ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

มาแล้วครับสืบหาพระเครื่องหรือพระอริยสงฆ์เจ้าดีๆ ประจำทุกคืนวันศุกร์ฺ วันนี้มาช้ากว่าปกติ เพราะเพิ่งตื่นมาตอนท่านฑูตไทย ประจำกรุงเฮก ท่านแถลงด่าเขมร กลางศาลโลก สะใจมากจริงๆ เป็นการด่าแบบการฑูตคือด่าแบบผู้ดี ภาษาอังกฤษที่ท่านใช้ ชัดถ้อยชัดคำดีมาก เหมือนกับจะด่าว่า ไอ้บ้า ๕๐ ปี ที่แล้วมึงเอาสันปันน้ำเป็นหลักฐาน พอมึงมีรัฐบาลฮุนเซนสมัยปัจจุบัน บอกหลักฐานคราวที่แล้วไม่พอ ต้องเอาหลักฐานแผนที่ที่ยื่นใหม่มาตีความประกอบเข้าไปอีก บ้าอ๊ะป่าว แล้วถ้าอีก ๕๐ ปี ข้างหน้า มึงจะทำแบบเดิมอีก มึงเป็นจะใดนี่บักเขมร ถ้าแปลเป็นไทยก็คงจะเป็นแบบนี้ครับ

ทีนี้มาถึงเรื่องของสืบหาพระดีวันนี้ ต้องบอกว่า เมษายนปีนี้ ผมได้มีโอกาสทำบุญทุกอาทิตย์ พบแต่เรื่องดีๆ (เทวดาแสดงฤทธิ์, ได้กราบพระอริยเจ้าดีๆ , ได้เจอพระเครื่องดีๆ แทบตลอดเวลา จนกระทั่งในวันที่กำลังเขียนอยู่นี้) วันนี้ก็ขอเริ่มต้นเลย แนะนำพระสงฆ์ที่มีพลังจิตที่ดีรูปนึง ผมเองดั้นด้นไปกราบท่านทั้งที่ไม่รู้ทาง ถามคนพื้่นที่ตลอด ดูกูเกิลจากมือถือ สารพัด จนสุดท้ายได้กราบท่านจนได้ ก่อนอื่นต้องขอลอกข้อมูลของคนอื่นมาให้อ่านกันก่อน โดยไม่ปิดบัง ท่านองค์นี้ท่านชื่อหลวงพ่อดอกรัก วัดชอนน้อย อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรีครับ ไม่เคยได้ยินใช่มั๊ยล่ะ งั้นมาอ่านกันเลย

ข้อความที่ลอกจากคนอื่นมามีดังนี้

วันนี้มาเล่าเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อดอกรักฯ ให้ฟังกันหน่อยครับ หลวงพ่อดอกรัก ท่านอยู่ที่วัดชอนน้อย อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เดิมท่านเป็นคนอยุธยาครับ ท่านรู้จักกับหลวงพ่อสิริฯมานานแล้วตั้งแต่ยังไม่ย้ายมาอยู่ลพบุรีครับ หลวงพ่อสิิริฯท่านเคยบอกว่าหลวงพ่อดอกรักท่านเก่ง ถึงขนาดอัญเชิญนางฟ้าให้มาอยู่ร่างญาติท่านที่เสียชีวิตแล้วได้ และท่านเคยบอกลูกศิษย์ว่าหลวงพ่อดอกรัก เป็นโหราพญาพิเภก

มีเรื่องเล่าว่าหลวงพ่อดอกรักท่านเคยนั่งเรือโดยสารไปแล้วเรือล่ม ทุกคนต่างตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดมาขึ้นฝั่ง แต่ไร้วี่แววของหลวงพ่อดอกรัก ชาวบ้านต่างลงไปช่วยเหลือดำหาหลวงพ่อดอกรักท่านแต่ก็หาไม่เจอ ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ปรากฏว่าท่านเดินขึ้นมาจากน้ำเปียกปอนไปทั้งตัว ท่านขึ้นมาบนฝั่งเทน้ำออกจากย่ามท่าน แล้วหยิบบุหรี่กับไม่้ขีดไฟจากย่ามขึ้นมาจุดสูบเป็นปกติ คนที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับทึ่งในความมหัศจรรย์

ญาติโยมที่มีปัญหาไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีความจากผู้พิพากษาได้ไปกราบหลวงพ่อดอกรักให้ท่านช่วย หลังจากหลวงพ่อดอกรักท่านอาบน้ำมนต์และทำพิธีให้ เรื่องราวกลับตาลปัตรหน้ามือเป็นหลังมือจากเป็นรองกลายเป็นต่อไปอย่างหน้าตาเฉยครับ หลวงพ่อดอกรักท่านเคยเล่าว่าท่านเคยมีคดีความกับผู้พิพากษาจะโกงที่ดินญาติท่านแต่สุดท้่ายผู้พิพากษาก็แพ้ท่าน ตามความเข้าใจของผมเอง หากมีปัญหาเรื่องคดีความที่เราเป็นฝ่ายถูกแต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แนะนำให้ไปกราบหลวงพ่อดอกรักให้ท่านช่วยครับ

ผมเคยแนะนำเพื่อนให้ไปกราบหลวงพ่อดอกรักเนื่องจากแฟนเพื่อนต้องการย้ายแผนกงานไปรับตำแหน่งที่สูงขึ้น และตำแหน่งนี้มีคนแข่งขันกันมาก สมัครไปนานแล้วแต่ไร้การตอบรับจากฝ่ายบุคคล ไปกราบหลวงพ่อดอกรักให้ท่านช่วย วันรุ่งขึ้นฝ่ายบุคคลโทรมาตามเอกสารเกี่ยวกับการขอย้ายงานด่วนเลยได้ตำแหน่งสมใจ ทุกวันนี้ศรัทธาหลวงพ่อดอกรักมากเห็นว่าอยากจะพาลูกชายไปบวชเณรอยู่กับท่านตอนปิดเทอม

