เล่าไป+ถามไป

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย anntys, 28 เมษายน 2013.

  1. anntys

    anntys Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +63
    สวัสดีค่ะ ญาติธรรมทุกท่าน (ไม่ทราบว่าพิมถูกหรือเปล่า) เริ่มต้นมาก็ถามเลย T^T เข้าเรื่องเลยค่ะ แนะนำตัวก่อนนะคะ ดิฉันเป็นสมาชิกเว็บนี้มาสักพักนึงได้แล้วค่ะ แต่ไม่เคยโพสท์กระทู้เลย ส่วนใหญ่จะเข้ามาอ่านกระทู้ หาคำตอบและความรู้ไว้เป็นวิทยาทานเท่านั้นค่ะ ส่วนใหญ่อ่นเสร็จก็กด อนุโมทนาบุญให้เจ้าของกระทู้มากกว่า ที่ไม่เคยตอบเพราะคิดว่าไว้ให้ผู้รู้ตอบดีกว่า เราจะไปรกกระทู้เขาเปล่าๆ แต่ที่ศรัทราและเชื่อมั่นเวบนี้มากๆ เพราะเคยเข้าไปกระทู้นึงค่ะ ท่านเจ้าของกระทู้ท่านแจกพระพิคเนศ ดิฉันมีเพื่อนรุ่นพี่คนนึง เขาป่วยเรื้อรังในโรคที่ปกตอแล้วไม่ควรจะเป็นนานขนาดนี้ แล้วมีคนทักว่าให้บูชาท่าน พิฆเณศ (ขออภัยล่วงหน้าึ่ะ ภาษาไทยอ่อนด้อยเหลือเกิน บางคำอาจเขียนผิดและดิฉันเขียนผ่านแท้บเล็ทค่ะเลยอาจพิมไม่สะดวก)

    ต่อนะคะ ดังนั้นดิฉันเลยเขียนลงกระทู้ขอพระพิฆเณศ ท่านมา 2 องค์ โดย แบ่งให้เพื่อนรุ่นพี่คนนั้น1 องค์ค่ะ. วันเวลาผ่านไปกี่เดือนไม่ทราบแต่ดิฉันนั้นลืมไปแล้วเพราะคิดว่าคน ขอไว้เยอะ คงไม่ได้ ปรากฏว่าวันนึง มีพัสดุส่งมาให้ดิฉัน พอเปิดดู ดิฉันทั้งตกใจทั้งดีใจ ขนลุกเลยค่ะ เพราะท่านเจ้าของกระทู้ได้ส่งพระพิฆเณศ มาให้ดิฉัน 2 องค์ เป็นองค์เล็กๆ สีเงิน และสีทอง สวยงามมากๆค่ะ ดิฉันดีใจมากรีบเอาไปให้เพือ่นรุ่นพี่คนนั้นพร้อมเล่าเรื่องราวให้ฟัง เธอก็ดีใจมาก ยกมือสาธุท่วมหัว แล้วรีบนำไปเลี่ยมกรอบทองห้อยคอทันที ทุกวันนี้เธอยังห้อยคออยู่เลยค่ะ ส่วนอาการป่วยของเธอนั้นดีขึ้นจนหายเป็นปกติแล้วค่ะ.

    ดิฉันไม่มีโอกาสโพสท์ขอบคุณท่านในกระทู้เนื่องจากหากระทู้นั้นไม่เจอค่ะ. เลยขอกราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญมา ณ ที่นี้ นะคะ

