ว่ากันด้วยเรื่องร่างทรง

พอดีอ่านมาหลายๆ บอร์ดพอเข้าใจแล้วว่า วิญญาณที่เข้าร่างมนุษย์มีทั้งที่เ็ป็นเทวดาและผี

แต่ที่สงสัยคือในส่วนที่เป็นผี การที่มาเข้าร่างมนุษย์แล้วหลอกว่าตัวเองเป็นเทพ อย่างนี้ถือเป็นบาปหรือเปล่า? และผีเองก็น่าจะรู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่าผลของบาปมีจริง แต่ทำไมถึงยังทำอยู่บาปกรรมเพิ่มอีก

แล้วอีกอย่างคนที่จะรับองค์เข้าตัวเอง วิญญาณที่มากมายจะรู้ได้ยังไงว่าใครจะต้องเป็นคนถูกเรียกให้เข้าร่างหรือว่าวิญญาณต้องแย่งกันเอาเอง

ขอบคุณครับ

 

เป็นการแอบอ้างชื่อ เทพองค์ต่าง ๆ เพื่อมาสร้างบารมี เช่นอ้างเป็น พระแม่อุมา เจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่กาลี พระศิวะ ฤาษีตาไฟ หลวงปู่ทวด สมเด็จโต พระพรหม พระยายม และอื่น ๆ สารพัด

วิญญาณหล่านี้ บางดวง ก็เป็นลูกศิษย์ บริวาร ขององค์เทพต่าง ๆ มาสร้างบารมี จะบาปไหม ที่วิญญาณเหล่านี้มาแอบอ้างเป็นองค์เทพ เป็นเรื่องของโลกวิญญาณ ว่าจะเอาเรื่องหรือไม่ บางครั้งองค์เทพ ท่านสงสาร ไม่เอาเรื่องเอาราว ก็เหมือนกับคนที่ไม่มีจะกิน ก็ให้ทานกันไป ไม่ทำความเสียหายให้ องค์เทพท่านก็เลยเฉย ๆ

ก็เหมือนคนที่มีบารมีมาก ๆ ก็ย่อมที่จะมีคนมาอ้างชื่อสวมรอย เป็นลูกน้องคนสนิท เป็นมือขวา เป็นเด็กในคอนโทรล เป็นคนขับรถ เรื่อยเปื่อยไป เป็นผู้หญิงบางคนอ้างเป็นเมียน้อยก็มี ท่านไม่ถือก็ไม่เป็นไร แต่ทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสีย และถ้าท่านไม่พอใจทำเรื่องเสียหาย ก็สั่งให้ ตำรวจ ทหาร หิ้วตัวจับตัวไปสั่งสอน หรือติดคุก (นี่ก็คิอผลของบาป)


ส่วนเรื่องจะเอาใคร มาเป็นเร่าง แล้วแต่วิญญาณหรือองค์เทพท่านจะเลือก
ท่านชอบคนไหน ท่านก็เอาคนนนั้น ร่างทรงบางคน มีองค์เทพหลายองค์ท่านชอบพอใจ ก็ตกลงกันเอง ผลัดกันลง ใครจะลงทรงวันไำหน เวลาไหน บางคนทรงตั้งหลายองค์ เหมือนตัวอย่างข้างล่างนี้

วันจันทร์ ทรงเจ้าแม่กวนอิม
วันอังคาร ทรงพระพิฆเนศร์
วันพุทธ ทรงพระแม่อุมา
วันพฤหับสดี ทรงสมเด็จโต
วันศุกร์ ทรงกรมหลวงชุมพร
วันเสาร์ ทรงหลวงปู่ทวด
วันอาทิตย์ ทรงพระฤาษี


แล้วแต่จะแบ่งวันเวลากันไป

 

บาปค่ะ วิญญาณที่แอบอ้างเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้องได้รับกรรม ถูกลงโทษ
แต่ที่ทำไปเพราะ โลภ อยากได้บารมีแบบง่าย ๆ อยากได้ร่าง แต่ไม่ว่าจะขโมยบารมีเขานานแค่ไหน ก็จะไม่มีทางบรรลุธรรมได้ เพราะไม่ได้มาจากพรหมวิหาร 4

ยิ่งบำเพ็ญมานาน ก็ฤทธิ์เยอะ แปลงได้สารพัดร่างให้เจ้าตัวเข้าใจผิด (ถ้าสังเกตุ ก็จะชอบแสดงอะไรเยอะๆ ให้เจ้าตัว/คนรอบข้าง เชื่อเข้าไว้ก่อน )