ปกติชาวบ้านแถวนั้นจะทราบดีว่าหลวงพ่อดอกรักท่านเก่งมากจะมีญาติโยมมาขอให้ท่านช่วยในเรื่องต่าง ๆ เป็นประจำ แต่ปัจจุบันอายุหลวงพ่อท่านมากแล้วท่านจะมีกำหนดเวลารับญาติโยม ตอนนี้ที่วัดชอนน้อยกำลังจะสร้างโบสถ์ครับ มีอยู่วันหนึ่งที่หลวงพ่อสิริฯท่านได้ไปพบกับหลวงพ่อดอกรักเกี่ยวกับเรื่องการสร้างโบสถ์ ผมได้ติดตามหลวงพ่อสิริฯไปด้วย เมื่อหลวงพ่อสิริฯท่านไปถึงวัดผมก็ได้ติดตามท่านขึ้นไปบนชานพักกุฏิของหลวงพ่อดอกรักด้วย เพื่อจะฟังท่านสนทนากัน หลวงพ่อดอกรักท่านนั่งสูบบุหรี่อยู่บนศาลาหันหน้าออกทางด้านนอก หลวงพ่อสิริฯท่านก็นั่งเคี้ยวพลูอยู่อีกด้านหนึ่ง ผมก็รอฟังว่าท่านจะสนทนากันเรื่องอะไรบ้าง ปรากฏว่าทั้งสององค์นั่งโดยไม่ได้สนทนากันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ทราบได้โดยปริยายว่าท่านไม่ได้สนทนากันทางวาจาแต่ท่านสนทนากันทางจิต !!! หลังจากนั้นหลวงพ่อสิริฯท่านก็พยักหน้าและลุกขึ้นไปเดินดูบริเวณที่จะสร้างโบสถ์โดยหลวงพ่อดอกรักท่านก็ตามลงไปดูด้วย

ตอนนี้วัดชอนน้อยกำลังอยู่ในระหว่างการสร้างโบสถ์แต่ยังขาดปัจจัยและเจ้าภาพครับ ใครอยากได้บุญใหญ่และพอมีกำลังมาช่วยสร้างโบสถ์กับหลวงพ่อดอกรักกันนะครับ

เส้นทางการเดินทางไปวัดชอนน้อย ออกจากกรุงเทพวิ่งตรงไปจังหวัดสระบุรีและวิ่งไปจนถึงทางแยกพุแค(เส้นทางที่จะไปจังหวัดเพชรบูรณ์)เลี้ยวขวาแยกพุแควิ่งผ่านช่องเขาขาด (ถนนที่ตัดผ่านภูเขา) พอลงเขาขาดแล้ววิ่งไปเรื่อยๆจะเจอสี่แยกไฟแดงแรก (แยกบ้านเขาสูง) ให้เลี้ยวขวาแล้ววิ่งตรงไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตร วัดชอนน้อยจะอยู่ซ้ายมือครับ มีรูปปั้นเสืออยู่หน้าวัด หาง่ายครับ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ

ข้อความที่ลอกเค้ามา มีแค่นี้ ต่อไปนี้เป็นข้อความของผมครับ

ผมดั้นด้นออกจากบ้านญาติที่พระพุทธบาท สระบุรี เลี้ยวตัดมาทาง โคกตูม ผ่านมาืทาง อ.พัฒนานิคม เลี้ยวขวาก่อนถึง อ.พัฒนานิคม สักหนึ่งกิโล จะเขียนว่า ทางไป อบต.ชอนน้อย รู้สึกว่าจะเป็นซอย ๒๐ นี่ล่ะ วิ่งรถไปเรื่อยๆ ประมาณ ๑๐ กม. จะมีสี่แยกตัด (มีป้อมยามตำรวจอยู่ทางแยก) ให้เลี้ยวขวาเลย วัดชอนน้อย อยู่ห่างจากทางแยก ๑๐๐ เมตร โดยอยู่ขวามือทางเข้าวัดชัดเจน หลวงพ่อรับแขกประมาณ ๓ โมงเย็น ส่วนช่วงเช้าสัก ๙ โมงเช้า เพราะท่านอายุเยอะแล้วประมาณ ๘๐ กว่าๆ นั่นละ

ผมไปคราวนี้ อย่างที่บอก หลงทางสะบัดช่อ เพราะไม่ได้ไปอย่างที่เค้าบอกตั้งแต่ต้น เล่นย้อนศร ข้บรถไปจะเจอมั๊ยน๊อ ใจก็นึกไป หากมีวาสนาต่อกันต้องเจอ แล้วอย่างข้างต้น ตำรวจประจำป้อมยาม มองผมอย่างงง วัดอยู่ขวามือเองครับ โน่นทางเข้า อ๊ะ อย่างนี้ต้องมีวาสนาต่อกันแน่นอน พอเลี้ยวเข้าวัด เงียบสนิท ไม่มีแม้แต่พระลูกวัด มีรถจอดอยู่เพียงคันเดียวเป็นรถตู้ไฮบริด เจ้าของรถบอก ผมมารอท่านนานแล้ว ไม่มีวี่แววเลยครับ แถมเล่าให้ฟังว่า จะมารดน้ำมนต์ หลวงพ่อให้มาวันนี้ จองคิวมาเดือนนึงแล้ว วันนึง ท่านรดให้เพียง ๒ คนเท่านั้น วันนี้คือตัวเค้าและคนขับรถ ผมนึกในใจ ตูไม่ได้นัดเว้ย ตูอยากมาทำบุญ มาให้เห็นกับตาเรื่องวัตรปฏิบัติของท่าน เลยบอกไปว่า เผอิญผมได้ยินชื่อท่าน เลยมาขอกราบสักที พอเล่าให้เค้าฟังถึงทางที่ผมขับรถมา เจ้าของรถมองหน้าผมแบบงง เก่งมากครับ มาจาก พระบาทสระบุรี มาถูกนี่ถือว่าสุดยอดมาก เลยบอกเค้าไป ผมถามมาเกือบหกคนแล้วครับ สักพักมีคนขายล๊อตเตอรี่มาบอก หลวงพ่อคงไม่อยู่ ถ้าอยู่ท่านออกมารับแขกแล้ว

