ปริศนาธรรม?? ประตูสู่นิพพานที่แท้จริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มหายาน, 13 มีนาคม 2013.

  1. มหายาน

    มหายาน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +4
    ในศาสนาต่างๆนั้นล้วนมีปริศนาธรรมซึ่งบอกให้รู้ถึงจุดสถิตของจิตญาณทั้งสิ้น เช่น

    -ศาสนาพุทธ คือ เครื่องหมายสวัสดิกะ มีลักษณะคล้ายกับเครื่องหมายนาซี แต่หางจะหมุดกลับกัน

    -ศาสนาตริสต์ คือ เครื่องหมายไม้กางเขน

    -ศาสนาอิสลาม คือ พระจันทร์เสี้ยว และดาว5แฉก

    -ศาสนาเต๋า คือ เครื่องหมายหยินหยาง

    -ศาสนาหยู้(ขงจื้อ) คือ เครื่องหมายวงกลมและจุดศูนย์กลางที่อยู่ภายในวงกลม

    แม้แต่พระโพธิสัตว์กวนอิม ก็มีปริศนาธรรม คือ กิ่งหลิวกับแจกัน พระอรหันต์จี้กง ก็จะมีลูกน้ำเต้า

    เครื่องของศาสนาและปริศนาธรรมของอริยเจ้าทั้งหลายนั้น ล้วนบอกถึงจุดๆเดียวกันที่อยู่บนร่างกายซึ่งเป้นจุดศูนย์กลางของร่างกาย และเป็นจุดสถิตของจิตญาณด้วย

    จุดญาณทวารนี้แหล่ะ คือหนทางพระนิพพานอันแท้จริง ที่อริยเจ้าทั้งหลายได้ทรงถ่ายทอดลงมานับจนถึงปัจจุบันนี้

    จุดนี้เมื่อเรามองผ่านเข้าไปยังภายในศรีษะ ก็จะตรงกับแกนสมองซึ่งเป็นศุนย์รวมของเส้นประสาทต่างๆของร่างกายเมื่อมนุษย์คิดซึ่งมาจากจิตใจแล้วผ่านมาที่แกนสมอง สมองจึงสั่งงานไปยังส่วนต่างๆของร่างกายตามที่เราต้องการ ดังนั้นจุดญาณทวารจึงเป็นประตูแห่งนิพพาน
     
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320

    ลัทธิ อนุตตรธรรม กับความจริงที่จำเป็นต้องรู้
     
  3. kenzoo2522@hotmail.c

    kenzoo2522@hotmail.c Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +99
  4. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    หนทางอีกยาวไกลคิดว่ามีใครที่ไปนิพพานแล้วกลับมาตอบได้บ้าง
     
  5. กสิน9

    กสิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +270
    พวกที่ไปก็เห็นมีแต่พวกที่เข้า

    คอส มโนมยิมธิ ไปกันอ่ะครับ ลองไปสอบถามดูสิ
     
  6. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    มีนิพพานแต่ไม่มีผู้ไปนิพพาน
    ผู้ที่แจ้งนิพพาน คือความไม่เกิดไม่ดับที่ยังมีชีวิตอยู่
    ก็มีไม่น้อย คนทีนั่งสมาธิไปนิพพานอย่าไปวิจารย์ลัทธิอื่นเลยครับ
    ตัวเองก็ยังหลงทางเหมือนกัน

    ถ้านิพพานเปรียบเหมือนไปเชียงใหม่ และพระพุทธเจ้าเลือกเอาการนั่งรถทัวร์เป็นวิธีเดินทาง
    เพราะมันกว้างขวางและใครๆก็ไปได้ ถ้าไปเครื่องบินค่าใช้จ่ายสูงอาจไปได้เฉพาะบางคน
    คนที่มีรถส่วนตัวก็อาจจะขับรถไปเองก็ได้ แต่บางคนไปยึดเอารถทัวร์เป็นเป้าหมายทั้งๆที่นั่งไปลงที่ไหนก็ไม่รู้
    ขอให้เป็นรถทัวร์เป็นใช้ได้
    แต่สุดท้ายมันไม่ใช่เชียงใหม่ ไปลงที่ไหนก็ไม่รู้แต่บอกว่าเป็นเชียงใหม่
    เป้าหมายคือเชียงใหม่สำคัญกว่าวิธีการ บางคนอาจจะขี่จักรยานไป
    ซึ่งวิธีนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน แต่ไปถึงเป้าหมายที่เดียวกันเป็นใช้ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2013
  7. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    แต่เป็นโรงพยาบาลจิตเวช ใช่ไหมครับไม่ใช่ลัทธินะ
    อ่านดูแล้ว เชื่อกันไปได้นะครับคนเรา เรื่องเพี้ยนๆๆแบบนี้
    ไม่มีศาสนาอะไรรองรับทั้งนั้น จุดทวารตรงดั้งจมูกยุบๆๆหักๆๆๆ
    เบิกแล้วเข้านิพพานจ่ายร้อยเดียวบ้าง สองร้อยบ้าง สามร้อยบ้าง
    มีพระแม่ปรสิตธรรมเป็นพระเจ้า คำสอนก็มาจากการเข้าทรงสัมภเวสี
    คำก็ภัยพิบัติสองคำก็ภัยพพิบัติ ให้เร่งบริจาคเงินทำบุญอณาจักรธรรม แล้วจะรอด
    แทนที่จะเอาเวลามาหมกหมทุ่นกันเรื่องเพี้ยนๆๆ
    เอาเงินมาถลุงกับลัทธิสัมภเวสี สู้ไปเอามาซื้อเฟอร์บี้เล่นแล้วน้ำลายยืดไม่ดีกว่าหรอครับ
    อย่างน้อยก็ไม่มีพิษมีภัย
    ดีกว่าไปนั่งน้ำลายยืด
    ฟังร่างทรงปลอมๆๆ โม้ตามฝอถังตั้งเยอะ เหอๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2013
  8. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    ก็แค่ลัทธิมารหลอกคนโง่ว่าเป็นมหายานทั้งๆๆไม่เกี่ยวกันเลย

