{{หลวงพ่อคูณ257}}ศึกษาพระสมเด็จ/เบญจภาคีองค์ครู26ขุนแผนพรายกุมาร4ลพ.พรหม68พ่อท่านคลิ้ง105

มารายงานผลการประกวดครับ พี่ๆทุกท่าน ^__^

 

แปลว่าไงอ่ะ พี่ ryan boy
ก็เห็นได้หนังสือมานี่ครับ

 

"พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ปรกโพธิ์ เป็นพระสมเด็จที่ถูกเถียงกันมากที่สุดในวงการพระเครื่อง พระบูชาและเหรียญคณาจารย์ บางท่านก็จัดให้เป็นพิมพ์ของพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ปรกโพธิ์ ที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นผู้สร้าง แต่บางท่านก็ไม่ยอมรับ โดยให้เหตุผลว่าขาดหลักฐานยืนยันและไม่มีเอกลักษณ์อันสำคัญของพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม เหมือนเช่นพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ฐานแซม และพิมพ์เกศบัวตูม ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะของพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม เช่น มวลสารพระพุทธคุณ การตัดขอบทั้ง 4 ด้าน ความหดตัวของมวลสารจนปรากฏร่องรอยของเม็ดพระธาตุ รอยรูพรุนเข็มรอยหนอนด้น รอยปูไต่ และรายละเอียดอื่นๆ อีกหลายประเด็น และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ พระสมเด็จฯ พิมพ์ปรกโพธิ์ เป็นพระที่มีจำนวนน้อยมาก ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร จึงทำให้วงการพระเครื่องไทยเรายังไม่จัดให้พิมพ์ปรกโพธิ์ที่พบอยู่ทั่วไปเป็นพิมพ์มาตรฐานของพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตารามที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จเป็นผู้สร้าง" - ราม วัชระประดิษฐ์

อย่างไรก็ตาม หนังสือพระสมเด็จของท่านตรียัมปวาย ผู้จัดชุดเบญจภาคี ท่านยืนยันถึงการมีอยู่ของพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์นี้

ปล ในชีวิตยังไม่เคยมีโอกาสเห็นของจริง จึงขอไม่วิจารณ์ดีกว่าครับ

 

ยินดีด้วยครับ

 

สวัสดีพี่ captainzire พี่ Amuletism พี่โอ๋ พี่บอย พี่กรุพระ พี่โอ พี่ soul power พี่ๆทุกท่านครับบบ

 

ยินดีด้วยครับพี่ ryan boy

 

พี่ Zapp! ครับ ขออภัยที่ตอบช้า
พอดีไปต่างประเทศ กลับมาก็ยุ่งมาก
พระองค์นี้ ผมว่าพิมพ์ทรงดูค่อนข้างดี
เนื้อหาเก่าดูมีอายุทีเดียว เพียงแต่ว่า
พอผ่านการล้างแล้ว ธรรมชาติบางอย่างอาจหายไป
ถ้าจะตั้งข้อสังเกตุบ้าง ก็อาจจะเป็นรอยตัดข้าง
เมื่อพิจารณาจากด้านหลังแล้ว บางด้านที่ดูค่อนข้างเรียบร้อย
ถ้าเป็นผมแล้ว พิจารณาโดยรวมๆ แล้ว ยังชอบอยู่ครับ

 

ยินดีด้วยครับ พี่บอย
ว่าแต่พระที่ติดรางวัล นอกจากหลวงปู่บัวแล้ว
เป็นของที่ไหนบ้างครับ อย่างพระกริ่ง ??

