
    ........................
    เมื่อไม่รู้ก็อยากรู้ รู้แล้วก็เป็นทุกข์ ไม่รู้ก็เป็นทุกข์จะเอาอย่างไรดี หักห้ามใจเสียเถิด โยมเอ๋ย ..อย่าสานต่อเลย
    พยายามนะ ก้าวข้ามไปให้ได้ ยกขึ้นมาพิจารณา จับอารมณ์นี้ขึ้นมามันอาจจะทำให้เป็นทุกข์แต่ก็ต้องทำๆซ้ำๆ
    ชีวิตมีแต่ความทุกข์ อดีตคือสิ่งที่ล่วงไปแล้ว เห็นก็แค่เห็น รู้ก็แค่รู้ ตามให้รู้เท่าทันอารมณ์
    เห็นฉันเคยเป็นนักรบแล้วตอนนี้เห็นฉันเป็นนักรบหรือเปล่า ตามให้ทันให้รู้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน เกาะพุทโธให้แน่น .

    เข้าใจมั๊ย ....เจ้าค่ะ



    [/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  11. แก้วกัลลยา

    แก้วกัลลยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +570
    กลับมาบ้านเย็นนั้นก็นอนไม่หลับ สวดมนต์ภาวนาก็ไม่ได้ ใจไม่มีสมาธิ นึดถึงแต่คำพูดของท่าน นึกถึงเรื่องราวของความรักที่ต้องเสีสละในกาลก่อน

    เศร้าใจ ....เสียใจ...เสียดาย.... รักนี้สูงส่งและงดงามเกินกว่าจะคว้ามาแนบใจได้อีก "มาพบกันในชาตินี้ก็ต่างมีเงื่อนไข มีหน้าทีเสียแล้ว"
    ฉันเองมีครอบครัวที่อบอุ่น ....ท่านเองก็เข้าสู่พรมจรรย์ไปแล้ว...

    ...ปล่อยใจให้ร้องไห้ ...อาลัย...อาวรณกับรักนั้นให้สาสมใจ ด้วยคงไม่มีหนทางบรรจบกันได้ ไม่ว่าชาติที่แล้ว ชาตินี้ หรือชาติหน้า

    ท่านนั้นงดงามตามรอยพระพุทธองค์เหลือเกิน...บุญบารมีของท่านก็ยิ่งนำพาให้ห่างไกลกันออกไปอีกทุกภพ ทุกชาติ...

    หลังจากนั้นไม่นานสภาวะจิตก็เริ่มดีขึ้น....ทุกข์นั้นจางคลายลง....เหมือนหลุดจากบ่วงนั้นแล้ว.....สบายใจขึ้นมาก

    ก็โทรหาท่าน....กราบนมัสการเจ้าค่ะ ....เจริญพร...เป็นอย่างไรบ้าง...
    ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ......ดีแล้วนะ ทุกข์นั้นเมื่อถึงที่สุดมันก็จางคลายไปเอง
    อย่าเสียใจกับเรื่องราวที่ได้รับรู้สิ่งที่เราได้รับ เป็นคุณวิเศษแล้วนะ จะมีใครกี่คนที่ได้คุณวิเศษนี้...เลิกสงสัยได้แล้ว สภาวะจิตสูงแล้ว
    ตั้งใจเดินหน้าต่อไปสิ่งที่ได้พบได้รู้ ก็วางไป ทิ้งไป ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเกิด-ดับของมันอยู่อย่างนี้
    เห็นสภาวะธรรมมั๊ย ....ดวงจิตนี้มันทุรนทุราย นึงถึงฉันแล้วร้องไห้ ...วันนี้ดวงจิตนั้นสงบลง ทุกข์นั้นดับลง เพราะอะไรละ่ เพราะมันไม่เที่ยง
    ทุกข์เพราะเอาใจไปยึดคิดว่าทุกข์นั้นเป็นของฉัน
    อยู่กับปัจจุบัน ซ้ายไม่เอา ขวาไม่เอา บาปไม่เอา บุญไม่เอา อยู่ตรงกลางเดินสายกลาง .มัชฌิมาปฏิปทา เข้าใจมั๊ย ทำได้มั๊ย


    เจ้าค่ะ...

