จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ผู้ปฎิบัติเป็นอย่างนี้กันไหม

    อ่านมาก ฟังมาก เป็นผู้พูดธรรม มีปฏิภาณโวหารทางธรรม ยากที่จะบรรลุธรรม
    เพราะมีสัญญาอารมณ์มาก จิตใจเกาะเกี่ยวกับอารมณ์ต่างๆมาก เหมือนมีเถาวัลย์เกาะเกี่ยวจิตใจ
    จึงประกอบการพิจารณาไตร่ตรองใคร่ครวญในความรู้ความเข้าใจในธรรมของตน
    ทำให้เกิดการลังเลสงสัยมากเลย เกิดวิจิกิจฉา เวลาปฏิบัติคอยแต่คิดคาดการณ์ไปล่วงหน้าจะเป็นขั้นนั้นขั้นนี้
    ไม่ปล่อยวางสัญญาความรู้ ที่ได้จากการศึกษา การพิจารณาของจิตที่หยาบมีอารมณ์ฟุ้งซ่านไม่สงบ
    จิตจึงตกตะกอนความคิดเป็นสัญญาอารมณ์ แต่เจ้าของเข้าใจผิดเป็นปัญญาทางธรรม

    ในแนวทางการปฏิบัติธรรมนั้น ครูบาจารย์ท่านจะสอนให้แก่ผู้ศึกษาธรรมที่เป็นผู้อ่านมาก ฟังมาก
    ให้ปล่อยวางสัญญาความรู้ทั้งหมดของตน มิใช่ปฏิเสธปริยัติธรรม แต่ยังไม่ถึงเวลานำมาใช้
    เพราะเมื่อลงมือปฏิบัติควรมุ่งที่การปฏิบัติโดยถ่ายเดียว ไม่ควรนำปริยัติมาตีกับปฏิบัติ
    จะทำให้เกิดความลังเลสงสัย แต่ให้น้อมเอาความรู้ความเข้าใจในการศึกษาธรรมวางไว้บนหิ้ง
    เพื่อน้อมมาปฏิบัติให้มาก ปรารภความเพียรให้มาก คือเจริญสติในทุกอิริยาบถหรือฝึกดูกายดูใจ

    หลังเสร็จกิจจากการบำเพ็ญภาวนาทางจิตใจ เมื่อต้องการตรวจสอบการปฏิบัติภาวนา
    หรือติดขัดไม่เข้าใจในสิ่งใดในการปฏิบัติของตน จึงค่อยน้อมเอาความรู้จากตำราพระไตรปิฏก
    หรือเทศนาธรรมของครูบาจารย์มาตรวจสอบการปฏิบัติของตนเอง
    เพื่อให้เป็นไปตามคำสอนขององค์พระศาสดา หรือหากอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ก็ให้สอบถามการปฏิบัติจากท่าน

    ส่วนการศึกษา การปฏิบัติเองโดยถ่ายเดียว โดยไม่มีครูบาจารย์ ก็ยากที่จะมีความก้าวหน้า
    เพราะลองผิด ลองถูกไม่จบสิ้น มีแต่จะเพิ่มพูนความลังเลสงสัย ท้อแท้ในผลการปฏิบัติของตนเป็นลำดับ
    ที่สำคัญตัวเราไม่มีวิสัยพระสัพพัญญูจะรู้แจ้งแทงตลอดด้วยตนเอง จึงยากที่จะเป็นผู้รู้ธรรม ถึงธรรม..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 เมษายน 2013
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คำว่า "พระธรรม"
    เป็นธรรมอันเกี่ยวเนื่องกัน มีอยู่ ๓ อย่าง คือปริยัติธรรม ปฏิบัติธรรม ปฏิเวธธรรม
    ปริยัติธรรม เป็นคำสั่งสอน พึงต้องศึกษาเล่าเรียนและต้องประพฤติปฏิบัติตาม
    ปฏิบัติธรรม เมื่อศึกษาและทำความเข้าใจในปริยัติหรือคำสั่งสอนแล้ว นำไปสู่การปฏิบัติที่กายวาจาใจของตน
    ปฏิเวธธรรม เมื่อปฎิบัติธรรมตามมรรคมีองค์ ๘ (ศีล สมาธิ ปัญญา) จนจิตแก่กล้าหรือได้มรรคได้ผลแล้ว
    แล้วค่อยทำให้แจ้งในพระนิพพาน ต่อไปฯ
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พระโอวาทปาติโมกข์
    เป็นหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธพจน์คาถาที่สอง
    เป็นหลักการอันเป็นหัวใจสำคัญเพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาแก่พุทธบริษัททั้งปวงโดยย่อ
    หลักการ 3 เป็นการสรุปรวบยอดหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอันเป็นแนวทางที่พุทธบริษัทพึงปฏิบัติ
    ได้แก่ การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำกุศลให้ถึงพร้อม การทำจิตใจให้บริสุทธิ