    เมื่อวันก่อนมีงาน "ราตรีอิ่มบุญ" เพื่อนำเ้งินไปสร้างสถานธรรมที่จังหวัดหนึ่ง...(เค้าบอกว่าจะเอาไปสร้าง)
    ก่อนวันงานมีการเรี่ยรายเงินมากมายจากหลายบริษัทและร้านค้าต่างๆ
    และเมื่อถึงวันงาน มีคนนำเงินมาบริจาครวมแล้วโดยประมาณ 6 ล้านบาท
    มีทั้งบริจาคเงินสดและเช็ค ยังมีการประมูลของด้วย
    พอจบงานไม่มีการแจ้งยอดบริจาคที่แน่นอน และผ่านไป 2 อาทิตย์
    ก็ยังไม่มีการแจ้งยอดบริจาคใดๆจากลัทธินี้

    พอผมไปถามคนที่เค้าอยู่ในวงการนี้ เค้าบอกผมว่า
    "ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เห็นต้องรู้เลย ก็เอาเงินไปสร้างสถานธรรมไง"....

    ก่อนหน้านี้ก็จัดงานคล้ายๆแบบนี้เมื่อปีที่แล้วและไม่มีการแจ้งยอดเงินเช่นกัน...
    ที่เค้าบอกว่าจะสร้างสถานธรรมก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ไม่มีการก่อสร้างใดๆ มีคนบริจาคที่ดินให้ แต่ก็ไม่มีการเข้าไปทำอะไรครับ มีแค่การเข้าไปทำพิธีเฉยๆบนพื้นดินเปล่าๆครับ

    เพื่อนๆคนใดเคยเจอแบบผมบ้างครับ

    ปล. ขออภัยถ้ากระทู้นี้ขัดหูขัดตาใคร

    PANTIP.COM : Y10851662 การโกงของลัทธิอนุตตรธรรม รึป่าว??? []

    สั้นๆ กระทู้เตือนภัย ---- อนุตตรธรรม ----

    ที่ขึ้นกระทู้นี้ เพราะเมื่อวาน ไปเจอคนที่นับถืออนุตตรธรรมพยายามมาชักชวนไปเข้าลัทธิอย่างจริงจัง ไอ่เราก็ชาวพุทธชั้นดี แย้งไปเสียทุกข้อ

    โธ่..ก็ข้อที่ยกมาแต่ละอย่าง มันมีแต่คนที่ไม่ได้โน้มใจไปพิจารณา เทียบเคียงกับพระธรรมคำสอนพระพุทธองค์เท่านั้นแหละจะเชื่อ(แต่จะมีสักกี่คนที่จะพิจารณาแบบนี้ สาวกลัทธินี้ จึงมีอย่างมากมาย)

    ง่ายๆเขาจะชวนไป 'รับธรรมะ' ศัพท์ของลัทธินี้เขา หลักการคือให้กินเจระยะหนึ่ง แล้วไปรับธรรมะ การเจิมหน้าผาก หลังจากนั้นให้นั่งสมาธิทุกวัน กินเจ ตลอดชิวิต แล้วได้ไปนิพพาน ..มันง่ายดีจริงๆ

    มีมากกว่านั้นอีก คือ ถ้าไม่ไปรับธรรมะกับเขา จะไม่มีรายชื่อบนสวรรค์
    ถึงปฎิบัติภาวนาจนเข้าพระนิพพานแล้ว ก้เข้าแดนพระนิพพานไม่ได้
    ต้องกลับลงมารอ การรับธรรมะจากเขา เพราะเขายังไม่ได้เปิดจุด มโนทวารบนใบหน้าให้เรา ( --" )

    อ้างว่าคนทุกคน มีจิตบริสุทธิ์ ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากแดนนิพพาน(นิพพาน คือ หมดเชื้อเกิดแล้ว มันจะมาจากแดนนิพพานได้อย่างไร แต่อนุตตรธรรมมันก็อ้างมาได้ ไปค้นเรื่องจิตเดิมแท้ มาสนับสนุนตน) ถือโอกาสที่พระพุทธเจ้า สอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอจินไตย(แปลสั้นๆสำหรับคนไม่ทราบว่า คือ สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องไปรู้)
    ในเมื่อ พระพุทธองค์ไม่บอกว่าคนเรามาจากไหน แต่ลัทธิเขารู้ บอกได้ (แน่นอน เขาไม่ยอมรับว่าเป็นลัทธิ แต่อ้างว่าธรรมอันเที่ยงแท้ รากฐานของการใช้ชิวิต ก็แน่ละ มันไปเอาแก่นของดีของทุกศาสนามาใช้นี่หว่า)
    อนุตตรธรรมอ้างอีกด้วย ว่าพระพุทธองค์ได้บอกใบ้ เป็นการรู้กันกับพระมหากัสปะ เรื่องผู้คนมาจากแดนนิพพาน

    http://www.vithi.com/vithi05.html
    ความลับของ "อนุตตรธรรม" ถูกซ่อนเร้นไว้ในพระคัมภีร์พระสูตรต่างๆ เพื่อรอการเปิดเผยเมื่อเวลามาถึง ในพระสูตรของพุทธศาสนาบทหนึ่งได้กล่าวว่า ครั้งนั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงถือดอกบัวไว้ในมือแล้วชูขึ้นตรงหน้าพระพักตร์