(ขอโทษไปกดไม่เห็นด้วยค่ะ) เลยขอตอบแทนคำขอโทษค่ะ

 

ดิฉันเองไม่ได้เชื่อแต่ไม่เคยลบหลู่พวกคนทรงหรอกนะคะ แต่ก็หลายครั้งเหลือเกินที่เจอพวกของปลอม ล่าสุดนี้เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีคนรู้จักชวนดิฉันไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งบอกว่าสามารถรักษาโรคต่างๆได้ ปรากฎว่าพอไปถึงกลายเป็นบ้านที่ทำเป็นสำนักทรง แล้วดิฉันเจอร่างทรงทักว่าดิฉันไปทำแท้งมา ซึ่งเป็นการเดาที่มั่วที่สุด ตอนแรกดิฉันก็โมโห แต่ตอนนี้คิดว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ได้ไปหลงเชื่อ และรู้สึกสงสารพวกลูกศิษที่หลงเชื่อเพราะคงต้องเสียเงินเสียทองให้กับพวกคนทรงหลอกลวงพวกนี้อีกเยอะ 

 

ใช่หมู่บ้าน แถวบางกะปิ หรือเปล่า ที่ทำพิธีตัดกรรม ทำแท้ง

 

ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ มีสาระมากๆ

 

เรื่องร่างทรงนั้นก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันนะคะที่จะเชื่อกันได้ แต่ที่เคยเจอกับตัวเองหรือศึกษาข้อมูลมาได้ยินว่า เทวดาที่แท้จริงนั้นท่านไม่เรียกร้องทรัพย์สินเงิินทองมากมาย หากที่ใดเรียกทรัพย์มากเกินกว่าเหตุส่วนใหญ่เทวดาท่านไม่ชอบ ท่านก็ไม่ลงมา หรือแม้กระทั่งบ่อยครั้งที่เป็นร่างทรงแอบอ้าง คล้ายโดนพญามารครอบงำก็มีเยอะเหมือนกัน ตอนนี้คงต้องบอกว่าใช้วิจารณญาณในการรับชมเลยแหล่ะค่ะ ส่วนตัวเองนั้นกว่าจะเชื่อที่ใดๆ สักครั้งได้ก็เล่นเอานานโขเลย แต่ส่ิงนึงที่อยากถามผู้รู้แลกเปลี่ยนความเห็นคือ เรื่องการธำรงพระพุทธศาสนาหลังปี 2500 เกี่ยวข้องกับร่างทรงองค์เทพอย่างไรบ้าง? ใครมีข้อมูลมาแชร์กันหน่อยค่ะ

 

ร่างทรง ตำหนักทรงทั้งหลาย 99% ของเก๊ ครับ

ทางที่ดีแนะนำให้อย่าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้
เพราะหาดีน้อยมากที่จะเจอเทพลงมาบำเพ็ญบารมีในโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือผู้คน

รู้อย่้างนี้แล้วอย่าไปเสียเวลา เสียเงิน เผลอๆเสียตัวกับร่างทรงอีกเลย ครับ

 

ที่ไปนี่อยู่แถวบางใหญ่ค่ะ ทรงพ่อปู่พญานาคค่ะ
ได้ยินแว่วๆว่าเค้ามาตามหาธิดาพญานาคจนเจอครบหมดแล้ว คนที่ถูกทักว่าเป็นธิดาก็เชื่อกันเข้าไป ไอ้เราก็ได้แต่นั่งฟัง แล้วคิดในใจว่า "เฮ้อออ ฉันมาทำอะไรที่นี่วะ"

 

ยุคหลังปี 2500 เป็นยุคของสังขาร ค่ะ
หาในเนตเนี่ยละค่ะมีอธิบายอยู่
ทรงมี 2 แบบคือ ทรงเต็มตัว กับทรงแฝง ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์บารมีสูงมากๆ จะทรงแฝง

ขอจริงหรือปลอม อย่างที่เขียนนะค่ะต้องใช้วิจารณาญจริงๆ อย่างเรา กว่าจะเชื่อ เจ้าพ่อเฮ่งเจีย สวนผัก (ทรงเต็มตัว) ว่าเป็น ของจริง ปาไป 20 กว่าปี กะว่าจะไปไหว้ขอบคุณท่าน ท่านก็เสียแล้วค่ะ ตอนนี้ยังหาคนทรงต่อไม่ได้ (เท่าที่ฟังมานะคะ)