    สพฺพปาปสฺส อกรณํ (การไม่ทำความชั่วทั้งปวง 1)
    กุสลสฺสูปสมฺปทา (การบำเพ็ญแต่ความดี 1)
    สจิตฺตปริโยทปนํ (การทำจิตของตนให้ผ่องใส 1)
    เอตํ พุทฺธานสาสนํฯ (นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย)

    มีผู้อธิบายว่าทั้งสามข้อนี้อาจอนุมานเข้ากับ ศีล สมาธิ และปัญญา


     
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความคิดเห็นส่วนตัว
    ความหมายของคำว่า"คนดี" ตามในพระพุทธศาสนา น่าจะหมายถึงผู้ที่มีศีลมีธรรม
    หรือเป็นผู้ที่รักษาศีล ๕ เป็นอย่างต่ำ มิใช่! คนดีตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกันอยู่ทุกวันนี้นะ
    อันนั้นน่าจะแปลว่านึกอยากจะดี อยากทำตามคนดี อันนั้นคงไม่ว่ากัน ก็ว่าไปตามกำลังใจของตนเอง

    ตามในพระโอวาทปาติโมกข์
    เป็นหลักการอันเป็นหัวใจสำคัญเพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาแก่พุทธบริษัททั้งปวงฯ
    1.ไม่ทำความชั่วทั้งปวง น่าจะหมายถึงเราต้องรักษาศีลให้ครบถ้วน
    2.บำเพ็ญแต่ความดี น่าจะหมายถึงให้เอาจิตไปอยู่แต่ฝ่ายบุญกุศล(เท่านั้น)
    คือให้ทำจิตตภาวนา เจริญสติหรือทำสมาธิ
    3.ทำจิตให้ผ่องใส น่าจะหมายถึงเจริญสติปัญญาให้ถึงพร้อม ทำปัญญาเป็นปัญญาญาณ
    โดยเฉพาะผู้ที่ได้ปฎิเวธ ได้มรรคผลหรือจิตหลุดพ้น จิตที่ปล่อยวางได้หรือปล่อยวางเป็น
    จิตของคนเราจึงจะผ่องใสหรือแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา (จิตยิ้ม) :)

    ปล.ผิดถูกอย่างไร ได้โปรดชี้แนะกันด้วยครับ เพราะปัญญาก็มีแค่เนี๊ย!
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คำว่า "สร้างบุญ"
    ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบุญทั้งภายในหรือภายนอก ต่างก็ดีทั้งนั้น
    แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะพาพวกเรามาสร้างวัด สร้างพระภายในจิตใจกันดีกว่า
    นั่นก็หมายถึง การทำจิตตภาวนา ทางนี้เป็นทางปฎิบัติซึ่งจะนำไปสู่การหลุดพ้นได้จริง!

    แต่ก็อย่างว่า..ถ้าต้นไม้ไร้เปลือก มีแต่แก่น แล้วพระพุทธศาสนาจะอยู่ได้อย่างไร
    พุทธบริษัทก็เช่นเดียวกัน ผู้ที่สร้างบุญภายในยังไม่ได้ ก็ให้สร้างบุญภายนอกไปก่อน
    ผู้ที่ยังไม่มีกำลังใจมากพอที่นำไปสู่การปฎิบัติธรรมหรือการเข้าให้ถึงธรรมนั้น
    ก็ต้องอาศัยไต่บันไดบุญของตนไปทีละขั้นก่อน ได้แก่ ทำบุญทำทาน หรือบ้าทำบุญไปก่อน
    ต่อไปถึงจะเป็นบันไดบุญขั้นที่2(บุญภายในขั้นแรก) ก็คือการสวดมนต์ไหว้พระ ฟังเทศน์ ฟังธรรม
    แต่ถ้าเมื่อไหร่มีกำลังใจ(บุญ/บารมี)ถึงหรือมากพอแล้ว เราจึงอยากจะปฎิบัติธรรมกับเขาบ้าง
     
