... แล้วเราจะเล่าให้ฟัง ...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สายฝนฉ่ำเย็น, 1 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810

    สวัสดีปีใหม่ไทยจ้าอ้อ...
    ขอคำอวยพรที่อ้อส่งมา คืนกลับอ้อเป็นร้อยเท่าพันทวี
    สู้ๆๆนะ พี่เป็นกำลังใจให้อ้อ เหมือนที่อ้อส่งกำลังใจให้พี่
    ทุกๆท่านที่กำลังมีทุกข์ หากต้องการหลุดพ้นท่านมาถูก
    ทางแล้วค่ะ แม่หมอใจผู้ซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยน้ำใจและความเมตตา
    และช่วยเหลือผู้มีทุกข์ ทั้งๆๆที่บางคราวตัวเธอนั้นก็แสนจะทุกข์
    แต่ก็มิเคยจะย่อท้อในการ ให้การช่วยเหลือคนอื่นเลยค่ะ
    แฟ้มประวัติขอตบมือให้เลยค่ะ :cool::cool::cool:
     
  2. สร้อยเงิน

    สร้อยเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +1,013
    สวัสดีวันปีใหม่ไทย สุขสันต์วันสงกรานต์ด้วยค่ะ
     
  3. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ... ได้ร่วมบุญสร้างพระพุทธชินราช หน้าตัก 100 นิ้ว จำนวนเงิน 500 บาท พ่อ 100 บาท และ ได้ร่วมปัจจัยในการถวายอาหารร่วมกับพ่อ จำนวน 240 บาท ... ได้ใส่บาตรในวันขึ้นปีใหม่ ... ขอพรผู้ใหญ่ ... กราบเท้า ล้างเท้า ขอขมากรรม และ ขอพรปีใหม่ ... กับ ... แม่ พ่อ และ พ่อบุญธรรม ... สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • photo(1).jpg
      photo(1).jpg
      ขนาดไฟล์:
      239.2 KB
      เปิดดู:
      82
    • photo.jpg
      photo.jpg
      ขนาดไฟล์:
      242.4 KB
      เปิดดู:
      65
    • photo(2).jpg
      photo(2).jpg
      ขนาดไฟล์:
      212.3 KB
      เปิดดู:
      64
    • photo(5).jpg
      photo(5).jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.6 KB
      เปิดดู:
      57
    • photo(3).jpg
      photo(3).jpg
      ขนาดไฟล์:
      237.4 KB
      เปิดดู:
      66
    • photo(4).jpg
      photo(4).jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.7 KB
      เปิดดู:
      66
    • photo(8).jpg
      photo(8).jpg
      ขนาดไฟล์:
      208.7 KB
      เปิดดู:
      69
  4. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    *** ขอบคุณค่ะ พี่นิพ_พาน ... ขอพรนั้นกลับไปเช่นกัน ให้ลุงหายป่วยในเร็ววันนะคะ ^ ^ ***
     
  5. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ... สวัสดีปีใหม่ค่ะ สุข สดชื่น รู้ ตื่น และ เบิกบานนะคะ ... ขอบคุณค่ะ ^ ^
     
  6. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    .... ตัวเลขเฉพาะสมาชิกของเวปที่อ่านกระทู้ 3900 คนแล้ว ณ เวลานี้ ... ขอบคุณค่ะ ที่ตามอ่าน ... บุญใดที่เกิดกับดิฉัน จากการ เล่ากรรม เป็นธรรมทาน ... ขอจงสำเร็จแก่ดิฉัน และ ทุกท่าน ที่ได้แวะเวียน มา ณ กระทู้นี้นะคะ ... สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ ^ ^
     
  7. wiputi

    wiputi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +2,405
    ....


    .... โมทนาสาธุกับเรื่องราวที่คุณสายฝนเย็นฉ่ำ เล่าสู่กันฟังให้ข้อคิดและข้อธรรมมากมาย คงจะทำให้..

    .... หลายๆท่านที่ได้มีโอกาส อ่านและนำมาทบทวนเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ เป็นกำลังใจให้ก้าวผ่านชีวิต..

    .... ไปได้อย่างดีงาม ทุกเรื่องเป็นบทเรียน บททดสอบ ทุกๆคนย่อมต้องพบเจอ และต้องผ่านพ้นได้ด้วย..

    .... สติและความอดทน ไม่มีข้อยกเว้น อ่านเรื่องราวของคุณ ทุกเรื่องที่พานพบ ดิฉันก็ไม่ได้ต่างจากที่คุณต้องพบเจอมาทั้งชีวิตแต่ละเรื่องของกรรมจัดสรรให้ ใครที่เจอแบบนี้ สุดๆทรมาน ดิฉันเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์โดยไร้สิ้นสงสัย ทุกท่านก็เช่นกัน ..

    .... ดิฉันอ่านแล้วก็เข้าใจในทุกตัวอักษรค่ะ เหมือนมองเห็นในสิ่งที่ดิฉันได้พบเจอมาเช่นกัน..

    .... คุณเล่าเรื่องของคุณได้ดีมาก ดิฉันมั่นใจว่าใครๆที่ได้อ่านเรื่องราวของคุณ ย่อมมีพลังมีกำลังใจที่จะผ่านอุปสรรคและความทุกข์ไปให้ได้เหมือนคุณ และอีกหลายๆท่านค่ะ..

    ... ขอบพระคุณ คุณสายฝนฯที่เมตตาถ่ายทอดเรื่องราวของคุณและให้ทุกท่านได้พบทางออกที่ถูกต้องและดีงาม จากคำแนะนำโดยยอมเล่าเรื่องของคุณเป็นแบบอย่างที่ดี สัมผัสได้อย่างชัดเจน..

    .... การให้ธรรมะเป็นทาน ยิ่งใหญ่กว่าการให้ทั้งปวง....สาธุ...สาธุค่ะ...


    .
     
  8. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ขออนุโมทนา สาธุ เช่นกันค่ะ ^ ^
     
  9. ชะมะนาด

    ชะมะนาด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,383
    ค่าพลัง:
    +1,778
    สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณสายฝน
    รูปน่ารักจังค่ะ เด็กอะไรยิ้มได้น่ากัดจังเลย ขออนุโมทนาบุญด้วยน่ะค่ะ ที่ได้ทำบุญตลอดเวลา ขอให้บุญกุศลที่คุณสายฝนได้ทำ จงดลบันดาลให้ครอบครัวจงมีแต่ความสุขและความเจริญ ยิ่งๆๆขึ้นไปน่ะค่ะ สว้สดีค่ะ
     
  10. Mintira

    Mintira Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +62
    สวัสดีค่ะพี่อ้อ สบายดีไหมเอ่ย ช่วงนี้ไม่ค่อยอัพกระทู้เยย แฟนคลับคิดถึงนะค่ะ^^
     
  11. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ^___________^ สวัสดีจ้า ... คิดถึงเช่นกันจ้า ... แล้วจะค่อยๆ นำเรื่องใน บ้านหมอใจ facebook มาลงให้อ่านกันนะค๊า ... take care กันทุกๆ คนเลยน๊า .... ^ ^
     
  12. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีวันจันทร์เรืองรองที่ 22 เมษายน 2556

    ... ^____^ โดนใจ ...


