อยากถามเรื่่องเขาคิชกูฎ(สงสัย)

ก่อนเริ่มผมต้องบอกก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้ลบหลู่ หรือตั้งใจกวนประสาทอย่างไร แค่ถามด้วยความสงสัย
ผมสงสัยว่าเขาคิชกูฏเนี่ยเค้าไปทำไมกัน เพื่ออะไร ไปแล้วมีอะไรดีครับ แล้วรอยพระพุทธบาทนี่คืออะไร รอยเท้าของพระพุทธเจ้าเหรอครับ แล้วทำไมใหญ่จังอ้ะ พระพุทธเจ้าท่านเท้าใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ

ขอบพระคุณในทุกคำตอบนะครับ

 

ผมเคยไปแค่ครั้งเดียว ตื่นเต้นมากเพราะต้องเดินเท้า ก่อนจะถึงจุดหมายเหนื่อยมาก
แต่มีไม้เท้าแจก ก่อนเดินขึ้นไป
ที่ผมสนใจมากที่สุดคือ ก้อนหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่แบบน่ากลัว แค่นี้เองครับ คนเยอะมาก สถานที่ก็คับแคบ ค่อนข้างสกปรก ถังขยะมีน้อย เต็มไปด้วยขยะล้นถังออกมากองข้างนอก ทำไมทางผู้ที่รับผิดชอบ ปล่อยปะละเลย แบบนั้น

 

รอยพระพุทธบาทเกิดจากการอธิษฐาน จะเล็กจะใหญ่เป็นพุทธอจินไตย คือปุถุชนคนธรรมดาไม่ควรคิด คิดไปก็ปวดหัว เพราะเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้าที่สงเคราะห์สัตว์โลกให้มีโอกาสได้สร้างบุญกุศลที่เกิดจากการได้กราบไหว้รอยพระพุทธบาท จัดเป็นพุทธานุสติจะทำให้ไม่ไปสู่อบายภูมิครับ เห็นไหมว่าพระมหากรุณาของพระพุทธเจ้าที่มีต่อสัตว์โลกอย่างพวกเราสุดประมาณ แต่ที่พวกไปทำสกปรกใส่ ก็เป็นเรื่องของสันดานมนุษย์มักง่าย อันนี้ทางใครทางมันครับ

 

ยังไม่เคยไปเลยครับ..ได้แต่กราบไหว้ในรูปภาพ..สาธุบุญทุกท่านที่ได้ไปด้วยครับ

 

ลองหาเวลาว่างไปด้วยตัวเองครับ ปีนี้ใกล้จะปิดเเล้วนะ
เมื่อก่อนผมก็มีคำถามเช่นดียวกันจึงไปเอง จึงรู้เอง ไปติดต่อกัน 3 -4 ปีเเล้ว เเต่ปีนี้ผมคงไม่ได้ไปครับ

 

มีมุมมองอีกแบบดังนี้

เครื่องหมายรอยพระพุทธบาทเพื่อเป็นพุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า

เมื่อเดินแม้เหนื่อย คนมากและแออัด ก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์เพราะจิตไม่ได้ฝากอยู่กับสิ่งรอบข้าง
จำภาพกองขยะไม่ได้ อาจเป็นเพราะสัญญาไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ ภาวะตอนั้นดูจิตและกายเราเมื่อเดินอยู่เท่านั้น
และจำได้แต่ว่า เมื่อขึ้นไปถึงและได้บูชารอยพระพุทธบาทก็หายเหนื่อย

ส่วนข้อมูลศึกษาเรื่องรอยพระพุทธบาท ซึ่งที่มีอยู่ในไทยนั้นล้วนใหญ่กว่าเท้ามนุษย์ทั่วไปเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าที่อ.พระพุทธบาท สระบุรี หรือ ที่พระพุทธบาทสี่รอยก็ตาม

 

ตั้งจิตให้ดีแล้วเราจะสมใจหวัง ทางไปสวรรค์มันรก ทางไปนรกมันเรียบ เขาถึงพูดว่าทำดีทำยาก