เอาล่ะซี วาสนาอยู่ไหนน๊อ สักพัก มีพระลูกวัดเดินออกมารดน้ำต้นไม้ เราถามว่าหลวงพี่ หลวงปู่อยู่มั๊ย หลวงพี่มองหน้าแล้วตอบแบบไม่สนใจ อยู่แต่ท่านยังไม่ตืน ผมเลยรุกต่อวัดนี้เงียบจัง มีพระกี่รูปครับ ๒ รูป หลวงพี่ตอบ มีอาตมากับหลวงปู่เท่านั้น

ค่าน้ำไฟแพงมั๊ยครับ ผมสังเกตุเพราะใช้ปั๊มรดน้ำต้นไม้ มีกุฎิอยู่ ๓ หลัง ทุกกุฎมีไฟฟ้า มีศาลากำลังก่อสร้างอยู่อีก ๑ แห่ง ประมาณ ๒ พันโยม

เอายังงี้หลวงพี่ ค่าน้ำค่ำไฟเืดือนนี้ผมขอถวายเป็นเจ้าภาพเอง หลวงพี่มองเราแบบงงๆ งั้นโยมรอแป๊บนึงน๊ะ อาตมาจะไปดูว่าหลวงปู่ตืิ่นรึยัง ๓ โมงพอดี

สักพักหลวงปู่ก็เดินครองผ้าออกมาจากกุฎิ ท่าทางเพิ่งตื่นจริงๆ เสียงหลวงพี่เรียก โยม หลวงปู่ตื่นพอดี ขึ้นมาได้เลย ตัววาสนาทำงานแล้ว (ผมนึกในใจ) ผมพาภรรยาขึ้นไปด้วย พอขึ้นไปถึงหลวงปู่ ผมกับภรรยากราบท่านงามๆ ๓ ครั้ง แล้วเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง เสร็จแล้วขอถวายปัจจัย หลวงปู่พอรับปัจจัยเสร็จบอกเอ้าให้ตั้งใจกรวดน้ำรับพรทั้ง ๒ คนน๊ะ พอรับพรเสร็จ ผมกับแฟนเข้าไปกราบหลวงปู่อีกครั้ง คราวนี้ท่านจัดแจงลงกระหม่อมด้วยไม้ครูของท่าน คนนึงประมาณ ๓ นาที ได้ ตอนลงกระหม่อม เหมือนมีพลังเย็นๆ ค่อยไหลจากกลางกระหม่อม ลงมายังลำคอและไหล่ (ภรรยาผมแอบกระซิบตอนหลังว่ารู้สึกมีอะไรเย็นๆ ไหลลงมาที่คอ เหมือนกัน) เสร็จสรรพ ท่านเรียกหลวงพี่บอกว่า ให้ไปเอาน้ำมนต์ที่ทำไว้เตรียมรดให้ผู้ืที่มาจองในวันนี้ ๒ คน ข้างต้น แบ่งมาให้ผมกับภรรยาคนละขวด เสียงหลวงพี่บอกว่า ดีน๊ะ ท่านทำไว้ขันนึงเลยแบ่งได้ เล่นเอา ๒ คน ที่มารอ ค้อนผมน่าดู ก็จะทำงัยได้ ผมเองก็นึกว่าน้ำมนต์ของท่านจะทำไว้เป็นอ่างเหมือนของหลวงพ่อสิริน ที่แท้ทำแค่ขันเดียว แล้วก็รดแค่ขัีนเดียว หลวงพี่บอกว่า ขัีนเดียวนี่ล่ะโยม ท่องคาถาประมาณ ๓ ชั่วโมงเลยน๊ะ มา ๒ คน ก็คนละครึ่งขัน ผมเอามา ๒ ขวด ที่เหลือจะเป็นเท่าไรน๊อ ท่านหันมายิ้ม น้ำมนต์อาตมา หยดเดียวผสมน้ำอาบได้เป็นถัง เอาไปแล้วเก็บไว้ที่สูงๆ น๊ะ ท่านส่งขวดน้ำมาให้แวบเดียวที่ถึงมือ ฮู้ว ขนลุกเลยแฮะ มาแบบเดียวกันกับสายทางระยองที่แนะนำไปคราวที่แล้ีวนี่เอง มิน่าเล่า หลวงพ่อสิริ วัดตาล ที่โด่งดังเรื่องน้ำมนต์เปลี่ยนชะตาชีวิต ท่านถึงบอกลูกศิษย์ให้ไปกราบองค์นี้ให้ได้ ยิ่งมาดูประวัติท่าน เบาซะที่ไหนล่ะ พระบ้านๆ นี่ล่ะ สุดยอดมาก ตอนถือน้ำมนต์ออกมา โทร.หาครูอาจารย์บอก ตอนนี้น้ำมนต์ท่านหลวงพ่อดอกรักอยู่ในมือแล้ว อาจารย์บอก ดีว่ะ หนักแน่นดี ใช้ได้อยู่แล้วองค์นี้

ทั้งหลายทั้งปวง เลยแนะนำให้ไปกราบท่านครับ บอกได้เลยว่า การอาบน้ำมนต์็ไม่ต้องอาบที่วัดหรอก พระระดับนี้ ขอหัวเชื้อท่านมา ผสมอาบเอาที่บ้าน ท่านโน้มจิตให้เราแวบนึง เรียบร้อย เอาน้ำเปล่าไปด้วยก็ได้ ให้ท่านทำให้ ขอบอก จิตท่านดีครับ ไม่แน่จริงไม่มีอภินิหารเปลี่ยนจิตคนตายได้หรอกครับ (ภาพข้่างล่างวันที่ผมไปกราบท่าน เลยขออนุญาตท่านถ่ายรูปไว้)

พันวฤทธิ์
๒๐/๔/๕๖

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูลประกอบ
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%96%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B9%82%E0%B8%99.359146/page-27

 

ขอหัวเชื้อซักขันเล็กๆ...เอ้ย ขวดเล็กๆได้มั๊ยครับพี่
ขอน้องเอามาอาบหน่อย เผื่อตำแหน่งจะใหญ่โตเหมือนพี่ซะที
ขอจริงนะ...555....อิอิอิ.....
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

 

กิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ ประจำเดือนนี้คือวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2556 โดยนัดพบเพื่อจัดเตรียมสังฆทานอาหารที่โรงอาหารด้านข้าง รพ.สงฆ์ในเวลา 7.30 น.-8.00 น. เหมือนเช่นเคย

