ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

ถ้าเคยอ่านในกระทู้ผมก็จะพอทราบบ้างครับว่า มีของขลีงชนิดใดไว้ป้องกันอะไรได้บ้าง..
แต่โดยสรุปภาพรวม..คือ ของขลังนั้นเป็นเพียงวัตถุมงคล ที่มีพลังเป้นของกลาง..หากเราไม่เข้าถึงหลักการ/วิธีการใช้ ก้อาจจะไม่ได้ผลมากนัก และอีกอย่าง คนจะโดนคุณไสยฯ ได้ มันต้องมี เหตุปัจจัย หรือ สิ่งบอกเหตุ มาก่อน อยู่ๆจะโดนนั้นคงไม่ใช่ เช่น มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน แย่งที่ทำกิน ที่ดิน หรือเรื่องทางโรงทางศาล..
ถ้าเราจะรู้วิธีป้องกัน หรือจะรับรู้เรื่องนี้ไว้บ้าง ก้ไม่เสียหายครับ..มันเป็นเรื่องของความรู้ ไม่ใช่ ความงมงายแต่อย่างใด คือ รู้ไว้ เข้าใจไว้ ..พิจารณาด้วยหลัก เหตุผล..ถ้ามันไม่มีเหตุผล เราก็ทิ้งมันไป ไม่ต้องมาใส่ใจ เช่นว่า บางคนอาจจะนอนไม่หลับ แต่ไปคิดเอาเองว่า โดนคุณไสย แต่จริงๆอาจจะเครียด จากงาน ครอบครัว ถ้าเราดูตามความเป็นจริงมันก็จะเห็นเองว่ามันเรื่องมาจากทางกายภาพของคนๆนั้นเอง ไม่ใช่คุณไสยฯแต่อย่างใด... แบบนี้แหละครับที่เรียกว่า รู้ไว้ เพื่อนำมาพิจารณา ตามหลักเหตุผลของมัน..

 

สวัสดีครับพี่คำรน มีประสบการณ์อาจารย์จากพม่ามาเล่าสู่กันฟังอีกหรือปล่าครับรอบนี้

 

ดีแล้วครับที่คิดแบบนี้เป็นพื้นฐาน เพราะจริงๆแล้วตามหลักพุทธ เรา ต้องอย่าเชืิ่อมงคลตื่นข่าว ..ต้องใช้หลักของทางพุทธเข้ามาจับ
เพราะในบางครั้งนั้น เรื่องของทางโลกเรามันก็มีหลากหลาย เหตุผล..แต่เรื่อง ละเอียดทางจิต ก็ต้องใช้เหตุผลทางจิตพิจารณา..
ในเรื่องจริงๆนั้น เรื่องราวการเป้นไปของคนบนโลกผมก็ว่ามันมีหลายปัจจัยมากมายที่เข้ามามีส่วนในการดำเนินชีวิต..แต่มันก็ไม่พ้น คำว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของ พุทธศาสนา..
วิชาไสยฯ ก็ไม่พ้นข้อธรรม ข้างต้น มันจึงเป็นเหตุผลซึ่งกันและกัน..แต่ในมุมหนึ่ง ที่เราต้องยอมรับว่า..ในโลกนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เรายังค้นหาเหตุผลไม่เจอ..ซึ่งมันก็ย่อมมาคัดค้านความรู้สึกนึกคิดของพวกเราที่มีความรู้ทางโลก(ปริยัติ)มามากมาย..ซึ่งผมเองก้ยอมรับว่า ก็เป็นเช่นเดวกัน..เรียนมาก รุ้มาก จากทางโลก มีวิชาการมากมายหลายแขนงที่ยัดเข้ามาในสมอง..
แต่เมื่อถึงห้วงเวลาหนึ่งที่เรา ต้องไปประสบพบเจอกับเหตุการณ์บางอย่างในเรื่องทางสิ่งลี้ลับ เรากลับไม่สามารถ นำวิชาทางโลก วิชาการมาตอบคำถาม มาแก้ปัญหาได้..มันก็น่าแปลกใจอยู่..
ในปัจจุบัน เรื่องราวทางไสยฯ นั้นก้ไม่ได้สูญหายไปไหน ครับ เพียงแต่ว่า ในมุมที่เรารับรู้ในปัจจุบัน อาจจะยังไม่เจอมัน..หรือเจอก็ยังไม่ใช่ของจริง
เพราะผมเอง ก็เจอเรื่องราวเหล่านี้ มาเพียงเศษเสี้ยวของมัน..และก็ยังไม่ใช่ผู้รู้จริงแต่อย่างใด..เป็นเพียงคนหนึ่งที่เคยประสบพบเจอแล้วนำมาเล่าสู่กันฟัง..เพื่อให้คนอื่นนำมาเปรียบเทียบ..กับ ปสก. กันเท่านั้น