    พระสงฆ์สาวกทั้งหลายที่มาประชุมกันต่างฉงนสงสัยเป็นอย่างมาก มีเพียงพระมหากัสสปะเท่านั้นที่รู้ถึงปริศนาซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดง ท่านจึงยิ้มออกมาเป็นการรับรู้พุทธประสงค์

    พระบรมศาสดาจึงเปล่งธรรมกถาขึ้นว่า
    "ตถาคตมีธรรมอันซ่อนอยู่ภายในดวงตา "นิพพาน" สถิตอยู่ในใจของทุกคน สัจจธรรมนี้ไร้รูปลักษณ์และไม่สามารถบอกกล่าวเป็นคำพูด ตถาคตได้ถ่ายทอดสัจจธรรมอันสูงสุดนี้ให้แก่พระมหากัสสปะแล้ว"
    ^
    ^
    เรียกว่า ตีความคำสอนพระพุทธองค์ สนับสนุนตามความเห็นผิดของตนเต็มๆ


    คนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ชาวพุทธที่พากเพียรภาวนา อาจจะบอกว่า ป.ญ.อ. ใครจะเชื่อ(แต่มีคนเชือเยอะมากนะคุณ)
    เพราะเขามีหลักการ ที่ฟังแล้วน่าเชื่อ สำหรับคนไม่รู้จักศาสนาของตนเองดีนะซิ

    หลักการดังกล่าว มีการดึงเอาหลักจริยธรรม คุณธรรม อริยสัจ4 อริยมมรค8 พระบัญญัติจากศาสนาคริสต์ จากคัมภีร์อัลกุรอาน ไปผสมเป็นหลักการพื้นฐานของผู้เดินทางสายลัทธินี้
    นำไปใช้แบบแนบเนียนด้วย เนียนๆคืออะไร คือการอ้างแก่นคำสอนที่มา ว่ามาจากศาสนาไหนๆ ยกมาเลยทั้งกะบิ ของดีๆจะไปตัดทอนทำไม เพื่อคนในศาสนานั่นๆ จะได้คล้อยตามโดยง่าย ไม่ต้องเลิกนับถือศาสนาเก่า
    กรอบจริยธรรมในการอยู่ในสังคมอันดีงามต่างๆ ล้วนยกมาทั้งหมด ผู้เข้าร่วม โดยรวมจะเป็นผู้เมตตา อยู่ในศีลธรรม มีความประพฤติที่ดีขึ้น และเข้าใจว่าตนได้ไปพระนิพพานแน่ๆ...สำคัญตรงนี้แหละ ทำแค่นี้ ได้ไปนิพพานแน่ๆ ...

    ที่มีแปลกๆยิบย่อย พวกฤทธิ์ ปาฎิหารย์ ไม่มีในพระธรรมคำสอน ไม่ปรากฎในพระไตรปิฎก แต่ของเขามี ซึ่งเราไม่ได้จำมาในรายละเอียด ที่เล่าข้างบนเป็นแค่ตัวอย่างใจความสำคัญที่อ้างว่า ไปพระนิพพานได้เท่านั้น ชาวพุทธในทะเบียนจำนวนมาก ที่ไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ วันๆทำงานหาเลี้ยงตัว ชิวิตสุกๆดิบๆ ทำทานบ้าง ศีลมีบ้าง ไม่มีบ้าง ไม่ได้ปฎิบัติธรรม ภาวนา จมอยู่กับความไม่รู้จริง ต้องเข้าใจว่า ลัทธินี้เป็นแก้ววิเศษ ย่อมยินดีปรีดาแน่ๆ

    อะไรได้มาโดยง่ายแบบนี้ คนกลุ่มหนึ่ง และจำนวนมากที่ยังทำบารมีไม่ครบ ยังไม่ได้เจริญภาวนาสติปัญญาณ 4 ได้ความสุขระงับ จากรสพระธรรม ย่อมหลงทางไปเชื่อโดยง่าย ปกติเรื่องชาวบ้านไกลตัว เราคงไม่สนใจ นี่หันมาดู เฮ้ย(เรียกว่าสะดุ้งโหยง)..คนที่จะทำธุรกิจด้วย เขาก็หันไปเอาทางนี้

    เพื่อนเขาก็พยายามมาชวน สังขารคนพวกนี้ ปรุงไปว่าตนเองนั้น ไม่ได้คิดไปเองว่ามันดี แต่เป็นความสุขที่ออกมาจากใจของพวกเขาโดยแท้ เพราะคิดว่าได้เจอธรรมแท้ ได้ประพฤติทำตัวดีขึ้น ได้เมตตาต่อสรรพสัตว์(กินเจ) จะได้พ้นจากความตายที่มาจากภัยภิบัติที่กำลังมาถึงในเร็ววันนี้