 

เคยเจอเหมือนกันครับ เป็นหมอดูที่บอกว่าตัวเองมีองค์ เวลาผมเดินผ่านจะรู้สึกอยากเข้าไปคุยอยากเข้าไปดูดวงด้วย ตลอดเลย พอเข้าไปเขาก็ทักว่าเรามีเทพองค์นั้นองค์นี้คุ้มครอง อยากให้เรารับขันธ์ บอกว่าอนาคตเราจะต้องรับอยู่แล้ว ถ้าไม่รับจะมีอันเป็นไป กินเจ เพื่อเสริมสร้างบารมี ผมเลยถามเขาไปว่าทำไมผมเดินผ่านแล้วเหมือนมีสิ่งที่ทำให้ผมอยากเข้ามาหา เขาตอบว่ามีกุมารทองดลบันดาลให้ผมเข้ามาหาตลอดๆ
.........พอครั้งต่อมาผมเลยขอบารมีพระรัตนตรัย หลวงพ่อที่ผมเคารพนับถือ ว่าสิ่งเหล่านี้การรับขันธ์ , การดูดวง ไม่ไช่ทางแห่งการพ้นทุกข์ ขอบารมีพระรัตนตรัยขออย่าให้ผมเดินเข้าไปตรงนั้นอีก..... ตั้งแต่นั้นมาเวลาผมเดินผ่านก็ไม่รู้สึกอะไรครับและไม่เคยเข้าไปหาอีกเลย บางทีเขาก็มอง แต่ผมไม่สน เดินเฉ้ย 5555

 

ทำให้คนหลง งมงาย ห่างไกลพระพุทธศาสนา
วนเวียนอยู่แต่กับความทุกข์ หาทางออกที่แท้จริงไม่เจอ

 