    เล่ายาวมานาน ยังไม่ได้เข้าเรื่องเลย เริ่มเลยแล้วกันค่ะ
     
  2. anntys

    anntys Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +63
    แว้บไปดื่มน้ำมา ต่อนะคะ เรื่องแรกค่ะ ตอนนั้นดิฉันอายุสัก10 ขวบค่ะ เพิ่งย้ายโรงเรียนจากในตัวจังหวัดที่โคราช ไปอยู่โรงเรียนประจำตำบลนึง ใน อ.ด่านขุนทดค่ะ สมัยนั้น(ประมาณ20 ปีที่แล้ว) การคมนาคมที่นั่นยังไม่สะดวกค่ะ พ่อกับแม่เอาดิฉันไปฝากไว้กับยาย เนื่องจากท่านต้องย้ายที่ทำงานเลยไปหาบ่อยๆไม่สะดวกค่ะ ดิฉันมีลูกพี่ลูกน้องอายุไล่เลี่ยกัน 5-6 คนที่นั่นค่ะ การย้ายโรงเรียนใหม่เลยไม่ค่อยเหงาเท่าไร
    หนึ่งในลูกพี่ลูกน้องนั้นมี คนนึงชื่อเจ้าเก่งค่ะ อายุเท่าดิฉันเลย นิสัยซุกซนตามประสาเด็กทั่วไป. แต่มีอย่างนึงที่เจ้าเก่งชอบมาก คือการไปเก็บพวก บรรดาตุ้กตา ของขลัง ต่างๆที่ชาวบ้านเอามาทิ้งไว้ใต้ต้นโพธิ์ ในวัด ใกล้บ้าน มาเล่น ซึ่งก็มักจะโดนผู้ใหญ่ บ่นอยู่บ่อยๆ. แต่ก็มิวายแอบไปเอามาเรื่อย. จนมาวันนึงค่ะ เจ้าเก่งเอาขวดเล็กๆเท่านิ้วก้อยใบนึง ข้างในมีไม้ท่อนเล็กๆเท่าไม้จิ้มฟันแต่แกะสลักเปนรูปคนหัวจุก 2 คนอยู่ในขวด และมีน้ำมันสีเหลืองๆอยู่ข้างใน เจ้าเก่งเอามาอวดกลางวงเล่นขายของแล้วบอกว่า. "นี่ๆ รู้มั้ยนี่ เขาเรียก รัก ยม". วงแตกสิคะ เด็ก10 ขวบ กะพี่ๆโตหน่อย ก็พอเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่พูดถึงกันมาบ้าง แตกกระเจิง พี่ที่โตกว่าถามว่า เอามาทำไม. เจ้าเก่งตอบหน้าตาเฉยว่า เอามาเป็นเพื่อนเล่น พวกดิฉันเลยแบนเจ้าเก่งตั้งแต่วันนั้นเลย ตามประสาเด็กๆ
    หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน. ช่วงปรมาณ 6 โมงเย็น ดิฉันเพิ่งทานข้าวเสร็จยายกำลังไล่ไปอาบน้ำ เจ้าเก่งวิ่หน้าตาตื่นมาจากบ้านของเขา ซึ่งอยู่หลังบ้านของยายดิฉันเอง แล้วมากระซิบข้างหูดิฉันว่า "ตามมานี่ จะพาไปดูของแปลกๆ" แล้วก็ลากดิฉันลงเรือนไป ยายก็บ่นไล่ข้างหลังมา.

    พอมาถึงบ้านเจ้าเก่ง เห็นพี่ๆ อีก3 คน ยืนแอบที่นอกประตูห้องนอนแต่ชะโงกหน้าสลอนเข้าไปในห้องนอนของเจ้าเก่ง. ดิฉันก็ งง เลยถามว่า แอบดูอะไรกันหน่ะ ดูด้วยสิ. ว่าแล้วดิฉันก็คลานเข้าไปชะโงกดูในห้องนอนบ้าง หากใครเคยดูในหนังจะเหนภาพ เด็ก5 คน ยืนแอบริมประตูหัวเรียงกันตามลำดับซึ่งดิฉันตัวเลกสุดเลยต้องคลานอยู่ล่างสุด. พอมองเข้าไปในห้อง ไม่ต้องมีใครบอกเลยค่ะ สายตามันไปหยุดที่กระจกตู้เสื้อผ้าในห้องที่อยู่เยืื้องๆ ตรงปลายเตียง. นึกภาพออกมั้ยคะ. คือจากประตูห้องนอนมองเข้าไปซ้ายมือจะเห็นเตียงนอนอยู่ริมติดหน้าต่างห้อง หัวเตียงหันชนกำแพงทางทิศเดียวกับประตูที่เด็กๆยืนแอบอยู่ค่ะ ข้างหัวเตียงจะมีตู้เสื้อผ้าทรงสูงๆ ที่มีกระจกติกที่บานประตูตู้ 1 หลัง. และที่ปลายเตียง ก็มีตู้เสื้อผ้าแบบเดียวกันตั้งอยู่ตรงกันข้ามกันพอดีเป้ะ อีก1 หลัง สรุปคือ เด็กๆยืนแอบที่ประตูใกล้กับตู้ที่วางบนหัวเตียง แต่ตาของเด็กๆ มอง/ปที่ตู้กระจกที่ตั้งอยู่ปลายเตียงค่ะ.