    ลักษณะนิสัยสภาพจิตของผู้เป็นมหาสติ
    มุ่งมั่นในการทำงานอย่างทุ่มเท
    ซื่อสัตย์ถือสัจจะพูดน้อยมีสาระแก่นสาน
    ระลึกถึงหน้าที่สมบูรณ์มากกว่าผลงาน
    ไม่สนใจในคำสรรเสริญนินทาและผลตอบแทน
    ฌาณของผู้มีจิตเป็นมหาสติแม้เสียงฟ้าผ่าก็ไม่ได้ยิน

    ระลึกถึง :: พระรชต สุขโต (หลวงพี่หล้า)


    เครดิต : แก้กรรมจากคำนาย facebook
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2013
  13. อนนธกาล

    อนนธกาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2006
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +233
    ใช้เวลาสองวันกับกระทู้นี้ อ่านด้วยความเพลิดเพลินและเบิกบานใจ อีกทั้งอบอุ่นใจคล้ายได้ฟังเรื่องเล่าสู่กันฟังจากคนคุ้นเคย คาดว่าคงมีบุญสัมพันธ์กันบ้างไม่มากก็น้อยที่มาเจอกระทู้นี้ ขออนุโมทนาสาธุกับทุกๆบุญกุศลของพี่อ้อด้วยนะครับ ขอให้สิ่งดีๆเหล่านี้ที่พี่ได้ทำจงเป็นพลปัจจัยให้พี่ถึงซึ่งพระนิพพานในปัจจุบันชาติด้วยเทอญ..
     
  14. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ ^________^
     
  15. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีจ้า ... สายๆ ของวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556 เขียน ณ บ้านหมอใจ facebook

    ... เห็นถึง ... ซึ่ง ... ศรัทธา ... อันแรงกล้า (ของคุณนายฯ) ...

    ... บ่ายแก่ๆ ของวันจันทร์ ... คุณนายแม่ ... มาเดินด้อมๆ มองๆ ที่หน้าต่างบ้านอิฉัน ... เห็นเงียบกันทั้งบ้าน ... คงสงสัยว่า ลูกๆ หลานๆ หายไปไหน ... ทำไม ถึงได้เงียบบบบบบ ขนาดนี้ ... หารู้ไม่ ... บ้านนี้เขาปิดวาจากัน ... ฮั่นแน่ ๆ ๆ !!! ... ไม่ได้หมายความว่าเขาทะเลาะกัน แล้วไม่พูดกันนะ ... อย่าเพิ่งคิดไปไกล ... ด้วยความที่ พ่อลิง กับ ลูกลิง ... เถียงกันทู๊กวัน ... แม่ลิง ... จึงมีคำสั่ง ให้ “ หยุด ” ... การสื่อสาร กันโดยสิ้นเชิง ... มิฉะนั้นแล้ว ... จะเกิดสงครามกลางบ้าน ขนาดกลาง ถึง ขนาดใหญ่ ... โดยไม่มีหมายกำหนดการล่วงหน้า ... ซึ่งนั่นไม่ได้หมายถึงคำขู่ ... แต่เป็นคำบอกกล่าว ก่อนที่ “ ระเบิด จะ ลง กลางบ้าน ” .... นั่นเอง ... 55555+++ ปรากฏว่า ... วันนั้น “ บ้านเงียบ สงบ ” ต่างคน ต่างอยู่ ต่างมุม ของตัวเอง ... เฮ้อ!!! ค่อยสบายหูหน่อย ... ไม่อย่างนั้น จะมีเรื่องประจำวันที่เกิดขึ้น ระหว่าง ... Lego และ หน้ากากเสือ , One Peace , มาสก์ไรเดอร์ ดิเคด ฯลฯ ... เพราะ ลิงน้อย ดูคนเดียวไม่ได ... ดูแล้วก็ต้องหาคนมานั่งข้างๆ ... เพื่อพากษ์การ์ตูนเรื่องที่ชื่นชอบให้ฟัง ... ด้วยความที่เราดูกันแล้ว ก็ไม่สนุกเท่าเด็ก ... ก็พากัน ... บ่ายเบี่ยง โยนกันไปมา ... “ ให้พ่อดูเป็นเพื่อน ” ... “ ให้แม่ดูเป็นเพื่อน ” ... สุดท้าย ... ต้องนั่งดูกันทั้งบ้าน ... เฮ้อ!!! นึกในใจ “ ทำไมโรงเรียน ไม่เปิดเทอม ซะตั้งแต่พรุ่งนี้เลยนะ ” ...

    ... เล่าวีรกรรมของพ่อกับลูกจนลืมแม่เลย ... แม่มาหยุดที่หน้าต่าง ... แล้วพูดด้วยประโยคบอกเล่า ... “ แม่จะไปลพบุรีนะ ไม่วัน ก็สองวัน นี่แหละ ” ... ซึ่งคำพูดเหล่านั้น ฉันรู้ว่า หมายถึงฉัน ... ฉันพยักหน้า ... เป็นอันว่า รู้กัน ... เพราะนั่นคือประโยคบอกเล่า ... ที่ไม่ได้หมายความว่า ... ต้องได้คำตอบ ... ใช่ไหมคุณๆ ... ปรากฏว่าเปล่า ... สายๆ ของวันอังคาร ... แม่เดินมาใหม่ ... มาพูดประโยคคล้ายๆ เดิม ... แต่มีคำว่า ... “ จะไปกับแม่ไหม ” ... เท่านั้นแหละ ... อ๋อ!! แม่จะเอาคำตอบนี่เอง ... ถ้าไม่ไปด้วย ... ต้องมีงอนแน่นอน ... แต่ถ้าไปด้วย ... คุณนายคงมีความสุข ... เพราะไม่ได้ไปไหนด้วยกันนานแล้ว ... เมื่อคราวที่ไปผ้าป่า กำแพงเพชร ... อิฉันก็ไม่ได้ไป ... มีคนถามหาฉันหลายคนทีเดียว ... และมีคำสั่งต่อมาว่า “ พรุ่งนี้ออกเดินทาง 7 โมงตรงเป๊ะ ห้ามสาย เพราะเราต้องไปกันต่อหลายที่ ” ... คำชี้ชะตามาซะขนาดนั้น ... ยังไงก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง ...