จึงขอแจ้งให้ผู้ที่สนใจได้ทราบทั่วกัน โดยผมและกรรมการของทุนนิธิฯ จะได้เบิกเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ เพื่อเตรียมทยอยบริจาคไปยัง รพ.ต่างๆ ให้เสร็จเรียบร้อยภายในสัปดาห์หน้า โดยมีรายละเอียดการบริจาคสำหรับเดือนเมษายน 2556 ดังนี้ (สำเนาการโอนเงินจะได้นำมาลงให้อนุโมทนากันต่อไปครับ)

1 รพ.สงฆ์- ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.- (ประมาณการพระสงฆ์ไว้200 รูป โดย
จะถวายเป็นอาหารกล่องๆ ละ 30.-)
- ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
- ถวายค่าโลหิต 5,000.-

รวม 16,000.-

2 รพ.ภูมิภาค- รพ.แม่สอด จ.ตาก 8,000.-
- รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว 5,000.- จ.น่าน
- รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย 8,000.- จ.เลย
- รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 8,000.-
- รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 8,000
- รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 5,000.-
- รพ.สงขลา จ.สงขลา 8,000.-
- รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 5,000.-

รวม 55,000.-

รวมประมาณการเงินบริจาคของทุนนิธิฯ ตามข้อ 1.+2.+ = 71,000.- (เจ็ดหมื่นหนึ่งพันบาทถ้วน)
จึงเรียนมาเพื่อทราบในเบื้องต้นก่อนครับ


พันวฤทธิ์
22/4/56

​

 

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร

บนขอลูกจากองค์หลวงพ่อพระพุทธโสธร​

--------------------------------------------------------------------------------​

สวัสดีครับเพื่อนชาวเว็ปพลังจิตคราวนี้ผมมีเรื่องการบนขอลูกจากองค์หลวงพ่อพระพุทธโสธรมาเล่าให้ฟังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองครับ

เมื่อเอ่ยถึงนามหลวงพ่อโสธร แห่งจังหวัดฉะเชิงเทราแล้วคงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักทั่วทั้งประเทศไทยต้องรู้จักดีแม้ชาวต่างประเทศก็นับถือกันมากนับได้ว่ามีคนเดินทางมานมัสการองค์หลวงพ่อโสธรทุกวัน ๆละหลายพันคน ถ้าเป็นช่วงวันหยุดคนยิ่งเยอะมาก

ผมก็เป็นอีกผู้หนึ่งซึ่งเคารพนับถือหลวงพ่อโสธรมากไม่ว่าที่บ้านหรือในรถจะต้องมีรูปหล่อหลวงพ่อโสธรตั้งบูชาอยู่ด้วย ซึ่งผมคิดว่าแทบทุกบ้านด้วยซ้ำไป

เรื่องเกิดเมื่อปี พ.ศ.2536 ผมกับภรรยาได้อยู่กินกันมาหลายปีแต่ก็ไม่มีลูกกันสักทีทั้งที่ก็ไม่ได้คุมกำเนิด จนภรรยาได้ไปขอลูกพี่สาวมาเลี้ยงเป็นเด็กผู้ชาย
แต่เราสองคนก็ยังอยากมีลูกเป็นของตัวเองจึงปรึกษากันว่าจะไปบนขอลูกจากหลวงพ่อโสธรซึ่งมีคนไปบนขอลูกกับท่านได้ผลมาแล้วมากมาย

ผมและภรรยาจึงเดินทางไปที่วัดโสธรแล้วบนบานกับหลวงพ่อโสธรว่า ลูกไม่มีบุตรไว้สืบสกุลขอองค์หลวงพ่อได้โปรดเมตตาประทานลูกให้ผมด้วย ถ้าการบนครั้งนี้เป็นผลสำเร็จจะแก้บนด้วยละคร 1 โรง และพวงมาลัยเจ็ดสีเจ็ดศอก
แต่ขออนุญาติให้ตีให้สอนได้ถ้ามีลูก

หลังจากกลับมาบ้านคืนนั้นเองตอนเช้ามืด ผมก็ได้ฝันไปว่ามีคนขับรถบรรทุก
นำเด็กผู้ชายใส่ท้ายรถมาเต็มคันวิ่งมาจอดที่หน้าบ้านผม แล้วคนขับรถก็บอกว่าเอาเด็กมาให้ถ้าอยากได้ก็จงเลือกเอาเอง ผมก็เข้าไปยืนมองดูแต่ละคนน่ารักทั้งนั้นเลยครับ

แต่มีอยู่คนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าน่ารักมากผิวขาวมาก ผมถูกใจจึงบอกกับคนขับว่าผมเอาคนนี้ คนขับบอกว่าคนนี้เค้าเป็นกุมารถ้าต้องการให้เรียกว่ากุมารขอจงมาอยู่กับพ่อ ผมก็คว้าข้อมือเด็กคนนั้นแล้วพูดว่า กุมารขอหนูจงมาอยู่กับพ่อนะ แล้วผมก็สะดุ้งตื่นรู้สึกดีใจมากที่ฝันเช่นนี้หลวงพ่อคงเมตาแน่ ๆ
จึงได้เล่าความฝันให้ภรรยาฟัง

ต่อมาประมาณหนึ่งเดือนภรรยาผมก็ตั้งท้องจริง ๆ ครับและเราก็ได้ลูกชายสมใจหน้าตาน่ารักเหมือนในฝันเลยครับ ตอนท้องผมกับภรรยาตระเวนทำบุญไปทุก ๆ ที่เพื่อให้ลูกที่จะมาเกิดมีสุขภาพและสติปัญญาแข็งแรง ผมจะรักษาศีลสวดมนต์ประจำเพื่อจะได้เกื้อหนุนแก่ลูก จนกระทั่งคลอดออกมาจึงได้รีบเดินทางไปแก้บนยกลูกใส่ตักหลวงพ่อโสธร ลูกชายเป็นเด็กน่ารักตั้งใจเรียนเชื่อฟังพ่อแม่ไม่เคยทำให้หนักใจเลยครับ ตอนนี้อายุจะครบ 13 ปีแล้วว่าวันเกิดจะพาแกไปกราบขอพรหลวงโสธรครับ