  6. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]

    พระธรรมคำสอน…สมเด็จพระพุฒาจารย์ "โต พรหมรังสี"

    เมื่อปราศจาก ธาตุทั้ง ๔ แล้ว
    หาใช่ว่า จะพิจารณา ปฏิบัติธรรมมิได้
    ก็จิตนั้นยังอยู่ ก็พิจารณาเอา
    อารมณ์แห่งจิตนั้น นั่นแหละ

    เห็นความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เคลื่อนไป
    จนดับไป แห่งอารมณ์ทั้งหลาย
    ตามรู้ให้เท่าทัน อยู่ทุกขณะ
    ก็เรียกว่า "เห็นทุกข์"

    เห็นว่า เหตุแห่งทุกข์ (สมุทัย) เกิดจากจิต
    เข้ายึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นตัวกูของกู
    สมาธิก็บังเกิด วิปัสสนาญาณก็บังเกิด
    "มรรค" ก็บังเกิด จนนำไปสู่ "นิโรธ"
    ความดับทุกข์ได้ ในที่สุด



    Cr. Face book : Lotus Postman
     
  7. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    จิตที่มุ่งตรงต่อนิพพาน
    *บําเพ็ญตบะ*
    *เห็นอริยสัจ*
    *จิตไม่หวั่นไหว*
    *จิตไม่กําหนัด*
    *ประพฤติพรหมจรรย์*
    *ทําให้แจ้งในนิพพาน*
    *จิตไม่โลภ*
    *จิตหลุดพ้น(จิตเกษม)*
    ที่มาหนังสือมงคลชีวิต​
     
  8. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ศัตรูที่แท้จริงของคน คือ"ความโลภ ความโกรธ ความหลง"
    ต้องแก้ด้วยการมี"ศีล สมาธิ ปัญญา"เท่านั้น
    จิตใดรู้ทันกิเลส และมีความบริสุทธิ์ จิตนั้นหลุดพ้น
    จิตใดไม่ยึด จิตนั้นไม่ทุกข์
    จิตใดยึด จิตนั้นทุกข์
    ธรรมแท้ไม่มีมาก แค่รู้แล้วไม่ทุกข์ทางใจแค่นั้นเอง...
    ที่มาหนังสือธรรมะและบทสวดมนต์​
     
  9. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ตัวกิเลสสำคัญของมนุษย์ ที่ทำให้เกิดแล้วเกิดอีก คือ ตัวโลภะเราทำบุญให

    ทานเพื่อให้ตัดตัวโลภะออกไป ผู้ใดทำบุญให้ทาน เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง การตั้ง

    มั่นของศีล เป็นรากเหง้าของการดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติ (ศีล แปลว่า ปกติ)

    ให้ระวังไว้ ๕. ประการ.....

    ๑. มีการละอายในการกระทำผิดใดๆ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

    .๒.มีการเกรงกลัวในการกระทำผิดใดๆ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง.

    ๓.มีความอดทนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น ต่อความหิว.

    ความเจ็บปวด ความโกรธ "แล้วก็" (ให้มีพรหมวิหาร)

    ๔.มีความศรัทธา ตั้งมั่นในศีล ปฏิบัติจริง.

    ๕.มีสติทุกเมื่อ ทุกอิริยาบถ.

    ปฏิบัติได้ ๕.ข้อนี้ ศีลก็บริสุทธิ์ การบำรุงรักษาศีลให้งอกงามโดยให้มี

    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา.....

    คัดจากหนังสือหลวงปู่สอนไว้...พระธรรมมังคลาจารย์ วิ.อัคคมหากัมฐานาจริยะ

    หลวงปู่ทอง สิริมังคโล วัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหร เชียงใหม่...

    ...กราบนมัสการหลวงปู่เจ้าค่ะ และขอน้อมรับพระธรรมคำสอนของท่านเพื่อปฏิบัติค่ะ.
     
  10. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ( คำถาม คำตอบ ปัญหาธรรม)

    ถาม - หลวงพ่อคะ...ความอยากที่เราอยากจะถึงนิพพานนี้เป็นตัณหาไหมคะ?