 

ขอบคุณมากครับ พี่โอ๋สะพานที่กรุณานำมาลงให้ชมกันครับ

 

ขอบคุณ คุณAmuletism นะครับที่ตอบให้ ขอลงรูปเพิ่มเติมเผื่อจะได้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นต่อๆไปครับ

 

สวัสดีครับ พี่ทิพย์มงคล กำลังคิดถึงอยู่เลยครับ(f)

 

การพิจารณาสมเด็จหลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก ปี 2517





    พระชุดนี้มีการทำปลอมกันมานานแล้วครับมีหลายฝีมือครับ...ของปลอมทำได้ใกล้เคียงครับ...แต่เท่าที่พบ...ของปลอมจะมีขนาดใหญ่กว่าของแท้ พระแท้เวลาเอาเข้ากล่อง...หมายถึงกล่องเดิมที่บรรจุพระมาจากวัด...องค์พระใสได้พอดีจะมีพื้นที่เหลือ ส่วนของปลอมจะใส่ได้พอดีกับกล่องคือเต็มพอดีม่มีพื้นที่ว่าง...และของปลอม...องค์พระมักจะบิด...งอ...โกร่ง...เนื้อพระหลุดประปราย เนื้อพระจะแห้ง...และความลึกคมของพระจะไม่มี.........

จุดพิจารณาเบื้องต้น....ดมครับ...มีกลิ่นวางเลยครับ...ถ้าเป็นเก๊เก่าละ...ครับเก๊เก่าไม่มีกลิ่น...แต่ดูได้ไม่ยากครับ
1. หน้าผากของพระจะปูดทุกองค์...เป็นตำหนิแม่พิมพ์
2. มีเนื้อเกินในเส้นซุ้มด้านใน...เป็นตำหนิแม่พิมพ์เช่นเดียวกัน
3. ขอบปริ้นในพระสมเด็จรุ่นนี้ต้องมีทุกองค์...เกิดจากการการกดพิมพ์...แม่พิมพ์ด้านหน้าจะเป็นแม่พิมพ์ตัวผู้...แม่พิมพ์ด้านหลังเป็นแม่พิมพ์ตัวเมียและขนาดจะใหญ่กว่าแม่พิมพ์ตัวผู้เมื่อกดพิมพ์เนื้อพระจะปริ้นออกมาจากช่องว่างระหว่างขอบทั้ง 4 ด้าน ทำให้เกิดขอบปริ้นขึ้น...อันนี้เป็นธรรมชาติของพระครับ...
4. ขอบปริ้นด้านข้างก็ต้องมี...สาเหตุเดียวกับข้อ3
5. หัวไหล่และวงแขนขององค์พระเป็นเส้นเดียวกัน
6. มีเส้นเชื่อมเข่าซ้ายกับศอกซ้ายขององค์พระ
7. ตัวหนังสือต้องลึกและคม
8. รูปหลวงพ่อ...ต้องคม...ลึก...ชัด...ไม่ตื้นเด็ดขาด
9. ขอบข้างด้านหลังจะไม่มีเนื้อเกินเนื่องจากแม่พิมพ์ด้านหลังเป็นบล็อคตัวเมีย
พระรุ่นนี้สร้างจากโรงงานกดแม่พิมพ์โดยใช้เครื่องเนื้อพระจึงต้องแน่นไม่หลวม ความคมชัดของพระพิมพ์นี้จึงมีความคมลึกและแน่น...



อ้างอิง เปิดตำนานหลวงพ่อทบ

 

การพิจารณาขอบข้างของพระก็สำคัญไม่น้อย การพิจารณามีดังนี้

1. ขอบข้างจะตรง ไม่โก่งงออาจมีบ้างเล็กน้อย
2. สังเกตุขอบตัดขององค์พระจะเป็นอย่างนี้ทุกองค์ การตัดใช้เครื่องตัดตัดลงไปตรงๆ
3. ผิวพระด้านหน้าต้องพบคราบแป้งรองพิมพ์ทุกองค์..และที่ต้องมีอีกอย่างคือคราบน้ำมันตังอิ้ว จะรอยขึ้นมาบนผิวพระเนื่องจากอายุพระและการแห้งต้วของเนื้อพระจะขับน้ำมันตังอิ้วออกมาถือเป็นธรรมชาติของพระ
4. ผิวด้านหลังก็เหมือนกันจะพยคราบแป้งลองพิมพ์และคราบน้ำมันตังอิ้วเหมือนกัน...และเนื้อพระทั้งด้านหน้าและด้านหลังจะแน่นมาก....