    ความไม่รู้ มิจฉาทิฐิของคนพวกนี้ น่าสงสารมาก สำหรับชาวพุทธแท้ๆ
    เช่น อ้างว่าคนที่ได้ฌาน ทำฌานสมาบัติได้ ยังไปรับธรรมะจากเขา
    เช่น อ้างว่าพระที่บรรลุพระนิพพานได้ ยังต้องรอรับธรรมะจากเขา
    เช่น ภัยพิบัติ ที่กำลังมา คนที่นับถือสายนี้ จะพ้นภัยพิบัติ ได้

    สามข้อบน คงไม่ต้องบอกว่าจะแย้งอย่างไรนะ แต่คนเวลามันจะเชื่อ ไม่มีใครไปสอบทานหรอก ว่าไอ่หน้าเหรอ ที่อ้างว่าได้สมาบัติแล้ว ยังไปรับธรรมะ หรือ ได้ฌานจริงๆ หรือ นั่งหลับ
    หรือ แม้แต่ได้ฌานจริงๆแล้ว มันเป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์ไหม
    เอ้า..คนไม่ได้ปฎิบัติ ก็คิดว่าได้ฌาน นี่ใกล้พระพิพพาน
    ตรงนี้ มันเริ่มอธิบายกันลำบาก จะบอกว่าใกล้ สำหรับคนเข้าใจ ในการพิจารณาพระไตรลักษณ์
    และคงบอกว่าโค ต ระ ไกลนิพพาน สำหรับคนที่ไปติดในความสุขสงบนั้น
    อธิบายแบบนี้ สำหรับคนไม่ภาวนา มันจะไปเข้าใจอะไรละฮึ!


    มิจฉาทิฐิที่มีในตัวบุคคลทุกระดับ มันแก้ได้ง่ายๆเสียที่ไหน จะเห็นสัมมาทิฐิได้ ต้องพากเพียรภาวนา ต้องปัจจตัตัง รู้เอง เห็นเอง แล้วจะมีสักกี่คน ที่กำลังเดินทางที่ถูกอยู่ คนหลงผิด จึงมีจำนวนมากกกว่ามากๆๆๆนัก

    นี่ยังไม่รวมศาสนาอื่นๆนอกจากพุทธ อันได้แก่ คริสต์ อิสลาม เต๋า ขงจื้อ ที่โดนอุปโลกให้เป็นกิ่งก้านสาขาของเขาไปเรียบร้อย เรียกได้ว่า กินรวบหมดจดยกวงเลยทีเดียว โดยตั้งตนเองเป็นรากแก้ว ของเหล่าศาสนาที่มีอยู่ทั้งหลายก่อนหน้า

    เขียนไปเขียนมา ชักยาว เอาว่าที่เขียนไว้เนี่ย คนที่มาชวนเรา พูดจาก็ ไม่ได้รู้เรื่องการภาวนาหรอก แต่รู้หลักของอนุตรธรรมแม่นมากอยู่
    ส่วนคนที่ไม่ได้ภาวนา ไม่ได้รู้หลักการปฎิบัติธรรม ฟังไป ก็อาจหลงคล้อยตามไปโดยง่าย ใครมีเพื่อน พี่ ญาติที่ไหนมาชักชวนไปเข้า
    หวังว่ากระทู้นี้ จะช่วยให้ผ่านตา ผ่านจิตใจตนเองสักแว่บ ว่า อนุตตรธรรมนี่แหละภัยพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่นๆด้วย เป็นทางเห็นผิด ไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์ด้วยการไปพระนิพพานได้จริง (แต่เป็นทางที่ทำให้คุณได้ทำบุญ ทำทาน เป็นผู้เป็นคนที่ดีขึ้นในสังคมเท่านั้น)

    ทางสายเอกสายเดียวที่จะพ้นทุกข์ได้ พระพุทธองค์สอนไว้ คือ การปฎิบัติธรรมภาวนา การเจริญสติปัญญฐาน4 ส้รางรากฐานจากการทำทาน ถือศีล และภาวนา
    สติปัญญฐาน4 อันประกอบด้วย การพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรมเท่านั้น..ย้ำว่าเป็นทางสายเอก สายเดียว
    -- ไม่มีทางสายอื่นๆอีกแล้ว--

    ที่เหลือ การทำทาน การถือศีล การกินเจ(ใจมีความปิติในบุญที่ได้ทำ) เป็นไปเพื่อสวรรคสมบัติเท่านั้น ไม่ใช่นิพพานสมิบัติ

    การจะพ้นทุกข์ได้โดยแท้จริง เราต้องพากเพียรทำด้วยตนเอง ใจจะได้รู้ตื่น สว่างเบิกบานจากปัญญาญาณ จากผลของการพากเพียรภาวนา ไม่ใช่จากปิติสุขอิ่มบุญเล็กๆน้อยๆ หรือ ปิติจากการทำทาน จากการมีใครมามอบธรรมะ มาแต้มหน้าให้ ท่องรหัส 5คำ ผ่านประตู แล้วจะพ้นทุกข์ไปพระพิพานได้ ..อย่าหลงไปง่ายๆ..