    ภาพที่เห็น ยังจำติดตามาจนทุกวันนี้คือ ดิฉันเห็นเงาสะท้อนของคนในกระจกที่ยืนหันหลังให้ เป็นหญิงหรือชายไม่ทราบ รูปร่างเล็กบางตัวเท่าๆ เด็ก16-17 ปี ผมยาวดำ มัดรวบไว้เรียบร้อย ใส่ชุดโจงกระเบนสีขาว มีสร้อยสังวาลย์ห้อยคาดไหล่ลงมาไขว้กันทั้งสองข้าง คล่ายๆ พากพราห์ม ค่ะ แต่เขาไม่ได้เกล้าผม เรามองเห็นในเงาสะท้อนว่าเขาหันหลังอยู่ แสดงว่าเขายืนิยู่หน้ากระจกบานหัวเตียงข้างๆพวกเรายืน แต่พอเราหันกลับมามองที่ตู้ข้างเรายืน กลับไม่มีใคร พอมองไปที่กระจก เขาก็ยังยืนส่องกระจกเฉยๆ อยู่ที่ตู้ข้างๆ เรา. เด็กๆมองกลับไป กลับมากันหลายรอบ เขาก็ไม่หายไปนะ ยืนที่เดิมแต่ไม่เห็นหน้า ( ในใจก็กลัวเขาจะหันมาเหมือนกัน) ตอนนั้น งง มาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมไม่วิ่งหนี หรือเป็นเพราะเราอยู่กันหลายคน
    พวกเรายืนดูกันอย่างนั้นเกือบ20 นาทีเห็นจัได้ เลยทยอยถอยกันออกมาโดยดิฉันถอยเป็นคนแรก. แล้วมาถามกันว่า เห็นเหมือนกันเหรอเปล่า ปรากฏว่าเหมือนกัน เลยวิ่งไปตามผู้ใหญมาดู แต่ไม่มีใครตามมาดูเลยเพราะคนไปตามคือ เจ้าเก่ง เลยไม่มีใครสนใจ

    สรุปว่าเด็กทุกึนแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่ร่างนั้นหายไปตอนไหนไม่ทราบเพร่ะดิฉันวิ่งกลับบ้านก่อน. แต่เป็นที่รู้กันจนถึงทุกวันนี้ เพราะเด็ก5 คน 10 ตา ไม่ตาฝาดแน่นอน. แต่ที่สงสัยกันมาจนทุกวันนี้คือ. ท่านเจ้าของร่างนั้นคือใครกันหนอ ? และมาปรากฎตัวเพื่ออะไร

    มีต่ออีกเรื่อง พร้อมคำถามค่ะ. เดี๋ยวขอพักนิ้วก่อนนะคะ เมื่อยมากค่ะ
     
  3. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
    ปูเสื่อรอค่ะ.......กำลังสนุกเลย
     
  4. anntys

    anntys Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +63
    :cool:
    ขอบคุณค่ะ นึกว่าจะไม่มีคนอ่าน ซะแล้ว:cool:
     
  5. anntys

    anntys Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +63
    ต่อนะคะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้วค่ะ ช่วงนั้น ดิฉันเป็นอะไรไม่ทราบ ป่วยบ่อยมาก รู้สึกว่า ทำไมร่างกายเราถึงอ่อนแอจังนะ แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย แค่หวัดกระเสาะกระแสะ จนกระทั่งวันนึง อาการแย่มากค่ะ เลยตัดสินใจเข้าไปแอทมิด ที่ รพ.เอกชนแห่งนึง ในโคราช จิงๆแล้ว ดิฉันเป็นคนที่ไม่ชอบนอนที่อื่นเลย. โดยเฉพาะ โรงพยาบาล กับ โรงแรม เป็นอัไรที่พยายามเลี่ยงมากๆค่ะ เพราะเป็นคนขี้กลัว. เรียกว่า อุจจาระขึ้นสมอง เลยก็ว่าได้. แต่ด้วยหน้าที่การงาน เลยเลี่ยงการนอนโรงแรมได้ยาก แต่ก็โชคดีนะคะ ที่ส่วนใหญ่จะได้ห้องพักในโรงแรมค่อนข้างใหม่ เลยไม่เคยเจออะไรน่ากลัวๆ ในโรงแรมค่ะ