    ... ฉันเตรียมของตั้งแต่ ก่อนตี 5 ... เตรียมขนมนมเนย ... ที่จะหม่ำๆ กันบนรถ ในระหว่างทางที่ไป ... จนกระทั่ง 6 โมงเช้า ... ปลุกลิงน้อย อาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวออกไปใส่บาตรกันก่อน ... พระที่มารับบิณฑบาตร ท่านจะมาประมาณ 6 โมงครึ่ง ถึง 7 โมง ในระหว่างเวลานั้น ... พอใส่บาตรเสร็จกลับมาถึงบ้าน ... คุณนาย เตรียมพร้อมทุกอย่างในรถแล้ว ... เราก็เริ่มออกเดินทางกัน ... ที่ฉันต้องเตรียมอาหารไป ... เพราะ เดี๋ยวนี้ ฉันกินของนอกบ้าน ... ไม่อร่อยแล้ว ... ไม่ได้รู้สึก อยากกิน เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ... มีเพียงมะม่วงเขียวเสวยที่จัดใส่กล่องไป พร้อมกับ ขนมปังอบหน้ากระเทียม ... เท่านั้น ก็อิ่มท้องแล้ว ... ออกเดินทางไปได้สักระยะ ยังไม่พ้นวงแหวนตะวันตก ... แม่ก็พูดขึ้นมา ... “ พี่ (หมายถึง พ่อเลี้ยงของฉัน) ... เราไม่ได้ไปวัดกุฎีทอง นานมากแล้ว 8 ปีแล้วมั๊ง ตั้งแต่น้องกายเกิด เราไม่ได้ไปกันเลย ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ... เดี๋ยวเสร็จจากลพบุรี เราไปกันต่อเลยนะ ” ... พ่อเลี้ยงบ่ายเบี่ยง เพราะทางที่จะไป เป็นทางอ้อม ... ส่วนฉันนึกในใจ ... “ ไม่อยากไป อยากทำธุระให้เสร็จ แล้วกลับบ้าน ” ... แต่ไม่ได้พูดออกมานะ เดี๋ยวแม่จะเสียใจ ... เราขับรถกันจนมาถึงสระบุรี ... จู่ๆ ฉันเกิดอาการเวียนศีรษะอย่างแรง ... ปวดท้ายทอย ขึ้นมาจนถึงหัว ... เหมือนมีอะไรหนักๆ อยู่บนหัว ... ตาก็จะปิดตลอดเวลา ... ฉันบอกแม่ว่า ไม่รู้ฉันเป็นอะไร ทำไมฉันถึงทรมานขนาดนี้ ... แม่บอกว่า ลองทำจิตให้เป็นสมาธิดูสิ อย่าฝืน ... แล้วดูว่าจะมีอะไรหรือเปล่า ... ฉันทำตามแม่บอก ... หลับตาลง และ ทำสมาธิ ... ฉันเห็นสมเด็จพระปิยะมหาราช ... ท่านยิ้มให้ฉัน ... ฉันถามแม่ว่า ที่ๆ จะไป วัดอะไรนั่นน่ะ มีอนุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 5 หรือเปล่า ... แม่บอกว่า ไม่มี ... แต่วัดนี้ก็เกี่ยวพันกับพระองค์ท่านเช่นเดียวกัน ... แม่ถามขึ้นมาทันที ... นี่แสดงว่า อ้อไม่อยากไปใช่ไหม ... เลยเกิดอาการเหล่านี้ ... ฉันยอมรับ และ สารภาพ ออกไป ... แค่นึกในใจเองนะแม่ ... แม่บอกกับฉันว่า ... ไปเถอะ แม่อยากพามานานแล้ว ... เพราะทุกครั้งที่แม่มาบอกบุญเรื่องห่มผ้าหลวงพ่อโตของวัดนี้ อ้อร่วมบุญทุกครั้ง แต่อ้อไม่เคยมากับแม่เลย ...

    ... ฉันไม่พูดอะไร นึกในใจ ไปก็ไป ... เท่านั้นแหละ อาการที่เป็น ก็ทุเลาลง ... เราไปศาลพระกาฬกัน ซึ่งเป็นประจำของทุกปี ที่แม่จะมาที่นี่ และพาพวกเรามา ... มาถวายอาหาร และ กราบไหว้ พ่อประกาฬ ... เสร็จสรรพ ... แม่ก็มุ่งหน้าไปวัดกุฎีทองทันที ... ความที่เขาไม่ได้มากันนาน นั่นแหละ ... ก็หลงทางกันไปบ้าง แต่สุดท้าย เราก็ถึงที่หมาย ... พอเลี้ยวเข้าวัดเท่านั้นแหละ ... ประสบการณ์ของแม่ก็พรั่งพรูออกมาทีเดียว ... “ โอ้โห เปลี่ยนแปลงไปเยอะมากเลย ... เมื่อก่อนหลวงพ่อท่านอยู่กลางทุ่งเลยนะอ้อ ... บางปีแม่มากับลุงกับพ่อ ... มาถางหญ้ากัน ... มาปัดกวาดทำความสะอาดกัน ... และมาห่มผ้าหลวงพ่ออย่างที่แม่บอกบุญอ้อนั่นแหละ ... เมื่อก่อนนี้ ท่านอยู่กลางแจ้ง ... เพียงแค่นำผ้าใบมาคลุมท่านเท่านั้นแหละ ... ฟ้าก็ผ่าลงมา นำอะไรมาคลุมไม่ได้เลย ... แต่ตอนนี้ เขาสร้างเป็นวิหารให้ท่านแล้ว ... คราวก่อนมา ก็มาเจอ ททท. เขามาถ่ายรูปท่านกัน ... เขายังมาสัมภาษณ์แม่เลย ” ... พอเข้ามาถึงหน้าองค์พระเท่านั้นแหละ ... คุณนายพูดขึ้นมาทันที ... “ นี่เดือนอะไรแล้ว ... เมษาใช่ไหม ... งั้น เราจะทาสีองค์พระกัน ... และต้องให้เสร็จก่อนเข้าพรรษาด้วย ... แล้วจึงค่อยห่มผ้าให้หลวงพ่อ กันทีหลัง ” ... ฉันก็ งง มาก ... เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นแบบ ฉับพลัน และ รวดเร็ว ... เหมือนเป็นคำสั่งที่ถูกสั่งมาแบบ ฟ้าผ่า เช่นกัน ... ยังไม่ทันไร ... แม่พูดต่อว่า ... “ เดี๋ยวเราไปหาหลวงพ่อเจ้าอาวาสกัน และแจ้งความจำนงว่าจะทาสีองค์พระ ท่านมีใครเป็นเจ้าภาพแล้วหรือยัง ” ... พูดเสร็จ คุณนายก็จุดธูปกราบหลวงพ่อ และ เดินสำรวจรอบบริวเวณนั้น ... แล้วพาพวกเราทำเช่นเดียวกัน ...

    ... ในขณะที่เดินไปกุฏิเจ้าอาวาส ... แม่เล่าให้ฟัง ... ว่าหลวงปู่โตท่านมาในฝัน ... มาบอกชื่อวัดนี้ ... และให้แม่มาที่นี่ ... ท่านให้เห็นหลวงพ่อโตที่อยู่กลางทุ่ง องค์ใหญ่มาก ... และบอกแม่ว่า วัดนี้ อยู่อยุธยา ... แม่ก็มาตามความฝันที่หลวงปู่ให้เห็น ... ปรากฏว่าเจอจริงๆ ดั่งฝันที่หลวงปู่ฯ บอกไว้ ... แต่ตอนนี้ ตั้งตระหง่าน เป็นพระองค์ใหญ่ อยู่กลางแจ้ง และ กลางทุ่ง ริมแม่น้ำ ... ตั้งแต่นั้นมา แม่จะมาห่มผ้าอยู่หลายครั้ง และ มากราบท่าน มาทำความสะอาด ปัดกวาด และ ถากถางหญ้า ที่ขึ้นรก อยู่เป็นประจำ ... จน ณ วันนี้ ทุกอย่างดูเรียบร้อย และ เข้าที่เข้าทาง ... พูดและเล่าไปด้วยความชื่นชม ยินดี ตลอดระยะทางที่เดินไปกุฎิเจ้าอาวาส ...

