จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  2. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  3. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    การเข้าถึงธรรมะ ก็คือการเข้าถึงจิตใจของตนเอง...เพราะใจตัวนี้แหละเป็นตัวดีดดิ้นไม่เคยอิ่มพอเพราะมันมีความยึดติดแบบลึกลับอยู่ภายในของมันโดยเราไม่รู้ไม่เห็น ก็มีแต่ผู้เปิดสิ่งนี้ออกนั้นแหละจึงจะเห็นจิตอันผ่องใสได้ เพราะจิตที่ปกคุ้มอยู่นั้นเป็นจิตที่ต้องทําให้เรามาเกิดมาตายอีก แต่เมื่อไหร่เราได้รู้เห็นจิตเดิมนั้นแหละเราก็มีหวังที่จะได้หลุดพ้นไปได้...จึงต้องได้ดูจิตดูอารมณ์ของตนไปจนเห็นความเกิด-ดับ และเห็นความคิดทั้งดี และไม่ดี เห็นอัตตา ตัวตนก่อนนั้นแหละ และก็จะต้องทําตัวลายตัวตนนั้นให้ได้ โดยเราเจอสิ่งใดๆรู้สิ่งใดๆสักแต่รู้สักแต่เห็นได้นั้นแหละ จิตก็จะปล่อยโดยไม่ต้องฝืน เพราะมันรู้ว่าตัวตนนั้นไม่มีในเราในเขาแล้วจะยึดทําไม? ท่านจึงสอนเราๆท่านๆว่าผู้ปฏิบัติเจอผู้รู้ทําลายผู้รู้ เจอภพทําลายภพ ก็เพื่อแม้แต่ผู้รู้ก็ต้องรู้แบบไม่เอาทั้งดีและไม่ดีนั้นเอง...สาธุ
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,347
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    "สิ้นสุดปลายทางของขันธ์ ๕"

    **************************************
    น้องรินบอกว่าไปกราบกายเนื้อหลวงพ่อแล้วนํ้าตาไหลเลย ขอให้จิตบุญ(ไม่ใช่จิตโบ๋นะ)ทุกๆท่านมีความอิ่มเอิบและปิติที่ได้ร่วมใจกันมากราบและทั้งที่ส่งใจมากราบได้รับบุญอันยิ่งใหญ่นี้ทั่วกันจงทุกท่านเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,347
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    ขอมอบคําพรให้แด่คุณครูทุกๆท่านค่ะ(ไม่ใช่วันครูแต่ใจมันบอกมาค่ะ) ของเก่า ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ยังร้องเพลงนี้กันอยู่หรือเปล่า) ธรรมะสวัสดีค่ะ

    ชีวิตครู ดังคำกลอนของท่านหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ที่ว่า

    " กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด
    การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น
    แต่ออกดอกคราวใด งานเด่น
    งานสั่งสอนปลูกปั่น เสร็จแล้วแสนงาม "


    ปาเจรา จริยา โหนติ คุณุตรานุสาสกา
    ข้าขอประณตน้อมสักการ..
    บูรพคณาจารย์ ผู้กอปรเกิดประโยชน์ศึกษา
    ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา อบรมจริยา แก่ข้าในกาลปัจจุบัน
    ข้าขอเคารพอภิวันท์ ระลึกคุณอนันต์ ด้วยใจนิยมบูชา
    ขอเดชกตเวทิตา อีกวิริยะพา ปัญญาให้เกิดแตกฉาน
    ศึกษาสำเร็จทุกประการ อายุยืนนาน อยู่ในศีลธรรมอันดี
    ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี ประโยชน์ทวี แก่ชาติและประเทศไทยเทอญ
    ปัญญาวุฒิ กเรเตเต ทินโนวาเท นมามิหัง

    น้อมจิตวันทา บูชาคุณครู กตัญญูกตเวที
    *********************************
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน )
    supatorn
    chearr
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2013
  6. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "พุทธภาษิต"

    ...บุคคลใดในกาลก่อนเคยผิดพลาด...

    ...ครั้นภายหลัง เขากลับตัวได้ไม่ประมาท...

    ...บุคคลนั้น...ย่อมทำโลกให้แจ่มใส...

    ...เหมือนดั้่งดวงจันทร์...อันพ้นจากเมฆหมอก...