 

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ
การเปิดใจของท่าน
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องแล้วอย่างยิ่ง
ยังผลไปถึงการพัฒนาอันยิ่งใหญ่

ไม่ว่าวิชาการต่างๆ อันที่จริงเหตุผลมีหมดทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่คาถาอาคมพระเวทย์ต่างๆ ซึ่งถ้าเราจะต้องยอมสละเวลาที่จะค้นหามันอย่างแท้จริงๆ

สิ่งลี้ลับ เราไม่สามารถแก้ไขด้วยวิชาการทางโลก มาตอบ ปัญหาได้ เพราะมันไม่ใช่วิชาการเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ เพราะมนุษย์ไม่ได้เอาวิชาการเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับมาตอบ จึงไม่สามารถตอบได้ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าเราเอาวิชาการเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับมาตอบก็จะสามารถตอบได้ วิชาการนี้ซึ่งเราจะต้องทำความเขาใจอย่างแท้จริง เราก็จะสามารถจะแก้ปัญหาได้ ถ้าเรามัวแต่บอกเราไม่รู้เรื่องยอมรับชะตากรรม แล้วไม่ค้นหาทำความเขาใจเราก็จะไม่มีทางเข้าใจ

 

ไม่สูญหาย แต่แทบจะไม่มีคนสามารถ ทำได้ (ข้อนี้ต้องยอมรับแบบจำใจ)

ส่วนใหญ่เราอยู่ในโลกวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ควรเชื่อตามหลักวิทยาศาสตร์ก่อน เมื่อสนใจไสย์ศาสตร์เราควรทำความเข้าใจอย่างแท้ จริง ห้ามนำหลักความเชื่อมาปิดหูปิดตา เด็จขาด(นั่นหมายถึงการปิดกั้นตัวเองต่อการที่จะรับรู้โลกความเป็นจริงปิดกั้นหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน) เมื่อได้รับรู้แล้วจะเข้าใจว่าหลักไสย์ศาสตร์จะไม่ต่างจากหลักวิทยาศาสตร์ ทดสอบทดลองและพิสูจน์ได้จริงด้วยตนเอง หลักวิเคราะและหลักความเป็นจริงที่ใครต่อใครต่างยอมรับไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายมนต์คาถา หรือ ฝ่ายวิทย์ศาสตร์

 