    ... ในขณะที่เดินเข้าไป แม่ยังพูดต่อว่า ไม่รู้จะเจอหลวงพ่อหรือเปล่า ถ้าเจอ ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้คุยหรือเปล่า ... เพราะมาทีไร หลวงพ่อ มักจะมีคนสนทนาอยู่แล้ว หรือ ไม่ ก่อนหน้านี้ ท่านก็ป่วยอยู่ จึงไม่ค่อยพูดอะไรมาก ... แต่ยังไงก็ต้องแจ้งให้ท่านทราบก่อนว่า เรามีความตั้งใจอะไรกัน และ มีเจ้าภาพแล้วหรือยัง ... ปรากฏว่า ... “ หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านนั่งรอ พวกเรา อยู่ ” ... บริเวณนั้น เงียบสงบมาก ... มีเพียงหลวงพ่อรูปเดียวจริงๆ ... เราพากันเข้าไปกราบท่าน ... ท่านเชื้อเชิญให้เราดื่มน้ำชา ที่ท่านรินให้พวกเรา ... แม่กล่าวถึงเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ที่มาห่มผ้าให้หลวงพ่อโต ท่านจำได้หรือไม่ ... ท่านบอกว่า จำได้ ... แม่จึงถามเรื่องการทาสีองค์พระ ... ท่านบอกว่า ยังไม่มีเจ้าภาพ ... และต้องเสร็จก่อนเข้าพรรษาจริงๆ ... เท่านั้นแหละ คุณนายยิ้มด้วยความภูมิใจ ... และบอกกับหลวงพ่อว่า ... จะเชื้อเชิญญาติโยมให้ได้ร่วมกันทำบุญทาสีองค์พระ ... และห่มผ้าหลวงพ่อด้วยเช่นกัน ... พอคุยธุระกันเสร็จ ... หลวงพ่อหันมามองหน้าฉัน ... “ เอ็งน่ะ ... ลดความใจร้อน ขี้หงุดหงิดลงนะ ... เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ” ... ฉันมองหน้าแม่ แม่มองหน้าฉัน ... เพราะตอนนั้น ฉันไม่ได้หงุดหงิด หรือ อารมณ์ร้อน แสดงออกให้เห็นเลย ... เราไปกันแบบไม่มีกำหนดเวลา ... คือเสร็จเมื่อไหร่ก็กลับ ... แถมหันหน้ามาทางคุณนายฯ ... และบอกคุณนายฯ ว่า ... “ เอ็งก็อย่าคิดมาก ... ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ ... เดี๋ยวมันก็สำเร็จเอง ... เชื่อข้าสิ ” ... แม่ยิ้ม ... ท่านคุยกับเราเป็นชั่วโมง เล่าถึงประวัติของวัด ประวัติหลวงพ่อโต องค์ใหญ่ ริมน้ำ ... ท่านบอกว่า ท่านไม่เคยบอกบุญญาติโยม ท่านเกรงใจเขา ... เหล่านี้ทั้งหมดญาติโยมเกิดศรัทธา และนำมาทั้งหมด ... เกิดจากแรงศรัทธาทั้งสิ้น ... ก่อนหน้านี้ ท่านเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ท่านก็หายมา จากศรัทธา เช่นกัน ... ที่สำคัญ หลวงพ่อโตองค์ใหญ่นั้น ... หลวงปู่โตพรหมรังสี ท่านเป็นผู้สร้าง ... จึงมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน ... พวกเราจึงต้องมา ...

    ... เรากราบนมัสการ ... แล้วขอตัวกลับกัน ... ขึ้นรถได้ แม่ตื่นเต้นใหญ่ ... แม่บอกว่า แม่คิดมากจริงๆ ... เพราะไปเห็นอะไรที่วัดไหนก็อยากจะทำ ... นี่เพิ่งมาเห็นก็จะทำอันนี้ ... มีหลายอย่าง หลายที่มากที่อยากจะทำ ... ไม่น่าท่านถึงได้ทักแบบนี้ ... แม่บอกว่า ท่านอ่านใจได้นะ ... สุดท้ายแม่หันมาทางฉัน “ เห็นไหม แม่บอกแล้ว ถ้าอ้อลดความใจร้อนลง ลดความขี้หงุดหงิดลงนะ แม่ว่า เดี๋ยวงานมันก็เข้า ... ลองดูสิลูก ” ... นั่น ... เข้าทางคุณนายทันที 555555+++

    ... แต่ฉันว่า ที่ฉันได้มาในวันนี้ ... มาเจอหลวงพ่อเจ้าอาวาส และ ได้คุยกับหลวงพ่อ เป็นนานสองนาน ขนาดนี้ ... ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ... ขนาดแม่บอกว่า แม่มาเกือบทุกปี ท่านยังไม่เคยคุยกับเรานานขนาดนี้เลย ... และแถม มีเพียงครอบครัวเรา ครอบเดียวเท่านั้นจริงๆ ...

    ... ที่เล่ามานี่ ... ทั้งหมด คือ ศรัทธา อันแรงกล้า ของคุณแม่ ... ที่มีต่อพระศาสนา ต่อครูบาอาจารย์ นั่นคือ “สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี” ที่ท่านและคนทั้งบ้านนับถือและศรัทธา ... เราจึงมาบอกบุญกับทุกๆ ท่าน ... เห็นท่านเจ้าอาวาสบอกว่า สีกระป๋องละประมาณ 5,000 บาท ... ถ้าใครมีเจตจำนงร่วมบุญ หรือ จะร่วมทาสี หรือ อยากจะทำบุญสียกกระป๋องนั้น ... จะนำเบอร์โทรศัพท์ของหลวงพ่อเจ้าอาวาส และ ยี่ห้อสี และ/หรือ พร้อมทั้ง เลขที่บัญชี ที่เราเคยร่วมทำบุญกัน มาแจ้งให้ทราบในเวลาไม่นานนี้ ...

    ... นี่ขนาดเพิ่งไปมาเมื่อวาน ... วันนี้ คุณนายไปเสาชิงช้าแต่เช้า ... ไปถามราคาผ้าจีวรที่จะห่มองค์พระ ใช้ประมาณ 24 เมตร ... คุณนายทำทันที ... ไม่รอเวลาเหมือนกัน ....

    สาธุ สาธุ สาธุ

    ^_______^
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pict111.jpg
      pict111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      94
    • pict112.jpg
      pict112.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      75
    • pict113.jpg
      pict113.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      91
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2013
  16. Mintira

    Mintira Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +62
    เกาะกระทู้รอร่วมบุญทาสีองค์พระกับพี่อ้อด้วยคนค่า^^
     
  17. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ^_______^ จ้า ... เดี๋ยวรอแม่กลับมาก่อน ... นะ
     
  18. สร้อยเงิน

    สร้อยเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +1,013
    รอร่วมบุญด้วยคนค่ะ คุณ อ้อ
     
  19. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีวันอาทิตย์ ... ที่ เมื่อวานร้อนกว่าวันนี้ ... 5 พฤษภาคม 2556
    เขียน ณ บ้านหมอใจ facebook

    ... เช เพียร่า รีสอร์ท กับ การปฏิบัติธรรมการเคลื่อนไหว 14 จังหวะ แนวทาง หลวงพ่อคำเขียน #1 ...