    ตอบ- ที่ไม่อยากถึงนิพพานก็มีแต่คนตายแล้วพระตายแล้วอยู่ในป่าช้าโน่น พวกนี้

    ไม่อยากเข้าใจไหม พวกนี้คงสิ้นตัณหาแล้วมัง ความอยากมี ๒. ประเภท ความอยากที่

    เป็นกิเลสมันถึงเป็นกิเลสขึ้นมาได้...ความอยากเพื่อจะแก้กิเลสเป็นธรรม ถ้าเวลาจะ

    ประพฤติปฏิบัติธรรมแล้วละเป็นตัณหาเสียบทเวลาอยากตามกิเลส...ให้กิเลสลากไปถลอก

    ปอกเปิกแล้วเป็นธรรมหรือนั่น นี่มีคนเข้าใจกันมากมาย...เข้าใจไปอย่างที่ว่านี้นะ พอเรา

    อยากในทางคุณงามความดีก็กลัวเป็นตัณหาไปเสียหมด...ไม่ให้อยากอะไรเลย มันอะไร

    กัน เราอยากมากเท่าไรยิ่งทำความดีได้มาก...คนเราอยากไปสวรรค์ไปนิพพานเท่าไร...

    อยากได้บุญได้กุศลเท่าไรยิ่งมีความเข้มแข็ง...ยิ่งมีความขยันหมั่นเพียรเข้ามากและผ่าน

    ไปได้...อะไรก็ตามถ้าลงได้มีความอยากเข้าฝังแล้ว...ไม่ว่าทางชั่วทางดีมันมีกำลังมาก

    ด้วยกันนั่นแหละ...ถ้าอยากเป็นฝ่ายตัณหามันก็เสริมแต่ตัณหาขึ้นอย่างมากมาย...

    ...ถ้าเป็นความอยากทางฝ่ายธรรม...ก็มีแต่เพิ่มธรรมขึ้นไปเป็นลำดับ ๆ แล้วปราบตัณหา

    นี้ไปเรื่อยๆ.........ปัญหาธรรมพระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี...

    ...กราบองค์หลวงตามหาบัว ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะกราบ กราบๆ...
     
  11. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ปัญหาธรรม...ถาม-ตอม...

    ถาม- ท่านพระอาจารย์ครับ...ผมสงสัยอย่างที่ท่านอาจารย์บอกว่า...

    เดี๋ยวนี้อรหันต์...จะไม่ค่อยมีแล้วหรือฮะเมืองไทยนี้...

    ตอบ-ความเข้าใจของคน...เราไม่ได้บอกว่าพระอรหันต์ไม่มีแล้วตามหลักธรรมของ

    พระพุทธเจ้านะ...แต่เราพูดตามเรื่องของกิเลสครอบหัวใจคนว่าเวลานี้สุดเอื้อมแล้วพระอร

    หันต์ไม่มี...กิเลสมันหลอกคนจะให้พูดอะไรกันนักหนา ถ้าอยากจะเห็นก็ เอาซิ ๆ ยังบอก

    แล้วนี่ หาที่เจ้าของนี่ซิ...ท่าน ๑.๒๕๐ องค์ท่านหาที่เจ้าของนี่นะ ท่านได้เป็นพระอรหันต์

    ขึ้นมา...ท่านไม่ได้ไปเที่ยวงมนั่นงมนี่...เขาว่าพระอรหันต์สุดเอื้อมหมดหวังคือคนไม่สนใจ

    ...พูดมาเฉย ๆ ผู้สนใจมีอยู่ผู้ปฏิบัติมีอยู่พระอรหันต์จะหายไปไหน.ธรรมของพระพุทธเจ้า

    ชี้ลงในอรหันต์แท้ ๆ นี่ ชี้ในมรรคผลนิพพานแท้ ๆ...ไม่ใช่ชี้ไปไหนนะ ทำไมจะไม่มี

    ...พระพุทธเจ้าโกหกโลกเมื่อไร...ไม่โกหกโลก...

    ถาม- ตอบ ปัญหาธรรม ท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน.