 

จริงๆ ทางสววรคิ์ มันอาจจะไม่ได้ รก

คือ เวลาผลดี เข้ามาปรากฏ หรือ ตอบแทน หรือ ให้ผล

คนส่วนมากเวลา ได้รับความสุข มันจะมี "อาการเผลอเพลิน" เกิดร่วมด้วย

เวลาคนเราเผลอเพลิน มันจะรู้สึกว่า ได้รับน้อย หรือ รู้สึกว่า ยังไม่หนำใจ

เช่น ตอนเราเล่นเกมส์ เราก็อาจจะมีความสุข และ ก็จะเกิด "เผลอเพลิน"
พอเวลาหมด หมดเวลา ความรู้สึกแรกของคนที่เผลอเพลินขณะเล่นเกมส์
คือ " รู้สึกว่าตนยังไม่ได้รับความสุขใดๆ " ทั้งๆที่ เสพไปมากต่อมากไป
มากมายก่ายกองแล้ว

แต่ถ้าเป็นความทุกข์ ความเผลอเพลิน จะไม่ค่อยเกิด แต่ถ้า เกิด ก็จะมี
พฤติกรรมที่เรียกว่า ห่าม หรือ หื่น ก็ว่ากันไป

ดังนั้น

หากตามพิจารณา "ความเผลอเพลิน" อยู่เนืองๆ แล้วนำออก ก็ไม่แน่
ว่า ทั้งความสุข และ ความทุกข์ รวมทั้งการ ไม่สุขไม่ทุกข์ ก็ปรากฏให้
เห็นได้ตามความเป็นจริง และ ความจริงที่ปรากฏนั้นก็คือ พ้นสุข พ้นทุกข์
เข้าถึง "นิพพาน" ได้เลย แค่ .....ตามเห็น "ความเผลอเพลิน(นันทิราคะ)" ไว้เนืองๆ

 

ส่วนเรือง เขาคิชกูฏ อันนี้ ก็ขึ้นกับ ปฏิภาณ ไหวพริบ ในการเฝ้นธรรม

ถ้าเฝ้นธรรมได้ถูกต้อง จะเข้าข่ายการภาวนา ด้วยหลัก สัญญา10 ใน
ข้อ 8 9 และ 10

ซึ่ง เขาคิชกูฏ ตอนนี้ ก็เป็นที่ทราบๆกันว่า วัดอาศัยจุดยอดเขา เป็น อุบายในการ
ทำให้โลกที่งดงาม มารวมตัวกันเป็น กระจุก เมื่อโลกปรากฏแบบเต็มตา มากระจุก
อยู่ให้เห็น ผู้ที่แสวงหาธรรม พิจารณาธรรมภายใน จะค่อยๆ ถูก อุบายนี้ กระเทาะ
"ความยึดมั่นถือมั่น" ที่มีอยู่ในจิต ให้สำแดงตัว

เช่น คนบางคนยึดมั่นถือมั่นว่า โลกต้องสงบ ก็จะได้เห็น โลกนั้นไม่สงบ

คนบางคน ยึดมั่นถือมั่นว่า คนที่ปรวณาตนเป็นพุทธ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้
ก็อยู่กับความสุขได้ ก็จะเห็นว่า สังคมพุทธจริงๆ มันก็ มี ดี และ ไม่ดี
คละเคล้ากันอยู่ ไม่ใช่ โลกหรือสังคมในอุดมคติที่เราไปสร้างภาพขึ้น
เพื่อกีดกันโลก บิดเบือนการเห็นโลกตามความเป็นจริง

ซึ่ง ตรงนี้ ก็จะเข้าข่าย สัญญาข้อที่ 8 การเจริญสัพพโลเกอนภิรตสัญญา
เมื่อเห็นแล้ว การสำคัญผิด มั่นหมายผิดๆ ปรากฏแล้ว ก็นำออกเสีย

