นี่คือเรื่องจริง อยากให้อ่านจนจบครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 8 มีนาคม 2013.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน
    แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ
    ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี
    วันหนึ่งฉันขโมย
    เงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ
    ของฉันมีกัน
    จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง
    พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง
    โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน
    'ใครขโมยเงินไป' พ่อตวาด
    ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน
    พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า
    'ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ'
    พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น
    ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า
    'ผมขโมยเองครับ'
    ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง
    พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด
    จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย
    พ่อนั่งลงบนเก้าอี้
    และด่าว่าน้องชายของฉัน
    ' ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก
    แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย'
    คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้
    หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
    แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย
    กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก
    น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า
    ' พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว'
    ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้
    ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ

    หลายปีผ่านไป
    แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง
    ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย
    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี...
    เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น
    เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน
    ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย
    ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน
    คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน
    ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า
    ' ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ'
    แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า
    'แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน'
    ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า
    ' ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว'
    พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่
    'ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้
    ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน
    พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้'
    คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ
    ทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน
    ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ
    ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า
    ' ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้'
    แต่ในขณะเดียวกัน
    ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้
    ใครจะรู้ได้ .......

    วันต่อมาในตอนเช้ามืด
    น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น
    และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว
    ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน
    ขณะฉันกำลังหลับ
    ' พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....
    ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่'
    ฉันนั่งอยู่บนเตียง
    อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า .......
    ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป
    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี .....
    ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน
    รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น
    กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ .......
    ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3
    วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก
    เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า
    'มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ'
    ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???
    ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่
    ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง
    ...
    ฉันถามเขาว่า
    'ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ'
    น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า
    'ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ
    ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี'
    ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง
    และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ
    ' พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง
    เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม'
    จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
    เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน
    แล้วพูดว่า
    'ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง'
    ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด
    ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน
    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .
    วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก
    ฉันสังเกตเห็นว่า
    หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว
    เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก
    หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า
    'แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก
    เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ'
    แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า
    ' แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก
    วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน
    ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ
    น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ'
    ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา
    ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ
    ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด 'เจ็บมากไหม'
    ฉันถาม
    'ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ
    มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด
    แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ
    และ...'
    น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด
    เพราะฉันหันหน้าหนีเขา
    น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง
    'เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ'
    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...
    หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
    หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...
    แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ
    ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง
    แต่เมื่อออกไปแล้ว
    ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี
    จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม
    น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...
    เขาบอกกับฉันว่า

    'พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง'
    สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของ ครอบครัว
    เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
    ...
    แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้
    เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

    วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล
    และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด
    เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล
    ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
    น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา
    ... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า
    ' ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!
    ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้
    ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง'
    คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด
    ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา
    'พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน
    ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ
    คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด'
    น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .....
    ฉันบอกกับน้องว่า
    'แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่...'
    'ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ'
    น้องชายของฉันจับมือฉันไว้
    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...

    เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี
    เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน
    ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
    ' ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้'
    น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล 'พี่สาวของผมครับ' .....
    และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้
    'ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง
    เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม.
    เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน
    วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง
    พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง
    และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล
    เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
    เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ .......นับจากวันนั้น
    ผมสาบานกับตัวเอง
    ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี
    และจะทำดีกับเธอ'
    เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว
    สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน
    คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก .......
    'ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ'
    ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้
    น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...
    จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ
    วันในชีวิตของคุณและเขา
    คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ
    แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง
    .. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ

    พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

    หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม


    จบบริบูรณ์....


    ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท

    น้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า

    'ซัมซุง'


    ประธานอี บย็อง-ช็อล
    เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทซัมซุงบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศเกาหลีใต้ อี บย็อง-ช็อล เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2453ในจังหวัดอึย-เรียง มนฑลคยองซังนัมอี ได้ก่อตั้งบริษัทการค้าซัมซุงขึ้นในปี พ.ศ. 2481 ในเมืองแทกู หลังจากนั้นก็ได้ก่อตั้งบรัษัทซัมซุงโปรดักส์ บริษัทสิ่งทอ และ บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดระยะเวลาที่เค้าได้ทำคุณประโยชน์นานับประการให้กับประเทศเกาหลีใต้ เขาจึงกลายเป็นต้นแบบทีมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อแวดวงธุรกิจในยุคสมัยนั้น ในปี พ.ศ. 2504 เขาได้รับการเสนอชื่อและได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมนักธุรกิจ นี้เป็นเรื่องราวคร่าวๆ ของผู้เคยเป็นคนบริหารSamsung
     
  2. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ยาวไปไม่อ่าน = ='
     
  3. nai_Prathom

    nai_Prathom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    ทั้งสองคนก่อตั้งได้แค่บริษัทเล็กมากๆ
    สู้บริษัทคนไทยไม่ได้หรอก ทำอะไรนิหน่อย
    ก็เอาหุ้นไอพีโอไปปล่อยในตลาดหลักทรัพย์แล้วก็ปั่นๆจนรวย ง่ายกว่าเยอะ
     
  4. Aiyarath

    Aiyarath Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +74
    ขออนุโมทนาบุญ กับการนำเรื่องเล่าดีๆ มาเขียนมาพิมพ์ให้อ่านค่ะ
    คิดดี ทำดี พูดดี เขียนดี
    จิตใจย่อมหันไปทางสว่างแห่งธรรม เพื่อบำรุงตน
     
  5. HappyLucky

    HappyLucky สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +6
    ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่นำทาให้อ่าน ขอแรงบันดาลใจจงกลับไปสู่คุณเช่นกัน
     
  6. The Meta

    The Meta สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +19
    นี่คือเหตุผล ที่ไม่ใช้ iphone ขอสนุบสนุน samsung
     
  7. maxgatod

    maxgatod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +228
    very good I love to read them.
     