พระชุดนี้มีส่วนผสมของผงพุทธคุณ ผงจากดอกไม้และผงพิเศษอีกหลายชนิดที่สำคัญจะมีผงของพระสมเด็จที่ชำรุดรุ่นแรกๆของหลวงพ่อที่สร่างไว้มาเป็นส่วนผสมและมีน้ำมันตังอิ้วเป็นตัวประสานและมีการกดพิมพ์ด้วยเครื่อง ...ฉะนั้นเนื้อพระจึงแน่นมีส่วนผสมของน้ำมัน...โดยธรรมชาติเนื้อพระจะไม่มีการแตกหลุดหรือบิดงอ

พระที่เนื้อหลุดและบิดงอเกิดจากการเร่งความร้อน พูดง่ายๆคือเอาพระไปอบไมโครเวฟนั้นเองเพื่อให้พระแห้งเร็ว...แต่ผลที่ได้คือพระจะบิดงอโก่ง เนื้อหลุด...ผิดธรรมชาติของพระเนื้อผงครับ พระเนื้อผงโดยธรรมชาติจะเกิดการหดต้วเท่านั้น...โดยธรรมชาติการหดตัวของวัตถุจะหดตัวเข้าหาจุดศูนย์กลางเท่านั้น...อย่างสมเด็จวัดระฆังอายุ100 กว่าปี ไม่มีองค์ไหนโก่งหน้าแอ่นหลังมีแต่หอตัวตามแนวราบทำให้รูปสี่เหลียมผิดรูปไปเท่านั้นพระจะแห้งตัวแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป....และพระสมเด็จหลวงพ่อทบ ปี 2517 พิมพ์นี้ มีเพียงพิมพ์เดียวครับ อย่าไปเชื่อว่ามี พิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ พิมพ์1 พิมพ์2 ครับ

 

ยินดีครับ (k)(k)(k)

 

การแยกพิมพ์ รูปเหมือนปั้มโดดร่ม
หลวงพ่อทบ วัดชนแดน พ.ศ. 2500

    รูปเหมือนปั้มโดดร่มในนปัจจุบันแยกเป็น 3 พิมพ์ คือ พิมพ์เอ(หน้าใหญ่ประคำเหลี่ยม พิมพ์บี(หน้ากลางประคำกลม) และพิมพ์ซี (ข้างแตก) แต่ในส่วนกลางไม่แยกพิมพ์

แม่พิมพ์รูปเหมือนโดดร่ม ปี 2500 มี 2 แม่พิมพ์ แม่พิมพ์แรกคือพิมพ์เอหน้าหลวงพ่อสั้นใหญ่ รอยตัดลึก ประคำจะเป็นเหลี่ยมๆ แม่พิมพ์ที่ 2 เป็นแม่พิมพ์ของพิมพ์บี และพิมพ์ซี จะปั้มตอนท้ายแม่พิมพ์เริ่มร้าวแล้วเมื่อโดนกระแทกองค์พระแตกเลยเป็นที่มาของพิมพ์ข้างแตก...

 

พี่พอจะดูพระสมเด็จเป็นมั้ยคับ ผมรบกวนดูให้หน่อยคับ ขอบคุณคับ

 

คิดเหมือนเหมือนกันครับพี่ หนุ่ม ^^

 

ตอบตามตรงเลยนะครับ พี่ sukitti
เนื้อหามวลสารของพระทั้งสององค์
ยังไม่ใช่พระของสมเด็จโตครับ
และธรรมชาติความเก่านั้น
เช่นคราบต่างๆ ยังดูไม่ดีครับ

ลองพิจารณาเปรียบเทียบกับสมเด็จบางขุนพรหมองค์นี้ดูนะครับ
สมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย กรุเก่า

 

การสร้างตะกรุดหลวงพ่อทบ

    การสร้างตะกรุดหลวงพ่อทบจะใช้ช่างชาวบ้านและพระเณรมาช่วยกันทำเริ่มจากการตัดโลหะก็จะตัดตามขนาดที่ต้องการแล้วก็นำไปม้วนช่วงแรกๆจะมีการม้วนด้วยมือแต่งานออกมาจะไม่ค่อยสวยต่อมาเลยดัดแปลงโดยใช้ไม้หีบมาคีบแล้วม้วนตะกรุดชุดนี้จึงม้วนได้แน่นและสวยงาม..แต่มีปัญหาเวลาม้วนเสร็จโลหะจะคลี่ออกทุกดอกจึงได้ลองทุบหัวตะกรุดดูปรากฏว่าตะกรุดไม่คลี่ออก...ตั้งแต่นั้นมาตะกรุดหลวงพ่อทบจึงมีการเก็บหัวตะกรุดด้วยการทุบหัวทั้งสองข้างจนติดปากชาวบ้านว่าตะกรุดหลวงพ่อทบต้องทุบหัว... ในยุคต้นๆการเก็บหัวตะกรุดจะใช้การทุบหัวบนไม้เลียบๆทั้งสองด้านงานออกมาจึงบุบๆบี้ๆในตะกรุดยุคต้นๆตะกรุดยุคต้นนั้นหลวงพ่อทบท่านจารเองลงอักขระเอง

จนมายุคกลางหลวงพ่อทบจึงมอบหมายให้พระอาจารย์เพ็งลูกศิษย์ที่หลวงพ่อทบไว้ใจมากที่สุดในการจารแผ่นโลหะทุกแผ่นครับ การพันตะกรุดหลวงพ่อทบหลวงพ่อไม่ได้กำหนดลายถักขึ้นอยู่กับจินตนาการของคนถักเองจะเห็นได้ว่าตะกรุดของหลวงพ่อทบจะมีหลายลายครับไม่ถือเป็นข้อยุติ ในยุคกลางเรื่มมีการทำเครื่องมือในการใช้เก็บและย้ำหัวตะกรุดขึ้นมา...คล้ายๆกับตะปูตีสังกะสี...มีแท่งเหล็กตรงกลางแล้วมีหมวก...ก็จะเอาแท่งเหล็กเสียบลงไปในรูของตะกรุดส่วนหมวกก็จะวางบนหัวตะกรุด จากนั้นก็ใช้ค้อนตอกไล่เบาๆ การเก็บกัวแบบนี้งานจะออกมาสวยงามเป็นระเบียบสวยกว่ายุคต้นๆและอีกอย่างตะกรุดของหลวงพ่อทบในยุคกลางเริ่มมีตะกรุด 3 กษัตริย์เข้ามาทำให้การเก็บหัวตะกรุดแบบเดิมๆทำไม่ได้แล้ว

เชือกที่ใช้พันตะกรุดของหลวงพ่อทบนั้นจะใช้เชือกแท้ เชือกป่านเชือกปอ และเชือกไนลอน การพันด้วยไนลอนเป็นงานที่ยากมากๆเพราะเชือกจะลื่นส่วนใหญ่ตะกรุดที่ใช้เชือกไนลอนพันจะพบว่าจะพันแค่ 2 เส้นเท่านั้นเพราะจะทำให้พันง่ายสอดซ่อนเงื่อนได้ง่ายกว่าใช้เชือกเส้นใหญ่...นี้ก็เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างในการพิจารณาตะกรุดหลวงพ่อทบ

การพันตะกรุดหลวงพ่อทบโดยจะเริ่มพันรอบแรกแล้วจะเก็บซ่อนเงื่อน1เส้นแล้วเหลือหัวเชือกไว้ประมาณ 1-2 นิ้วเพื่อใช้ดึงเชือกรัดตะกรุดให้แน่นในขั้นตอนสุดท้าย เมื่อพันไปจนเสร็จแล้วก็จะเก็บหัวเชือกโดยการพันยึดกับเชือกเส้นสุดท้ายแล้วสอดเชือกกลับไปที่เริ่มต้นจนปลายเชือกโพล่จากนั้นก็จะใช้มือกำตะกรุดแล้วหมุนเชือกรอบๆตะกรุดจนแน่นแล้วก็ดึงปลายเชือกที่โพล่ออกมาให้ตึงเชือกจะรัดตะกรุดจนแน่นแล้วก็ตัดปลายเชือกที่เกินออก....จากนั้นก็จะนำตะกรุดไปทุบหัวให้ปลายตะกรุดทั้งสองข้างบานออกเพื่อล็อคเชือกที่พันไว้ไม่ให้หลุด...ตรงนี้ก็เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างครับของการพิจารณาตะกรุดหลวงพ่อทบ....

ในยุคกลางลงมาการเก็บเชือกจะไม่สวยงามเหมือนยุคต้นๆเพราะเวลาในการสร้างน้อยความต้องการตะกรุดของหลวงพ่อมีมาก ท่านอาจารย์เพ็งเคยเล่าให้อาจารย์วีรวัฒน์ฟังว่าตะกรุดบางรุ่นของหลวงพ่อทบไม่พันเชือกก็มีเป็นตะกรุดเปลือยๆช่วงนั้นตะกรุดชุดนี้จะเอาไปแจกที่จังหวัดจันทบุรีและตราด ปัจจุบันเล่นเป็นพระเกจิในพื้นที่ไปแล้ว การเก็บปลายเชือกยุคกลางปมจะใหญ่มากหรือไม่ก็เอาไฟจี้เอาเลยจะสังเกตุได้ว่าตะกรุดยุคปลายและยุคปลายจะเห็นมีการใช้ไฟจี้เอาเลย...

การพิจารณายุคของตะกรุดหลวงพ่อทบ
1.นอกจากพิจารณาจากความเก่าของโลหะแล้วยังพิจารณาจาก การเก็บหัวตะกรุด ยุคต้นการเก็บหัวจะไม่เรียบร้อย ส่วนยุคกลางและยุคปลายจะมีการเก็บหัวที่สวยงามเป็นระเบียบ
2. พิจารณาจากการเก็บปลายเชือกในยุคต้นๆการเก็บปลายเชือกจะมองแทบไม่รู้เลยเพราะการเก็บปลายเชือกไว้ใต้เชือกที่พัน ส่วนยุคกลางจะผูกปมค่อนข้างใหญ่หรือไม่ก็มัดเอาดื้อๆ และมีการใช้ไฟจี้เพื่อให้เชือกติดกันเป็นข้อสังเกตุอีกอย่าง
3. ขนาดของตะกรุดในยุคต้นตะกรุดจะดอกไม่ใหญ่มีทั้งดอกสั้นและดอกยาวใช้โลหะ1-2 ชนิด ในยุคกลางตะกรุดจะเริ่มใหญ่ขึ้นมีทั้งดอกสั้นและดอกยาวและการม้วนโลหะจะหนากว่าทุกรุ่นส่วนยุคปลายดอกจะไม่ใหญ่มากแต่จะมีโลหะตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไป
4. ตะกรุดของหลวงพ่อทบส่วนใหญ่...ตรงนี้สังเกตุให้ดีครับ ขอบทั้ง 4 ด้านของแผ่นโลหะจะตัดมุนออกทั้ง 4 มุม สังเกตุให้ดีครับจะเห็นได้ทั้งด้านในและด้านนอกครับ...ตรงนี้เชื่อว่ายังไม่มีใครเคยสังเกตุลองดูครับส่วนใหญ่จะมีครับ...

อ้างอิง ทีมงานเปิดตำนานหลวงพ่อทบ

 

ขอบคุณพี่มากคับ