    ขอน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนของหลวงตาเพื่อการปฏิบัติ และเข้าใจในการปฏิบัติยิ่งๆขึ้น.
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อย่าคิดทำอะไร..ขณะจิตกำลังตก!
    อย่ารอให้หุ้นตกก่อนแล้วค่อยขาย..เจ๊ง!
    อย่ารอให้ทองตกก่อนแล้วค่อยขาย..เจ้ง!
    อย่ารอให้เป็นทุกข์สุดๆก่อนแล้วค่อยปฎิบัติธรรม..ดับเบิ้ลเจ๊ง!!!
    ก็คือจะเสียหายหาประมาณมิได้ เพราะ(อาจจะ)ทำลายชีวิตตนเองก็เป็นได้

    แต่ถ้าใครรอให้ทุกข์หรือกิเลสต่างๆมันตกตะกอน อันนี้ไม่ทันการณ์แน่!
    เวลาความทุกข์มาเยือนเรามากๆ ก็มักจะตั้งตัวไม่ทัน มึนตึ๊บคิดอะไรก็ไม่ออก
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราเผลอสติ ส่วนตัวปัญญาไม่ต้องพูดถึง ไม่มีแน่นอน

    เคยเป็นไหม ยิ่งรีบก็ยิ่งเป็น อะไรๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจ นั่นแหล่ะโดนกิเลสตัณหาฯของเรา
    รับประทานเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว ยิ่งพวกที่ชอบเผลอสติบ่อย
    ในเมื่อสติ(ตัวรู้)ไม่มี ปัญญา(ตัวผู้รู้)ของเราจึงไม่มี ไม่เกิด

    ด้วยเหตุนี้แหล่ะ ที่คนส่วนใหญ่เขามักบอกว่า อย่าไปทำอะไรตอนที่จิตตก เพราะดวงไม่ดี
    เพราะในขณะที่จิตตกนั้น เป็นช่วงที่พลังจิตมีน้อย ดวงไม่ดีก็เลยเข้ามาครอบงำแทน
    เพราะชอบเผลอสติบ่อย หารู้ไม่ในขณะที่เผลอสติ จิตไม่นิ่ง จิตไม่เป็นสมาธิ ปัญญาก็ไม่มี
    พลังจิตคนเราหมดไปกับการวิ่งตามสิ่งที่มากระทบจิตทุกวัน ที่มาจากอายตนทั้งภายนอกและใน

    วิธีแก้จิตตก ดวงไม่ดี โดยที่เราไม่ต้องไปพึ่งพาอาศัยหมอดูหรือไสยศาสตร์ที่ใดเลย
    แค่เอาจิตตนเองมาพักหรือมาชาร์ตพลังงานจิต ก็คือ ทำสมาธิจิตอย่างต่อเนื่อง
    หรือทรงฌานอย่างต่อเนื่อง อันนี้ก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะเรามีสติระดับสัมปชัญญะ
    คือมีทั้งสติและปัญญาเพรียบพร้อมเลย

    ถึงแม้นเราจะยังไม่ได้เป็นนักภาวนาหรือนักปฎิบัติธรรม หรืออาจเป็น แต่ยังปฎิบัติไม่ได้มรรคผล
    แต่ถ้าเรามีสติดีมาก เวลามีความทุกข์มาเยือนเรามาก คือ๑๐๐%เต็ม เราก็ทุกข์แค่ครึ่งนึงหรือ๕๐%
    ทำไมพระอรหันต์ท่านจึงไม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์แสนสาหัสเหมือนปุถุชนหรือคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆเลย
    เพราะท่านแยกจิตออกมาจากกายหยาบได้โดยสิ้นเชิง ตราบใดที่ท่านยังไม่ได้ละสังขาร ความทุกข์หรือ
    ตัวทุกข์ของท่านนั้น ก็ย่อมมีอยู่เหมือนเดิม ท่านจึงเป็นทุกข์แค่ทางกายเท่านั้น แต่ทุกข์ทางใจนั้น ไม่มี

    *สำหรับผู้ปฎิบัติที่กำลังเจริญสติสัมปชัญญะอย่างต่อเนื่อง อีกไม่นานจิตปัญญาจะกลายเป็น"ญาณ"

    ส่วนที่เหลือหรือคนที่ยังมีลมหายใจ ควรทำจิตพร้อมรับสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะมาเยือนเราด้วย

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 เมษายน 2013
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    ชื่อเขาอะไรเอ่ย?
    ให้ทาย