เรื่องการบนขอลูกกับองค์หลวงพ่อโสธรก็มีเพียงเท่านี้ครับ ท่านใดที่ไม่มีลูกแล้วอยากมีลองไปบนขอกับหลวงพ่อโสธรดูซิครับ ผมเชื่อว่าท่านเมตตาทุกคนครับ( ในปีที่ภรรยาผมตั้งท้องคนในซอยเดียวกันก็ตั้งท้องราว ๆ 6-7 คนเด็กที่คลอดออกมาเป็นผู้ชายทั้งหมดเลยครับ น่าแปลกหรือว่าเอามาให้เป็นคันรถบรรทุกตามที่ผมฝันกระมังครับ)

ขอให้บารมีหลวงพ่อพระพุทธโสธรคุ้มครองทุกท่านครับ สาธุ

คาถาบูชาหลวงพ่อพระพุทธโสธร (ตั้งนะโม 3 จบ)

นะทรงฟ้า โมทรงดิน พุทธทรงสินธุ์ ธาทรงสมุทร ยะทรงอากาศ
พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ศรัตรูภัยพาล วินาสสันติ นะกาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ โมกาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต พุทธะกาโร กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต
ธากาโร ศรีศากกะยะมุนี โคตะโม ยะกันเน ยะกาโร อะริยะ
เมตตรัยโย ชิวหาทีเต ปัญจะพุทธา นะมามิหัง

บทความจาก
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%98%E0%B8%A3.81888/

​

 

แจ้งโอนเงินทำบุญครับ ^_^ 100 บาท

โอนเงินต่างธนาคาร - สถานะการทำรายการ
สถานะการทำรายการ ธนาคารได้ทำรายการของท่านเรียบร้อยแล้ว
หมายเลขอ้างอิง KBKR130424398077649
รายละเอียดการทำรายการ
วิธีโอนเงิน ออนไลน์ (ตลอด 24 ชั่วโมง)

ธนาคารเจ้าของบัญชี ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
เพื่อเข้าบัญชี 348-1-23245-9 ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร
ชื่อเจ้าของบัญชีในฐานข้อมูล PRATOM F.
จำนวนเงิน (บาท) 100.00
ค่าธรรมเนียม (บาท) 25.00
วันที่โอนเงิน 24/04/2013 [23:26:56]
บันทึกช่วยจำ ร่วมทำบุญและร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ รวมถึงร่วมทำบุญทุกอย่าง รวมร่วมบุญจำนวน 100 บาท




แจ้งโอนเงินทำบุญครับ ^_^ 100 บาท

ร่วมทำบุญและร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ
รวมถึงร่วมทำบุญทุกอย่าง
รวมร่วมบุญจำนวน 100 บาท

และขอร่วมทำบุญเป็นสังฆทาน และเพื่อชำระหนี้สงฆ์ นับตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันชาติ
ขออนุโมทนาบุญ ทั้งหลายทั้งปวงให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่มีตั้งแต่ต้น บิดามารดาของข้าพเจ้าทั้งชาตินี้และทุกๆชาติ
พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
พระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ พระยายมราช เจ้าการบัญชี ลุงพุฒิ
พระศรีอารียเมตไตรย และสมเด็จองค์ปฐมอันเป็นที่สุด

ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุขสมหวังในเรื่องความรักทุกประการ นับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
ขอให้ข้าพเจ้ามีดวงตาเห็นธรรม และเป็นคนดีนับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
ขอให้ ความไม่มี ความไม่รู้ และความไม่ได้ จงอย่าได้บังเกิดกับข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วย เถิด สาธุ สาธุ สาธุ ...

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมทำบุญทุกท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ...
อนุโมทนาบุญครับ,
SilentSoar

 

โอนเงินร่วมบุญกองทุนสงเคราะห์สงฆ์อาพาธฯ ครับ 300 บาท 25/04/56 อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

 

วันนี้โอนเงินร่วมทำบุญ 500 บาท จาก ธนาคารกรุงศรี ครอบครัวสุดยินดี อุทิศถวายแด่เทวดาประจำวันเกิด
และพรหมเทวดา มหาเทพเทวาที่รักษาตัวข้าพเจ้าและครอบครัว โดยให้ท่านไปอยู่ในภพภูมิที่สูงยิ่งๆขึ้นไป สาธุ

 

รายงานการบริจาคเงินตามสำเนาสลิปโอนเงินและสำเนาธนาณัติ พร้อมทั้งสำเนาใบขออนุโมทนาบัุตรของ รพ.แม่สอด จ.ตาก และของ รพ.สงฆ์ รวมถึงสำเนารายงานการรักษาพยาบาลและรายการรับบริจาคของ รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย (ส่วนของ รพ.อื่นที่ขาดไปยังไม่ได้รับมา) ผมจึงนำมาลงให้อนุโมทนาบุญกันครับ

 

​

แกมันทำไม่จริง

ศิษย์ผู้มีความตั้งใจปฏิบัติภาวนาผู้หนึ่ง หลังจากได้รับความก้าวหน้าและความชำนาญในการปฏิบัติสมาธิภาวนามาตามลำดับ ก็มาเจออุปสรรค คือ ความง่วง ความง่วงนี้ได้กลายมาเป็นอุปสรรคในระหว่างการปฏิบัติสมาธิภาวนาของเขาอยู่นานกว่าเดือน ก็ยังไม่หาย

วันหนึ่ง เขาเดินทางไปกราบหลวงปู่ เขาไม่กล้าสบสายตาหลวงปู่ เพราะรู้ตัวว่าที่ผ่านมาปฏิบัติภาวนาไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวสักเท่าไร หลวงปู่เรียกให้เขารินน้ำชาดื่ม พอเขารินเสร็จเขาก็เงยหน้าขึ้น สายตาเขาจึงสบกับสายตาหลวงปู่ที่จ้องอยู่ก่อน หลวงปู่จ้องตาเขา แล้วกล่าวว่า “แกมันทำไม่จริง”