    คนปัญญาน้อย ศึกษาพระพุทธศานาเพื่อการพ้นทุกข์สำหรับตนเอง อย่างเรา ก็คงเตือนสติด้วยความปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมสังสารวัฎกันได้เพียงเท่านี้ ถ้าทำให้ใครขัดเคืองก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


    PANTIP.COM : Y10146483 สั้นๆ กระทู้เตือนภัย ---- อนุตตรธรรม ---- []

    ฉันแต่งงานกับสามีที่เป็นลูกชายคนเดียวและทางบ้าน (จ.เชียงราย) ตั้งเป็นสถานธรรม ดิฉันแต่งงานมาตั้งแต่ืปี ๔๙ ปัจจุบันดิฉันโดนสามีขอหย่า เนื่องจาก ทางบ้านรับดิฉันไม่ได้ที่่ไม่ปฏิบัติธรรมะ ซึ่งดิฉันไม่เข้าใจว่าจะให้ปฏิบัติแบบไหน เพราะดิฉันนั่งสมาธิ สวดมนต์ ไปวัดอัมพวันตั้งแต่อยู่ ม.๒ แต่เพื่อครอบครัวดิฉันก็ยอมทานเจตลอดชีวิต แต่เนื่องจากการงานดิฉันต้องอยู่ที่ กทม. ดิฉันอยากรู้ว่าดิฉันผิดอะไร ผิดตรงไหน และตอนนี้ดิฉันกำลังตั้งท้องอยู่ เค้าก็ให้เอาออกเพราะดิฉันเป็นมาร และไม่เข้าใจในหลักธรรมะของพวกเค้า นี่หรือคือสิ่งที่ดิฉันได้รับและตอบแทน ดิฉันอยากทราบว่าอนุตรธรรมนี่เป็นอย่างนี้เลย ดิฉันทำดีสักแค่ไหนก็ไม่เคยดี ตั้งแต่แต่งงานกันมาดิฉันไม่เคยได้รับเงินทองค่าเลี้ยงดูอะไรเลย แต่พ่อแม่เค้าต้องการให้ลูกชายได้แต่งงานกับคนในอาณาจักรธรรมด้วยกัน และฉุดช่วยด้วยกัน แต่ด้วยหน้าที่การงานของดิฉัน ทำให้ดิฉันไม่มีเวลาทำอย่างนั้นได้ ตอนนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ที่พิมพ์อยู่ก็สงสารลูกในท้องมาก หรือว่าฉันเป็นมารอย่างที่เค้าว่าจริงๆ แต่ฉันสวดมนต์และไปวัดเพื่อรักษาศีล ๘ ทุกครั้งที่มีโอกาส และรักและซื่อสัตย์ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีมาตลอด ไม่ว่าแฟนของดิฉันจะทำให้เสียใจแค่ไหน ทั้งแฟนและดิฉันทำงานทหารทั้งคู่ แต่นายของแฟนก็เข้าข้างแฟนเสียเหลือเกิน ท้อแท้มากคะ

    PANTIP.COM : Y10535540 เมื่อชีวิตฉันถูกลัทธิอุตรธรรมทำลาย []
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2013
  9. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    อ่อ...อย่างนี้นี่เอง มันเป็นเช่นนี้เอง ......

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=cLMga_CpvtA"]http://www.youtube.com/watch?v=cLMga_CpvtA[/ame]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2013
  10. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ทำไมต้องทำบุญถึงไปนิพพานได้ ที่แท้ก็เป็นลัทธิหากินนี่เอง เป็นกรรมของเขานะที่จะเชื่ออย่างงั้น
     
  11. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154

    น่าจะใช้อะไรก็ได้เป็นเครื่องกำหนด

    ถ้าทำแล้วทำให้เกิดสมาธิ แล้วถอนมาพิจารณา

    ให้เห็นในกฏของไตรลักษณ์ ท้ายสุดที่ได้ยิน

    ข้ามฝั่งแล้วก็ต้องทิ้งถ่อทิ้งแพ. yimm
     
  12. หล่อสะท้านภพ

    หล่อสะท้านภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +66
    ผมคิดว่าการเปรียบเทียบของท่านยังไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่เพราะ นิพพาน เป็นธรรมชาติอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งธรรมชาติอื่น ไม่อยู่ในสมมุติบัญญัติทั้งปวง นิพพานไม่ใช่โลกนี้หรือโลกหน้า ไม่ใช่ดวงจันทร์ ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ ไม่ใช่ดวงดาวอื่นๆฯลฯ ไม่ใช่สิ่งที่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูด การจะไปนิพพานนั้น ต้องปฏิบัติมรรคมีองค์8 รู้แจ้งในอริยสัจ4 ผู้ใดปฏิบัติได้ย่อมไปนิพพานได้ ไม่จำเป็นต้องมีบัตรประชาชนระบุว่านับถือศาสนาพุทธ แต่ถ้าเป็นสวรรค์ซึ่งยังอยู่ในสมมุติบัญญัติย่อมมีหลายวิธีที่จะไปได้
     
  13. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196

    ผมเห็นด้วยส่วนที่เป็นสีแดงครับ เลยอนุโมทนาด้วย
    แต่ในส่วนสีน้ำเงินเป็นส่วนที่พิมพ์ขึ้นทีหลังซึ่งขัดกับสีแดงโดยสิ้นเชิง
    ในส่วนนี้ไม่อนุโมทนาครับ
    ในสิ่งที่ผมเห็น"มีนิพพานแต่ไม่มีผู้ไป"นิพพานนั้นมีอยู่ไม่อาจจะบรรยายว่า
    มันคือสภาวะรึความว่าง แต่ไม่ต้องมีผู้ไปเพราะนิพพานมันมีอยู่แล้วตรงนี้เอง
    เราเพียงแต่ละอัตตาตัวตนออกไปเสียทั้งหมดมันก็อยู่กับเราแล้วไม่ต้องนั่ง
    เข้าฌาณไปเหมือนไปสวรรค์
    ส่วนที่ไม่อนุโมทนาสีน้ำเงินเพราะเปรียบเทียบผิดครับความตั้งใจพูดอาจจะถูก
    แต่เปรียบผิดเลยผิดความหมาย
     
