หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

น้อมกราบองค์หลวงปู่วิชัย น้อมใจส่งหลวงปู่ท่านสู่พระนิพพานครับ กราบ กราบ กราบ

 

ภาพหลวงปู่วิชัย เมตติโก หรือในราชทินนามว่า พระธรรมวงศ์มุนี วัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง อ.เมือง จ.จันทบุรี

 

ลูกขอขมาและน้อมส่งหลวงปู่สู่เเดนนิพพานด้วยเทอญ

 

น้อมกราบหลวงปู่แดนพระนิพพานครับ

 

กรรมใดท่ีลูกเคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินหลวงปู่ทั้งกาย วาจา ใจ ท่ีรู้และไม่รู้ก็ตาม ลูกขออโหสิกรรมจากหลวงปู่
ขอน้อมส่งหลวงปู่สู่พระนิพพาน ครับ

 

น้อมกราบส่งหลวงปู่สู่แดนพระนิพพานครับ

​

 

สาธุ สาธุ สาธุ น้อมไว้อาลัยจากการจากไปของหลวงปู่ครับ

สาธุ

 

​

ประวัติและปฏิปทา
พระธรรมวงศ์มุนี (วิชัย เมตติโก)
วัดไผ่ล้อม(พระอารามหลวง)
ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี ​

๏ อัตโนประวัติ

พระธรรมวงศ์มุนี (วิชัย เมตติโก) มีนามเดิมว่า วิชัย แจ่มจรัส เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พุทธศักราช 2453 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 13 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ณ ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี ครอบครัวประกอบอาชีพชาวสวนผลไม้ ปัจจุบัน สิริอายุรวมได้ 99 พรรษา 79 (เมื่อปี พ.ศ.2552) ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี และเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม (พระอารามหลวง) ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี


๏ การศึกษาเบื้องต้น

ในวัยเยาว์ เรียนหนังสือจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดห้องคูหา ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี จากนั้นได้ลาออกเพื่อช่วยเหลือครอบครัวหาเลี้ยงชีพด้วยการทำสวนผลไม้


๏ การอุปสมบท

กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2473 ณ พัทธสีมาวัดห้องคูหา ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยมีพระครูพิศาลธรรมคุณ วัดไผ่ล้อม เป็นพระอุปัชฌาย์

ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้ย้ายไปอยู่จำพรรษา ณ วัดไผ่ล้อม ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี


๏ การศึกษาพระปริยัติธรรม

เนื่องจากท่านมีความสนใจใฝ่ธรรมะ จึงได้ให้ความสำคัญในการศึกษาพระปริยัติธรรม

พ.ศ.2479 สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรีและชั้นโท ตามลำดับ ณ สำนักเรียนวัดลุ่มมหาชัยชุมพล ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง

จากนั้นได้ศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ณ สำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ พ.ศ.2490 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค

นอกจากนี้ ท่านยังได้ให้ความสนใจศึกษาศาสตร์ในหลายแขนง จนเกิดความชำนาญพิเศษ อาทิ ด้านนวกรรม สามารถแสดงธรรมปาฐกถาสอนประชาชนและคณะสงฆ์จนมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ


๏ งานด้านการศึกษา

พ.ศ.2492 เป็นผู้ช่วยกองเลขานุการแม่กองธรรมสนามหลวง

พ.ศ.2497 เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดไผ่ล้อม โดยเป็นครูสอนนักธรรมและรับเป็นผู้อุปการะโรงเรียนวัดไผ่ล้อม (อินทก์อุทัย) โรงเรียนระดับชั้นประถม ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี

พ.ศ.2499 รับเป็นประธานอำนวยการสอบธรรมสนามหลวง จ.จันทบุรี

๏ งานด้านส่งเสริมการศึกษา

ได้จัดส่งนักเรียนไปศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลีไวยากรณ์ ณ สำนักเรียนวัดโบสถ์เมือง และกรุงเทพมหานคร

พ.ศ.2521 ได้เปิดสำนักเรียนแผนกบาลี ที่วัดไผ่ล้อม โดยเป็นผู้จัดหาหนังสือเรียนหลักสูตรนักธรรม และบาลีไวยากรณ์ จัดหาอุปกรณ์การศึกษาถวายแก่นักเรียนผู้ศึกษาทุกรูป ถวายนิตยภัตประจำเดือนให้แก่ครูผู้สอนบาลีไวยากรณ์ รวมทั้ง จัดถวายปัจจัยเป็นค่าพาหนะแก่พระภิกษุ-สามเณร ที่จะเดินทางไปสอบในต่างจังหวัด