    ... เช้าของวันที่ 1 พี่สาวที่เป็นกัลยาณมิตร นัดหมายฉันไว้ 6 โมงตรง ที่ หน้าหมู่บ้าน ป.ผาสุข ... ฉันไปสาย 20 กว่านาที ... ไม่ใช่ตื่นสาย ลุกขึ้นเก็บของตั้งแต่ตี 4 แต่ความทีหยิบโน่นนี่นี่นั่น จนเพลิน หันมามองนาฬิกา ตี 5:40 น. แล้ว ต้องรีบอาบน้ำแล้ว ... ระยะทางจากบ้านฉันไปที่นัดหมาย ก็ได้ห่างกันมาก ... แต่ด้วยความที่เพลียจากการเดินทางก่อนหน้านั้น 3 วัน 3 จังหวัด เหนื่อยโฮกเลย ... ชีพจรลงเท้าจริงๆ ... 3 วัน วิ่งอยู่ระหว่าง ลพบุรี อ่างทอง อยุธยา ... เหมือนตอกย้ำให้ลึกลงไปว่า อดีตชาติเคยเกิดเป็นทหารเก่า ที่เร่งฝีเท้า เพื่อไปใช้หนี้เวรกรรม 5555 ถึงได้เดินสายไม่หยุดเลยใน 3 วันก่อนจะเข้าวันที่ 1

    ... พอรถอิฉันไปจอดต่อท้ายพี่เขา ... อิฉันยกมือขอบคุณสามี ผู้มีคุณ ... ที่อนุญาตให้ไป แถมขับรถไปส่งถึงที่ ... พร้อมทั้ง ยกมืออนุโมทนาบุญกับฉัน ... ลงจากรถได้ กระโดดไปขึ้นรถพี่เขา พร้อมทั้ง กล่าวคำเดิมๆ ที่พี่เขาคงเบื่อแล้วหล่ะ ... “ แหะ แหะ แหะ ขอโทษทีค่ะ หนูสาย ” ... พี่หันมาค้อนด้วยสายตาหมั่นไส้ ... ประหนึ่งว่า “ เออ!! กูรู้แล้ว ไม่ต้องบอก ” 55555 ... อิฉันก็เนียนหัวเราะไป รู้ว่า ยังไง ยังไง พี่เขาก็บ่นไปงั้นๆ แหละ ... เพราะเอ็นดูอิฉันนั่นเอง ... จะไม่ให้เอ็นดูได้อย่างไร ... วันก่อนจะเดินทาง 1 อาทิตย์ ... วันนั้น เราสองคนเข้าไปที่สถาบันฯ เพื่อไปดูว่า พี่ๆ เขามีอะไรให้ช่วยงานบ้างไหม ... ถึงแม้จะไม่ใช่เวรของเราก็ตาม ... แถมยังนัดหมายไปด้วยกันอีก ... ไปถึงก็เจอแม่เล็ก เพื่อนร่วมรุ่นสถาบันฯ ... เห็นอิฉันง่วนกับการช่วยงาน ถามด้วยเสียงใสๆ กับอิฉัน “ อ้อ ไปวังน้ำเขียวกับเขาหรือเปล่า ” ... “ เปล่าแม่!! ใครไป แล้วไปทำอะไรกัน ” ... “ เห็นว่า ต้อยเขาจะไปทำอาหารเลี้ยงผู้ปฏิบัติธรรมกัน ... ลองถามต้อยดูสิ ” ... ได้จังหวะเห็นพี่ต้อยเดินมา วันนั้นเป็นเวรพี่ต้อยทำอาหารที่สถาบันฯ พอดี ... “ พี่ต้อย ได้ข่าวว่าจะไปวังน้ำเขียวกันหรือพี่ ไปทำอะไรกัน ” ... พี่ต้อยเล่าให้ฟัง ... พี่ตุ๊กเห็นว่า พี่ต้อย ชอบออกโรงทาน ทำบุญบ่อย ... พอดี รีสอร์ทที่รู้จักกัน เขาจะจัดคอร์สปฏิบัติธรรม เลยเชื้อเชิญพี่ต้อยออกโรงทาน ทำอาหารเลี้ยงผู้ปฏิบัติธรรม ก็บอกต่อกันในกลุ่มที่สนิท ... พี่ต้อยถามฉันว่า จะไปด้วยหรือเปล่า ... รถพี่เขามีที่ว่างอีก 1 ที่ เพราะบรรทุกวัตถุดิบไปเกือบเต็มคันรถ ส่วนรถที่เหลือเต็มแล้ว ... พี่กัลยาณมิตรที่เคารพของอิฉัน ได้ยิน ... จึงหันมาถามฉัน “ อ้อ!! อยากไปหรือเปล่า ... ถ้าอ้อ อยากไป ... พี่จะเอารถไป ” ... ฉันหันไปส่งสายตาเป็นประกายทันที ... “ อยากไปพี่ แต่จะได้ไปหรือเปล่า นั่นอีกเรื่องหนึ่ง ... เพราะแม่ไม่ค่อยปล่อยให้หนูไปไหน บ่อยๆ นั่นแหละพี่ ... เอาเป็นว่า ต้องขออนุญาตก่อน ได้ไป หรือ ไม่ได้ไป ก็จะแจ้งให้ทราบนะคะ ... จะได้บอกพี่ต้อยไปว่า เราไปกันกี่คน เพื่อสำรองที่พักไว้ก่อนนะคะ ” ... พี่เขาจึงเห็นด้วย ...

    ... ฉันหาจังหวะจะขอแม่อยู่เป็นนานสองนาน อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจเสียเลย ... จนกระทั่งเกือบอาทิตย์แล้ว ... จังหวะวันนั้น ได้ไป อ่างทองอีกรอบ ... พาน้าชายไปดูหลวงพ่อโต เพื่อจะร่วมบุญทาสีองค์พระกัน ... วันนั้นเห็นแม่อารมณ์ดี จึง เลียบๆ เคียงๆ บอกเป็นนัยๆ ว่า อยากไปปฏิบัติธรรม เพราะไม่ได้ไปที่อื่นนานมากแล้ว ... ขอไป 3 วันนะ ... แม่คงไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของฉันเท่าไร ก็หันมาพยักหน้า ... ฉันได้โอกาส เลยบอกว่า “ แม่อนุญาตแล้วนะ ” ... แม่ก็เออ ออ ตามเรื่องไป ... จนกระทั่งเช้าวันที่ 1 ฉันหอบหิ้วกระเป๋าขึ้นรถ ... เดินไปบอกแม่ที่บ้าน ว่า อนุโมทนากับฉันนะ ฉันไปแล้วนะ ฝากดูสกายแป๊บเดียว สามีไปส่งแค่นี้ ก็กลับแล้ว ... แม่หันมาตาเขียวใส่ ... “ จะไปไหน ” ... ด้วยความกังวลว่าจะไม่ได้ไป เหมือนคราวก่อน ที่เสียเงินค่าเดินทางแล้วไม่ได้ไปที่กาญจนบุรี ... “ ก็แม่อนุญาตแล้วไง ไปปฏิบัติธรรม ที่วังน้ำเขียว ... แม่ให้หนูแล้วนะ ” ... เหมือนจะนึกขึ้นได้กับอาการเออ ออ ที่พยักหน้าไว้ ... “ แล้วกลับเมื่อไหร่ ” ... “ ไป 3 วันก็กลับแล้วแม่ ... ขอบคุณค่ะ ไปแล้วแม่ พี่เขารออยู่ เดี๋ยวไม่ทัน ” ... รีบจบประโยค แล้วรีบชิ่งเลย ไม่งั้น เดี๋ยวไม่ได้ไปอีก ... 55555