ประโยคสั้น ๆ เพียงเท่านี้ ได้เป็นดั่งมีดกรีดหัวใจของศิษย์ผู้นี้ เขาชาไปทั้งตัว แล้วก็ไม่มีคำพูดคำกล่าวอะไรจากหลวงปู่อีก เขากลับมาปฏิบัติต่อที่บ้าน คืนนั้น พอความง่วงเริ่มเข้ามา ใบหน้าหลวงปู่ที่จ้องตาเขา และคำพูดที่ว่า "แกมันทำไม่จริง” ก็ผุดขึ้นในใจ กลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยขับไล่ความง่วงออกไปจนหมดสิ้น จึงนับได้ว่าเขาได้มีชัยชนะต่อนิวรณ์ตัวง่วงเหงาหาวนอนด้วยอุบายธรรมของหลวงปู่อย่างแท้จริง

พอเขาได้มีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงปู่อีก หลวงปู่ได้ชี้แนะเขาเพิ่มเติมโดยท่านชี้ไปที่ร่องกระดานเบื้องหน้าพร้อมกับตั้งคำถามเขาว่า “หากแกต้องการข้ามร่องกระดานนี้ แกจะทำยังไง” เขาตอบหลวงปู่ว่า “ผมก็คงต้องถอยหลังมาสักก้าวสองก้าวแล้วกระโดดข้ามไป” หลวงปู่เฉลยว่า “แกต้องใช้ปีติ”

เมื่อเขานำมาพิจารณาจึงเริ่มเข้าใจชัดขึ้นว่า ร่องกระดานก็เปรียบเหมือนอาการที่จิตตกภวังค์ เป็นอาการที่ขาดสติ โดยเฉพาะจากความง่วงเหงาหาวนอน ดังนั้น จึงต้องปั่นปีติให้เกิดขึ้น จะได้เป็นกำลังให้จิตตื่นตัวขึ้น มีภาวะแห่งความรู้ตื่น เบิกบานมากขึ้น สติที่ต่อเนื่องและมีกำลังก็จะทำให้ก้าวข้ามร่องกระดานนี้ไปได้ทีนี้

หากถามว่าจะสร้างปีติให้เกิดขึ้นได้อย่างไร อันนี้ก็อาจไม่มีแบบแผนสำเร็จรูป ต้องพิจารณาหยิบเครื่องมือที่เหมาะสมแก่ตัวเรา และเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนั้น เพราะอุบายหนึ่ง ๆ อาจใช้ได้ผลในโอกาสหนึ่ง แล้วใจเราก็อาจสร้างเชื้อดื้อยาขึ้นได้ จนอุบายเดิมใช้ไม่ได้ผลอีกแต่อุบายหนึ่งที่หลวงปู่ให้ไว้ก็คือ การระลึกถึงคำสอนคำเตือนของหลวงปู่ และการระลึกถึงพระประวัติและพระคุณของพระพุทธเจ้า เป็นต้น


luangpudu.com / luangpordu.com

 

​

การทำทานที่ได้อานิสงส์สูง

จากการสังเกตสิ่งที่หลวงปู่พาประพฤติปฏิบัติในเรื่องของการทำทาน สิ่งที่มีค่ามากอย่างหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากท่านก็คือ "การทำทานด้วยความปล่อยวาง"

ท่านค่อย ๆ สอนเราทั้งโดยคำพูด และจากการปฏิบัติให้ดู เช่น สอนให้เราไม่ไปรอลุ้นอาหารที่เตรียมไปถวายพระว่าพระท่านจะตักอาหารที่เราถวายไปฉันหรือไม่ ท่านว่าจบของอธิษฐานถวายข้าวพระตั้งแต่ที่บ้าน หรือตั้งจิตก่อนประเคนอาหารถวายพระ ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว จากนั้นก็ปล่อยวาง ทำใจให้สบาย ไม่ต้องรอลุ้นให้บุญหกตกหล่นอย่างที่กล่าวข้างต้น

เท่าที่ประสบ ยังไม่เคยเห็นท่านแนะนำใครว่าเวลาสร้างพระต้องสลักชื่อที่ฐานพระ หรือเวลาถวายปัจจัยซื้อกระบื้องมุงหลังคาโบสถ์แล้วต้องเขียนชื่อบนแผ่นกระเบื้องนั้น ในทำนองตอกย้ำว่าสิ่งนี้คือบุญกุศลของฉันนะ พระองค์นี้ฉันสร้าง กระเบื้องมุงหลังคาโบสถ์แผ่นนี้ฉันเป็นผู้ถวาย

มีลูกศิษย์คนหนึ่ง ภาวนาต่อเนื่องหลายวัน ประกอบกับได้ไปบำเพ็ญทานบางอย่าง แล้วจู่ ๆ ก็มีประสบการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นกับเขา คือเขามีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีน้ำแข็งมาวางอยู่แถว ๆ ลิ้นปี่หรือกลางท้องของเขา มันเย็นสบายอยู่ภายใน และเป็นอยู่อย่างนี้ข้ามวัน จนอดรนทนไม่ไหว ไปกราบเรียนถามหลวงปู่ว่ามันคืออะไร

หลวงปู่ตอบสั้น ๆ เพียงแค่ว่า "ตัวบุญ"

เขาแปลกใจมากว่า เมื่อกำหนดจิตและระลึกถึงทานนั้น ความรู้สึกว่ามีก้อนน้ำแข็งมาวางที่กลางท้องมันก็เกิดขึ้นทุกที

เมื่อเขาสำรวจตัวเอง ประกอบกับการพิจารณาไตร่ตรองตามคำพูดของหลวงปู่ จึงได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า บุญนี้ เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จริง ๆ ซึ่งนอกจากจะสัมผัสได้ทางใจแล้ว มันยังกระเทือนมาถึงกายเป็นความเย็นอยู่ภายในให้สัมผัสได้อีกด้วย

และเมื่อระลึกถึงท่าทีต่อทานของตนเองก็ยิ่งมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว คือการทำทานโดยไม่ยึดติดในทานที่ตนถวาย หวังเพียงความดีงามในจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำจัดตัวโลภะ โทสะ โมหะ นี่เองที่ทำให้เขาได้สัมผัสกับตัวบุญ