ท่านยังได้มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดี แต่มีฐานะยากจน ปีละ 5 ทุน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังได้ประสานขอบริจาคสมทบทุนจำนวน 200,000 บาท จากสำนักงานกองสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อสร้างอาคารเรียนเพิ่มเติม 1 หลัง

พ.ศ.2529 จัดตั้งกองทุนสงคราะห์การศึกษานักเรียนระดับชั้นประถม บริจาคเงินนำร่อง จำนวน 10,000 บาท

พ.ศ.2530 จัดตั้งกองทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร ในเขตพื้นที่ จ.จันทบุรี จำนวนทุนก่อตั้ง 150,000 บาท


๏ งานด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนา

ได้รับเป็นหัวหน้าพระธรรมทูต ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี


๏ งานด้านสาธารณูปการ

ได้เป็นประธานการดำเนินการจัดสร้างพระพุทธไสยาสน์ องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศ บรรจุอยู่ในพระอุโบสถหลังใหญ่ สร้างหอบำเพ็ญวิปัสสนากัมมัฏฐาน สร้างกุฏิ หอสวดมนต์ สร้างซุ้มประตูวัดไผ่ล้อม (พระอารามหลวง) สร้างถนนและบูรณปฏิสังขรณ์ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ อุโบสถหลังใหม่ เจดีย์ เป็นต้น


๏ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์

พ.ศ.2493 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม

พ.ศ.2498 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม

พ.ศ.2499 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองจันทบุรี

พ.ศ.2520 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2522 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี

พ.ศ.2527 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี

พ.ศ.2528 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี

พ.ศ.2540 วัดไผ่ล้อม ได้รับยกฐานะจากวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม (พระอารามหลวง)

พ.ศ.2544 ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ได้มีพระบัญชาแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี ตราบจนถึงปัจจุบัน


๏ ลำดับสมณศักดิ์

พ.ศ.2493 เป็นพระครูสรวิชัย พระฐานานุกรมในพระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ)

พ.ศ.2500 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูอาทรสมาธิวัตร

พ.ศ.2509 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2514 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก (พิเศษ) ในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2524 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระพิศาลธีรคุณ

พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชจันทกวี

พ.ศ.2540 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ พระเทพสิทธิมุนี

ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2549 เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ในราชทินนามที่ พระธรรมวงศ์มุนี

๏ พระมหาเถระผู้รัตตัญญู

ด้วยท่านได้รับการยกย่องเกียรติคุณจากชาวเมืองจันทบุรี ให้เป็นพระมหาเถระผู้รัตตัญญู เป็นผู้ปฏิบัติชอบตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จนเห็นผลแล้วสอนผู้อื่นให้กระทำตาม เป็นมิ่งขวัญแก่ชาวเมืองภาคตะวันออกมายาวนาน สร้างความปลาบปลื้มยินดีแก่พุทธศาสนิกชนชาวเมืองจันทบุรีเป็นยิ่งนัก

เนื่องในวโรกาสที่ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ชาวเมืองจันทบุรีได้มีการจัดงานพิธีฉลองมุทิตาสักการะแด่พระธรรมวงศ์มุนี เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2549 เวลา 10.00 น. โดยมีขบวนแห่รับสัญญาบัตรพัดยศอย่างยิ่งใหญ่ ณ บริเวณหน้าวัดศรีเมือง ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

หลวงปู่วิชัย พระอริยะมหาเถระ ท่านเป็นลูกศิษย์กรรมฐานสายวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ ลูกศิษย์ยุคแรกๆของท่านเจ้าคุณโชดก และหลวงปู่ภัททันตะอาสภมหาเถระ อีกทั้งหลวงปู่วิชัยท่านยังถือได้ว่าเป็นศิษย์ผู้พี่ของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัญ จ.สิงห์บุรีอีกด้วย
แม้หลวงปู่จะละสังขารลงด้วยศิริอายุได้ 103 ปี แต่สิ่งดีๆ ที่มีในตัวท่าน ในฐานะผู้อุทิศตนบำเพ็ญประโยชน์แก่ศาสนา สังคม และประเทศชาติเป็นอเนกนานัปการ ควรค่าแก่การยกย่องประกาศเกียรติคุณ เพื่อเป็นทิฏฐานุคติแก่มหาชนสืบไป

 

น้อมกราบหลวงปู่วิชัย
ขอขอบคุณท่าน ที่แจ้งข่าวสาร

 

รอ รอ รอ รอ
น้องหนุมาน มาหา พี่สมหวัง อิอิ

 