พอดีช่วงอาจารย์พม่ามา อ.แม่สาย ผมก็มีงานที่ต้องทำ ตจว. เลยไม่ได้ใกล้ชิดกับท่านในเหตุการณ์ ช่วยคนเท่าไหร่..
แต่จากการโทร สอบถาม ท่าน ก็ทราบว่า มีท่านหนึ่ง(ฝ่ายถูก-ถูกโกงเงินไหลายล้าน)ที่มีคดีความกับฝ่ายหนึ่ง(ฝ่ายผิด-พวกนิสัยฉ้อโกง)..กำลังอยู่ในห้วงคดีความ.ก็พบว่า ฝ่ายผิดไปจ้างคนทำวิชา คาดว่าจะเป็นวิชากาสัก คือวิชาที่ทำให้เกิดการลืมเลือนในการไปให้การ..จริงๆวิชานี้ก็มีมานานแล้ว เป้นวิชาถ่วงความ คือจะทำหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้ยันต์ หรือ กระเบื้องจากวัดร้าง...อาจารย์ท่านก็นั่งสมาธิดูให้ ก็แปลกที่ว่า บอกรูปร่างคู่ความได้ชัดเจนมากว่าเป็นใคร และคดีความเกิดมากี่ปี และต่อไปจะเป็นยังไง..สรุปว่า คู่ความคนฝ่ายผิดจะถูกดำเนินคดีสู้ไม่หลุด และจะโดนหลายคดีด้วย..ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะคาดการณ์ แม่นยำเพียงใด..เรื่องนี้ผมก็ได้แค่ สอบถามไม่ได้ทราบเรื่องราวในรายละเอียดนัก..แต่อยากรู้เท่านั้นว่า ท่านทำนายได้แม่นยำเพียงใดเท่านั้น..ส่วนการแก้วิชากาสัก ท่านก็แก้ไปแล้วด้วยการกลืนยันต์..
ส่วนเรื่องราว ของราย อื่นๆ ถ้ามีสิ่งที่น่าสนใจก็จะมานำเล่าสู่กันฟังต่อไป..

 

ขอติดตามน่ะครับ ^^

 

ติดตามตลอดครับพี่คำรณ มีปสก. อะไรดีมาเล่าสู่กันฟัง ขอบคุณครับ

 

รอติดตามต่อไปครับ ขอบคุณครับ...

 

ถูกต้องที่สุดแล้ว เชื่อตามหลัก พระพุทธเจ้า 10ประการ
คนเราสมัยนี้ดูเหมือนรู้แต่ไม่รู้ ดูเหมือนเก่งแต่ไม่เก่ง
การพูดมากตอบได้มากไม่ใช่ว่าจะรู้จริงเสมอไป

 

มีเรื่องสงสัยครับอา

ที่ผมใช้คาถาไม่ได้ผล

เป็นเพราะผมเกิดวันจันทร์ป่าวอ่ะครับ :'(

 

เรื่องวันเกิด.เป็นแค่ พื้นฐานเท่านั้น
แต่ปัจจัยอื่น อีกหลายประการ ที่ต้องนำมาประกอบ..
เช่น ศรัทธา/ความเชื่อ สมาธิ ครู ตัวคาถา ความเพียร/วิริยะ ความยากง่ายของวิชา
มันต้องเหมาะสม ลงตัวพอดิบ พอดี เพราะเท่าที่สังเกตุในบางเรื่องมันก็ยากที่จะหาเหตุผลได้ว่าเพราะอะไรถึงสำเร็จ เพราะอะไรไม่สำเร็จ
แต่ในหลักไสยฯ แล้ว มันต้องว่ากันเรื่อง ความเชื่อ มาก่อนลำดับแรก เพราะถ้าไม่เชื่อในเรื่องนี้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปทดลองให้เสียเวลาเลย
อย่างที่บอกนั่นแหละ..ขั้นต้น อย่าไปค้นหาเหตุผล เมื่อเราทำได้จริง แล้วจะรู้เองว่า เหตุผลมันอยุ่ในตัวมันนั่นเอง..

 

ความเชื่อย่อมเป็นสิ่งที่แน่นอน แต่การทดลองจะขาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันจะนำคุณไปสู่หนทางก้าวหน้าอันแท้จริง

เหตุผลกับการทำได้จริง ต้องมาด้วยกันเสมอๆเมื่อคุณทดสอบทดลองจนเข้าใจ คุณจะรู้ที่มา เมื่อรู้ที่มา ก่อเกิดพลัง จะทำให้คุณพัฒนา ยิ่งๆขึ้นไป

อันนี้เป็นหลักที่ท่องกันทั่วไป อันที่จริงต้องเข้าใจ
..........................................................................
คนเรามักจะเชื่อในสิ่งที่เราอยากเชื่อ
จนมองข้ามความเป็นจริงบนโลกใบนี้

เมื่อคุณทุ่มเทศึกษาให้เข้าใจอย่างแท้จริง
คุณจะเข้าใจว่าไสย์ล้วนมีหลักการเดียวกับวิทยาศาสตร์