เขายิ่งเชื่อมันสิ่งที่หลวงปู่สอนว่าการทำความดีใด ๆ ก็ตาม เราต้องมุ่งในจุดเดียว คือ ให้เป็นไปเพื่อละความโลภ ความโกรธ ความหลง เราต้องฝึกไม่ยึดมั่นแม้ความดีที่ทำ หรือยึดมั่นหมายมั่นว่าทำความดีนั้นแล้วจะมีอานิสงส์ส่งผลในทางโลก ๆ อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งยิ่งจะเป็นตัวส่งเสริมหรือให้อาหารแก่กิเลสตัวโลภ โกรธ หลง เข้าไปอีก

สิ่งสำคัญที่ศิษย์ผู้นี้ได้เรียนรู้ก็คือ เมื่อจิตมีความละเอียดอ่อนจากการปฏิบัติภาวนาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับทานที่ทำด้วยจิตที่ปล่อยวาง จะเป็นปัจจัยช่วยให้นักปฏิบัติคนนั้น มีโอกาสจะได้สัมผัสกับตัวบุญซึ่งมันเป็นความชื่นใจเย็นใจที่เป็นปัจจัตตัง คือรู้ได้เฉพาะตนจริง ๆ

ในทางตรงกันข้าม เขาสังเกตเห็นและเรียนรู้ว่าการที่คนเรายึดติดในทานหรือความดีที่ตนบำเพ็ญ กลับจะทำให้จิตของผู้บำเพ็ญไม่โปร่งเบา และมีโอกาสที่จะขาดทุนกำไรคือบุญหกตกหล่นได้ง่าย เช่น จิตเศร้าหมองเพราะเหตุที่โรงหล่อพระสลักชื่อไม่ถูกต้องหรือไม่สวยงามอย่างที่ต้องการ หรือเพราะพระไม่ได้ฉันอาหารที่ตนถวาย หรือเพราะไม่มีใคร ๆ รู้ว่าตนได้ถวายทานหรือบำเพ็ญคุณงามความดีนั้น ๆ

 

สืบหาพระเครื่องดีวันนี้ ขอแนะนำพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีอภิญญาญาณที่อยู่ในขั้นคุ้มครองผู้แขวน รวมถึงสร้างความเจริญรุ่งเรืองและเมตตามหานิยมให้แก่ผู้แขวนได้เป็นอย่างดี โดยในสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสลูบคลำพระเครื่องของท่าน ซึ่งครูอาจารย์นำมาให้คณะกรรมการของทุนนิธิฯ ที่ได้ไปรดน้ำอวยพรในวันปีใหม่ไทยได้ชมกัน โดยพระของท่านนั้่นกระแสพลัีงครูอาจารย์บอกว่า ท่านเหมือนหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ จ.ระยอง ดังนั้น หากมีโอกาส ควรหาพระกริ่งของท่าน (ปัจจุบันหลักหมื่นต้น) หรือพระเครื่องประเภทขุนแผนเก็บไว้ ซึ่งผมก็เห็นจริงตามนั้น เพราะพอได้ลูบคลำพระพิมพ์ขุนแผนทรงเครื่องพิมพ์เล็ก ที่มีพุทธลัีกษณะขององค์พระทรงเครื่องเหมือนกันกับองค์พระประธานที่วัดหน้าพระเมรุ จ.อยุธยา พลังที่ออกมานั้น ดูเข้มแข็งมากจริงๆ

มาถึงตอนนี้แล้วขอแนะนำเลยดีกว่าครับ พ่อแม่ครูอาจารย์ที่กล่าวถึงข้างต้นนี้ ท่านชื่อ หลวงปู่บัว ถามโถ วัดศรีบุรพาราม จ.ตราด ครับ ที่กล้าเขียนถึงเรื่องนี้ เพราะครูอาจารย์ผม ได้ไปดูวัตรปฏิบัติที่ท่านถึงวัด ได้นั่งตรวจดูกระแสจิตของท่าน แล้วนำมาเทียบเคียงกับพระกริ่งชินบัญชรของหลวงปู่ทิม จึงพบว่า ท่านทั้งสองมีกระแสจิตที่คล้ายกัน ภายหลังเมื่อผมค้นประวัติท่านทางอินเตอร์เน็ตแล้ว จึงพบว่าพระเครื่องของท่านนั้น มีอภินิหารมากมายจริง ลองดูตัวอย่างลิงค์ที่ผมนำมาให้ก็แล้วกันครับ สัปดาห์นี้ คงได้มีโอกาสแนะนำกันแค่นี้ ส่วนพระเครื่องของท่านนั้น บางพิมพ์ยังไม่แพงและพอหาได้ ดังนั้นอย่างที่เคย มือใครยาว สาวได้สาวเอา คว้าไว้ก่อน ถ้ามีทุนทรัพย์มาก เอาพระกริ่ง ถ้ามีน้อย พระขุนแผงทรงเครื่ององค์จ้อยนั่นละ สุดยอดครับ

http://palungjit.org/threads/@@@@%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%94@@@@.361853/

 

ขอโทษคุณพันวฤทธิ์ครับ วัดศรีบูรพาราม (วัดเกาะตะเคียน) อยู่ จ.ตราด ครับ

 

ขอบคุณครับ พิมพ์ไปผิดจริงๆ แก้ไขเรียบร้อยแล้ว คนแก่ก็ยังงี้ละครับ พอสติตกหลุม ใจคิดไปทาง มือพิมพ์อีกทางนึง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ อิติปิโส ภควา นะมามิหัง.

 

ภาพบรรยายการทำบุญทุนนิธิ ประจำเดือนเมษายน 2556 ตอนที่ 1













สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญทุนนิธิ ประจำเดือนเมษายน 2556 ตอนที่ 2















สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญทุนนิธิ ประจำเดือนเมษายน 2556 ตอนที่ 3





















สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญทุนนิธิ ประจำเดือนเมษายน 2556 ตอนที่ 4

























สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญทุนนิธิ ประจำเดือนเมษายน 2556 ตอนที่ 5















สาธุครับ

 

ภาพบรรยายการทำบุญทุนนิธิ ประจำเดือนเมษายน 2556 ตอนที่ 6

























พบกันเดือนพฤษภาคม 2556 นะครับ

อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยครับ

สาธุครับ

 