ทีนี้ หากนักภาวนามีปฏิภาณไหวพริบขึ้นอีก ก็จะเห็นว่า ความยึดมั่นถือมั่นใดๆ
นั้น จะต้องเกิดการ ปรุงความคิด ตั้งธง เอาไว้ก่อน บางคนตั้งธงขึ้นเพื่อไล่ด่า
บางคนตั้งธงขึ้นเพื่อยกตนให้เหนือกว่า บางคนตั้งธงขึ้นเพื่อมุ่งรังเกลียดแล้ว
แฝงลัทธิศาสนาอื่นว่าเลิศกว่ามีอยู่ ตรงนี้ ถ้าใครตามทัน ก็จะเข้าสู่การภาวนา
ในสัญญาข้อ 9

แต่สำหรับคน ที่แม้โลกจะบีบอัด วุ่นวาย เต็มไปด้วยความสวยงามต่างๆก็ดี เต็ม
ไปด้วยของแปลกๆร้อยพ่อพันแม่ก็ดี ไม่อาจส่งผลย่ำยีจิตให้เคลื่อนต่อการ "ก้มหน้า
ก้มตาเดินขึ้นเขา" เพื่อไปยังจุดหมาย

คนที่ก้มหน้าก้มตาเดินได้ พักอริยาบทบ้างตามจุดพัก ก็อาจจะ ยก อานาปานสติสัญญา
ขึ้นเป็นกรรมฐานได้

สรุปคือ เขาคิชกูฏ จะวุ่ยวาย หรือ สงบ ก็ตาม คนที่ ฉลาดมีปฏิภาณ ไม่ตั้งธงใดอื่น
ซ่อนไว้ในเล็บ ก็จะสามารถ ขึ้นเขาคิชกูฏพร้อมๆกับการขึ้นการภาวนา เพื่อให้ไปถึง
เป้าหมายปลายทาง การได้เข้าถวายการปฏิบัติต่อพระพุทธ เป็น สาวกของท่านได้ในที่สุด

 

เรื่องรอยพระบาทนั้น หากเป็นพุทธวิสัย ก็ไม่มีใครจะสามารถรู้ได้ครับ ว่าท่านจะทำให้ใหญ่หรือเล็ก
แต่ว่ารอยพระพุทธบาทที่ใหญ่ต่างกันที่พบเห็นในหลายๆที่ เช่นพระพุทธบาทสี่รอย หลายที่เป็นของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ คือพระกะกุสันธะพุทธเจ้า พระโกนาคะมะนะพุทธเจ้า และ พระกัสสะปะพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันจะขนาดเล็กที่สุด ความใหญ่โตของขนาดจะเรียงกันเป็นลำดับเพราะแต่ละยุคขนาดร่างกายของมนุษย์บนโลกแตกต่างกัน

หากสงสัยว่าทำไมอยเท้าของพระองค์ปัจจุบันยังใหญ่ขนาดนั้น อันนี้ก็ไม่มีใครทราบ แต่ถ้าจะเดาก็คือ เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้วขนาดร่างกายของมนุษย์มีขนาดเท่านั้นจริง หรือไม่ก็เป็นพุทธวิสัยที่พระพุทธเจ้าได้กระทำไว้ครับ

 

เขาคิชฌกูฏ มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะ รอยพระพุืทธบาท มีเทวดารักษาพระบาทฯ
พระฤาษีเคยมานั่งสมาธิที่นี้ และปัจจุบันดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังอยู่

เจ้าป่า เจ้าเขา
มีภพซ้อนภพ อยู่ในป่าลึก

 

หลายคนไปขอพร เพราะเชื่อว่าที่นั่นศักดิ์สิทธิื ขอพรแล้วสำเร็จได้ดังที่ขอ

นี่ก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนแห่ไปที่นั่นมากมาย

น่าเศร้าที่หลายคนตั้งใจจะไปสักการะบูชาพระพุทธบาทด้วยธูป เทียน ดอกไม้ ของหอม แต่กลับทิ้งขยะเกลื่อนกลาด เขียนปากกาเมจิกบนหินทำลายความสะิอาดสวยงามของธรรมชาิติและขาดความเคารพอย่างแท้จริงต่อสถานที่