  8. webang906

    webang906 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +1,759
    ซึ้งจุงเบย จะดีกว่านี้ถ้าไม่เอาเรื่องไปผูกกะซัมซุง


    Lee Byung-chull (February 12, 1910 in Uiryeong, Gyeongsangnam-do – November 19, 1987 in Seoul) was the founder of the Samsung Group and one of South Korea's most successful businessmen. With the breakup of the Hyundai chaebol, Samsung is now South Korea's largest business group[1]

    Life

    He was the son of a wealthy landowning family (a branch of the Gyeongju Lee clan). He attended college at Waseda University in Tokyo, but he did not complete his degree. Upon the early death of his father, he used his inheritance to open a rice mill in his home town of Kyungnam.
    Lee Byung-chul - Wikipedia, the free encyclopedia

    Samsung was typical in this regard. Its founder, Lee Byung-chull, was born into a landlords’ family. He would briefly study at Waseda University in Japan but didn’t graduate and came back home where he was involved with a number of family business ventures.

    (10) Lee Byung-chull: founder of Samsung Group


    ปู่Lee Byung-chullท่านเกิดในตระกูลมีฐานะ ไม่ได้รันทดเหมือนในเรื่อง ยังได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่โตเกียวด้วยแต่ไม่จบ กลับมาก็มาช่วยธุรกิจของที่บ้าน แล้วท่านก็เสียไปตอนอายุประมาณ77ปี ในเรื่องอายุตั้ง83
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2013
  9. แก้วกาสี

    แก้วกาสี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +28
    อ่านแล้วซาบซึ้งใจค่ะ ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันนะคะ
     
  10. nai_Prathom

    nai_Prathom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    เรื่องนี้มีข้อที่น่าสังเกตคือ

    1.Lee Byung Chull ผู้ก่อตั้งSamsung มีพื้นเพครอบครัวที่ร่ำรวย

    2.Lee เรียนที่มหาวิทยาลัยWaseda ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น แม้จะเรียนไม่จบแต่นี่ก็สะท้อนพื้นเพฐานะของครอบครัวตระกูลLee

    3.Lee เกิดเมื่อปี 1910 และเสียชีวิตในปี 1987 เขามีอายุ 77ปี

    "Pursuit of logic and reality"
    Business Philosophy of Lee Byung-chull
    นี่คือหนึ่งในหลักการทำธุรกิจของLee ผมคิดว่า แทนที่เราจะเชื่ออะไรอย่างลอยๆไม่มีที่มาที่ไป ไร้เหตุไร้ผล ลองสืบเสาะหาความจริงสักหน่อยจะดีกว่ามั้ย
     
  11. nai_Prathom

    nai_Prathom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    นี่คือผู้บริหารของHyundai ไม่ทราบว่าพี่สาวLee Byung Chull คือใคร
    ทำไมไม่มีการเอ่ยชื่อเสียงเรียงนามให้ชัดเจน

    Chairman & CEO, CHUNG Mong-Hyuck
    President & CEO, Kim Young-Nam
    Outside Director, Lee Won-Heom
    Outside Director,Lee Keun-Byung
    Auditor,Kim Yu-Beom
     
  12. nai_Prathom

    nai_Prathom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    ปัจจุบันญาติพี่น้องและลูกๆของLee Byung Chull
    กำลังทะเลาะเบาะแว้งเรื่องทรัพย์สินจำนวนมหาศาลในบริษัทSamsung
    เรื่องราวในโลกของความเป็นจริงนั้นไม่สวยงามเหมือนดังในนิยายเลย
    ถ้าจะเหมือนก็เหมือนนิยายน้ำเน่าหรือ Soap Opera

    http://www.nytimes.com/2012/04/25/b...-a-korean-soap-opera.html?pagewanted=all&_r=0
     
  13. banfh

    banfh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +144
    ตัวละครในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นใคร เรื่องจริงหรือว่านิทาน ข้าน้อยขอชมเชยและชื่นชมอย่างยิ่งโดยเฉพาะตัวน้องชาย.. สุดยอด...
     
  14. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    บอกว่ายาวไปไม่อ่านก็ผิดอีก 555 ไม่เห็นด้วยเต็มเลย เก๋าขอโทษ อ่านๆก็อ่าน ><'
     
  15. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    แล้วเรื่องตอนทำงานในบริษัทไม่กล่าวถึงบ้างเลย จบห้วนๆ
    ถ้าเป็นเรื่องจริงๆนี่ขอนับถือ ซึ้งจริงๆ
     
  16. ดินหอม

    ดินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +187
    พ่อโรคจิต ซาดิสผิดมนุษย์..
     

แชร์หน้านี้

Loading...