ในวันนี้ที่ รพ.สงฆ์ คณะทุนนิธิฯ ได้กราบนมัสการเรียนเชิญท่านเจ้าคุณพระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร รองเจ้าคณะภาค 13 (ฝ่ายการศึกษาฯ) ได้มาเป็นประธานในพิธีถวายสังฆทานภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ที่อาพาธ ที่ รพ.สงฆ์ นับเป็นความกรุณาแก่คณะทุนนิธิฯ เป็นอย่างยิ่ง โดยท่านเจ้าคุณฯ ท่านได้นำกล่าวถวายสังฆทานด้วยตนเอง พร้อมทั้งได้ถวายเครื่องสังฆทานที่ทุนนิธิฯ จัดไว้ให้ แด่พระสงฆ์ถึงเตียงที่อาพาธ ผมได้สนทนากับท่านหลายเรื่อง ท่านเจ้าคุณฯ เป็นพระที่ค่อนข้างพูดน้อย แต่พูดออกมาก็ให้ได้คิด และท่านมีความใจเย็นเป็นอย่างมาก ท่านได้กล่าวให้พรและกล่าวถึงอานิสงส์ในการอุปัฎฐากพระป่วยไข้ได้ดีมาก ทำให้หลายคนได้ชื่นใจ ผมจึงขอน้อมนำประวัติของท่านมาลงไว้เพื่อให้ได้ทราบและได้โมทนาบุญกัน

​

ประวัติและปฏิปทา
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต)

วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร
แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ


๏ อัตโนประวัติ

พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต) เป็นพระเถระที่มุ่งมั่นในการพัฒนาวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร (พระอารามหลวง) มาตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี ควบคู่กันไปกับการส่งเสริมสนับสนุนบุคลากรด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม-แผนกบาลี เพื่อสนองคุณประโยชน์และความวัฒนาสถาพรแห่งพระพุทธศาสนา

พระเทพคุณาภรณ์ มีนามเดิมว่า โสภณ พุ่มพวง เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ.2506 ตรงกับขึ้น 12 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ณ บ้านกาหลง ต.กาหลง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร (พระอารามหลวง) และรองเจ้าคณะภาค 13 กรุงเทพมหานคร


๏ การบรรพชาและอุปสมบท

เมื่อวัยเยาว์ได้ศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดกาหลง จ.สมุทรสาคร จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้วไม่ได้ศึกษาต่อ เพราะได้มาบรรพชาเป็นสามเณรภาคฤดูร้อน เมื่ออายุ 13 ปี ณ วัดกาหลง ต.กาหลง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2519 โดยมีพระครูสมุทรธรรมสุนทร (สุด สิริธโร) เป็นพระอุปัชฌาย์

บวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดกาหลง จ.สมุทรสาคร 2 ปี จึงได้ย้ายมาอยู่วัดหัวลำโพง แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม

เมื่ออายุครบ จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดหัวลำโพง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2528 โดยมีพระครูนครเขตบริรักษ์ (สุวิทย์ ฐิตวิชฺโช ป.ธ.3, M.A) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูบวรวุฒิกิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูวิสิฐวุฒิกร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “โสภณจิตฺโต”


๏ วิทยฐานะทางธรรมและทางโลก

หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาพระปริยัติธรรม จนจบการศึกษาพระปริยัติธรรมสูงสุดของคณะสงฆ์ทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลี พ.ศ.2521 สอบได้นักธรรมชั้นเอก พ.ศ.2536 สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค

ส่วนวิทยฐานะทางโลก พ.ศ.2541 จบปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยเกริก คณะศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานโยบายและการวางแผนสังคม (ศศ.ม.)


๏ งานด้านการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษา

- เป็นกรรมการสนามหลวงแผนกธรรม-แผนกบาลี

- เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม-แผนกบาลี

- เป็นพระปริยัตินิเทศก์

- เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดเทวราชกุญชร ได้ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาแก่พระภิกษุ-สามเณรให้ได้ศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มีพระภิกษุสอบได้เป็นเปรียญธรรม 9 ประโยค จำนวน 5 รูปด้วยกัน โดยได้สนับสนุนทุนการศึกษาให้ผู้สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ทุนละหนึ่งแสนบาท, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง พร้อมตั๋วเครื่องบินจาริกแสวงบุญไปกลับกรุงเทพฯ-ประเทศอินเดีย ตลอดจน ส่งพระภิกษุที่สนใจด้านวิปัสสนากรรมฐานไปฝึกอบรมปฏิบัติ ณ ประเทศพม่า

- ได้ตั้งทุนการศึกษาสงเคราะห์ระดับประถมศึกษา และจัดกิจกรรมการพัฒนาการศึกษาให้แก่นักเรียน โรงเรียนวัดเทวราชกุญชร


๏ งานด้านการเผยแผ่ธรรม

พระเทพคุณาภรณ์ เป็นพระนักเผยแผ่ ได้แสดงธรรมตามวาระสำคัญในวันธรรมสวนะ แสดงพระธรรมเทศนา ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย อบรมข้าราชการทหารกองสวัสดิการทหารบก อบรมศีลธรรมแก่เด็กและเยาวชน และยังได้เรียบเรียงหนังสือธรรมะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย

หลังจากวัดเทวราชกุญชร ได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคม ให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำกรุงเทพมหานคร แห่งที่ 13 แล้ว ท่านได้จัดการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิเจริญจิตตภาวนา ให้แก่บริษัท สุวรรณชาติ จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ และข้าราชการทหารกองทัพบก


๏ ลำดับงานปกครองและสมณศักดิ์

ผลงานที่ปรากฏทั้งด้านการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม และการเผยแผ่ รวมถึง การพัฒนาเสนาสนะจนเป็นที่ยอมรับ จึงทำให้ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์และหน้าที่การงานทางคณะสงฆ์ ดังนี้

- เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2541 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีวชิรโมลี

- เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2544 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร

- เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2546 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชสุธี

- เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2549 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์วิสามัญ

- เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2549 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะภาค 13

- เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2551 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพคุณาภรณ์

- ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร, เป็นพระอุปัชฌาย์วิสามัญ, เป็นรองเจ้าคณะภาค 13 (ฝ่ายการศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ ในเขตปกครองจังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด)

​