    ถ้าปัญญาทางโลกเปรียบเสมือนแสงสว่างของดวงจันทร์ฉันใด
    ปัญญาทางธรรมก็เปรียบเสมือนแสงสว่างของดวงอาทิตย์ฉันนั้น
    แสงสว่างของดวงอาทิตย์ ทำให้เราสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดเจนเพียงใด
    ปัญญาทางธรรมก็ทำให้เราสามารถมองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิตได้ชัดเจนเพียงนั้น

    ปัญญาทางธรรมคือปัญญาที่เกิดจากการฝึกอบรมสมาธิภาวนา จนถึงขั้นเกิดญาณหยั่งรู้ตามความเป็นจริง
    เป็นปัญญาที่ทำให้เกิดความดับทุกข์ และหลุดพ้นจากการการเวียนว่ายตายเกิดในกองทุกข์

    เมื่อเรามีปัญญาแล้วย่อมมองเห็นกิเลสของตนเองเป็นอย่างดี
    เห็นไหม๊! บอกแล้วข้างบนเย็นดี ไม่มีพายุ(อารมณ์)
     
  14. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  15. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  16. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    วันนี้ พรุ่งนี้ จิตพร้อม?
    ผู้เขียนอยากจะชวนพวกเราสร้างบุญภายในหรือสร้างอริยทรัพย์ภายในกัน
    ทำบุญภายในแบบง่ายที่สุด แค่ชั่วโมงละ 1 นาที วันๆนึงก็แค่ 10 นาทีเอง
    มันเทียบไม่ได้เลยใช่ไหม กับการที่เราปล่อยจิตอันมีค่าที่สุดของเราไปวันๆนึง แบบไร้ค่าจริงๆ
    เพราะปกติคนเราทุกวันนี้ ใช้ชีวิตแบบประมาทเกินร้อยละ ๘๐ % เวลาส่วนใหญ่เราหมดไปกับเทคโนฯ
    โดยเฉพาะโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือมือถือ หรือหมดไปกับท่องโลกซะมากกว่า
    ทุกวันนี้ คนเราถูกสอนให้อยู่กับโลกสมมุติกันเสียมากกว่าอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง! พอจะพากันทำดี
    พากันรักษาศีลทำภาวนาก็เลยทำตามได้ยาก เพราะเราฝึกจิตปล่อยจิตให้ไหลไปตามกระแสโลก
    พอเราจะกลับมาทำความดี มาสร้างบุญภายใน มาสร้างอริยทรัพย์ภายในของตนเองก็ทำยาก
    จิตเราไม่ยอมนิ่ง เพราะเราฝึกจิต ปล่อยจิตไปตามกระแสอย่างมาก พอเรามาฝึกสติ ฝึกจิตก็ยาก
    เมื่อจิตเราไม่นิ่งแล้วเราจะได้บุญภายในกันไหม๊ จริงๆแล้วบุญภายในทำง่ายกว่าบุญภายนอก
    เพราะการสร้างบุญภายนอกนั้น เราจะต้องใช้ทรัพย์ ใช้เวลา ใช้สถานที่ ใช้ผู้อื่น วุ่นวายไปหมด
    แต่การสร้างบุญภายในนั้น เราไม่ต้องใช้เงินสักบาท ใช้เวลาไม่มาก ไม่ต้องใช้สถานที่อื่นทำบุญ
    ทำบุญคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องไปวุ่นวายตระเตรียมมากมาย เห็นไหมต่างราวฟ้ากับเหวเลย
    แถมได้บุญใหญ่กว่าการทำบุญภายนอกด้วย แต่มิได้ปฎิเสธการทำบุญภายนอกหรือบุญเล็กน้อย

    กายหยาบยังต้องการอาหารวันละ 3 มื้อเลย จิตเขาก็ต้องการอาหารเหมือนกัน ถ้าเราตายวันนี้
    แล้วเราไม่ได้ ไม่เคย ไม่มีโอกาสได้ทำบุญ สร้างบุญภายใน สร้างอริยทรัพย์ภายในของตนเองเลย
    เวลาเราตายไปแล้ว จิตเราก็จะกลายเป็นวิญญาณไปในทันที หรือบางที่เขาเรียกว่า "ผี" นั่นเอง
    พวกเราอยากเป็นผีไร้ค่า เป็นสัมพเวสีหรือผีเร่ร่อนกันหรอ คิดกันให้ดี มิได้ห้าม แค่รักนะ..จุ๊บๆ
    เห็นเป็นเพื่อนมนุษย์ที่หลงมาเกิดด้วยกันยังโลกนี้ ภพนี้กัน มิได้คิดอะไร มิต้องการสิ่งใด