 

ช่วงนี้สถานการณ์ จชต.ก็ยังไม่ดีขึ้นครับ.จากที่มีการเจรจากันบนโต้ะ..แต่การปฏิบัติของ โจรใต้ ในระดับปฏิบัติการ ก็ยังคงจ้องทำร้าย ครู ชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ ตามลำดับ..
ลูกน้องเก่าๆก็ ส่งข่าวมาเป็นระยะ..ภาพในเหตุการณ์จริง ดูจะหนักกว่าที่เป็นข่าว เพราะช่วงนี้โจรหันมาเล่นงาน ชาวบ้านไทยพุทธ และ ครู มากขึ้น สาเหตุมาจาก เป็นเป้าหมายอ่อนแอ ป้องกันตัวเองไม่ได้ ก็น่าสงสารครับ..
ทหารภาคเหนือที่ลงไปทำงาน..ก็จะลำบากหน่อยในเรื่องการเดินทางเพราะออกจากพื้นที่ ทีก็ คุ้มกันกันหนาแน่น เพราะโดนซุ่มยิงรถบัสบ่อยขึ้น

หลายท่านได้ฝาก วัตถุมงคล ไปช่วยเป็นขวัญกำลังใจ..ให้ ทหารหาญ ก็ต้องขอขอบคุณ.อย่างน้อยก้มีไว้ยึดเหนี่ยวกันทางใจ..
ปสก.ของลูกน้องหลายๆคนที่เล่ามา ก็มีหลากหลายในลีลาการเอาตัวรอดครับ..เพราะ ของจริง ตายจริง ..ถ้าประมาท..ระเบิด นั้นป้องกันยากมากๆ..และดูจะเดา คาดการณ์ยากขึ้น มีวิธีหลากหลายในการวางมากขึ้น..สุดท้าย ทุกคนที่ไปทำงานก็จะบอกว่า ทำตามวิชาที่ร่ำเรียนมาให้ดีที่สุด ระวังตัวให้ได้ทุกเวลา..สุดท้ายถ้ามันยังจะเกิดก็..คือ ดวง ครับ..
..

 

ในความคิดส่วนตัวผมนะครับ ถ้าศึกษาขั้นต้นเรื่องไสยฯนั้น แล้วเราเอาหลัก วิทย์ มาจับมากไปก็จะทำให้เราเกิดความสงสัยมากไปครับ..เกิดความลังเล สงสัย จับต้นชนปลายไม่ถูก ว่าจะลงมือทำจริงๆจังๆดีไหม
แต่ถ้าศึกษาจนกระจ่างแจ้งแล้วนั้นก้ เป็นไปได้ถ้าจะมองทางวิทย์
เพราะจาก ปสก.จริงของผมที่เจอมาจากเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด จากศัตรูที่เจอกันซึ่งหน้า จนเชื่อได้ว่า เป็นเพราะ พุทธานุภาพ และจากอานุภาพแห่งครูอาจารย์จึงรอดปลอดภัยมาได้แบบหวุดหวิด.. ยอมรับว่าเวลานั้น จิตมันก็ไม่มีความคิดลังเล สงสัย อะไร หรือไปคิดว่า มีเหตุมีผลไหม..มันคิดแค่ครั้งเดวแว้บมาในจิตในยามคับขันก่อนจะเกิดอันตรายถึงชีวิตคือ ตั้งสติระลึกถึงครูบาอาจารย์ตลอดเวลา(.และรู้เลยว่าคนเราจริงๆแล้วจะกลัวตายด้วยกันทุกคนและเมื่อเลยวินาทีความกลัวตายคือความกล้า นั่นแหละที่เกิดมา แต่คนเราจะสร้างได้เร็วช่้าไม่เหมือนกัน เพราะผมเคยดึงมือลูกน้องพลทหารคนหนึ่งให้ลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าเพราะเขากลัวจนขาก้าวไปออก..แต่เมื่อเราดึงมือขึ้น เขาจึงยอม และกลายเป็นความกล้า) ในขณะเดวกันก็ต้องคิดหนทางแก้ไขสถานการณ์ว่าจะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามอย่างไร..
และเมื่อผ่านเรื่องราวแบบนั้นมาหลายครั้ง ผมก็ไม่เคยที่ค้นหาเหตุผลมันแต่อย่างใด เมื่อใดเราจ้องไปเผชิญกับความเสี่ยงตายอีก จิตเราก็จะมั่นคงลงไปอีกว่าเคยเจอมาแล้ว..ช่างมัน ตายเป็นตาย..คนเราเกิดมาครั้งเดวตายครั้งเดวใจมันก็สงบลงไปเร็วกว่าเก่า..
มันคือเรื่องเล่า..ที่ผมเองก็มี ปสก.แค่พอที่จะบอกได้ว่า ทำไม วิชาไสยฯ หรือ อำนาจพุทธคุณ นั้น ทำไมถึงต้องเชื่อ..ว่ามีจริง