    แต่ใน รพ. ที่ดิฉันเข้าไปแอทมิด นี่แหละค่ะ เล่นซะหลอนไปหลายวันเลย. ที่จริงแล้ว รพ. นี้ค่อนข้างใหม่และหรูหรา พอสมควร ถ้าเทียบกับ รพ. เอกชนในจังหวัดเดียวกันนะคะ. ประกอบกับช่วงที่ดิฉันไปนอนนั้น เป็นช่วงเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ค่ะ ทาง รพ. เลยกำลังทำการปรับปรุงตึกใหม่ให้สวยหรูกว่าเดิมอีก (แพงกว่าเดิมด้วย) อันที่จริง ถ้าดิฉันไม่ได้ทำประกันสุขภาพไว้ อาจไม่ได้ไปใช้บริการที่นี่หรอกค่ะ. (เพราะเสียดายเงิน) เข้าเรื่องเลยค่ะ ลอยตามน้ำออกไปไกลเกิน. ดิฉันเข้าพบคุณหมอ ซึ่งวินิจฉัยว่า ดิฉันเป็น ทอลซิล อักเสบมาก ถึงขั้นจะเป็นหนองเลยค่ะ:'(. ตกใจพอควรค่ะ คุณหมอบอกว่า เนื่องมาจากการเป็นหวัดเรื้อรังมานาน. เชื้อโรคเลยสะสมในทอลซิล. อะไรประมาณนี้ค่ะ จำไม่ค่อยได้เพราะตอนนั้นไข้สูงค่ะ. เพลียมาก. คุณหมอสั่งแอทมิด ทันทีค่ะ. งานเข้าแบบปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะ.

    เนื่องจาก. ดิฉันมี เรทประกันสุขภาพแค่เพียงพอ ค่าห้องธรรมดา ของ รพ นี้เท่านั้นค่ะ ปกติแล้ว ค่าห้อง เรทนี้ จะอยู่ประมาณชั้น8 ค่ะ. แต่วันนั้น ห้องชั้น8 เต็มหมด รพ เลยจัดห้องให้ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นที่ค่าห้องแพงกว่า แต่ ทาง รพ สามารถตัดส่วนเกิน้ข้าเป็น ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นในการเคลมได้ ( คุณพยาบาลบอกมา) สรุป คืนแรก ดิฉันเลยได้ อานิสงค์ ห้องหรู ดูดี ขึ้นมาหน่อย แต่ อารมณ์นั้นไม่สนแล้ว. อยากพักเพลียมาก. คืนแรกผ่านไปอย่างสบายๆค่ะ ดิฉันก็ตายใจเลย กระหยิ่มยิ้มย่อง รพ ใหม่ๆ สวยๆ แบบนี้ คงไม่มีอะไรมั้ง ( คิดได้ยังไง) ตื่นเช้ามาไข้ยังไม่ลดค่ะ คุณหมอมาตรวจปกติ. แต่ที่ไม่ปกติคือ พอตกบ่าย พยาบาลกับบุรุษพยาบาล 2-3 คน เข้ามาแล้วบอกว่า. เดี๋ยวขออนุญาติย้ายคนไข้ไปชั้น8 นะคะ พอดีชั้นนี้ต้องปิดปรับปรุงแล้วค่ะ เดี๋ยวจะช่วยเก็บของนะคะ. ว่าแล้ว ก็ชุลมุลวุ่นวายกันเก็บสัมภาระ( ของคุณสามีที่มาเฝ้าซะส่วนใหญ่).