    วิธีให้อาหารจิตเรา ก็คือทำสมาธิหรือเจริญสติภาวนา หรืออะไรก็ได้ที่ทำแล้วจิตเรานิ่งสงบสุขได้
    อย่าหลง อย่าเพลิน อย่าสนุกสนาน จนลืมความตายของตนเอง เพราะกายไม่เที่ยง ลมหายใจ
    ก็ไม่เที่ยง ความตายเท่านั้นเป็นของเที่ยงแท้และแน่นอน แล้วพวกที่มีลมหายใจกันอยู่นี้
    มัวหลงกาย หลงกิเลส หลงสมมุติ หลงนินทาด่าว่าร้ายหรือทำลาย หลงโกรธ หลงเคืองแค้น
    หลงรัก หลงคิดถึง หลงห่วงใย หลงห่วงหาอาทร หลงหวง หลงหึงหวง หลงยึดความรู้สึก
    หลงอารมณ์ต่างๆของเรา หลงคน หลงสิ่งของสมบัติกันอยู่ทำไม
    ถ้าเราจะตายกันวันนี้ ตอนนี้ ดูสิจะหลงกันอยู่อีกไหม๊ รีบๆละซะ รีบๆปล่อยซะ รีบๆวางซะนะ
    แล้วจิตพวกเจ้าจะได้ว่างจะได้กลาง จะได้เบา จะได้เป็นสุขเสียทีนึง เพราะในขณะที่เจ้าหลงไปยึด
    หลงเอาสิ่งต่างๆทั้งรูป-นาม ที่เขาเรียกว่าสมมุติทั้งหลายทั้งปวงนั้น ไม่มีอะไรติดตามตัว
    เรา(จิต)ไปเลยสักอย่างเดียว พวกเราต้องตายกันก่อน ใช่ไหม? ถึงจะรู้สึกตัว รู้ก็สายไปแล้ว
    น้องเอ๊ย! พี่เอ๊ย! พวกเจ้าคงลืมกันไปหมดแล้วว่า..พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าอย่างไร..
    นรก เทวดา พรหม นิพพานมีจริงๆ ใช่ไหม แล้วนี่! ลูกหลานกำลังทำกิจอันใดอยู่เล่ากิจอื่น
    กิจทางโลกนั้นสำคัญกว่าจิตของเจ้าอย่างนั้นหรือ?

    รีบๆตั้งใจพากันรักษาศีล ทำภาวนากันให้มาก ฝึกตายก่อนตายจริง เพราะถ้าใครรอเวลาวันนั้น
    ไม่ทันแล้ว สายเกินไปแล้ว เพราะยังมีลมหายใจ พวกเจ้ามัวไปหลงทำอะไรกัน บุญไม่ทำก็ไม่ว่า
    ทำบุญแต่ไม่บ่อยก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยที่สุดเจ้าต้องมีสติให้มาก อย่าให้จิตเศร้าหมองเป็นใช้ได้
    แต่ถึงเวลาไม่เคยเห็นใครทำใจกันได้เลย เมื่อวันเวลานั้นมาถึง คือความตายมาเยือนตน
    ไม่ต้องเป็นห่วงเป็นใยอะไรทุกสิ่ง ปล่อยวางให้หมดใจกันได้ไหม เห็นไหม เจ้าทำไม่ได้กันหรอก
    ถ้าเวลานั้นมาถึงจริงๆ เพราะเรื่องจิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากยิ่งนัก จิตเองก็ฝึกยากด้วย
    แต่ถ้ายามปกติดีๆเจ้าไม่พยายามทำกันฝึกกัน สุดท้ายเจ้าไม่ต้องไปโทษใครเลย เพราะเจ้าของจิต
    เจ้าของวิญญาณทำเองทั้งนั้นเลย ทำเองแล้วก็ดีใจเอง ทำเองแล้วก็เสียใจเอง อยู่อย่างนี้
    ว่างๆ ก็รีบปลดเบื้องคราบมนุษย์ของเจ้าเสียเนิ่นๆ