    ... รถคันที่เราโดยสารกันไป มี 4 ชีวิต ... น้องสาว พี่เจ้าของรถ อิฉัน และ พี่ร่วมสถาบันฯ อีกท่านหนึ่ง ... เรามุ่งห้ากันไปทางกบิณบุรี ... ตามแผนที่ ... ปรากฏว่า รถหนาแน่นมาก เราค่อยๆ ไปกัน จนกระทั่งที่หมายด้วยเวลา 11.30 น. ... พอลงจากรถได้ พี่ตุ๊ก ก็โบกมือหยอย ... ส่งน้อยจะไปชายแดน ... เอ้ย!! ไม่ใช่ ... โบกมือให้รู้ว่า ฉันรู้แล้วว่าเธอมา ... พร้อมทั้งเดินมาต้อนรับ และ บอกพวกเราว่า ... ไม่ต้องรีบนะ เอาของไปเก็บที่พักก่อน ... เพราะ “ พระอาจารย์เพิ่งมาถึงก่อนหน้าเรา 10 นาทีนี่เอง ” ... นั่นไง ... ฉันบอกพี่รัตน์ (พี่เจ้าของรถ) แล้วว่า ... อย่ากังวลเลย ... ยังไงเราก็ทันลงทะเบียน ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาเปิดลงทะเบียน 9-10 โมงเท่านั้น ... แต่เราไปถึง 11 โมงครึ่ง พี่รัตน์ก็กลัวจะลงทะเบียนไม่ทัน ... ฉันแซวขึ้นทันที เพื่อไม่ให้ใจร้อนตามอากาศที่เราได้สัมผัสอยู่ ณ เวลานั้น ... “ 5555 ประธานยังไม่มา พระอาจารย์ท่านยังสอนไม่ได้หรอก เชื่อหนูสิ ”

    ... เราลงทะเบียนกันเสร็จ ก็รีบทานมื้อเพลกัน เพราะจะเที่ยงแล้ว หลังจากนี้ เราจะทานกันไม่ได้แล้ว ... พอเสร็จเรียบร้อย พระอาจารย์ ท่านก็ให้รับศีลกันทันที ... จากนั้น เราก็เริ่มเรียนทันที เช่นเดียวกัน ... พระอาจารย์ ให้เราละวาง ในทุกสิ่งที่เราเคยปฏิบัติกันมาก่อนชั่วคราว เพื่อตั้งใจฟังท่านสอนก่อน ... หน้าปกของหนังสืออบรมเขียนว่า “ โครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐาน ... ทางพ้นทุกข์ ... โดย พระอาจารย์ ครรชิต อกิญจโน ... วันที่ 1-3 พฤษภาคม 2556 ... ณ เช เพียร่ารีสอร์ท อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ” ... ฉันนึกในใจทันที สิ่งที่ฉันเรียนรู้มา ตอบโจทย์ฉันเรื่อง “ ใจ ” ... แต่เวลาฉันนำใครไป ... พอเขาไม่พ้นทุกข์เขาเสียที ... ถามว่า ฉันทรมาณไหม ... ฉันทรมาณกว่าเขาเหล่านั้นเสียอีก ... เพราะอะไรหนอ เขาถึงไม่เห็นเหมือนฉันเห็น ... เขาไม่เป็นเหมือนฉันเป็น ... จะได้เข้าใจในสัจธรรม ซึ่ง ก็คือ ธรรมชาติของมนุษย์ ... ธรรมชาติ เท่านั้นเอง ...

    ... จากนั้นพระอาจารย์ให้เราเดินจงกรม ... โดยไม่มีคำบริกรรม ... ให้แค่รู้สึกไว้ที่อุ้งเท้า ว่าเราเหยียบอะไรอยู่ เราสัมผัสที่เท้าข้างไหน ... ฉันก็ยังไม่เห็นถึงการพ้นทุกข์ที่ว่านั่น ... แล้วจากนั้นพระอาจารย์ก็นำรูปภาพของพระพุทธเจ้าที่ได้แสดงเทศนาก่อนที่พระราชบิดาจะสวรรคต ... นั่นคือ แรงบันดาลใจของพระอาจารย์ จากนั้น ท่านจึงเล่าความเป็นมาและผลงานของท่าน ... จัดทำโครงการส่งเสริมบทบาทพระสงฆ์ โรงพยาบาลและชุมชน ... เพื่อเยียวยาจิตใจผู้ป่วยระยะประคับประครองและระยะสุดท้ายตามแนวทางวิถีพุทธ ร่วมกับเครือข่ายพุทธิกา และ สสส. ... อบรมสร้างทีม End of Life ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ... ฉันก็ยังไม่เห็นถึงการพ้นทุกข์ ... ท่านนำ Clip ที่แม่ชีศันสนีย์ได้ประครองจิตของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ที่ชื่อ “ บัว ” ... จากสภาพที่ไม่สามารถลุกขึ้นได้เลย จนกระทั่ง ลุกขึ้นมานั่งคุยได้ ... ให้เห็นเรื่องของกายและจิต ที่แยกออกจากกันได้ ... ฉันก็ยังไม่เห็นถึงความพ้นทุกข์แต่อย่างใด ... จนกระทั่ง ... ทำวัตรเย็น และ ฟังธรรมเทศนาอีกครั้ง ... จึงพากันเข้านอน ....
     
  20. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีวันอังคารที่ 14 พ.ค. 2556 เขียน ณ บ้านหมอใจ facebook

    ... เมื่อวานตั้งใจว่าจะมาเล่าเรื่องต่อในฟัง ... ตกบ่าย ... ชายหนุ่ม(น้อย)ที่บ้าน เกิดอาการอยากตัวเปียก ... รบเร้า ... “ แม่อ้อ ๆ วันนี้ แม่อ้อลงน้ำกับกายได้มั๊ยอ่ะ ... กายไม่เคยเล่นน้ำกับแม่เลย ” ... “ ขอคิดดูก่อน ” ... “ ไปวันนี้นะแม่ เดี๋ยวกายก็เปิดเทอมแล้ว ไม่ได้ไป นะ นะ แม่ ” ... “ แต่แม่ไม่ลงได้หรือเปล่า ... กลัวเป็นปลาพะยูนลงน้ำ ” ... “ ไม่เป็นไรหรอก ... แม่อ้ออ้วน ... ก็น่าร๊ากกกก ” ... “ o_O!!! ” ... ความอยากไปของคน ... ทำได้ทู๊กกกอย่าง ... จะให้หอมแก้มสักร้อยฟอด สกายก็ไม่หวั่น ... ยิ่งให้เต้น กังนัม ยิ่งถูกใจ ... เฮ้อ!! ... สุดท้ายก็ต้องไป ... ไปดำผุดดำว่าย กันที่ The Lagoon : The Mall บางแค ... เห็นคนแล้ว อยากเป็นลม ... นึกในใจ ... เขานัดกันมาหรือไง ... ถึงได้ล้นหลามขนาดนั้น ... คนที่มีความสุขที่สุด คือ สกาย ... ไม่สนใจหล่ะ เด็กเยอะเป็นพอ ผู้ใหญ่ไม่ลง ไม่เล่น ก็ไม่ว่ากัน ... ความสุขของลูก ...