    และแล้ว ดิฉันก็ได้มาอยู่ในที่ๆ ควรอยู่ตั้งแต่แรกค่ะ คือชั้น8. ห้องไม่ได้ต่างกันมากจนน่าเกลียดค่ะ แค่เล็กกว่ากันนิดหน่อย และก็ไม่มีส่วนแยกของห้องครัว คือรวมเป็นห้องเดียวกันหมด. นอกนั้นก็เหมือนๆ กันค่ะ. แต่ที่รู้สึกว่าไม่เหมือนคือ. สัมผัสแรกที่ถูกเข็นเข้าไปในห้องคือ. มันอึมครึมๆ. มืดๆ ทึมๆ. ยังไงไม่รู้ค่ะ. แต่ดิฉันคิดว่า คงเป็นเพราะ พิษไข้ เลยตาพร่ามัว ก็ไม่ได้ใส่ใจค่ะ ใช้ชีวิตปกติ จนคุณหมิเข้ามีฉีดยาให้ หลังอาหารเย็นค่ะ ทานยาแล้ว ก็ หลับไปตินไหนไม่ทราบ

    มารู้สึกตัว ก็ตอนที่ รู้สึกว่า มีคนมาเดินข้ามบนเตียงค่ะ. ดิฉันนอนหงายอยู่ ซึ่งปกติแล้วจะเป็นคนนินตะแคงตัวตลอด แต่ทำไมวันนั้นนินหงายก็ไม่ทราบ รู้สึกตัวแล้วค่ะ แต่เพลียๆ ตาลืมไม่ขึ้น แต่รู้สึกเลยว่า มีคนมาเดินข้ามขา ข้ามไป ข้ามมา ข้ามไป ข้ามมา ประมาณ 3-4 รอบ ที่รู้สึกว่าชัดเพราะ เวลาที่เรานอนแล้วมีคนมาเหยีบบนที่นอน ที่นอนมันจะยุบลงใช่มั้ยคะ เราจะรู้สึกได้เลย บนที่นอนตรงปลายเท้าเรา. ตอนนั้นในใจคิดว่า. ว่าแล้ว โดนจนได้. แต่ถามว่ากลัวมั้ย. ยังค่ะ. ยังเบลอๆเพราะพิษไข้ค่ะ รู้แต่ว่า อยากนอนนะ เพลียมาก อย่ามายุ่งได้มั้ย. ไม่รู้คิดได้ไงตอนนั้น ถ้าเป็นตอนปกติคงกระโดดลงจากเตียงไปแล้ว แต่ตินนั้นบอกเลยว่าเพลียมาก. เลยคิดว่า เออ ข้ามเลยค่ะ ขอนอนก่อนนะ. สักพักเขาหยุดค่ะ. พอหยุดปุ้บ มา้ลยค่ะ มีเสียงข้างหูด้านขวาว่า" ฮืออออ ฮือออออ ฮือออออ" เป็นเสียงแหบๆ ของผู้ชายแก่ๆค่ะ เสียงชัดมาก เหมือนมาพูดกรอกหูเราเลย. เสียงครางแบบทรมานค่ะ จำติดหูเลย

    พอได้ยินเสียงเท่านั้นแหละค่ะ สติมาจากไหนไม่ทราบ ดิฉันสะดุ้งโหยง พลิกตัว ตะแคงมาทางซ้ายโดยอัตโนมัติเลย เปลือกตากระตุก ลืมตาทันที มองไปข้างหน้า เห็นคุณสามี หลับปุ๋ยอยูบนโซฟายาวของของเฝ้า. เอาไงละคะทีนี้ จะเรียกก็ไม่มีเสียงเพราะเจ็บคอ จะพลิกตัวกลับก็กลัวจะไปทับเจ้าของเสียงเข้า. นึกขึ้นได้ว่า ดิฉันมี มีดหมอด้ามปากกา ( มีดหมอที่มีขนาดและรูปร่างเหมือนปากกา) เป็นของหลวงพ่อองค์ไหน ไม่มั่นใจค่ะ ถ้าไม่หลวงพ่อเดิม ก็หลวงพ่อเพี้ยน หรือหลวงพ่อมี สัก องค์นี่แหละค่ะ ไม่ใช่ไม่ใส่ใจนะคะ คิดว่าพุทธคุณอยู่ที่ใจ หลวงพ่อองค์ไหนก็ศักสิทธิ์หมด คุณสามีเขามีหลายเล่ม เขาให้พกติดตัวเล่มนึงค่ะ. บอกว่าไว้กัน คุณผีคุณคน เลยพกไว้ตลอด จำไว้ว่าเอาสอดไว้ใต้หมอนค่ะ. เลยค่อยๆล้วงมือ้ข้าไปหยิบมา กำไว้แล้วท่อง อิติปิโส ตามด้วยชินบัญชร แผ่เมตรตาไปด้วยเลย เอาหมดทุกอย่างค่ะ. ขนลุกทั้งตัวตลอดเลย. เข้าใจเลยค่ะ ว่าขนหัวตั้งเป็นยังไง
    สักพักเริ่มสติเต็มตัว มองไปที่คุณสามี ยังหลับสบายค่ะ ไม่รู้จะเรียกยังไง เลยคว่าส้ม ที่โต้ะข้างเตียงโยนไปเต็มแรงค่ะ กลัวไม่ตื่น ปรากฏว่า เต็มหน้าคุณสามีเลยค่ะ เขารีบวิ่งมาหาว่า เป็นอะไรรึเปล่า เราไม่กล้าเล่าค่ะ. เลยบอกว่าพาไปเข้าห้องน้ำหน่อย.
    เงยหน้ามองนาฬิกาค่ะ ตีสามตรงเป้ะเลย. แกล้งถามคุณสามีว่า เรียกตั้งนานไม่ได้ยินเหรอ. เขาบอกเหนนอนเฉยเลยไม่เห็นได้ยิน