เราคิดว่าผู้ดูแลสถานที่น่าจะเข้ามาควบคุมดูแลและมีระเบียบกฏเกณฑ์ที่จะรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบให้มากกว่านี้ นอกจากจะเป็นการรักษาสถานที่แล้วยังเป็นการเคารพพระพุทธองค์อีกด้วย

 

ตั้งใจไปวันพระหน้า สาเหตุที่อยากไปเพราะได้ยินชื่อเสียงมานานว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิและขอได้ในสิ่งที่ต้องการได้เพียงอย่างเดียว เราตั้งใจขอให้คนทั้งโลกมีดวงตาเห็นธรรม เจริญรอยตามพระพุทธเจ้าเพื่อความสงบสุขแก่ชาวโลก ถ้าเป็นเรื่องจริงพวกเราก็จะพบกับสวรรค์บนดินครับ

 

.................................................................................
รอยพระพุทธบาท ว่ากันตามพระไตรปิฎก คือนิมิตที่พระพุทธเจ้าแสดงให้เวไนยสัตว์บางคน(ย้ำบางคน)เห็นเพื่อให้ติดตามหาพระพุทธเจ้าและในที่สุดอย่างน้อยก็เป็นอุบาสกและอาจเข้าในกระแสพระนิพพาน
ผู้คนที่อ่านพระไตรปิฎก แม้ในยุคทุกวันนี้ จึงยินดีมีปิติเมื่อเห็นรอยพระพุทธบาทและเมื่อได้ข่าวก็อยากไปสักการะ
กรุณาอ่านเพิ่มเติมเอาเองในพระไตรปิฎก
ส่วนเขาคิฌชกูฏ ก็เป็นก้อนหินก้อนใหญ่วางอยู่อย่างน่าอ้ศจรรย์หมิ่นเหม่ขอบหน้าผา --ความจริงยังมีอีกหนึ่งก้อนใหญ่วางสมดุลย์ใกล้หน้าผา ชื่อว่า บาตรพระโมคคัลลานะ อยู่ใกล้ๆกัน ทางที่จะเดินไปผ้าแดง
การวางตัวของหินเหล่านี้สามารถอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ว่าเกิดในยุคที่น้ำแข็งผลักดันหินกลิ้งมาหยุดตรงหน้าผานี้ แต่มันพอดีซะจนรู้สึกว่าเทวดาน่าจะมีส่วนช่วยสร้าง คือหินวางตัวพอดีจังเลย ความศักดิ์สิทธิก็เกิดจากความเชื่อเรื่องเทวดาสรรค์สร้าง บวกเข้าไปอีก สรุปรวมว่า เป็นทั้งพุทธานุสติ(+ธรรมา+สังฆา)และเทวตานุสติ แล้วก็ถือโอกาสทำบุญทำทานสร้างกุศลกัน

 

เขาคิชฌกูฏเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต หากใครมีบุญตามที่อธิษฐานก็จะได้ไป ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ในช่วงระหว่างที่คุณเดินขึ้นเขาจนกระทั่งถึงรอยพระพุทธบาท หากคุณตั้งจิตอธิษฐานสิ่งใดเพียงสิ่งเดียวในสิ่งที่ไม่เกินกรรม คุณก็จะสมปรารถนาในสิ่งที่คุณตั้งจิตอธิษฐานนั้น เขาจะเปิดเพียงปีละครั้ง หากใครได้ไปก็ถือว่าเป็นอานิสงส์อันสูงสุดแล้วค่ะ

 

เออ! ปวดตับกับคำถาม 5++

 