    จะเก็บไว้เป็นความงดงามของชีวิต จะเดินตามรอยพระจารย์เจ้าค่ะ หากบุญถึง มีโอกาสได้พบพระอาจารย์อีก อยากกราบขอขมากรรมต่อท่านเจ้าค่ะ

    ได้ฟังอย่างนี้แล้ว ฉันดีใจ มีความสุข ปิติสุขจังเลยนะ ดีแล้วที่คิดอย่างนี้ ธรรมใดฉันรู้แจ้งขอให้เธอรู้แจ้งในธรรมนั้น
    ขอให้เจริญในธรรม รู้แจ้งในอริยสัจสี่ เข้าถึงโกุตรธรรมเก้า ขอให้บุญรักษาเทวดาคุ้มครอง
    บุญใดที่เกิดจากการบำเพ็ญเพียรของฉัน ขอให้บังเกิดแกดวงจิตนี้รูปนี้นามนี้ตราบวันฉันเข้าสู่พระนิพพานเทอญ.

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.


    ตั้งแต่ที่ได้พบท่านครั้งนั้น จนบัดนี้ผ่านไปเกือบปีแล้วดิฉันก็ไม่ได้พบท่านอีกเลย ............ทราบข่าวครั้งสุดท้ายเมื่อปลายปีที่แล้ว ท่านเดินทางไปอินเดีย

    -----------------------

    กายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 กรรมดีอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วในอดีต จนถึงปัจจุบัน ขอให้ถึงแก่ท่านทั้งหลาย
    ที่มีภพ ภูมิ ชีวิต จิต วิญญาณ ขันธสันดาน มีวิบากกรรม มีการกระทำ เจ้ากรรมนายเวร เจ้าการบัญชี ยมบาล มนุษย์หนึ่ง สวรรค์ 6 พรหม 20 อบายภูมิทั้ง 4

    โทษอดีต โทษอนาคต โทษปัจจุบัน กายกรรม วจีกรรม กรรมอันน่าติเตียนใดๆ ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในคุณพระพุธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
    คุณบิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย ผู้มีพระคุณทั้งหลาย คุณครูบาอาจารย์ ทุกสังขาร ทุกวิญญาณ ทุกพระองค์ ขอจงหายบาป หายกรรม หายโกรธ
    ขอจงยกโทษ ให้แก่ข้าพเจ้า นับตั้งแต่บัดนี้เทอญ.

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2013
  12. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    กระทู้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง..อ่านแล้วก็ได้คิดตาม
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  13. แก้วกัลลยา

    แก้วกัลลยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +570
    ...จะได้พบหรือไม่ได้พบท่านอีกก็บอกไม่ได้....
    ...ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป เป็นของมันอยู่เช่นนี้...ใครเลยกำหนดได้

    ...เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ...ความทุรนทุรายหายไปเป็นปลิดทิ้ง ...
    ...คงเหลือแต่ความทรงจำแห่ง ความปลื้มปิติ
    ...ใจนั้นเป็นเป็นสุขเสมอเมื่อนึกถึงท่าน
    ...ครั้งหนึ่งในชีวิตมีโอกาสได้พบบันทึกเรื่องราวดีๆ
    ...ได้พบคู่อธิษฐานผู้ร่วมบุญร่วมกรรมกันมาในอดีตชาติ...

    ....ณ..วันนี้เฝ้าบำเพ็ญเพียรส่งบุญถึงท่าน
    ....ถึงเพื่อนร่วมชะตากรรรมเมื่อคราวเสียกรุงฯ
    ....ที่ยังไม่ได้ไปเสวยภพภูมิใดๆ เสมอมิได้ขาด

    ขออนุโมทนาสาธุ...กับเพื่อนๆกัลยานธรรมทุกท่านทุกรูปทุกนาม...เชื่อว่าหลายท่านในที่นี้คงได้ร่วมชะตากรรมกันมาในครั้งนั้น .
     
  14. OraOng

    OraOng Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +65
    ขออนุโมทนากับ จขกท. ด้วยค่ะกับบทความได้ความรู้ในธรรมจากประสบการณ์ แบบชัดเจนเลยค่ะ กับผู้เริ่มปฎิบัติ เป็นบททดสอบได้ดีค่ะ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...