  14. จอมโลกธาตุ

    จอมโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +2,063
    [​IMG]


    ลัทธิอนุตตรธรรม กับ การแอบอ้างเครื่องหมายแต่ละศาสนา
    และตีความมั่ว ๆ เพื่อให้เข้ากับลัทธิตน


    ตอนนี้ขอเล่าเรื่อง จุดญานทวาร บริเวณดั้งจมูกหัก ๆ ที่ลัทธิอนุตตรธรรมอุปโลกว่าเป็นประตูนิพพาน ที่ลัทธินี้มีการไปดึงเอาสัญลักษณ์ของแต่ละศาสนามาแอบอ้างและบิดเบือนความหมายจากเดิมโดยพยายามที่จะตีความเพื่อให้โยงมาสู่เรื่องจุดญานทวาร โดยลัทธินี้อุปโลกว่าพระศาสดาแต่ละศาสนานั้นได้สอนเรื่องนี้แต่เพราะเป็นความลับสวรรค์จึงไม่พูดตรง ๆ แต่ก็ได้ทิ้งปริศนาธรรมไว้บนสัญลักษณ์เหล่านั้นแต่เราทุกคนไม่เข้าใจกันเอง ส่วนคนไหนอยากรู้ความลับนี้ก็ต้องไปเข้าลัทธินี้เท่านั้น ...จากนั้นก็ตีความแบบมั่ว ๆ ดังนี้

    (๑.) ธรรมจักรแห่งพุทธศาสนา
    เป็นรูปวงล้อมีแฉกด้านใน หรือ บางที่อาจเขียนเป็นเครื่องหมายสวัสดิกะ มีลักษณะคล้ายกับเครื่องหมายนาซี (ลองวาดดู) จากนั้นนั้นจะวาดตาใส่สองข้างตรงแกนกลางด้านในให้เป็นหน้าคน ตรงกลางจะเป็นดั้งจมูกพอดี (เข้ากันได้เป๊ะ) และยกอีกเรื่องว่าพระพุทธเจ้าได้กล่าวถึง เชิงเขาคิชฌกูฏ ซึ่งเป็นปริศนาว่าคือตรงดั้งจมูกนี่เอง...

    ขอชี้แจงความมั่วนี้ว่า >> รูปธรรมจักรไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้แสดงจุดอะไรดังกล่าวแน่นอน แต่เป็นสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นแทนหลักธรรม ที่เปรียบตามซี่ล้อเกวียนของการดำเนินไปของธรรม คือ ถ้าหากมี ๘ ซี่ เท่ากับ มรรคองค์ ๘ ถ้ามี ๑๒ ซี่ เท่ากับ ปฏิจจสมุปปบาท ๑๒ เป็นต้น และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจุดญาณทวารเลย และแต่เดิมเป็นรูปแทนขณะพระพุทธเจ้าแสดงธรรม เพราะยุคแรกหลังพุทธปรินิพพาน ไม่มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นไว้บูชา ส่วนเขาคิชฌกูฏ หมายถึงเขาหัวแร้ง ตามสภาพรูปหินที่ปรากฏบนเขา ซึ่งความหมายไม่ได้เกี่ยวกับดั้งจมูกเลย

    (๒.) ไม้กางเขนแห่งคริสต์ศาสนา ให้วาดรูปไม้กางเขนและวาดวงกลมครอบลงไปจะได้วงกลมมีสี่แฉกด้านในพอใส่ตาตรงแกนสองข้างจะเป็นหน้าคน ตรงกลางก็คือดั้งจมูกเป๊ะ...

    ขอชี้แจงความมั่วนี้ว่า >> ไม้กางเขน พระเยซูไม่ได้เป็นคนสร้างขึ้นมาและพระเยซูคริสต์ไม่ได้บัญญัติให้แทนจุดดังกล่าวแน่นอน แต่เป็นของที่มีอยู่ดาษดื่นในสมัยนั้น ที่เป็นเครื่องทรมาณนักโทษ คนที่คิดจึงเป็นชาวโรมันที่มีอำนาจในตอนนั้น ซึ่งของดังกล่าวเป็นเครื่องประหาร ที่ถูกนำมาใช้ทรมาณพระเยซูนัยว่าเป็นการล้างบาปให้หมู่มนุษย์ ตามความเชื่อชาวคริสต์ในยุคต่อๆ มา ที่จะสร้างไม้กางเขนไว้ก็เพื่อให้ระลึกถึงความรักและการเสียสละของพระศาสดาองค์ดังกล่าว ที่มีให้แก่มนุษย์ทั้งหลาย

    (๓.) เครื่องหมายศาสนาอิสลาม จะเป็นเป็นรุปพระจันทร์เสี้ยวมีดาวชี้ลงมา โดยกล่าวว่านั่นคือหน้าคนด้านข้าง ดาวนั้นชี้ลงมาที่ดั้งจมูก