    เตรียมจิตของเจ้าก่อน แต่ถ้าพอมีเวลาค่อยเตรียมกายหรือภายนอก
    อย่าปล่อยเวลาไปกับเข็มนาฬิกา อย่าปล่อยลมหายใจทิ้งขว้าง อย่าปล่อยกายปล่อยใจ
    ไปกับสิ่งสมมุติกันมากนัก ของจริงๆ บุญใหญ่จริงๆ ก็อยู่ภายในกายใจของเจ้านั่นไง๊
    แล้วทำไมพวกเจ้าไปเอาบุญจากที่อื่นกันอยู่อีกเล่า!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 เมษายน 2013
  18. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    จิตใจไม่มีสมบัติเป็นของของตน เราผู้ปฏิบัติจะต้องเป็นผู้หยิบยื่นให้...ถ้าฝ่ายกิเลสเป็นผู้หยิบยื่นให้นั้นใจก็มีแต่ความโกรธ ความโลภ ความหลง เพราะใจนั้นจะต้องหมุนไปตามสิ่งที่หยิบยื่นให้ ถ้าเราไม่มาปฏิบัติและทําสมบัติให้ใจเป็นผู้รับรู้ ดี-ชั่ว แล้ว ใจก็มีแต่โหยหิวหาสิ่งที่จะมาถมให้เต็มนั้นเป็นไม่มี คือไม่มีความพอนั้นเอง...ผู้ปฏิบัติก็เพื่อทําความเข้าใจว่ากิเลสเป็นของคีดดิ้นไม่เคยทําให้ใครอิ่มพอยิ่งได้ก็ยิ่งโลภ...เพราะความพอนั้นไม่มีในกิเลส ถ้าพอก็คงมีแต่ธรรมเท่านั้น เพราะธรรมคือ"ความพอดี" เกินความพอดีไปก็ไม่ใช่ธรรม เราจึงต้องมาหาสมบัติให้ใจดวงนี้ โดยการมาปฏิบัติธรรม เพื่อให้ใจนั้นมีอาหารใจ ส่วนอาหารกายนั้นเรามีพออยู่แล้ว บางครั้งก็มีจนล้นก็ว่าได้...จึงทําให้กายนี้มีทุกข์ได้เพราะการมีแต่อาหารกายนั้นเอง...เพราะอาหารใจเราต้องเป็นผู้ผลิตเอง และเราก็จะรู้เองว่าเราควรจะบํารุ่งรักษาใจเราให้มีความสุขได้อย่างไร?ก็มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เป็นอาหารใจอย่างยอดเยี่ยม จึงพากันมองที่ใจดวงนี้ไม่ใช่ที่อื่นเลย...
    ที่มาจากเทปธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้า
     
  19. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (คำถาม- คำตอบ) ปัญหาธรรม...

    ...ถาม - พระอรหันต์ยังต้องเวียนว้ายตายเกิดอีกไหมท่านอาจารย์...

    ...ตอบ - พระอรหันต์แล้วไม่มี...พระอรหันต์อย่างพระพุทธเจ้าและสาวกอรหันต์

    ...ถ้าอรหันต์อย่างหลวงตาบัวนี่มี....มัวหันมานี่หันไปนี่ หลายหันนี่วะ หันกิน

    หันนอน...ตายเกิด ๆ อยู่นี่...เข้าใจแล้วเหรออรหันต์หลวงตาบัวผู้เป็นคลังกิเลส.

    ...หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านตอบปัญหาธรรม.น้อมกราบองค์ท่านเจ้าค่ะสาธุๆ..
     
  20. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ผู้ประมาทแล้วในกาลก่อน...ภายหลังไม่ประมาท...

    ...ชื่อว่ายังตนในโลกนี้ให้สว่างได้...

    ...เหมือนพระจันทร์ที่ออกแล้วจากเมฆ...

    ...เพราะฉนั้นที่แล้งก็แล้วไป...อนาคตอย่าไปคิดถึง...ทำปัจจุบันให้ดี...

    ...แล้วจิตของเราก็จะมีความบริสุทธิ์...

    พระธรรมคำสอนของหลวงปู่ทอง สิริมังคโล คัดจากหนังสือหลวงปู่ฝากไว้.

    ...กราบหลวงปู่ทองด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...