อยากรู้ ก็ ต้องปฏิบัติธรรม ตามคำหลวงปู่หลวงพ่อฤาษีสอน

ปฏิบัติธรรม ตามคำสอนที่หลวงปู่หลวงพ่อฤาษี ท่านสอน ด้านมโนมยิทธิ หรือ ด้านที่สามารถรู้เห็นได้ ไปตรวจสอบเอาครับ แจ่มแน่ เวลา มองไปในร่างคนทรง หรือ จะรู้ได้ว่า องค์เทพท่านไหนมา รู้แล้วก้อวางเฉย เรื่องของเขา ถ้าว่างบางทีเทพองค์ไหน จะมา เราจะรู้เอง ถึงอย่างไรก็ต้องพิจารณาไตร่ตรองตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นหลัก เที่ยบเคียง จริงเท็จหรือสิ่งควรทำ ไม่ว่าคนเป็นสื่อสะพานให้เทพ หรือคนเราทั่วไป ท้ายสุดก็ต้องปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้า ที่สั่งสอนต่อๆๆกันมา ผู้รู้แจ้งแล้ว นั่นเอง มันถึงจะพ้นทุกข์ แม้นจะทรงอะไรแค่ไหน เทพจะสูงแค่ไหน นั่นก็เรื่องของท่าน บารมีของท่าน ดวงจิตคนละดวง ดวงจิตของเราก็เป็นของเรา ยังไงก็ต้องลงมือกระทำที่จิตตนเอง ปฏิบัติที่จิตตนเอง ให้พ้นตามแนวทางหลักปฏบัติที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน อยู่ดี ไม่มี ใครเนรมิต การหลุดพ้นทุกข์ หลุดพ้นเข้านิพพานให้ใครได้ จิตเป็นเรื่องของเราที่ต้องกระทำด้วยตนเอง กรรมก็เป็นเรื่องของเราที่จะต้องกระทำต่อกรรมของเราเอง คนอื่น หมื่นแสน คือพี่เลี้ยงและผู้ให้กำลังใจ และคำแนะนำ ให้เราก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จนั้นๆ นั่นเอง ไม่อาจจะมาก้าวขาแทนเราได้ จงจำไว้ว่า ตนคือที่พึ่งแห่งตน.... สิ่งดีสิ่งไม่ดี สิ่งจริงหรือเท็จ ล้วนเป็นครูสอนหรือสิ่งที่ เป็นเหตุปัจจัยของการบรรลุธรรมหรือ เปิดปัญญาพ้นทุกข์พ้นกรรม ได้ทั้งหมด เส้นทางการทรงเจ้า นั่นก้อเป็นละครบทนึงที่คนมีกรรมด้านนี้จะเดินมาเล่นบทบาทกัน จริงหรือไม่จริงก็ต้องเล่นไปตามบท เวลาหมดก็จบกันไป แต่ การหลุดพ้น เป็นเรื่องๆๆของเราเองที่ต้องทำเองใครก็ทำแทนเราไม่ได้ จะพ้นหรือไม่พ้นจากทุกข์ก้อยู่ที่ตัวเรา เองทั้งหมด .....เทพมีจริง มาร พรหมมีจิง แต่ จงใช้ปัญญาเข้าให้ถึงเหตุแห่งภพภูมิ แล้วจะเข้าใจและวางอุเบกขาได้เอง ศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนก็ไม่มีใครเกินกรรม จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คือเดินทางสายกลาง ใช้คำสอนพระพุทธเจ้ามาเทียบเคียง ผลที่จะก่อประโยชน์ต่อตนเองต่อบารมีตนเองดีกว่า ตราบไดที่ เข้าไม่ถึงกิเลสตนเองย่อม จะดิ้นรนหา สิ่งมาตอบสนองตนเองไปเรื่อยๆๆ ถูกใจก้อยอมรับ ไม่ถูกใจกิเลสตนก็ ถอยห่าง นั่นคือ สรรพสัตว์ จึงเป็นเหตุให้ เหล่า ผู้หวังประโยชน์ด้วย ได้ช่องทำมาหากินและทำมาหากุศลปนแปกันไปตามแต่จะได้ช่องและโอกาสนั้นๆๆมามากน้อย นั่นเอง เราเข้าใจและปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ก็ยืนตนทำไปเรื่อยๆๆก็ยังอยู่ได้ตลอดไป ในเส้นทางแห่งบารมี ยกเว้น หากแต่ไม่ทำอะไรเลย อยากได้ทางลัด นั่นย่อม จะ เข้าไปเส้นทาง จริงเท็จวงการเหล่านั้นนั่นล่ะ จงฉลาดที่จะเลือกใช้ประโยชน์จากเทพ พรหมให้เป็น เพื่อต่อสร้างบารมีทั้งเขาและเรา อยากถูกหลักถุกต้อง ก็จะ ดี ไม่ไร้สาระ ไม่งมงาย ไม่เปิดช่องให้ใคร ดีกว่า เว้นแต่ผู้มีปัญญาตื้นเขิล จะเป็นเหยื่อผู้มีปัญญาลึกล้ำ ที่ไม่เที่ยงตรง นั้นเอง เสมอๆๆ

 

กรรมใครกรรมมัน ก็รู้กันอยู่แล้ว เทพที่ไหนก็ช่วยไม่ได้หลอก เทพท่านอยู่ที่สูง คงไม่มาเข้าร่างคนที่มีแต่ขี้กันง่ายๆหลอกครับ ทั้งชีวิตเห็นมากเยอะครับ ส่วนใหญ่เป็นผีเรล่อนคอยที่จะเข้าร่างคนที่อ่อนแอและเรียกร้องหาสิ่งเหนือธรรมชาติ เมื่อเข้าร่างได้แล้วคนก็ทึกทักเอาว่าเป็นเทพองค์นั้นองค์นี้ ผีก็เล่นด้วยซิ กินของฟรีนี้ ไอ้ผีตัวอื่นพอมันเห็นว่าไอ้ตัวที่แล้วเป็นเทพได้กูก็เป็นได้นี่ เป็นอะไรก็เรื่องของมันแล้วละ คราวนี้สารพัดเทพเลยอยู่ในคนๆเดียวกัน ถ้าถามว่าแล้วผีมันไม่รู้หรือว่านี้เป็นปาป คำตอบของผม ขอยํ้าว่าของผมก็คือ มันไม่รู้หรอกครับ เพราะถ้ามันรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วมันคงไม่ต้องมาเป็นผีเร่ร่อนแบบนี้หรอกครับ เหมือนคนที่ทำความชั่วได้อย่างหน้าตาเฉยและรู้สึกว่าสิ่งที่มันทำลงไปนั้นไม่ผิดในเหตุผลของมัน. ดูแลกรรมของท่านให้ดีครับ

 