    พอตอนเช้าเล่าให้แม่ฟัง. แม่เลยถามว่า ก่อนนอนเอาเงินซื้อเตียงเขาก่อนหรือเปล่า. แล้วสวดมนต์แผ่เมตรตามั้ย. ปรากฏว่าไม่ได้ทำทั้งสองอย่างเลย. พอคืนต่อมา เลยต้องทำ ภารกิจที่คุณแม่บอก จากนั้นอีก3 คืน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ. สงสัยจะเพราะ้ราไม่ได้ซื้อเตียงเขาจริงๆ

    จบแค่นี้ก่อนนะคะ. ส่วนคำถาม เดี๋ยวขอไปพักนิ้วก่อนนะคะ. เดี๋ยวมาต่อค่ะ
     
  6. porntips

    porntips เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,410
    ผมก่อนอ่านไป บ่นไป ช้าจังวุ้ย รออ่านอยู่ ชอบ
     
  7. anntys

    anntys Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +63
    คำถามมาแล้วค่ะ.

    1. ปกติเป็นคนจิตรอ่อนค่ะ แต่ไม่ค่อยได้เจออะไรแปลกๆเท่าไร. แต่พอมาหลังจากเกิดอุบัติเหตุ รถพลิกคว่ำ รอดมาได้อย่างหวุดหวิด. หลังจากนั้นเริ่ม สวดมนต์ ไหว้พระ มากขึ้น แต่กลับทำให้เจอเรื่องแปลกๆบ่อยขึ้นค่ะ. เคยมีคนบอกว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้ว จิตรเลยเปิดง่าย ดิฉันอยากทราบว่ามันเกี่ยวกันจริงๆเหรอคะ. หรือเป็นเพราะเราเริ่มสวดมนต์สะสมบุญ เลยทำให้มีเซ้นต์ในเรื่องลี้ลับได้ง่ายกันแน่

    2. หากผู้รู้ตอบข้อแรกไปแล้ว. รบกวนช่วยบอกวิธีที่จะทำให้ไม่พบเจอสิ่งเหล่านี้อีกได้หรือเปล่าคะ. คือว่ายังปลงไม่ได้ค่ะ กลัวมาก ไม่อยากรับรู้ค่ะ. ท่านใดมีวิธีช่วยหลีกเลี่ยงได้รบกวนบอกหน่อยนะคะ. ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  8. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
    คงต้องให้ผู้รู้เข้ามาตอบอ่ะคะ...... โดยส่วนตัวแล้วเป็นเหมือน ท่านเจ้าของกระทู้ค่ะ สวดมนต์


    เหมือนกันทำบุญเหมือนกันค่ะ...แถมที่คอมีพระด้วย ก็ยังหนีไม่พ้นค่ะ ไม่รู้ว่าชอบใจอะไรดิฉัน555


    อย่างน้อยก็อุ่นใจค่ะมีเพื่อนแล้ว.... ดิฉันเคยทำตามคำแนะนำของเพื่อนสมาชิกหลายท่านที่ให้คำแนะ


    นำ แต่ก็ยังหนีไม่พ้นค่ะ จนตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เลยคิดว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด. .......
     