ยังไม่เคยไปสักครั้งเลย ทั้งๆที่อยู่ไม่ได้ไกลเลย แต่ตั้งใจว่าจะต้องไปให้ได้สักครั้งก่อนสิ้นชีพ
"คิชฌกูฏ" เป็นภาษา มคธ แปลว่าภูเขาแห่งแร้งกระืพือปีก (เขาแห่งความตาย) ในตำนานพระพุทธศาสนาเขาคิชฌกูฏตั้งอยู่ที่ กรุงราชคฤห์ (เป็นสถานมีจริงในปัจจุบัน) เป็นเขาอาถรรพ์มีทั้งภูติผีปิศาจอยู่มากมาย พระพุทธเจ้าได้ทรงนั้งวิปัสนา ณ ที่เชิงเขานั้น และมีื้่ท้าวจตุมหาราชิกาทั้ง4 โดยมี ท้าวเวสสุวรรณมหาราช ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ มาขอเข้าเฝ้า และได้ถวายมนต์พระสูตรที่ชื่อว่า อาฏานาติยะปริตร หรือ ภาณยักษ์ แด่พระพุทธเจ้า...และได้สืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน
...ส่วนเรื่องรอยพระพุทธบาทโดยส่วนตัวไม่เคยได้คิดมีจิตที่จะสงสัยว่าทำไมจึงใหญ่โตนัก

 

ความจริงคุณก็ไม่จำเป็นต้อง ยึดมั่นว่าจะต้องเป็นเขา คิชกูฏ ถึงจะได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

เพราะตั้งแต่อดีต นานนับหลายแสนล้านอสงไขย์ มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้วในโลก

จำนวนมากมาย มากกว่าจำนวนเม็ดทรายในมหาสมุทรทั่วโลกรวมกันอีก

เพราะฉนั้น ทุกก้าวที่คุณเดิน ทุกสถานที่ที่คุณเหยียบ ล้วนแล้วแต่เป็นดินแดนที่

พระพุทธองค์ ทรงประทับ ทรงจารึก ทรงแสดงธรรม ทรงตรัสรู้ธรรม และ ทรงพระนิพพาน

ทุกพื่นที่ในโลกล้วนเคยมีพระพุทธเจ้าผ่านมาแล้วทั้งสิ้น

ท่านจงน้อมนำความดี ในทุกก้าวเดิน ในทุกลมหายใจ ในระลึกเสมอว่า

เราอยู่ต่อหน้า พระองค์ตลอดเวลา ผมเชื่อว่า อบายภูมิ จะไม่มีทางถามหาชื่อคุณแน่นอน

 

ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะไป แต่ปีนี้ไปมาแล้วรู้สึกอยากไปอีก

ก็ขอพรตามที่พระท่านแนะนำ ยังไม่สมหวังอะไร

ถ้าไม่ติดงานก็คิดว่าก่อนปิดจะไปอีกสักรอบ

ตอนเดินขึ้นก็เหนื่อย แต่พอไปถึง รู้สึกหายเหนื่อย และรู้สึกสบายใจ ถึงคนจะเยอะ

แต่ก้ไม่ทำให้รู้สึกรำคาญอะไรเลย

 

จขกท ได้ไปและกลับมาแล้วครับ ก็รู้สึกถึงศรัทธา ของทุกๆคนที่ไปกัน ระหว่างทางเดินขึ้นก็ได้ยินรอบๆข้างพูดคุยกันว่า จะขออะไร ขออะไรกันทุกคนล้วนมีความหวังและศรัทธาว่าจะสมหวัง ส่วนตัว จขกท ก็แค่รู้สึกว่าธรรมชาติสวยดีนะ และก็สบายใจที่ได้ไหว้พระพุทธบาท ส่วนเรื่องหวังว่าจะได้อย่างขอไหม นั้นเฉยๆครับ ได้ก็ดีไม่ได้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่ถ้าได้จะมาเล่าให้ฟังกันนะครับ ถือว่า จขกท เอาบุญมาฝากละกันนะ สาธุ