น้อมกราบส่งหลวงปู่สู่แดนพระนิพพานครับ

 

บ้านนั้นเขามีอะไรกัน ลองเข้าไปดูกันหน่อยครับ.. กำลังเข้มข้นเลย วันสุดท้ายแล้วด้วยครับ

http://palungjit.org/threads/ประมูล...ารทอง-ร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรม.472085/page-27

อนุโมทนา สาธุ ครับ

 

กราบหลวงปู่พิศดูและครูบากฤษดาบรมครูที่เคารพ ไปดูมาแล้วสุดยอดครับดุเดือดมากครับ แรงมากๆครับดีใจมากครับบารมีหลวงปู่ครูบาและพ่อสมเดชแน่นอนครับ ดูแล้วได้แต่อนุโมทนาตามครับ สาธุครับ น้อมส่งปู่วิชัยสู่สวรรค์ครับ

 

น้อมกราบ หลวงปู่วิชัย หากกรรมใดที่ข้าพเจ้าล่วงเกินโดยเจตนาก็ดีไม่เจตนาก็ดี ขอหลวงปู่อดโทษให้ลูกด้วย

 

หมดเวลาประมูลรอบแรกเย้ววว

 

น้อมส่งหลวงปู่วิชัยสู่แดนนิพพานครับ

หลวงปู่เมตตา...ได้มาชุดนึง อิอิ

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wIxT7KXzMBAMmG6A" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/e8b/IdhuIf.jpg" /></a>

ขออณุญาติอ้างอิงข้อมูลคุณทุเรียนทอดหน่อยนะครับ

มีคณะศิษย์ที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่พิศดู ได้สร้างวัตถุมงคลชุดพิเศษขึ้นมา คือ กบสาน หุ่นพยนต์ วัวธนู ซึ่งวัตถุมงคลเหล่านี้ได้สร้างจากตอกไม้ไผ่(ขวางทาง) สานเป็นรูปต่างๆ ตามแบบฉบับตำราแห่งล้านนาโบราณโดยอาจารย์ผู้ทรงคุณความรู้สายภาคเหนือ และได้นำฝากขอความเมตตาต่อองค์หลวงปู่พิศดู ท่านครูบากฤษดา และครูบาอาจารย์ต่างๆ ทางภาคเหนืออธิษฐานจิตให้ เพื่อถวายให้กับวัดๆหนึ่งใน จ.นครราชสีมา
กบสานนี้ได้สร้างออกมา 2 วาระด้วยกัน..
ซึ่งกบสานวาระแรกที่สร้าง ได้นำเข้าฝากในพิธีอธิษฐานจิตพระกริ่ง-ชัยวัฒน์ธัมมะจารี กบชุดนี้สร้างประสบการณ์ปาฏิหาริย์ต่างๆมากมาย อาทิ มีผู้บูชากบหลายท่านได้ยินเสียงกบร้องในบริเวณที่บูชากบสาน แต่ไม่เห็นตัวกบ และผู้บูชาเหล่านั้นได้ประสบกับความเจริญรุ่งเรื่อง และมีโชคลาภต่างๆตลอด จึงได้มีการสร้างกบสานออกมาอีกวาระหนึ่ง
ซึ่งกบสานชุดที่สองนี้สร้างขึ้นพร้อมกับ วัวธนู และหุ่นพยนต์ ได้นําไปฝากเสกที่วัดเทพธารทองนานพอสมควร และได้ขึ้นไปขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์สายภาคเหนือหลายองค์ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ชุดเดียวกับที่เสกกบชุดแรก โดยกบชุดสองนี้ มีรูปแบบเหมือนกันกับกบชุดแรก แต่จะมีการทําสัญลักษ์ไว้ ให้แยกกันออก