    ...คัดจากหนังสือธรรมะสว่างใจ วัดสันติวงศาราม เบอรมิ่งแฮม อังกฤษ...
     
  7. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...มนุษย์ทั้งหลายที่มี...

    ...ผ้ากาสาวพัสตร์คลุมไหล่...

    ...หากไม่รู้จักควบคุมตนเอง...

    ...และประพฤติไม่ชอบแล้ว...

    ...เขาผู้ทำชั่วเหล่านั้นย่อมไปนรก...

    ...เพราะอกุศลกรรมของตน...

    ...หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค...

    ...กราบขอบพระคุณหลวงพ่อปานเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2013
  8. ซี-วา

    ซี-วา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +644
    "ตัวกู" คือปัญหาครับท่านภู
     
  9. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479


    วันหนึ่งข้างหน้า ท่านเป็นแก้วไปทั้งองค์ ด้วยบารมีธรรม ก็ยังมีคนไปหาว่าเอาแก้วมาทำองค์แทนอีก คนหนอคน
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    อั้ยย่ะ!
    คนเรานี่หน๋อ! สารพัดจะให้เป็นไป
    ทำผลไม้เป็นพระก็ได้ แต่ทำไม๊..ไม่ยักทำจิตตนให้เป็น
    พระ

    พระอยู่ที่วัด..แล้วจะทำยังไงถึงจะให้พระมาอยู่กับเราทุกๆที่ ทุกๆวัน
    เอ๊า!ง่ายนิดเดียว..ก็ทำจิตเราให้เป็นพระหรือบวชจิตทุกวันเลย​
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุด้วยครับ "ตัวกู"
    คนเรามันยุ่ง-วุ่นวายก็เพราะว่า..ตัวกู..นี่แหล่ะ
    แต่ถ้าไม่มีตัวกูแล้วจะมีตัวมึงเล๊อะ เห่อๆ อุปมาอุปมัยให้ฟัง มิได้ไปว่าใครนะ
    แต่ถ้าไม่มีตัวกูหรืออัตตาก็แปลว่า..อนัตตา..ทันที
    ที่แท้ก็สมมุติ ที่แท้ก็ไร้สาระทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าไปเอา อย่าไปสนใจภายนอกจิต
    สนใจจิตเราดีกว่าเพราะว่าเป็นแก่นธรรม เป็นของจริง เป็นของไม่สูญเปล่า
    มีคุณทั้งโลกนี้และโลกหน้าฯ
    วันหน้าอย่าลืมมาสนทนาธรรมกันเด้อ ที่นี่คนกันเอง..คนบ้านเดียวกัน
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เห็นด้วยครับ
    เดี๋ยวลองอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนี้ดูนะครับ อาจจะได้คำตอบ

    แค่ลมปาก
    ได้รับคำนินทาจงอย่าสะเทือนใจ ถือว่าทุกคนในโลกไม่มีใครเลยที่จะพ้นการนินทา
    ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า นัตถิ โลเก อนินทิโต คนไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก
    แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านมีชีวิตอยู่ท่านก็ถูกนินทา พระพุทธเจ้าท่านไม่แต่นินทานะ ด่าต่อหน้าเลยนะ
    เขาจ้างคนด่าต่อหน้าประชาชน แม้ท่านเองก็ถูกนินทา ท่านไปนิพพานแล้วสร้างพระพุทธรูปขึ้น
    พระพุทธรูปไม่ทำอะไรใครเลยยังถูกนินทา
    แหม...องค์นี้ยิ้มมากไปหน่อย องค์นี้ยิ้มน้อยไปนิด องค์นี้ปากเบี้ยวไป ในที่สุดไม่เป็นเรื่อง
    อันนี้เขาปั้นไว้ไปว่าอะไรท่านล่ะ
    รวมความว่านินทากับสรรเสริญทั้ง ๒ ประการ พระพุทธเจ้าทรงเตือนหนักว่าจงอย่าสนใจเสียเลย
    เขาสรรเสริญเราว่าดี เราต้องดูตัวเราว่าดีเท่าเขาสรรเสริญไหม
    เขานินทาว่าชั่ว เราดูตัวเราว่าชั่วตามที่เขานินทาไหม

    สรุปแล้ว การนินทาก็ดี สรรเสริญก็ดี ทั้ง ๒ ประการ ไม่สนใจเสียเลย
    ให้สนใจอย่างเดียว คือผลแห่งการปฏิบัติว่าการประพฤติปฏิบัติของเรานี่มันดีหรือมันเลว
    ถ้าเราทำดีเขานินทาขนาดไหนก็ตาม เราก็ไม่เลวตามคำเขาพูด
    ถ้าเรามีความประพฤติเลว เขาสรรเสริญว่าเราดีขนาดไหนก็ตาม เราก็ไม่ดีตามคำเขาพูด
    มีความประพฤติเลวเขาสรรเสริญว่าเราดีขนาดไหนก็ตาม เราก็ไม่ดีไปตามเขาพูด
    ควรสนใจแต่การปฏิบัติ


    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ วัดท่าซุง)

    เพราะฉะนั้น ลูกหลานของหลวงพ่อฯต้องท่องคาถานี้ไว้
    "คนในโลกนี้ไม่ถูกนินทาเลย..ไม่มี"
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    วางกำลังใจให้ถูก
    เรา..นักปฎิบัติธรรมจะต้องว่ายทวนกระแสกิเลสตนเอง
    มิใช่ ปฎิบัติไปตามหรือทวนกระแสสังคมหรือผู้อื่น
    มิใช่ ปฎิบัติไปฝืนจิตใจตน แต่ปฎิบัติเพื่อการยอมรับตามกฎธรรมดา
    เพราะแก่นธรรมก็คือจิต และจิตก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
    เพราะฉะนั้น จิต/ธรรมะ/กฎธรรมดา/กฎแห่งกรรม ต่างก็ล้วนแปลว่าธรรมชาติ
    สรุป..การปฎิบัติธรรมก็จะต้องเป็นไปตามธรรมชาติมากที่สุด

    โดยเฉพาะผู้ปฎิบัติใหม่ พยายามอยู่กับกายใจของตนให้มาก
    โดยเฉพาะสนใจดูจิตตนให้มากๆ อะไรที่มิใช่เรื่องจิตก็อย่าเพิ่งไปสนใจมากนัก
    อย่าสนใจในกิริยาผู้อื่น ไม่ว่าคนนั้นจะดีหรือเลวก็ไม่เกี่ยวกับมรรคผลตนเอง
    เพราะสิ่งภายนอกจิตตนนั้น เป็นสิ่งมายา/ปลอม/สมมุติแทบทั้งสิ้น
    เห็นมีเพียงแต่สิ่งภายในจิตตนเท่านั้น ที่เป็นของจริง เป็นความสุขจริงๆ
    สำหรับผู้ปฎิบัติที่ต้องการความเจริญก้าวหน้าในธรรม จำเป็นจะต้องดูกายดูใจตนบ่อยๆ
    แต่ความสุขของนักภาวนา/นักปฎิบัติธรรมนั้น มีหลายระดับขึ้นอยู่กับจิตหยาบ/ละเอียด
    ส่วนใหญ่เกิดจากจิตนิ่งเป็นสมาธิ/ฌานหรือปิติสุข
    แต่ความสุขของพระอรหันต์เกิดจากการปล่อยวาง
    สุขเหนือสุขของผู้หลุดพ้นนั้น ก็คือการละ/ปล่อย/วางกับกิเลสต่างๆ/สิ่งสมมุติทั้งปวง
    สรุป..สำหรับผู้ปฎิบัติที่ต้องการความเจริญก้าวหน้าในธรรม จำเป็นต้องอยู่แต่ภายในถ้ำ(กายหยาบ)
    อยู่กับกายอยู่กับใจตนให้มาก เป็นการเจริญสติปัญญาเพื่อดูกายดูใจของตนบ่อยๆ

    บทสรุปปิดท้าย ผู้ที่ทำสำเร็จ/หลุดพ้นจริงๆนั้น จิตมีมหาสติ มหาสมาธิ มหาปัญญา
    และรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว จิตจะกลายเป็นพุทธะ จิตรู้ตื่นเบิกบาน จิตเป็นผู้ดูอย่างเดียว
    จิตเป็นผู้พบธรรมภายใน(จิตในจิต/ธรรมในธรรม) เลยไปอีกนิดก็จะรับอารมณ์ของพระ...ได้
    เข้าเขตปัจจัตตัง/อกาลิโกมากก็ต้องหยุดพร่ำกันพอดี
     
  14. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    คําว่า"นิพพาน"ท่านหมายถึงความเย็น หรือ "ความว่าง" เย็นหรือว่าง สองตัวนี้คือ เย็นเพราะไม่ร้อนเพราะความร้อนในที่นี่ก็คือ ร้อนเพราะมีกิเลสและตัณหา มีอุปทานความยึดมั่นถือมั่นในของๆเราๆ ในของๆเขาๆ เพราะยังไม่รู้แจ้งเห็นจริงนั้นเอง...และว่างก็คือว่างเพราะไม่ยึดสิ่งใดๆมาเป็นของๆตน และไม่ต้องการสิ่งใดๆมาเพิ่ม เพราะพอ พอคือความพอดีนั้นเอง...พอใจในความเป็นอยู่ พอใจในความไม่ยึดติด พอใจในความหลุดพ้น พอใจที่จะไม่มาเกิด คือเห็นทุกข์ คือเห็นการเกิดเป็นทุกข์ เพราะต้องมาต่อสู้กับกิเลสตัณหาของตนและผู้อื่น ท่านผู้เห็นได้อย่างนี่ เรียกว่าเห็น"สัจธรรม"นั้นเอง...จิตผู้นั้นก็จะเย็นและว่างจากกิเสลทั้งหลายทั้งปวง...สาธุ
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุกับธรรมาทานของคุณเพ็ญUkด้วยครับ
    กล่าวได้ถูกต้องแล้ว ชอบแล้ว สิ้นความสงสัยในธรรมของจิตแล้ว
    สาธุๆๆ
     
  16. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...ใจที่เป็นทุกข์นั้นเกิดจาก...

    ...ยังไม่เต็ม ไม่อิ่ม...ไม่พอ...

    ...ยังเป็นทาสของตัณหา...

    ...แม่น้ำยังมีเวลาเต็มในฤดูน้ำ...

    ...แต่ความอยากนั้นไม่รู้จักเต็ม...

    คัดจากหนังสือ สโรชา...พ. ศ .๒๕๔๗.
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    The truth!
    สัจธรรมหรือความจริงวันนี้ และความจริงในวันต่อๆไป
    ทุกคนค้นหาที่จิตตนเอง..เท่านั้น
    ตราบใดที่เรากำลังตามหาความจริงจากผู้รู้หรือนักปราชญ์อื่น
    นั่นมิใช่ความจริงจากตัวของตนเอง แต่เป็นความจริงของเหล่านักปราชญ์
    นั่นมิใช่เป็นปัญญาของตนเอง แต่เป็นปัญญาของเหล่านักปราชญ์