เคยเห็นร่างทรงเก๊ตอนไปร่มพิธีบูชาสัตนาคาที่นครพนมค่ะ ที่รู้เพราะว่าตอนป้าแกประทับทรงแกเริ่มพูดจาภาษาแปลกๆเหมือนเด็กพูดภาษาอังกฤษมั่วๆ แถวบ้านเด็กก็พูดประมาณนี้ทั้งนั้น พอกลับที่พักเลยคุยกะเพื่อนว่าสงสัยป้าคนนั้นนี่ของปลอม แกคงเมาควันธูปเลยพูดร่ายบ้าแน่ๆ โดยส่วนตัวไม่สนใจการทรงเจ้าเท่าไหร่ค่ะ พระธรรมคำสอนและพระรัตนตรัยคือสิ่งที่สูงสุดกว่าอะไรแล้วค่ะ พวกผีหรืออะไรก็ตามตัวเองยังเอาตัวไม่รอดรอให้ใครหาเครื่องเซ่นให้จะมีปัญญามาช่วยคนอื่นหรอคะ ไม่ได้เจตนาลบหลู่ใครนะคะ

 

ก็อย่างที่รู้กันมาว่า ก็เป็นผีที่พอมีฤทธิ์หรือเทวดาที่ไม่สูงมากที่จะสร้างบารมี แต่ส่วนมากเป็นผี ผมไปมาก็หลายที่ ผมไม่เคยกราบไม่เคยไหว้ ก็ผีเกือบทั้งนั้น อีกอย่างพระเต็มคอ จะไหว้ผีกราบผีได้อย่างไร (ที่ไปเพราะพาแฟนไป ) ผมจะหาช่วงคนเยอะๆ นั่นแหล่ะเข้าไปหา เอาเงินใส่พานแล้วก็นั่งลง ว่ามาผมมีอะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงบ้าง ท่านว่ามาเลย บอกได้เลยครับว่าผิดหมด เพราะผมไม่ได้พูดอะไรให้เขาจับจุดได้ว่าเรามีเรื่องอะไรในใจ บางคนคลานเข้าไปนั่งพนมมือ หมอบคุยกะเขาเสียด้วยซ้ำ (หมั่นใส้) จากนั้นก็เล่าชีวะประวัติตัวเองพร้อมตัวครอบครัว ลูกเต้า ให้เขาฟัง แค่เนี๊ยะผมก็พอที่จะเดาได้ว่า ร่างทรงเขาจะพูดอะไรต่อไป ฮ่าาาๆ ล่าสุดร่างทรงที่อำเภอแห่งหนึ่งที่อิสาน เมื่อต้นเดือนนี่แหล่ะ เขาถามผม ผมก็ตอบตรงๆ แต่ผมถามเขา เขาก็ตอบแบบแทงกั๊ก พูดวกไปวนมา ผมก็เลยพูดต่อหน้าเขา ลูกศิษย์ พร้อมด้วยผู้คนที่มาหาเขาในวันนั้น ว่า มั่ว ลวงโลก เงินนั้นผมให้ เขาก็ไม่พอใจทำท่าโกรธ มือชี้หน้า ด่า แล้วผมก็ยิ้มให้แล้วพูดว่า เทพท่านมีสติ ท่านไม่โกรธ ท่านไม่ใช้วาจาท่าทางที่หยาบคายหรอกครับ แล้วก็ชวนแฟนกลับบ้าน ตลอดทาง แฟนผมบ่น.ช.หาย. ฮ่าๆๆๆๆ

 

ผี คงรู้ค่ะ เพราะ ผีเองก็มีทั้งดี และไม่ดี พอจะมีบุญ และไม่มีบุญเลย

แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่ปฎิเสธ ไม่ได้ว่า บุญมีจริง เละบาปมีจริง

ถึงทำไปแล้วได้บาป แต่ก็ได้บุญเช่นกัน อาจจะคิดไตร่ตรองแล้ว ว่ามันคุ้มกับการเสี่ยง

ผีบางตน มีปัญญาอาจช่วยหาทางแก้ไขได้ นับว่าโชคดีไป ^__^

 

ของดี ของจริงมีน้อย ส่วนใหญ่อสูรกายทั้งนั้น ท่านใดชอบไปหาร่างทรงโปรดใช้วิจารณญาณในการเชื่อด้วย ไม่เช่นนั้นอาจเสียใจภายหลังได้(ไม่ใช่ห้ามให้เชื่อแต่ก่อนเชื่อต้องคิดให้มากๆไว้)