  9. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    1. ทั้งสองอย่าง ที่เขาบอกว่าผ่านความตายแล้วจิตเปิดง่าย คือวิญญาณเคยออกจากร่างแล้ว ก็เลยรู้ว่าสภาพการรับรู้เป็นยังไง
    2. ตายแล้วก็เจออยู่ดี ถ้าไม่อยากรับรู้ก็อย่าไปรับรู้นั่นแหละ แล้วก็อุทิศส่วนกุศลบ่อย ๆ จนไม่มีใครได้ทันขอ
    ตัวอย่างเช่น ตาลุงนั่นเตรียมอ้าปากจะครางขอบุญ บุญก็มาถึงแล้ว ไม่ทันได้คราง ประมาณนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2013
  10. anntys

    anntys Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +63
    ถ้าอย่างนั้น เวลาที่เราแผ่เมตรตาหรืออุทิศส่วนกุศลให้สัมภเวสีทั่วไปนั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครที่เราไม่เคยรู้จักก็จะได้รับหมดทุกตนเลยเหรอคะ? คล้ายๆกับเรายืนแจกของฟรีหน้าห้างแบบนั้นเหรอเปล่าคะ? แล้วอย่างนี้เราไม่ยิ่งต้องพบเจอเยอะกว่าเดิมเหรอคะนี่?
     
  11. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ตกลงไม่อยากเห็นหรือไม่อยากพบเจอ
    ถ้าไม่พบเจอเลยต้องไปอยู่ภูมิที่ห่าง ๆ กัน ไปนรกหรือสวรรค์ก็ได้
    ที่มาขอคือรับได้อะ เขารู้ตัวว่าขอใครได้
    ไม่เชิงเหมือนแจกของหน้าห้างนะ เหมือนกดปุ่มอนุมัติมากกว่า
    ตูมเดียวได้ครบถ้วนตามที่ตั้งปลายทางไว้
    คงเหมือนส่งเมล์หมู่มั้ง

    สรุปว่าเห็นน้อยกว่าเดิม แต่พบเจอเท่าเดิม
     
  12. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ที่จริงคำว่าผีจะประกอบไปด้วย พรหม เทวดา เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน สัมภเวสี
    ถ้าจะเอาแบบไม่เจอเลยจริง ๆ นี่ต้องไปนรกอย่างเดียว
     
  13. anntys

    anntys Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +63
    คือ ที่บอกว่ายังไม่อยากเห็น ก็เฉพาะตอนที่ยังเป็นมนุษย์นี่แหละค่ะ. แต่ถ้าหลังจากนั้นไปแล้ว จะไปพบไปเจออะไร ก็แล้วแต่บุญและกรรมจะนำพาค่ะ ยอมรับได้ค่ะ
     
  14. Than_2012

    Than_2012 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2013
    โพสต์:
    462
    ค่าพลัง:
    +1,027
    ข้อที่ 1 ไม่เกี่ยวกับนถพลิกคว่ำรอดชีวิตหย่างหวุดหวิดหรอก ก็เห็นเขาหลังจากที่เริ่มสวดมนต์ไหว้พระ ก็คุณสะสมบุญเขาก็อยากขอ คุณสวดมนต์เขาก็อยากฟัง อยากร่วมสวด ตั้งแต่เจ้าที่ ภูตผี เทวดา พอท่านได้ยินก็จะมาร่ามอนุโมทนาสาธุบุญกะคุณด้วย ที่ให้เห็นเพื่อที่จะได้เน้นในการแผ่ส่วนบุญกุศลให้เขาเป็นพิเศษ (ว่าแต่แผ่เมตตาเป็นแล้วน้อ) เพราะฉะนั้นขอลามไปถึงข้อที่ 2 อย่าไปกลัวเขา เพราะความกลัวมันมาจากจิตคุณที่ปรุงแต่ง เอง ให้เปรียบเทียบพระที่เก่งๆ ท่านมีบุญเยอะเขาก็มาขอ แล้วแต่จะมาในรูปแบบได ถ้าคุณมาก็มาขอ พยายามฝึกจิตให้ดี การแผ่เมตตาจะได้สัมฤทธิ์ผลเป็นอย่างดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...