    ทุกวันนี้คนเราส่วนใหญ่มีเวลาอยู่กับสิ่งมายา/สิ่งสมมุติกันมากเกินไป
    แถมจิตเรามีปัญญาไม่มากพอที่จะไปรู้เท่าทันกิเลสตัณหาของตน
    จิตเราก็เลยไปเกี่ยวข้อง/ไปยึดติดกับสิ่งที่กล่าวไปแล้วนั้น
    คนเราส่วนใหญ่ก็เลยเป็นทุกข์กันมาก เพราะอวิชชา คือความไม่รู้ความจริงแห่งชีวิตของตน
    ในเมื่อจิตไม่รู้ธรรม(ความจริง)/ไม่ยอมปล่อยวาง และผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ ความทุกข์
    สำหรับผู้ที่อยากออกจากทุกข์ของตน มีอยู่ทางเดียวก็คือธรรมปฎิบัติ/นำจิตมาเจริญอริยมรรค
    สำหรับผู้ที่คิดแค่ว่า..การทำบุญภายนอก/ทำบุญทำทานเล็กน้อย/ต่อให้ไปสร้างวัด สร้างโบสถ์
    สร้างพระประธาน ก็มิอาจจะออกจากทุกข์ของตนได้ แต่มิได้หมายถึงปฎิเสธการทำบุญภายนอก
    อันนั้นไม่เกี่ยวคนละเรื่อง อุปมาให้ฟัง อันนั้นบอกวิธีสร้างบุญ แต่การทำบุญภายนอกของเรานั้น
    จะช่วยหนุน/นำพา/เสริมสร้างบุญใหญ่ในภายภาคหน้าของตน นั่นก็คือบุญจากการเจริญกรรมฐาน
    เป็นบุญภายใน ซึ่งถือว่าเป็นบุญอันใหญ่หลวงยิ่งนักที่จะชักนำให้จิตเราหลุดพ้นในอนาคตกาลได้
    สิ่งต่างๆเหล่านี้ชาวพุทธเองจะต้องรู้และเข้าใจเรื่องบันไดบุญของตน เพราะเป็นหนทางออกแห่งทุกข์
    หรือออกจากความทุกข์ของตนเองไปโดยตามลำดับแห่งทุกขลักษณะ
    แต่กว่าเราจะรู้ตามความเป็นจริงทั้งปวงนั้น เราจะต้องรู้จักคำว่า อริยสัจ๔ คืออะไร
    แต่กว่าจะมีความเห็นถูกและคิด/ไตร่ตรองถูกต้องนั้น เราจะต้องรู้จักคำว่า มรรคมีองค์๘ คืออะไร
    แต่สุดท้ายแล้วทุกคนต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ที่ สติ เพราะการสร้างสตินั้นเป็นบ่อเกิดปัญญา
    อย่าลืม..ผู้ที่อยากปฎิบัติเพื่อออกจากทุกข์ จะต้องรักษาศีลหยาบครบถ้วนด้วยเจตนาของตนก่อน

    ***ธรรมะที่อยู่ภายในจิตใจของเรานั้น เป็นของสงบสุข/ร่มเย็น
    ***ส่วนกิเลสตัณหาฯนั้น เป็นของร้อนทั้งกายและใจ

    เพราะฉะนั้นนักปฎิบัติจะได้มรรคผลตามดังที่กล่าวไปแล้ว แต่ตามหาจิตตนให้พบโดยเร็วเสียก่อน
    เมื่อหาพบแล้วย่อมพบธรรมในจิต เมื่อพบธรรมแล้วย่อมพบสมบัติ/อริยทรัพย์ภายในจิตของตนเอง
    นั่นก็คือความสุข ความสงบ ความเยือกเย็นภายในกายใจ เป็นเรื่องธรรมดาทุกคนย่อมเข้าถึงได้
    ฟังดูแล้วเหมือนจะง่าย พูดง่ายแต่ทำยาก เล่าให้ฟังเฉยๆทุกคนรู้หมดแล้ว แต่ยังไม่ยอมลงมือทำ
    หรือลงมือทำแล้วแต่ยังไม่ได้ผล อันนั้นคุณต้องกลับไปคิดทบทวนดู..มีความเพียร ความตั้งใจจริง?
    ต่อธรรมปฎิบัติแค่ไหน ซึ่งเคยบอก เคยเตือนกันไปเรียบร้อยแล้วว่า...
    ใครทำจริงย่อมได้ของจริงๆ แต่ถ้าทำเล่นย่อมไม่ได้ของจริงกลับไป แถมยังเสียเวลาอีก

    อย่าลืมทำให้ครบถ้วน..."ทาน ศีล ภาวนา" หรือ "ศีล สมาธิ ปัญญา"
    แต่ถ้าผู้ใดทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบดีแล้วก็ย่อมได้รับมรรคผลหรือนิพพานไปตามลำดับ
    สาธุๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤษภาคม 2013
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ภาพทั้งหมดที่ท่านเห็น
    มิใช่..เพราะฝีมือพายุเฮอริเคนหรือภัยพิบัติธรรมชาติแต่อย่างใด
    แต่เป็นภัยพิบัติภายใน นั่นก็คือ จิตคนวิบัติ
    เห็นพิษสงของกิเลสคนเรากันหรือยัง...
    โดยเฉพาะความโกรธ เป็นกิเลสเกิดบ่อยที่สุด และระงับยากที่สุด
    ยิ่งปุถุชนหรือคนธรรมดาที่มิได้ฝึกจิตมาเป็นอย่างดี..เสร็จทุกราย