    ขอชี้แจงความมั่วนี้ว่า >> ศาสนาอิสลาม มีข้อห้ามเด็ดขาดเรื่องรูปเคารพ และสิ่งใดก็ตามที่จะบ่งความเป็นตัวแทนพระเป็นเจ้าตรงๆ เพราะจะนำพาไปในนัยที่ว่าจะตั้งภาคีและหมิ่นพระเป็นเจ้า
    เหตุนี้ ศาสนาอิสลามจึงไม่มีเครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ใดๆ ที่เป็นสิ่งแทนศาสนาอิสลามแบบเจาะจงและชี้ตรงถึงพระเป็นเจ้า
    ดังนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ ที่ศาสดาศาสนาอิสลามจะบัญญัติสัญลักษณ์อะไรมาส่อแสดงตามลัทธินี้กล่าวอ้างได้เลย ที่เป็นรูปพระจันทร์กับดาว เพราะบรรดาแม่ทัพมุสลิมต่างสรรหาสัญลักษณ์ไว้บนธงรบเพื่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างรบพุ่งกับศัตรู, แม่ทัพมุสลิมบางคนก็ใช้ธงสีเขียวเป็นสัญลักษณ์บ้าง, บางคนก็ใช้สีสันต่างๆ กันออกไป

    แต่มีแม่ทัพอยู่คนหนึ่งให้ตัวอักษรภาษาอฺรับว่า " ن " คือ อักษรนูน ซึ่งหมายถึง รัศมี คำเต็มคือ " نور " อ่านว่า นูรฺ, โดยถือเป็นคำย่อของ " نورالله " อ่านว่า นูรุลลอฮ์ แปลว่า รัศมีของอัลลอฮ์, ภายหลังที่ใช้ตัวอักษรอาหรับว่า " ن " ภายหลังจากนั้น มุสลิมหลายคนพากันพิจารณาคำว่า " ن " มาใช้เพื่อระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า
    ซึ่งเส้นโค้งของตัวอักษร "นูน"คล้ายกับจันทร์เสี้ยว และจุดที่อยู่ตรงกลางคล้ายกับดวงดาว,

    มุสลิมในรุ่นหลังๆ ก็ออกแบบจากตัวอักษรนูนให้กลายมาเป็นดวงดาวที่ถูกวางไว้ช่วงส่วนโค้งของจันทร์เสี้ยวตราบจนปัจจุบันนี้, ข้างต้นเป็นตำนานหนึ่งที่กล่าวถึงที่มาของสัญลักษณ์ดาวเดือน ไม่ใช่ที่ชี้จุดญาณทวารตามลัทธินี้อ้างเลยแต่อย่างใด และเกิดมาด้วยมุสลิมยุคหลังได้สร้างขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่ของที่พระศาสดาศาสนานี้บัญญัติชี้จุดไว้ตามอ้างแต่อย่างใด

    (๔.) แจกันและกิ่งหลิวเจ้าแม่กวนอิม จะเป็นรูปกิ่งหลิวแยกเป็นสองแฉกออกไปสองข้าง หากวาดรูปตรงแจกกันจะเป็นจมูก กิ่งหลิวเป็นคิ้วจากนั้นวาดตาใส่ใต้กิ่งหลิว จะเป็นรูปหน้าคนพอดี โดยกล่าวว่าเจ้าแม่กวนอิมต้องบำเพ็ญจนน้ำเต็มแจกันจึงบรรลลุธรรม หากวาดรูปเสร็จปากแจกันที่น้ำเต็มจะตรงกับดั้งจมูกพอดี

    ขอชี้แจงความมั่วนี้ว่า >> ส่วนนี้เป็นความพยายามที่สุดที่จะลากพระกวนอิมโพธิสัตว์ให้มาเกี่ยวข้อง กิ่งหลิวตามจริงไม่จำเพาะว่าต้องแยกเป็นสองแฉกจากแจกันเลย และคติที่มีแจกัน เป็นคติที่เกิดจากจีน ที่พระกวนอิมโพธิสัตว์ถูกนำไปแปลงตามเรื่องเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน ซึ่งพระกวนอิม หรือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จากต้นฉบับที่อินเดีย หรือส่วนอื่นๆ ที่มีหรือเคยมีพุทธศาสนามหายาน เช่น ที่ทิเบต ชวา กัมพูชา เนปาล ...หรือแม้ในไทยยุคมหายานโบราณ เช่น สมัยศรีวิชัย ศรีเทพ ทวารวดี จัมปาศรี ฯลฯ ก็ไม่ปรากฏว่าพระโพธิสัตว์จะมีแจกันใส่กิ่งหลิวถือไว้เลย เพราะคติดังกล่าวเป็นของเกิดในจีน และเป็นความคิดไปเอง ที่พยายามดึงพระกวนอิมที่มีคนศรัทธามาก ให้มาเป็นหมากอีกตัวที่ลัทธิใช้หากิน

    (๕.) บางกรณีมีการยกรูปน้ำเต้าที่เซียนทิไกวลี้ถือหรือสะพายอยู่ด้วย โดยอธิบายความทำนองอย่างเดียวกับแจกันของพระโพธิสัตว์กวนอิม

    อธิบาย : เรื่องนี้คติคล้ายพระกวนอิม แต่ไม่แพร่หลายเท่าเรื่องแจกัน เพราะจำนวนผู้ศรัทธาต่างกับพระกวนอิมอยู่มาก แต่ก็ยกมาไว้บ้างเพื่อให้ประกอบแนคิดให้ดูมีปริมาณสัญลักษณ์มากๆ เข้า จะได้น่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งตามความจริง ล้วนแต่เป็นของเกิดจากจนตนาการ ที่พยายามสร้างความชอบธรรมให้จุดญาณทวารมีที่มารองรับ แม้ต้องเอาจินตนาการไปสรรหาสารพัดเหตุผลมาอ้างก็ตาม