    ... เช เพียร่า รีสอร์ท กับ การปฏิบัติธรรมการเคลื่อนไหว 14 จังหวะ แนวทาง หลวงพ่อคำเขียน #2 ...

    ... คืนแรกของการพักที่รีสอร์ท ... ฉันนอนไม่หลับ ... อากาศก็ไม่ร้อน ... ไม่ได้นอนห้องแอร์เหมือนคนอื่นเขา ... แต่อากาศก็เย็นสบายดี ... พลิกไป พลิกมา ทำยังไงก็ไม่หลับ ... พอจะเคลิ้มหน่อย ... ไม่รู้ Dog and The Gang ที่ไหน มาเห่ากันสนุกสนานเลย ... เห่าทั้งคืน ... ปรากฏว่า ... อิฉัน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ... ตีสี่ พี่เขาส่งสัญญาณให้พวกเราเตรียมตัว เพื่อทำวัตรเช้ากันตอนตีห้า ... อิฉาน ลุกขึ้นมานั่งตาเป็นนกฮูก ... พี่ๆ เห็น มีแซว ... “ แหม!! อ้อ ตื่นก่อนเพื่อนเลย ” ... “ เปล่าเลยพี่ หนูยังไม่ได้นอนเลย ... ไม่รู้น้องหมาที่นี่ เขาเห่าต้อนรับหนูหรือเปล่า ... ออกจะสนุกสนาน เห่ากันทั้งคืนเลย ” ... พี่ต้อยเดินออกมาสมทบ ... “ อืม!! พี่ก็ได้ยินเหมือนอ้อนั่นแหละ ... แต่เมื่อคืนที่พี่มา ... ไม่มีเห่าแบบนี้เลยนะ เงียบกริบเลย ” ... “ สงสัย คงต้อนรับหนูแหละพี่ ” ... อิฉันพูดไป ก็พากันขำไป ...

    ... เมื่อทำธุระกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็พากันมายังที่ปฏิบัติธรรมกันก่อนตีห้าซะอีก ... เพราะตื่นเต้นว่า วันนี้พระอาจารย์จะสอนอะไร ในสิ่งที่เราไม่รู้กันอีก ... คนอื่นตื่นเต้นหรือเปล่า? ... ไม่รู้ ... แต่ฉันรู้ ... ว่าฉันตื่นเต้น มากกกกกก ... เราทำวัตรเช้ากันเสร็จ ... พระอาจารย์ ก็เริ่มสอน เริ่มเล่า เริ่มเทศน์ ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเรา ... ในสิ่งที่เป็นรายละเอียดปีกย่อย เล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเรามองข้ามกันไป ... และหลงลืมไปว่า ... เราเอาใจเราไปจับอยู่กับสิ่งที่อยู่ภายนอกใจ หรือ นอกตัวเรา ... วันละเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง ... จากนั้น ท่านก็ให้เราลงมาเดินจงกรมกัน ... แถวถูกแบ่งออกเป็นสองแถว ... พระอาจารย์ลงมา ... ก็ถามทันที ... “ จะเดินเท้าเปล่ากันหรือ ? ” ... อิฉันตอบด้วยเสียงหนักแน่น ... “ ค่ะ พระอาจารย์ ” ... พระอาจารย์ชำเลืองตามาลงที่พื้น ที่เป็นหินกรวด ... แล้วถามที่ครั้ง ... “ ถามอีกทีเพื่อความแน่ใจนะ ” ... อิฉันก็ตอบด้วยความหนักแน่นอีกเช่นกัน “ ค่ะ พระอาจารย์ เพราะอยู่ที่โน่น โอกาสในการเดินเท้าเปล่า ไม่ใช่หาง่ายๆ ... ในเมื่อเราจะต้องเดินด้วยสัมผัสที่รู้ตื่น กับสิ่งที่อยู่ใต้อุ้งเท้า ... ใส่รองเท้า ... ก็จะสัมผัสไม่ได้อะไรมาก ... คนอื่นหนูไม่แน่ใจว่า ... จะอย่างไร ... แต่หนูขอเดินเท้าเปล่าแล้วกันค่ะ ” ... พระอาจารย์พูดต่อ ... “ ได้ เดี๋ยวจัดให้ ” ... อิฉันก็ตอบกลับไป “ ได้ค่ะพระอาจารย์ จัดเต็มค่ะ ” ... ปรากฏว่า ท่านพาเราเดินบนกรวด จนหมด ระยะทางของกรวด ... และต่อกันที่พื้นหญ้า ... สะพาน ... เป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง ... ฉันเห็นบางคน ต้องขอตัวออกกลางทาง เพื่อไปหารองเท้าใส่ ... บางคนก็ร้อย “ อุ๊ยส์ ... โอ๊ย ... ซี้ด ” ... กันเป็นเนืองๆ ... ฉันเดินกระย่องกระแย่ง อยู่ได้แป๊บเดียว ... ก็เริ่มภาวนา ตามแนวทางของฉัน ... ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บกับก้อนกรวดเหล่านั้นเลย กลับรู้สึกดีซะด้วยซ้ำไป ... เดินจนจะครบเวลา ... ดั๊น มาเจอมดกัด ... นึกขำตัวเอง ... เออ!!! เอากับเขาสิ ... เมื่อเดินเรียบร้อยแล้ว ... ก็ถึงเวลาหม่ำข้าวกันแล้ว ... พอหม่ำข้าวเสร็จ เราจะมีเวลาให้อาหารย่อยเพียงครึ่งชั่วโมง ... เพราะ 9 โมง เราต้องเริ่มเรียนต่อกันแล้ว ... พระอาจารย์สอนและบอกถึงที่มาของการเคลื่อนไหว 14 จังหวะ ... ให้เราเรียนรู้ด้วยตัวเองก่อน ... จนครบเวลาปฏิบัติ ... จึงได้เฉลยถึงสภาวะที่เกิดขึ้น ... ท่านสอนเรื่อง “ กาย ” กับ “ จิต ” ... ซึ่งชีวิตเรามีเพียงเท่านั้น ... ไอ้ที่ว่าทุกข์นั่นนะ ท่านถามว่า “ ให้เราถามตัวเราเองจริงๆ ... ว่า ... กายทุกข์ หรือ จิตทุกข์ ... กายทุกข์ นั่นคือ เวทนา ... เกิดขึ้น เดี๋ยวมันก็หาย ... แต่ถ้าจิตทุกข์ ... บางครั้ง มันไม่หาย เพราะมันเกิดการปรุงแต่งซ้อนเข้าไปอีก ... ฉันก็ตื่นเต้นเลย ... เพราะได้เรียนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ... ไปพร้อมๆ กัน ... พระอาจารย์เล่าถึง ... วาระสุดท้ายของลมหายใจ ... ท่านนำภาพของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงธรรมให้กับพระบิดา จนกระทั่งวาระสุดท้าย ... และพูดเรื่องคลิปของน้องบัว กับแม่ชีสันศนีย์ประกอบกัน ... ว่าจริงๆ แล้ว ... พวกเราได้ฝึกฝนจิตมา ... เราต้องทำให้จิตรู้ตื่น และเข้าใจให้ได้ว่า จิต กับ กาย แยกจากกันโดยสิ้นเชิง ... เมื่อถึงคราที่จะต้องดับ ก็จงดับ ด้วยความรู้ตื่น ... การหาวิหารธรรม(ที่ตั้งของจิต) ให้จิตนั้น ... ช่วยในหลายๆ เรื่อง เพื่อให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ปรุงแต่ง ไม่แส่ส่าย เวทนาทางกาย ก็จะทุเลาเบางบาง นั่นเพราะจิตไม่ได้ไปจับอยู่ ... เวทนาเกิด ก็ให้เกิดไป กฏของพระไตรลักษณ์ ก็ทำหน้าที่ไป ... ให้มองดู ด้วยใจที่ไม่ยึดติดกับอาการเวทนานั้น ... เราเรียนกันจนถึงเวลา 11.00 น. ... ก็ถึงเวลาหม่ำข้าวกันแล้ว ... เที่ยงกว่าๆ เราก็เริ่มเรียนกันอีกครั้ง ... คราวนี้ ... ฉันเห็นถึงความพ้นทุกข์ในชั่วขณะนั้น หรือ ปัจจุบันนั้น แล้ว ... เพราะพระอาจารย์ให้เราทำและเห็นด้วยตัวเราเอง ... ทีนี้ฉันเริ่มเข้าใจมากขึ้น ... เพราะสิ่งที่พระอาจารย์สอน เป็นสิ่งเดียวกับที่พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์สอนพวกเรา และ “พ่อ” สอนเช่นกัน ... สามารถใช้ร่วมกันได้เป็นอย่างดี ... ณ เวลานั้น พวกเราถึงบ้างอ้อ กัน ... มีแต่รอยยิ้ม มีแต่ความเบิกบาน ... ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ... เพราะรู้แล้วว่า ... ความทุกข์ ที่เกิดขึ้นกับเรา ... มันก็คือ “ ใจ ” เรานั่นแหละ ... ที่ไปดูด ไปกัก ไปเก็บ ความทุกข์เข้ามาเอง ... แล้วก็ปรุงแต่งมันไปเรื่อย ต่อกิ่งก้านสาขามันออกไป ไม่รู้จบ ด้วยใจของเราเอง ... นี่แหละหนอ ที่พระท่านว่า ... สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ที่ใจ ...