    ส่วนภาพที่เห็น ก็คือชายมะกันโมโหเพื่อนบ้าน ขับรถแทรกเตอร์พังบ้าน 4 หลัง
    แต่ถ้าใครไม่อยากให้บ้านของตนเป็นดั่งที่เห็น กรุณาหลีกเลี่ยงคนที่มีกิเลสหนา
    โดยเฉพาะผู้ที่ระงับความโกรธตนเอง..ไม่ได้
    ยิ่งผู้ที่มิได้ฝึกจิต..ได้โปรดหนีให้ไกลๆ แล้วจะหาว่าไม่เตือนกัน
    เวลาความโกรธมาเยือนเรา มันไม่มีคำว่า เมตตาหรือปราณี ไม่ได้นึกถึงหัวอกใครๆแล้ว
    ป่านฉะนี้เพื่อนบ้านเป็นไฉนหน๋อ...
    แต่ที่แน่ๆตาคนนั้นคงหายหรือเกิดดับไปพร้อมกับความโกรธของตนแล้วมั้ง!

    นี่ขนาดอากาศหนาวเย็นนะ แต่ถ้าอากาศร้อนแบบเมืองไทย มีหวังเผาถูกเดียว
    กิเลสคนเรานี่มันเกิดขึ้นได้แม้นกระทั่งอุณหภูมิติดลบ แต่จะลดได้ด้วยกรรมฐานเท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.1 KB
      เปิดดู:
      66
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.1 KB
      เปิดดู:
      55
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.7 KB
      เปิดดู:
      61
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.7 KB
      เปิดดู:
      58
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.6 KB
      เปิดดู:
      55
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.2 KB
      เปิดดู:
      47
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤษภาคม 2013
  19. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    -ถาม - ตอบ ปัญหาธรรม-

    - ถาม - ดิฉันทำไมกิเลสจึงหนักหนาเอาเสียเหลือเกิน แก้ได้ไหมคะหลวงพ่อ.

    - ตอบ - ถ้าแก้แบบนั้นแก้จนกระทั่งจนวันตายก็ไม่ได้...ถ้าพอจุดทูปแล้วครอกนี่

    ...จนกระทั่งวันตายก็ไม่ได้ เราบอกตรง ๆ เลยนะ ถ้าแก้โดยบอกตนเองว่า กูเคยนอน

    ตั้งแต่วันเกิด กูจะภาวนา เท่านั้นได้ เข้าใจไหม ไม่ครอกแหละถ้าแบบกุ๊กกั๊กครอก โอ้ย

    วันตายไม่ว่าใครทั้งนั้นแหละ...เสร็จ ดีไม่ดีกิเลสมือเป็นไฟไปแล้ว หั่นหัวหอมไม่ทัน เราขี้นบนเขียงคอยมันอยู่แล้ว มันหั่นหัวหอม

    กระเทียมไม่ทันเลยละ..กิเลสน่ะ มันจะขยำเราเข้าใส่นั่นเข้าใจไหมล่ะ...โอ้ย กิเลสรำคาญแบบนั้นอย่าเลย

    ...ถาม -ตอบ ปัญหาธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี.

    ...กราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2013
  20. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...ความเกิดเป็นทุกข์...

    ๑. รูป อันประกอบด้วย หนัง เนื้อ ขน ผม ฟัน เล็บ กระดูก อวัยวะต่างๆ

    น้ำหนอง น้ำลาย น้ำปัสสาวะ น้ำตา เหงือ ต่าง ๆ เหล่านี้ที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์

    พระพุทธองค์ชี้ว่า...เป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ และวิญญาณธาตุ

    เป็นสิ่งของที่ไม่เที่ยง...ตั้งอยู่ไม่ได้นาน เป็นทุกข์ และย่อมแปรปรวน เสื่อมสลาย ดับ

    ไปเป็นธรรมดา บังคับบัญชาไม่ได้...เมื่อความจริง ร่างกายเป็นอย่างนี้...

    ...องค์สมเด็จพระพุทธบิดาทรงตรัสสอนว่า..."มนุษย์ไม่ควรยินดี พอใจ ปรารถนา

    หรือยึดถือ...รูปกายนี้.....คัดจากหนังสือ สโรชา พ. ศ.๒๕๔๗.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...