 

ไหนๆก็แล้วผมเห็นคนส่งเมลล์ไปเรียนกับคุณเทพคาถาหลายคนแล้วเปิดเผยเลยครับ ให้สิ่งที่คุณทำได้ให้ท่านอื่นเรียนรู้บ้างก็ดีครับจะได้ศึกษาค้นคว้าตามสติปัญญาของแต่ละท่าน จะเป็นประโยชน์ครับ

 

เห็นด้วยกับพี่เสธครับ ถ้าเริ่มแรกเอาหลักวิทย์มาจับ มันจะทำให้เกิดความลังเลสงสัย ประเภทมันจะเป็นยังงั้นใด้หรือ เพราะอะไรถึงทำให้เป็นไปใด้ เป็นใด้ทุกครั้งที่ทำไหมอีกมากมายตามมา ความเห็นส่วนตัวครับผม

 

นึกถึงคำครูท่านใดจำไม่ได้ครับ เคยอ่านผ่านๆตามาขออนุญาติแชร์นะครับ

"คนโง่มากกับคนฉลาดมากจึงใช้คาถาอาคมขลัง"

โง่มากคือเชื่อตามครูว่าท่องแล้วคงแน่ๆเป็นเมตตาแน่ๆ มั่นใจสุดๆ (ไม่สงสัย)
ฉลาดมากคือเค้าใจในเรื่องพลังงานทางจิต คาถาเป็นการจูงจิตปรุงจิตเลยขลัง (ไม่สงสัย)
ส่วนผู้ที่ลังเลสงสัย จิตไม่รวมไม่นิ่งเลยไม่ได้ผล

 

ก็อย่างที่ผมบอกมาตั้งแต่ต้นนั่นแหละ บางครั้งเราจะมาลังเลสงสัยไปก็ไม่เกิดประโยน์อะไร..ถ้าลังเลสงสัยมากเกินไป ใจก็คิดไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ไม่ต้องเชื่อซะเลยก็หมดเรื่อง..(หมายถึงผมเคยคิดแบบนั้นมาก่อน)..
แต่พอเราจะไปเผชิญเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวาน..ชนิด ลูกปืน วิ่งไปมาได้ยินเสียงชัดเจน..ใจมันก็ต้องเลือกเอาละ ว่า จะเชื่อไหมล่ะ ถ้าเชื่อก้ท่องไป ถ้าไม่เชื่อ ก้ถือเรื่องดวงไป...แต่เผอิญผมมันเชื่อมาทางนี้เพราะเคยเห็นมาก่อนตอนเด็กๆ ..ว่า คนหนังเหนียวมันก็มีจริงนี่หว่า..
และสำคัญจะมาทดลองว่า จริงไม่จริงนี่คงจะไม่ได้ เพราะ มันตายจริง..
นั่นแหละ เหตุผลของผม ว่าทำไม ถึง ไม่ลังเลสงสัย

 

ถ้าจำไม่ผิด น่าจะมาจากหนังสือ "พุทธศาสตราคม" ของท่านอาจารย์เทพ สาริกบุตรนะคับ ถ้าจำผิดก็ขอโทษด้วยนะคับ