    ... พระอาจารย์ยกตัวอย่างหนึ่งให้เราฟัง ... เย็นวันศุกร์ ... หญิงสาวนั่งรถเมล์ ผ่านร้านอาหารแห่งหนึ่ง ... หญิงสาวครุ่นคิด ... “ ร้านนี้ ทุกเย็นวันศุกร์ เรามักจะมาทานอาหารกันที่นี่ ... ภาพแห่งความสุขเกิดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มของหญิงสาว ... เพียงชั่วครู่ภาพนั้นก็เปลี่ยนเป็น ... ภาพของหญิงคนอื่นนั่งแทนที่ตนเอง ... และก็ฉุกคิดขึ้นมา ... นี่ถ้าไม่เกิดเรื่องวันนั้น ... หญิงสาวคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างเขา ... ก็ยังคงเป็นเรา ... ถ้าเขาไม่เป็นคนแบบนั้น ... เราก็จะยังคบกันอยู่ ... ( ซึ่งในขณะนั้น รถเมล์คันนั้น ได้ผ่านร้านอาหารร้านนั้น ออกมาเป็นระยทาง 5 กิโลเมตรแล้ว ) ... เย็นวันศุกร์แบบนี้ เราก็ยังคงได้นั่งทานอาหารเหมือนเดิม และมีความสุขด้วยกันอีก ... พระอาจารย์ถามว่าเห็นอะไรไหม ... ร้านอาหารร้านนั้น ชุดเก้าอี้ที่อยู่มุมนั้น ... มันว่างเปล่า ... แต่หญิงสาวทำอะไร ... คิดใช่ไหม ... สร้างเรื่องราวให้มันเกิดขึ้น ด้วยใจของตนเอง ... แล้วคิดต่อไปเรื่อยๆ ไม่จบ ... ทั้งๆ ที่ รถผ่านร้านนั้นมา 5 กิโลเมตรแล้ว แต่ใจของหญิงสาว ยังคงอยู่ที่ร้านนั้นเลย ... ทีนี้ เข้าใจหรือยัง ... พวกเราส่งเสียง “ อืม ” ใช่ ... เรานั่นแหละ คิดสร้างเรื่องกันไปเอง ... เห็นไหมคะ อ่านตามและคิดตามนะคะ คุณๆ ก็จะได้คำตอบเหมือนที่อิฉันได้เช่นกัน ...

    ... เราดื่มน้ำปานะกันตอน 4 โมง ... กลับมาเคลียร์ตัวเองกัน 6 โมงได้เวลาทำวัตรเย็น ... เกือบ 1 ทุ่ม พระอาจารย์เริ่มสอนต่อ ... นำพวกเราปฏิบัติ และ แสดงเทศนาธรรม จนกระทั่ง 4 ทุ่ม จึงปล่อยพวกเรา ได้ไปพักผ่อน ... หมดไปอีก 1 วัน ... เห็นไหมพระอาจารย์ตั้งใจสอนพวกเรามากมาย ... พวกเราก็ตั้งใจเรียนกันสุดฤทธิ์เช่นกัน ... คืนนี้ ส่งกระแสจิตไปบอกเพื่อนน้องหมาทั้งหลาย ... “ คืนนี้ ไม่ต้องต้อนรับหรอกนะ ขอบใจ ยังไงก็ขอได้พักผ่อนบ้างนะ ไม่ต้องส่งเสียงกันหรอก ” ... ได้ผลแฮะ ... คืนนี้ เสียงเงียบกริบ ... นึกในใจ “ เอะ!!! หรือชาติที่แล้ว เราเป็นหมานะ ถึงได้คุยกันรู้เรื่อง 555555 ... ไม่เป็นไร เป็นหมาก็ยังดี เพราะหมามันมีความซื่อสัตย์ จงรัก ภักดี รักและเทิดทูนนายของมัน ... ยังดีกว่า ได้เกิดเป็นคน “ ใจสัตว์เดรัจฉาน ” ... เป็นไหนๆ ”

    สาธุธรรมค่ะ
    ^ ^

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...