    (๖) สัญลักษณ์แห่งเต๋า สัญลักษณ์ หยิน หยาง
    สัญลักษณ์นี้ก็ถูกดึงไปตีความมั่ว ๆ ว่าคือ จุดญาณทวาร ซึ่งมั่วทั้งเพ

    ความหมายที่แท้จริงของสัญลักษณ์ หยิน หยาง >>
    ยิน (陰 yīn) คือพลังลบ มีลักษณะสีดำ เป็นพลังเพศหญิง พบในทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ความหนาวเย็น ความมืด อ่อนนุ่ม ชื้นแฉะ ลึกลับ และเปลี่ยนแปลง เช่น เงามืด น้ำ ฯลฯ
    หยาง (陽 yáng) คือพลังบวกมีลักษณะสีแดง เป็นพลังเพศชาย พบในทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ความอบอุ่น สว่างไสว มั่นคง สดใส เช่น ดวงอาทิตย์ ไฟ ฯลฯ
    เอกภพเกิดขึ้นโดยมียินและหยาง จากการปะทะกันของสองสิ่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็อุบัติขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างมีพลังทั้งสองนี้ทั้งนั้น บางครั้งยินอาจมีพลังแข็งแรง แต่บางครั้ง หยาง ก็มีพลังมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น ท่อนไม้ ตามปกติเป็นยิน แต่เมื่อโยนเข้าไปในกองไฟ ก็เปลี่ยนรูปเป็นหยางไป ในชีวิตยินและหยางก่อให้เกิดความล้มเหลวและความสำเร็จ เป็นต้น เช่นเดียวกัน หยางและยินไม่ใช่เป็นตัวแทนของความดีและความชั่ว แต่ทั้งสองนี้มีความจำเป็นต่อกฎเกณฑ์และระเบียบของเอกภพ ทั้งสองนี้ไม่ใช่อยู่ในภาวะปะทะกันตลอดเวลา แต่ยามใดมีความสามัคคีกัน ทั้งสองอย่างนี้ก็เป็นสิ่งดีด้วยกัน



    นี่เป็นการบิดเบือนแต่ศาสนาโดยการดึงเอาแต่ละศาสนามาเป็นหมากเดินเท่านั้น สร้างคำสอนขึ้นมาใหม่และทำลายคำสอนเดิม ขอให้ชาวอนุตตรธรรมกลับไปศึกษาจากต้นฉบับให้ดี ดีกว่าจะมาตีความมั่วทำลายพระศาสนแบบนี้

    สัญลักษณ์ของแต่ละศาสนานั้นมีประวัติศาสตร์ที่ชัดเจน ไม่เกี่ยวกับ จุดญาณทวาร ที่ลัทธิอนุตตรธรรมอุปโลกว่าเป็นประตูนิพพาน แต่อย่างใด
    แต่ดูเหมือนว่า ลัทธินี้ต้องการที่จะเขียนประวัติศาสตร์ใหม่แบบมั่ว ๆ และทำลายพระธรรมคำสอนของแต่ละศาสนามาตลอด


    อนุตตรธรรมกับความจริงที่จำเป็นต้องรู้http://palungjit.org/threads/อนุตตรธรรม-กับความจริงที่จำเป็นต้องรู้.354445/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2013
  15. iaui

    iaui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +454
    ว่าแล้วตีโค้งเข้าลัทธินี้ เปิดตัวอลังการมาก หึหึหึ
     
  16. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ความต้องการเป็นใหญ่นี่ที่สุดของมนุษย์หละ
     
  17. meephoo

    meephoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +2,133
    ข้าพเจ้าเกิดมามีโชคอันมหาศาล ที่ได้พบกับพุทธศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า พระปัจเจกกพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์
    โมทนาสาธุ
    ขอให้มีเมตตาและเจริญในธรรม
    ข้าพเจ้าเกิดมาต้องตาย ชีวิตไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
     
  18. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    เจ้าสำนักผู้น่าสงสาร กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ถอยก็ไม่ได้......
    หากมีแต่ศรัทธา ไร้ปัญญา รู้จริงแท้ มักไม่รอดจากวังวนนี้.
     
  19. อริยะบุคคล

    อริยะบุคคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +476
    อนุตรธรรมเป็นมิจฉาทิฐิแท้ๆ สงสารผู้ที่ถูกหลอกเพราะคนเราชอบอะไรง่ายๆแต่หวังในสิ่งที่สูงเช่นซื้อหวยหวังรวยไม่ทำงาน ใส่บาตรชุดละ 20 โดยมีแม่ค้าหนุนหลังพระอยู่ ในสมัยพุทธกาลก็มีพระเทวทัตที่พยายามบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน สมัยนี้ก็มีหลายสำนัก หลายลัทธิที่ทำเช่นนั้น พวกที่รู้ธรรมแล้วก็คิดซะว่ามันเป็นกรรมของสมาชิกอนุตรธรรมแล้วกันแต่อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้สวรรค์สมบัติไม่ใช่นิพพานอย่างที่เข้าใจ
     
  20. iaui

    iaui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +454
    คุณจะตีโค้งเข้าหา ลัทธิมารอนุตตรธรรมก็บอกตรงๆอย่าทำเป็นเหมือนหนังจีน หลอกล่อให้อยากรู้ อีกอย่างอย่าเอามหายานมาเกี่ยวข้องเหอะ คนไม่รู้เค้าจะสับสน
     

แชร์หน้านี้

Loading...