กบสานและวัตถุมงคลเหล่านี้ สร้างขึ้นด้วยเจตนาบริสุทธิ์จริงๆ เพื่อมอบให้กับวัดวัดหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ซึ่งวัดนี้ได้กำลังก่อสร้างถาวรวัตถุ และยังไม่มีพระประธาน ทางคณะผู้อุปถัมภ์จึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลชุดดังกล่าวถวายให้ครูบาอาจารย์ต่างๆเมตตาอธิษฐานจิต แต่ไม่ได้ออกในนามของวัดเทพธารทอง กบทั้งสองชุดนั้นปรากฏว่ามีประสบการณ์มากมายตามแต่วาสนาและบุญกรรมที่สร้างสมไว้ ซึ่งก็ได้เคยมีผู้นำกบสานและวัวธนูสานไปให้นักปฏิบัติผู้มีจิตสัมผัสถึงพลังลี้ลับได้ตรวจดู ผลที่สื่อได้ก็คือ กบสานชุดแรก เป็นกบที่มีอิทธิฤทธิ์ในตัว คล้ายกับมีชีวิต สามารถบนบานได้ พุทธคุณโดดเด่นทุกทาง แต่เน้นในทางป้องกันภัย .ส่วนกบสานชุดที่สองนี้ เป็นกบมหาลาภ เห็นเป็นกบสีทองส่องประกายทองอร่ามเจิดจ้า กบชุดนี้ครูบาอาจารย์ที่เสกเน้นไปทางโชคลาภสูงมาก กบ ทั้งสองชุดนี้มีญาน(รับรู้) ในสิ่งที่เจ้าของอธิษฐานขอได้ .และวัวธนูสาน ผลที่สื่อพลังได้คือ เห็นเป็นวัวธนูไฟ สามารถบูชาไว้เฝ้าบ้านเรือน เพื่อป้องกันเหตุเภทภัยต่างได้ แก้-กันคุณไสย ผีสาง และเทวดาที่ให้โทษได้ผลดีจริงๆ มีอาณาเขตรักษากว้างไกลตามแต่อธิษฐานเอา... ซึ่งทางคณะผู้สร้างก็สงสัยว่าทำไมเสกพร้อมกันกับกบมหาลาภ แต่ไฉนพุทธคุณจึงได้แตกต่างกันจึงได้กลับไปถามกับอาจารย์ผู้สานกบท่านนั้น ก็ได้คำตอบว่า เป็นการผูกอาการและตั้งธาตุต่างกัน กบนั้นอาจารย์ได้ตั้งธาตุน้ำ ส่วนวัวธนูได้ตั้งธาตุไฟ และการที่ถวายให้พระอริยะอธิษฐานจิตให้นั้น ท่านมิได้ปลุกเสกแบบใช้อาคม แต่ท่านใช้การอธิษฐานจิต และอธิษฐานบารมี ของที่ออกมาจึงได้มีผลสมควรแต่เหตุที่จะเป็นไปนั้นๆ และไม่มีเสื่อมด้วย ซึ่งเรื่องนี้ หลวงพ่ออุตมะ ก็ได้เคยวิสัชนาเอาไว้ให้ได้รับความกระจ่างมาแล้วว่า พระอริยะเสกอะไร ผลก็เป็นอย่างนั้น(แม้จะเอาของหลายๆอย่างมาเสกรวมกันก็ตาม) และการเสกแบบนี้หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือก็เคยบอกเอาไว้ว่า การเสกมีอยู่ 2 อย่าง คือแบบโลกียะ และโลกุตระ แบบโลกียะใช้วิชาอาคมและพลังจิตจากสมาธิเป็นหลัก ผลที่ได้คือสามารถเสื่อมถอยได้ และอาจมีผลข้างเคียง .ส่วนการเสกแบบโลกุตระใช้ความบริสุทธิ์ ความว่างของจิต และอธิษฐานบารมีคุณพระเป็นหลัก ผลที่ได้คือไม่มีวันเสื่อมถอย และไม่ให้โทษ ไม่มีผลข้างเคียง มีคุณสูงกว่าโลกียะ ผลที่ได้รับนั้นจึงต่างกันสุดขั้ว..

 

ตามมายินดีด้วยครับ

 

น้อมกราบหลวงปู่วิชัยสู่แดนนิพพานครับ กรรมใดที่ลูกได้เคยล่วงเกินองค์หลวงปู่ ด้วยกาย วาจา และใจ ขอหลวงปู่อดโทษให้ลูกด้วยครับ

 

ถามข้อมูลพระชุดนี้ด้วยครับ

จากห้องประมูล ขอบคุณครับ

 

สมเด็จชุดนี้ มีลูกศิษย์นำมาจาก จ.กำแพงเพชร

พระใบโพธิ์องค์นี้เข้าใจว่าทางวัดอโศการามได้สร้างมาถวาย

ส่วนสร้อยหินนั้นหลวงปู่อธิษฐานจิตแน่นอนครับ เป็นหินธรรมชาติ

...หากจะบอกว่าหลวงปู่เมตตามอบให้คงไม่ผิดนัก พระกรุกำแพชร พระวัดอโศการาม สร้อย/หินหยก เคยบอกกล่าวขอหลวงปู่ไว้ ท่านมาพร้อมกันเลยทีเดียว ราคามูลค่าอันประมาณไม่ได้ ทั้งได้ร่วมบุญวิหารทาน ถวายพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกรูปทุกนาม

กราบท่านพ่อลี หลวงปู่ฟัก หลวงปู่พิศดู กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม